Friday, 23 May 2025
SPECIAL

ลำปาง - มทบ.32 พบปะหารือนายกสมาคมผู้สื่อข่าว-นายกสมาคมนักจัดรายการฯ ในการช่วยเหลือประชาชนในห้วงสถานการณ์โควิด-19

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เวลา 15.00 น. พลตรี อโณทัย  ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 พร้อมคณะ ได้เดินทางไปพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับคุณไชยยันต์ เปรมทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวนครลำปาง,พันโท ชูเกียรติ มีโฉม นายกสมาคมนักจัดรายการวิทยุกระจายเสียงนครลำปาง  และคณะกรรมการสมาคม ณ ที่ทำการสมาคมผู้สื่อข่าวนครลำปาง บริเวณชั้น 1 ศาลาประชาคม ศาลากลางหลังเก่า อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง 

ในโอกาสนี้ทาง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้กล่าวถึงภารกิจของทหารในการช่วยเหลือประชาชนชาวลำปาง ทั้งให้การสนับสนุน จังหวัดลำปาง ในห้วงสถานการณ์การณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้แก่ การจัดกำลังพลและยานพาหนะสนับสนุนการจัดตั้ง โรงพยาบาลสนาม, การจัดกำลังพล Army Delivery นำสิ่งของที่ชาวลำปางมีน้ำใจร่วมบริจาคผ่านหน่วยทหารนำไปมอบให้ประชาชนที่เดือดร้อน,การประชาสัมพันธ์ตามมาตรการการป้องกันการติดเชื้อโรคโควิด-19 ในการปฏิบัติตัวของชาวบ้าน,นำกำลังจิตอาสาทำความสะอาดโรงเรียนในจังหวัดลำปางก่อนที่โรงเรียนจะเปิดฯ,จัดรถของหน่วยสนับสนุนตามนโยบายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง รับผู้ป่วยตามโครงการรับคนลำปางกลับบ้าน

ทั้งนี้ โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของทหาร ได้ช่วยเหลือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปางในการรับผู้ป่วยโควิดมารักษา ณ โรงพยาบาลปัจจุบันมี 13 คน นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือกับประชาชนชาวลำปางในการดูแลตัวเองตามมาตรการป้องกันตน เชื่อและปฏิบัติตามสิ่งที่พ่อเมืองหรือ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กำหนดมาตรการสำคัญต่าง ๆ ล้วนต้องการให้ประชาชนลำปางได้ปลอดภัยจากโควิดทั้งสิ้น บรรยากาศการพัฒนาสัมพันธ์เป็นไปด้วยความชื่นมื่น ทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมร่วมมือ ร่วมใจกัน เพื่อผลสำคัญคือประโยชน์ได้เกิดต่อประชาชนชาวลำปางในโอกาสหน้าต่อไป

“ทหารไม่ใช่ด่านหน้า แต่ทหารพร้อมสนับสนุนกำลังทรัพยากร ยานพาหนะ เป็นส่วนสนับสนุนที่พร้อมให้การสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนทุกเรื่อง”


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

จันทบุรี - จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 โดยปลูกป่าเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า บริเวณคูกันช้าง

วันนี้ ( 20 ก.ค.64 ) ที่ บริเวณคูกันช้าง พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว หมู่ที่ 7 ต.ปะตง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มพลังมวลชน ประชาชนจิตอาสา ร่วมกิจกรรม ปลูกป่าเพื่อรักษา สิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 แสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

รวมทั้งปลูกป่าทดแทน เพิ่มความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่า มีความสำคัญที่ให้ประโยชน์อย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิตทั้งมนุษย์และสัตว์อื่น ๆ ป้องกันอันตรายจากช้างปาออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ อีกทั้งการปลูกต้นไม้ตามแนวคูกันช้างยังช่วยป้องกันการพังทลายของคูกันช้าง ได้เป็นอย่างดี เป็นการป้องกันภัยจากช้างป่า ซึ่งครั้งนี้เป็นการปลูกป่าบริเวณคูกันช้างระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร โดยใช้กล้าไม้ประกอบด้วย ยางนา ประดู่ ตะเคียนทอง มะค่าโมง พะยูง จำนวน 1,000 กล้า


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าวจ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

สุรินทร์ - ร.23 พัน.3 จัดกิจกรรมจิตอาสาฯ ตามโครงการ "มีแล้วแบ่งปัน" ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564

วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.30 น. ที่ ชุมชนรอบค่ายวีรวัฒน์โยธิน ตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองง จังหวัดสุรินทร์  พันโท พงษ์พัฒน์  เตือนขุนทด ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ได้มอบหมายให้ ฝ่ายกิจการพลเรือน กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 จัดชุด Army Delivery จำนวน 3 คัน ดำเนินกิจกรรมจิตอาสาฯ ตามโครงการ "มีแล้วแบ่งปัน" โดยการนำข้าวกล่อง จำนวน 30 กล่อง, น้ำดื่ม และ หน้ากากอนามัย

ออกแจกจ่ายให้ประชาชนรอบค่ายวีรวัฒน์โยธิน บ้านเฉลิมพระเกียรติ หมู่ที่ 21 ตำบลนอกเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนต่อสู้กับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน ในการช่วยเหลือ ประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน


ปุรุศักดิ์  แสนกล้า  ข่าว/ภาพ

ตราด – ประมงพื้นบ้าน นำเรือจอดหลบลม หลังเจอมรสุม ทำให้ช่วงนี้อาจจะขาดรายได้ในการออกเรือจับสัตว์น้ำจนไปถึงปลายเดือนตุลาคมนี้

วันที่ 20 กค. 64 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางสํารวจ หลังกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนทุกภาคของประเทศไทย ยังคงมีฝนตกหนักและมีลมแรงในบางพื้นที่ เนื่องจากพายุโซนร้อน “เจิมปากา” บริเวณชายฝั่งประเทศจีนตอนใต้ ทำให้คลื่นลมบริเวณอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรง ส่งผลให้พื้นที่จังหวัดตราดได้รับกระทบในช่วง 2-3 วันนี้ เนื่องจากในพื้นที่มีฝนและลมกรรโชกแรง บริเวณชายฝั่งทำให้ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย

ขณะรายงานข่าวในพื้นที่ของอำเภอคลองใหญ่ยังคงมีลมค่อนข้างแรง ทำเรือประมง และประมงพื้นบ้านต้องพากันจอดหลบลม และคอยติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง สำหรับพื้นที่อำเภอคลองใหญ่เป็นพื้นที่ติดทะเล และด้านหลังติดเขา ในช่วงฤดูฝนจะมีลมมรสุมค่อนข้างแรง ทำให้การทำอาชีพประมงต้องคอยติดตามฝนฟ้าอากาศกันทุกวัน โดยเฉพาะเรือประมงพื้นบ้าน ที่เป็นเรือเล็ก ช่วงนี้จะขาดรายได้ในการออกเรือจับสัตว์น้ำจนไปถึงปลายเดือนตุลาคมนี้ต่อไป


ภาพ/ข่าว  วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าว จ.ตราด

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

ผู้การปทุมฯ เตือนประชาชนงดเดินทาง คุมเข้มตั้ง 5 ด่านเคอร์ฟิวสกัดโควิด

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า สำหรับจังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เราต้องถือปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล โดยในเรื่องของการเดินทาง ตามประกาศได้มุ่งเน้นให้ประชาชนอยู่กับบ้านไม่เดินทางไปไหน เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดหรือแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 จึงขอความร่วมมือจากประชาชนอย่าเดินทางออกจากบ้าน โดยเฉพาะการเดินทางข้ามเขตข้ามจังหวัด ขอให้ Work from Home ทำงานอยู่ที่บ้าน หากไม่มีอะไรทำ ให้หาอาชีพเสริม ที่ทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อจะได้มีรายได้เสริมขึ้นมา ส่วนเรื่องห้างสรรพสินค้าในจังหวัดปทุมธานี ให้เปิดทำการแล้ว โดยเวลาปิดไม่เกิน 20.00 น. สามารถดำเนินกิจการได้ในส่วนของซุปเปอร์มาเก็ต รวมถึงร้านยา และการใช้สถานที่เป็นสถานที่สำหรับฉีดวัคซีน

ในเรื่องของร้านอาหาร เปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. ห้ามนั่งกินในร้าน สุราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ห้ามจำหน่าย สุดท้ายในเรื่องของเคอร์ฟิว เรามีการตั้งด่านเคอร์ฟิว 5 ด่าน ประกอบด้วย

1.บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าโลตัส นวนคร (พหลโยธินขาออก) อำเภอคลองหลวง

2.บริเวณแยกบางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี

3.บริเวณหน้าศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต (พหลโยธินขาเข้า) อำเภอธัญบุรี

4.บริเวณหน้าโรงพยาบาลธัญบุรี อำเภอธัญบุรี และ

5.บริเวณแยกตลาดใหญ่ อำเภอลำลูกกา นอกจากจะเป็นด่านเคอร์ฟิวแล้วยังมีจุดคัดกรองโควิด-19 จำนวน 4 ด่าน (ยกเว้นด่านหน้าศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต)

ฝากถึงประชาชนว่าหลังจากเวลา 21.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่นขึ้น หากไม่มีความจำเป็นพบแพทย์หรือเหตุจำเป็นเร่งด่วน หรือไม่ใช้บุคคลที่อนุญาตให้เดินทางได้  ก็อย่าได้ออกมาเลย เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่างเข้มงวด ต้องปฏิบัติตามกฎมายอย่างเคร่งครัด ต้องจับกุมดำเนินคดีท่าน ขอร้องไม่มีความจำเป็นอย่าออกมา เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านในการสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด และไม่เป็นการกระจายหรือทำให้เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดไปสู่ผู้อื่น นอกจากนี้ในเวลากลางคืน ตนเชื่อว่าการเดินทางเพื่อความปลอดภัย ให้ใช้ความระมัดระวังอย่างสูงเนื่องจากจะมีรถยนต์ที่ได้รับอนุญาต อาจจะใช้ความเร็ว จะสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ และการเดินทางข้ามจังหวัดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในช่วงเคอร์ฟิว หลังเวลา 21.00 น. ถึง 04.00 น. ขอความร่วมมืออย่าได้ปฏิบัติ เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ รายงาน

ตำรวจน้ำ ออกลาดตระเวนป้องกันการกระทำความผิด พบของกลางพืชใบกระท่อมสด พร้อมส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสตูล ดำเนินคดีต่อไป

วันนี้ 20 กรกฎาคม 2564  การตรวจยึดยาเสพติดในครั้งนี้จากภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ. จตุรวิทย์ คชน่วม ผกก.9 บก.รน.และ พ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช รอง ผกก.9 บก.รน. ได้กำชับให้ พ.ต.ท.ศิโรดม สนุ่นดี สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน. ปฎิบัติตามนโยบายเพื่อความปลอดภัยและความสุขของพี่น้องประชาชน จนเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.00 พ.ต.ท.ศิโรดม สนุ่นดี สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน.

หลังได้รับแจ้งข้อมูลจากสายลับว่ามีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดบริเวณพื้นที่ป่าชายเลน หมู่ 2 ตำบลตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล พ.ต.ท.ศิโรดม ฯ จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และสั่งการให้ ร.ต.ท.นราธร เทียมประทีป พร้อมด้วยกำลัง เรือ รน.28 จำนวน 5 นาย และ ร.ต.ท.พีรวัส เหมนแก้ว นำกำลัง ชุด สืบสวน จำนวน 4 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับ

จนเมื่อเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณริมคลองจระเข้ไข่ ในพื้นที่หมู่บ้าน ชุมชนคลองเข้ไข่ หมู่2 ต.ตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล พร้อมกับประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อร่วมกันตรวจสอบ ภายหลังจากการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย พบว่าเป็นของกลางพืชใบกระท่อมสด มัดห่อด้วยถุงพลาสติกใส บรรจุในถุงพลาสติกสีดำ จำนวนทั้งหมด 21 ถุง น้ำหนักถุงละประมาณ 10 กิโลกรัม รวมน้ำหนักประมาณ 210 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถามชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง ไม่มีใครทราบว่าของกลางดังกล่าวเป็นของผู้ใด เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึดของกลางทั้งหมด พร้อมส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสตูล ดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ชลบุรี - นาวิกโยธินห่วงใยประชาชน ส่งเจ้าหน้าที่เดินแจกหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ พร้อมให้กำลังใจสู้ภัยโควิด-19

วันนี้ 20 ก.ค. 64 ที่ตลาดสหชัยพัฒนา อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันทน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน มอบหมายให้ กองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยา ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจิตวิทยา หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ลงพื้นที่มอบหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ ให้กับพ่อค้า แม่ค้า ประชาชน เพื่อป้องกันระมัดระวัง เชื้อโควิด19 จากสถาน การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังทวีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้

สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID - 19) ระลอก 3 ที่กลายพันธุ์ในรอบนี้ถือว่าหนักและรุนแรงมากกว่าเดิม ติดง่ายกว่ารอบแรก รอบสองหลายเท่า ส่งผลให้จำนวนยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และลุกลามไปทั่วทุกจังหวัด กระจายทุกกลุ่ม ทุกวัย ทั้งเด็ก วัยรุ่นหนุ่มสาว จนถึงผู้สูงอายุ ส่อทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนอยู่ในขั้นวิกฤติ และไม่มีแนวโน้มจะหยุดลง

ส่วนในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี มีแนวโน้มสูงขึ้นรายวัน ซึ่งประชาชนมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ดังนั้น หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินจึงได้จัดเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจิตวิทยาลงพื้นที่ เพื่อให้ความรู้ถึงวิธีการป้องกันตนเอง ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงได้แจกหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ให้กับประชาชนไว้ใช้ป้องกันตนเอง พร้อมทั้งส่งกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่อำเภอสัตหีบ โดยหวังว่าให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ทำความรู้จัก “กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน : Infrastructure Fund” เพื่อวางกลยุทธ์การลงทุนในช่วงวิกฤต

แม้ในช่วงวิกฤติจะส่งผลให้การลงทุนเกิดความผันผวนอย่างมาก ทั้งต่อระดับความเสี่ยงจากการลงทุน และผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับก็ตาม แต่หากนักลงทุนวางกลยุทธ์การลงทุนโดยเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสม ก็จะช่วยพลิกวิกฤติเป็นโอกาส และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ

ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยลดต่ำทั่วโลก การลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund :IFF) เป็นทางเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนในระดับที่สูงกว่าตราสารหนี้ และมีความผันผวนในระดับที่ต่ำกว่าตลาดหุ้น เนื่องจากจุดเด่นของอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่มีอุปสงค์ยืดหยุ่นต่ำ ไม่ผันแปรตามสภาวะเศรษฐกิจ เพราะเป็นสินค้าและบริการที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน อีกทั้งเป็นธุรกิจที่มี Barrier of Entry สูง (เป็นเจ้าตลาด หรือ ธุรกิจผูกขาด) จึงทำให้มีคู่แข่งขันเข้ามายาก ตลอดจนความสามารถในการขึ้นราคาเมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้นหรือในภาวะเงินเฟ้อได้อีกด้วย

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ภาครัฐและเอกชนใช้ในการระดมทุนจากผู้ลงทุนทั่วไปทั้งรายย่อยและสถาบัน เพื่อนำเงินไปลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในวงกว้างของประเทศ 10 ประเภท ประกอบด้วย ระบบขนส่งทางราง, ประปา, ไฟฟ้า, ถนน, สนามบิน, ท่าเรือน้ำลึก, โทรคมนาคม, พลังงานทางเลือก, ระบบบริหารจัดการน้ำหรือชลประทาน และระบบป้องกันภัยธรรมชาติ โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล และกำไรจากส่วนต่างราคา นอกจากนี้ผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดายังได้รับยกเว้นภาษีจากรายได้เงินปันผลดังกล่าวเป็นระยะเวลา 10 ปี ทั้งนี้ในประเทศไทยมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่

1.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ TFFIF
2.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี หรือ SUPEREIF
3.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ EGATIF
4.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท หรือ BTSGIF
5.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF
6.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF
7.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ หรือ ABPIF และ
8.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ หรือ BRRGIF

นักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน สามารถทำได้ 2 ช่องทาง คือ
1.) การซื้อหุ้น IPO ที่ทำการเสนอขายครั้งแรก ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่บริหารจัดการจัดการกองทุนนั้น รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ หรือโบรกเกอร์ที่เป็นผู้จัดจำหน่าย และ

2.) ภายหลังจากหมดช่วง IPO แล้ว กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานก็จะถูกนำเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และซื้อขายเช่นเดียวกับหุ้นทั่วไปบนกระดานหุ้น ดังนั้นผู้ลงทุนจึงต้องเปิดบัญชีและทำการซื้อขายหุ้นโครงสร้างพื้นฐานผ่านโบรกเกอร์ได้

เขียนโดย อาจารย์ กมลวรรณ รอดหริ่ง อาจารย์ประจำสาขาการเงิน คณะการจัดการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยบูรพา


ข้อมูลอ้างอิง
https://www.set.or.th/th/products/listing2/set_iff_p1.html
https://www.finnomena.com/finnomena-ic/scbgif/

ขอนแก่น - โควิดระบาด ชาวบ้านแห่ซื้อฟ้าทะลายโจรและกระชายขาว เกลี้ยงแผงทุกร้านขายยา พบของขาดมานานหลายเดือนแล้ว

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจร้านขายยาแผนปัจจุบัน ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังพบว่ามีประชาชนจำนวนมากพากันมาเลือกซื้อสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและกระชายขาว แบบแคปซูล กันอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปรับประทานป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อในเขต จ.ขอนแก่น พบผู้ป่วยมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะที่ร้านยาธงดีเภสัช ซึ่งตั้งอยู่ที่ ถ.ศรีธาตุประชาสันติ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบว่ามีประชาชนมาสอบถามและซื้อยาฟ้าทะลายโจรและยากลุ่มต้านไวรัสกันตลอดทั้งวัน

เภสัชกรธง ดีมาก เจ้าของร้านขายยาธงดีเภสัช กล่าวว่า ยอมรับว่าฟ้าทะลายโจรชนิดแคปซูลขายหมดได้ประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว ส่วนยาเขียวตราใบโพธิ์ และกระชายขาวนั้นขาดตลาดมานานกว่า 4 เดือนแล้วเช่นกัน ซึ่งเมื่อลูกค้าเข้ามาสอบถามก็จะแนะนำในส่วนของสมุนไพรทางเลือกอื่น ๆ ขณะที่จากการสอบถามลูกค้าที่มาซื้อนั้นพบว่าเป็นลูกค้าจากต่างอำเภอที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แวะเข้ามาถามซื้อฟ้าทะลายโจร และกลุ่มยาต้านไวรัส เพื่อซื้อส่งไปให้ลูก หลาน รวมทั้งญาติพี่น้องที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง เพราะได้รับการประสานจากญาติว่ากลุ่มยาเหล่านี้หาซื้อไม่ได้แล้ว

"ยังมีกลุ่มยาที่ประชาชนเข้ามาถามหาเพิ่มเติม คือยากลุ่มต้านเชื้อไวรัสโควิด-19  ที่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างมาก ที่เป็นสูตรในการรักษาโควิด แบบประคับประคอง เพราะลูกค้าบางรายอาจจะเตรียมไว้เผื่อในอนาคตหากต้องติดโควิด แล้วโรงพยาบาลสนามเต็ม ก็จะได้มีการรักษาตัวเองไปก่อน รวมไปถึงกลุ่มยาละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลมในกรณีที่เชื้อลงปอด และยังมีกลุ่มยาลดไข้และสมุนไพรทางเลือกอื่น ๆ ที่ลูกค้าแวะมาเลือกซื้ออยู่เป็นประจำ อย่างไรก็ตามหากในกรณีที่ฟ้าทะลายโจรขาดตลาด และลูกค้ามาสอบถามก็จะแนะนำขมิ้นชันวิตามินซี รวมทั้งสเปรย์พ่นคอ ที่ช่วยต้านเชื้อไวรัสเชื่แแบคทีเรียและเชื้อราได้อีกด้วย"

เภสัชกรธง กล่าวต่ออีกว่า ร้านมีการปรับตัวในการขายเยอะขึ้นตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีการขายยาผ่านช่องหน้าต่าง ปิดประตูไม่ให้ลูกค้าเข้ามาภายในบริเวณร้าน มีพัดลมดูดดอากาศให้อากาศหมุนเวียนตลอดเวลา อีกทั้งมีการเขียนป้ายไฟบริเวณด้านหน้าร้าน ว่าจ่ายยาผ่านช่องรบกวนให้ลูกค้ากดกริ่งเรียกเภสัชกร นอกจากนี้ยังมีการจัดส่วนของยาให้เหมาะในการจ่ายได้ทันที และในของเภสัชกรเองก็จะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยสวมทับด้วยเฟสชิวอีกชั้น นอกจากนี้ยังมีการขายยาผ่านช่องทางไลน์เป็นเทเลฟาร์มาซี มีการปรึกษาเภสัชกรทางวิดีโอคอลก่อนซื้อยา หลังจากนั้นให้ลูกค้าโอนเงินให้ร้านยา และจัดส่งด้วย Grab เพื่อความปลอดภัย ลดการเดินทางออกจากบ้านที่จะเสี่ยงติดเชื้ออีกด้วย

เชียงราย - ข้าวแกง 10 บาท ช่วยเหลือประชาชนช่วงโควิด ด้าน ‘พระอาจารย์พบโชค’ นำไข่ไก่ 3,000 ฟองสนุบสนุน

เจ้าของร้นอาหารเชียงราย ทำข้าวราดแกง 10 บาท ขายช่วยเหลือชาวบ้านช่วงโควิด หลังก่อนหน้านี้ได้ทำผัดกะเพรา 9 บาทมาแล้ว ด้านพระไพศาลประชาทร วิ. (หลวงพ่อพบโชค) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง ทราบข่าว นำไข่ไก่ 3,000 ฟองมาสนับสนุนด้วย

วันที่ 20 ก.ค.64 คุณธเนตร ติ๊บโท๊ะ หรือ "ต้นอ้อ" เจ้าของร้านอาหารฟอร์เก็ตมีน๊อต (forget me not) ตั้งอยู่เลขที่ 35/2 ม.22 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ด้านเยื้องประตู 3 สนามกีฬาจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นร้านอาหารสไตล์ ล้านนาประยุค สไตล์ในสวน ได้ใช้พื้นที่หน้าร้านเปิด ขายข้าวราดแกง 10 บาท มีทั้งนั่งทานที่ร้านและซื้อกลับบ้าน ซึ่งข้าวราดแกงที่ขาย มีเมนูที่หลากหลายวันละ 3-4 อย่างทั้งผัดกระเพราไก่ ผัดเผ็ดถั่วหมู แกงเขียวหวานไก่ ผัดบวบใส่ไข่ โดยทุกเมนูจะปรุงสดใหม่ทุกวัน จากเชฟประจำร้าน เริ่มขายตั้งแต่เวลา 11.00 น. จนกว่าอาหารจะหมดโดยใช้พื้นที่หน้าร้านเช่นเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทำเมนู ผัดกระเพราไก่ ราดข้าว ในราคากล่องละ 9 บาทมาก่อนแล้ว เพื่อช่วยเหลือทุกคนในภาวะเศรษฐกิจโควิด-19  โดยทางร้านบริการมีเจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัยแจกฟรี สำหรับผู้ที่ต้องการอีกด้วย

โดยการขายข้าวราดแกงในราคา 10 บาท ทำให้มีผู้สนใจเดินทางมาซื้อข้าวแกงจำนวนมาก เพราะถือว่ามีราคาที่ถูกและได้ข้าวราดแกงที่มีคุณภาพ อร่อยและปรุงสดทุกวัน เข้ากับภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลงทำให้ทุกคนต้องดิ้นรนอยู่รอด ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ข้าวแกง 10 บาท ทำให้หลายคนอยู่รอดได้ และถือว่าคนทำใจบุญอย่างมาก เพราะเชื่อว่าไม่ได้กำไรอย่างแน่นอน

คุณต้นอ้อ กล่าวว่า การที่มาขายข้าวแกง 10 บาท ก็เพราะจากการต่อยอดมาจากผัดกระเพรา 9 บาท ที่อยากให้ทุกคนได้อิ่มท้องในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่แบบนี้ อะไรที่ช่วยสังคมได้ก็พร้อมช่วย เมื่อทำแล้วก็มีเพื่อนอีกหลายคน เห็นว่าดีต่อสังคม ใครพอจะมีเงินก็สมทบทุนมาให้ทำข้าวราดแกงในราคานี้ ซึ่งยอมรับว่า ไม่ได้กำไรจากการขายนี้เลย แต่ขอให้ได้ช่วยสังคมและอิ่มบุญ และพร้อมจะทำ เมื่อขายข้าวแกง 10 บาทก็พบว่า ทุกคนที่มาซื้อ ก็จะร่วมทำบุญให้กับสมาคมศิริกรณ์เชียงรายบรรเทาสาธารณภัย ที่ตั้งกล่องรับบริจาคเพื่อนำเงินไปซื้ออุปกรณ์และช่วยเจ้าหน้าที่รับส่งผู้ป่วยโควิด-19 ในจังหวัดเชียงราย

ด้านพระไพศาลประชาทร วิ. (หลวงพ่อพบโชค) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อทราบข่าวว่ามีข้าวแกง10 บาท ขายให้กับทุกคน เพื่อช่วยภาวะเศรษฐกิจ จึงได้ให้ลูกศิษย์ นำไข่ไก่จำนวน 3,000 ฟอง ผักสดนานาชนิด และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง มามอบให้กับทางร้าน  เพื่อเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารเพื่อช่วยทุกคนด้วย

พระไพศาลประชาทร วิ. (หลวงพ่อพบโชค) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง กล่าวว่า สาเหตุที่นำสิ่งของมาช่วยทางร้านในการขายข้าวแกง 10 บาท เพราะทราบดีว่าการขายแบบนี้ ทางร้านไม่ได้กำไรอะไรเลย แต่เมื่ออยากที่จะทำบุญก็นำสิ่งของที่ได้รับมาจากญาติโยม ที่ทำบุญมาต่อบุญอีกทอดหนึ่ง ซึ่งจะได้บุญมหาศาลสำหรับผู้ที่ร่วมทำบุญกับทางวัดห้วยปลากั้ง


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

กาฬสินธุ์ – เปิด รพ.สนามสหัสขันธ์ อุปถัมภ์โดยคณะสงฆ์ กว่า 500,000 บาท พร้อมเปิดบริจาคสิ่งของจำเป็นเพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19

อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดโรงพยาบาลสนาม 50 เตียงรักษา 30 เตียงพักคอย พร้อมรับคนสหัสขันธ์กลับบ้านปลอดภัย อุปถัมภ์ก่อสร้างปรับปรุงโดยคณะสงฆ์อำเภอสหัสขันธ์ มูลค่ากว่า 500,000  บาท พร้อมเปิดรับบริจาคสิ่งของจำเป็นเพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เล็งปรับ LQ เป็นพื้นที่นอนรอเตียงรักษา 8 ตำบล

วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ที่บริเวณหอประชุมอำเภอสหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รองผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยจิตอาสาพระราชทาน 904 ,พระอาจารย์ณรงค์ ชยุมงฺคโล เจ้าอาวาสวัดพุทธนิมิต (ภูค่าว) ,นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์,นายแพทย์คมกฤษ วิเศษ ผอ.รพ.สหัสขันธ์ พร้อมด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตัวแทน อปท. 8 แห่ง พื้นที่ อ.สหัสขันธ์ คณะแพทย์ พยาบาล รพ.สหัสขันธ์  ร่วมเปิดโรงพยาบาลสนาม อ.สหัสขันธ์ เพื่อเตรียมรับผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งมีภูมิลำเนาเป็นคน อ.สหัสขันธ์ โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยอยู่ระหว่างการรักษา 22 คน จากจำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 62 คน ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

โดยผู้มีจิตศรัทธา ได้นำสิ่งของที่จำเป็นมอบให้กับ รพ.สนาม ทั้งน้ำดื่ม ยาเม็ดฟ้าทะลายโจร พัดลม เครื่องนอน ข้าวสาร อาหารแห้ง และเงินสด โดยโรงพยาบาลสนาม อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับการอุปถัมภ์โดยพระเทพมงคลวชิรมุณี (หา สุภโร) หรือหลวงปู่ไดโนเสาร์ มอบเงินให้กับคณะกรรมการเป็นเงิน 505,237 บาท นอกจากนี้ พระอาจารย์ณรงค์ ชยมงฺคโล เจ้าอาวาสวัดพุทธนิมิต ยังมอบเงินสนับสนุนเพิ่มเติมอีก 50,000 บาท รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วสารทิศ ที่โอนเงินผ่านบัญชีสาธารณกุศลอ.สหัสขันธ์ ขณะที่การปรับปรุงพื้นที่ รพ.สนาม รวมถึงการควบคุมการก่อสร้างทั้งหมด มีพระครูสิริพัฒนนิเทศก์ เจ้าอาวาสวัดพุทธาวาสภูสิงห์ ควบคุมดูแลและนำเครื่องจักรเข้าปฏิบัติการทั้งหมด ส่วนเตียง รพ.สนาม นายอำเภอสหัสขันธ์ ได้ระดมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สร้างเตียงจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ทดแทนในช่วงที่เตียงขาดแคลนและราคาสูง

นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ กล่าวว่าโรงพยาบาลสนาม อ.สหัสขันธ์ เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของทุกฝ่าย โดยเฉพาะเมตตาจากคณะสงฆ์ เป็นที่ปรึกษาในการเริ่มต้นของโรงพยาบาลสนาม  โดยใช้หอประชุม อ.สหัสขันธ์ และพื้นที่บริเวณโดยรอบ ติดกับโรงพยาบาลสหัสขันธ์ ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ซึ่งเป็นคนสหัสขันธ์ ไม่น้อยกว่า 50 คน มีศูนย์พักคอยอีก 30 เตียง ที่มอบหมายให้ทางนายแพทย์คมกฤษ วิเศษ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสหัสขันธ์  พร้อมทีแพทย์พยาบาล และนายสมบูรณ์ ไชยศรี สาธารณสุขอำเภอสหัสขันธ์ จัดการภายในโรงพยาบาลสนามฯ เบื้องต้นมีคนสหัสขันธ์ยืนยันติดเชื้อแล้วจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด 13 จังหวัด แจ้งกลับมารักษากว่า 30 คน ทั้งนี้ได้สั่ง LQ ของ อปท. ทุกแห่ง เตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉินตลอด 24 ชม.

“ส่วนลำดับขั้นตอนของโรงพยาบาลสนาม อ.สหัสขันธ์ โดยนายแพทย์คมกฤษ วิเศษ ผอ.รพ.สหัสขันธ์ และเป็นผอ.รพ.สนามฯ เมื่อผู้ป่วยมีความประสงค์จะเข้ามารักษา เบื้องต้นต้องเข้ารับการตรวจและยืนยันผลก่อน จากนั้นจะนำผู้ป่วยที่มีผลยืนยันเข้ารับการรักษาตามลำดับ ทั้งการตรวจเลือด เอ็กซเรย์ปอด เมื่อเข้าโรงพยาบาลสนามจะต้องเปลี่ยนชุดในชุดคนไข้ของ รพ.สนามที่เตรียมไว้ ซึ่งภายในโรงพยาบาลสนามจะมีกล้องวงจรปิดกระจายอยู่ทุกมุมกว่า 18 ตัว รอบนอกมีกำลังเจ้าหน้าที่ อส. ชรบ. อปพร. จากทุกตำบล มาอยู่เฝ้าเวรยามแบ่งกำลังวันละ 3 ผลัด มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสหัสขันธ์ เป็นผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยอีกชั้น ทั้งนี้ยังมี 8 อปท. ให้ความร่วมมือในการเตรียม LQ บุคลากร งบประมาณ เป็นความสามัคคีในพื้นที่เพื่อเอาชนะไวรัสโควิด-19 สร้างความปลอดภัยใน อ.สหัสขันธ์อย่างเข้มแข็ง” นายอำเภอสหัสขันธ์กล่าว


ภาพ/ข่าว ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

กอ.รมน.จังหวัด ช.ร. บูรณาการจัดการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระเบียบสังคม ป้องกันการมั่วสุมและการกระทำผิดกฎหมายและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส covid-19 ในจังหวัดเชียงราย

เมื่อ 19 ก.ค. 64 เวลา 20.00 น. พ.อ. กิตติพล ไพรหิรัญ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ช.ร. (ท.) มอบหมายให้ ร.ต.นพดล รวมจิตร หน.ฝ่ายโครงการและงบประมาณฯ และ จนท.กอ.รมน.จังหวัด ช.ร.ได้ประสานงานบูรณาการร่วมกับคณะทำงานจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการระดับจังหวัด เพื่อปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล การป้องกันและหยุดหยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด การจัดระเบียบสังคมการป้องกันการรวมกลุ่มหรือมั่วสุม และการกระทำผิดกฎหมาย รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในจังหวัดเชียงราย

พร้อมด้วย ศปก.จ.เชียงราย ได้ดำเนินการออกตรวจตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย ที่ 47/2564 และ 57/2564 และออกตรวจสอบแรงงานต่างด้าวในสถานประกอบกิจการ ซึ่งเป็นสถานบริการในเขตพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย จำนวน 7 แห่ง ดังนี้

               1. ร้านนวดแผนโบราณ / ร้านอาหารญี่ปุ่น Natsu บริเวณรอบ ๆ โรงแรมวังคำ

               2. บริเวณสถานีขนส่ง (เก่า)

               3. บริเวณตลาดศิริกรณ์                                                                                                           

               4. ร้านสองสลึงคาราโอเกะ                                                                                                          

               5. ร้านยาดองป่าตึงริมกก                                   

               6. ร้านย่างเนยบ้านดู่                                      

               7. ร้านพะณครบ้านดู่

ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่พบการกระทำผิดกฎหมายและฝ่าฝืนคำสั่ง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายและคำสั่งโดยเคร่งครัด

ขอนแก่น - สสจ. ย้ำชัด บุคลากรด่านหน้าต้องได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน เร่งสำรวจผู้ที่ตกหล่น ฉีดให้ครบภายในเดือนนี้ วอนทุกคนเห็นใจตามการจัดสรรวัคซีนมาจากส่วนกลาง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ก.ค. 2564 ที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า รพ.น้ำพอง และสำนักงานสาธารณสุข อ.น้ำพอง ได้สรุปรายงานและชี้แจงเหตุการณ์ กลุ่ม อสม. ในเขต อ.น้ำพอง ได้รวมตัวกันประท้วงและต่อว่าการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในเขต อ.น้ำพอง จนทำให้ อสม. บ.น้ำพอง เกือบ 60 คนไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ทั้งที่เป็นบุคลากรด่านหน้า ตามที่หน่วยงานรัฐกำหนด ซึ่งขณะนี้เหตุการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลายแล้ว โดย นายอำเภอน้ำพอง,รพ.น้ำพอง,สำนักงานสาธารณสุข อ.น้ำพอง,สภ.น้ำพอง และ ชมรม อสม.อ.น้ำพอง ได้มีการประชุมและหารือกันในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่าเกิดจากการสำรวจ ในระบบต่างๆในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งคณะทำงานได้หารือร่วมกันใหม่ทั้งหมดจนได้ข้อยุติ คือการสำรวจรายชื่อ อสม.ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนใหม่หมดทั้งอำเภอ เพื่อเข้าสู่แผนการฉีดวัคซีนให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.

" ผมย้ำว่าบุคลากรด่านหน้าต้องได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน ขอแค่ทุกท่านดำเนินการตามที่ สสจ.หรือ ทีมแพทย์กำหนด ขณะที่ตัวแปรที่สำคัญคือการได้รับการจัดสรรวัคซีน จากส่วนกลาง ตามที่ได้รับการจัดสรรมาในแต่ละรอบ แต่เมื่อทางจังหวัดได้รับมาเท่าใดนั้น ก็มีการจัดส่งกระจายไปในพื้นที่ทุกอำเภอท่านพี่ ดังนั้น กล่ม อสม. ในเขต อ.น้ำพอง รวมกว่า 60 คนนั้น จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 29 ก.ค.นี้"

นพ.สมชายโชติ กล่าวต่ออีกว่า อสม.จัดเป็นบุคลากรด่านหน้าที่สำคัญที่ทำงานร่วมกันกับ ฝ่ายสาธารณสุขในทุกเรื่องโดยเฉพาะกับสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น ที่ อสม.ทำงานอย่างหนักทุกวัน ดังนั้นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฎิบัติงาน จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันและร่วมมือกัน ให้การสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเต็มที่เพื่อที่เราจะก้าวผ่านวิกฤติเหตุการณ์นี้ไปด้วยกัน

ศรชล.ส่งเรือรบร่วมเรือประมง ค้นหาลูกเรือพลัดตกทะเล ยังไร้วี่แวว

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดระยอง (ศรชล.จว.รย.) โดยนาวาเอก อนุพงค์ จันทร์พฤกษ์ รอง ผอ.ศรชล.จว.รย. และนาวาเอก พิศาล หาญภักดี หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดระยอง (ศคท.จว.รย.) ได้รับแจ้งเกิดเหตุลูกเรือประมงพลัดตกน้ำ ในพื้นที่ จว.ระยอง เมื่อคืนวันที่ 18 ก.ค. 64 เวลา 23.00 น. จาก นางสาว ดวงนภา อ่อนละมูล ลูกเจ้าของเรือ ว่าเรือประมงเกรียงไกร 14 ขนาด 89.52 ตันกรอส เครื่องมืออวนติดตา

มีลูกเรือชื่อ นายพอลล่า กอด อายุ 28 ปี ชาวกัมพูชา คาดว่าพลัดตกน้ำ เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. บริเวณห่างจากเกาะเสม็ด ระยะประมาณ 22.80 ไมล์ โดย นายนิสารัตน์ สรรพสุข ไต๋เรือ ได้นำเรือค้นหาบริเวณที่คาดว่าลูกเรือพลัดตกทะเล แต่ยังไม่พบลูกเรือดังกล่าว จึงร้องขอการช่วยเหลือค้นหาผู้ประสบภัย

และเมื่อ เวลา 08.00 น. ของวันที่ 19 ก.ค.64  ศคท.จว.รย. และ เจ้าหน้าที่ด่านตรวจประมงระยอง ได้ประสานทางเครือข่ายวิทยุมดดำนาวี ขอความช่วยเหลือจากเรือประมง บริเวณใกล้เคียง จำนวน 3 ลำ ได้แก่ เรือ ป.สินมีสุข 929  เรือ สินชัยนาวี 88 และ เรือ มังกรสมุทร 555 ช่วยเหลือค้นหาผู้ประสบภัย

ในการนี้ ศยก.ศรชล.ภาค 1 บูรณการร่วมกับ ศปก.ทรภ.1 สั่งการให้เรือ ต.115 เข้าพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยเหลือค้นหาผู้ประสบภัย แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศคลื่นลมแรง ทำให้เป็นปัญหาต่อการค้นหา จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันนี้ ยังไม่พบลูกเรือที่สูญหายแต่อย่างใด จึงได้ยุติการค้นหาในเบื้องต้น ก่อนจะร่วมประสานงานทำการค้นหา ในวันรุ่งขึ้นต่อไป


ภาพ/ข่าว สนง.ศรชล.ภาค 1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

นราธิวาส - นายก อบจ.”กูเซ็ง” เตรียมนำวัคซีน Moderna 10,000 โดส ช่วยชาวนราฯ ด้านผู้ว่าฯเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนขานรับตามมาตรการของจังหวัด เพื่อให้สอดคล้องกับ ศบค.อย่างเคร่งครัด

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ที่ห้องประชุมพระนราภิบาลชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการแถลงข่าว มาตรการของ จ.นราธิวาส เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการ ศบค.โดยมีนายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขชจังหวัดนราธิวาส นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส เขต 2 ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแถลงข่าว

ด้านนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการที่จังหวัดนราธิวาสได้เตรียมความพร้อม ซึ่งได้ประชุมหารือโดยมีข้อยุติที่สำคัญที่ต้องนำเรียนให้ประชาชนชาวนราธิวาสได้รับทราบคือ

1.งดหรือชะลอหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป จำนวน 14 วัน เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19 ค่อนข้างสูงมาก โดยใน 13 อำเภอมีตัวเลขผู้ติดเชื้อทุกวันวันละไม่ต่ำกว่า 100 ราย ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการในเรื่องของการเดินทาง งดการเดินทางโดยไม่จำเป็นยกเว้นมีข้อจำเป็นที่ให้เดินทางได้ ซึ่งขณะนี้สายการบินของจังหวัดนราธิวาสก็งดทุกสายการบินจนถึงสิ้นเดือน รวมถึงสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ และรวมไปถึงการบริการรถไฟด้วย ซึ่งจำเป็นที่จะขอความร่วมมือในการหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงนี้

2.การเปิดกิจการประกอบการต่าง ๆ อย่างเช่นร้านอาหาร ซึ่งก่อนหน้านี้จังหวัดนราธิวาสมีประกาศให้เปิดร้านอาหารได้รับประทานอาหารในร้านได้จนถึง 21:00 น. ในขณะนี้ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมเป็นต้นไป ขอความร่วมมือทุกร้านอาหารทุกประเภทสามารถจำหน่ายอาหารที่ร้านได้ แต่มีข้อห้ามในการรับประทานอาหารที่ร้าน แต่สามารถสั่งไปรับประทานที่บ้านเท่านั้นและเปิดได้ถึง 20:00 น. เท่านั้นโดยมีข้อกำหนดในฉบับล่าสุด

และในส่วนของมาตรการอื่น ๆ ทางจังหวัดนราธิวาส ก็ยังมีผลบังคับใช้อยู่เหมือนเดิม ซึ่งภาพรวมของจังหวัดนราธิวาสขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทำตามมาตรการของจังหวัดและสิ่งที่กังวลที่สุดในห้วงวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นวันอีดิลอัฏฮา กรือวันรายอของพี่น้องมุสลิม ดังนั้นขอความร่วมมือจากพี่น้องมุสลิมทุกท่านเรามีมาตรการในข้อกำหนดซึ่งได้แจ้งไปยังอำเภอและผู้นำศาสนาใน 13 อำเภอให้ได้รับทราบแล้วในการชะลอการเดินทางหรือการรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงนี้

ขณะที่นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ทางสภากาชาดไทยได้แจ้งให้จังหวัดทุกจังหวัดทราบว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19) ได้มีประกาศ เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ซึ่งได้ให้สภากาชาดไทยเป็นหน่วยงานหนึ่งในการสั่งนำเข้าวัคซีนมาฉีดให้แก่ประชาชน ซึ่งขณะนี้ สภากาชาดไทยได้สั่งจองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 Moderna จำนวนหนึ่งจากผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทยผ่านองค์การเภสัชกรรม เพื่อนำมาฉีดบริการให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่าง ๆ โดยไม่คิดมูลค่า ตามพันธกิจของสภากาชาดไทย ทั้งนี้ สภากาชาดไทยจะได้จัดสรรโควตาวัคซีนจำนวนหนึ่งให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อนำไปฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่าง ๆ ในพื้นที่ โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่าต้องดำเนินการฉีดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่า และแผนการฉีดวัคซีนดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัด และเงื่อนไขอื่น ๆ ดังนี้

1. ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด จัดทำแผนการขอรับการจัดสรรวัคชีน เพื่อนำไปฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ตามที่สภากาชาดไทยกำหนด และแจ้งให้สภากาชาดไทยทราบภายในวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ได้แก่

1) คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง สตรีตั้งครรภ์ ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน

2) ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน

3) บุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ในถิ่นทุรกันดาร

4) ผู้ที่ทำงานประจำอยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ครูผู้สอนในโรงเรียนอนุบาล หรือครู อาจารย์

ผู้ที่ทำหน้าที่สอนหนังสือในโรงเรียน ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด- 19 มาก่อน

5) บุคลากรที่ต้องออกปฏิบัติงานสัมผัสประชาชน ตามโครงการฉีดวัคซีนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ที่ยังไม่เคยได้รับวัคนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน และบุคคลที่ยังไม่วสามารถรับการฉีดวัคซีนได้เนื่องจากติดขัดระเบียบหรือกฎหมาย

2. องค์การบริหารส่วนจังหวัด ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการกับสภากาชาดไทย ต้องสนับสนุน

งบประมาณค่าวัคซีน Moderna ราคา 1,300 บาท ต่อโดส นั้น เมื่อหักต้นทุนวัคซีนและค่าบริหารจัดการตาม

โครงการแล้ว เงินส่วนที่เหลือจากค่าใช้จ่ายดังกล่าว จะนำเข้าสมทบใน "กองทุนสภากาชาดไทย เพื่อจัดหาวัคซีนโควิด-19 และยารักษาโรคโควิด-19 สำหรับประชาชน" ต่อไป

3. เมื่อสภากาชาดไทย แจ้งการจัดสรรโควตาให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด แล้ว ขอให้ชำระเงินเต็มตามจำนวนที่ได้รับอนุมัติจากสภากาชาดไทย ภายในวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ก่อนเวลา 12.00 น.

4. สภากาชาดไทยจะทยอยจัดสรรวัคซีนได้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป สำหรับจังหวัดนราธิวาส ได้รับความอนุเคราะห์จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาสในการขอรับวัคซีนเพื่อนำไปฉีดบริการให้กับประชาชนตามเงื่อนไขดังกล่าว จำนวน 10,000 โดส เป็นเงินทั้งสิ้น 13,000,000 บาท

นอกจากนี้นายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ในภาพรวมของวัคซีนที่ได้รับการสนับสนุนจาก อบจ.นราธิวาสจำนวน 10,000 โดส จะเป็นกลุ่มเป้าหมายซึ่งสามารถฉีดได้จะเป็นการส่งเสริมการฉีดวัคซีนของชาวจังหวัดนราธิวาสให้ครอบคลุมเร็วขึ้น ซึ่งตอนนี้มีประชากรที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย 600,000 กว่าคน ฉีดไปแล้ว 100,000 กว่าคน และยังคงเหลืออีก 500,000 คน ซึ่งถ้าได้รับวัคซีนตรงนี้ก็จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เร็วขึ้น และในเรื่องของการเก็บวัคซีนมีที่จัดเก็บวัคซีน 10,000 โดสใช้พื้นที่ไม่มาก โดยศักยภาพการฉีดวัคซีนของโรงพยาบาลทั้ง 13 อำเภอของจังหวัดนราธิวาสในหนึ่งวันฉีดได้ 7,500 โดส ซึ่งถ้าได้วัคซีนมา 10,000 โดนฉีดได้ 5,000 คนใช้เวลาฉีดภายใน 1-2 วันโดยสถานการณ์ภาพรวมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตอนนี้ในจังหวัดนราธิวาสมีจำนวน 4,184 รายอยู่ในระบบการรักษา 1,201 รายอยู่ที่โรงพยาบาล 645 รายและอีกส่วนอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม 556 รายและเสียชีวิตทั้งหมด 40 ราย ซึ่งคาดการณ์ว่าผู้ป่วยรายใหม่นับจากวันนี้เป็นต้นไป จะอยู่ที่ 150 -200 รายต่อวัน จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทำตามมาตรการของจังหวัดนราธิวาสกำหนดด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top