Thursday, 10 July 2025
SPECIAL

การที่ JD Group ได้ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งทางด้านการค้าออนไลน์ในจีนนั้น ปัจจัยสำคัญมาจากระบบที่โลจิสติกส์ที่เข้มแข็ง!!

ท่านผู้อ่านน่าจะเคยได้ยินชื่อ JD.com ผู้ให้บริการขายสินค้าออนไลน์จากจีนที่ได้เข้ามาในไทยไม่กี่ปีที่ผ่านมา การที่ JD Group ได้ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งทางด้านการค้าออนไลน์ในจีนนั้น ปัจจัยสำคัญมาจากระบบที่โลจิสติกส์ที่เข้มแข็ง

ปี 2003 ประเทศจีนเกิดการแพร่ระบาดของโรคซาร์สส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่กล้าออกมาซื้อของนอกบ้าน ริชาร์ด หลิว (Richard Liu) ที่เคยเปิดร้านขายอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์จึงมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจออนไลน์ และเริ่มก่อตั้ง JD.com ในปี 2004

แต่เดิม JD.com ได้ว่าจ้างผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภายนอก (third party logistics) เป็นผู้กระจายสินค้าให้แก่ตน และทางบริษัทเห็นว่าการที่จะชนะคู่แข่งที่อยู่ในตลาดมาก่อนอย่าง Alibaba ได้ต้องมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ แต่ผู้ให้บริการที่มีอยู่ในขณะนั้นยังไม่สามารถตอบสนองได้ตามต้องการ จึงได้ก่อตั้ง JD Logistics ขึ้นในปี 2007 โดยเป้าหมายคือส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า และคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่าง Amazon ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอีคอมเมิร์ซระดับโลก 

ในปี 2010 เป็นผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซรายแรกที่ให้บริการการจัดส่งแบบภายในวันและการจัดส่งในวันถัดไป (same-day and next-day delivery)  ในขณะที่ Amazon ยังให้บริการจัดส่งภายใน 2 วัน และเริ่มให้บริการจัดส่งภายในวันเดียวในอีก 9 ปีต่อมา

ในปี 2016 JD.com เป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซรายแรกที่เริ่มให้บริการส่งสินค้าด้วยโดรน โดยมองเห็นปัญหาว่าชาวบ้านที่อาศัยในหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกล เส้นทางทุรกันดาร มีทางเลือกในการซื้อสินค้าน้อย เพราะผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าเข้าไม่ถึงเนื่องจากต้นทุนการขนส่งที่สูงและไม่คุ้มกับค่าเดินทาง  JD Logistics จึงใช้โดรนที่พัฒนาขึ้นโดย JD-X หน่วยธุรกิจใน JD Group ที่ทำหน้าวิจัยและพัฒนาระบบ Smart Logistics ในการจัดส่งสินค้า ขั้นตอนการทำงาน คือ โดรนพร้อมสินค้าถูกส่งออกจากสถานีขนส่งในแต่ละเมืองและบินไปส่งสินค้าในแต่ละหมู่บ้านตามจุดกำหนด ต่อจากนั้นผู้ประสานงาน JD Logistics แต่ละชุมชนนำสินค้าไปส่งมอบให้ถึงบ้านลูกค้า โดยวิธีการนี้จากเดิมที่ต้องใช้ระยะเวลาหลายชั่วโมงในการขับรถอ้อมเขา หรือต้องต่อเรือเพื่อไปยังเกาะต่าง ๆ เหลือเพียงไม่กี่นาทีสินค้าก็ถูกส่งถึงมือลูกค้าที่อยู่ห่างไกลด้วยต้นทุนที่ถูกกว่าวิธีการเดิม 

ปี 2019 JD Logistics ได้เปิดตัวรถส่งสินค้าอัตโนมัติมีหน้าที่นำสินค้าไปส่งให้ยังลูกค้าตามสถานที่ต่าง ๆ ในรัศมี 5 กิโลเมตรจากสถานีขนส่ง โดยรถ 3 คัน สามารถทำงานทดแทนพนักงานขนส่งสินค้าได้ถึง 2 คน จึงสามารถช่วยลดต้นทุนในการจ้างงาน และยิ่งมีประโยชน์ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัจจุบันให้บริการใน 20 เมืองในจีน

และในปี 2020 JD Logistics เปิดให้บริการจัดส่งด่วนภายในหนึ่งชั่วโมง และขยายศูนย์กระจายสินค้าอัจฉริยะ ที่ทำการคัดแยกสินค้าด้วยระบบอัตโนมัติที่เรียกว่า ”Asia No.1 logistics park” ไปยัง 28 แห่งทั่วประเทศจีน เพื่อเพิ่มพื้นที่การให้บริการจัดส่งสินค้าแบบภายในวันและการจัดส่งในวันถัดไป โดยเพิ่มจาก 6 เมืองเมื่อสิบปีที่แล้วเป็น 200 เมือง ในส่วนเมืองขนาดเล็กที่ไม่คุ้มกับการสร้างศูนย์กระจายสินค้าของตนเอง ได้มีความร่วมมือกับผู้ประกอบการขนส่งในท้องถิ่นให้ทำการจัดเก็บและกระจายสินค้าให้ผ่านระบบของ JD Logistics จนในปัจจุบันมีเครือข่ายคลังสินค้าถึง 1,000 แห่ง และมีพื้นที่รวมกันมากถึง 21 ล้านตารางเมตร

จากตัวอย่างที่เล่ามาเห็นได้ว่า JD.com ได้มุ่งเน้นกลยุทธ์สร้างความสามารถในการแข่งขันทางด้านการตอบสนองที่รวดเร็ว เพื่อให้ได้ผลตามกลยุทธ์ที่ตั้งไว้จึงได้มีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ทางด้านโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้เป็นที่หนึ่งทางด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซของจีน

เขียนโดย อาจารย์ ศรัณย์ ดั่นสถิตย์ อาจารย์ประจำหลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา 


ข้อมูลอ้างอิง 
https://www.chinadaily.com.cn/a/202012/25/WS5fe54b99a31024ad0ba9e7f6.html
https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/autonomous-delivery-vehicles-deployed-in-chinese-cities-amid-the-covid-19-pandemic
https://www.businessinsider.com/how-chinese-ecommerce-giant-jd-logistics-built-up-to-34-billion-ipo-2021-5
https://corporate.jd.com/ourBusiness#jdLogistics

บึงกาฬ - มท.2 มอบหน้ากาก 1.4 ล้านชิ้น ให้ทุกครอบครัวป้องกันโควิด-19

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 18 ก.ค. ที่บริเวณโถงด้านหน้าศาลากลาง จ.บึงกาฬ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เดินทางมาเป็นผู้แทนในการมอบหน้ากากอนามัยให้กับจังหวัดบึงกาฬ จำนวน 1,400,000 ชิ้น โดยมีนายอำเภอทุกอำเภอเป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อส่งมอบต่อให้กับประชาชนในพื้นที่ทุกครัวเรือน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบน้ำใจ และความปรารถนาดีให้ชาวบึงกาฬได้สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีนายสนิท ขาวสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นางแว่นฟ้า ทองศรี นายก อบจ.บึงกาฬ และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายทรงศักดิ์ ทองศรี กล่าวว่า สำหรับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จ.บึงกาฬ ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ควบคุมดูแลได้ มีผู้ติดเชื้อเข้ามาบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อคนไม่สบายใจเกิดเจ็บไข้ขึ้นมา ตามปกติก็ต้องการกลับไปรักษาตัวที่บ้าน จึงไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร ทางจังหวัดบึงกาฬก็มีความพร้อมอยู่แล้วที่จะรองรับพี่น้องของเราซึ่งต้องการจะกลับมารักษาตัวที่บ้าน พร้อมจะเป็นกำลังใจให้กันและกัน แต่ก็ต้องขอความร่วมมือว่า ผู้ที่จะกลับมาก็ต้องแจ้งให้กับผู้ใหญ่บ้าน อสม. หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ได้ทราบก่อน เป็นข้อมูลว่ามีใครบ้างที่เข้าออกในพื้นที่ เพื่อใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค สำหรับหน้ากากอนามัยที่ได้นำมามอบให้กับพี่น้องชาวบึงกาฬในวันนี้ ตนได้แจ้งข่าวกับเพื่อนและคนที่รู้จักว่าต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งมอบความห่วงใยและความปรารถนาดีให้แก่ชาวจังหวัดบึงกาฬทุกคน เป็นกำลังใจให้กันและกันเพื่อฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเมื่อทุกคนทราบข่าวก็ต้องการร่วมในธารน้ำใจนี้ จึงเกิดเป็นการส่งมอบหน้ากากอนามัยจำนวน 1,400,000 ชิ้นให้กับชาว จ.บึงกาฬ

สำหรับหน้ากากอนามัยจำนวน 1,400,000 ชิ้น จะถูกกระจายให้แต่ละอำเภอ ดังนี้ อ.เมืองบึงกาฬ 340,000 ชิ้น/ อ.พรเจริญ 140,000 ชิ้น/ อ.โซ่พิสัย 230,000 ชิ้น/ อ.เซกา 285,000 ชิ้น/ อ.ปากคาด 120,000 ชิ้น/ อ.บึงโขงหลง 115,000 ชิ้น/ อ.ศรีวิไล 125,000 ชิ้น และอ.บุ่งคล้า 45,000 ชิ้น

นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ยังได้กล่าวให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่กำลังทำงานอย่างหนักกับภารกิจควบคุมโรค และประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งการที่คนไทยเรามีน้ำใจให้แก่กัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราก้าวข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร พรมจันทร์ / บึงกาฬ

ตร.จับเน็ตไอดอลจริง เตือนอย่ายุยง ส่งเสริม สนับสนุนให้เล่นการพนันออนไลน์ มีสิทธิถูกจับกุมดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะรองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในเรื่องการปราบปรามการพนันทุกรูปแบบโดยเฉพาะการพนันออนไลน์ที่มีการแพร่กระจายเป็นวงกว้างอยู่ในโลกโซเชียล เนื่องจากมีพี่น้องประชาชนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก แม้จะเร่งปราบปรามแต่ก็ยังไม่หมดไป

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ฯ ยังกล่าวต่อไปว่า สาเหตุสำคัญอีกประการ ที่อยากจะเน้นย้ำ สำหรับ เน็ตไอดอล อินฟลูเอ็นเซอร์หรือผู้สนับสนุน ดารานักแสดงนายแบบนางแบบ ยูทูปเบอร์ วีดิโอ ครีเอเตอร์ ที่มีส่วนชักชวนให้ผู้อื่นเล่นการพนัน จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนันฯ มาตรา 12 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกินสองเดือน บุคคลเหล่านี้อาจจะเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อการชักชวนให้บุคคลอื่นทั้งผู้ใหญ่หรือเด็กและเยาวชนเล่นการพนัน เว็บไซต์การพนันจึงพยายามติดต่อว่าจ้างให้โฆษณาเว็บไซต์การพนันให้

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้เล็งเห็นความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะ ข้อมูลผู้เล่นมีตั้งแต่เป็นเยาวชนที่ใช้เวลาอยู่กับสื่อออนไลน์ หลงเชื่อการชักชวนจากบุคคลดังกล่าว จึงได้สั่งกำชับให้ทุกหน่วยงานให้กวดขันจับกุมและทำการสืบสวนปราบปรามการพนันออนไลน์ทายผลฟุตบอลอย่างจริงจัง ทั้งผู้จัดให้มีการเล่น ผู้เล่น รวมทั้งกลุ่มเน็ตไอดอลหรือผู้มีชื่อเสียงที่ชักชวนผู้อื่นเล่นการพนันโดยให้มีผลการปฏิบัติชัดเจน

ล่าสุด บก.ปอท.สามารถสืบสวนจับกุมมาแล้วหลายราย เช่น เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท. ได้ร่วมกันจับกุมตัว 1.นาย อนุพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี 2.น.ส.ภคมน (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี 3.นาย ชวนากร (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ทั้งสามรายเป็นเน็ตไอดอล มีผู้ติดตามในบัญชีเฟซบุ๊กและยูทูปรายละหลายแสนคน

อีกราย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท.ได้จับกุม น้องพลอย น.ส.สิริกานต์ นางแบบเพลย์บอย อ้างตัวเป็น ครีเอเตอร์วีดิโอ เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 3.8 หมื่นคน  และเพจที่มีผู้ติดตามกว่า 1.3 ล้านคนที่มีการกระทำความผิดด้วยการแฝงโฆษณาชักชวนเล่นพนันออนไลน์ ผ่านเฟซบุ๊กและยูทูป ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีข้อหา “เป็นผู้ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน ในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต”

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงอยากจะฝากเตือนเหล่าเน็ตไอดอลทั้งหลายพึงระลึกเสมอก่อนกระทำหรือคิดจะรับการว่าจ้างจากเว็บไซต์การพนัน หากถูกจับกุมจะอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ได้ หากศาลพิจารณาตัดสินว่ามีความผิดอาจจะต้องรับโทษตามพ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478  มาตรา 12 มีอัตราโทษโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำความผิดหลายกรรม อาจถูกดำเนินคดีในลักษณะต่างกรรมต่างวาระได้  และขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชน ให้ช่วยกันหยุดวงจรการพนันออนไลน์ โดยหากพบเห็นการกระทำความผิดหรือพบเบาะแสเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ สามารถแจ้งไปยังสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง

เมียนมาส่ง 3 คนไทย เพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำในเมียนมากลับประเทศ พบ 1 ใน 3 คนมีหมายจับติดตัว กักตัว 14 วันก่อนดำเนินการต่อ

ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.) อ.แม่สาย นำโดยนายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย ในฐานะหัวหน้าศูนย์ฯ ได้ให้เจ้าหน้าที่รับมอบตัว คนไทย 3 คน โดยทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เมียนมา ได้นำตัวคนไทยมาส่งให้ คือ นายวุฒิชัย สิโปด อายุ 24 ปี ชาว อ.กันตัง จ.ตรัง  นายชัยวัฒน์ มโนรมย์ อายุ 24 ปี ชาว อ.เมืองเลย จ.เลย และนายรณชัย สะดาแนน อายุ 36 ปี ชาว อ.เอราวัณ จ.เลย มาส่งให้กับทางการไทย ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย

โดยทั้ง 3 คน มีรายชื่ออยู่ในจำนวน 20 คนที่กระทรวงมหาดไทยแจ้งให้ทาง อ.แม่สาย รับตัวโดยทั้งหมดส่งรายชื่อผ่านทางสถานเอกอัคราชฑูตประเทศไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ซึ่งพบว่าอีก 17 คนไม่ได้ถูกส่งตัวมาด้วย โดยทางการเมียนมาให้เหตุผลว่าอยู่ระหว่างการสอบสวน ก่อนหน้านี้นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย ได้มีหนังสือด่วนที่สุดไปถึงผู้ว่าราชการ จ.ท่าขี้เหล็ก ขอให้อำนวยความสะดวกในการส่งตัวคนไทยกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน หลังมีหญิงไทยอายุ 26 ปี กลับมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ในภาวะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่มีอาการหนักแล้วทำให้เสียชีวิตในวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับทั้ง 3 คน พบว่าเพิ่งพ้นเพราะทำผิดกฎหมายในประเทศเมียนมา โดยมีผู้ทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดประเภทยาบ้าจำนวน 37 เม็ด และพกพาอาวุธปืนจำนวน 1 คน และอีกคนถูกดำเนินคดีพกพาอาวุธปืน ส่วนคนสุดท้ายเป็นข้อหาหลบหนีเข้าเมืองเมียนมา ทั้งหมดถูกจำคุกที่เมืองเชียงตุงเป็นเวลา 2-3 ปี  บางคนได้รับการลดโทษจึงถูกส่งตัวกลับ  จากการตรวจสอบประวัติพบว่ากรณีนายรณชัยมีหมายจับศาล จ.เลย ในข้อหาสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ทางเจ้าหน้าที่จะได้ประสานไปยัง สภ.นาดินดำ จ.เลย ไปรับตัวเพื่อนำไปดำเนินคดีต่อไป ส่วนอีก 2 คนที่เหลือถูกส่งตัวไปยังสถานกักกันรูปแบบเฉพาะที่ร้อย ตชด.327 อ.แม่จัน จ.เชียงราย เพื่อทำการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์ / เชียงราย

 

ชลบุรี - ศรชล.บูรณาการร่วมกำหนดแนวทางควบคุมป้องกันโควิด เรือช่วยรบสหรัฐ ขอเข้าราชอาณาจักร เพื่อการซ่อมบำรุงเรือ

เมื่อ 16 ก.ค.64  ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดชลบุรี (ศรชล.จว.ชบ.) โดย น.อ.ณัฐวุฒิ งามวงศ์วาน รอง ผอ.ศรชล.จว.ชบ. ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการ (ศรชล.ภาค 1, ศรชล.จว.ชบ., ศคท.จว.ชบ., อ.ศรีราชา, สจป.ศรีราชา, ตม.แหลมฉบัง, ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าเรือศรีราชา-เกาะสีชัง, บ.ยูนิไทย, ท่าเรือศรีราชาฮาร์เบอร์, ตัวแทนเรือ และ ผชท.สหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย) เพื่อร่วมกำหนดแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่ง ศบค. เรื่องแนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พรก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 9) ข้อ 1 (5) (5.1) และในกรณี เรือช่วยรบสัญชาติอเมริกา (เรือ USNC Charles Drew) ขอเข้าราชอาณาจักร เพื่อการซ่อมบำรุงเรือ ณ ห้องประชุม สนง.ท่าเรือศรีราชาฮาร์เบอร์ อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี

โดยมี พล.ร.ต.สมพงษ์ ศรอากาศ ผอ.สน.ฝอ.ศรชล.ภาค 1 เป็นประธาน ซึ่งมีมติในที่ประชุมดังนี้

1. มาตรการก่อนเดินทางเข้าราชอาณาจักร ของ เรือ USNC Charles Drew ด่านควบคุมโรคฯ ตรวจสอบแล้ว เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด

2. เรือ USNC Charles Drew ยินยอมให้คนประจำเรือทั้งหมดเข้ารับการกักกันโรคบนเรือ จำนวน 14 วัน

3. เรือ USNC Charles Drew ยินยอมให้คนประจำเรือทั้งหมดรับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยวิธี RT-PCR จำนวน 3 ครั้ง โดย ร.พ.คู่สัญญา ในการกำกับของด่านควบคุมโรคฯ

4. เมื่อการเตรียมการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของ ร.พ.คู่สัญญา พร้อมแล้ว อนุญาตให้ เรือ USNC Charles Drew เข้าเทียบท่าเรือศรีราชาฮาร์เบอร์ โดยให้จัดทำเขตกั้นบริเวณจอดเรือให้ชัดเจน และจัด จนท.ตรวจสอบตลอด 24 ชม.

5. เมื่อเรือเทียบท่าแล้ว ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 3 ครั้ง ดังนี้

5.1 ตรวจครั้งที่ 1 หลังจากเรือเทียบท่าแล้ว

5.2 เมื่อผลตรวจครั้งที่ 1 ไม่พบผู้ติดเชื้อ ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่ 2 ในวันที่ 6-7 ของระยะเวลากักกันโรค

5.3 เมื่อผลตรวจครั้งที่ 2 ไม่พบผู้ติดเชื้อ ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่ 3 ในวันที่ 12-13 ของระยะเวลากักกันโรค

6. เมื่อกักกันโรคครบ 14 วันแล้ว ไม่พบการติดเชื้อของคนประจำเรือ ผู้ประกอบการสามารถขึ้นเรือดำเนินการซ่อมทำได้

7. การส่งเสบียงในระหว่างการซ่อมทำ ให้ดำเนินการโดยอยู่ในการกำกับของด่านควบคุมโรคฯ

8. หลังจากเรือเข้าเทียบท่าแล้ว ให้ตัวแทนเรือ ทำหนังสือขออนุญาต ศบค. และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี เพื่อขอเข้าประเทศ (เฉพาะพื้นที่จังหวัดชลบุรี ในกรณีคนประจำเรือทั้งหมดตรวจแล้วไม่พบการติดเชื้อ)


ภาพ/ข่าว สนง.ศรชล.ภาค 1

ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

ปทุมธานี - เตรียมความพร้อมเปิดศูนย์พักคอยตำบลหน้าไม้ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี (รับผู้ป่วยโซนสีเขียว)

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 เวลา 14.00 น.ณ มูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย หมู่ที่ 1 ตำบลหน้าไม้ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายจักรินทร์ สุขสมบูรณ์ (คุณโก๊ะ)และ ร้อยโทบรรณ์ฑูรย์ ผลสุขขา

(หมวดฑูรย์) พร้อมด้วย ปลัดอำเภอลาดหลุมแก้ว กำนันตำบลหน้าไม้ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบลและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหน้าไม้ ให้การต้อนรับ ด้านร้อยโทบรรณ์ฑูรย์ ผลสุขขา ได้กล่าวเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวว่า

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19ภายในตำบลหน้าไม้และชุมชนต่าง ๆ ปัจจุบันนี้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลและผู้ป่วยได้ทำการกักตัวรักษาตัวอยู่ภายในบ้าน ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นทางกลุ่มใจอาสาไพลิน

นำโดยคุณจักรินทร์ สุขสมบูรณ์ และกระผมได้นำปัญหาดังกล่าวเข้าปรึกษานายปรีดา เดชดี กำนันตำบลหน้าไม้เพื่อหาสถานที่ในการแยกผู้ป่วยที่จะติดเชื้อเพื่อเป็นการหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคและทางกำนันปรีดา เดชดี ได้เรียกประชุมผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่ ในตำบลหน้าไม้ เพื่อหาสถานที่ ที่จะทำศูนย์พักคอยตำบลหน้าไม้ ได้ข้อสรุปว่าจะใช้มูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย หมู่ 1 ต.หน้าไม้ แห่งนี้ เป็นศูนย์พักคอยตำบลหน้าไม้เพื่อคัดแยกผู้ป่วยในโซนสีเขียว พักคอยดูอาการ

และกระผมได้ประสานไปทางอำเภอลาดหลุมแก้ว โรงพยาบาลสนามตำบลหน้าไม้ในการจัดตั้งศูนย์พักคอยตำบลหน้าไม้ โดยได้รับการสนับสนุนจากคุณวัฒนา สุจิตราณรักษ์ ประธานชมรมอุตสาหกรรมลาดหลุมแก้ว และสมาชิกในชมรมฯ ได้สนับสนุนตียงและที่นอนจำนวน 70 เตียงในเบื้องต้นและในวันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.00 น.จะทำการซักซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะได้เปิดศูนย์พักคอยให้ได้โดยเร็วท่านได้กล่าวทิ้งท้ายไว้


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

ปส.รวบขบวนการค้ายาเสพติดจากภาคเหนือ มุ่งเข้า กทม. สะกดรอยจับกุมได้ที่บริเวณถนนสายเอเชีย (หมายเลข 32) ได้ของกลาง 6.2 ล้านเม็ด

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1– กก.2 บก.สกส. บช.ปส.อำนวยการโดย พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. , พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ , พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ , พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล , พล.ต.ต. อนุภาพ ศรีนวล รอง ผบช.ปส. , พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.บช.ปส. , พ.ต.อ.วัสสา วัสสานนท์ , พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร , พ.ต.อ.ประสงค์ ศิริทิพย์วานิช รอง ผบก.สกส.บช.ปส. ได้บูรณาการร่วมกันทำการจับกุมตัว ขบวนการจำหน่ายยาเสพติด จากภาคเหนือ ได้ผู้ต้องหาได้จำนวน 3 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายสุทัศน์ แซ่ว่าง , นายหวาน ลาเซ และ นายกิตติพิชญ์ แซ่ม้า กับพวก มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีพฤติการณ์ร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ และจะนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ทางกลางและปริมณฑล ตามสั่งการของผู้ว่าจ้างอยู่เป็นประจำ

โดยสายลับแจ้งว่าในระหว่างวันที่ 15-16 กรกฎาคม 2564 จะร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จว.เชียงราย เพื่อนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าตามสั่งการของผู้ว่าจ้าง โดยจะใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOYOTA แบบมีหลังคาด้านท้าย (แครี่บอย) สีเทา หมายเลยทะเบียน บพ 4127 พะเยา และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ CHEVROLET รุ่น OPTRA สีดำ หมายเลขทะเบียน กษ 7674 เชียงราย เป็นยานพาหนะในการขนลำเลียง จึงวางแผนในการตรวจค้นจับกุมบุคคลดังกล่าวหากพบว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจริง

โดยในช่วงเช้าวันนี้ ตำรวจชุดจับกุมพบรถยนต์ทั้งสองคันในพื้นที่ จว.สิงห์บุรี ตรงกับที่สายลับแจ้ง จึงได้สะกดรอยติดตาม และให้ทำการตรวจค้นจับกุมในที่ปลอดภัย และเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมสามารถสกัดกั้นรถยนต์ทั้งสองคันได้ที่บริเวณลานจอดรถยนต์ ตลาดกลางกุ้ง ถนนสายเอเชีย (หมายเลข 32) ตำบลหันตรา อำเภอ พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยผู้ต้องหา 3 ราย 1. นายหวาน ลาเซ อายุ 23 ปี ที่อยู่ 257 หมู่ 9 ตำบลดงมหาวัน อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย 2. นายสุทัศน์ แซ่ว่าง อายุ 23 ปี ที่อยู่ 0/89 หมู่ที่ 07 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงรายและ 3. นายกิตติพิชญ์ แซ่ม้า อายุ 21 ปี ที่อยู่ 203 หมู่ที่ 12 ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยของกลาง จำนวน 4 รายการ 1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า จำนวน 3,100 มัด รวมเป็นยาบ้าเบื้องต้นทั้งสิ้นประมาณ 6,200,000 เม็ด ตรวจยึดได้จากรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ TOYOTA แบบมีหลังคาด้านท้าย (แครี่บอย) สีเทา หมายเลขทะเบียน บพ 4127 พะเยา รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ CHEVROLET รุ่น OPTRA สีดำ หมายเลขทะเบียน กษ 7674 เชียงราย จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกัน มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้น ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสามคนพร้อมของกลาง มาที่ กก.2 บก.สกส.บช.ปส. เพื่อรอทำการขยายผลการจับกุม และทำการจับกุมผู้รับปลายทางต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุจินดา อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

สมุทรปราการ - ทร. ส่งกีฬามวยสากลสมัครเล่นหญิง เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ญี่ปุ่น

โฆษก ทร.เผย เจ้ากรมสวัสดิการและประธานกรรมการมวยสากลสมัครเล่นกองทัพเรือ ส่งกีฬามวยสากลสมัครเล่นหญิงกองทัพเรือ เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่ญี่ปุ่น

วันที่ 17 ก.ค.64 พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 เวลา 18.00 น. พลเรือตรี ดุลยพัฒน์ ลอยรัตน์ เจ้ากรมสวัสดิการทหารเรือ/ประธานกรรมการกีฬามวยสากลของ กองทัพเรือ ได้มาส่ง อาสาสมัครทหารพรานหญิง สุดาพร สีสอนดี นักกีฬามวยสากลสมัครเล่นหญิง รุ่น 60 กิโลกรัม (ไลท์เวท) ในการเดินทางไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น ในการนี้ได้อวยพรขอให้ประสบความสำเร็จและนำชื่อเสียงกลับประเทศ โดยมี ดร.สมชาย พูนสวัสดิ์ ประธานฝ่ายเทคนิค สมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย เป็นหัวหน้าคณะนักมวยฯ ทีมชาติไทยในครั้งนี้

สำหรับกีฬาโอลิมปิกเกมส์ “โตเกียว 2021” ที่ประเทศญี่ปุ่น จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 8 สิงหาคม 2564 กำหนดชิงชัยกัน 33 ชนิดกีฬา 50 ประเภท รวมแข่งขันทั้งหมด 339 รายการ


ภาพ/ข่าว สนง.โฆษกกองทัพเรือ

นิราข / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

กรุงเทพฯ - กองทัพเรือ ร่วมจิตอาสา ศิลปิน และอส.ภาคประชาชน อัญเชิญสิ่งของพระราชทาน มอบผู้นำชุมชนส่งให้ ปชช.ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19

พลเรือตรี พาสุกรี วิลัยรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เป็นผู้แทนกองทัพเรือ พร้อมด้วยกำลังพลจิตอาสากองทัพเรือ ร่วมกับศิลปิน ฝันเด่น จรรยาธนากร อาสาสมัครภาคประชาชน กลุ่มใจถึงใจคนไทยไม่ทิ้งกัน อัญเชิญเจลล้างมือพระราชทานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำอาหารกล่อง น้ำดื่ม จำนวน 1,400 ชุด มอบให้กับผู้นำชุมชนในพื้นที่ เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ และเขตธนบุรี กรุงเทพฯ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ตามโครงการ “กองทัพเรือ เพื่อประชาชน ร่วมใจ ต้านภัย COVID – 19” ถวายเป็นพระราชกุศล ณ นันทอุทยานสโมสร ฐานทัพเรือกรุงเทพ เมื่อวันที่ 15 กรกฏาคม 2564 เวลา 11.00 น.     

และในวันเดียวกันช่วงเวลา 12.00 น. พลเรือตรี พาสุกรี วิลัยรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เป็นผู้แทนกองทัพเรือ พร้อมด้วยกำลังพลจิตอาสากองทัพเรือ อัญเชิญเจลล้างมือพระราชทานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำอาหารกล่อง เครื่องอุปโภค บริโภค จำนวน 300 ชุด มอบให้กับผู้นำชุมชนมัสยิดสวนพลู เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ตามโครงการ “กองทัพเรือ เพื่อประชาชน ร่วมใจ ต้านภัย COVID – 19” ถวายเป็นพระราชกุศล ณ  มัสยิดสวนพลู เขตธนบุรี กรุงเทพฯ

สำหรับกิจกรรม “กองทัพเรือ เพื่อประชาชน ร่วมใจต้านภัย COVID – 19” ถวายเป็นพระราชกุศล โดยตั้งครัวสนามเคลื่อนที่แจกจ่ายอาหารให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID - 19 นี้ จัดขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคล ห้วงเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม 2564 เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2564 วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2564 วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2564

กองทัพเรือ จึงได้กำหนดจัดกิจกรรม “กองทัพเรือ เพื่อประชาชน ร่วมใจต้านภัย COVID – 19” ถวายเป็นพระราชกุศล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

โดย กองทัพเรือ ได้จัดรถครัวสนาม เพื่อจัดทำอาหารกล่อง และน้ำดื่ม ร่วมกับสมาคมภริยาทหารเรือ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน สนับสนุนสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค นำไปมอบให้ประชาชนในชุมชนต่าง ๆ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับหน่วยงานของกองทัพเรือ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ของทุกวัน ยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์ ตั้งแต่เดือน มิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม 2564


ภาพ/ข่าว กองประชาสัมพันธ์ สำนักจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

สงขลา –ขบวนคาราวานประชาธิปัตย์ช่วยคนใต้ นำถุงยังชีพ 50,000 ถุง แจกจ่ายแก่พี่น้องชาวภาคใต้ สู้ภัยโควิด-19

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (18 ก.ค.64 ) นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยการมอบหมายจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ลงพื้นที่โรงเรียนเกาะแต้วพิทยาสรรค์ อ.เมือง จ.สงขลา พร้อมด้วย นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายจักรธร สุริแสง นายกเทศบาลเมืองเขารูปช้าง นายร่อเซ็ง ไหรเจริญ นายกเทศบาลตำบลเกาะแต้ว นายสรรเพชญ บุญญามณี ปชป.เขต 1 สงขลา ผู้ช่วยดำเนินงานประธานรัฐสภา และนายนิพัฒน์ อุดมอักษร เลขานุการนายก อบต.สงขลา/นายกสมาคม SME จังหวัดสงขลา ตลอดจนตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ และพื้นที่ชายแดนใต้ ร่วมปล่อยขบวนรถ "คาราวาน ประชาธิปัตย์ช่วยคนใต้ สู้ภัยโควิด"

โดย ขบวนคาราวานประชาธิปัตย์ช่วยคนใต้ สู้ภัยโควิด นี้จะนำถุงยังชีพจำนวนกว่าห้าหมื่นถุง ไปแจกจ่ายให้แก่พี่น้องชาวภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  ซึ่งถุงยังชีพดังกล่าวได้รับการจัดสรรและบริจาคจากมูลนิธิม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช รวมถึง ภาคส่วนต่าง ๆ ที่ได้นำมาส่งมอบให้เพื่อนำไปดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ซึ่งภายในถุงยังชีพจะบรรจุ ข้าวสารหอมมะลิเกรดคุณภาพ 5 กก. ปลากระป๋อง หน้ากากอนามัย เป็นต้น โดยจะมีตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์แต่ละพื้นที่นำไปแจกจ่ายให้แก่พี่น้องประชาชนทั่วทั้งภาคใต้ และ ในพื้นที่ภาคใต้ชายแดน

นายนิพนธ์ กล่าวว่า "ได้รับมอบหมายจากท่านจุรินทร์ ในฐานะประธานมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ในการปล่อยขบวนรถคาราวานถุงยังชีพ ซึ่งประกอบด้วยข้าวสาร ปลากระป๋องและหน้ากากอนามัย ในการที่จะส่งไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคใต้ และในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์โดยมูลนิธิม.ร.ว.เสนีย์ฯ ต้องการจัดถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนจากภัยโควิด-19  วันนี้จึงเป็นวันที่นัดปล่อยคาราวานถุงยังชีพลงไปในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงสูงเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบกับภัยโควิดอยู่ในขณะนี้  และขอถือโอกาสนี้ในการขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกท่าน ที่ได้ช่วยกันดูแลพี่น้องประชาชนที่ประสบภาวะความยากลำบาก"

"พรรคประชาธิปัตย์ โดยมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชก็ได้ดูแลพี่น้องมาตลอดตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ ด้วยการแจกจ่ายหน้ากากอนามัย ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ จำนวนกว่า 5 ล้านชิ้น แจกอาหารพร้อมรับประทาน รับซื้อพืชผลทางเกษตรเพื่อลดภาวะสินค้าเกษตรล้นตลาดราคาตกต่ำ ตลอดจนการประสานช่วยเหลือความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ที่ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด และยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยังคงทำหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องตลอดไป ซึ่งท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้สั่งการและมอบหมายให้แต่ละพื้นที่ลงไปดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน ดังนั้นขบวนรถคาราวานถุงยังชีพ 50,000 ถุง โดยจัดไปในพื้นที่ 4จังหวัดชายแดนจำนวน 15,000ถุง ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งในหลายๆส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชนมาโดยตลอดเพื่อให้เราผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว" นายนิพนธ์ กล่าว


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

กาฬสินธุ์ – ภาคประชาชนร่วมกับสำนักงานยุติธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน เพื่อประนีประนอม ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชน ลดขั้นตอนการพิจารณาคดีความ โดยไม่ต้องแจ้งความที่สถานีตำรวจ ไม่ต้องจ้างทนาย และไม่เสียค่าบริการ

วันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน บ้านโคกเครือ หมู่ 3 ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการศึกษาธิการ จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดป้ายที่ทำการศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน โดยมีพระครูโสภณวินัยวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอยางตลาด (ธ) ประธานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน นายประหยัด ไม้แพ ยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ร.ต.อ.ธีระชัย ภูเกิดพิมพ์ ผู้ไกล่เกลี่ยประจำศูนย์ฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผู้บริหารท้องถิ่น คณะทำงานบริหารประจำศูนย์ฯ ประชาชน ร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ ทุกคนต่างปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยสวมหน้ากากอนามัย ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์

ร.ต.อ.ธีระชัย ภูเกิดพิมพ์ ผู้ไกล่เกลี่ยประจำศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน กล่าวว่า ในภาวะสังคมปัจจุบัน ทั้งการดำเนินชีวิต การจราจร การประกอบอาชีพต่าง ๆ จะเห็นว่าเกิดข้อขัดแย้ง กรณีพิพาท เป็นคดีความ นำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาทางกระบวนการยุติธรรมเป็นจำนวนมาก ทำให้คู่ขัดแย้งหรือคู่กรณี เสียทรัพย์ เสียเวลา จากการว่าจ้างทนายความและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งๆที่บางคดีเป็นเรื่องเล็กๆน้อย สามารถยอมความกันได้ แต่กลับต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ทำให้เกิดความขัดแย้ง เนื่องจากตกลงกันไม่ได้

ร.ต.อ.ธีระชัยกล่าวอีกว่า จากสาเหตุดังกล่าว ตนและเครือข่ายยุติธรรมชุมชน จึงได้ร่วมกับส่วนราชการกระบวนการยุติธรรม จัดตั้งคณะทำงานไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนถึงชุมชนหรือหมู่บ้านขึ้นใน จ.กาฬสินธุ์ ทั้งนี้ มีหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ ระดับจังหวัดและระดับอำเภอเป็นที่ปรึกษา ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งถูกต้องตามกฎหมาย เพื่ออำนวยความสะดวกด้านคดีความให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่งที่ผ่านมาบางคนอาจเข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม จึงถูกเอารัดเอาเปรียบ ทำให้เสียทรัพย์ เสียเวลา โดยเป้าหมายต่อไปเครือข่ายยุติธรรมภาคประชาชน ยังจะร่วมกันเดินหน้าจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยฯ ให้ครอบลมทุกตำบลในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งได้ดำเนินการมาแล้ว 3 แห่ง คือที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยแห่งนี้ รวมทั้ง อ.นามน และ อ.ห้วยเม็ก

ร.ต.อ.ธีระชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนบ้านโคกเครือที่จัดตั้งขึ้น เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทั่วไปที่มีข้อขัดแย้ง หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคู่กรณี ทั้งอุบัติเหตุทางจราจร เรื่องที่ดิน เรื่องมรดก ทั้งทางแพ่ง และทางอาญา ซึ่งไม่ต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ หรือว่าจ้างทนายความ ทางศูนย์พร้อมที่จะให้คำปรึกษา หาทางออกที่ดี โดยให้ความคุ้มครองทางสิทธิ เสรีภาพ และไม่เสียค่าใช่จ่ายใด ๆ ซึ่งเมื่อคู่กรณีมารับบริการที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยและสามารถตกลงยอมความกันได้ ก็จะทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ส่งข้อมูลเข้าระบบกระบวนการยุติธรรมทุกสาขา ถือเป็นการยุติข้อร้องเรียนหรือความขัดแย้งกรณีนั้น และจะไม่สามารถฟ้องร้องกันอีก

ทั้งนี้ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนที่จัดตั้งขึ้น จึงเป็นทั้งศูนย์สร้างความปรองดองและศูนย์อำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนในเชิงรุกถึงหมู่บ้าน ประโยชน์ที่ชุมชนในพื้นที่จะได้รับจากการเข้ามาไกล่เกลี่ยที่ศูนย์ฯ คือนอกจากจะใกล้บ้านแล้ว ยังเป็นการลดขั้นตอนกระบวนการสืบสวนสอบสวน ไม่ต้องจ้างทนายความ โดยเฉพาะเป็นการให้คำปรึกษาและไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยฟรี ไม่เสียค่าบริการแต่อย่างใด


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

สุโขทัย - วิทยาลัยเกษตรสุโขทัย ติวเกษตรยุคใหม่ ใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาผลผลิตยั่งยืน

วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย ฝ่ายพัฒนากิจการนักเรียน นักศึกษา ได้ดำเนินโครงการอบรมพัฒนาผู้เรียนสู่การเป็นเกษตรสมัยใหม่ ให้แก่นักเรียน นักศึกษา เพื่อพัฒนาให้เกษตรกรรุ่นใหม่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการเกษตรกรรมหรือเกษตร 4.0 โดยการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการเพาะปลูก ณ ห้องประชุมอาคาร 8 วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564

นายนิมิตร อาศัย ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย กล่าวว่าโครงการนี้ เป็นแนวคิดของคณะผู้บริหารและครูผู้สอน ในการต้องการเสริมการทำเกษตรแบบดั่งเดิมเพื่อต่อยอดทักษะและความรู้สู่เทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างองค์ความรู้ ขยายผลสู่นักเรียน นักศึกษา และชุมชนให้มีคุณภาพสู่การเป็นเกษตรสมัยใหม่ การเกษตรกรรมหรือเกษตร 4.0 นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ควบคู่ในการเพาะปลูก 

วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย เป็นวิทยาลัยเกษตร หรือโรงเรียนที่ได้เป็นตัวแทนของจังหวัดสุโขทัย ในการประกวดโครงการต่าง ๆ ของภาคเกษตรระดับประเทศ ที่เน้นการทางเกษตรอินทรีย์ และต้องการต่อยอดเทคโนโลยี 4.0 โดยการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้ในการเพาะปลูก มาผสมผสานกับการเกษตรแบบดั่งเดิม และเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับชุมชน นักเรียน นักศึกษา แก้ปัญหาผลผลิตตกต่ำ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในปัจจุบัน ทำให้เกิดภาวะขาดทุน และการใช้สารเคมีในการปลูกพืชทำให้เกิดสารพิษจากการสัมผัสโดยตรงมากเกินไปของเกษตรกร ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาประชาชนเป็นโรคต่าง ๆ

ดังนั้นจึงมอบหมายให้ฝ่ายพัฒนากิจการนักเรียน นักศึกษา ได้จัดการเรียนการสอนให้แก่นักเรียน นักศึกษา เพื่อพัฒนาให้เกษตรกรรุ่นใหม่ ได้ทดลองฝึกใช้ และนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้ควบคู่ในการเพาะปลูก และแลกเปลี่ยนความรู้กัน เพื่อนำสิ่งที่ดีที่สุด ที่นักเรียน นักศึกษา ยอมรับและเต็มใจ เห็นด้วยจากความคิดที่ได้นำมาทดลอง และแลกเปลี่ยนความคิดกัน เนื่องจากปัจจัยด้านสภาพอากาศ และการใช้แรงงาน ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น และปรับเปลี่ยนตลอดเวลา 

ดังนั้นทางวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย จึงเห็นถึงความสำคัญนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ควบคู่ในการเพาะปลูกในปัจจุบัน และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนให้มีองค์ความรู้ใหม่ ๆ มาใช้ ในการศึกษาผลิตการเป็นผู้ผลิตพืชผัก ผลไม้ และเกษตกรรมด้วยเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ส่งผลให้นักเรียน นักศึกษา ได้รับการพัฒนาทักษะวิชาการ รวมถึงกระบวนการเรียนรู้ในการทำงานเป็นทีม มีทักษะการคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา สามารถนำความรู้ด้านเทคโนโลยียุค 4.0 ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ก่อให้เกิดรายได้ในครัวเรือนเพิ่มขึ้น พึ่งพาตนเองได้ ลดการย้ายถิ่นฐานไปทำงานในเมือง เด็กรักถิ่นเกิดของตนเองเป็นประโยชน์ต่อชุมชนโดยรอบ และจังหวัดสุโขทัย และสามารถสร้างอาชีพได้อย่างแท้จริง

นายนิมิตร อาศัย ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย กล่าวเพิ่มเติมว่าวัตถุประสงค์ มุ่งสร้างให้เยาวชนเป็นเด็กเก่งและเด็กดี ของสังคมและประเทศชาติ โดยเน้นพัฒนาด้านทักษะและสมรรถนะมากขึ้น เพื่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาเรียนรู้นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และต่อยอดสู่อาชีพ การพัฒนาด้านคุณภาพชีวิตนักเรียน นักศึกษา และอาชีพที่เติบโต  เพื่อส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษารู้เครื่องมือใช้งาน อุปกรณ์ควบคุม และการเขียนโปรแกรม ควบคุมอุปกรณ์เทคโนโลยีสุโขทัย

ส่งเสริมให้นักเรียนสามารถต่อยอดความรู้ไปสู่นวัตกรรมใหม่ เพื่อพัฒนารูปแบบวิธีการเดิม เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนสามารถนำนวัตกรรมไปสู่ชุมชน ต่อยอดให้ความรู้แก่ชุมชนยั่งยืนได้


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

'เฉลิมชัย' สั่ง 'เกษตรฯ'​ เร่งช่วยประชาชนฝ่าวิกฤตโควิด-19

'เฉลิมชัย'​ สั่ง 'เกษตรฯ'​ เร่งช่วยประชาชนฝ่าวิกฤตโควิด-19

บอร์ดเกษตรกรรมยั่งยืนรับลูกเห็นชอบโครงการธนาคารสีเขียว (Green Bank) มอบ  'อลงกรณ์'​ นำทีมขับเคลื่อนทันทีตั้งเป้าขยายผลใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อทั่วประเทศ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ครั้งที่ 2/2564 ล่าสุดวันนี้ (18 ก.ค) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการธนาคารสีเขียว​ (Green Bank) เพื่อส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจโดยมีเป้าหมาย​ 6​ ประการได้แก่ การเพิ่มสินเชื่อช่องทางใหม่โดยใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ,การเพิ่มทรัพย์สิน รายได้ อาชีพและธุรกิจใหม่ๆ​ ให้กับประชาชน, การลดปัญหาหนี้นอกระบบ, การเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งในเมืองและนอกเมืองเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ชุมชนและเมือง แก้ปัญหา​ PM2.5, การแก้ปัญหาโลกร้อน​ (Global Warming) และเพิ่มคาร์บอนเครดิตของประเทศและการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ​ (SDG) และยุทธศาสตร์ชาติรวมทั้งแผนปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม การเกษตรและเศรษฐกิจ โดยแต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ​ เป็นประธานและมอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อนขยายผลต่อยอดโครงการนี้โดยผนึกความร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (BEDO) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ภาคการวิจัย เช่นสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สวก. ภาควิชาการเช่นสถาบันการศึกษาทุกแห่ง ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(AIC) ภาคเอกชนเช่นหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร  สภาเอสเอ็มอี ภาคเกษตรกรเช่นสภาเกษตรกรแห่งชาติ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย สมาคมเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร เกษตรกร ภาคท้องถิ่นเช่นอบจ. เทศบาล อบต. กทม. เมืองพัทยา รวมทั้งภาคีเครือข่ายมูลนิธิ องค์กรเอกชนตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบรายงานผลการดำเนินการที่ผ่านมาของโครงกาสินเชื่อไม้ยืนต้นจากข้อมูลของกองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์รายงาน ณ วันที่​ 5 ก.ค. 2564​ ว่า​ตั้งแต่ปี2562ถึงปัจจุบัน มีผู้ขอนำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 87​ สัญญา จำนวน 119,498 ต้น วงเงิน​ 134,375,912.00 บาทโดยแบ่งเป็น กลุ่มให้สินเชื่อรายย่อย​ (พิโกไฟแนนซ์ ปล่อยสินเชื่อวงเงิน5หมื่นถึง​ 1​ แสนบาท) 80 สัญญา คิดเป็น 92%ของสัญญารวมวงเงินค้ำประกัน​ 4​ ล้านบาท กลุ่มสถาบันการเงิน​ (ธนาคารกรุงไทยและธกส.) 7​ สัญญา คิดเป็น 8% ของสัญญา รวมวงเงินค้ำประกัน 130ล้านบาท

“ระบบการให้สินเชื่อโดยใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันที่ผ่านมายังดำเนินการได้ไม่มากนัก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนจึงมอบนโยบายให้ต่อยอดขยายผล​ (Scale up) โครงการด้วยการเร่งส่งเสริมเกษตรกรและประชาชนปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจบนที่ดินตนเองซึ่งเป็นการเพิ่มทรัพย์สินสร้างหลักประกันให้กับครอบครัวและความมั่นคงในอนาคตรวมทั้งสามารถใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อโดยเกษตรกร ประชาชนและผู้ประกอบการจะได้รับวงเงินสินเชื่อรายย่อย​ 50,000-100,000 บาทต่อรายและวงเงินสินเชื่อรายใหญ่จากสถาบันการเงินเช่นธนาคารเป็นต้น” นายอลงกรณ์​ กล่าว

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง (Sustainable Urban Agriculture Development Project : SUAD Project)โดยมีการแต่งตั้งโครงสร้างและระบบในการทำงานดังนี้.. 

1) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง ระดับเขต แบ่งตามพื้นที่รับผิดชอบตามการแบ่งเขตตรวจราชการของกระทรวงฯ โดยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำเขตตรวจราชการ เป็นประธานอนุกรรมการ 

2) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองทั้ง 77 จังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน มีเกษตรและสหกรณ์จังหวัด เป็นเลขานุการ 

3) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เป็นประธาน มีผู้อำนวยการสำนักสวนสาธารณะ กรุงเทพมหานคร เป็นเลขานุการ

4) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่เมืองพัทยา โดยมอบหมายให้เมืองพัทยาพิจารณาสรรหาบุคคลที่เหมาะร่วมเป็นอนุกรรมการ

5) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่วัด (Green Temple) มีนายโฆสิต สุวินิจจิต เป็นประธาน 

6) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่วิทยาลัย (Green College) โดยมีนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย เป็นประธาน 

7) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่โรงเรียน (Green School) มีนายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา เป็นประธาน 

8) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่มหาวิทยาลัย (Green Campus) มี รศ.ดร.อาณัฐชัย รัตตกุล เป็นประธาน 

9) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่การเคหะแห่งชาติ มีผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เป็นประธาน

10) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองระดับชุมชนและท้องถิ่น (Green Community) มีนายกษิดิ์เดชธนทัต เสกขุนทด เป็นประธานคณะทำงาน 

11) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในพื้นที่อาคารชุด (Green Condo) โดยมีนางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดเป็นประธาน

รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าในการจัดตั้งสถาบันเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)และมีมติให้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอปลัดกระทรวงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการต่อไป

สำหรับการจัดตั้งและขับเคลื่อนสภาเกษตรอินทรีย์ พี จี เอส แห่งประเทศไทยจะมีการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแนวทางและแผนการดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ ในวันที่ 18 สิงหาคม

ที่ประชุมยังรับทราบผลการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล โดยผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการโครงการไปแล้วร้อยละ 46 ของโครงการ โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 30,000 คน และดำเนินการจ้างผู้ปฏิบัติงานจากเกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชนที่ว่างงานจากผลกระทบของ COVID-19 แล้วจำนวน 9,157 ราย 

ในการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ครั้งที่ 2/2564 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในการประชุมพร้อมด้วยนายประยูร อินสกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวเบญจพร ชาครานนท์ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน นายสถาพร ใจอารีย์ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน นายวิชัย ไตรสุรัตน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงฯ นายปริญญา พรศิริชัยวัฒนา ประธานชมรมเกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย นายธีระ วงษ์เจริญ ประธานเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ นายศรีสะเกษ สมาน ตัวแทนสภาเกษตรกรแห่งประเทศ นายกันตพงษ์ แก้วกมล ประธานเครือข่ายเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer Thailand) และกรรมการภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมผ่านระบบประชุมทางไกลออนไลน์ (zoom)

พูดกับลูกแบบนี้ ไม่ได้ผล!! การพูดจาข่มขู่ เป็นวิธีการให้ลูกทำตัวเกเร ไม่มีการกระทำที่ถูก จากวิธีคิดที่ผิด

พ่อแม่บางคนติดกับดักอำนาจตัวเอง สำหรับเด็กๆ แล้วเหมือนคำท้าทายให้เด็กๆ ทำในสิ่งที่พ่อแม่ห้าม คำว่า “เดี๋ยวเถอะ ถ้าลูกทำอีกครั้งนะ” การรับรู้ของเด็กจะไม่ได้ยินคำว่า “ถ้าลูก” แต่จะได้ยินคำว่า “ลูกทำอีกครั้งนะ” การตีความการข่มขู่ครั้งนั้น เหมือนว่า ถูกคาดหวังว่าให้พวกเขาทำตัวเกเรอีกครั้ง

คำตักเตือนของคุณ เสมือนเป็นการท้าทายให้เด็กพยามแสดงความเป็นตัวเองมากขึ้น ถ้าเขาเป็นคนเคารพในตัวเองมากๆ เขาจะฝ่าฝืนคำสั่งคุณ เพื่อแสดงให้โลกรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่รู้สึกเกรงกลัวและหวั่นไหวเมื่อถูกข่มขู่

วิธีสื่อสารบางอย่างที่เราใช้พูดกับลูก เป็นสิ่งที่ไม่ได้ผลอย่างยิ่ง นอกจากจะทำให้เราไม่บรรลุจุดมุ่งหมายในการสื่อสารกับลูกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น มันจะก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย วิธีสื่อสารที่ว่า เช่น การข่มขู่ การติดสินบน การให้คำมั่นสัญญา การพูดจาถากถาง การใช้คำพูดที่รุนแรงเกินเหตุ การพูดทำร้ายจิตใจ รวมถึงการสอนเด็กให้สุภาพมีมารยาทด้วยคำพูดที่หยาบคาย

การทำร้ายเด็กด้วยคำพูด ข่มขู่ ต่อว่า ตำหนิ ว่าเขาน่าเกลียด โง่  ซุ่มซ่าม ย่อมมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับเด็ก เด็กจะมีปฏิกิริยาทั้งร่างกายและจิตใจ  เช่น เสียใจ โกรธ เกลียด เด็กจะเริ่มมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะในใจครุ่นคิดแต่จะเอาคืน อาจมีปัญหาในการแสดงออก ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทำให้ทั้งเด็กและพ่อแม่ต้องทุกข์ระทม

พ่อแม่ที่พูดซ้ำ ๆ ว่าลูกโง่ เด็กคนนั้นก็จะเชื่อคำพูดประโยคซ้ำๆ นี้โดยอัตโนมัติ เชื่อว่าตัวเองนั้นโง่จริงๆ เขาจะเริ่มเห็นตัวเองเป็นคนโง่ลงเรื่อย ๆ  และจะยอมแพ้ต่อความพยายามและต่อการใช้ความคิดไปโดยปริยายเช่นกัน

แต่ก็ประหลาดใจมากที่บ่อยครั้งที่ได้ยินคำพูดที่ข่มขู่ เกรี้ยวกราด ถากถาง คำพูดเชิงลบ ที่ลดคุณค่าตัวตนของลูก

ตัวอย่างเช่น 
- เธอมันหนักไม่เอา เบาไม่สู้ ทำอะไรก็ไปไม่รอด
- ตั้งแต่เธอลืมตาดูโลก ธุรกิจฉันก็ขาลงทันที
- เธอมันเหมือนแม่ไม่มีผิด ไม่ได้เรื่องพอๆ กัน
- อย่าให้ฉันรู้นะว่าเธอ….
- คนอย่างเธอมันเก่งไม่จริง
- ระวังตัวให้ดี สักวันหนึ่ง….
- เธอมันคือตัวปัญหา ตัวซวย

แบบแผนการสื่อสารแบบนี้ ถือว่าเป็นการสื่อสารที่มีแต่จะทำร้ายจิตใจลูกให้ตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ

สิ่งสำคัญที่สุดที่อยู่เบื้องหลังของหลักการสื่อสาร คือ การที่ผู้ใหญ่ไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ และต้องมีความเคารพในตัวของเด็ก


เขียนโดย อ.นิธิมา กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากร โปรเฟสชั่นนอล เทรนเนอร์
#Talktonitima

อ้างอิงข้อมูล: หนังสือ วิธีพูดกับลูก

‘ความเข้าใจผิด ๆ ที่คิดว่าช่วย รักษ์โลก’ I LOCK LENS GURU EP.37

LOCK LENS GURU รายการที่จะพาทุกคนมาเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ ไปกับ ’กูรู’ ตัวจริง 

วันนี้พบกับ ‘คุณก้อง ชณัฐ วุฒิวิกัยการ’ ผู้ผลิตคอนเทนต์แยกขยะ ช่อง TikTok และ YouTube : KongGreenGreen

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

.


.


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top