Saturday, 24 May 2025
SPECIAL

นนทบุรี – “โครงการบ้านหลังสุดท้าย” วัดราษฎร์ประคองธรรม ขอโรงศพแต่งภายในบุผ้าสวยงาม เพื่อผู้เสียชีวิตโควิด-19 ฌาปนกิจศพฟรี โดยไม่มีเสียค่าใช้จ่าย

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 12 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดราษฎร์ประคองธรรม ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยวัดแห่งนี้ได้รับสงเคราะห์ฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 และศพไร้ญาติ แบบครบวงจรฟรี โดยเริ่มตั้งแต่มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามนนทบุรี ไปรับศพออกจากโรงพยาบาลที่เสียชีวิต แล้วนำกลับมาฌาปนกิจศพให้ที่วัดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ตามความเดือดร้อนของประชาชนที่ติดต่อร้องขอเข้ามาที่วัดราษฎร์ประคองธรรมแห่งนี้ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ตามนโยบายของมหาเถรสมาคมด้วย

โดยพระครูสมุห์ อำนวยโชติปัญโญ หรือพระอาจารย์ กุ่ย เจ้าอาวาสวัดโปรยฝน คลอง 11 ได้ทราบข่าว ว่าทาง พระครูกิตติวิริยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดราษฏร์ประคองธรรม และเป็นเจ้าคณะอำเภอบางใหญ่ จ.นนทบุรี ทางวัดมี "โครงการบ้านหลังสุดท้าย" ในการส่งศพฟรี ฌาปนกิจศพฟรี โดยไม่มีเสียค่าใช้จ่าย ตอนนี้ก็ทราบว่าทางวัดท่านได้ฌาปนกิจศพ ทุกวันวันละ 4-5 ศพ จึงขอรวมเป็นส่วนหนึ่งในการถวายปัจจัยจำนวน 10,000 บาท สนับสนุนค่าน้ำมันในการเผา และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมมอบโรงศพให้จำนวน 7 ใบ ในการช่วยเหลือทางวัดอีกแรง ขอเจริญพรฯ

พระครูกิตติวิริยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดราษฏร์ประคองธรรม กล่าวว่า ที่ได้ทำโครงการบ้านหลังสุดท้ายช่วยผู้ยากไร้และผู้ไม่มีทรัพย์ ในช่วงนี้เป็นช่วงที่เกิดโรคระบาดคือโรคโควิค อาจารย์ก็ได้ทำพิธีเผาศพให้ ที่วัดเราเผาทั้งหมดตอนนี้ 113 ศพแล้ว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมมานี้ หากโยมท่านใดที่นำลงมาถวายที่วัดอาจารย์ขออย่างเดียว 1 ต้องกุผ้านวมข้างในเป็นสีฟ้า เป็นสีแดงเป็นสีเหลือง หรือสีอะไร ให้กุผ้านวมมาหน่อยนึง และอาจารย์ถึงจะรับถ้าไม่กุผ้านวมมาอาจารย์ไม่อยากรับเลย เพราะว่ามันไม่น่านอน ผีก็อยากได้ของดี เราก็อยากได้ของดี เหมือนกัน เพราะนั้น เราต้องให้ของดีต่อทุก ๆ ศพนะและขอขอบคุณ พระครูสมุห์อำนวยเจ้าอาวาสวัดโปรยฝน ที่นำปัจจัยมาถวายช่วยค่าน้ำมันแก่วัดราษฎร์ประคองธรรม แล้วก็มีมอบโลงศพให้มาด้วย 7 โลงเจริญพร


ภาพ/ข่าว  กำพลศิลป์ วงษ์เดือน ผู้สื่อข่าวนนทบุรี

สมุทรปราการ - "ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ" ให้เกียรติรับมอบน้ำดื่ม 1,200 ขวด เพื่อนำไปข่วยเหลือประชาชน

วันจันทร์ 12 กรกฎาคม 2564 เวลา 14.00 น. ณ.ศาลาว่าการจังหวัดสมุทรปราการ "นายวันขัย คงเกษม" ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้ให้เกียรติรับมอบน้ำดื่มจำนวน 1,200 ขวด จาก "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน พร้อมด้วย "นายโกสินธ์ จินาอ่อน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์  "นายณัฐวุฒิ เหมือนเพชร" ผู้อำนวยการข่าวจังหวัดสมุทรปราการ (หนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์) ที่ได้รับบริจาคน้ำดื่ม จาก "นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์" ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ "นายภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์" เลขานุการคณะกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับ "มูลนิธิกิจเลิศไพโรจน์" ส่งมอบน้ำดื่ม จำนวน 1,200 ขวด เป็นสะพานบุญนำน้ำดื่มจำนวนดังกล่าว มามอบให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ

เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการดูแลพี่น้องประชาชน และผู้อาศัย อยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ ที่กำลังประสบปัญหาจากสถานการณ์เหตุเพลิงไหม้ที่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และผู้ประสบปัญหาจากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้

ในการนี้ "นายวันชัย คงเกษม" ผู้ว่าราชการจังหวัด ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรปราการ ที่ทางรัฐบาล และหน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วนใช้กำลังกาย กำลังใจ และเครื่องมือต่าง ๆ ในการดำเนินงานช่วยเหลือ ดูแล ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสมุทรปราการ และผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ มีความปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19

อีกทั้ง ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ยังแสดงความห่วงใย สุขภาพ อนามัย และความเป็นอยู่ มายังพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสมุทรปราการ และพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ โปรดร่วมแรง ร่วมใจกันปฎิบัติตามมาตรการที่ทางภาครัฐได้ขอ ความร่วมมือ เพื่อเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันต่อสู้กับปัญหาต่าง ๆ ในช่วงสถานการณ์ นี้ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ต่อไป

ดีอีเอส-ศปอส.ตร. บุกจับพนันออนไลน์เครือข่าย MGM99 เงินหมุนเวียน 1.2 พันล้าน

ดีอีเอส ประสานความร่วมมือ ศปอส.ตร. วันเดียวบุก 6 จุดเมืองปทุมธานี จับกุมเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ MGM99 เงินหมุนเวียนในระบบ 1,200 ล้านบาท จ่อใช้ยาแรงทั้ง พ.ร.บ.การพนันฯ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และกฎหมายฟอกเงิน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า วันนี้ (12 ก.ค. 64) กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ประสานความร่วมมือกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เข้าสืบสวนติดตามจับกุมเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ เครือข่าย MGM99  โดยจากการสืบสวนพบเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 เว็บไซต์ ได้แก่ ไลน์ไอดี @MGM99VP,@MGM99TH และเว็บไซต์ WWW.PD24H.COM  มีเงินหมุนเวียนในระบบ 1,200 ล้านบาท ดำเนินการมาประมาณ 2 ปี

โดยช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวนชุดที่ 1 และ 3   (ศปอส.ตร.)  ได้นำหมายจับผู้ต้องหาศาลแขวงปทุมวันในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศหรือโฆษณาโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน” และได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดธัญบุรีเพื่อทำการตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยกระทำความผิด จำนวน 6 จุด ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จับกุมผู้ต้องหารวม 18 ราย (ผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 ราย ผู้ต้องหาอื่น 15 ราย) พร้อมตรวจยึดของกลางซึ่งรวมถึงรถยนต์หรู 8 คัน และเงินสดของกลางประมาณ  11 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศหรือโฆษณาโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน” และความผิดฐาน “ฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน(ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่รวมกันมากกว่า 5 คน) ประกอบคำสั่งจังหวัดปทุมธานี ที่ 6728/64 ลง 11 ก.ค. 64” (เฉพาะจุดตรวจค้นที่ 3)

“เนื่องจากคดีการพนันออนไลน์เป็นความผิดมูลฐาน ตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งทาง ศปอส.ตร.จะได้ดำเนินการประสานกับทาง ปปง. เพื่อยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งผู้ต้องหาหรือผู้เกี่ยวข้อง และดำเนินคดีฐานฟอกเงินต่อไป” นายชัยวัฒน์กล่าว

สำหรับประชาชนที่พบเห็นหรือทราบถึงการกระทำความผิดของผู้ลักลอบชักชวนให้เล่นการพนันออนไลน์ ในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อันเป็นการมอมเมาเยาวชน และทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศ สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่เพจอาสาจับตาออนไลน์ https://m.facebook.com/DESMonitor/ ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งมายัง ศปอส.ตร. ได้ที่สายด่วนหมายเลข 1599 และ สายตรง 081-8663000 เวลาราชการ  เพื่อดำเนินการสืบสวนหาพยานหลักฐานจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เชียงใหม่ - มทบ.33 ดำเนินกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ

มณฑลทหารบกที่ 33 ดำเนินกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ จัดกำลังพลจิตอาสาพระราชทาน ทำการพัฒนาลอกคลองช้างคลาน (สาขาคลองแม่ข่า) ชุมชนบ้านเอื้ออาทรป่าตัน ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 ก.ค.64 โดยได้ดำเนินการลอกคลอง , เก็บจอกแหน , ผักตบชวา , เศษวัชพืช และปรับปรุงภูมิทัศน์สองฝั่งคลอง ระยะทาง 500 เมตร 

โดยมีหน่วยงานร่วมพัฒนาประกอบด้วย มณฑลทหารบกที่ 33 , ศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ( ศป.บส.ชน.) , เทศบาลนครเชียงใหม่ และประชาชนจิตอาสาชุมชนบ้านเอื้ออาทรป่าตัน ซึ่งได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด - 19 อย่างเคร่งครัด 

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ได้มอบหมายให้ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 มาพบปะเยี่ยมให้กำลังใจแก่กำลังพลในการปฏิบัติงาน


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

จับกระแส “กัญชง” ในดงอินเดีย โอกาสใหม่ทางธุรกิจ

ปัจจุบันกระแสกัญชงกับกัญชาในไทยกำลังมาแรงมากจากกระแสการผลักดันกัญชาให้ถูกกฎหมายทั้งในด้านการครอบครอง การปลูก และการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่หลายคนอาจจะยังสับสนว่า “กัญชง” กับ “กัญชา” เหมือนหรือต่างกันยังไง ผมเลยไปสืบค้นจากอินเตอร์เน็ตก็พบความกระจ่างในเพจ “ทันข่าว Today” ซึ่งระบุว่า ทั้งกัญชาและกัญชงเป็นพืชชนิดเดียวกัน มีลักษณะภายนอกแตกต่างกันน้อยมาก แต่สามารถสังเกตในเบื้องต้นได้คือ กัญชงมีใบแคบเรียวและสีเขียวอ่อนกว่า มีลำต้นสูงและแตกกิ่งก้านน้อยกว่า ช่อดอกมียางน้อยกว่ากัญชา จึงมีการนำกัญชงไปใช้เป็นพืชเส้นใยสำหรับทำเสื้อผ้าและเยื่อกระดาษ

แต่ถ้าต้องการจำแนกให้ลึกลงไป เพจดังกล่าวก็ให้พิจารณาจากสารประกอบที่เรียกว่าแคนนาบินอยด์ (Cannabinoid) โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท นั่นคือ THC (Delta-9-Tetrahydrocannabinol) และสารสำคัญอีกชนิดคือ CBD (Cannabidiol) ซึ่งช่วยยับยั้งการออกฤทธิ์ของ THC ถ้าต้นที่มีสาร THC น้อยกว่า 0.3 เปอร์เซ็นต์ต่อน้ำหนักแห้ง จะถือว่าเป็น Hemp หรือกัญชง แต่ถ้ามีค่า THC สูงกว่านี้ถือว่าเป็น Marijuana หรือกัญชา กรณีใช้ทางการแพทย์ต้องสกัดสาร THC, CBD รวมถึงสารประกอบแคนนาบินอยด์อื่น ๆ ออกมาจากต้น ซึ่งแตกต่างจากการเสพกัญชาที่ใช้ส่วนต่าง ๆ ของพืชโดยตรง

สำหรับที่อินเดีย มีรายงานที่น่าสนใจจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครมุมไบ ประเทศอินเดีย ระบุว่า กระแสที่กำลังมาแรงในปัจจุบันคือ “กัญชง” แต่ว่าการแปรรูปกัญชง (Hemp / Cannabis Sativa) เชิงอุตสาหกรรมในอินเดียยังอยู่ในระยะเริ่มต้น อย่างไรก็ดี คนอินเดียมีความคุ้นเคยกับการใช้ประโยชน์จากกัญชงมาตั้งแต่โบราณ โดยนำกัญชงมาเป็นส่วนหนึ่งของสมุนไพรแบบอายุรเวท (Ayurveda) และเครื่องเทศประกอบอาหาร รวมถึงเส้นใยสำหรับทำเสื้อผ้า กระเป๋าและเชือกด้วย ซึ่งภูมิปัญญาเหล่านี้มีส่วนทำให้ภาครัฐและเอกชน รวมถึงนักวิจัยของอินเดียเข้าใจในศักยภาพของกัญชงเป็นอย่างดี และตระหนักในการควบคุมผลกระทบต่าง ๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์กัญชงมีแนวโน้มที่จะได้รับการพัฒนาและเป็นที่ยอมรับในตลาดได้ง่าย

จากรายงานของ Grand View Research ระบุว่าในปัจจุบันตลาดสินค้ากัญชงในอินเดียยังมีมูลค่าเป็นสัดส่วนเพียง 0.1% ของตลาดโลกเท่านั้น ในขณะที่ การใช้/บริโภคในอินเดียจะขยายตัวได้อีกมาก ทั้งการนำกัญชงไปใช้ในการผลิตน้ำมัน อาหารและเครื่องดื่ม อาหารสัตว์ เส้นใยสำหรับเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง ของใช้สำหรับทำความสะอาด ปุ๋ย และวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ กระดาษรีไซเคิล วัสดุเฟอร์นิเจอร์ และวัสดุก่อสร้าง รวมถึงพลังงานชีวมวล นอกเหนือจากการนำมาผลิตเพื่อใช้ในทางการแพทย์ อาทิ ยาบรรเทาอาการของโรคมะเร็ง โรคข้ออักเสบ โรคลมชัก โรคอัลไซเมอร์ และอาการเจ็บปวดเรื้อรังต่าง ๆ นอกจากนี้ คาดว่าภาวะการแพร่ระบาดของ COVID-19 จะทำให้คนอินเดียหันมาบริโภคอาหารมังสวิรัติมากขึ้น ซึ่งเมล็ดกัญชงจะเป็นแหล่งโปรตีนที่ทดแทนถั่วและเนื้อสัตว์ โดยปราศจากกลูเตน และมักจะเป็นการเพาะปลูกแบบอินทรีย์ด้วย เพราะกัญชงเป็นพืชที่ไม่ค่อยมีศัตรูพืช จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลง 

ผลิตภัณฑ์จากกัญชง

ขอบคุณภาพจาก : https://medium.com

ทั้งนี้ ผลการศึกษาขององค์การอนามัยโลกและสมาพันธ์ผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์นานาชาติ (IFPMA) และคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (INCB) ประมาณการณ์ว่า ในปี 2567 ตลาดสินค้ากัญชงในอินเดียจะมีมูลค่าประมาณ 584.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สอดคล้องกับผลการสำรวจของ All India Institutes of Medical Sciences ที่พบว่าผู้บริโภคชาวอินเดียจะตอบรับต่อผลิตภัณฑ์กัญชงได้อย่างรวดเร็ว โดยพบว่ามีคนอินเดียจำนวนไม่น้อยกว่า 7.2 ล้านคนที่เคยใช้กัญชงมาแล้ว โดยการซื้อมาทดลองใช้เอง และมีราคาขายปลีกในอินเดียอยู่ที่ประมาณ 4.38 เหรียญสหรัฐฯ ต่อกรัม

ตาม พรบ. The Narcotic Drugs and Psychotropic Substances Act (1985) รัฐบาลกลางของอินเดียอนุญาตให้ปลูกกัญชงได้เฉพาะที่มีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอลหรือ THC ไม่เกิน 0.3 % โดยน้ำหนัก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วกัญชงในอินเดียส่วนใหญ่มีระดับสาร THC สูงกว่าที่กำหนดไว้ การผลิตและซื้อ-ขายกัญชงในอินเดีย จึงเป็นการกระทำผิดกฎหมายตาม พรบ. ดังกล่าวอยู่ อย่างไรก็ตาม กฎหมายได้ให้อำนาจแก่รัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละรัฐให้สามารถพิจารณาอนุญาตให้มีการใช้ประโยชน์จากใบและเมล็ดของกัญชงได้ ภายใต้การควบคุมโดยหน่วยงานของรัฐอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ จะมีการตรวจสอบและส่งเสริมโดยกระทรวงการแพทย์แผนโบราณของอินเดีย (Ministry of Ayurveda, Yoga & Naturopathy: AYUSH) เป็นระยะ

ในปัจจุบันมีเพียงสามรัฐในอินเดียที่อนุญาตให้มีการปลูกกัญชงได้ ได้แก่ รัฐอุตตราขัณฑ์ รัฐอุตตรประเทศ และรัฐมัธยประเทศ ส่วนรัฐอื่น ๆ อีกหลายรัฐก็มีแนวโน้มจะอนุญาตให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมกัญชงเช่นกัน อาทิ รัฐมณีปุระ รัฐอานธระประเทศ และรัฐหิมาจัลประเทศ โดยรัฐอุตตราขัณฑ์เป็นรัฐแรกที่อนุญาตให้มีการเพาะปลูกได้ โดยได้ให้ใบอนุญาตแก่ Indian Industrial Hemp Association (IIHA) ซึ่งเป็น NGO สามารถเพาะปลูกเพื่อทำการทดลองในพื้นที่ 6,250 ไร่ โดยมีเป้าหมายที่จะขยายเป็น 62,500 ไร่ และมุ่งเน้นการผลิตเมล็ดพันธุ์ และนำมาแปรรูปเป็นเส้นใยสำหรับป็นสิ่งทอเป็นหลัก

แม้ว่าจะมีการเพาะปลูกในไม่กี่รัฐ แต่มีผู้นำกัญชงมาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้วภายใต้กิจการของสตาร์ทอัพประมาณ 30-40 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ (Biotech Startups) อาทิ บริษัท Bombay Hemp Company (BOHECO) โดยมีโรงงานแปรรูปอยู่ที่รัฐอุตตราขัณฑ์ (เมือง Almora) และในรัฐอุตตรประเทศ (เมือง Lucknow) นอกจากนี้ ยังมี Startups อีกหลายรายที่พร้อมจะผลิตเชิงอุตสาหกรรม และขยายตลาดทั้งภายในอินเดียและตลาดโลก อาทิ Hemp Street, Best Weed และ India Hemp Organics โดยมีแบรนด์หลักในตลาด ได้แก่ VEDI, SATLIVA, BOHECO Life และ B LABEL

ขอบคุณภาพจาก : https://www.vice.com

ทั้งนี้ การผลิตสินค้าจากกัญชงในอินเดียมีแนวโน้มที่จะเติบโตในปี 2564 จากการที่หน่วยงานด้านความปลอดภัยและมาตรฐานทางอาหาร (The Food Safety and Security Authority of India : FSSAI) ของอินเดียซึ่งเทียบได้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทย ได้จัดทำร่างกฎระเบียบสำหรับการกำกับดูแลสินค้าที่นำกัญชงมาผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้ The Food Safety and Standards (Food Products Standards and Food Additives) Amendment Regulations, 2020 ซึ่งผู้ประกอบการในอินเดียมองว่าจะเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ชัดเจนและเป็นสัญญาณที่เปิดให้สินค้ากัญชงมีการแข่งขันกันอย่างเสรีในตลาด โดย FSSAI ได้ยอมรับว่ากัญชงเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตอาหาร ขนม และเครื่องดื่ม ซึ่งล่าสุดได้มีการกำหนดว่าเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดกัญชงต้องมี THC ไม่เกิน 0.2mg/kg โดยคาดว่าจะก่อให้เกิดการเตรียมการผลิตเครื่องดื่มกัญชงและสถานบริการเครื่องดื่มกัญชงตามมาเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม คุณสุพัตรา แสวงศรี ทูตพาณิชย์ไทยประจำนครมุมไบ ประเทศอินเดียได้ให้ความเห็นว่าการเพาะปลูกและการแปรรูปในอินเดียยังต้องอาศัยเวลาในการพัฒนาอีกไม่ต่ำกว่า 2 ปี ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสที่สินค้าจากต่างชาติจะเข้าไปแทรกตลาดหากมีราคาที่เทียบเคียงได้กับจีน ทั้งนี้ อินเดียเรียกเก็บภาษีนำเข้าสำหรับกัญชงในอัตรา 30% โดยผู้นำเข้าต้องมีใบอนุญาตให้นำเข้าไปเพื่อการวิจัยทางการแพทย์ด้วย ดังนั้น โอกาสที่ยั่งยืนของผู้ประกอบการไทย จึงน่าจะเป็นการเข้าไปร่วมลงทุนในการแปรรูปกัญชงเพื่อการแพทย์และอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในรัฐทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียที่มีสภาพอากาศเหมาะสมและเกษตรกรมีทักษะในการปลูกที่ดี รวมถึงโอกาสจากการเข้าไปถือหุ้นเพื่อเพิ่มทุนให้กับ Tech-Startups ของอินเดียที่กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ด้านอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อรองรับการบริโภคที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อภาครัฐของอินเดีย (FSSAI) มีการกำหนดมาตรฐานสินค้าจากกัญชงที่ชัดเจนแล้ว ในขณะที่ ผู้บริโภคในอินเดียเองก็มีความคุ้นเคยกับกัญชงอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเอื้อให้เกิดการตอบรับของตลาดได้อย่างรวดเร็วและหลากหลาย

ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการไทยหรือนักลงทุนไทยที่สนใจธุรกิจเกี่ยวกับกัญชงที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ที่ประเทศอินเดียที่เป็นตลาดใหญ่อันดับสองรองจากประเทศจีน

ขอขอบคุณสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างปรแทศ ณ นครมุมไบ ประเทศอินเดีย


เขียนโดย: อดุลย์ โชตินิสากรณ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญการค้าในอินเดียแบบเจาะลึก

ชลบุรี - เมืองพัทยา ลุยเดินหน้าพ่นยาฆ่าเชื้อสร้างความอุ่นใจแก่ประชาชน หลังพบมีจำนวนผู้ป่วยเกิดขึ้นในพื้นที่

รองนายกเทศมนตรี จับมือ เลขานุการนายก ลุยเดินหน้าพ่นยาฆ่าเชื้อ เร่งสร้างความอุ่นใจแก่ประชาชนในพื้นที่ หลังพบมีจำนวนผู้ป่วยเกิดขึ้นในพื้นที่  

วันที่ 10 ก.ค. 64 ที่เทศบาลตำบลบางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี คณะผู้บริหารเทศบาลตำบลบางละมุง  นำโดย นางณัฐธินีย์ เฉิดฉาย , นางสาวทิพย์วิมล หอมขจร รองนายกเทศมนตรี , นายกัณป์ชสาน รัตนะ เลขานุการนายกเทศฒนตรีตำบลบางละมุงได้เตรียมอุปกรณ์การพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อทำการลงพื้นที่ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อสร้างความอุ่นใจแก่ประชาชนในพื้นที่ หลังจากที่พบว่าในพื้นที่ตำบลบางละมุง พบผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยในวันนี้รองนายกเทศฒนตรี และเลขานุการนายกเทศมนตรี ลงพื้นที่ฉีดยาฆ่าเชื้อให้กับประชาชนด้วยตัวเอง

นางณัฐธินีย์ เฉิดฉาย รองนายกเทศมนตรีตำบลบางละมุง เผยว่า สำหรับภภารกิจในการพ่นยาฆ่าเชื้อป้องกันไวรัสโควิด-19  ตามแหล่งชุมชนและบ้านพักอาศัย ถือว่าเป็นภาระกิจสำคัญที่ทางเทศบาลเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชานในพื้นที่ ถึงแม้ว่าเรื่องของการพ่นยาในส่วนของภาครัฐจะไม่ได้สนับสนุน แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างความอุ่นใจแก่ประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี 

 ซึ่งการที่จะตัดวงจรการเกิดการแพร่ระบาดของโรคได้ดีที่สุดก็คือการเว้นระยะห่าง การสวมใส่หน้ากากอนามัย และการหมั่นทำความสะอาดและใช้อุปกรณ์น้ำยาฆ่าเชื้อผสมน้ำ เพื่อทำการชุบและเช็ดตามพื้นที่สาธารณะ ซึ่งในส่วนของน้ำยาฆ่าเชื้อนั้นทางเทศบาลได้ทำการสนับสนุนและแจกให้กับประชาชนทุกหลังคาเรือนที่ต้องการ โดยสามารถเดินางมารับน้ำยาฆ่าเชื้อได้ที่เทศบาลทุกวันในวันและเวลาราชการ  

ซึ่งในส่วนของกองสาธารณสุขเทศบาลตำบลบางละมุง ปัจจุบันพบว่าได้ออกปฏิบัติหน้าที่กันอย่างหนัก  ต่อเนื่องมาโดนตลอด ดังนั้นในส่วนของภาคประชาชนเองก็ต้องให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค.อย่างเข้มข้น  เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยในพื้นที่ลงให้ได้ต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

ขอนแก่น - “อีสาน โคตรซิ่ง” ใน “เทศกาลอีสานสร้างสรรค์” หนุนอัตลักษณ์ความเป็นอีสานสื่อสารผ่านนวัตกรรม

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ร่วมกับองค์กรเครือข่าย เปิดงาน “อีสานโคตรซิ่ง” ในงานเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ เพื่อหวังหนุนอัตลักษณ์ความเป็นอีสานสื่อสารผ่านนวัตกรรม นำสู่การสร้างเสริมเศรษฐกิจชุมชน

วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA จ.ขอนแก่น ร่วมกับจังหวัดขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น ผู้จัดงานทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และกลุ่มธุรกิจสร้างสรรค์ต่าง ๆ เปิดกิจกรรมใน “เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2564” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ภายใต้แนวคิด “Isan Crossing: อีสานโคตรซิ่ง” เพื่อสะท้อนการผสานสินทรัพย์ทางภูมิปัญญาเเละวัฒนธรรมเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบ เเละนวัตกรรม แสดงศักยภาพของบุคลากรและธุรกิจสร้างสรรค์ ผ่านผลงานที่เก็บเกี่ยวและได้รับแรงบันดาลใจจากสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม “อีสาน” อาทิ งานหัตถกรรม, การออกแบบผลิตภัณฑ์, ภาพยนตร์, ศิลปะ, ดนตรี และ อาหาร หวังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย

โดยมุ่งเน้นส่งเสริม 3 อุตสาหกรรมหลักที่ชูอัตลักษณ์ถิ่นอีสาน ได้แก่ อุตสาหกรรมบันเทิงอีสาน อุตสาหกรรมการออกแบบและงานฝีมือ และอุตสาหกรรมอาหารอีสาน ชวนชมผลงานจากหลากหลายสาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กว่า 200 รายการ ผ่าน 9 รูปแบบกิจกรรมไฮไลต์ ในพื้นที่ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จังหวัดขอนแก่น และ 19 จังหวัดภาคอีสาน โดยงานเทศกาลฯเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2564

นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่า อีสานเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยสินทรัพย์และภูมิปัญญาอันน่าทึ่ง ซึ่งหลายเรื่องเป็นที่รู้จักดีในระดับโลก เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2564 จึงเป็นเทศกาลที่แสดงถึงศักยภาพความสร้างสรรค์ของคนอีสานในรูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถต่อยอดของดีของเดิมของอีสาน ให้เข้ากับตลาดในยุคสมัยใหม่ ทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ และสามารถแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่นที่ถือเป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่ของภาคอีสาน และมีเป้าหมายการพัฒนาเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมต่ออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

พ.ต.ท.สมชาย โตเจริญ รองนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวว่า การจัดงานเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2564 ถือเป็นมิติใหม่ของชุมชนชาวขอนแก่นที่ได้ร่วมจัดงานเทศกาลฯ เพื่อเป็นเวทีในการแสดงศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์ของชาวอีสาน โดยตลอดช่วงที่ผ่านมา เทศบาลนครขอนแก่น ภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้มีส่วนร่วมในการผลักดันให้เกิดย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในขอนแก่น โดยเริ่มที่ย่านศรีจันทร์สร้างสรรค์ เพื่อปลุกย่านเมืองเก่าให้กลับมามีชีวิตชีวา พร้อมพัฒนาชีวิตของผู้คนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปด้วยกัน ซึ่งเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2564 ในครั้งนี้ ได้สะท้อนถึงความร่วมมือและการพัฒนาต่อยอดของคนอีสาน และคาดว่าจะสามารถขับเคลื่อนชุมชนและเศรษฐกิจอีสานให้เติบโตต่อไป

ด้านนายชุตยาเวศ สินธุพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ขอนแก่น เปิดเผยว่า เทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2564 จะสร้างประสบการณ์ร่วมและปลูกฝังแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน คนในชุมชน และประชาชนที่สนใจ ด้วยกิจกรรมถ่ายทอดประโยชน์ของการออกแบบ กระตุ้นความคิด และการพัฒนาทักษะ ณ 2 พื้นที่หลัก ได้แก่ ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ศรีจันทร์ และศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ สาขาขอนแก่น ในย่านกังสดาล ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2564 โดยการจัดเทศกาลฯ ครั้งนี้ ได้มีการออกแบบรูปแบบการจัดงานเพื่อให้สอดรับชีวิตวิถีใหม่ โดยปฎิบัติตามมาตรการเข้าชมงานและหลักเกณฑ์การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด ด้วยมาตรฐาน SHA พร้อมทั้งมีกิจกรรมบางส่วนให้สามารถเข้าร่วมทางออนไลน์ เพื่อตอบรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

อุบลราชธานี- นิพนธ์ ลุยแจกโฉนดที่ดิน “อุบลราชธานี-อำนาจเจริญ” สร้างหลักประกันที่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ในโครงการ“มอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน” ขอบคุณ ทุกฝ่ายช่วยดูแลรักษาชีวิตประชาชนจากโควิด-19

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ที่ศาลาประชาคม บ้านนาสีดาน้อย ตำบลชานุมาน อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีมอบโฉนดที่ดินให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลชานุมาน อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ จำนวน 30 แปลง ตามโครงการ “มอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน” โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ  นายอำเภอชานุมาน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญตลอดจนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนในพื้นที่ตำบลตำบลชานุมานร่วมในพิธี ซึ่งเป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัดตามหลัก D-M-H-T-T-A  ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการป้องกันโรคโควิด-19

นายนิพนธ์ กล่าวว่า การมอบโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชนในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย และนโยบายของกรมที่ดินในการที่จะเร่งรัดในการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินให้แก่พี่น้องประชาชนที่ถือครองที่ดินอยู่ และได้ทำประโยชน์ในที่ดินนั้นมายาวนาน และที่ดินนั้นไม่ใช่ที่ดินของรัฐในประเภทต่างๆ ในปีงบประมาณ 2564 นี้ กระทรวงมหาดไทย โดยตนในฐานะที่กำกับดูแลกรมที่ดิน ได้ลงนามประกาศเดินสำรวจที่ดินเพื่อออกโฉนดที่ดินหนังสือสำคัญของทางราชการแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินไปแล้วจำนวน 50 จังหวัด การมอบโฉนดที่ดิน ตามโครงการ "มอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน" ให้กับประชาชนเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลชานุมาน อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ  จึงเป็นหลักประกันความมั่นคงในกรรมสิทธิ์ ในที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน สามารถนำโฉนดที่ดินไปประกอบการพัฒนาในอาชีพของตนเอง เพิ่มผลผลิต และรายได้ ซึ่งเป็นผลดีในทางเศรษฐกิจของตนเอง

จากนั้น นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางต่อไปมอบโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชน บ้านหนองแสง ตำบลดุมใหญ่ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ตามโครงการ “ มอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุข คลายทุกข์ให้ประชาชน” อีก จำนวน 30 แปลง

นายนิพนธ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมที่ดินยืนยันว่านโยบายการเดินออกสำรวจโฉนดที่ดินก็จะเร่งรัดดำเนินการต่อไปในส่วนต่าง ๆ ของประเทศไทยให้พี่น้องประชาชน ได้สามารถเข้าถึงการมีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินของตนเองถือว่าเป็นความมั่นคงในการถือครองที่ดิน และเป็นการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการใช้ทรัพยากรที่ดินของชาติ สร้างความมั่นใจ ประชาชนไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี ข้อหาบุกรุกที่ดินของทางราชการ โดยโครงการที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เป็นอีกโครงการหนึ่งที่จะเอาที่ดินของรัฐ ที่ประชาชนทำมาหากินอยู่แล้วมาจัดให้กับประชาชน แม้ว่าประชาชนจะไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน แต่ก็ถือว่าประชาชนเข้าทำกินโดยชอบ เพราะมีกฎหมายให้ดำเนินการได้ ขณะเดียวกันจะมีการดำเนินการเร่งรัดการออกเอกสารสิทธิ์โดยกรรมสิทธิ์ที่เป็นนส.3 และนส.3ก ให้ออกเป็นโฉนดเพิ่มมากขึ้นด้วย” นายนิพนธ์ กล่าว

นอกจากนี้ นายนิพนธ์ ยังได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้งแพทย์ พยาบาล บุคลากรต่าง ๆ ที่ได้ช่วยกันดูแลป้องกันสถานการณ์โควิด ซึ่งมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกท่านได้ช่วยกันทำงานอย่างหนักแข่งกับเวลาเพื่อดูแลรักษาชีวิตประชาชนไท่ให้เหิดการสูญเสีย ซึ่งตนขอเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้วิกฤตครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้โดยเร็ว


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

อุทัยธานี - ถึงยุคที่ผีต้องมารีวิวสิ้นค้าแล้วหรอ! !ผีหลวงขาวทอง ช่วยแม่ค้าออนไลน์สมใจทุกรายเป็นที่นิยมในโลกออนไลน์

เมื่อเวลา 14.00.น. ของวันที่ 9 ก.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง ณ ศาลเจ้าพ่อเสือ ต.หนองไผ่แบน อ.เมือง จ.อุทัยธานี โดยไปพบกับนายวงเกษม ศาสตระคมฤทธิ์ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นเป็นร่างเจ้าแม่ขาวทอง พร้อมทีมงานจำนวน 4 คน ที่คอยดูแลเจ้าแม่ขาวทอง

โดย ศาลเจ้าพ่อเสือจังหวัดอุทัยธานี เป็นแหล่งท่องเที่ยวประจำจังหวัด และเป็นสถานที่สำคัญ ที่นักท่องเที่ยวเข้ามากกราบไหว้ขอพรเป็นจำนวนมากแต่ในช่วงสถานการณ์ covid ที่ระบาดขึ้นระลอกใหม่ ทางศาลเจ้าพ่อเสือจึงปิดทำการชั่วคราว ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา ดังนั้น จึงขาดการติดต่อกับทางกลุ่มผู้มีความศรัทธาต่อศาลเจ้าพ่อเสือแห่งนี้ ทีมงานจึงจัดทําช่อง TikTok ขึ้นมาชื่อว่า ช่องผีหลวงขาวทอง เพื่อเป็นช่องทางในการพูดพบปะทักทายและตอบคำถามชี้แนะแนวทางข้อคิดให้กับกลุ่มผู้มีความศรัทธาในศาลเจ้าพ่อเสือ และองค์ประทับที่ชื่อว่าองค์เจ้าแม่ขาวทอง โดยจะทำการไลฟ์สดในช่องติ๊กตอกเป็นประจำทุกวันตั้งแต่เวลา 3 ทุ่ม ถึง ตี 2 รวมประมาณ 5 ชั่วโมง 

แต่ช่วงที่ผ่านมาได้มีกลุ่มผู้ศรัทธาซึ่งประกอบกิจการต่าง ๆ ในหลายจังหวัดได้ขอให้เจ้าแม่ขาวทองช่วยแนะนำร้านอาหารของตัวเองหรือที่เรียกว่าช่วยรีวิวร้านค้า  รีวิวสินค้า เจ้าแม่จึงช่วยรีวิวแนะนำให้กลุ่มลูก ๆ ให้รู้จักสินค้า จากนั้นจึงมีการขอให้ช่วยรีวิวมาจำนวนมาก  อีกทั้งมีกระแสที่ดราม่ามั้ง ตลกมั่ง ครายเครียดให้กับแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ เพื่อเป็นการพูดคุยกันและตอบโต้กัน กันในกลุ่มผู้รับชมในช่อง TikTok จึงเป็นที่มาของช่องผีหลวงขาวทอง ที่วัยรุ่นนิยมเป็นส่วนมากของจังหวัดอุทัยธานีและต่างจังหวัด ซึ่งมีคนดูอยู่หลายหมื่นคนที่เข้ามารับชม


ภาพ/ข่าว  ภาวิณี ศรีอนันต์

ชลบุรี – นายกเมืองพัทยา ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33

สำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรีร่วมกับเซ็นทรัลพัฒนา เปิดหน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชนผู้ประกันตนตามมาตรา 33 โดยใช้พื้นที่ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลมารีนา พัทยา จ.ชลบุรี เป็นสถานที่ให้บริการวัคซีน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีประชาชนในเขตอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จำนวน 37,000 คน ได้ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อมเพื่อแสดงความประสงค์ในการรับบริการวัคซีน ตามระบบและแนวทางการจัดสรรวัคซีนของภาครัฐ ก่อนวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 13,000 โดส จะถูกจัดสรรมาในวันนี้

สำหรับการให้บริการัคซีนสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ในครั้งนี้ จะเริ่มตั้งแต่เวลา 8.30-16.30 น. ของทุกวันยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยจะให้บริการประชาชนผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ด้วยการแบ่งฉีดวันละ 660 คน

ข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับในวันนี้ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจในการให้บริการวัคซีน ม.33 โดยทางศูนย์การค้าเซ็นทรัลมารีนา พัทยา ได้กำหนดใช้พื้นที่ Party House บริเวณชั้น 1 ของศูนย์การค้าเป็นสถานที่ให้บริการวัคซีนสำหรับประชาชนผู้ประกันตน ม.33 ที่พากันมารอคิวตามระบบคัดกรองตั้งแต่ช่วงเช้า


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

ลำปาง - ศคพ.ลป.จับมือหลายหน่วยงานเมืองล้อมแรด เยี่ยมยามถามไถ่และดูแล ผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 รอบ 3

นาย ณรงค์ฤทธิ์ นุปิง ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดลำปางกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ภาคีเครือข่ายหลายหน่วยงานในพื้นที่เทศบาลเมืองล้อมแรด อำเภอเถิน จังหวัดลำปางลงพื้นที่เยี่ยมยามถามไถ่ใส่ดูแล กลุ่มคนเปาะบางผู้ได้รับคนตกงานผลกระทบโควิด-19 รอบ 3 จำนวน 13 ราย

โดย นายชยพล ชมภูรัตน์ นายกเทศมนตรีเมืองล้อมแรด พร้อมคณะ ผู้บริหาร สมาชิกสภาฯโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเด่นแก้ว สสอ.อสม.อพม.ท้องถิ่นท้องที่ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ประสบปัญหาทางสังคมในเขตตำบลล้อมแรด และตำบลเถินบุรีโดยดำเนินการให้ความช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย จำนวน 16 ราย พร้อมเงินทุนประกอบอาชีพผู้ติดเชื้อเอดส์ จำนวน 1 ราย รายละ 5,000 บาท เงินสงเคราะห์ผู้ติดเชื้อเอดส์และครอบครัว จำนวน 2 ราย รายละ 2,000 บาท


ภาพ/ข่าว  ปฏิญญา เรือนงาม รายงาน

โครงการครัวคนรักปทุม ลำลูกกา ทำข้าวกล่องมอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

(11​ ก.ค.64​ ปทุมธานี)​ ที่บริษัท เค เอส เอส อินเตอร์เทด กรุ๊ป จำกัด ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยคณะทำงานของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก​ อบจ.ปทุมธานี จัดโครงการครัวคนรักปทุม ลำลูกกา เพื่อทำข้าวกล่องนำไปมอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยมี ดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง คณะทำงานและที่ปรึกษา​พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่างนายก อบจ.ปทุมธานี พร้อมด้วย สมาชิกคณะทำงานคอยให้การต้อนรับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี

จากนั้นดร.เกียรติศักดิ ส่องแสงได้กล่าวความเป็นมาของโครงการครัวคนรักปทุม ลำลูกกาให้กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานีทราบ ต่อจากนั้นก็ได้นำข้าวกล่องมอบให้กับคณะทำงาน เพื่อนำไปมอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้าน

ดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง ให้รายละเอียดกับผู้สื่อข่าวว่าการจัดโครงการครัวคนรักปทุม ลำลูกกาในครั้งนี้ เป็นโครงการที่ ประกอบอาหารปรุงสด ทำเป็นอาหารข้าวกล่อง เพื่อที่จะนำไปมอบให้กับประชาชนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคระบาดโควิด-19 ที่รอการรับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

"สำหรับโครงการนี้เราต้องการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อจากผู้ที่ติดเชื้ออยู่แล้วออกมาหาอาหารทานกันเองนอกบ้าน เราจึงต้องหาอาหารเครื่องดื่มและของใช้ที่จำเป็นไปส่งมอบให้กับเขาเหล่านี้

"วันนี้ก็ได้รับโอกาสจากพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานีและท่านรองนายก ที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็ขอความร่วมมือจากประชาชนเมื่อท่านเป็นผู้ติดเชื้อเป็นผู้ป่วยก็ขอให้ท่านได้เปิดเผยว่าท่านรอการรักษา ทางคณะทำงานของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนหายจากการเจ็บป่วยโดยเร็ว แล้วเราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน"

ที่มา: ภาพ/ข่าว วะจะนะชัย วาจาพารวย/รายงาน

'อิมพิเรียลเวิลด์สำโรง' มอบน้ำดื่มส่งต่อสะพานบุญ (นายกคนพิการ) เพื่อเป็นกำลังให้พี่น้องประชาชน คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส 

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์สำโรง (สมุทรปราการ)’นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล’ นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน  ‘นายโกสินธ์ จินาอ่อน’ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์  ‘นายณัฐวุฒิ เหมือนเพชร’ ผู้อำนวยการข่าวจังหวัดสมุทรปราการ (หนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์) เข้าพบ ‘นายสุรพงษ์ ปิ่นสุวรรณ’ เป็นตัวแทน ‘นายสงคราม  กิจเลิศไพโรจน์’ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ  ‘นายภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์’ เลขานุการคณะกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับ ‘มูลนิธิกิจเลิศไพโรจน์’ ส่งมอบน้ำดื่ม จำนวน 1,200 ขวด ให้กับ ‘นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล’ นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย พร้อมคณะฯ นำไปใช้ในการดำเนินงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชน คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส ผู้ประสบภัยพิบัติ และ สถานบริการฯให้การช่วยเหลือประชาชนที่กำลังต่อสู้กับสภานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส Covid_19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในประเทศไทยและทั่วโลก ณ ขณะนี้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ และแสดงความห่วงใยให้กับพี่น้องประชาชน คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่กำลังดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้รอดปลอดภัยจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ไปได้ด้วยดี


5 ทริค วางตัวให้ดูแพง เลอค่า!! การวางตัวให้ฉลาด เป็นเรื่องสำคัญ ในการได้รับโอกาสที่ดี

คุณไม่จำเป็นต้อง นามสกุลดัง รวยล้นฟ้า ใช้แบรนด์เนม แล้วจะได้รับคำนิยามว่าเป็น “ผู้ดีไฮโซ” แค่รู้จักวางตัวให้เป็น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทัศนคติ การกระทำบางอย่าง ก็ช่วยให้อัพเกรด มีเสน่ห์เล่อค่า สวยสง่า ดูแพง ไปไหนมาไหนใคร ๆ ก็ให้เกียรติยกย่อง  ตรงกันข้ามถ้าไม่รู้จักวางตัว เล่นมั่วไม่ทิ้งระยะห่าง คนที่เข้ามาหาก็จะมีทุกประเภท รวมทั้งคนที่ไม่ให้เกียรติคุณด้วย ทำให้เสียอิมเมจได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครคุณสามารถดูดีได้ถ้าคุณทำตาม 5 ข้อนี้

1. อย่ามีนิสัยชอบนินทาผู้อื่น  เริ่มต้นจากการไม่นินทาคนอื่น เพราะการวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น เกาะกลุ่มนินทาข้อเสียผู้อื่น โจมตีปมด้อยผู้อื่น เพียงเพราะเห็นภาพลักษณ์ภายนอก หรือแค่ไม่ถูกชะตา สะท้อนถึงการอบรมเลี้ยงดู  โดยเฉพาะเขียนแขวะคนโน้นทีคนนี้ทีลงโซเชียลมีเดีย ความดูแพงติดลบทันที


 
2. มีมารยาท รู้กาลเทศะ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนนิสัยใจคอแบบไหน อ่อนหวาน ขี้อาย แข็งแรง แข็งกร้าว มั่นใจ มาดมั่น การมีมารยาท รู้ว่าอะไรควรไม่ควร รู้จักให้เกียรติผู้อื่น เคารพผู้อื่น เป็นสิ่งสำคัญทุกคนต้องมีเป็นพื้นฐานเหล่านี้ค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของคำพูด “ขอบคุณ” “ขอโทษ” “ขออนุญาต” พูดให้ติดปากให้เป็นนิสัยไว้ คุณอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การรับรู้ของคนฟังยิ่งใหญ่กว่าที่คิด คำพูดของคุณอาจทำให้คนนั้นหัวใจพองโตและยิ้มได้ทั้งวันก็เป็นได้

3. รักษาศักดิ์ศรีให้คู่สนทนา ให้เกียรติตนเองและผู้อื่น อย่าใช้คำพูดทำร้ายจิตใจผู้อื่น อย่าทำลายศักดิ์ศรีของผู้อื่นด้วยคำพูด ไม่ต้องพูดทุกอย่างที่คิด อะไรไม่ดีเก็บไว้ในใจ แต่ไม่ใช่เงียบนิ่งจนเกินเบอร์ คนที่ดูแพงเป็นที่ยอมรับจะไม่พูดพร่ำเพื่อ แต่พวกเขาสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ พูดให้ตรง ไม่อ้อมค้อม แต่ใช้คำพูดเชิงบวก ไม่ทำร้ายจิตใจคนอื่น การพูดแต่ละครั้งจะพูดเฉพาะเรื่องสำคัญๆ คำพูดจึงมีพลังน่าเชื่อถือ การพูดแม้นไม่ได้พูดเก่งมาตั้งแต่เกิด แต่ก็สามารถฝึกกันได้ 

นิสัยในการยึดติดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล นิสัยที่ไร้เหตุผล ไม่ฟังคนอื่น เอาแต่ใจตัวเอง พูดจาดูถูกผู้อื่น ไม่ให้เกียรติ ไม่ใช่วิถีของคนที่มีคุณค่าในตัวเอง ต้องหัดเป็นคนที่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ใครพูดอะไรมาก็ให้ใจเย็นๆ ข่มอารมณ์ไว้ก่อน ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตอบโต้ ใช้ความนิ่งสงบ สยบความพุ่งพล่าน คุณจะกลายเป็นคนที่ดูแพง และฉลาด เห็นไหมเท่จะตาย


4. มีความมั่นใจ เป็นตัวของตัวเอง จากภายใน มีความมั่นใจ และเป็นตัวของตัวเอง คือสิ่งสำคัญ ให้สังเกตดูคนที่ดูคนสง่า ดูแพง น่าเกรงขาม ส่วนใหญ่มีบุคลิกที่เหมือนกัน 2 เรื่อง คือ “ความมั่นใจ” และ “เป็นตัวของตัวเอง” เพราะถ้าคุณไม่มีสองสิ่งนี้คุณก็จะเป็นแค่คนๆ หนึ่งที่ไหลไปตามกระแสของโลกเท่านั้นเอง  

จงปลูกฝัง Mindset ตัวเองตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปว่าคุณเป็นดีมีความสามารถ ไม่ต้องพึ่งพาใคร คุณอยู่ได้ด้วยตัวเอง คุณสง่างาม คุณมีคุณค่า คุณคิดกับตัวเองอย่างไร มันจะเป็นออร่าฉายแสงสะท้อนผ่านการกระทำกับคนอื่นมากเท่านั้น ให้คุณทำไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดเสียงส่วนใหญ่จะมอบเกียรตินั้นให้คุณ และอย่าไปให้ค่ากับเสียงส่วนน้อยที่เต็มไปด้วยอคติต่อตัวคุณ  ถ้าวันนี้คุณทัศนคติดี พูดดี ทำดี วางตัวดี  คนอื่นก็จะค่อยๆ เชื่อว่าคุณเป็นแบบนั้น และมอบเกียรติให้คุณโดยปริยาย

5. น่าค้นหา เป็นมิตร เข้าถึงง่าย สายตามีความเมตตา คนดูแพง เลอค่า มักมีออร่าเปล่งประกาย ดูเหมือนเป็นคนลึกลับ น่าค้นหา เข้าถึงยาก แต่เมื่อไหร่ที่ได้พูดคุย จะพบว่าเฟรนด์ลี่ น่ารัก และเข้าถึงง่ายกว่าที่คิด ถ้าอยากอัพเกรดให้ดูแพง ไม่ควรทำตัวให้เข้าถึงง่ายเกินไป อย่าคุยเล่นไปทั่วจนดูง่ายเกินไป ทางที่ดีควรวางมาดนิ่งๆ สวยๆ ยิ้มหวานๆ สายตามีความเมตตา จะทำให้คุณกลายเป็นคนหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีที่ดูแพง แต่เป็นมิตรกับทุกคน จนใครๆ ก็ใกล้ชิดคุณ เพราะคุณเป็นคนมีเสน่ห์ดึงดูด น่าค้นหา และน่าหลงใหลกว่าใครๆ 
 

เชื่อว่า ถ้าหากคุณต้องการโอกาสที่ดีเข้ามาในชีวิต ต้องการได้รับการยอมรับ ต้องการคนให้เกียรติ  5 ทริคนี้สามารถช่วยคุณได้อย่างแน่นอนค่ะ

เขียนโดย อ.นิธิมา กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากร โปรเฟสชั่นนอล เทรนเนอร์
#Talktonitima


ข้อมูลอ้างอิง
https://today.line.me/th/v2/article/0Ra163
https://jelly.in.th/articles/how-to-be-classy-women

อีกไม่นาน !! โลกขนส่งจะ‘ไร้คนขับ’ I LOCK LENS GURU EP.36

LOCK LENS GURU รายการที่จะพาทุกคนมาเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ ไปกับ ’กูรู’ ตัวจริง 

วันนี้พบกับ ‘อาจารย์ศรัณย์  ดั่นสถิตย์’ อาจารย์ประจำหลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

???? ในหัวข้อ : อีกไม่นาน !! โลกขนส่งจะ‘ไร้คนขับ’ 

ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/post/2021060508

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

.

.


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top