Friday, 23 May 2025
SPECIAL

ขอนแก่น - งานเข้า นักโทษเรือนจำขอนแก่นติดโควิด 315 คน สนธิกำลังร่วมทุกฝ่ายคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด

ผู้ต้องขังชายคุกขอนแก่นติดโควิดสั่งปิดแดนต้องขัง 1-2  ขณะที่ สสจ.สนธิกำลังร่วมทุกฝ่ายคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด เร่งตรวจหาเชื้ออีกกว่า 3,000 เตรียมย้ายผู้ต้องขังหญิงไปอยู่เรือนจำพล เพื่อปรับแดนหญิงเป็น รพ.สนาม ควบคุมการระบาด

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 21 ก.ค. 2564 ที่สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดขอนแก่น นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายสมมาตย์ สุราช ผู้บัญชาการเรือนจำกลางขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวการพบผู้ต้องขังติดเชื้อในเรือนจำกลางขอนแก่น พร้อมทั้งมาตรการควบคุมและป้องกันโรคภายในเรือนจำ ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงยุติธรรมกำหนด โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวและรับมอบนโยบายการดำเนินงานตามคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงกัน

นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าวว่าเรือนจำขอนแก่นมีผู้ต้องขังทั้งหมด 4,458 คน โดยเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากทางเรือนจำฯว่าพบกลุ่มผู้ต้องขังมีอาการป่วย เป็นไข้ ไอ และมีน้ำมูก

จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ,สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 และเรือนจำจังหวัดขอนแก่น ให้ดำเนินการตรวจคัดกรองผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงจำนวน 15 คน ซึ่งพบว่าผู้ต้องขังชาย 3 คนติดเชื้อโควิด-19  จากนั้นคณะทำงานจึงได้ขยายผลตรวจผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยง 1,620 คน โดยขณะนี้พบผู้ต้องขังยืนยันติดเชื้อโควิดแล้ว 315 คน

นพ.สมชายโชติ กล่าวด้วยว่าในส่วนของคลัสเตอร์เรือนจำกลางขอนแก่นนั้น มีการวางแผนควบคุมโรคในรูปแบบบับเบิลแอนด์ซีล ห้ามการเข้า-ออก เด็ดขาดและไม่รับผู้ต้องขังรายใหม่ และเร่งตรวจกลุ่มผู้ต้องขังหญิงทั้งหมด 329 คน เพื่อเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังแดนหญิงไปที่เรือนจำพล อ.พล จ.ขอนแก่น เพื่อปรับพื้นที่ให้แดนหญิงเป็นโรงพยาบาลสนามในเรือนจำ รักษากลุ่มผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ หากผู้ป่วยมีอาการหนักจะถูกส่งตัวต่อไปรักษาที่ รพ.ขอนแก่น ในส่วนของผู้ต้องขังอีกกว่า 3,000 คน ที่ไม่ได้ตรวจหาเชื้อ ได้วางแผนเชิงรุกโดยการเอกซเรย์ปอดผู้ต้องขังทุกคน หากพบติดเชื้อแม้จะไม่แสดงอาการก็จะถูกส่งต่อการรักษาที่ รพ.สนาม ภายในเรือนจำทันที

กรุงเทพฯ - กองทัพเรือ และสภากาชาดไทย เชิญชมกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 47 แบบ New normol media และขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศบริจาค ผ่านระบบออนไลน์ ได้ตามกำลังศรัทธา

กองทัพเรือ และสภากาชาดไทย ร่วมต้านภัยโควิด-19 เชิญชมกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 47 แบบ New normal ในวันอังคารที่ 3 สิงหาคม นี้ เวลา 14.00 น.ถ่ายทอดสดผ่าน social media  และขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศบริจาคเงิน เพียง สแกน QR code ผ่านระบบออนไลน์ ได้ตามกำลังศรัทธา

วันนี้ ( 21 กรกฎาคม 2564) พลเรือโท ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการเตรียมการจัดแสดงกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 47 เปิดเผยว่า กองทัพเรือและสภากาชาดไทย ร่วมต้านภัยโควิด-19 โดยกำหนดจัดการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่ 47 แบบ New Normal ย้อนรำลึกความสัมพันธ์ 60 ปี ที่ร่วมกันสนองพระราชปณิธาน องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย จัดแสดงดนตรีคลาสสิค มาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2504

สำหรับการแสดงในปีนี้ จะมีทั้งเพลงคลาสสิค และเพลงร่วมสมัย ที่นำมาร้อยเรียงรำลึกถึงความผูกพัน ความร่วมมือ และพลังแห่งความสามัคคี  เปิดกว้างให้รับชมการแสดงได้พร้อมกันทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มช่องทางการร่วมบริจาคเงินให้แก่ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป ก็สามารถร่วมสนับสนุนได้โดยง่ายเพียง สแกน QR code ทางระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ปันบุญ (www.punboon.org)โดยบัตรเครดิต,เดบิต,สแกน QR Code (e-donation)ผ่านแอปพลิเคชันทีทีบี( ttb touch) ,โมบายล์แบงก์กิ้งได้ทุกธนาคารหรือ Rabbit Line Pay รวมทั้งโอนเงินผ่านบัญชี

ธนาคารทหารไทยธนชาต เลขที่ 115-2-50386-6 และธนาคารกรุงไทย เลขที่ 660-4-17792-0 ชื่อบัญชี กาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่47 โดยกองทัพเรือจะนำเงินบริจาคทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายทูลเกล้าถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย  เพื่อภารกิจช่วยเหลือประชาชนที่ทุกข์ยาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์แพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้สภากาชาดไทยต้องมีภารกิจมากขึ้นกว่าปกติ

การจัดแสดงฯ แบบ New Normal  จะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 3 สิงหาคม 2564  เวลา 14.00 น. ผ่านการถ่ายทอดสด(Live สด)ทาง Facebook Fan page "กองทัพเรือ Royal Thai Navy " และ "The Thai Red Cross Society" รวมทั้ง YouTube Live "กาชาดคอนเสิร์ต Royal Thai Navy " 

ในโอกาสนี้ขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศติดตามชมการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่47 และร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทยผ่านระบบออนไลน์หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ดังกล่าวข้างต้น ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ โทร. 0 2475 3081 และ 08 0664 4891

ลำปาง - กฟผ. มอบหมวกป้องกันเชื้อ PAPR สนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์สู้โควิด-19

วันนี้ 21 ก.ค.64 นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง นายแพทย์นพรัตน์ วัชรขจรกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง รับมอบหมวกป้องกันเชื้อ PAPR (Powered Air Purifying Respirator) จำนวน 20 ชุด ซึ่งผลิตโดยทีมช่างอาสา กฟผ. หลังพบปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ต้องเผชิญความลำบากในการปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยทาง กฟผ. จึงได้เริ่มพัฒนาการผลิตหมวกป้องกันเชื้อ PAPR ขึ้น และส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ โดยมีนายอดิศักดิ์ กิจเจริญธนารักษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ เป็นผู้มอบฯ ณ บริเวณหน้ามุข ชั้น 1 ด้านหน้าอาคารศาลากลางจังหวัดลำปาง 

โอกาสนี้ ทาง กฟผ.แม่เมาะ ได้มอบเงินสนับสนุนค่าอาหาร จำนวน 200,000 บาท และน้ำดื่ม จำนวน 7,200 ขวด เพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 จังหวัดลำปาง

ทั้งนี้ กฟผ. ดำเนินการผลิตหมวกป้องกันเชื้อ PAPR  โดยผลิตในห้อง Clean Room เพื่อควบคุมความสะอาดตลอดขั้นตอนการผลิต มีการทดสอบให้ได้มาตรฐาน พร้อมบรรจุลงกล่องแยกชิ้นก่อนส่งมอบ จึงมั่นใจได้ว่าหมวกทุกใบสะอาดปราศจากสิ่งปนเปื้อน 100% สำหรับตัวหมวกมีน้ำหนักเบา ใช้งานได้คล่องตัว


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

ลพบุรี – เมรุร้าง สัปเหร่อหนีโควิด เจ้าคณะอำเภอขอรักษาการสัปเหร่ออีกตำแหน่ง

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะยุติลงเมื่อใด ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งขึ้นในแต่ละวัน แต่สถานการณ์เช่นนี้ยังมีเรื่องราวของพระผู้เสียสละพระผู้เป็นที่พึ่งยอมเป็นทุกอย่างให้ญาติโยม จากเจ้าคณะอำเภอ เจ้าอาวาส วันนี้ขอรักษาการสัปเหร่ออีกตำแหน่ง

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 ก.ค. 2564 ที่วัดพุน้อย อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี พระโสภณ พัฒนคุณ (เศรษฐีเรือทอง) เจ้าอาวาสวัดพุน้อย เจ้าคณะอำเภอหนองม่วง จ.ลพบุรี พร้อมด้วยพระลูกวัด แต่งกายด้วยชุด PPE จำนวน 4 รูป ยืนรอรับศพแม่ชีวัย 81 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี ที่มารักษาอาการป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ รพ.บ้านหมี่ เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2564 และได้เสียชีวิตเมื่อช่วงสายของวันนี้ โดยมูลนิธิสว่างอริโยธรรมสถานนำศพมาเพื่อให้ทางวัดบำเพ็ญกุศลศพและทำการฌาปนกิจศพ โดยมีญาติของผู้เสียชีวิตร่วมพิธีเพียงคนเดียว รอเก็บกระดูกกลับบ้าน

เจ้าคณะอำเภอหนองม่วง ยังกล่าวอีกว่า สัปเหร่อที่วัดพุน้อย ไม่กล้ามาประกอบพิธี กลัวเชื้อโควิด ซึ่งหลวงพ่อเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา ตัวอาตมาเองก็กลัว แต่เรามีการป้องกันอย่างรัดกุม และศพที่บรรจุมาจาก รพ.ก็ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว ขึ้นรถ ลงรถจากรถกู้ภัยฯ ก็ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้วเช่นกัน และเผอิญว่าโยมปู่ โยมพ่อ เคยเป็นสัปเหร่อมาก่อน หลวงพ่อเคยได้ช่วยงานมาบ้าง ก็สามารถทำได้ ซึ่งในวันนี้ถือว่าเป็นการทำบุญใหญ่ให้กับแม่ชีที่ล่วงลับ ฝากบอกญาติโยมผ่านสื่อด้วยว่าหากญาติโยมท่านใดที่เดือดร้อนเรื่องการจัดการศพเชื้อโควิด สามารถนำมาประกอบพิธีที่วัดพุน้อยแห่งนี้ได้ โดยทางวัดจะดำเนินการตามขั้นตอนของประเพณีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น


ภาพ/ข่าว  สนใจ ลพบุรี

ชุมพร - จิตอาสาพัฒนา "ปลูกป่า" เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม

นายพิศิษฐ์ ฤทธิพิชัยสงคราม นายอำเภอท่าแซะ/ ผอ.ศอ.จอส.พระราชทานอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนจิตอาสาในพื้นที่ ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา "ปลูกป่า" เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 ณ ป่าหนองหอยขม ตำบลสองพี่น้อง หมู่ที่ 7 เนื้อที่ 4.35 ไร่ และหมู่ที่ 4 เนื้อที่ 14.95 ไร่ รวม 19.3 ไร่

ทั้งนี้ ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) อย่างเคร่งครัด จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม 50 คน ส่วนราชการระดับอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้นำอุปกรณ์ที่ได้รับสนับสนุน จอบ เสียม ต้นไม้ เข้าร่วมกิจกรรม


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

สมุทรสาคร - ศรชล.ร่วมหน่วยงานและเจ้าของเรือ เป็นสักขีพยานและกำลังใจให้แรงงานประมง ฉีดวัคซีนเข็มแรก

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) โดย น.อ.เอกภาพ สายโสภา รอง ผอ.ศรชล.จว.สมุทรสาคร น.อ. สุรศักดิ์ กิ่มบางยาง หน.ศคท.จว.สมุทรสาคร พร้อมกำลังพล ศรชล.จว.สมุทรสาคร/ศคท.จว.สมุทรสาคร นายกสมาคมการประมง จว.สมุทรสาคร/สมาชิกสมาคมประมง จว.สมุทรสาคร และตัวแทน/เจ้าของเรือประมงพาณิชย์ จว.สมุทรสาคร ร่วมเป็นสักขีพยานและร่วมให้กำลังใจแรงงานภาคประมงทะเล จำนวน 51 ราย (แรงงานต่างด้าว 34 ราย แรงงานไทย 17 ราย) ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตราอักษรซิโนฟาร์ม (วัคซีนทางเลือก) เข็มแรก ณ รพ.นครท่าฉลอม อ.เมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร

การรับวัคซีนโควิด-19 (วัคซีนทางเลือก) ของแรงงานภาคเรือประมงพาณิชย์ จังหวัดสมุทรสาครในวันนี้ ถือว่าเป็นการรับวัคซีนของแรงงานภาคประมงทะเล จังหวัดแรก ๆ ในประเทศไทย เป็นการช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ของแรงงานภาคเรือประมงทะเล นอกเหนือจากการขอรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 (วัคซีนหลัก) เป็นกลุ่ม/องค์กร ซึ่งทาง สมาคมการประมง จังหวัดสมุทรสาคร ได้ทำหนังสือเสนอขอความอนุเคราะห์จาก สธ.จว.สมุทรสาคร ซึ่งคาดว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก ในช่วง ส.ค. - ก.ย. 64


ภาพ/ข่าว สนง.ศรชล.ภาค 1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

พิจิตร – แม่น้ำยมพิจิตร รอดพ้นวิกฤต กรมชลประทานส่งน้ำช่วยชาวนาแล้ว

วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ความคืบหน้าจากการที่ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วย รมต.เกษตรฯ และ นายเกรียงไกร ภาคพิเศษ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 ได้ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำยมในเขตพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดพิจิตรเพื่อหาแนวทางส่งน้ำช่วยเหลือเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่สองฝั่งของแม่น้ำยม

ล่าสุด นายเอกฉัตร เอี่ยมตาล ผอ.โครงการชลประทานดงเศรษฐี และ นายวัชรินทร์ แทนจำรัส เลขาฯส่วนตัว ของ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วย รมต.เกษตรฯ , สจ.สมชาย บุญผ่อง สจ.เขต อ.สามง่าม ซึ่งเป็นตัวแทนภาคประชาชนได้ลงพื้นที่ดูปริมาณและระดับน้ำในแม่น้ำยมที่ประตูระบายน้ำสามง่าม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าฝายไฮดรอลิกพับได้ ซึ่งพบว่าระดับน้ำในแม่น้ำยมมีปริมาตรเพิ่มขึ้นระดับน้ำด้านเหนือ ปตร.สามง่าม มีปริมาณน้ำสูงเกือบครึ่งตลิ่งของแม่น้ำยมแล้ว ดังนั้นจึงมีการเปิดประตูระบายน้ำสองบานเพื่อจ่ายน้ำไปยัง ต.รังนก ต.วังจิก ต.โพธิประทับช้าง และอีกหลายตำบลที่อยู่ด้านใต้ของแม่น้ำยม ทำให้ได้รับน้ำอย่างทั่วถึงแล้ว

โดย นายเอกฉัตร เอี่ยมตาล ผอ.โครงการชลประทานดงเศรษฐี กล่าวว่า การส่งน้ำเข้าสู่แม่น้ำยมในช่วง 7-10 วันที่ผ่านมานั้นน้ำที่ส่งให้เกษตรกรลุ่มน้ำยมเป็นการส่งน้ำมาจากโครงการส่งน้ำ ยม-น่าน ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ส่งน้ำมาให้เพื่อรักษาระบบนิเวศให้ได้ใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และทำการเกษตร รวมถึงทำให้ความอุดมสมบูรณ์เกิดขึ้นในแม่น้ำยม ทำให้ผู้ที่มีอาชีพหาปลาและทำประมงสามารถดำเนินชีวิตและทำมาหากินได้ทำให้แม่น้ำยมในเขตพื้นที่จังหวัดพิจิตรกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง

ในส่วนของ สจ.สมชาย บุญผ่อง สจ.เขต อ.สามง่าม ซึ่งเป็นตัวแทนภาคประชาชน กล่าวขอบคุณกรมชลประทานที่ดูแลใส่ใจเกษตรกรในลุ่มน้ำยม ซึ่งขณะนี้ได้อานิสงส์จากการส่งน้ำในครั้งนี้ทำให้นาข้าวนับหมื่นไร่ได้รอดพ้นจากวิกฤตฝนทิ้งช่วง โดยได้น้ำไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวและทำให้เกิดน้ำซึมน้ำซับหรือน้ำบาดาลใต้ดินมีระดับเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง ทำให้ชาวนาสามารถสูบน้ำเข้านาข้าวจนได้เก็บเกี่ยวผลผลิตอยู่ในขณะนี้อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

กาฬสินธุ์ - ปิดโรงเรียนไม่มีกำหนด ยอดติดเชื้อโควิดยังนิวไฮวันเดียวพุ่ง 157 ราย

กาฬสินธุ์ยกระดับคุมเข้มมาตรการโควิด-19 หลังปรับเป็นพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด ปิดโรงเรียน-งดเรียนออนไซด์ไม่มีกำหนด ร้านอาหารนั่งได้ไม่เกิน 5 ทุ่ม งดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการรวมกลุ่มสังสรรค์ ขณะที่สถานการณ์ยังพบผู้ป่วยติดเชื้อนิวไฮวันเดียว 157 ราย ทุบสถิติสูงสุด ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมพุ่ง 1,315 ราย ขณะที่หน่วยกู้ภัยเมตตาธรรม ทยอยส่งผู้ป่วยพาคนอีสานกลับภูมิลำเนา

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์อำนวยการต้านโรคติดชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จ.กาฬสินธุ์ รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ซึ่งยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงต่อเนื่องรายวัน โดยล่าสุดวันนี้ (21 ก.ค.64) พบผู้ติดเชื้อนิวไฮ เป็นผู้ป่วยรายใหม่มากถึง 157 ราย ทุบสถิติสูงสุด โดยเป็นผู้ป่วยติดเชื้อขอกลับมารักษาในภูมิลำเนา 40 ราย เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงอยู่ระหว่างการกักกันตัว 83 ราย สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 27 ราย และตรวจพบจากระบบเฝ้าระวังอื่น ๆ อีก 7 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุถึง 1,315  ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 6 ราย

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ล่าสุดคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.กาฬสินธุ์ ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธาน และทางจังหวัดได้ออกประกาศคำสั่งมาตรการยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ หลังปรับเป็นพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด โดยให้ปิดการเรียนการสอนแบบ on-site รวมไปถึงศูนย์เด็กเล็ก จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานในร้านได้ไม่เกินเวลา 23.00 น. งดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สนามกีฬา ยิม สถานที่ออกกำลังกายเปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. งดการรวมกลุ่มสังสรรค์ จำกัดจำนวนผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะไม่เกินร้อยละ 50 และผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ 13 จังหวัดเสี่ยง ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

นอกจากนี้มติที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการขยายเตียงในโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น จากปัจจุบัน จ.กาฬสินธุ์มีโรงพยาบาลสนามรวม 19 แห่ง รองรับผู้ป่วยจำนวน 1,159 เตียง และในโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก และแสดงอาการ อีก 433 เตียง รวมทั้งหมด 1,592 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยจำนวนมากที่เดินทางกลับมารักษายังภูมิลำเนา พร้อมวางแผนจัดตั้งศูนย์โควิดชุมชนหรือ Community Isolation โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการ เน้นผู้ป่วยสีเขียวและให้มีบุคลากรจาก รพ. สต. อสม. เข้ามาดูแล

ขณะที่หน่วยกู้ภัยเมตตาธรรมกาฬสินธุ์ ได้ทยอยส่งตัวผู้ป่วยในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ และหลายจังหวัดในภาคอีสานตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และบริเวณกักกันตัวตามภูมิลำเนา หลังจัดขบวนคาราวานตู้พยาบาล 8 คัน และเช่ารถบัสอีก 1 คัน รับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลบุษราคัม จ.นนทบุรี และพื้นที่กรุงเทพฯ รวมทั้งจังหวัดปริมณฑล “พาคนอีสานกลับบ้านเฮา” ฟรีกว่า 100 คน


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์ ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

สุโขทัย – เทศบาลเมืองสุโขทัย เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีน Sinopharm (ซิโนฟาร์ม) 5,000 โดสให้ประชาชน

วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เวลา 11.00 น. นายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ที่มาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เทศบาล และประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ที่มาลงทะเบียนรับวัคซีน Sinopharm (ซิโนฟาร์ม) เป็นวันแรก โดยมีนายขรรค์ชัย ดอนพิมพา นายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี พร้อมคณะผู้บริหารเทศบาลฯ พนักงานเทศบาล ให้การต้อนรับ

สำหรับประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี จะได้ลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีน Sinopharm (ซิโนฟาร์ม) อย่างทั่วถึงตามเป้าที่ตั้งไว้ของผู้บริหารเทศบาลฯ หลังที่ทางคณะผู้บริหารเทศบาลและสภาเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ได้ทำการขอรับการจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์มจากทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จำนวน 5,000 โดส ซึ่งรอบแรกได้มา 400 โดส ซึ่งกลุ่มเป้าหมายจะให้กลุ่มเปราะบางก่อน และอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีทะเบียนบ้านในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี และจะทยอยจัดสรรมาจนครบ ตามที่ทางเทศบาลเมืองสุโขทัยธานีได้เร่งขอรับการจัดซื้อในครั้งนี้

ทำการเปิดจอง ตั้งแต่วันนี้ 21-25 กรกฏาคม 2564 เวลา 09.00 น.-16.00 น. บริเวณอาคารเฉลิมพระเกียรติ พระแม่ย่า(ตึกใหม่) และอาคารงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (อาคารดับเพลิง) เทศบาลเมืองสุโขทัยธานี โดยเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ได้กำหนดขั้นตอนการลงทะเบียนไว้อย่างชัดเจน ปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T-A กระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัด


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

เยาวชนจีนยุคใหม่ 'หัวก้าวหน้า' และ 'รักชาติ' ไปพร้อมกัน

“ประเทศจีนไม่ได้สมบูรณ์พร้อม แต่มันมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ” ความคิดเห็นจากคนรุ่นใหม่ในจีน ยุคที่เราเรียกว่า #เยาวชนยุคสีจิ้นผิง

เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา The Economist ได้เปิดประเด็นที่น่าสนใจซึ่งกำลังเกิดขึ้นในประเทศจีนในเวลานี้ นั่นคือ ‘เยาวชนรุ่นสีจิ้นผิง’ หรือ ‘Generation Xi’

ซึ่งเป็นการนิยามเยาวชนจีนในปัจจุบันที่ทั้งมี ‘ความรักชาติ-ชาตินิยม’ (Patriotism) แต่ก็ ‘หัวก้าวหน้า’ (Progressive) มีความคิดสมัยใหม่ พร้อมขับเคลื่อนสังคมจีนให้พัฒนาขึ้นอยู่ตลอดเวลา

----------------
'เยาวชนคืนถิ่น'
----------------

ปัจจุบันเยาวชนจีน เริ่มหลั่งไหลกลับไปทำงานในถิ่นฐานบ้านเกิดตามชนบทมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองและชนบทในประเทศจีนลดน้อยลง

พัฒนาการด้านระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน รถไฟความเร็วสูง การสร้างเมืองใหม่ การค้าการลงทุนที่เกิดขึ้นในแต่ละมณฑล ระบบอินเตอร์เน็ต และเทคโนโลยีสมัยใหม่

ทำให้คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจบ มีทางเลือกมากกว่าการเข้าไปเป็นแรงงานหรือพนักงานกินเงินเดือนในเมืองใหญ่ซึ่งมีค่าครองชีพสูง

----------------
ความเหลื่อมล้ำที่ลดลงด้วยเทคโนโลยีออนไลน์
----------------

เทคโนโลยีและระบบออนไลน์ ทำให้ความแตกต่างระหว่างการอยู่ ‘เขตเมือง’ กับ ‘เขตชนบท’ ลดน้อยลงมาก ผู้คนในเมืองเล็กๆ หรือชนบทช้อปปิ้งผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ ไม่ต่างจากผู้คนที่อยู่ในเมืองใหญ่

เมื่อทุกคนเข้าถึงระบบได้จากทุกที่บนผืนแผ่นดินจีน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมากระจุกตัวกันตามเมืองใหญ่

คนรุ่นใหม่ในจีนเห็นโอกาสในการสร้างเนื้อสร้างตัวจากระบบออนไลน์ในโลกยุคดิจิทัล จากการลงทุน การค้า การโฆษณา การทำตลาดออนไลน์ ในขณะที่ทัศนคติเรื่องการรับราชการมีน้อยลง

กระแสโรแมนติกของการหวนคืนสู่ธรรมชาติอันชนบทมีมากขึ้นเรื่อยๆ คนรุ่นใหม่พากันหาสินค้าท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมารีวิวขายในตลาดออนไลน์ ประกอบกับการรีวิวการท่องเที่ยวท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้น

ในขณะที่รัฐบาลและภาคเอกชนจีนก็ได้พัฒนาระบบการค้าออนไลน์ให้มีความสะดวกในทุกมิติ ตั้งแต่การสั่งซื้อ-ขาย การขนส่ง ค่าบริการขนส่งที่มีราคาต่ำ ซึ่งช่วยทำให้ตลาดการค้าเติบโตได้อย่างดี

----------------
'คนจีนโพ้นทะเลคืนถิ่น' (海归)
----------------

ด้านคนรุ่นใหม่ของจีนที่ไปรับการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในชาติตะวันตก เริ่มหันกลับมาทำงานในประเทศจีนมากขึ้น เนื่องจากมองเห็นโอกาสเติบโตที่มากขึ้น รวมถึงรายได้ที่สมน้ำสมเนื้อในการทำงาน

ประกอบกับปัญหาผู้อพยพจากตะวันออกกลาง และนโยบายกดดันจีนของสหรัฐอเมริกา ที่ทำให้ชาวอเมริกันมองจีนและชาวจีนเป็นภัยคุกคามต่อการครองอำนาจนำของตน จนเกิดกระแสการเหยียดเชื้อชาติที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ทำให้ชาวเอเชียจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะชาวจีน หันหน้ากลับไปยังแผ่นดินแม่ที่ซึ่งมีโอกาสมีรายได้ที่ดี และไม่มีปัญหาด้านการเหยียดชาติพันธุ์ รอพวกเขาอยู่

จากสถิติคนจีนที่ไปเรียนต่างประเทศจำนวน 6.2 ล้านคนในระหว่างปี ค.ศ. 2000 - 2019 ปัจจุบันมีถึง 4 ล้านคนที่กลับมาทำงานในประเทศจีน

ในขณะที่ปี 2001 มีเพียงแค่ 14% เท่านั้นที่กลับมาทำงานในประเทศจีนหลังจบการศึกษาในต่างประเทศ แต่ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา คนจีนที่ไปศึกษาต่อและกลับมาทำงานในประเทศจีนพุ่งสูงขึ้นไปถึง 4 ใน 5 ส่วนของทั้งหมด

----------------
*** แน่นอนว่าทุกประเทศทุกสังคมล้วนมีปัญหาของตน แต่การที่คนรุ่นใหม่จะมีสำนึกรักชาติหรือภูมิใจในชาติบ้านเมืองได้ พวกเขาต้องเห็นอนาคต เห็นโอกาส และการพัฒนาที่เกิดขึ้นต่อคุณภาพชีวิตของพวกเขาด้วย

และนั่นคือ สิ่งที่รัฐบาลจีนทำให้กับประชาชนของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำประเทศทุกประเทศควรนำมาศึกษาเป็นบทเรียนครับ

เขียนโดย: อ.ดร. กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง (KMITL)


อ้างอิง:
https://www.economist.com/special-report/2021-01-23
https://www.economist.com/special-report/2021/01/21/young-chinese-are-both-patriotic-and-socially-progressive
https://www.economist.com/special-report/2021/01/21/the-gap-between-chinas-rural-and-urban-youth-is-closing
https://thinkmarketingmagazine.com/should-mena-be-looking-into-chinas-youth-for-the-future-zak-dychtwald-talks-young-china/

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ เตือนภัย!! มิจฉาชีพสร้างแอปพลิเคชัน 'ดัก'​ รับข้อมูลส่วนตัว

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางในการป้องกันแอพพลิเคชั่นที่เหล่ามิจฉาชีพใช้ในการดักรับข้อมูล ดังต่อไปนี้

ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนโทรศัพท์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งในระบบ ios และ android อีกทั้งบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ รวมถึงใช้บริการจากแอพพลิเคชั่นได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ก็มีเหล่ามิจฉาชีพอาศัยช่องว่างดังกล่าวในการกระทำความผิด ตามที่มีการนำเสนอทั้งในสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ ว่ามีเหล่ามิจฉาชีพสร้างแอพพลิเคชั่นขึ้นมาเพื่อดักเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็น ชื่อ-สกุล รหัสประจำตัวประชาชน รวมถึงรหัสผ่านต่างๆ ในบางกรณีจะมีให้กรอกเลขบัตรเครดิตหรือข้อมูลทางการเงิน หลังจากนั้นมิจฉาชีพก็อาจจะนำข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปใช้แสวงหาประโยชน์ในทางทุจริต ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างก็เป็นได้

จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการนำเสนอข่าวกรณีดังกล่าว พบว่ามีแอพพลิเคชั่นกลุ่มหนึ่งที่มีการกระทำในลักษณะดังกล่าว จำนวน 9แอพพลิเคชั่น ได้แก่ Processing Photo , App Lock Keep , Rubbish Cleaner , Horoscope Daily , Horoscope Pi , App Lock Manager , Lockit Master , Inwell Fitness , PiP Photo ซึ่งขณะนี้ได้มีการปิดแอพพลิเคชั่นลักษณะดังกล่าวในบางส่วน 

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา5 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือ กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากเตือนภัยและประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อดังนี้ ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแอพพลิเคชั่นก่อนจะนำมาใช้ทุกครั้ง ไม่ควรยินยอมให้แอพพลิเคชั่นเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์ และหากไม่แน่ใจถึงความปลอดภัยในการใช้แอพพลิเคชั่นดังกล่าว ไม่ควรกรอกข้อมูลส่วนบุคคล หรือหลีกเลี่ยงไปใช้แอพพลิเคชั่นอื่นแทน ในกรณีทราบภายหลังว่าแอพพลิเคชั่นดังกล่าวมาหลอกนำข้อมูลไปใช้ ให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านทันที และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคาร สถาบันทางการเงิน เป็นต้น นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดสามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

พิจิตร - ไม่ลืมบ้านเกิด ! ไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมต.แรงงาน มอบเงินช่วย รพ.สนามในพิจิตร

วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ที่โรงพยาบาลสากเหล็ก นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมต.แรงงาน และ นราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วย รมต.เกษตรฯ ซึ่งติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดพิจิตรและเห็นความสำคัญของบุคลากรทางการแพทย์รวมถึง อสม.และฝ่ายปกครองจึงได้มอบหมายให้ นายพิชิต แก้วทอง นายก อบต.หนองปลาไหล , นายวรวุฒิ  แก้วทอง , นายพงษ์ศักดิ์ ศรีนามนต์ ผอ.สนง.พัฒนาฝีมือแรงงานพิจิตร , นายวัชรินทร์ แทนจำรัส เลขาฯส่วนตัว ของ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วย รมต.เกษตรฯ นำเงินสดจำนวน 1 แสนบาท ไปมอบให้กับ นพ.ประทีป จันทร์สิงห์ ซึ่งเป็น ผอ.รพ.สากเหล็ก และ รพ.วังทรายพูน เพื่อใช้ในภารกิจในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิดที่กำลังแพร่ระบาดอยู่นี้  นอกจากนี้  นายดิเรก- พิมพ์ฉวี พัฒนพงษ์ ท่าข้าวพิมพ์ฉวีและร้านอาหารบุญปาก ยังได้ร่วมบริจาคเงินสดจำนวน 1 หมื่นบาท ซึ่งถือเป็นการทำบุญร่วมกันในครั้งนี้ด้วย

ในส่วนของ นพ.ประทีป จันทร์สิงห์  ซึ่งเป็น ผอ.รพ.สากเหล็ก และ รพ.วังทรายพูน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยที่เป็นผู้ติดเชื้อโควิดอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลสนามสากเหล็กมีจำนวน 26 ราย และในวันพรุ่งนี้จะมีขอเข้ารับการรักษาอีกจำนวน 30 ราย  ซึ่งจะใช้โรงพยาบาลสนามภายใน รพ.สากเหล็กและภายในหอประชุมของที่ว่าการอำเภอสากเหล็ก ส่วนที่ รพ.วังทรายพูน ขณะนี้มีนอนพักรักษาตัวอยู่ 40 ราย และกำลังเตรียมการตั้งเต็นท์โรงพยาบาลสนามอีก 1 เต็นท์ เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่มีเพิ่มขึ้น ซึ่งหวังว่า รพ.สนามที่มีอยู่ จะมีเพียงพอที่จะรองรับชาวพิจิตรที่ไปอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ และติดเชื้อโควิดหาที่ตรวจหาที่รักษาไม่ได้แล้วจะขอกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านเกิด ซึ่งเงินที่บริจาคมานี้จะได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดตามวัตถุประสงค์ของ นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมต.แรงงาน ซึ่งเป็นชาวจังหวัดพิจิตรและไม่เคยทอดทิ้งประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า  สำหรับเป้าหมายการบริจาคเงินเพื่อช่วยโรงพยาบาลสนามของ นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมต.แรงงาน ในที่ต่าง ๆ ของ จ.พิจิตร มีเป้าหมายจะบริจาคอีกหลายแห่ง ซึ่งความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะได้รายงานให้ทราบต่อไป


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

ลำปาง - จิตอาสา มทบ.32 "มีแล้วแบ่งปัน" พบปะเยี่ยมเยือน ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ชุมชนบ้านกลางทุ่ง เมืองลำปาง

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2564 เวลา 13.30 น. พลตรี อโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32/ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานมณฑลทหารบกที่ 32 มอบหมายให้ วิทยากรจิตอาสา 904 ร่วมกับประชาชนจิตอาสา พบปะ เยี่ยมเยือน ให้กำลังใจ มอบธารน้ำใจ สิ่งของอุปโภค-บริโภค หน้ากากอนามัย ให้กับผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 บริเวณชุมชนบ้านกลางทุ่ง ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ตามกิจกรรมจิตอาสา “มีแล้วแบ่งปัน” ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ท่านผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ที่กำลังประสบปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 สร้างความปลาบปลื้ม ดีใจแก่ประชาชนที่ได้รับความช่วยเหลือ ทั้งกล่าวขอบคุณที่ทหารคอยเคียงข้างและช่วยเหลือประชาชนเสมอมา


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

บึงกาฬ - ผู้ว่าเปิด รพ.สนามแห่งที่ 2 เหตุผู้ป่วยล้นเตียง การระบาดโควิด-19 ทำให้เลื่อนสอบครูผู้ช่วยแบบไม่มีกำหนด

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 20 ก.ค.ที่หอประชุมจังหวัดบึงกาฬ ภายในศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬ นายสนิท ขาวสอาด ผวจ.บึงกาฬ นายนฤชา โฆษาศรีวิไลช์ รอง ผวจ. นางแว่นฟ้า ทองศรี นายก อบจ.บึงกาฬ นพ.ภมร ดรุณ นายแพทย์ สสจ.บึงกาฬ นพ.กมล แซ่ปึง ผอ.รพ.บึงกาฬ ร่วมกันเปิดโรงพยาบาลสนามจังหวัดบึงกาฬ แห่งที่ 2 ภายหลังในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ มีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้มีพื้นที่รองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง หรือมีอาการเล็กน้อย หลังได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลให้อาการดีขึ้น เพื่อรอกลับบ้าน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนร่วมกันบริจาคเงินจัดซื้ออุปกรณ์จัดตั้ง รพ.สนาม ในครั้งนี้ร่วมเป็นสักขีพยาน

นพ.ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามจังหวัดบึงกาฬ แห่งที่ 2 ในพื้นที่อำเภอเมืองบึงกาฬ ในครั้งนี้เพื่อรองรับสถานการณ์การติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยภาพรวมทั้งประเทศและจังหวัดบึงกาฬมีแนวโน้มผู้ป่วยโควิด-19 สูงขึ้น ซึ่งจังหวัดบึงกาฬ มีผู้ป่วยสะสม 189 ราย รักษาหาย 65 ราย เสียชีวิต 1ราย กำลังรักษา 123 ราย ผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ 11 ราย มีผู้ป่วยติดเชื้อขอกลับมารักษา 142 ราย ซึ่งโรงพยาบาลในจังหวัดบึงกาฬ มีเตียงรองรับผู้ป่วย 262 เตียง และมีแนวโน้มที่เตียงรับผู้ป่วยจะไม่เพียงพอ แม้ว่าโรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดบึงกาฬจะขยายเตียงเพื่อรองรับแล้วก็ตาม โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินการ โดยโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 นี้ จะรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้เบื้องต้นจำนวน 100 เตียง และหากมีแนวโน้นผู้ป่วยสูงเพิ่มขึ้น ก็จะขยายโรงพยาบาลสนามแห่งนี้เพิ่มขึ้นได้อีก

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามให้เป็นไปตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ทั้งด้านสุขอนามัย ความสะดวกสบาย มีทั้งอินเตอร์เน็ต ทีวี พัดลม และความปลอดภัยจากกล้องวงจรปิด เพื่อให้มีพื้นที่รับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง หรือมีอาการเล็กน้อย หลังได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลให้อาการดีขึ้น เพื่อรอกลับบ้าน จากนั้น ผวจ.ได้ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบึงกาฬ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ตามแนวทาง ศบค. โดยที่ประชุมออกคำสั่งยกระดับมาตรการคุมโควิด-19 มีผล 20 กรกฎาคม 64 นี้  ร้านอาหาร ฯลฯ ให้เปิดดำเนินการตามมาตรการ แต่ห้ามดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน ขอให้งด หรือชะลอการเดินทางในช่วงเวลานี้โดยไม่มีเหตุจำเป็น เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด ต้องกักตัว โดยต้องรายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้าน อสม. หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ ต้องคัดกรองที่สถานีขนส่ง ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของคนจำนวนมากกว่า 150 คน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ ฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย บังคับใช้ 20 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ 042 492 046 ต่อ 114 (ในเวลาราชการ) หรือ 061 205 3743 (นอกเวลาราชการ)

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นเหตุให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ หรือ สพป.บึงกาฬ แจ้งในที่ประชุมเลื่อนการเปิดการสอนแบบเต็มรูป (On Site) ออกไปจนถึงวันที่ 30 ก.ค. โดยให้จัดรูปแบบการเรียนการสอนแบบ On Ai/On tine/On hand และ On Demand เพื่อความปลอดภัยของครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียนที่มารับส่งบุตรหลาน ส่วนการสอบบรรจุครูผู้ช่วยที่จะมีขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ ทางกระทรวงศึกษาก็ขอให้เลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทุเลาเบาบางลง


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์ / บึงกาฬ

พังงา - เดือดร้อนหนัก รถส่งสินค้าเข้าภูเก็ตไม่ฉีดวัคซีน และฉีดวัคซีนแต่ไม่มีผลตรวจโควิดห้ามเข้าเด็ดขาด !! นักธุรกิจระหว่าง 2 จังหวัด วอนขอมาตรการผ่อนปรน

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 หลังจากจังหวัดภูเก็ตได้ออกประกาศฉบับที่ 4021/2564 เรื่อง กำหนดมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับคนไทยจากต่างจังหวัดหรือคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ลงวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2564 เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม-2สิงหาคม 2564 ให้ผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดจำนวน 53 จังหวัดและพื้นที่ควบคุมจำนวน 10 จังหวัดรวมทั้งสิ้น 76 จังหวัด เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค Covid 19 ชนิดชิโนแวค, ชิโนฟาร์ม ครบ 2 เข็มหรือได้รับวัคซีนชนิด Astrazeneca ,ไฟเซอร์,  Moderna , Johnson & Johnson จำนวน 1 เข็มมาแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน หรือเป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรค Covid-19 มาแล้วไม่เกิน 90 วันและต้องได้รับการตรวจหาเชื้อ Covid-19 ด้วยวิธีการ RT-PCR หรือวิธีการ Antigen test  ไม่เกิน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับการตรวจ ยกเว้นเด็กอายุตั้งแต่ 6 ปีจนถึงผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีนและเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ให้มีการตรวจหาเชื้อ Covid-19 ด้วยวิธีการ RT-PCR หรือวิธีการ Antigen test ไม่เกิน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับการตรวจ

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ด่านตรวจท่าฉัตรไชย ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พบว่ามีการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์มาตรการการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตเป็นระยะตั้งแต่ฝั่งจังหวัดพังงาก่อนขึ้นสะพานท้าวเทพกษัตรีย์ ขณะที่จุดตรวจมีเจ้าหน้าที่ทหารเรือ ทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้ตรวจเข้มรถทุกคันที่เดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตตามมาตรการที่บังคับใช้ในวันนี้ ซึ่งพบว่ามีรถจำนวนมากที่ไม่ผ่านการตรวจต้องเลี้ยวกลับทันที โดยเฉพาะมีรถขนส่งสินค้าจำนวนมากที่ต้องเลี้ยวกลับรถมาจอดรอขนถ่ายสินค้าเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตเนื่องจากตัวคนขับบางคนไม่ได้รับการฉีดวัคซีนที มีแต่ผลตรวจ Antigen test มาโชว์ ซึ่งประกาศฉบับล่าสุดไม่อนุญาตให้เข้าได้ บางคนฉีดวัคซีนแล้ว แต่ไม่มีผลตรวจโควิด-19 มาแสดง และบางคนฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังไม่ครบระยะเวลาตามกำหนด แม้จะมีใบตรวจโควิด-19 เจ้าหน้าที่ก็ไม่อนุญาตให้เข้าได้ต้องกลับรถมาจอดและให้ติดต่อรถในจังหวัดภูเก็ตมาขนถ่ายสินค้าไปต่อ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก รถขนส่งสินค้าทั้งคันเล็กคันใหญ่ต่างจอดรอขนถ่ายสินค้าอยู่ตามริมข้างทาง

นายวีระ แสงจำนงค์ อายุ 48 ปี ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ตนเองรับจ้างขับรถบรรทุกไก่สดมาจากสุราษฎร์ธานีเพื่อส่งให้กับร้านไก่ย่าง5ดาวในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งที่ผ่านมาจะตรวจ Antigen test ทุก 7 วัน เพื่อเข้าส่งสินค้าในจังหวัดภูเก็ต แต่มาวันนี้ ไม่สามารถเข้าได้เพราะไม่ได้ฉีดวัคซีนสักที ซึ่งตนเองก็อยากฉีดวัคซีนเหมือนกันแต่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่ได้มีวัคซีนมากเหมือนจังหวัดภูเก็ตตนจึงยังได้คิวฉีด จึงอยากให้มีมาตรการผ่อนปรนให้กับการขนส่งสินค้าเหมือนเดิม ขณะที่คนขับรถขนส่งบะหมี่แฟรนไชส์ชื่อดัง ขับรถขนส่งวัตถุดิบจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาส่งให้ลูกค้าในจังหวัดภูเก็ต ก็เกิดปัญหาด้วยเช่นเดียวกัน ตนเองมีเพียงผลตรวจโควิด-19ก็ไม่สามารถเข้าได้ จึงพยายามแก้ปัญหาด้วยการประสานให้ลูกค้ามารับสินค้าที่ด่านท่าฉัตรไชย

ด้านคุณรุ่งนภา ศักดิ์ศรีสุวรรณ ภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจระหว่างจังหวัดพังงาและภูเก็ต เปิดเผยว่า บริษัทมีสาขาอยู่ในจังหวัดพังงาและภูเก็ต มีคลังสินค้าอยู่ในพื้นที่จังหวัดพังงา มีพนักงานที่ต้องเดินทางข้ามไป-มาระหว่าง 2 จังหวัดทุกวัน วันละ12 คน ซึ่งที่ผ่านมาก็ให้ความร่วมมือทุกอย่างตามประกาศของจังหวัดภูเก็ตในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งตอนนี้พนักงานทุกคนก็รับวัคซีนครบโดสแล้ว แต่กลับต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจโควิด-19 ทุก 7 วัน ตามประกาศฉบับนี้อีก ทำให้เพิ่มค่าใช้จ่ายในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว ซึ่งบริษัทก็ได้ประคับประคองธุรกิจให้เดินต่อไปได้ เลี้ยงพนักงานได้ จึงอยากขอวิงวอนให้ทางจังหวัดภูเก็ตมีมาตรการอะไรที่ช่วยผ่อนปรนให้กับผู้ทำธุรกิจระหว่าง 2 จังหวัด


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี / พังงา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top