Thursday, 10 July 2025
SPECIAL

สุโขทัย - ติดโบว์ประกวดภาพถ่าย "สุโขทัยเมืองแห่งหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน (Crafts and folk art)" ภาพสวยในแดนรุ่งอรุณแห่งความสุข

วันนี้ที่ห้องประชุมชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย นางศศิธร  สุดเจริญ ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นายกสมาคมสื่อฯ ช่างภาพอาวุโส ประธานชมรมช่างภาพฯ ตัวแทนหน่วยงานด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว ประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาคัดเลือกภาพเพื่อตัดสินภาพที่จะได้รับรางวัลในกิจกรรมการประกวดภาพถ่าย "สุโขทัยเมืองแห่งหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน (Crafts and folk art)" ภายใตัโครงการพัฒนาจังหวัดสุโขทัยมุ่งสู่จังหวัดนวัตกรรมและสร้างสรรค์ (Creative City)

และจะมีการจัดแสดงภาพถ่ายที่รับรางวัลและภาพที่ได้รับความสนใจ มีจุดเด่น ให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่ชื่นชมได้ชมความสวยของภาพถ่าย ณ จุดแสดงภาพถ่าย ตามกำหนดวันและเวลาให้ทราบอีกครั้งในจังหวัดสุโขทัย

โดยกิจกรรมครั้งนี้มีผู้ส่งภาพเข้าประกวดจำนวน 26 คน จากช่างภาพมืออาชีพและสมัครเล่น และผู้ที่ชื่นชอบในการถ่ายภาพในจังหวัดสุโขทัย และจากต่างจังหวัดทั้งจังหวัดสุรินทร์ ,กาฬสินธุ์ ,อุดรธานี ,ชัยภูมิ ,เชียงใหม่ ,นนทบุรี ,พิจิตร ,พิษณุโลก ,กรุงเทพ มีอายุระหว่าง ได้รับความสนใจจากหลายวัย ตั้งแต่อายุ 19 ปี ในระดับเยาวชนถือว่ากิจกรรมนี้ได้รับความสนใจจากกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น รวมถึงวัยเกษียณในวัย 63 ปี ผู้ส่งภาพประกวดมีทั้งชายและหญิง ประกอบอาชีพ ช่างภาพอิสระ ข้าราชการ แพทย์ นักวิทยาศาสตร์ ครู มัคคุเทศก์ ค้าขาย พนักงานบริษัท รับจ้างและนักเรียนนักศึกษา มีจำนวนภาพที่ส่งถึงสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัยเพื่อคัดและทำการประกวดทั้งสิ้น 151 ภาพ

ผลการประกวดมีดังนี้

   1. รางวัลที่ 1 เงินรางวัล 20,000.- บาท พร้อมโล่รางวัล

     ชื่อภาพ เส้นสายลายศิลป์ ของ นายเสกสรร เสาวรส

  2. รางวัลที่ 2 เงินรางวัล 15,000.- บาท พร้อมโล่รางวัล

     ชื่อภาพ ปั้นเครื่องสังคโลกภูมิปัญญาที่ล้ำค่า ของดีศรีสัชนาลัย ของ นางสาวจิรา ชุมศรี

 3. รางวัลที่ 3 เงินรางวัล 10,000.- บาท พร้อมโล่รางวัล

     ชื่อภาพ อวดลวดลายผ้าตีนจก ของ  นายทศพร สหกูล

 4. รางวัลชมเชย พร้อมเกียรติบัตร จำนวน 3 รางวัลๆ ละ 3,000.- บาท

     ชื่อภาพ จำตาสอนไว้ นกคุ้มสุโขทัย คุ้มภัยลูกหลานร่มเย็น ของ นายนครินทร์ เขื่อนเพชร

     ชื่อภาพ เรือนไทยจำลอง(ใหญ่)  ของ นายชนินทร์ แซ่ฟุ้ง

     ชื่อภาพ รักษาศิลปะวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ ของ นายณภัทร ศรีนามฉ่ำ

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย 055612286


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

ตม.จว.ตาก เข้มกลางดึก สกัดจับหนุ่มไทยคาด่านตรวจ ขณะขับกระบะซุก 4 ชาวจีน หวังออกชายแดนข้ามไปเมียวดี

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม 5, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อเศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5, พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.ตม.จว.ตาก และ พ.ต.ท.สุชาติ เพ็ญภู่ รอง ผกก.ตม.จว.ตาก ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ตาก ได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บ้านบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก เมื่อถึงเวลาเกิดเหตุพบรถยนต์ต้องสงสัย จากการตรวจสอบพบผู้ถูกจับที่ 1 คือ นายอาทิตย์ อายุ 43 ปี สัญชาติไทย อาศัยที่ ม.8 ต.เหมืองจี้ อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน เป็นผู้ขับขี่ และทำการตรวจสอบภายในรถยนต์พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน คือ MR.WANG อายุ 22 ปี สัญชาติจีน พร้อมพวกรวม 4 คน จึงขอตรวจสอบเอกสารการเดินทาง จากการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ทั้ง 4 ราย ปรากฏว่าไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางมาแสดง รับว่าตนเดินทางจากประเทศจีน เข้า สปป.ลาว ลักลอบเดินทางเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติทาง อ.เชียงแสน จว.เชียงราย แล้วมีคนมารับช่วงต่อมาส่งที่ปั้มแห่งหนึ่งใน อ.ดอยสะเก็ด จากการสอบถามผู้ขับขี่ ผู้ขับขี่ให้การว่า ตนรับผู้ต้องหาจากปั้มน้ำมัน พี.ที. อ.ดอยสะเก็ด จว.เชียงใหม่ เพื่อนำมาส่งในพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก โดยได้รับการว่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีต่อไป

>> ผู้ถูกจับที่ 1 ในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

>> ผู้ถูกจับที่ 2 – 5 (ช.4) ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” 

รถยนต์ของกลาง คือ รถยนต์ส่วนบุคคล สีเทาทะเบียนเชียงใหม่ เหตุเกิด ณ บ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

ตำรวจสืบสวนแม่จันร่วมกันสกัดจับ 2 ชาวเขา ลำเลียงยาบ้า 100,000 เม็ด จากชายแดนเตรียมส่งให้ในพื้นที่อำเภอแม่จันได้สารภาพพ้นโทษมา 1 เดือน อยู่ในระหว่างคุมประพฤติและสวมกำไล EM ที่ข้อเท้า

เวลาประมาณ 20.30 น. วันที่ 14 ก.ค.64. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.แม่จัน เชียงราย ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พ.ต.อ.ทรรศ์ธนสรณ์ จุฑารัตน์ ผกก.สภ.แม่จัน พ.ต.ท.พันชาติ สมตัว รอง ผกก.สส.สภ.แม่จัน นำโดย พ.ต.ต.อนุชาติ วงศ์ปัญญา สว สส.สภ.แม่จัน ร.ต.อ.ผดุง ท้ายเรือนคำ พร้อมกำลังชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันทำการจับกุม นายอาลอง คะหล่า อายุ 34 ปี ชาว ม.6 ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย และนายอาเหอะ คะหล่า อายุ 42 ปี ชาว ม.6 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) จำนวนประมาณ 100,000 เม็ด ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีชมพู อีกชั้นห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำและห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกใสอีกชั้นหนึ่ง 

ด้วยการจับกุมในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ. แม่จัน สืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากชายแดนพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวงเพื่อมาส่งมอบให้พื้นที่อำเภอแม่จันทางเจ้าหน้าที่จึงได้ออกติดตามหาข่าวจนกระทั่งพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สี แดง-ขาว ทะเบียน คตจ 984 เชียงราย มี นายอาลอง คะหล่า ขับขี่มา ที่บริเวณพื้นที่ ถนนซอยข้างโรงงานดอยคำ บ.ป่าห้า ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบพบว่าที่ข้อเท้าซ้ายของนายอาลอง มีกำไร อีเอ็ม สวมอยู่ จึงได้ทำการขอตรวจสอบอย่างละเอียด ระหว่างนั้นได้มี รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สี น้ำเงิน ทะเบียน 1กล 4593 เชียงราย ที่นายอาเหอะ คะหล่า ขับขี่มา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้นนายอาลอง ก็แสดงท่าทางมีพิรุธเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวไว้จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบยาบ้า ซุกซ่อนอยู่ ภายในถุงพลาสติกใส อยู่ในรถจักรยานยนต์ของนายอาลอง เมื่อเปิดออกพบว่าภายในมียาบ้าของกลางจำนวนประมาณ 100,000 เม็ด 

จากการสอบสวนทราบว่าทั้งสองคนได้ นายอาลอง ให้การว่าได้พึ่งพ้นโทษจากเรือนจำมาได้ประมาณ 1 เดือนและอยู่ในช่วงคุมประพฤติจึงได้สวมกำไลอีเอ็ม ไว้ที่ข้อเท้า แต่ก็มารับจ้างขนยาบ้าโดยให้การรับสารภาพว่าได้นำยาบ้าดังกล่าวมาจากพื้นที่อำเภอแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงรายเพื่อมาส่งมอบในพื้นที่อำเภอแม่จันแต่ว่าจะมีคนโทรมาอีกครั้งว่าจะให้นำไปส่งที่ใด เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา "มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ก่อนจะนำส่งร้อยเวรสอบสวน สภ.แม่จัน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

ลำปาง - “แนวหลังใส่ใจห่วงใย ในสถานการณ์โควิด ที่มีความวิกฤตในปัจจุบัน ร่วมด้วยช่วยกันจุนเจือ เพื่อให้การช่วยเหลือปวงประชา”

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 10.30 น.คุณลักขณา ชัยมงคล ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 32 มอบหมายให้คุณศิริรัตน์ ศรีภัทรางกูร รองประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 32 และสมาชิกสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 32 นำสิ่งของบริจาคที่รวบรวมจากผู้ประสงค์ดีรวมทั้งสมาชิกสมาคมแม่บ้านฯที่มีความห่วงใยในสถานการณ์โควิดสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดลำปาง นำมามอบให้ มณฑลทหารบกที่ 32 ณ กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้แก่ไข่ไก่ 20 แผง, น้ำดื่ม 6 แพ็ค, ข้าวสาร 4 กระสอบ, หน้ากากอนามัยผ้า 400 ชิ้น, ปลากระป๋อง 20 แพ็คและคุณจำเริญขวัญ สุภาพรรณ มอบงบประมาณให้จำนวน 3,000 บาท โดยมี พันเอกโสภณ นันทสุวรรณ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 เป็นผู้รับมอบ

ทั้งนี้กิจกรรมวันนี้เกิดขึ้นจากความปรารถนาดี ความตั้งใจมีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน โดยสมาชิกสมาคมแม่บ้านทหารบกสาขา มณฑลทหารบกที่ 32 ได้แสดงความมีน้ำใจพร้อมใจมาร่วมมอบสิ่งของให้ ซึ่งหน่วยจะได้นำไปมอบให้หรือสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนตามลำดับต่อไป


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

พิจิตร - ผู้ว่าฯพิจิตร ไฟเขียวตั้งโรงพยาบาลสนาม ล่าสุดวันนี้เมืองชาละวันพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม

นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร มอบให้ นายชูศักดิ์ ชุนเกาะ รองผู้ว่าฯพิจิตร , ดร.ธานี  โชติกคาม รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร , นายสุบิน ศรีบุศกร รองนายก อบจ.พิจิตร และ นายชินนาอาชว์  รสิอัครศักดิ์  นายอำเภอบึงนาราง ให้ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของการสร้างโรงพยาบาลสนามที่ รพ.บึงนาราง ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างเพิงพักชั่วคราวให้กับผู้ที่ติดเชื้อโควิดที่เดินทางมาจาก กทม. และจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดเพื่อใช้เป็นที่พักชั่วคราวเพื่อรอการตรวจและส่งต่อเข้ารับการรักษา ซึ่งเป็นอาคารเพิงพักคล้ายกับแคมป์คนงานก่อสร้างทำให้หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า สภาพความเป็นอยู่ดูแร้นแค้น จากนั้น นายรังสรรค์ ผู้ว่าฯพิจิตร จึงได้สั่งการและจัดหางบประมาณให้สร้างเป็นโรงพยาบาลสนามขนาด 38 เตียง มีโครงสร้างเป็นมตรฐานเป็นอาคารติดแอร์ ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นรวมถึงผู้ป่วยและผู้มาใช้บริการ

นอกจากนี้ นายรังสรรค์ ผู้ว่าฯพิจิตร ยังได้สั่งการให้อีก 10 อำเภอ ดำเนินการตั้งโรงพยาบาลสนามและเพิ่มเตียงอีกรวม 478 เตียง ซึ่งประกอบไปด้วย รพ.สนาม ที่ อ.ตะพานหิน อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.สามง่าม อ.บางมูลนาก อำเภอละ 50 เตียง , อ.บึงนาราง อ.ทับคล้อ อำเภอละ 40 เตียง ,อ.วชิรบารมี อ.ดงเจริญ อำเภอละ 20 เตียง , อ.วังทรายพูน 30 เตียง , อ.สากเหล็ก 38 เตียง เพื่อเตรียมรองรับผู้ป่วยผู้ติดเชื้อโควิด ที่มีทั้งเดินทางมาจาก กทม.และจังหวัดที่มีการควบคุมสูงสุดที่ประกาศล็อกดาวน์  รวมถึงประชากรในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ที่ติดเชื้อกันเอง

ล่าสุดของสถานการณ์พิจิตรวันนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 58 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อภายในจังหวัดพิจิตร 28 ราย และผู้ติดเชื้อโควิดที่เดินทางมาจากจังหวัดอื่น ๆ 30 ราย ทำให้วันนี้มีผู้ป่วยขอเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลต่างรวม 275 ราย ตัวเลขผู้ป่วยยืนยันสะสม 432 ราย และต้องรอลุ้นกลุ่มเสี่ยงที่กำลังรอผลตรวจอีก 437 ราย ซึ่งวันนี้พบว่ามีคลัสเตอร์ใหญ่เป็นโรงงานทำรองเท้าอยู่ที่ ต.ทะนง อ.โพทะเล เหตุเกิดจากมีพนักงานติดเชื้อโควิดแล้วแพร่ระบาดไปยังเพื่อนพนักงานด้วยกันรวมถึงชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นด้วย ซึ่งวันนี้ รพ.โพทะเลได้ส่งบุคลากรทางการแพทย์เข้าทำการ Swab หาเชื้อเชิงรุก ซึ่งคาดว่าพรุ่งนี้ก็จะรู้ผลว่ามีผู้ติดเชื้อหรือไม่มากน้อยเพียงใด


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

ชลบุรี - น้ำท่วมชุมชนบางเสร่ นายกตั้ม ลุยน้ำนำทีมงานป้องกัน บรรเทาความเดือดร้อน

โดยเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 14 ก.ค. 64 พื้นที่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้เกิดฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักนานติดต่อกัน ประมาณ 1 ชม. หลังกรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์อากาศ ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความ เร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร จนทำให้ ในพื้นที่ชุมชนบางเสร่ เกิดน้ำท่วมขังเป็นวงกว้าง มีระดับน้ำสูงหลายเซนติเมตร

โดยบ้านเรือนประชาชนหลายครัวเรือน ที่อยู่ในพื้นที่ราบต่ำ ได้รับผลกระทบ สาเหตุจากน้ำระบายลงทะเลไม่ทัน และประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าว น้ำทะเลหนุน ร่วมไปถึงถนนสุขุมวิทช่วงทางเข้าตลาดบางเสร่  เป็นช่วงที่กำลังก่อสร้างถนนสุขุมวิทและวางท่อระบายน้ำใหม่ ส่งผลให้ ผู้ใช้เส้นทางดังกล่าว รวมถึงชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เทศบาลตำบลบางเสร่ ต่างได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน จากฝนตกในวันนี้

ล่าสุด นายชัยวัฒน์ อินอนงค์ นายกเทศมนตรีตำบลบางเสร่ ได้นำทีมคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา และ เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารภัยเทศบาลตำบลบางเสร่ เดินลุยน้ำลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนและบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นก่อนลงดู ทุกสถานที่ที่เกิดปัญหาเพื่อรับทราบถึงปัญหาทันที โดยเตรียมเรียกประชุม กองช่างและส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้นเป็นการเร่งด่วน และจะได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการแก้ปัญหาน้ำท่วมทางถนนสุขุมวิทที่เกิดขึ้น เพื่อแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีกในระยะยาวต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

กระบี่ - กำหนดมาตรการลานเทปาล์มน้ำมันคุณภาพ 18 % ขึ้นไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเมืองแห่งปาล์มน้ำมันคุณภาพ

พันตำรวจโท หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า จังหวัดได้ติดตามการดำเนินงานตามโครงการขับเคลื่อนนโยบายเมืองแห่งปาล์มน้ำมันคุณภาพ และตรวจกำกับลานเทปาล์มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดกระบี่ โดยกำหนดมาตรการเพื่อให้ลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมันคุณภาพ (18 % ขึ้นไป) ได้ปฏิบัติ ดังนี้ ลานเทปาล์มน้ำมันต้องมีทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม พื้นที่ปฏิบัติงานมีจำนวนพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสม และถูกสุขลักษณะของพื้นที่ปฏิบัติงาน เครื่องชั่งได้มาตรฐานเหมาะสมกับการใช้งานตามกฎหมายกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ ในการแยกลูกร่วง โดยรางทะลายปาล์มเป็นรางทึบ ไม่มีตะแกรง หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ในการแยกลูกร่วง  มีป้ายแสดงราคาที่ชัดเจน และถูกต้องตามกฎหมายกระทรวงพาณิชย์  รับซื้อปาล์มทะลายและปาล์มร่วงในราคาเดียวกัน, รับซื้อปาล์มทะลายที่มีคุณภาพตาม มกษ.5402 โดยไม่ซื้อปาล์มดิบ และปาล์มที่ไม่มีคุณภาพ  ขนส่งปาล์มถึงโรงานภายใน 24 ชม. นับตั้งแต่รับทะลายปาล์ม ไม่กระทำการใด ๆ ที่เร่งให้ปาล์มสุกเร็วโดยผิดแผกไปจากธรรมซาติ เช่น ไม่รดน้ำ บ่มปาล์ม ใช้สารเคมี อื่นๆ ที่เร่งให้ปาล์มสุกเร็วขึ้น รวมทั้งมีสิ่ง อำนายความสะดวกอื่น ๆ อาทิ แสงสว่าง อุปกรณ์เครื่องมือ กล้องวงจรปิด ฯลฯ และได้รับการรับรองมาตรฐาน RSPO    

สำหรับลานเทที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่จังหวัดกำหนด และออกตรวจสอบกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวได้กำหนดโทษ ดังนี้  ลานเทปาล์มน้ำมันไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการ หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2552 มาตรา 28 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หากลานเทปาล์มน้ำมันไม่แจ้งปริมาณสถานที่เก็บและไม่จัดทำบัญชีคุมสินค้าน้ำมันปาล์มและผลปาล์มน้ำมัน หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม พรบ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2442 มาตรา 24(5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมี่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละสองพันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะมีการแจ้ง ลานเทปาล์มน้ำมันต้องประทับแสดงเครื่องหมายคำรับรองของสำนักงานกลางหรือสำนักงานสาขาที่เครื่องชั่งตวงวัดทุกเครื่อง หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม พรบ. มาตรการชั่งตวงวัด (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2557 มาตรา 7 ต้องระวางโทษจำคุกไม่กินสามปีและปรับไม่เกินหนึ่งแสนสองหมื่นบาท ห้ามแก้ไขหรือดัดแปลงส่วนประกอบของเครื่องชั่งหรือโปรแกรมที่ใช้กับเครื่องช่างโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบอื่นที่คล้ายคลึงกันหรือกระทำด้วยวิธีการใด ๆ เพื่อให้ความเที่ยงของเครื่องชั่งผิดเกินอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด หากฝ่าฝืนมีความผิด ตาม พรบ. มาตราชั่วตวงวัด (ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2557 มาตรา 75 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิดเจ็ดปี และปรับไม่เกิดสองแสนแปดหมื่นบาท


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

สตม. รวบคู่สามีภรรยา ขับรถซุก 2 สาวเวียดนาม หวังออกชายแดนแม่สอด ขยายผลได้หลักฐานเด็ดรวบเพิ่ม 2 หนุ่มใหญ่พานั่งเครื่องจากชายแดนใต้บินเข้ากรุง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม 5, พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อเศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5 และ พ.ต.ท.จักกราวุฒิ สุภาภรณ์ประดับ สว.ตม.จว.กำแพงเพชร ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกำแพงเพชร และ สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายกฤตภาส์ และ น.ส.ธนาวดี พร้อมของกลางรถยนต์ทะเบียนหนองบัวลำภู ซึ่งใช้เป็นพาหนะในการขับนำคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 2 คน คือ MISS.DO อายุ 28 ปี และ MISS.NGUYEN อายุ 24 ปี เดินจาก กทม. - อ.แม่สอด จว.ตาก ส่ง พงส.สภ.เมืองกำแพงเพชร ดำเนินคดี

พฤติการณ์ ตามวันเวลาเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พบนายกฤตภาส์ และ น.ส.ธนาวดี ขับรถยนต์ของกลางนำคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามดังกล่าวเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไป อ.แม่สอด จว.ตาก จึงจับกุม ส่ง พงส.สภ.เมืองกำแพงเพชร จากนั้นได้ทำการขยายผลโดยซักถามคนต่างด้าวทราบว่าคนต่างด้าวได้หลบหนีเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติชายแดนมาเลเซีย-ไทย ด้าน อ.สะเดา จว.สงขลา จากนั้นได้มีชายไทย 2 คน พามาที่สนามบินหาดใหญ่ ซื้อตั๋วโดยสารให้ และโดยสารเครื่องสายการบินแอร์เอเชีย (FD3111) มาส่งคนต่างด้าวถึง ทอ.กรุงเทพฯ โดยนั่งอยู่แถวด้านหน้า จากการตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารและภาพจากกล้องวรจรปิดภายในสนามบินทราบว่าชาย 2 คนดังกล่าวคือ นายสุภชัย และนายโชคอนันต์ จึงได้ให้คนต่างด้าวชี้ยืนยันภาพถ่าย และนำพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้ พงส.สภ.เมืองกำแพงเพชร เพื่อดำเนินคดีกับนายสุภชัย และนายโชคอนันต์ฯ ซึ่งต่อมา พงส. ได้ยื่นคำร้องและศาลจังหวัดกำแพงเพชรได้อนุมัติหมายจับที่ จ.119/2564 และ จ.120/2564 ลง 23 มิ.ย. 64 ให้จับกุมนายสุภชัย และนายโชคอนันต์ มาดำเนินคดี  

                               

ต่อมาเจ้าหน้าที่ ตม.จว.กำแพงเพชร ได้ร่วมกับ บก.ปพ.บช.ก., กก.สส.บก.ตม.6 และ ตม.ทอ.หาดใหญ่ บก.ตม.2 จับกุมตัวนายสุภชัย และนายโชคอนันต์ ส่ง พงส.สภ.กำแพงเพชร ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

ลำปาง - พ่อเมืองลำปาง ร่วมให้กำลังใจส่งนักรบชุดขาวดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เดินทางปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี

ที่ จ.ลำปาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริวณลานอนุสาวรีย์ฯ ร.พ.ลำปาง นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ โสภณ ผอ.รพ.ลำปาง พร้อมคณะผู้บริหาร พยาบาล และเจ้าหน้าที่ รับมอบโอวาทและข้อเสนอแนะในการทำหน้าที่ปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจก่อนออกเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งเสริมกำลังใจ แก่ทีมแพทย์พยาบาล ในการไปปฏิบัติงานที่ ร.พ.สนามบุษราคัม เมืองทองธานี จำนวน 13 ราย ระหว่างวันที่ 14-28 ก.ค. 2564

โดยการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ทีมนักรบเสื้อขาวของ จ.ลำปางชุดนี้ จะประกอบไปด้วย บุคลากรแพทย์ จาก ร.พ.แจ้ห่ม และ ร.พ.แม่ทะ จำนวน 2 คน เภสัชกร จาก สสจ.ลำปาง 1 คน พยาบาลวิชาชีพซึ่งล้วนเป็นบุคลากรของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ จำนวน 10 คน จาก ร.พ. แม่พริก สบปราบ ห้างฉัตร เถิน เกาะคา เสริมงาม แม่เมาะ วังเหนือ เมืองปาน  และ ร.พ.งาว รวมทั้งหมด จำนวน 13 คน โดยทีมเจ้าหน้าที่ชุดนี้ เป็นทีมพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้ป่วยหนัก จะเป็นกำลังเสริมคอยให้การสนับสนุน หรือ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกับบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

ชลบุรี - ปันน้ำใจ สโมสรโรตารี่ มิตรภาพสัตหีบร่วมกับ ชมรมผู้สูงอายุ รพ.สิริกิติ์ มอบข้าวน้ำดื่มให้กับ รพ.อาภากรเกียรติวงศ์

วันนี้ 14 ก.ค.64 ที่โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี สโมสรโรตารี่ มิตรภาพสัตหีบ ร่วมกับ ชมรมผู้สูงอายุ รพ.สิริกิติ์ ปันน้ำใจ นำอาหาร ขนม น้ำดื่มมามอบให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ โดยมี นาวาเอก ก่อพงษ์ หังสพฤกษ์ รอง ผอ.โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ เป็นผู้รับมอบ

ในการนี้ นางรัมพาพรรณ์ อินมะโรง นายกสโมสรโรตารี่ มิตรภาพสัตหีบ พร้อมสมาชิก นาวาเอก สมศักดิ์ พรหมมาลี ประธานชมรมผู้สูงอายุ รพ.สิริกิติ์ และสมาชิก ร่วมมอบสิ่งของเพื่อเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์

สำหรับทาง สโมสรโรตารี่ มิตรภาพสัตหีบและชมรมผู้สูงอายุ รพ.สิริกิติ์ ขอเป็นกำลังใจให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ จึงร่วมกันมอบนำอาหาร ขนม น้ำดื่ม ในครั้งนี้เพราะหวังเป็นกำลังใจ ส่งพลังเล็ก ๆ จากพวกเรา ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าอยู่ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามทาง สโมสรโรตารี่ มิตรภาพสัตหีบ และชมรมผู้สูงอายุ รพ.สิริกิติ์ ฝากความห่วงใยถึง ประชาชาชน ขอให้ประชาชนชาวสัตหีบ ระมัดระวังป้องกันตนเองจาก โควิด-19 ให้มากขึ้น สวมใส่แมสให้มิดชิด ทำความสะอาดมืออยู่บ่อย ๆ ไม่ไปในที่แออัด เราขอเป็นกำลังใจให้กับประชาชนทุกคน เราจะผ่านไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

นราธิวาส - ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ร่วมส่งกำลังใจและมอบหน้ากากอนามัย ชุดเครื่องนอน ให้กับโรงพยาบาลสนามในจังหวัดนราธิวาส

วันที่ (14 ก.ค. 64) เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นายจำนัล เหมือนดำ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล และคณะ เดินทางมามอบหน้ากากผ้า และชุดเครื่องนอน ผ่านทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้กับโรงพยาบาลสนามในจังหวัดนราธิวาส โดยมี นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายปรีชา นวลน้อย ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์วิชัย วิเชียรวัฒนชัย ผอ.โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ นายกิตติพนธ์ วุฒิวงศ์ หัวหน้าสำนักงาน ปภ.จังหวัดนราธิวาส และผู้บริหารสาธารณสุข  ร่วมรับมอบในครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วย ชุดเครื่องนอน 60 ชุด หน้ากากผ้า 200 ชิ้น

ทางด้านนายจำนัล เหมือนดำ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจาก หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล / รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกับทางหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มาแจกหน้ากากอนามัย และชุดเครื่องนอนให้กับผู้ที่อยู่ในโรงพยาบาลสนามจังหวัดนราธิวาส ไม่เฉพาะในจังหวัดนราธิวาสเท่านั้น แต่จะรวมทั้งจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ได้กล่าวให้กำลังใจให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ พี่น้องประชาชน ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และดูแลตัวเองตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

เชียงใหม่ - เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ทำโครงการวิจัยอนุรักษ์สายพันธุ์สัตว์ป่าที่สำคัญและหายากเพื่อการอนุรักษ์

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ในขณะที่ประเทศกำลังกังวลกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีที่นอกจากการป้องกันความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว และผู้ปฏิบัติงานทุกคนแล้ว ยังได้มีมาตรการต่าง ๆ ในการดูแลสัตว์ทุกชนิด และยังมีแนวทางในการอนุรักษ์วิจัย เพื่อส่งต่อพันธุกรรมของสัตว์ป่าหายากเหล่านี้ให้คงอยู่ต่อไป

นายเบญจพล นาคประเสริฐ กรรมการบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเป็นหนึ่งในแหล่งที่ดูแล รวบรวมสายพันธุ์ของสัตว์ป่าที่สำคัญและหายากไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งพันธุ์สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งในระดับนานาชาติได้มีการศึกษาวิจัย เพื่อการอนุรักษ์สัตว์ป่าเหล่านี้อยู่หลายหน่วยงาน เช่น WAZA (The world zoo and aquarium association) ได้กำหนดหน้าที่ของสมาชิกสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในระดับโลก ให้ตระหนักถึงการรับผิดชอบต่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยให้การสนับสนุนความรู้ด้านการวิจัยเพื่อการอนุรักษ์เชิงบูรณาการอย่างยั่งยืน ตามรายชื่อในบัญชีแดงของ IUCN (IUCN Red list) หรือ SEAZA (South East Asian Zoo Association) โดยมีเป้าหมายในการจัดการประชากรของสายพันธุ์สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ของภูมิภาคในสวนสัตว์อย่างยั่งยืนเพื่อการอนุรักษ์

และปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนสัตว์ป่าหลายชนิดที่มีการลดลงอย่างต่อเนื่องในธรรมชาติ เช่น เสือปลา กวางผา เลียงผา เสือดำ/ เสือดาว หมีหมา หมีควาย กระทิง วัวแดง สุนัขจิ้งจอกสีทอง หมาไน ฯลฯ อันเนื่องมาจากมีการบุกรุกของมนุษย์ เช่น การทำลายธรรมชาติ ทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย เป็นต้น จึงทำให้จำนวนของสัตว์ป่าบางชนิดมีแนวโน้มที่จะสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ ซึ่งการลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่องของสัตว์ป่านั้นไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น ในต่างประเทศทั่วโลกก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน ดังนั้นจึงได้มีการคิดค้นวิธีการที่จะช่วยอนุรักษ์พันธุ์ของสัตว์เหล่านี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไป โดยใช้วิธีที่เรียกว่า “เทคโนโลยีช่วยสืบพันธุ์ในสัตว์ป่าหายาก” (Assisted reproductive technology for endangered species) ซึ่งมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จึงได้ร่วมกับภาควิชาศัลยศาสตร์และวิทยาการสืบพันธุ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และศูนย์วิจัยการผสมเทียมและเทคโนโลยีชีวภาพเชียงใหม่ เลือกทำการวิจัยทางด้านการรีดน้ำเชื้อ การตรวจคุณภาพน้ำเชื้อ และการทำน้ำเชื้อแช่แข็ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นิยมใช้ทั่วโลก มีความปลอดภัยสูงต่อสัตว์ และสามารถพัฒนาสายพันธุ์ให้คงอยู่ได้อย่างสมดุลในธรรมชาติ ซึ่งนำไปสู่การดำเนินโครงการ “คืนม้าเทวดาสู่ยอดดอย” ที่เป็นโครงการต่อเนื่องในการวิจัยและอนุรักษ์สายพันธุ์สัตว์ป่าหายากของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีต่อไป

ทั้งนี้ ในช่วงเวลานี้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ และดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด โดยนักท่องเที่ยวจะต้องลงทะเบียนจองการเข้าชมในช่องทางออนไลน์ล่วงหน้า ได้ที่ www.chiangmainightsafari.com


ภาพ/ข่าว  นภาพร / เชียงใหม่

นราธิวาส - ผบ.พล.ร.15 ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ น้องสุดท้องของกองทัพบก รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก ป้องกันโควิค-19

พลตรี ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม พร้อมทั้งสังเกตุการณ์การเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรก ป้องกันโควิค-19 ให้กับน้องสุดท้องของกองทัพบก ทหารใหม่ผลัดที่ 1/2564 ของหน่วยฝึกทหารใหม่ กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 151 และ หน่วยฝึกทหารใหม่ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 ณ ค่ายกัลยานิวัฒนา ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส สำหรับการรับทหารกองประจำการผลัด 1/2564 ที่เข้ามารายงานตัวในหน่วยฝึกทหารใหม่ระหว่าง 1-3 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ กองทัพบกได้เตรียมความพร้อมทั้งด้านกายภาพ อาคาร สถานที่ หลักสูตรการเรียนการฝึกมาตรการป้องกันโรคการรักษาพยาบาลที่สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งแผนการฉีดวัคซีนให้กับทหารใหม่และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยฝึกทหารใหม่ ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้กับทหารใหม่

โดยให้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้ทหารใหม่ก่อนเป็นลำดับแรกเพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดการแพร่ระบาดหรือการสูญเสียกำลังพลโดยมอบให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ทบ.พิจารณาวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรจากกระทรวงกลาโหมและรัฐบาลนำไปฉีดให้กับทหารใหม่อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะทหารใหม่ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนก่อนเข้าประจำการ รวมถึงการจัดสรรวัคซีนสำหรับฉีดให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกทหารใหม่ตามลำดับเพื่อให้ทหารใหม่และครอบครัวมีความมั่นใจว่ากองทัพบกได้ให้การดูแลด้านการควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับทหารกองประจำการอย่างดีที่สุด

ทั้งนี้ พลตรี ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ได้มอบความห่วงใย ให้กำลังใจ แก่น้อง ๆ ทหารใหม่ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณคณะแพทย์ และพยาบาลจากโรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร ที่ได้เดินทางมาอำนวยความสะดวกในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิค-19 ให้กับหน่วยฝึกทหารใหม่ภายในที่ตั้งหน่วย โดยในวันนี้ ทั้ง 2 กองพัน มียอดผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนทั้งสิ้น 249 นาย ซึ่งน้อง ๆ ทหารใหม่ ต้องผ่านกระบวนการในเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิค-19 ได้แก่ 

1.ตรวจสอบเอกสาร และกรอกข้อมูล 

2.คัดกรองวัด สัญญาณชีพ ประเมินความดันไข้ชีพจรรายการหายใจ

3. เจ้าหน้าที่ ซักประวัติกลุ่มเสี่ยง โรคประจำตัวตามเอกสาร และ ให้ผู้รับการฉีดวัคซีนเซ็นเอกสารยินยอมการขอรับการฉีดวัคซีนให้เรียบร้อย กรณีที่คนไข้มีความเสี่ยงเช่นรับประทานยามีโรคประจำตัวอื่น ๆ จะต้องพบแพทย์เพื่อประเมินซ้ำทุกราย

4. จุดบริการวัคซีน จะมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดให้บริการ พยาบาลจะสอบถามและตรวจสอบเอกสารอีกครั้งพร้อมกับแจ้งชนิดวัคซีนที่จะฉีดให้กับผู้ป่วย และให้บริการฉีดวัคซีนกับคนไข้

5. จุดสังเกตอาการหลังฉีดวัคซีน 30 นาทีจะต้องสังเกตอาการทุกรายการสังเกตอาการตั้งแต่ระดับความรู้สึกตัว หากไม่รู้สึกตัวหรือรู้สึกไม่สุขสบายหรือมีความผิดปกติให้คนไข้ เรียกเจ้าหน้าที่ ได้ทันทีจะมีเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน คอยให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นอยู่ หากเลย 30 นาทีแล้วสัญญาณชีพปกติดี จึงไป จุดถัดไป และ

6. จุดออกบัตรนัด และ ให้คำแนะนำ จุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่แจ้งวันนัดในการฉีดวัคซีนในเข็มถัดไป พร้อมออกบัตรนัด รวมถึงการให้คำแนะนำการปฏิบัติตนหลังกลับบ้านไปแล้ว หากมีอาการผิดปกติได้ประสานโรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียงของน้อง ๆ ทหารใหม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์ได้ทันที


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ข่าว Fake ว่อน Feed!! เช็คอย่างไร ให้ชัวร์ก่อนแชร์

ข่าว Fake ว่อน Feed 

หากเป็นสมัยยุคอนาล็อค ถ้าถามว่าข่าวอะไรแพร่ไว ก็น่าจะเป็น “ข่าวลือ” แต่สมัยยุคดิจิทัลนี้ข่าวลือต้องแพ้ “ข่าวลวง” (Fake news) ข่าวลวงยุคนี้มีหลากหลายรูปแบบและแยบยลขึ้นทุกวัน

BBC ระบุถึงความหมายของ Fake news ในยุคโลกออนไลน์ไว้สั้น ๆ เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อนว่า Fake news คือ ข่าว หรือเรื่องราวที่ไม่จริงในอินเตอร์เน็ต “Fake news is news or stories on the internet that are not true.” จากนิยามสั้น ๆ นี้ ยากตรงเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ข่าวหรือเรื่องราวนั้น ๆ จริงหรือไม่ เพราะข่าวหรือเรื่องราวที่บอกความจริงไม่หมด หรืออาศัยข้อมูลจริงบ้างบางส่วนผสมไม่จริงหรือนำเสนอเพื่อให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญนี้แยกแยะลำบากเหมือนกัน   

วันนี้จะมาชวนช่วยกันลองเช็คข้อมูลหาความจริงกัน ขอยกกเรื่องราวจากรณีล่าสุดในโลกโซเชียลฯ ที่มีการเผยแพร่จดหมายจาก บริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด ที่ส่งถึง ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยในเนื้อความระบุว่าบริษัทสามารถจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์ม จำนวน 20 ล้านโดส ให้แก่รัฐบาลไทยได้ โดยไม่ผ่านตัวแทนหรือบริษัทผู้จัดจำหน่ายอื่นใด แต่ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมาบริษัทไม่สามารถเข้าถึงหรือเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุขเพื่อนำเอกสารดังกล่าวไปนำเสนอวัคซีนได้เลย 

ครั้งแรกที่เห็นจดหมายนี้ ก็สงสัยว่าจะเป็นไปได้ไหม? เพราะเท่าที่จำได้จากข่าว วัคซีนซิโนฟาร์ม มีบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ได้ขอขึ้นทะเบียนกับ อย. ไว้แล้ว ทำไมจะมีอีกบริษัทแถมบอกว่าไม่ผ่านตัวแทนหรือบริษัทผู้จัดจำหน่ายอื่นด้วย มีความแปลก ๆ น่าสงสัย ๆ เลยลองหาข่าวจากสื่อพบว่า ด้านรัฐบาล โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว ปรากฏว่าบริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัดไม่สามารถนำเข้ายาเข้ามาในประเทศไทยได้ เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และวัคซีน Sinopharm ได้มีบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ได้ขอขึ้นทะเบียนกับ อย. ไว้ก่อนแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินคำขอขึ้นทะเบียนอยู่ และอยู่ระหว่างการดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณา และยังระบุด้วยว่าการเจรจาติดต่อเรื่องการนำเข้าวัคซีนสามารถติดต่อผ่านทางองค์การเภสัชกรรม หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้โดยตรงในเบื้องต้น โดยไม่มีความจำเป็นต้องพบนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีตามที่อ้างแต่อย่างใด

ข้อมูลของบริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด กับของด้านรัฐบาลนั้นขัดแย้งกันพอสมควร…ยังไม่ต้องรีบเชื่อใครก็ได้ ก่อนจะเชื่อใคร ชวนลองมาตรวจสอบข้อมูลแบบง่าย ๆ กันกับความเป็นบริษัทแอคแคป แอสเซ็ทส์ ที่บอกว่าจะเอาวัคซีน Sinopharm เข้ามา 20 ล้านโดส (ภายใน 2 สัปดาห์ด้วยนะ) บริษัทนี้คือบริษัทอะไร ทำไมถึงกล่าวอ้างว่าจะนำเข้าวัคซีนได้   

วิธีการตรวจสอบ คือ ลองไปเช็คข้อมูล บริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัดใน website ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าบริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2563 (ถึงวันนี้ก็ปีกว่า ๆ เอง) ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท คณะกรรมการบริษัท คือ นายกรกฤษณ์ กิติสิน และ นายศวิษฐ์ อุทัยเฉลิม จดทะเบียนในประเภทธุรกิจ “การซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองที่ไม่ใช่เพื่อเป็นที่พักอาศัย” วัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียน คือ “ประกอบกิจการซื้อเเละการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองที่ไม่ใช่เพื่อเป็นที่พักอาศัย” นอกจากนี้ยังไม่พบข้อมูลการส่งงบการเงินปรากฎอยู่เลย หากพิจารณาจากข้อมูลที่ปรากฎนี้ต้องบอกตรง ๆ ว่าบริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด ที่ทำธุรกิจด้านอสังหาฯนั้นไม่ใกล้เคียงกับการจะเป็นบริษัทตัวแทนผู้นำเข้าวัคซีนได้เลย การนำเข้าวัคซีนในยามปกติก็ไม่ง่ายแล้ว ยิ่งในยามภาวะฉุกเฉินมีวิกฤตโรคระบาดนี้ยิ่งไม่น่าจะเป็นได้ว่าบริษัทผู้ผลิตจะวางใจให้บริษัทที่ไม่ได้เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ตรงมาเป็นตัวแทนนำเข้า 

ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า https://datawarehouse.dbd.go.th/company/profile/5/0105563061387

พอหาข้อมูลได้ชักอยากรู้ต่อว่าแล้วบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ได้ขอขึ้นทะเบียนกับ อย. ไว้เพื่อวัคซีน Sinopharm ละเป็นอย่างไรบ้าง จึงลองไปหาข้อมูลบริษัทฯจาก website ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าบ้าง ก็พบว่า บริษัทไบโอจีนีเทค จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อปี 2536 โดยจดทะเบียนในประเภทการขายส่งเคมีภัณฑ์ทางอุตสาหกรรม และมีวัตถุประสงค์การจดทะเบียนเพื่อ นำเข้าและส่งออกขายสินค้าเคมีภัณฑ์วัสดุทางการแพทย์ ทุนจดทะเบียน 24 ล้านและมีการแสดงงบแสดงสถานะการเงินปรากฎอยู่ชัดเจน 

ดังนั้นหากพิจารณาเปรียบเทียบข้อมูลบริษัทของทั้งคู่แล้ว แล้วสมมุติว่าเราคือชิโนฟาร์ม เราจะเลือกบริษัทไหนเป็นตัวแทนนำเข้าวัคซีน ระหว่างบริษัทที่เปิดมาเพื่อนำเข้า-เคมีภัณฑ์ทางการแพทย์ กับบริษัทซื้อขายอสังหาริมทรัพย์? 

นอกจากนี้บริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด อ้างว่าตนเองมีฐานะเป็นพันธมิตรผู้เดียวในประเทศไทยของบริษัท TELLUS AGROTECH PTE. LTD. ผู้จัดจำหน่ายวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” ในภูมิภาคเอเชีย…ทำให้อยากรู้จักบริษัทTELLUS AGROTECH PTE. LTD.  ด้วย เลยลองไป search หาข้อมูลบริษัทนี้ ก็เจอบริษัทที่มีชื่อเดียวกันกับ TELLUS AGROTECH PTE. LTD.  ระบุว่าบริษัทมีสถานะการดําเนินงานในปัจจุบันและเปิดให้บริการมา 2 ปี 118 วัน โดยจดทะเบียนเมื่อวันที่ 28 Jan 2019 ธุรกิจหลักของบริษัทคือบริการให้คําปรึกษาด้านการเกษตร ธุรกิจรองคือการพัฒนาซอฟต์แวร์สําหรับสื่อดิจิทัล…ถ้าบริษัทนี้คือบริษัทเดียวกันตามที่บริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด อ้างถึงนี้ก็ต้องบอกว่า บริษัทฯนี้ ดูไม่ใกล้เคียงกับการเป็นผู้จัดจำหน่ายวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” ในภูมิภาคเอเชียเลย 

ที่มา : https://www.sgpbusiness.com/company/Tellus-Agrotech-Pte-Ltd

และที่สำคัญ ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ผู้ที่จดหมายจาก บริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด ระบุว่าส่งจดหมายไปถึงนั้น โพสต์ชี้แจงใน Facebook ส่วนตัวลงวันที่ 27 พ.ค. 64 ว่า “หนังสือนี้ร่อนไปทั่วบนระบบออนไลน์โดยที่ คนที่หนังสือนี้ส่งถึงยังไม่ได้เห็นหนังสือตัวเป็น ๆ เลย...” (เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ชวนสงสัยมากว่า หากตั้งใจให้คุณหมอ ทำไมคุณหมอถึงไม่ได้รับ แต่ชาวเน็ตเห็นก่อนอีกด้วย ชวนสงสัยยิ่งนักว่าจดหมายนี้มีวัตุประสงค์เพื่ออะไร) นอกจากนี้คุณหมอยังได้ระบุถึงกฎระเบียบต่าง ๆ ในการเป็นตัวแทนนำเข้าวัคซีนด้วย

สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวนั้น เมื่ออ่านที่คุณหมอเขียนแล้วก็รู้สึกสงสารคนทำงาน ลำพังจะต้องสู้กับโรคระบาด ต้องช่วยกันเพื่อให้คนไทยปลอดภัยที่สุดเท่าที่ทำได้นั้นก็ยากลำบากมากในยามนี้ แล้วยังต้องมาเจอเรื่องราวเช่นนี้อีก ดูจะบั่นทอนกำลังใจคนทำงานไม่น้อย ซึ่งสุดท้ายย่อมจะเป็นผลดีกับประชาชนและสังคมส่วนรวม 

ส่วนกรณีของบริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด ก็คงต้องพิสูจน์ข้อเท็จเพิ่มเติมกันต่อไปว่าจะ fake หรือไม่ fake อย่างไร ยังไม่ขอฟันธง แต่เท่าที่มีข้อมูลตอนนี้พอให้สังคมได้ช่วยกันพิจารณา ตั้งคำถามกับข้อเท็จจริงในกรณีจากเรื่องราวข้อมูลกรณีนี้ได้พอสมควร 

แต่แน่นอนว่า Fake news นั้นเกิดที่ไหน ก็เดือดร้อนที่นั้น เพราะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ความเข้าใจผิดนี้นำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ได้มาก ยิ่งในยามที่เราต้องเผชิญกับภาวะการต่อสู้กับโรคระบาดอาจทำให้เกิความผลลบอย่างที่เราอาจจะคาดถึง การรู้เท่าทันและไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอมจึงเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่เราจะสร้างให้ตัวเองได้  สุดท้ายนี้มีวิธีสร้างภูมิคุ้มกันโดยการสังเกต fake news จาก BBC มาฝากค่ะ ทำได้ไม่ยาก ทั้งหมดเริ่มต้นจากการสังเกต ตั้งข้อสงสัย แล้วตั้งคำถามถามตัวเองก่อนจะเชื่อ หรือจะแชร์อะไร ว่า

- มีการรายงานเรื่องราวไปที่อื่นหรือไม่? (คือดูว่ามีสื่อลงหลาย ๆ สำนักไหม หรือมีการนำเสนออย่างกว้างขวางชัดเจนไหมนั้นเอง)

- ข่าวหรือเรื่องราวนั้น ๆ อยู่ในวิทยุทีวีหรือในหนังสือพิมพ์? (ข้อนี้อาจต้องระวัง เพราะบางทีสิ่งที่อยู่ในสื่อหลักอย่างวิทยุและโทรทัศน์ก็อาจจะไม่จริงทั้งหมดเสมอไป)

- คุณเคยได้ยินชื่อ หรือรู้จักองค์กรที่เผยแพร่ข่าว หรือเรื่องราวหรือไม่? (ถ้าชื่อสำนักข่าว หรือชื่อ url ไม่คุ้นเคยต้องตั้งคำถามต่อว่า คนส่งข่าวหรือเรื่องราวนี้คือใคร น่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน)

- เว็บไซต์ที่คุณพบว่าเรื่องราวดูเป็นของแท้หรือไม่? (เพื่อพึงระวังเว็บไซต์เลียนแบบ (copycat) ที่ออกแบบมาเพื่อมีลักษณะเหมือนเว็บไซต์จริงของคนอื่น)

- ที่อยู่ (URL) เว็บไซต์ที่ด้านบนของหน้าดูจริงหรือไม่? โดยให้สังเกตตอนท้ายของชื่อเว็บไซต์ ว่าดูปกติไหม เช่น '.co.uk' หรือ '.com'  ถ้าเป็น 'com.co' แบบนี้แสดงว่าไม่ปกติแล้ว ไม่น่าเชื่อถือ

- รูปภาพหรือวิดีโอดูปกติหรือไม่? (ในภาพหรือวิดีโอดูมีความผิดปกติอย่างไรบ้างหรือไม่)

- เรื่องราวฟังดูน่าเชื่อถือหรือไม่? (บางเรื่องหากลองพิจารณาดูดี จะพบว่ามีความไม่สมเหตุ สมผลบ้างอย่าง ซึ่งควรนำไปสู่การหาข้อมูลเพิ่มเติม เช่น กรณีจดหมายของบริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัดนี้)

ถ้าหากคําตอบสําหรับคําถามเหล่านี้คือ 'ไม่' เช่น ไม่น่าเชื่อถือ ไม่เคยได้ยินที่ไหน ไม่รู้จักแหล่งที่มา เป็นต้น เราอาจต้องการตรวจสอบเพิ่มเติมก่อนที่เชื่อ จะแชร์ เพราะเราอาจกลายเป็นผู้ส่งต่อและขยาย fake news เสียเอง และการที่เราช่วยกันเช็คข้อมูลก็จะได้ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องให้กับทั้งคนใกล้ตัวและสังคมได้รับรู้ด้วย สิ่งที่จะทำให้ fake news พ่ายแพ้ไป คือความจริงที่ถูกต้อง หากยังเช็คข้อเท็จจริงไม่ได้ ก็อย่างเพิ่งแชร์ อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะอย่างน้อยก็เท่ากับว่าเราได้ช่วยกันยับยั้งการระบาดของ fake news ได้ค่ะ 


เขียนโดย: อาจารย์ระวีวรรณ ทรัพย์อินทร์ อาจารย์ประจำหลักสูตรปริญญาตรีการจัดการมรดกวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (BMCI) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

ข้อมูลอ้างอิง 
https://datawarehouse.dbd.go.th/company/profile/5/0105563061387
https://www.thereporters.co/covid-19/270520212209/
https://www.bbc.co.uk/newsround/38906931

สำนักตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการเรียกค่าไถ่ข้อมูล (Ransomware) ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware ว่า ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับโลกอย่างมากมาย แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็ทำให้เกิดอาชญากรรมรูปแบบใหม่ขึ้นมา และหนึ่งในอาชญากรรมที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกนั่น

คือ การเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware ซึ่งไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ข้อมูลจากสื่อต่างประเทศได้ระบุว่า บริษัทไอทีหลายร้อยแห่งในสหรัฐอเมริกา ถูกกลุ่มแฮกเกอร์จากรัสเซียเข้าโจมตีและมีการเรียกค่าไถ่ข้อมูลกว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

ที่หลายคนต้องทำงานผ่านคอมพิวเตอร์และสื่อออนไลน์ รวมถึงบริษัทต่าง ๆ ต้องมีการป้องกันและพร้อมรับมือกับอาชญากรรมรูปแบบดังกล่าว ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย

รูปแบบของการเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware จะแฝงตัวมาในรูปแบบของอีเมลล์ที่แนบลิงค์มาด้วย หรือลิงค์ที่แอบแฝงอยู่ในโฆษณาบนเว็บไซต์ต่าง ๆ เมื่อเหยื่อกดเข้าไปที่ลิงค์ดังกล่าว ก็จะเป็นการรับเอามัลแวร์เข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่รู้ตัว จากนั้นมัลแวร์ก็จะแพร่กระจายไปยังข้อมูลต่าง ๆ เมื่อมัลแวร์ได้แพร่กระจายไปครอบคลุมข้อมูลที่บรรดาแฮกเกอร์ต้องการแล้ว ก็จะล็อคข้อมูลดังกล่าว ไม่ให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลได้ และจะปรากฎข้อความขึ้นมาแจ้งว่าข้อมูลเหล่านี้ได้ถูกล็อคไว้ หากต้องการปลดล็อคจะต้องจ่ายเงิน ไม่เช่นนั้นจะลบข้อมูล แต่ในช่วงหลังเริ่มมีการข่มขู่ว่าจะปล่อยข้อมูลสู่สาธารณะหรือนำไปประมูลขาย เป็นต้น

ผู้ที่กระทำลักษณะดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สําหรับตน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายให้ทุกหน่วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เป็นหน่วยงานหลัก ในการเฝ้าระวัง สืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจังต่อเนื่องและเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ให้ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่าง ๆ และเร่งทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหาย, ตัดโอกาสในการกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนถึงแนวทางการป้องกันการถูกเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware โดยต้องสำรองข้อมูลที่สำคัญอยู่เสมอและเลือกใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีคุณภาพ หมั่นตรวจสอบและอัพเดทซอฟต์แวร์ รวมถึงอัพเดทระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันต่าง ๆ ด้วย และควรหลีกเลี่ยงการกดลิงก์หรือไฟล์ที่แนบมากับอีเมลล์ที่ไม่รู้จัก หรือลิงก์น่าที่สงสัยต่าง ๆ นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top