Wednesday, 9 July 2025
SPECIAL

สงขลา - เมืองต้นแบบที่ 4 จะนะ ก้าวไปอีกขั้น ศอ.บต. ร่วมกัน 2 มหาลัย ศึกษาระบบโลจิสติกส์ ทางบกในพื้นที่ อ.จะนะ เพื่อรองรับความเติบโตในอนาคต

พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ตามที่ ครม.มีมติเห็นชอบในหลักการขยายเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" จากเมืองต้นแบบ 3 แห่ง ในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา พื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ไปสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อ.จะนะ จ.สงขลา เพื่อให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต เพื่อยกระดับการพัฒนา 4 อำเภอ ใน จ.สงขลา คือ อ.จะนะ,นาทวี.เทพา และสะบ้าย้อย ซึ่งเป็นพื้นที่มีศักยภาพสูง มีโครงการ การขนส่งในรูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถพัฒนาเพื่อเชื่อมโยงไปยังพื้นที่อื่นทั้งในและต่างประเทศ เมื่อพิจารณาโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่ อ.จะนะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ”เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมแห่งอนาคต” ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นเขตเศรษฐกิจเฉพาะพิเศษ พบว่ายังเป็นโครงข่ายทางหลวงขนาดเล็ก ออกแบบเพื่อการเดินทางของประชาชนและการขนส่งสินค้าทางการเกษตร มีถนนสายหลักเพียง 2 สาย คือ ทางหลวงหมายเลข 43 และ 408 ขนาด 4 ช่องจราจร หากมีการพัฒนาเป็น”เมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต” ถนนดังกล่าวไม่สามารถรองรับความเจริญที่เกิดขึ้นได้ อีกทั้งยังต้องมีการเชื่อมต่อการขนส่งในระบบราง และการเชื่อมโยงโครงข่ายทุกรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพ

ศอ.บต.ได้ร่วมกับสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและการจราจร ( สขน.) เพื่อศึกษา สำรวจ วิเคราะห์ สภาพการจราจร และมาตรฐานการจัดระบบจราจร และ อบจ.สงขลา ที่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีภารกิจ มีอำนาจในการจัดระบบบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น จึงได้ดำเนินการโครงการศึกษาออกแบบระบบโลจิสติกส์ทางบกในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เนื่องจากในการพัฒนา”เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมแห่งอนาคต”นั้นจำเป็นต้องมีการศึกษา เพื่อพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งให้สอดคล้องกับบริบทของการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 

โดย ศอ.บต.ได้มอบหมายให้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการโครงการศึกษาออกแบบโลจิสติกส์ทางบกในพื้นที่ อ.จะนะ  โดยจะจัดให้มีการประชุมสัมมนาแนะนำโครงการผ่านระบบประชุมสัมมนาทางไกล เพื่อนำเสนอแนวคิด และวัตถุประสงของโครงการ ให้ผู้แทนส่วนราชการการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนที่มีส่วนได้เสียรับทราบ ในวันที่ 9 สิงหาคม เวลา 09.00-12.00 น.ผ่านการประชุมทางไกล ด้วยระบบ ZOOM ซึ่งขณะนี้ทางผู้จัดได้มีการเชิญผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมในครั้งนี้แล้ว เพื่อที่จะได้นำความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมเพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาและออกแบบต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

'ปวดหลังร้าวลงขา' ร่วมกับอาการชาหรือไม่มีแรง อาจไม่ใช่กระดูกทับเส้นเสมอไป แต่อาจเป็นเพียงการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อพิริฟอร์มิส

เมื่อมีอาการปวดหลังจากการนั่งทำงานนาน ๆ หรือ ยกของหนักแล้วมีอาการปวดสะโพกร้าวลงขาข้างใดข้างหนึ่ง อาการที่เกิดขึ้นมักเป็น ๆ หาย ๆ ก่อให้เกิดความรำคาญใจ ร่วมกับมีอาการชาหรือไม่มีแรง ทำให้หลายคนเข้าใจว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แต่แท้ที่จริงแล้วอาการดังกล่าวอาจเป็นเพียงการบาดเจ็บ การอักเสบหรือเป็นพังผืดของกล้ามเนื้อสะโพกชั้นลึกที่เรียกว่า กล้ามเนื้อพิริฟอร์มิส หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า "สลักเพชร"

กล้ามเนื้อพิริฟอร์มิสเป็นกล้ามเนื้อมัดเล็ก ๆ ที่มักเกิดการเกร็งหรือบาดเจ็บจากการใช้งานในชีวิตประจำวันของเรา เช่น การนั่ง การเดิน การวิ่ง ทำให้เกิดอาการปวด "สลักเพชร" หรือก้นทางด้านหลัง กล้ามเนื้อมัดนี้เป็นทางผ่านของเส้นประสาทใหญ่ที่ลงไปเลี้ยงและรับส่งสัญญาณไปกลับระหว่างขากับไขสันหลัง เมื่อเส้นประสาทดังกล่าวได้รับการหนีบ จากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อนี้ ทำให้อาการแสดงที่เกิดขึ้นมีความคล้ายคลึงกับอาการของโรคกระดูกทับเส้นประสาท

ดังนั้นเมื่อมีอาการปวดหลังร้าวลงขา ขอให้รีบไปพบนักกายภาพบำบัดหรือแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและให้คำแนะนำที่ถูกต้อง อย่าวิตกกังวลหรือกลัวว่าจะต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดเสมอไป เพราะอาจไม่ใช่โรคกระดูกทับเส้นประสาท

อาการนี้มักพบบ่อยในคน 4 กลุ่มคือ
- ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุล้มก้นกระแทก หรือ เล่นกีฬาที่มีการปะทะ
- ยกของหนักเดินขึ้นลงบันได
- วิ่งขึ้นลงทางชัน
- นั่งเก้าอี้เตี้ยนาน ๆ (เก้าอี้ที่ระดับก้นต่ำกว่าเข่า)

ผู้ป่วยส่วนมากที่มารับการรักษากล้ามเนื้อพิริฟอร์มิสที่คลินิกกายภาพบำบัด คือกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ชื่นชอบการออกกำลังกายในฟิตเนส โดยเฉพาะคนที่อยากปั้นสะโพกหรือก้นให้เฟิร์มเบอร์เดียวกับเจนนิเฟอร์โลเปส หรือ กัปตันอเมริกา ดังนั้นกลุ่มนี้จะได้รับการฝึกท่าก้นอย่างหนักสารพัดท่า ซึ่งถ้าหากฝึกหนักเกินไปหรือฝึกจนเกิดความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อก็จะเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อพิริฟอร์มิสได้เช่นกัน

การป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อพิริฟอร์มิสคือ หลีกเลี่ยงการเป็นคน 4 กลุ่มทางด้านบน และออกกำลังกล้ามเนื้อก้นด้วยความพอดี อย่ากดดันตัวเอง หรือเทรนเนอร์มากเกินไป ซึ่งความพอดีและการมีทางสายกลาง คือ หนทางป้องกันโรคนี้ได้

การรักษาทางกายภาพบำบัดเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง นักกายภาพบำบัดจะใช้การยืดกล้ามเนื้อเพื่อลดการเกร็งของกล้ามเนื้อพิริฟอร์มิส และใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดเพื่อคลายความเจ็บปวดหรือลดการอักเสบของกล้ามเนื้อพิริฟอร์มิส พร้อมทั้งแนะนำการปรับการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บซ้ำอีก

คำถามยอดฮิตสำหรับทุกคนที่มีอาการเหล่านี้ คือ
สามารถไปนวดได้ไหม? คำตอบคือ ถ้ายังไม่มีอาการชาหรือปวดร้าวลงขา ก็สามารถไปนวดได้ แต่ถ้ามีอาการชาหรือปวดร้าวลงขาแล้ว แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดจะดีกว่า

การประคบด้วยความร้อนหรือเย็นช่วยได้ไหม ? ต้องบอกว่าการประคบด้วยความร้อนหรือเย็นจะได้ผลดีกับเนื้อเยื่อที่อยู่ชั้นตื้นหรือชั้นบนเท่านั้น ไม่สามารถส่งผลไปถึงกล้ามเนื้อชั้นลึกอย่างกล้ามเนื้อพิริฟอร์มิสได้ แต่หากจะประคบเพื่อบรรเทาปวดเบื้องต้นก็สามารถทำได้

เชิญชวนมายืดเหยียดกล้ามเนื้อพิริฟอร์มิสและกล้ามเนื้อรอบสะโพก โดย 2 ท่านี้เป็นท่าที่ง่ายและสามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ ยืดค้างไว้จนรู้สึกตึงบริเวณก้น นาน 10 - 20 วินาที อย่าให้เจ็บมาก เมื่อทำเป็นประจำสามารถช่วยป้องกันโรคนี้ได้ในระดับหนึ่ง

ท่าที่ 1 นั่งเก้าอี้ นำข้อเท้าข้างหนึ่งวางไว้บนหน้าขาอีกข้างหนึ่งตามรูป พยายามก้มตัวลงทางด้านหน้าให้มากที่สุดจนรู้สึกตึงบริเวณก้นทางด้านหลัง ค้างไว้ 10 - 20 วินาที

ท่าที่ 2 นั่งขัดสมาธิบนพื้นด้วยการงอขาข้างหนึ่งทางด้านหน้า ส่วนขาอีกข้างเหยียดไปทางด้านหลังตามรูป ยืดลำตัวตั้งตรง จะรู้สึกก้นทางด้านหลังและหน้าขา ค้างไว้ 10 - 20 วินาที

เขียนโดย: กภ.อุสา บุญเพ็ญ ปริญญาโท วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต พัฒนาการมนุษย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เจ้าของคลินิกกายภาพบำบัด และเพจสุขภาพดี


เอกสารอ้างอิง
E R Benson and S F Schutzer. Posttraumatic piriformis syndrome: diagnosis and results of operative treatment. J Bone Joint Surg Am. 1999. P.941-949.
https://www.physio-pedia.com/Piriformis_Syndrome
http://www.freyagilmore.uk/2016/08/30/piriformis-syndrome/
https://www.precisionnutrition.com/doctor-detective-sciatic-pain
https://www.inquirer.com/philly/health/personal-best/an-integrative-stretching-plan-to-combat-tight-hips-20171206.html

ALL NEW MG5 สปอร์ตคูเป้​ สายเท่ห์​ เปย์สบาย!! ในราคาเริ่มต้น 559,000 บาท กับ THE SHOPS TIMES

สิ้นสุดการรอคอย​ สำหรับ ALL NEW MG5 โฉมใหม่​ ที่เปิดตัวด้วยราคาสุดร้อนแรงในกลุ่มซิตี้คาร์​ โดยมีให้เลือ​ 3​ รุ่นย่อย​ ได้แก่...

ALL NEW MG5 รุ่น C ราคา​ 559,000

ALL NEW MG5 รุ่น D ราคา​ 599,000

ALL NEW MG5 รุ่น X ราคา​ 689,000

สีตัวถังมีทั้งหมด 6 สี ได้แก่...

- สีเหลือง (Nuclear Yellow)

- สีขาว (Arctic White)

- สีดำ (Black Knight)

- สีเงิน (Silver Metallic)

- สีแดง (Scarlet Red)

- สีเทา (Metal Ash Grey)

นอกจากนี้​ ยังพ่วงออปชันบริการหลังการขายแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ 'แพสชั่น เซอร์วิส'​ (Passion Service) ประกอบไปด้วย...

- การรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร

- การบริการเช็กระยะและตรวจสอบสภาพรถนอกสถานที่ (Mobile Services)

- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance)

- บริการศูนยลูกค้าสัมพันธ์ (MG Call Center) ตลอด 24 ชั่วโมง

อีกทั้งยังมีบริการรถสำรองใช้ระหว่างรอซ่อม ที่โชว์รูมเอ็มจีกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ

สำหรับ​ 'ALL NEW MG5'​ เป็นซิตี้คาร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซปต์ 'BEYOND'​ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความโดดเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

โฉบเฉี่ยวด้วยรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตคูเป้ บนมิติตัวถังที่ใหญ่กว่ารถยนต์ซิตี้คาร์ในกลุ่ม B-segment รวมไปถึงกลุ่ม Eco-Car ของไทย

โดยพื้นที่ภายห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบาย มีพื้นที่เหนือศีรษะที่สูงโปร่ง ใครสูงน้อยกว่า​ 180​ ซม.​ นั่งหลังได้ชิล ๆ​

ภายในมีการตกแต่งสไตล์สปอร์ตพรีเมียม ด้วยการออกแบบคอนโซลกลางแบบ Driver-focus cockpit ที่ให้องศาที่เหมาะกับตำแหน่งคนขับ

พร้อมทีเด็ดหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และโทรศัพท์มือถือระบบ Android, พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น และปุ่ม PUSH Start

วัสดุภายในเป็นแบบผิวสัมผัสนุ่ม (Soft touch) ในหลายตำแหน่ง

ในส่วนของไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED พร้อมระบบเปิดปิดอัตโนมัติ

ด้านฟังก์ชั่น​ MG5​ พ่วงออพชั่นระดับรถยนต์กลุ่ม C-Sedan มาใส่มาเพียบ​ ตั้งแต่​ ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, มาตรวัดอัจฉริยะแสดงผลแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง, หลังคาซันรูฟ และเหนือกว่า ด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับรถยนต์เอ็มจีที่โดดเด่นด้วยระบบการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย

นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชั่นใหม่ล่าสุด คือ กุญแจดิจิทัล (Digital Key) ที่เจ้าของรถสามารถส่งผ่านมายังโทรศัพท์มือถือ โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องใช้กุญแจในการสตาร์ท อีกทั้งยังสามารถส่งกุญแจดิจิทัลให้กับผู้อื่น​ เพื่อใช้งานรถยนต์ได้ด้วยการรับ-ส่งโค้ดผ่านทางแอปพลิเคชัน i-SMART ALL NEW MG5

ALL NEW MG5​ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร มีกำลังสูงสุด 114 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด รวมไปถึงระบบช่วยในการขับขี่และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว (Synchronized Protection System) ที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น...

ดีสก์เบรก 4 ล้อ มาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA / ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง / ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน / ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา / ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 3 มิติ / ระบบควบคุมการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง / ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและการลื่นไถล / ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน และอื่น ๆ อีกมากมาย

ทั้งหมดของ​ ALL​ NEWS​ MG5​ เหมาะกับผู้ชื่นชอบรถยนต์นั่งสไตล์สปอร์ต​ แต่ก็ต้องขอแอบบอกว่าบรรดานักเทสต์รถหลายคน​ ยกให้ความนุ่มของช่วงล่าง​ ทำให้รถยนต์รุ่นนี้ตอบโจทย์การใช้งานแบบรถครอบครัวได้ควบคู่ไปด้วย

***สนใจติดต่อ Line @THE SHOPS TIMES

สุโขทัย – ซาลาเปา 20 ไส้โบราณของอร่อยสโขทัย ราคาไม่แพง ลิ้มรสสูตรดั่งเดิม 100 ปี

ของอร่อยในสุโขทัยอีกชนิดที่ขึ้นชื่อ มีสาขาหลายอำเภอหลายจังหวัด หากพูดถึงซาลาเปา ภาษาจีนเรียก เปาจึ หรือ เปา เป็นอาหารทำด้วยแป้งปั้นเป็นลูก ใส่ไส้ต่าง ๆ เช่น เนื้อ หรือผัก แล้วนึ่งให้สุกและเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร คือที่จังหวัดสุโขทัย หนุ่มสาวรุ่นใหม่สืบทอดเจตนารมณ์คนรุ่นอากง ที่ริเริ่มคิดสูตรและทำซาลาเปามาตั้งแต่อยู่ที่จีน และก็สืบต่อกิจการขายซาลาเปามาเรื่อย ๆ จนมารุ่นพ่อที่ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย และเป็นครอบครัวซาลาเปาที่คนสุโขทัยรู้จักดี ซาลาเปาโบราณปัจจุบันเป็นที่หากินได้ยากมาก ๆ จึงไม่อยากให้พลาดโอกาสลิ้มรสซาลาเปาโบราณที่มีตำนานมากกว่า 100 ปี

คุณเจตน์ เลิศจรูญวิทย์ อายุ 36 ปี ทายาทอีกรุ่นของรุ่นซาลาเปา 20 ไส้โบราณ เป็นรุ่นหลานของร้าน “ซาลาเปาโบราณ in สุโขทัย” ได้เล่าว่าด้วยความภาคภูมิใจในการสืบทอดจากรุ่นอากงให้ฟังว่า การที่ทำซาลาเปาสูตรโบราณ และยังทำอยู่ถึงทุกวันนี้ เพราะอยากให้คนรุ่นหลังได้รู้จักและลองกินซาลาเปาโบราณที่ยังมีวิธีทำแบบดั้งเดิม แต่จะมีไส้ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากที่อื่น และหลากหลาย ที่ดั้งเดิมก็จะเป็น ไส้ถั่วดำ หรือ ไส้ดำ นับเป็นซาลาเปาไส้หวาน สุดคลาสสิค ไส้หมูสับ หมูสับไข่เค็ม หมูแดง ถั่วเหลือง ถั่วดำ งาดำ ถั่วแดง เผือก ครีม ใบเตยและออกไส้ตามความนิยมของท้องตลาดเช่นไส้ช็อคลาวา ลาวาชาเขียว ลาวาไข่เค็ม ลาวามันม่วง ไส้ฝอยทอง ไส้กรอกชีส ฮ่องเต้ ไส้ผัก(เจ)สำหรับคนรักสุขภาพ ไส้แน่น เต็ม ๆ คำ แป้งของร้านซาลาเปาโบราณ in สุโขทัย จะเป็นสีขาวสวยละมุนตา มีส่วนผสมพิเศษในการผสมแป้ง และยังเป็นแป้งที่นวดและปั้นเอง ทำให้แป้งเหนียวหนุบหนับ สูตรลับเฉพาะตามแบบฉบับซาลาเปาโบราณยิ่งถ้าได้ลองทานหมั่นโถว เมื่อเคี้ยวไปแล้วตัวเนื้อแป้งจะได้รสชาติหวาน ๆ และไม่ติดฟันให้น่ารำคาญ

น.ส.ปวีณา ทองเยี่ยม อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นภรรยา คุณเจตน์  เลิศจรูญวิทย์ เจ้าของร้านซาลาเปาโบราณ in สุโขทัย และเป็นผู้ดูแลร้านบอกว่านอกจากซาลาเปาแล้วยังมีขนมจีบ อาหารว่างประเภทคาวแบบนึ่งของจีนที่เป็นเมนูห้ามพลาด เพราะวัตถุดิบที่ใช้จะคัดเลือกตั้งแต่แป้งที่ห่อ จะใช้แป้งไข่ที่ต้องสั่งจากเยาวราช ใช้เครื่องสามเกลอที่ปรุงด้วยพริกไทยพิเศษที่จะหอมกว่าปกติ หมูบดจะผสมมันเล็กน้อยเพื่อให้มีรสนุ่มลิ้น ใส่เห็ดหอมเพื่อเพิ่มรสชาติ คลุกเคล้ากับแครอท ซอสต่าง ๆ และน้ำมันงา และห่อกันแบบอวบ ๆ เต็มปากเต็มคำ นอกจากนี้ทางร้านยังรับจัดเบรก งานเลี้ยง ประชุม สัมมนา รับรองอร่อย สะอาด ถูกหลักอนามัย ซื้อทานเองก็ถูกปาก ซื้อเป็นของฝากก็ถูกใจ ร้านซาลาเปาโบราณ in สาขาเมืองสุโขทัย ตั้งอยู่เลขที่ 2/1 ถ.บาลเมือง ตรงข้ามป้อมตำรวจชุมชนธานี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 096-1655122 ร้านซาลาเปาโบราณ in สุโขทัย หรือถ้าไม่สะดวกเดินทาง สามารถสั่งได้ทุกแอพพิเคชั่น รอรับความอร่อยที่บ้านได้เลย


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

ขอนแก่น - งานเข้า นักโทษเรือนจำขอนแก่นติดโควิด 315 คน สนธิกำลังร่วมทุกฝ่ายคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด

ผู้ต้องขังชายคุกขอนแก่นติดโควิดสั่งปิดแดนต้องขัง 1-2  ขณะที่ สสจ.สนธิกำลังร่วมทุกฝ่ายคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด เร่งตรวจหาเชื้ออีกกว่า 3,000 เตรียมย้ายผู้ต้องขังหญิงไปอยู่เรือนจำพล เพื่อปรับแดนหญิงเป็น รพ.สนาม ควบคุมการระบาด

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 21 ก.ค. 2564 ที่สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดขอนแก่น นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายสมมาตย์ สุราช ผู้บัญชาการเรือนจำกลางขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวการพบผู้ต้องขังติดเชื้อในเรือนจำกลางขอนแก่น พร้อมทั้งมาตรการควบคุมและป้องกันโรคภายในเรือนจำ ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงยุติธรรมกำหนด โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวและรับมอบนโยบายการดำเนินงานตามคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงกัน

นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าวว่าเรือนจำขอนแก่นมีผู้ต้องขังทั้งหมด 4,458 คน โดยเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากทางเรือนจำฯว่าพบกลุ่มผู้ต้องขังมีอาการป่วย เป็นไข้ ไอ และมีน้ำมูก

จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ,สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 และเรือนจำจังหวัดขอนแก่น ให้ดำเนินการตรวจคัดกรองผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงจำนวน 15 คน ซึ่งพบว่าผู้ต้องขังชาย 3 คนติดเชื้อโควิด-19  จากนั้นคณะทำงานจึงได้ขยายผลตรวจผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยง 1,620 คน โดยขณะนี้พบผู้ต้องขังยืนยันติดเชื้อโควิดแล้ว 315 คน

นพ.สมชายโชติ กล่าวด้วยว่าในส่วนของคลัสเตอร์เรือนจำกลางขอนแก่นนั้น มีการวางแผนควบคุมโรคในรูปแบบบับเบิลแอนด์ซีล ห้ามการเข้า-ออก เด็ดขาดและไม่รับผู้ต้องขังรายใหม่ และเร่งตรวจกลุ่มผู้ต้องขังหญิงทั้งหมด 329 คน เพื่อเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังแดนหญิงไปที่เรือนจำพล อ.พล จ.ขอนแก่น เพื่อปรับพื้นที่ให้แดนหญิงเป็นโรงพยาบาลสนามในเรือนจำ รักษากลุ่มผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ หากผู้ป่วยมีอาการหนักจะถูกส่งตัวต่อไปรักษาที่ รพ.ขอนแก่น ในส่วนของผู้ต้องขังอีกกว่า 3,000 คน ที่ไม่ได้ตรวจหาเชื้อ ได้วางแผนเชิงรุกโดยการเอกซเรย์ปอดผู้ต้องขังทุกคน หากพบติดเชื้อแม้จะไม่แสดงอาการก็จะถูกส่งต่อการรักษาที่ รพ.สนาม ภายในเรือนจำทันที

กรุงเทพฯ - กองทัพเรือ และสภากาชาดไทย เชิญชมกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 47 แบบ New normol media และขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศบริจาค ผ่านระบบออนไลน์ ได้ตามกำลังศรัทธา

กองทัพเรือ และสภากาชาดไทย ร่วมต้านภัยโควิด-19 เชิญชมกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 47 แบบ New normal ในวันอังคารที่ 3 สิงหาคม นี้ เวลา 14.00 น.ถ่ายทอดสดผ่าน social media  และขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศบริจาคเงิน เพียง สแกน QR code ผ่านระบบออนไลน์ ได้ตามกำลังศรัทธา

วันนี้ ( 21 กรกฎาคม 2564) พลเรือโท ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการเตรียมการจัดแสดงกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 47 เปิดเผยว่า กองทัพเรือและสภากาชาดไทย ร่วมต้านภัยโควิด-19 โดยกำหนดจัดการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่ 47 แบบ New Normal ย้อนรำลึกความสัมพันธ์ 60 ปี ที่ร่วมกันสนองพระราชปณิธาน องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย จัดแสดงดนตรีคลาสสิค มาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2504

สำหรับการแสดงในปีนี้ จะมีทั้งเพลงคลาสสิค และเพลงร่วมสมัย ที่นำมาร้อยเรียงรำลึกถึงความผูกพัน ความร่วมมือ และพลังแห่งความสามัคคี  เปิดกว้างให้รับชมการแสดงได้พร้อมกันทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มช่องทางการร่วมบริจาคเงินให้แก่ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป ก็สามารถร่วมสนับสนุนได้โดยง่ายเพียง สแกน QR code ทางระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ปันบุญ (www.punboon.org)โดยบัตรเครดิต,เดบิต,สแกน QR Code (e-donation)ผ่านแอปพลิเคชันทีทีบี( ttb touch) ,โมบายล์แบงก์กิ้งได้ทุกธนาคารหรือ Rabbit Line Pay รวมทั้งโอนเงินผ่านบัญชี

ธนาคารทหารไทยธนชาต เลขที่ 115-2-50386-6 และธนาคารกรุงไทย เลขที่ 660-4-17792-0 ชื่อบัญชี กาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่47 โดยกองทัพเรือจะนำเงินบริจาคทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายทูลเกล้าถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย  เพื่อภารกิจช่วยเหลือประชาชนที่ทุกข์ยาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์แพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้สภากาชาดไทยต้องมีภารกิจมากขึ้นกว่าปกติ

การจัดแสดงฯ แบบ New Normal  จะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 3 สิงหาคม 2564  เวลา 14.00 น. ผ่านการถ่ายทอดสด(Live สด)ทาง Facebook Fan page "กองทัพเรือ Royal Thai Navy " และ "The Thai Red Cross Society" รวมทั้ง YouTube Live "กาชาดคอนเสิร์ต Royal Thai Navy " 

ในโอกาสนี้ขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศติดตามชมการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่47 และร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทยผ่านระบบออนไลน์หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ดังกล่าวข้างต้น ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ โทร. 0 2475 3081 และ 08 0664 4891

ลำปาง - กฟผ. มอบหมวกป้องกันเชื้อ PAPR สนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์สู้โควิด-19

วันนี้ 21 ก.ค.64 นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง นายแพทย์นพรัตน์ วัชรขจรกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง รับมอบหมวกป้องกันเชื้อ PAPR (Powered Air Purifying Respirator) จำนวน 20 ชุด ซึ่งผลิตโดยทีมช่างอาสา กฟผ. หลังพบปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ต้องเผชิญความลำบากในการปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยทาง กฟผ. จึงได้เริ่มพัฒนาการผลิตหมวกป้องกันเชื้อ PAPR ขึ้น และส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ โดยมีนายอดิศักดิ์ กิจเจริญธนารักษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ เป็นผู้มอบฯ ณ บริเวณหน้ามุข ชั้น 1 ด้านหน้าอาคารศาลากลางจังหวัดลำปาง 

โอกาสนี้ ทาง กฟผ.แม่เมาะ ได้มอบเงินสนับสนุนค่าอาหาร จำนวน 200,000 บาท และน้ำดื่ม จำนวน 7,200 ขวด เพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 จังหวัดลำปาง

ทั้งนี้ กฟผ. ดำเนินการผลิตหมวกป้องกันเชื้อ PAPR  โดยผลิตในห้อง Clean Room เพื่อควบคุมความสะอาดตลอดขั้นตอนการผลิต มีการทดสอบให้ได้มาตรฐาน พร้อมบรรจุลงกล่องแยกชิ้นก่อนส่งมอบ จึงมั่นใจได้ว่าหมวกทุกใบสะอาดปราศจากสิ่งปนเปื้อน 100% สำหรับตัวหมวกมีน้ำหนักเบา ใช้งานได้คล่องตัว


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

ลพบุรี – เมรุร้าง สัปเหร่อหนีโควิด เจ้าคณะอำเภอขอรักษาการสัปเหร่ออีกตำแหน่ง

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะยุติลงเมื่อใด ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งขึ้นในแต่ละวัน แต่สถานการณ์เช่นนี้ยังมีเรื่องราวของพระผู้เสียสละพระผู้เป็นที่พึ่งยอมเป็นทุกอย่างให้ญาติโยม จากเจ้าคณะอำเภอ เจ้าอาวาส วันนี้ขอรักษาการสัปเหร่ออีกตำแหน่ง

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 ก.ค. 2564 ที่วัดพุน้อย อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี พระโสภณ พัฒนคุณ (เศรษฐีเรือทอง) เจ้าอาวาสวัดพุน้อย เจ้าคณะอำเภอหนองม่วง จ.ลพบุรี พร้อมด้วยพระลูกวัด แต่งกายด้วยชุด PPE จำนวน 4 รูป ยืนรอรับศพแม่ชีวัย 81 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี ที่มารักษาอาการป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ รพ.บ้านหมี่ เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2564 และได้เสียชีวิตเมื่อช่วงสายของวันนี้ โดยมูลนิธิสว่างอริโยธรรมสถานนำศพมาเพื่อให้ทางวัดบำเพ็ญกุศลศพและทำการฌาปนกิจศพ โดยมีญาติของผู้เสียชีวิตร่วมพิธีเพียงคนเดียว รอเก็บกระดูกกลับบ้าน

เจ้าคณะอำเภอหนองม่วง ยังกล่าวอีกว่า สัปเหร่อที่วัดพุน้อย ไม่กล้ามาประกอบพิธี กลัวเชื้อโควิด ซึ่งหลวงพ่อเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา ตัวอาตมาเองก็กลัว แต่เรามีการป้องกันอย่างรัดกุม และศพที่บรรจุมาจาก รพ.ก็ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว ขึ้นรถ ลงรถจากรถกู้ภัยฯ ก็ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้วเช่นกัน และเผอิญว่าโยมปู่ โยมพ่อ เคยเป็นสัปเหร่อมาก่อน หลวงพ่อเคยได้ช่วยงานมาบ้าง ก็สามารถทำได้ ซึ่งในวันนี้ถือว่าเป็นการทำบุญใหญ่ให้กับแม่ชีที่ล่วงลับ ฝากบอกญาติโยมผ่านสื่อด้วยว่าหากญาติโยมท่านใดที่เดือดร้อนเรื่องการจัดการศพเชื้อโควิด สามารถนำมาประกอบพิธีที่วัดพุน้อยแห่งนี้ได้ โดยทางวัดจะดำเนินการตามขั้นตอนของประเพณีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น


ภาพ/ข่าว  สนใจ ลพบุรี

ชุมพร - จิตอาสาพัฒนา "ปลูกป่า" เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม

นายพิศิษฐ์ ฤทธิพิชัยสงคราม นายอำเภอท่าแซะ/ ผอ.ศอ.จอส.พระราชทานอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนจิตอาสาในพื้นที่ ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา "ปลูกป่า" เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 ณ ป่าหนองหอยขม ตำบลสองพี่น้อง หมู่ที่ 7 เนื้อที่ 4.35 ไร่ และหมู่ที่ 4 เนื้อที่ 14.95 ไร่ รวม 19.3 ไร่

ทั้งนี้ ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) อย่างเคร่งครัด จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม 50 คน ส่วนราชการระดับอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้นำอุปกรณ์ที่ได้รับสนับสนุน จอบ เสียม ต้นไม้ เข้าร่วมกิจกรรม


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

สมุทรสาคร - ศรชล.ร่วมหน่วยงานและเจ้าของเรือ เป็นสักขีพยานและกำลังใจให้แรงงานประมง ฉีดวัคซีนเข็มแรก

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) โดย น.อ.เอกภาพ สายโสภา รอง ผอ.ศรชล.จว.สมุทรสาคร น.อ. สุรศักดิ์ กิ่มบางยาง หน.ศคท.จว.สมุทรสาคร พร้อมกำลังพล ศรชล.จว.สมุทรสาคร/ศคท.จว.สมุทรสาคร นายกสมาคมการประมง จว.สมุทรสาคร/สมาชิกสมาคมประมง จว.สมุทรสาคร และตัวแทน/เจ้าของเรือประมงพาณิชย์ จว.สมุทรสาคร ร่วมเป็นสักขีพยานและร่วมให้กำลังใจแรงงานภาคประมงทะเล จำนวน 51 ราย (แรงงานต่างด้าว 34 ราย แรงงานไทย 17 ราย) ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตราอักษรซิโนฟาร์ม (วัคซีนทางเลือก) เข็มแรก ณ รพ.นครท่าฉลอม อ.เมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร

การรับวัคซีนโควิด-19 (วัคซีนทางเลือก) ของแรงงานภาคเรือประมงพาณิชย์ จังหวัดสมุทรสาครในวันนี้ ถือว่าเป็นการรับวัคซีนของแรงงานภาคประมงทะเล จังหวัดแรก ๆ ในประเทศไทย เป็นการช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ของแรงงานภาคเรือประมงทะเล นอกเหนือจากการขอรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 (วัคซีนหลัก) เป็นกลุ่ม/องค์กร ซึ่งทาง สมาคมการประมง จังหวัดสมุทรสาคร ได้ทำหนังสือเสนอขอความอนุเคราะห์จาก สธ.จว.สมุทรสาคร ซึ่งคาดว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก ในช่วง ส.ค. - ก.ย. 64


ภาพ/ข่าว สนง.ศรชล.ภาค 1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

พิจิตร – แม่น้ำยมพิจิตร รอดพ้นวิกฤต กรมชลประทานส่งน้ำช่วยชาวนาแล้ว

วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ความคืบหน้าจากการที่ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วย รมต.เกษตรฯ และ นายเกรียงไกร ภาคพิเศษ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 ได้ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำยมในเขตพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดพิจิตรเพื่อหาแนวทางส่งน้ำช่วยเหลือเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่สองฝั่งของแม่น้ำยม

ล่าสุด นายเอกฉัตร เอี่ยมตาล ผอ.โครงการชลประทานดงเศรษฐี และ นายวัชรินทร์ แทนจำรัส เลขาฯส่วนตัว ของ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วย รมต.เกษตรฯ , สจ.สมชาย บุญผ่อง สจ.เขต อ.สามง่าม ซึ่งเป็นตัวแทนภาคประชาชนได้ลงพื้นที่ดูปริมาณและระดับน้ำในแม่น้ำยมที่ประตูระบายน้ำสามง่าม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าฝายไฮดรอลิกพับได้ ซึ่งพบว่าระดับน้ำในแม่น้ำยมมีปริมาตรเพิ่มขึ้นระดับน้ำด้านเหนือ ปตร.สามง่าม มีปริมาณน้ำสูงเกือบครึ่งตลิ่งของแม่น้ำยมแล้ว ดังนั้นจึงมีการเปิดประตูระบายน้ำสองบานเพื่อจ่ายน้ำไปยัง ต.รังนก ต.วังจิก ต.โพธิประทับช้าง และอีกหลายตำบลที่อยู่ด้านใต้ของแม่น้ำยม ทำให้ได้รับน้ำอย่างทั่วถึงแล้ว

โดย นายเอกฉัตร เอี่ยมตาล ผอ.โครงการชลประทานดงเศรษฐี กล่าวว่า การส่งน้ำเข้าสู่แม่น้ำยมในช่วง 7-10 วันที่ผ่านมานั้นน้ำที่ส่งให้เกษตรกรลุ่มน้ำยมเป็นการส่งน้ำมาจากโครงการส่งน้ำ ยม-น่าน ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ส่งน้ำมาให้เพื่อรักษาระบบนิเวศให้ได้ใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และทำการเกษตร รวมถึงทำให้ความอุดมสมบูรณ์เกิดขึ้นในแม่น้ำยม ทำให้ผู้ที่มีอาชีพหาปลาและทำประมงสามารถดำเนินชีวิตและทำมาหากินได้ทำให้แม่น้ำยมในเขตพื้นที่จังหวัดพิจิตรกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง

ในส่วนของ สจ.สมชาย บุญผ่อง สจ.เขต อ.สามง่าม ซึ่งเป็นตัวแทนภาคประชาชน กล่าวขอบคุณกรมชลประทานที่ดูแลใส่ใจเกษตรกรในลุ่มน้ำยม ซึ่งขณะนี้ได้อานิสงส์จากการส่งน้ำในครั้งนี้ทำให้นาข้าวนับหมื่นไร่ได้รอดพ้นจากวิกฤตฝนทิ้งช่วง โดยได้น้ำไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวและทำให้เกิดน้ำซึมน้ำซับหรือน้ำบาดาลใต้ดินมีระดับเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง ทำให้ชาวนาสามารถสูบน้ำเข้านาข้าวจนได้เก็บเกี่ยวผลผลิตอยู่ในขณะนี้อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

กาฬสินธุ์ - ปิดโรงเรียนไม่มีกำหนด ยอดติดเชื้อโควิดยังนิวไฮวันเดียวพุ่ง 157 ราย

กาฬสินธุ์ยกระดับคุมเข้มมาตรการโควิด-19 หลังปรับเป็นพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด ปิดโรงเรียน-งดเรียนออนไซด์ไม่มีกำหนด ร้านอาหารนั่งได้ไม่เกิน 5 ทุ่ม งดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการรวมกลุ่มสังสรรค์ ขณะที่สถานการณ์ยังพบผู้ป่วยติดเชื้อนิวไฮวันเดียว 157 ราย ทุบสถิติสูงสุด ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมพุ่ง 1,315 ราย ขณะที่หน่วยกู้ภัยเมตตาธรรม ทยอยส่งผู้ป่วยพาคนอีสานกลับภูมิลำเนา

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์อำนวยการต้านโรคติดชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จ.กาฬสินธุ์ รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ซึ่งยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงต่อเนื่องรายวัน โดยล่าสุดวันนี้ (21 ก.ค.64) พบผู้ติดเชื้อนิวไฮ เป็นผู้ป่วยรายใหม่มากถึง 157 ราย ทุบสถิติสูงสุด โดยเป็นผู้ป่วยติดเชื้อขอกลับมารักษาในภูมิลำเนา 40 ราย เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงอยู่ระหว่างการกักกันตัว 83 ราย สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 27 ราย และตรวจพบจากระบบเฝ้าระวังอื่น ๆ อีก 7 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุถึง 1,315  ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 6 ราย

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ล่าสุดคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.กาฬสินธุ์ ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธาน และทางจังหวัดได้ออกประกาศคำสั่งมาตรการยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ หลังปรับเป็นพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด โดยให้ปิดการเรียนการสอนแบบ on-site รวมไปถึงศูนย์เด็กเล็ก จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานในร้านได้ไม่เกินเวลา 23.00 น. งดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สนามกีฬา ยิม สถานที่ออกกำลังกายเปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. งดการรวมกลุ่มสังสรรค์ จำกัดจำนวนผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะไม่เกินร้อยละ 50 และผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ 13 จังหวัดเสี่ยง ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

นอกจากนี้มติที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการขยายเตียงในโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น จากปัจจุบัน จ.กาฬสินธุ์มีโรงพยาบาลสนามรวม 19 แห่ง รองรับผู้ป่วยจำนวน 1,159 เตียง และในโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก และแสดงอาการ อีก 433 เตียง รวมทั้งหมด 1,592 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยจำนวนมากที่เดินทางกลับมารักษายังภูมิลำเนา พร้อมวางแผนจัดตั้งศูนย์โควิดชุมชนหรือ Community Isolation โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการ เน้นผู้ป่วยสีเขียวและให้มีบุคลากรจาก รพ. สต. อสม. เข้ามาดูแล

ขณะที่หน่วยกู้ภัยเมตตาธรรมกาฬสินธุ์ ได้ทยอยส่งตัวผู้ป่วยในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ และหลายจังหวัดในภาคอีสานตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และบริเวณกักกันตัวตามภูมิลำเนา หลังจัดขบวนคาราวานตู้พยาบาล 8 คัน และเช่ารถบัสอีก 1 คัน รับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลบุษราคัม จ.นนทบุรี และพื้นที่กรุงเทพฯ รวมทั้งจังหวัดปริมณฑล “พาคนอีสานกลับบ้านเฮา” ฟรีกว่า 100 คน


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์ ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

สุโขทัย – เทศบาลเมืองสุโขทัย เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีน Sinopharm (ซิโนฟาร์ม) 5,000 โดสให้ประชาชน

วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เวลา 11.00 น. นายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ที่มาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เทศบาล และประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ที่มาลงทะเบียนรับวัคซีน Sinopharm (ซิโนฟาร์ม) เป็นวันแรก โดยมีนายขรรค์ชัย ดอนพิมพา นายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี พร้อมคณะผู้บริหารเทศบาลฯ พนักงานเทศบาล ให้การต้อนรับ

สำหรับประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี จะได้ลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีน Sinopharm (ซิโนฟาร์ม) อย่างทั่วถึงตามเป้าที่ตั้งไว้ของผู้บริหารเทศบาลฯ หลังที่ทางคณะผู้บริหารเทศบาลและสภาเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ได้ทำการขอรับการจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์มจากทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จำนวน 5,000 โดส ซึ่งรอบแรกได้มา 400 โดส ซึ่งกลุ่มเป้าหมายจะให้กลุ่มเปราะบางก่อน และอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีทะเบียนบ้านในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี และจะทยอยจัดสรรมาจนครบ ตามที่ทางเทศบาลเมืองสุโขทัยธานีได้เร่งขอรับการจัดซื้อในครั้งนี้

ทำการเปิดจอง ตั้งแต่วันนี้ 21-25 กรกฏาคม 2564 เวลา 09.00 น.-16.00 น. บริเวณอาคารเฉลิมพระเกียรติ พระแม่ย่า(ตึกใหม่) และอาคารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (อาคารดับเพลิง) เทศบาลเมืองสุโขทัยธานี โดยเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ได้กำหนดขั้นตอนการลงทะเบียนไว้อย่างชัดเจน ปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T-A กระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัด


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

เยาวชนจีนยุคใหม่ 'หัวก้าวหน้า' และ 'รักชาติ' ไปพร้อมกัน

“ประเทศจีนไม่ได้สมบูรณ์พร้อม แต่มันมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ” ความคิดเห็นจากคนรุ่นใหม่ในจีน ยุคที่เราเรียกว่า #เยาวชนยุคสีจิ้นผิง

เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา The Economist ได้เปิดประเด็นที่น่าสนใจซึ่งกำลังเกิดขึ้นในประเทศจีนในเวลานี้ นั่นคือ ‘เยาวชนรุ่นสีจิ้นผิง’ หรือ ‘Generation Xi’

ซึ่งเป็นการนิยามเยาวชนจีนในปัจจุบันที่ทั้งมี ‘ความรักชาติ-ชาตินิยม’ (Patriotism) แต่ก็ ‘หัวก้าวหน้า’ (Progressive) มีความคิดสมัยใหม่ พร้อมขับเคลื่อนสังคมจีนให้พัฒนาขึ้นอยู่ตลอดเวลา

----------------
'เยาวชนคืนถิ่น'
----------------

ปัจจุบันเยาวชนจีน เริ่มหลั่งไหลกลับไปทำงานในถิ่นฐานบ้านเกิดตามชนบทมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองและชนบทในประเทศจีนลดน้อยลง

พัฒนาการด้านระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน รถไฟความเร็วสูง การสร้างเมืองใหม่ การค้าการลงทุนที่เกิดขึ้นในแต่ละมณฑล ระบบอินเตอร์เน็ต และเทคโนโลยีสมัยใหม่

ทำให้คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจบ มีทางเลือกมากกว่าการเข้าไปเป็นแรงงานหรือพนักงานกินเงินเดือนในเมืองใหญ่ซึ่งมีค่าครองชีพสูง

----------------
ความเหลื่อมล้ำที่ลดลงด้วยเทคโนโลยีออนไลน์
----------------

เทคโนโลยีและระบบออนไลน์ ทำให้ความแตกต่างระหว่างการอยู่ ‘เขตเมือง’ กับ ‘เขตชนบท’ ลดน้อยลงมาก ผู้คนในเมืองเล็กๆ หรือชนบทช้อปปิ้งผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ ไม่ต่างจากผู้คนที่อยู่ในเมืองใหญ่

เมื่อทุกคนเข้าถึงระบบได้จากทุกที่บนผืนแผ่นดินจีน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมากระจุกตัวกันตามเมืองใหญ่

คนรุ่นใหม่ในจีนเห็นโอกาสในการสร้างเนื้อสร้างตัวจากระบบออนไลน์ในโลกยุคดิจิทัล จากการลงทุน การค้า การโฆษณา การทำตลาดออนไลน์ ในขณะที่ทัศนคติเรื่องการรับราชการมีน้อยลง

กระแสโรแมนติกของการหวนคืนสู่ธรรมชาติอันชนบทมีมากขึ้นเรื่อยๆ คนรุ่นใหม่พากันหาสินค้าท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมารีวิวขายในตลาดออนไลน์ ประกอบกับการรีวิวการท่องเที่ยวท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้น

ในขณะที่รัฐบาลและภาคเอกชนจีนก็ได้พัฒนาระบบการค้าออนไลน์ให้มีความสะดวกในทุกมิติ ตั้งแต่การสั่งซื้อ-ขาย การขนส่ง ค่าบริการขนส่งที่มีราคาต่ำ ซึ่งช่วยทำให้ตลาดการค้าเติบโตได้อย่างดี

----------------
'คนจีนโพ้นทะเลคืนถิ่น' (海归)
----------------

ด้านคนรุ่นใหม่ของจีนที่ไปรับการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในชาติตะวันตก เริ่มหันกลับมาทำงานในประเทศจีนมากขึ้น เนื่องจากมองเห็นโอกาสเติบโตที่มากขึ้น รวมถึงรายได้ที่สมน้ำสมเนื้อในการทำงาน

ประกอบกับปัญหาผู้อพยพจากตะวันออกกลาง และนโยบายกดดันจีนของสหรัฐอเมริกา ที่ทำให้ชาวอเมริกันมองจีนและชาวจีนเป็นภัยคุกคามต่อการครองอำนาจนำของตน จนเกิดกระแสการเหยียดเชื้อชาติที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ทำให้ชาวเอเชียจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะชาวจีน หันหน้ากลับไปยังแผ่นดินแม่ที่ซึ่งมีโอกาสมีรายได้ที่ดี และไม่มีปัญหาด้านการเหยียดชาติพันธุ์ รอพวกเขาอยู่

จากสถิติคนจีนที่ไปเรียนต่างประเทศจำนวน 6.2 ล้านคนในระหว่างปี ค.ศ. 2000 - 2019 ปัจจุบันมีถึง 4 ล้านคนที่กลับมาทำงานในประเทศจีน

ในขณะที่ปี 2001 มีเพียงแค่ 14% เท่านั้นที่กลับมาทำงานในประเทศจีนหลังจบการศึกษาในต่างประเทศ แต่ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา คนจีนที่ไปศึกษาต่อและกลับมาทำงานในประเทศจีนพุ่งสูงขึ้นไปถึง 4 ใน 5 ส่วนของทั้งหมด

----------------
*** แน่นอนว่าทุกประเทศทุกสังคมล้วนมีปัญหาของตน แต่การที่คนรุ่นใหม่จะมีสำนึกรักชาติหรือภูมิใจในชาติบ้านเมืองได้ พวกเขาต้องเห็นอนาคต เห็นโอกาส และการพัฒนาที่เกิดขึ้นต่อคุณภาพชีวิตของพวกเขาด้วย

และนั่นคือ สิ่งที่รัฐบาลจีนทำให้กับประชาชนของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำประเทศทุกประเทศควรนำมาศึกษาเป็นบทเรียนครับ

เขียนโดย: อ.ดร. กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง (KMITL)


อ้างอิง:
https://www.economist.com/special-report/2021-01-23
https://www.economist.com/special-report/2021/01/21/young-chinese-are-both-patriotic-and-socially-progressive
https://www.economist.com/special-report/2021/01/21/the-gap-between-chinas-rural-and-urban-youth-is-closing
https://thinkmarketingmagazine.com/should-mena-be-looking-into-chinas-youth-for-the-future-zak-dychtwald-talks-young-china/

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ เตือนภัย!! มิจฉาชีพสร้างแอปพลิเคชัน 'ดัก'​ รับข้อมูลส่วนตัว

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางในการป้องกันแอพพลิเคชั่นที่เหล่ามิจฉาชีพใช้ในการดักรับข้อมูล ดังต่อไปนี้

ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนโทรศัพท์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งในระบบ ios และ android อีกทั้งบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ รวมถึงใช้บริการจากแอพพลิเคชั่นได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ก็มีเหล่ามิจฉาชีพอาศัยช่องว่างดังกล่าวในการกระทำความผิด ตามที่มีการนำเสนอทั้งในสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ ว่ามีเหล่ามิจฉาชีพสร้างแอพพลิเคชั่นขึ้นมาเพื่อดักเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็น ชื่อ-สกุล รหัสประจำตัวประชาชน รวมถึงรหัสผ่านต่างๆ ในบางกรณีจะมีให้กรอกเลขบัตรเครดิตหรือข้อมูลทางการเงิน หลังจากนั้นมิจฉาชีพก็อาจจะนำข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปใช้แสวงหาประโยชน์ในทางทุจริต ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างก็เป็นได้

จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการนำเสนอข่าวกรณีดังกล่าว พบว่ามีแอพพลิเคชั่นกลุ่มหนึ่งที่มีการกระทำในลักษณะดังกล่าว จำนวน 9แอพพลิเคชั่น ได้แก่ Processing Photo , App Lock Keep , Rubbish Cleaner , Horoscope Daily , Horoscope Pi , App Lock Manager , Lockit Master , Inwell Fitness , PiP Photo ซึ่งขณะนี้ได้มีการปิดแอพพลิเคชั่นลักษณะดังกล่าวในบางส่วน 

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา5 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือ กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากเตือนภัยและประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อดังนี้ ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแอพพลิเคชั่นก่อนจะนำมาใช้ทุกครั้ง ไม่ควรยินยอมให้แอพพลิเคชั่นเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์ และหากไม่แน่ใจถึงความปลอดภัยในการใช้แอพพลิเคชั่นดังกล่าว ไม่ควรกรอกข้อมูลส่วนบุคคล หรือหลีกเลี่ยงไปใช้แอพพลิเคชั่นอื่นแทน ในกรณีทราบภายหลังว่าแอพพลิเคชั่นดังกล่าวมาหลอกนำข้อมูลไปใช้ ให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านทันที และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคาร สถาบันทางการเงิน เป็นต้น นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดสามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top