Friday, 11 July 2025
SPECIAL

ยะลา - นายอำเภอเบตงให้กำลังใจประชาชนเข้ารับวัคซีน โควิดเพื่อเสริมภูมิต้านทานหมู่ฉีดครบ 70% ตุลาคมนี้ พร้อมเปิดเมืองเบตงทันที

นายอำเภอเบตงให้กำลังใจประชาชนเข้ารับวัคซีน โควิด-19 เพื่อเสริมภูมิต้านทานหมู่เพื่อเบตงรวมใจสู้ไปด้วยกันและขอให้ทุกคนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้ 70% ภายในเดือนตุลาคมนี้ พร้อมเปิดเมืองเบตงทันที

เมื่อวันที่ 8 กรกรฎาคม 2564 ที่ โรงพยาบาลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา นายเอก ยังอภัย ณสงขลา นายอำเภอเบตง พร้อมด้วยนางมุกดา ยังอภัย ณ สงขลา นายกกิ่งกาชาดอำเภอเบตง ร่วมมาให้กำลังใจประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZenecaX)และวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) เพื่อสร้างความมั่นใจ ด้านความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ซึ่งภายหลังจากรับฉีดวัคซีนแล้วเจ้าหน้าที่จะให้มีการนั่งพักเพื่อดูอาการ 30 นาที ตามมาตรการสาธารณสุขที่กำหนดไว้ โดยประชาชนในวันนี้ที่มาลงทะเบียนฉีดจำนวน 11,00 รายยังไม่พบอาการข้างเคียงหรืออาการผิดปกติแต่อย่างใด

นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง ยังกล่าวอีกว่า จากความร่วมมือในมาตรการเฝ้าระวังป้องกันที่ผ่านมาถือว่าเป็นความร่วมมือของหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ซึ่งได้มีการควบคุมดูแลพร้อมปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังกันอย่างจริงจัง จนทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 ชุมชน และ 3 หมู่บ้าน เข้าสู่ภาวะปกติชาวบ้านกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ

ภายใต้เงื่อนไข ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยที่ผ่านมาทุกภาคส่วนต่างให้ความร่วมมือที่จะปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันของจังหวัด จนทำให้มีจำนวนผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อวานนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม แต่ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขก็จะยังคงมีการติดตามกลุ่มคนผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อต่อไป โดยจะมีการวัดไข้ และสังเกตอาการต่อเนื่องไปอีก 14 วัน เป็นอย่างน้อย นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 หลงเหลืออยู่นอกจากนี้นายอำเภอเบตงได้ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมมือกันเพื่อ เบตงรวมพลัง ปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T-A. อย่างเคร่งครัด

และร่วมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้ 70% ภายในเดือนตุลาคมนี้ จะสามารถเปิดเมืองเบตงให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่งได้ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ซึ่งในการฉีดวัคซีนก็เพื่อตัวเราเอง เพื่อครอบครัว เพื่อชุมชนที่เราอยู่ และ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในการป้องกันโควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้จะได้หมดไปจากพื้นที่จังหวัดยะลาของเราและขอเชิญชวนประชาชนในทุกกลุ่ม ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนโควิด19 โดยสามารถลงทะเบียนได้ตามช่องทางที่สะดวก ทั้ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล แจ้งกับ อสม.ในชุมชน และ แอพพลิเคชั่นไลน์ หมอพร้อม หรือ สแกน QR โค้ท ของจังหวัดยะลา 


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

กระบี่ - กฟผ. มอบเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ สนับสนุนการปฏิบัติงานป้องการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของจังหวัดกระบี่

วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 คณะผู้บริหาร กฟผ. กระบี่ นำโดยนายธันยบูรณ์ สกลกิติวัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าภาคใต้ เป็นตัวแทนหน่วยงาน มอบเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่จังหวัดกระบี่ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์

รวมทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบที่ต้องเข้ารับการรักษา ประกอบด้วย ถุงมือ 1,500 ชิ้น , เสื้อกาวน์  1,000 ชุด , หน้ากาก N95  250 ชิ้น , ผ้าห่ม 30 ผืน , หน้ากาก Medical mask 10,000 ชิ้น , gift set 10 ชุด , หน้ากาก 3M 100 ชิ้น , ชุด PPE 100 ชุด , เจลแอลกอฮอล์ขนาด 5 ลิตร 6 แกลลอน และเจลแอลกอฮอล์ขนาด 450 มล. 30 ขวด โดยมีนายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นผู้รับมอบ ณ ศาลากลางจังหวัดกระบี่


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

ขอนแก่น - พร้อมรับคนบ้านเดียวกันกลับภูมิลำเนาเข้ารักษาตัว เปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ให้บริการตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 8 ก.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่โรงพยาบาลสนามขอนแก่นแห่งที่ 2 (พุทธมณฑลอีสาน) ถนนเลี่ยงเมืองขอนแก่น-กาฬสินธุ์ บ.เต่านอ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2564 โดยมีนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายพงษ์ศักดิ์  ตั้งวานิชกพงษ์ นายก อบจ.ขอนแก่น นางพัฒนาวดี วิริยปิยะ ปลัด อบจ.ขอนแก่น และ นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น นายแพทย์วีระศักดิ์ อนุตรอังกูร ผอ.รพ.สิรินธร ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม จ.ขอนแก่น 2 เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ตามแผนบริหารจัดการด้านสาธารณสุขตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่นกำหนด

นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ นายก อบจ.ขอนแก่น กล่าวว่า เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อในจังหวัดขอนแก่นได้มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่นจึงมีมติเปิดใช้โรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 2 เพื่อรองรับผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น โดยโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ อยู่ในความรับผิดชอบของ รพ.สิรินธร ที่ได้เริ่มรับผู้ป่วยที่มีภูมิลำเนา ในเขต จ.ขอนแก่น เข้ารับการรักษาและดูอาการ ตามแผนระบบการส่งต่อผู้ป่วยของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 2564 เป็นต้นมา ซึ่ง อบจ.ขอนแก่น ได้จัดเตรียมอาหาร 3 มื้อต่อวัน ให้กับผู้ป่วย การจัดสถานที่ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด เตรียมสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมไปถึงอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ในด้านต่าง ๆ 

โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2  ที่ พุทธมณฑลอีสาน แห่งนี้ มีเตียงรองรับผู้ป่วยรวมจำนวน 110 เตียง แยกเป็นชาย 32 เตียง หญิง 78 เตียง ขณะนี้มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจำนวน 37 ราย ชาย 17 ราย หญิง 20 ราย คงเหลือจำนวนเตียงว่าง 61 เตียง ชาย 13 เตียง หญิง 58 เตียง โดยการดำเนินงานด้านการแพทย์นั้น รพ.สิรินธร ได้จัดกำลังบุคลากรทางการแพทย์มาปฎิบัติงานตลอดทั้ง 24 ชม. อบจ.ขอนแก่นได้จัดทีม รปภ. รักษาความปลอดภัย 24 ชม. และมอบหมายเจ้าหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานของทางจังหวัดและกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบ อย่างไรก็ดี สำหรับชาวขอนแก่นที่ต้องการกลับบ้านเพื่อมารักษาตัว

จากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นสามารถประสานงานมาได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หมายเลขโทรศัพท์  082-2839170 หรือพูดคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรงผ่านระบบไลน์ ประสานโควิดขอนแก่น ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ประสานงานเพื่อสอบถามข้อมูลและจัดระบบการส่งต่อผู้ป่วยตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด รวมไปถึงการประสานงานร่วมกับคนในครอบครัวเพื่อที่จะประสานการส่งต่อผู้ป่วยที่ถูกต้อง รัดกุม และลดการแพร่กระจายของเชื้อและให้คนบ้านเดียวกันได้กลับมารักษาอาการที่บ้านได้อย่างปลอดภัย

นรข.นครพนม สนธิกำลังหน่วยงานความมั่นคง ตรวจยึดไม้พะยูง 32 ท่อน เตรียมลงเรือส่งข้ามโขง

สโมสรนายทหารสัญญาบัตร หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง น.อ.เสริมศักดิ์ บุญทา หัวหน้ายุทธการและข่าว หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม น.ท.วรภัทร แสงสุวรรณ หน.สถานีเรือนครพนม น.ท.บุญเชิด กุลอำภา หน.สถานีเรือบ้านแพง ร่วมแถลงว่า

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 พล.ร.ต.จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผบ.นรข. ได้รับแจ้งจากชาวบ้านผู้หวังดีในพื้นที่ ว่าจะมีการลักลอบไม้พะยูงนำออกนอกราชอาณาจักรบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านพนอมเหนือ ม.5 ต.พนอม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จึงได้สั่งการให้ น.อ.ฤทธิ์ นาทวงศ์ ผบ.นรข.เขตนครพนมทราบ และให้ น.ท.วรภัทร แสงสุวรรณ หัวหน้าสถานีเรือนครพนม จัดชุดลาดตระเวนทางบก ร่วมบูรณาการกับชุดลาดตระเวน สน.เรือบ้านแพง เข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับแจ้ง

จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.08 น. ชุด ลาดตระเวน สน.เรือนครพนม ได้ใช้กล้องส่องกลางคืน ตรวจพบชายฉกรรจ์ประมาณ 5 คน กำลังลำเลียงไม้พะยูงลงเรือ ที่จอดไว้บริเวณที่เกิดเหตุ จึงแจ้งชุดลาดตระเวน สน.เรือบ้านแพง พร้อมกับแสดงตนเข้าจับกุม เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์เห็นเจ้าหน้าที่ฯ แสดงตน จึงได้ทิ้งของกลางหลบหนีไปชุดลาดตระเวนได้วิ่งตามกลุ่มชายฉกรรจ์ไปเห็นผู้ต้องหากำลังจะติดเครื่องเรือเพื่อหลบหนี

ชุดลาดตระเวนสามารถควบคุมตัวได้ จำนวน 1 คน สอบถามเบื้องต้นทราบชื่อ คือ ท้าวเพ็ง อานุลัก อายุ 47 ปี เป็นชาว สปป.ลาว บ้านกะวะเหนือ เมืองหินบูน แขวงคำม่วน สปป.ลาว ตรวจพบไม้พะยูงอยู่บนเรือ จำนวน 11 ท่อน อยู่บนรถบรรทุกขนาดเล็ก ยี่ห้อ นิสสัน สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 21 ท่อน รวมทั้งสิ้น 32 ท่อน ปริมาตร 1.054 ลบ.เมตร มูลค่า 500,000 บาท จึงได้นำของกลางทั้งหมดมาตรวจสอบโดยละเอียดที่ สน.เรือนครพนม และทำบันทึกการตรวจยึด/จับกุม พร้อมทั้งนำผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่ง สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

ตำรวจไซเบอร์ 1 แจ้งความดำเนินคดีกับพริตตี้สาวและแฟนหนุ่ม โปรโมทเว็บพนันออนไลน์

ตามนโยบายคุมเข้มพนันออนไลน์บอลยูโร 2021 และโคปาอาเมริกา 2021 หรือฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้  รวมถึงนโยบายให้มีการปราบปรามการโฆษณาเชิญชวนให้เล่นทายผลฟุตบอลและพนันออนไลน์ ของ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.กระทรวง DES และ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี,  พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผบก.สอท.1 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการกองวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1  

โดย พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 พ.ต.ท.จักร ถนัดอักษา รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครืองมื่อพิเศษ สอท.1, พ.ต.ท.ศุภรฐ โชติจำหงษ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ , พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ คัมภีระ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ 1, พ.ต.ต.นันทพงษ์ ภูนพทอง สว.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.ชาตรี  เขียวงาม สว.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.เอกชัย  ปราบหงส์ สว.วิเคราะห์ข่าวฯ  ให้ทำการสืบสวนหาข่าวผู้กระทำความผิดในลักษณะชักชวนให้เล่นพนันออนไลน์ในสื่อสังคมออนไลน์

พบผู้บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กเพจ “สมใจอยาก Som Jai Yak” ได้โพสต์วิดีโอ มีลักษณะเป็นเว็บไซต์ชักชวนการเล่นพนันเอาทรัพย์สินกันผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จากการสืบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้กระทำความผิดมี 2 ราย คือนายปัญญากร ชัยพนัส อายุ 24 ปี ที่อยู่ 56/1 หมู่ที่ 4 ต.โคกสลุง อ.พัฒนานิคม จว.ลพบุรี และน.ส. พงธนิตย์ วงษ์ไล่ติ๊ด อายุ 28 ปีที่อยู่ 145/109 หมู่ที่1 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี

เมื่อวันที่ 8 ก.ค.64 เวลา ประมาณ 11.00 น. ได้มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในลักษณะ “โฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันออนไลน์ โดยไม่ได้รับอนุญาต จากการให้ปากคำของผู้ต้องทราบว่าช่วงนี้ พริตตี้ตกงาน ช่วงโควิดรอบแรก เลยเริ่มทำสื่อออนไลน์รีวิวสินค้า รีวิวท่องเที่ยว ต่อมามีคนจ้างให้โฆษณาชักชวนให้เข้าเล่นเว็บพนัน โดยคลิปละไม่เกิน 30 วินาที โดยได้ค่าโฆษณาคลิปละ 3,000 บาท และได้นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางเขนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป  

ฝากเตือนไปยังผู้ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียโฆษณาให้ประชาชนเข้าไปเล่นการพนัน ไม่ว่าจะเป็นพริตตี้ คอลัมนิสต์ หรืออินฟูลเรนเซอร์ หากพบว่าเข้าข่ายเชิญชวนให้เล่นการพนัน ถือว่ามีความผิดอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

วิชาดาราศาสตร์: เรื่อง ระบบสุริยะ

THE STUDY TIMES X DekThai Online

.

????วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม

วิชาดาราศาสตร์: เรื่อง ระบบสุริยะ

โดย คุณน้ำหวาน ภิรมณ กำเนิดมณี

นักเรียนทุน พสวท. (ฟิสิกส์) ปริญญาตรี-ปริญญาเอก สหรัฐอเมริกา

#สอนวิชาฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ เตรียมเข้าม.4

#DekThaiOnline

https://dekthai-online.com/instructor/P'NAMWAN

.

.

ตร.เตือน !! ซื้อสินค้าออนไลน์ ควรตรวจสอบให้ดี ก่อนโดนเพจปลอมส่งสินค้าไม่ได้คุณภาพมาแทน

เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์  ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) บุกทลายโกดังสินค้าแห่งหนึ่งย่านราษฎร์บูรณะโดยได้ตรวจยึดเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภท เตารีด พัดลม ไมโครเวฟ ที่ไม่มีคุณภาพกว่า 3,000 ชิ้น ซึ่งพบว่าใช้วิธีการแอบอ้างหลอกลวงผู้บริโภคผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะเฟซบุ๊กเพราะเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยม ประชาชนเข้าถึงง่ายและมีการใช้งานเป็นจำนวนมาก โดยจะใช้วิธีลงประกาศโฆษณาสินค้าแบรนด์ดังเป็นยี่ห้อที่มีคุณภาพและเป็นที่รู้จัก แต่นำมาจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาดมาก ทำให้ประชาชนตัดสินใจซื้อโดยไม่ทันได้ตรวจสอบข้อมูลร้านค้า โดยหากต้องการซื้อสินค้าจะให้กรอกชื่อที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ จากนั้นจะจัดส่งสินค้าให้กับผู้สั่งซื้อแบบเรียกเก็บเงินปลายทาง ส่วนใหญ่ช่วงที่สินค้ามาส่ง จะเป็นช่วงเวลากลางวัน คนที่รับสินค้าอาจเป็นผู้สูงอายุ หรือ ญาติ เป็นผู้รับสินค้าแทน

แต่ปรากฎว่า เมื่อผู้สั่งสินค้า มาเปิดดูสินค้าภายหลัง จะพบว่าเป็นสินค้าที่ไม่ตรงตามที่โฆษณา หรือที่เรียกว่า “ไม่ตรงปก” ตั้งแต่ยี่ห้อก็ไม่ใช่ ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่ไม่มีคุณภาพ ไม่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)

เมื่อผู้สั่งซื้อไม่พอใจจะเรียกร้องหรือส่งคืนสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพทำได้อย่างยากลำบาก ไม่สามารถติดต่อผู้ขายได้ หรือหากติดต่อได้ก็จะมีขั้นตอนมากทำให้เสียเวลา จนผู้สั่งซื้อท้อใจเลิกไปเอง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ในกรณีดังกล่าว จึงขอประชาสัมพันธ์ ให้ใช้วิจารณญาณในการสั่งซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลร้านค้าก่อนสั่งซื้อสินค้า ดังนี้

1.หลีกเลี่ยงร้านค้าที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะชื่อร้านค้าในสื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้พยัญชนะภาษาอังกฤษผสมคำในลักษณะอ่านเป็นคำไม่ได้ การติดต่อสอบถามจะผ่านการแชทเท่านั้นซึ่งจะใช้ระบบอัตโนมัติตอบ โดยมักจะตอบไม่ตรงคำถาม อีกทั้งจะมีการลบความคิดเห็นในแชทที่มีผลในเชิงลบกับร้านค้า ไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อกับร้านค้า หรือหากมีก็ไม่สามารถติดต่อได้

2.ควรเลือกซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือร้านค้าออนไลน์ที่มีความน่าเชื่อถือ

3.ตรวจสอบความน่าเชื่อถือจาก ข้อมูลความคิดของลูกค้าที่เคยซื้อ(รีวิว แต่ต้องระวังรีวิวจัดตั้งสนับสนุนร้านค้า)

4.ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์หรือเพจจำหน่ายสินค้า หากมีการจัดโปรโมชั่น เช่น ลด แลก แจก แถมในราคาที่อาจเกินความเป็นจริง อาจสอบถามไปยัง call center หรือ แผนกบริการสัมพันธ์ของยี่ห้อ/เจ้าของผลิตภัณฑ์ว่ามีจริงหรือไม่อย่างไร

5.ตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับร้านค้า เช่น ชื่อร้าน ชื่อผู้ขาย หมายเลขบัญชีร้านค้า ฯลฯ ทางเว็บไซต์ search engine หรือ เพจเฟซบุ๊กที่รวบรวมข้อมูลผู้ขายที่มีประวัติการโกงลูกค้า เพื่ออาจทราบถึงประวัติการโกงลูกค้า

6.เลือกซื้อสินค้าในเว็บไซต์หรือเพจขายสินค้าที่มีหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้จริง สำหรับสอบถามรายละเอียดของสินค้า หรือ ขอความช่วยเหลือกรณีสินค้าที่ซื้อมีปัญหา

7.หากตกลงรับสินค้าและชำระเงินค่าสินค้าแล้ว พบภายหลังว่าสินค้าไม่เป็นไปตามโฆษณา  หรือมีลักษณะผู้ขายมีเจตนาหลอกลวงขายสินค้า สามารถนำหลักฐาน(ข้อมูลการโฆษณาของร้านค้า,หลักฐานการสั่งซื้อ,หลักฐานการชำระเงิน,สินค้าที่ได้รับ ฯลฯ)เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจ หรือ บก.ปคบ.ได้

ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นสินค้าที่มีการขายผ่านช่องทางออนไลน์ในรูปแบบดังกล่าว หรือ มีการขายสินค้าในลักษณะหลอกลวงขายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่เป็นไปตามโฆษณาสามารถแจ้งข้อมูล ได้ที่สายด่วน บก.ปคบ. โทร. 1135 หรือผ่านทางเว็บไซต์ บก.ปคบ. www.cppd.go.th

รู้เพื่อตั้งรับ!! 5+1 รูปแบบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังวิกฤติโควิด-19

มาตรการเร่งกระจายวัคซีนโควิด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในประเทศขณะนี้ ทำให้เกิดการคาดการณ์จากหลายฝ่ายถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยที่จะกลับสู่ระดับเดิมเช่นก่อนเกิดวิกฤติ อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากประสิทธิภาพของนโยบายการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิดแล้ว ปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ นโยบายการเงิน การคลัง ที่ผ่อนปรนต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นำไปสู่การฟื้นตัวของภาคธุรกิจ และกำลังซื้อของภาคครัวเรือน ตลอดจนการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา และจีน ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้แนวโน้มการฟื้นตัวยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และคาดเดาได้ยาก 

อย่างไรก็ตาม ตามหลักเศรษฐศาสตร์ได้อธิบายถึง 5 รูปแบบ ของการฟื้นตัวหลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ได้แก่  V, U, W, Swoosh และ L-Shape ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในขณะนี้ 

ที่มา ห้องเรียนนักลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (https://www.set.or.th/set/education/knowledgedetail.do?contentId=7516&type=article)

1.) การฟื้นตัวแบบ V-Shape (V-Shape Rebound) “ลงเร็ว ฟื้นเร็ว”
เป็นรูปแบบที่ถูกคาดหวังอยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด คือ เมื่อประเทศผ่านวิกฤติซึ่งเป็นจุดที่ต่ำที่สุดไปแล้ว เศรษฐกิจจะพลิกฟื้นกลับสู่ระดับเดิมได้อย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการค้าระหว่างประเทศและรายได้จากการท่องเที่ยวที่ยังอาจไม่กลับมาฟื้นตัวในปีนี้ ดังนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในลักษณะนี้มีความเป็นไปได้ยาก

2.) การฟื้นตัวแบบ U-Shape (U-Shape Rebound) “หดตัวนาน ฟื้นตัวช้า”
เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่อาจเป็นไปได้สำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยมีรูปแบบคล้ายกับ V-Shape แต่แตกต่างตรงระยะเวลาของผลกระทบที่อาจนานกว่า ใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่า ก่อนที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะกลับเข้าสู่ระดับเดิม ทั้งนี้การออกนโยบายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ตลอดจนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญถึงระยะเวลาที่เศรษฐกิจไทยจะสามารถผ่านพ้นช่วงฐานตัว U ไปได้ช้าเร็วเพียงใด

3.) การฟื้นตัวแบบ W-Shape (W-Shape Rebound) “ฟื้นเร็ว ดิ่งลงรอบสอง”
จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด หากเกิดการระบาดในระลอกใหม่อย่างรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมได้ และรัฐบาลเลือกใช้มาตรการล็อกดาวน์ ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจมีรูปแบบ “ดับเบิ้ล ดิป” ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจหรือจุดที่ต่ำที่สุดอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น มาตรการผ่อนปรนที่ถูกใช้ในเวลาหรือสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวในรูปนี้ก็เป็นได้

4.) การฟื้นตัวแบบ Swoosh (Swoosh Rebound) “ไถลลงเร็ว ค่อยๆ ฟื้นตัว” หรือ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตามแบบ “รูปเครื่องหมายไนกี้”
เป็นการไถลลงเร็วแบบตัว V และค่อยๆ ฟื้นตัว โดยการฟื้นตัวของนี้จะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ มีลักษณะคล้ายกับเครื่องหมายถูกหางยาว ที่แสดงถึงการเติบโตอย่างเชื่องช้า แต่สุดท้ายเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาได้ก็ไปในแนวโน้มที่ดีและพุ่งขึ้นเหมือนเดิม ซึ่งเป็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตามการผ่อนปรนมาตรการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้การค้าทั้งภายในและระหว่างประเทศในช่วงแรกยังคงทำได้อย่างจำกัด

5.) การฟื้นตัวแบบ L-Shape (L-Shape Rebound) “หดตัวยาวนาน ไร้สัญญาณการฟื้นตัว” 
เป็นรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด ที่เมื่อเศรษฐกิจปรับลดลงแล้ว อัตราการขยายตัวจะไม่สามารถกระตุ้นให้กลับมาเป็นปกติเท่ากับระดับก่อนหน้าเกิดวิกฤติได้ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจซบเซาต่อเนื่องยาวนาน และไม่รู้ว่าจะกลับมาอยู่ในระดับเดิมได้หรือไม่ ดังเช่น วิกฤติโลก Great Depression ที่ใช้เวลานานกว่า 10 ปี ในการฟื้นตัว ซึ่งการฟื้นตัวในรูปแบบนี้อาจเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ และเกิดภาวะถดถอยในระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง 

นอกจากนี้ มีการกล่าวถึงรูปแบบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอีกรูปแบบหนึ่งเพิ่มเติม คือ รูปแบบ K-Shaped หรือ ตัวอักษร K ซึ่งแสดงถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกลับสู่ระดับเดิมได้และขยายตัวต่อเนื่องในบางกลุ่ม (แทนหางของตัว K ที่ชี้ขึ้นไปข้างบน) ขณะเดียวกันสำหรับบางกลุ่มอาจยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ และยังคงเผชิญกับภาวะตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ (แทนหางของตัว K ที่ชี้ลงมาด้านล่าง)

ที่มา : บทความการฟื้นตัวแบบรูปตัว K ของเศรษฐกิจไทย: ในวิกฤตยังมีโอกาส ธนาคารแห่งประเทศไทย (https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_31May2021.aspx)

อย่างไรก็ตาม แสงสว่างปลายอุโมงที่อาจเริ่มมองเห็นได้ในขณะนี้ คงเป็นความหวังของทุกคนที่จะร่วมใจผ่านพ้นวิกฤติโควิดของประเทศในครั้งนี้ไปด้วยกัน

เขียนโดย อาจารย์ กมลวรรณ รอดหริ่ง อาจารย์ประจำสาขาการเงิน คณะการจัดการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยบูรพา


ข้อมูลอ้างอิง
https://www.set.or.th/set/education/knowledgedetail.do?contentId=7516&type=article
https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_31May2021.aspx
https://www.prachachat.net/public-relations/news-521654
https://www.terrabkk.com/news/198705/

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส เยี่ยมให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ เน้นย้ำ เพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง รักษาความปลอดภัยในพื้นที่

พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส  พร้อมด้วย พันโท กฤตณ์พัทธ์ กรกัน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ได้เดินทางลงพื้นที่ ไปตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ (ชป.จรยุทธ์) ของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ณ หมู่ที่ 5 บ้านโคกยาง ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยได้ติดตามการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการเชิงรุก พร้อมทั้งเน้นย้ำการเกาะติดบุคคลเป้าหมาย รวมถึงกลุ่มเครือญาติ และต้องมีการปรับข้อมูลตลอดเวลาให้ทันสมัย , การควบคุมเส้นทาง ให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยข้างเคียงอย่างใกล้ชิด และเพิ่มความเข้มในการระวังป้องกันการก่อเหตุ ต่อจุดตรวจ รวมถึงเส้นทางสายหลักในพื้นที่รับผิดชอบ การเกาะติดเส้นทางเพื่อทำเส้นทางให้ปลอดภัย โดยเฉพาะห้วงกลางคืน และให้เพิ่มความเข้มการระวังป้องกันตนเอง เพื่อป้องกันการตอบโต้ของฝ่ายตรงข้าม จากกรณีการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่

ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้เน้นย้ำการปฏิบัติในการ รปภ.พื้นที่ให้มีความปลอดภัย ปฎิบัติให้เป็นตามนโยบาย/สั่งการของ พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักการปฏิบัติทางยุทธวิธี เพื่อให้กำลังพลมีความเข้าใจและระมัดระวัง ต้องตื่นตัวอยู่เสมอ และไม่ประมาท ในการปฏิบัติเเต่ละภารกิจ และสามารถดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมทั้งควบคุมพื้นที่รับผิดชอบได้อย่างปลอดภัย ตลอดจน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ยังได้มอบสิ่งอุปโภค-บริโภค และให้กับ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ เพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ขอนแก่น - ม.ขอนแก่น หารือ ภาคเอกชน สกัดน้ำมันกัญชงและกัญชา เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย ศ.ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา ศ.พญ.ผิวพรรณ มาลีวงษ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา ร่วมประชุมกับ นายจุลภาส (ทอม) เครือโสภณ นักธุรกิจ เพื่อหารือข้อตกลงความร่วมมือ ด้านวิจัย วิชาการ สกัดกัญชง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ณ ห้องประชุม กาลปพฤกษ์ 4 ชั้น 2 อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย โดยสถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีภารกิจหลักในการดำเนินโครงการวิจัยกัญชงกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และดำเนินงานวิจัยพืชกัญชง และกัญชาแบบบูรณาการครบศาสตร์ จากต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ

เริ่มตั้งแต่ทีมคณะเกษตรศาสตร์ ทำการศึกษาวิจัยด้านการปลูก ปรับปรุงพันธุ์ และพัฒนาสายพันธุ์ ทีมคณะวิทยาศาสตร์ดำเนินการศึกษาวิจัยสกัดน้ำมันกัญชงและกัญชา วิเคราะห์สารองค์ประกอบสำคัญ ทีมจากคณะเภสัชศาสตร์ดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อเตรียมรูปแบบ ขนาด ผลิตภัณฑ์ยา เพื่อส่งต่อให้ทีมคณะแพทยศาสตร์ นำไปวิจัยด้านคลินิกในผู้ป่วยเฉพาะโรค ยินดีที่จะร่วมหารือข้อตกลงเพื่อการนำสารสกัดกัญชงในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ต่อไป

สำหรับพื้นที่ปลูกอยู่ในบริเวณ คณะเกษตรศาสตร์ ปลูกระบบปิดในตู้คอนเทนเนอร์ ได้คะแนนในการปลูกเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม 100 คะแนนเต็มจากองค์การอาหารและยา สามารถผลิตในเชิงอุตสาหกรรม และสามารถรองรับนักวิจัย วิชาการ นักธุรกิจที่ต้องการสร้างข้อตกลงร่วม ที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย เพื่อใช้ประโยชน์พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการรักษาหรือการใช้งานในชีวิตประจำวันอื่น ๆ ได้

การประชุมเป็นไปด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นการบริหารจัดการฟาร์มกัญชาของคุณทอมที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และการบริหารจัดการฟาร์มกัญชงและกัญชาเพื่อการวิจัยการศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น

สมุทรปราการ - เผยโฉมหน้า ฮีโร่นักบิน ฮ. ผู้อยู่เบื้องหลังสยบเพลิงโรงงานกิ่งแก้ว อดีตนักรบนาวิกโยธิน กองทัพเรือ

จากกรณีที่ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก เกิดเพลิงไหม้ เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับผลกระทบ บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทำให้เราเห็นแล้วว่าประเทศไทยเรานั้น มีฮีโร่ที่อยู่เบื้องหลังการดับเพลิงที่กำลังลุกลามลงได้ และหนึ่งในนั้น คือ “ร้อยโท กิตตินันท์ กันทพนม” นศ.ระดับปริญญาโท รุ่นที่ 8 สถาบันการบินพลเรือน นักบินเฮลิคอปเตอร์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ได้ทำการบิน ฮ.KA-32 ในการโปรยโฟมดับไฟในครั้งนั้น

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก “Avm Catc” ได้โพสต์ชื่นชมฮีโร่ผู้สยบเพลิง โดยระบุข้อความว่า “ขอชื่นชม ร้อยโทกิตตินันท์ กันทพนม นศ.ระดับปริญญาโท รุ่นที่ 8 สถาบันการบินพลเรือน นักบินเฮลิคอปเตอร์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ที่ทำการบิน ฮ.KA-32 โปรยโฟม จากกรณีที่ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก เกิดเพลิงไหม้เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ก.ค. 64 จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ภารกิจนี้นับว่าสำคัญในระดับสูงสุด เพราะเป็นการช่วยเหลือชีวิตคน ซึ่งมีค่ามากกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้ MMAVM CATCFamily

ท่านทราบไหมครับว่า ฮีโร่ ผู้นี้คือ อดีตนักรบนาวิกโยธิน แห่งกองทัพเรือ จากการจบการศึกษาจากโรงเรียนจ่าทหารเรือ รุ่นที่ 53 (นรจ.ทร.53) และเป็นนักเรียนจ่านาวิกโยธิน รุ่นที่ 55 (นรจ.นย.55) และได้ลาออกจากกองทัพเรือ หันเหชีวิตมาสมัครเป็น นักบินทหารบก และศึกษาต่อจนจบปริญญาโท รุ่นที่ 8 สถาบันการบินพลเรือน นักบินเฮลิคอปเตอร์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย

ซึ่งการปฏิบัติภารกิจ ในการบิน ฮ.โปรยโฟมดับไฟในครั้งนี้ นับว่าเป็นภารกิจสำคัญในระดับสูงสุด เพราะเป็นการช่วยเหลือชีวิตคน ซึ่งมีค่ามากกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้ ยังความภาคภูมิใจแด่ เพื่อนร่วมรุ่นนรจ.ทร.33 นรจ.นย.รุ่น 55 หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และกองทัพเรือ เป็นอย่างยิ่ง จึงขอเป็นแรงบันดาลใจ บนเส้นทางนักบินทหารบก ที่ไม่เคยลืมกำเนิดจากกองทัพเรือ แม้แต่สักครั้งเดียว ขอชื่นชมนักบินเฮลิคอปเตอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังสยบเพลิงโรงงานกิ่งแก้ว ในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว  สนง.โฆษกกองทัพเรือ  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

นราธิวาส - ผู้ว่าฯนราธิวาส เยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวหญิงตั้งครรภ์ ที่เสียชีวิตจาก โควิด-19

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในจังหวัดนราธิวาส (ระลอกเดือนเมษายน 2564)  ข้อมูล ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อสะสม 2,612 ราย มีผู้เสียชีวิตราย 13 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นหญิงตั้งครรภ์ 7 เดือนครึ่ง ที่เสียชีวิตพร้อมทารกในครรภ์ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสมีความเสียใจต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส COVID - 19 โดยหญิงตั้งครรภ์ที่เสียชีวิต อายุ 33 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 134/3 หมู่ 7 ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส

ในวันนี้ (6 ก.ค. 64) นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ลงพื้นที่ไปยังที่ว่าการอำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ พร้อมทั้งรับฟังสถานการณ์ของโรค COVID-19 ในพื้นที่ และข้อมูลผู้เสียชีวิตรายล่าสุดจากการติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยมีปลัดจังหวัดนราธิวาส นายอำเภอศรีสาคร หัวหน้าส่วนราชการ ผอ.รพ.ศรีสาคร เข้าร่วม

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต รวมทั้งแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ในการดูแลประชาชน โดยมารับฟังข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ขอให้มีการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางให้ความช่วยเหลือตามมาตรา 41 สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากบริการสาธารณสุข  และจะมีการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการต่อไป

สำหรับสถานการณ์ โรค COVID-19 ในพื้นที่อำเภอศรีสาคร มีผู้ติดเชื้อสะสม จำนวน 138 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกว่า 400 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งกรณีของหญิงตั้งครรภ์ที่เสียชีวิต มีประวัติเชื่อมโยงคลัสเตอร์มัรกัสยะลา เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีสาครเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 มีอาการปอดอักเสบ ได้ทำการ swab พบว่าติดเชื้อ COVID-19 และในวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 นำส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ หลังมีอาการทรุดลงจากภาวะปอดติดเชื้อ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิตในวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ได้ดำเนินการค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในครอบครัวและในชุมชน พร้อมทั้งให้แยกกักตัวที่บ้านแล้ว

ต่อจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสพร้อมคณะได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 134/3 หมู่ 7 ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร เพื่อมอบเงินช่วยเหลือส่วนตัวจำนวนหนึ่งแก่ครอบครัวหญิงตั้งครรภ์ที่เสียชีวิต รวมทั้งมอบเงินสงเคราะห์ฯจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.นราธิวาส และเงินช่วยเหลือจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นอกจากนี้ยังได้มอบสิ่งของอุปโภคมอบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมทั้งพูดคุยและให้กำลังใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ระยอง - ผู้ว่าฯระยอง ชวนร่วมกิจกรรมสุดพิเศษ “ห่างกัน ไม่ห่างไกล - MUSIC DISTANCING” งานดนตรีรูปแบบใหม่เติมวัคซีนใจให้ชาวจังหวัดระยอง

นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เชิญชวนคนไทยร่วมส่งพลังบวกให้คนดนตรีจังหวัดระยองในกิจกรรม“ห่างกัน ไม่ห่างไกล - MUSIC DISTANCING” งานดนตรีแบบ New Normal ผ่าน Facebook Fanpage : Rayong Space ของดี ระยอง ออนไลน์ และกลุ่ม Rayong Space ตั้งแต่เวลา 19.00 – 22.00 น.ในวันที่ 8 – วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 และวันที่ 17 กรกฎาคม 2564

กิจกรรม “ห่างกัน ไม่ห่างไกล - MUSIC DISTANCING” นัดกันมาเติมวัคซีนใจให้กันที่หน้าจอมือถือ ส่งกำลังใจผ่าน live สด ที่เพจ facebook : RAYONG SPACE ของดีระยองออนไลน์ พื้นที่แห่งโอกาสของระยอง จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 และวันที่ 17 กรกฎาคม  2564 รวม 4 วัน วันละ 3 ชุดการแสดง เริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 - 22.00 น. ได้รับการสนุบสนุนงบประมาณจาก บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กงพัฒนา เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชัน ห้างทองศิริเยาวราช ทีมงาน Rayong Space Live โดยบ้านตะวันเอื้อเฟื้อสถานที่จัดพร้อมอำนวยความสะดวกตลอดระยะเวลาที่จัดกิจกรรม


ภาพ/ข่าว  วฐิต กลางนอก / ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน

ประจวบคีรีขันธ์ – เศร้า !! กระทิงแก่งกระจานชนกันเองเสียชีวิต

วันที่ 7 ก.ค. นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี ได้รับรายงานจากนายอิทธิพล ไทยกมล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ขณะลาดตระเวนร่วมกับ นางสาวเนตรนภา งามเนตร นายญาณ อ้วนสิงห์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ 20 (ห้วยคมกฤต) มาถึงบริเวณโป่งพรม พิกัด 0552744 E 1409965 N ในเขตอุทยานฯ พบกระทิงโตเต็มวัยนอนได้รับบาดเจ็บอยู่ในโพรงไม้ สังเกตพบว่ากระทิงไม่สามารถพยุงตัวลุกขึ้นเดินไปหาอาหารกินเองได้ จึงเฝ้าอาการอยู่ห่างพร้อมประสานขอนายสัตวแพทย์ประจำสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย มาทำการรักษาแต่ไปไม่ทันถึงกระทิงได้เสียชีวิตเสียก่อนด้วยความเสียดาย จึงทำการผ่าซากเพื่อหาสาเหตุ

เบื้องต้นพบว่าเป็นกระทิงเพศผู้ น้ำหนักประมาณ 1,500 กิโลกรัม มีขนาดปลายเขากว้าง 54 ซม. ความกว้างที่สุดของเขา 80 ซม. ความยาวของเขาวงนอก 43 ซม. เส้นรอบวงโคนเขา 31 ซม. มีความยาวของลำตัว 219 ซม. ความสูงจากปลายตีนถึงสะโพกหลัง 156 ซม. และความสูงปลายตีนขาหน้าถึงโหนก 172 ซม. ตรวจตามลำตัวไม่พบร่องรอยถูกกระสุนปืน มีแต่ร่องรอยการชนเล็กน้อยบริเวณหน้าผากและร่องรอยบนเขาคาดว่าเกิดจากการต่อสู้ชนกันเองกับกระทิงด้วยกันเนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตต่อมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างชิ้นส่วนอวัยวะภายในและเลือดยังห้องแล็ป เพื่อตรวจหาสาเหตุการตายอีกครั้งก่อนทำการฝังกลบซากตามมาตรการต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ชุมพร - กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงานสร้างบ้านปลาฟื้นฟูท้องทะเลไทย และมอบเครื่องกู้ชีพ กู้ภัยทางทะเล

วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.00 น  บริเวณ ท่าเทียบเรือเกาะพิทักษ์ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร นายปกาสิต พรประสิทธ์นายอำเภอหลังสวนให้เกียรติมาเป็นประธาน การวางซั้งกอ สร้างบ้านปลาฟื้นฟูท้องทะเลไทย และมอบเครื่องกู้ชีพ กู้ภัยทางทะเลปากน้ำชุมพร พร้อมกับนายปรีชา สุวีรานุวัฒน์ประธานนายกประมงชาวประมงหลังสวน พ.ต.อ.วิษณุ สุระวดี ผกก.สภ.ปากน้ำหลังสวน นายอำพล ธานีครุฑ หรือ ผู้ใหญ่หรั่ง และพี่น้องประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นายปรีชา สุวีรานุวัฒน์ กล่าว่า ขอขอบคุณ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ที่ได้สนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมการวางซั้งกอ สร้างบ้านปลาฟื้นฟูท้องทะเลไทย และมอบเครื่องกู้ชีพ กู้ภัยทางทะเลปากน้ำชุมพร ภายใต้โครงการการสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และเพิ่มการมีส่วนร่วม ของประชาชน เพื่อรับรองรับการพัฒนาโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ในกิจกรรมรักษาเครือข่าย โดยผ่านคณะทำงานไตรภาคี ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ประจำปี 2564 ดูแลทั่วไทย ห่วงใยชุมชน สู่ความสุขที่ยังยืน


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top