Thursday, 10 July 2025
SPECIAL

พิจิตร - ไม่ลืมบ้านเกิด ! ไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมต.แรงงาน มอบเงินช่วย รพ.สนามในพิจิตร

วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ที่โรงพยาบาลสากเหล็ก นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมต.แรงงาน และ นราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วย รมต.เกษตรฯ ซึ่งติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดพิจิตรและเห็นความสำคัญของบุคลากรทางการแพทย์รวมถึง อสม.และฝ่ายปกครองจึงได้มอบหมายให้ นายพิชิต แก้วทอง นายก อบต.หนองปลาไหล , นายวรวุฒิ  แก้วทอง , นายพงษ์ศักดิ์ ศรีนามนต์ ผอ.สนง.พัฒนาฝีมือแรงงานพิจิตร , นายวัชรินทร์ แทนจำรัส เลขาฯส่วนตัว ของ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วย รมต.เกษตรฯ นำเงินสดจำนวน 1 แสนบาท ไปมอบให้กับ นพ.ประทีป จันทร์สิงห์ ซึ่งเป็น ผอ.รพ.สากเหล็ก และ รพ.วังทรายพูน เพื่อใช้ในภารกิจในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิดที่กำลังแพร่ระบาดอยู่นี้  นอกจากนี้  นายดิเรก- พิมพ์ฉวี พัฒนพงษ์ ท่าข้าวพิมพ์ฉวีและร้านอาหารบุญปาก ยังได้ร่วมบริจาคเงินสดจำนวน 1 หมื่นบาท ซึ่งถือเป็นการทำบุญร่วมกันในครั้งนี้ด้วย

ในส่วนของ นพ.ประทีป จันทร์สิงห์  ซึ่งเป็น ผอ.รพ.สากเหล็ก และ รพ.วังทรายพูน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยที่เป็นผู้ติดเชื้อโควิดอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลสนามสากเหล็กมีจำนวน 26 ราย และในวันพรุ่งนี้จะมีขอเข้ารับการรักษาอีกจำนวน 30 ราย  ซึ่งจะใช้โรงพยาบาลสนามภายใน รพ.สากเหล็กและภายในหอประชุมของที่ว่าการอำเภอสากเหล็ก ส่วนที่ รพ.วังทรายพูน ขณะนี้มีนอนพักรักษาตัวอยู่ 40 ราย และกำลังเตรียมการตั้งเต็นท์โรงพยาบาลสนามอีก 1 เต็นท์ เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่มีเพิ่มขึ้น ซึ่งหวังว่า รพ.สนามที่มีอยู่ จะมีเพียงพอที่จะรองรับชาวพิจิตรที่ไปอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ และติดเชื้อโควิดหาที่ตรวจหาที่รักษาไม่ได้แล้วจะขอกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านเกิด ซึ่งเงินที่บริจาคมานี้จะได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดตามวัตถุประสงค์ของ นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมต.แรงงาน ซึ่งเป็นชาวจังหวัดพิจิตรและไม่เคยทอดทิ้งประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า  สำหรับเป้าหมายการบริจาคเงินเพื่อช่วยโรงพยาบาลสนามของ นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมต.แรงงาน ในที่ต่าง ๆ ของ จ.พิจิตร มีเป้าหมายจะบริจาคอีกหลายแห่ง ซึ่งความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะได้รายงานให้ทราบต่อไป


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

ลำปาง - จิตอาสา มทบ.32 "มีแล้วแบ่งปัน" พบปะเยี่ยมเยือน ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ชุมชนบ้านกลางทุ่ง เมืองลำปาง

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2564 เวลา 13.30 น. พลตรี อโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32/ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานมณฑลทหารบกที่ 32 มอบหมายให้ วิทยากรจิตอาสา 904 ร่วมกับประชาชนจิตอาสา พบปะ เยี่ยมเยือน ให้กำลังใจ มอบธารน้ำใจ สิ่งของอุปโภค-บริโภค หน้ากากอนามัย ให้กับผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 บริเวณชุมชนบ้านกลางทุ่ง ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ตามกิจกรรมจิตอาสา “มีแล้วแบ่งปัน” ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ท่านผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ที่กำลังประสบปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 สร้างความปลาบปลื้ม ดีใจแก่ประชาชนที่ได้รับความช่วยเหลือ ทั้งกล่าวขอบคุณที่ทหารคอยเคียงข้างและช่วยเหลือประชาชนเสมอมา


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

บึงกาฬ - ผู้ว่าเปิด รพ.สนามแห่งที่ 2 เหตุผู้ป่วยล้นเตียง การระบาดโควิด-19 ทำให้เลื่อนสอบครูผู้ช่วยแบบไม่มีกำหนด

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 20 ก.ค.ที่หอประชุมจังหวัดบึงกาฬ ภายในศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬ นายสนิท ขาวสอาด ผวจ.บึงกาฬ นายนฤชา โฆษาศรีวิไลช์ รอง ผวจ. นางแว่นฟ้า ทองศรี นายก อบจ.บึงกาฬ นพ.ภมร ดรุณ นายแพทย์ สสจ.บึงกาฬ นพ.กมล แซ่ปึง ผอ.รพ.บึงกาฬ ร่วมกันเปิดโรงพยาบาลสนามจังหวัดบึงกาฬ แห่งที่ 2 ภายหลังในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ มีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้มีพื้นที่รองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง หรือมีอาการเล็กน้อย หลังได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลให้อาการดีขึ้น เพื่อรอกลับบ้าน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนร่วมกันบริจาคเงินจัดซื้ออุปกรณ์จัดตั้ง รพ.สนาม ในครั้งนี้ร่วมเป็นสักขีพยาน

นพ.ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามจังหวัดบึงกาฬ แห่งที่ 2 ในพื้นที่อำเภอเมืองบึงกาฬ ในครั้งนี้เพื่อรองรับสถานการณ์การติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยภาพรวมทั้งประเทศและจังหวัดบึงกาฬมีแนวโน้มผู้ป่วยโควิด-19 สูงขึ้น ซึ่งจังหวัดบึงกาฬ มีผู้ป่วยสะสม 189 ราย รักษาหาย 65 ราย เสียชีวิต 1ราย กำลังรักษา 123 ราย ผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ 11 ราย มีผู้ป่วยติดเชื้อขอกลับมารักษา 142 ราย ซึ่งโรงพยาบาลในจังหวัดบึงกาฬ มีเตียงรองรับผู้ป่วย 262 เตียง และมีแนวโน้มที่เตียงรับผู้ป่วยจะไม่เพียงพอ แม้ว่าโรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดบึงกาฬจะขยายเตียงเพื่อรองรับแล้วก็ตาม โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินการ โดยโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 นี้ จะรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้เบื้องต้นจำนวน 100 เตียง และหากมีแนวโน้นผู้ป่วยสูงเพิ่มขึ้น ก็จะขยายโรงพยาบาลสนามแห่งนี้เพิ่มขึ้นได้อีก

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามให้เป็นไปตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ทั้งด้านสุขอนามัย ความสะดวกสบาย มีทั้งอินเตอร์เน็ต ทีวี พัดลม และความปลอดภัยจากกล้องวงจรปิด เพื่อให้มีพื้นที่รับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง หรือมีอาการเล็กน้อย หลังได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลให้อาการดีขึ้น เพื่อรอกลับบ้าน จากนั้น ผวจ.ได้ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบึงกาฬ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ตามแนวทาง ศบค. โดยที่ประชุมออกคำสั่งยกระดับมาตรการคุมโควิด-19 มีผล 20 กรกฎาคม 64 นี้  ร้านอาหาร ฯลฯ ให้เปิดดำเนินการตามมาตรการ แต่ห้ามดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน ขอให้งด หรือชะลอการเดินทางในช่วงเวลานี้โดยไม่มีเหตุจำเป็น เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด ต้องกักตัว โดยต้องรายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้าน อสม. หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ ต้องคัดกรองที่สถานีขนส่ง ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของคนจำนวนมากกว่า 150 คน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ ฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย บังคับใช้ 20 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ 042 492 046 ต่อ 114 (ในเวลาราชการ) หรือ 061 205 3743 (นอกเวลาราชการ)

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นเหตุให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ หรือ สพป.บึงกาฬ แจ้งในที่ประชุมเลื่อนการเปิดการสอนแบบเต็มรูป (On Site) ออกไปจนถึงวันที่ 30 ก.ค. โดยให้จัดรูปแบบการเรียนการสอนแบบ On Ai/On tine/On hand และ On Demand เพื่อความปลอดภัยของครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียนที่มารับส่งบุตรหลาน ส่วนการสอบบรรจุครูผู้ช่วยที่จะมีขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ ทางกระทรวงศึกษาก็ขอให้เลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทุเลาเบาบางลง


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์ / บึงกาฬ

พังงา - เดือดร้อนหนัก รถส่งสินค้าเข้าภูเก็ตไม่ฉีดวัคซีน และฉีดวัคซีนแต่ไม่มีผลตรวจโควิดห้ามเข้าเด็ดขาด !! นักธุรกิจระหว่าง 2 จังหวัด วอนขอมาตรการผ่อนปรน

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 หลังจากจังหวัดภูเก็ตได้ออกประกาศฉบับที่ 4021/2564 เรื่อง กำหนดมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับคนไทยจากต่างจังหวัดหรือคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ลงวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2564 เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม-2สิงหาคม 2564 ให้ผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดจำนวน 53 จังหวัดและพื้นที่ควบคุมจำนวน 10 จังหวัดรวมทั้งสิ้น 76 จังหวัด เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค Covid 19 ชนิดชิโนแวค, ชิโนฟาร์ม ครบ 2 เข็มหรือได้รับวัคซีนชนิด Astrazeneca ,ไฟเซอร์,  Moderna , Johnson & Johnson จำนวน 1 เข็มมาแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน หรือเป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรค Covid-19 มาแล้วไม่เกิน 90 วันและต้องได้รับการตรวจหาเชื้อ Covid-19 ด้วยวิธีการ RT-PCR หรือวิธีการ Antigen test  ไม่เกิน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับการตรวจ ยกเว้นเด็กอายุตั้งแต่ 6 ปีจนถึงผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีนและเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ให้มีการตรวจหาเชื้อ Covid-19 ด้วยวิธีการ RT-PCR หรือวิธีการ Antigen test ไม่เกิน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับการตรวจ

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ด่านตรวจท่าฉัตรไชย ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พบว่ามีการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์มาตรการการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตเป็นระยะตั้งแต่ฝั่งจังหวัดพังงาก่อนขึ้นสะพานท้าวเทพกษัตรีย์ ขณะที่จุดตรวจมีเจ้าหน้าที่ทหารเรือ ทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้ตรวจเข้มรถทุกคันที่เดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตตามมาตรการที่บังคับใช้ในวันนี้ ซึ่งพบว่ามีรถจำนวนมากที่ไม่ผ่านการตรวจต้องเลี้ยวกลับทันที โดยเฉพาะมีรถขนส่งสินค้าจำนวนมากที่ต้องเลี้ยวกลับรถมาจอดรอขนถ่ายสินค้าเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตเนื่องจากตัวคนขับบางคนไม่ได้รับการฉีดวัคซีนที มีแต่ผลตรวจ Antigen test มาโชว์ ซึ่งประกาศฉบับล่าสุดไม่อนุญาตให้เข้าได้ บางคนฉีดวัคซีนแล้ว แต่ไม่มีผลตรวจโควิด-19 มาแสดง และบางคนฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังไม่ครบระยะเวลาตามกำหนด แม้จะมีใบตรวจโควิด-19 เจ้าหน้าที่ก็ไม่อนุญาตให้เข้าได้ต้องกลับรถมาจอดและให้ติดต่อรถในจังหวัดภูเก็ตมาขนถ่ายสินค้าไปต่อ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก รถขนส่งสินค้าทั้งคันเล็กคันใหญ่ต่างจอดรอขนถ่ายสินค้าอยู่ตามริมข้างทาง

นายวีระ แสงจำนงค์ อายุ 48 ปี ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ตนเองรับจ้างขับรถบรรทุกไก่สดมาจากสุราษฎร์ธานีเพื่อส่งให้กับร้านไก่ย่าง5ดาวในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งที่ผ่านมาจะตรวจ Antigen test ทุก 7 วัน เพื่อเข้าส่งสินค้าในจังหวัดภูเก็ต แต่มาวันนี้ ไม่สามารถเข้าได้เพราะไม่ได้ฉีดวัคซีนสักที ซึ่งตนเองก็อยากฉีดวัคซีนเหมือนกันแต่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่ได้มีวัคซีนมากเหมือนจังหวัดภูเก็ตตนจึงยังได้คิวฉีด จึงอยากให้มีมาตรการผ่อนปรนให้กับการขนส่งสินค้าเหมือนเดิม ขณะที่คนขับรถขนส่งบะหมี่แฟรนไชส์ชื่อดัง ขับรถขนส่งวัตถุดิบจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาส่งให้ลูกค้าในจังหวัดภูเก็ต ก็เกิดปัญหาด้วยเช่นเดียวกัน ตนเองมีเพียงผลตรวจโควิด-19ก็ไม่สามารถเข้าได้ จึงพยายามแก้ปัญหาด้วยการประสานให้ลูกค้ามารับสินค้าที่ด่านท่าฉัตรไชย

ด้านคุณรุ่งนภา ศักดิ์ศรีสุวรรณ ภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจระหว่างจังหวัดพังงาและภูเก็ต เปิดเผยว่า บริษัทมีสาขาอยู่ในจังหวัดพังงาและภูเก็ต มีคลังสินค้าอยู่ในพื้นที่จังหวัดพังงา มีพนักงานที่ต้องเดินทางข้ามไป-มาระหว่าง 2 จังหวัดทุกวัน วันละ12 คน ซึ่งที่ผ่านมาก็ให้ความร่วมมือทุกอย่างตามประกาศของจังหวัดภูเก็ตในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งตอนนี้พนักงานทุกคนก็รับวัคซีนครบโดสแล้ว แต่กลับต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจโควิด-19 ทุก 7 วัน ตามประกาศฉบับนี้อีก ทำให้เพิ่มค่าใช้จ่ายในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว ซึ่งบริษัทก็ได้ประคับประคองธุรกิจให้เดินต่อไปได้ เลี้ยงพนักงานได้ จึงอยากขอวิงวอนให้ทางจังหวัดภูเก็ตมีมาตรการอะไรที่ช่วยผ่อนปรนให้กับผู้ทำธุรกิจระหว่าง 2 จังหวัด


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี / พังงา

ลำปาง - มทบ.32 พบปะหารือนายกสมาคมผู้สื่อข่าว-นายกสมาคมนักจัดรายการฯ ในการช่วยเหลือประชาชนในห้วงสถานการณ์โควิด-19

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เวลา 15.00 น. พลตรี อโณทัย  ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 พร้อมคณะ ได้เดินทางไปพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับคุณไชยยันต์ เปรมทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวนครลำปาง,พันโท ชูเกียรติ มีโฉม นายกสมาคมนักจัดรายการวิทยุกระจายเสียงนครลำปาง  และคณะกรรมการสมาคม ณ ที่ทำการสมาคมผู้สื่อข่าวนครลำปาง บริเวณชั้น 1 ศาลาประชาคม ศาลากลางหลังเก่า อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง 

ในโอกาสนี้ทาง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้กล่าวถึงภารกิจของทหารในการช่วยเหลือประชาชนชาวลำปาง ทั้งให้การสนับสนุน จังหวัดลำปาง ในห้วงสถานการณ์การณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้แก่ การจัดกำลังพลและยานพาหนะสนับสนุนการจัดตั้ง โรงพยาบาลสนาม, การจัดกำลังพล Army Delivery นำสิ่งของที่ชาวลำปางมีน้ำใจร่วมบริจาคผ่านหน่วยทหารนำไปมอบให้ประชาชนที่เดือดร้อน,การประชาสัมพันธ์ตามมาตรการการป้องกันการติดเชื้อโรคโควิด-19 ในการปฏิบัติตัวของชาวบ้าน,นำกำลังจิตอาสาทำความสะอาดโรงเรียนในจังหวัดลำปางก่อนที่โรงเรียนจะเปิดฯ,จัดรถของหน่วยสนับสนุนตามนโยบายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง รับผู้ป่วยตามโครงการรับคนลำปางกลับบ้าน

ทั้งนี้ โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของทหาร ได้ช่วยเหลือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปางในการรับผู้ป่วยโควิดมารักษา ณ โรงพยาบาลปัจจุบันมี 13 คน นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือกับประชาชนชาวลำปางในการดูแลตัวเองตามมาตรการป้องกันตน เชื่อและปฏิบัติตามสิ่งที่พ่อเมืองหรือ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กำหนดมาตรการสำคัญต่าง ๆ ล้วนต้องการให้ประชาชนลำปางได้ปลอดภัยจากโควิดทั้งสิ้น บรรยากาศการพัฒนาสัมพันธ์เป็นไปด้วยความชื่นมื่น ทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมร่วมมือ ร่วมใจกัน เพื่อผลสำคัญคือประโยชน์ได้เกิดต่อประชาชนชาวลำปางในโอกาสหน้าต่อไป

“ทหารไม่ใช่ด่านหน้า แต่ทหารพร้อมสนับสนุนกำลังทรัพยากร ยานพาหนะ เป็นส่วนสนับสนุนที่พร้อมให้การสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนทุกเรื่อง”


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

จันทบุรี - จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 โดยปลูกป่าเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า บริเวณคูกันช้าง

วันนี้ ( 20 ก.ค.64 ) ที่ บริเวณคูกันช้าง พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว หมู่ที่ 7 ต.ปะตง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มพลังมวลชน ประชาชนจิตอาสา ร่วมกิจกรรม ปลูกป่าเพื่อรักษา สิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 แสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

รวมทั้งปลูกป่าทดแทน เพิ่มความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่า มีความสำคัญที่ให้ประโยชน์อย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิตทั้งมนุษย์และสัตว์อื่น ๆ ป้องกันอันตรายจากช้างปาออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ อีกทั้งการปลูกต้นไม้ตามแนวคูกันช้างยังช่วยป้องกันการพังทลายของคูกันช้าง ได้เป็นอย่างดี เป็นการป้องกันภัยจากช้างป่า ซึ่งครั้งนี้เป็นการปลูกป่าบริเวณคูกันช้างระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร โดยใช้กล้าไม้ประกอบด้วย ยางนา ประดู่ ตะเคียนทอง มะค่าโมง พะยูง จำนวน 1,000 กล้า


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา ผู้สื่อข่าวจ.จันทบุรี

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

สุรินทร์ - ร.23 พัน.3 จัดกิจกรรมจิตอาสาฯ ตามโครงการ "มีแล้วแบ่งปัน" ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564

วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.30 น. ที่ ชุมชนรอบค่ายวีรวัฒน์โยธิน ตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองง จังหวัดสุรินทร์  พันโท พงษ์พัฒน์  เตือนขุนทด ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ได้มอบหมายให้ ฝ่ายกิจการพลเรือน กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 จัดชุด Army Delivery จำนวน 3 คัน ดำเนินกิจกรรมจิตอาสาฯ ตามโครงการ "มีแล้วแบ่งปัน" โดยการนำข้าวกล่อง จำนวน 30 กล่อง, น้ำดื่ม และ หน้ากากอนามัย

ออกแจกจ่ายให้ประชาชนรอบค่ายวีรวัฒน์โยธิน บ้านเฉลิมพระเกียรติ หมู่ที่ 21 ตำบลนอกเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนต่อสู้กับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน ในการช่วยเหลือ ประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน


ปุรุศักดิ์  แสนกล้า  ข่าว/ภาพ

ตราด – ประมงพื้นบ้าน นำเรือจอดหลบลม หลังเจอมรสุม ทำให้ช่วงนี้อาจจะขาดรายได้ในการออกเรือจับสัตว์น้ำจนไปถึงปลายเดือนตุลาคมนี้

วันที่ 20 กค. 64 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางสํารวจ หลังกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนทุกภาคของประเทศไทย ยังคงมีฝนตกหนักและมีลมแรงในบางพื้นที่ เนื่องจากพายุโซนร้อน “เจิมปากา” บริเวณชายฝั่งประเทศจีนตอนใต้ ทำให้คลื่นลมบริเวณอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรง ส่งผลให้พื้นที่จังหวัดตราดได้รับกระทบในช่วง 2-3 วันนี้ เนื่องจากในพื้นที่มีฝนและลมกรรโชกแรง บริเวณชายฝั่งทำให้ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย

ขณะรายงานข่าวในพื้นที่ของอำเภอคลองใหญ่ยังคงมีลมค่อนข้างแรง ทำเรือประมง และประมงพื้นบ้านต้องพากันจอดหลบลม และคอยติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง สำหรับพื้นที่อำเภอคลองใหญ่เป็นพื้นที่ติดทะเล และด้านหลังติดเขา ในช่วงฤดูฝนจะมีลมมรสุมค่อนข้างแรง ทำให้การทำอาชีพประมงต้องคอยติดตามฝนฟ้าอากาศกันทุกวัน โดยเฉพาะเรือประมงพื้นบ้าน ที่เป็นเรือเล็ก ช่วงนี้จะขาดรายได้ในการออกเรือจับสัตว์น้ำจนไปถึงปลายเดือนตุลาคมนี้ต่อไป


ภาพ/ข่าว  วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าว จ.ตราด

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

ผู้การปทุมฯ เตือนประชาชนงดเดินทาง คุมเข้มตั้ง 5 ด่านเคอร์ฟิวสกัดโควิด

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า สำหรับจังหวัดปทุมธานีเป็นจังหวัดที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เราต้องถือปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล โดยในเรื่องของการเดินทาง ตามประกาศได้มุ่งเน้นให้ประชาชนอยู่กับบ้านไม่เดินทางไปไหน เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดหรือแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 จึงขอความร่วมมือจากประชาชนอย่าเดินทางออกจากบ้าน โดยเฉพาะการเดินทางข้ามเขตข้ามจังหวัด ขอให้ Work from Home ทำงานอยู่ที่บ้าน หากไม่มีอะไรทำ ให้หาอาชีพเสริม ที่ทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อจะได้มีรายได้เสริมขึ้นมา ส่วนเรื่องห้างสรรพสินค้าในจังหวัดปทุมธานี ให้เปิดทำการแล้ว โดยเวลาปิดไม่เกิน 20.00 น. สามารถดำเนินกิจการได้ในส่วนของซุปเปอร์มาเก็ต รวมถึงร้านยา และการใช้สถานที่เป็นสถานที่สำหรับฉีดวัคซีน

ในเรื่องของร้านอาหาร เปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. ห้ามนั่งกินในร้าน สุราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ห้ามจำหน่าย สุดท้ายในเรื่องของเคอร์ฟิว เรามีการตั้งด่านเคอร์ฟิว 5 ด่าน ประกอบด้วย

1.บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าโลตัส นวนคร (พหลโยธินขาออก) อำเภอคลองหลวง

2.บริเวณแยกบางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี

3.บริเวณหน้าศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต (พหลโยธินขาเข้า) อำเภอธัญบุรี

4.บริเวณหน้าโรงพยาบาลธัญบุรี อำเภอธัญบุรี และ

5.บริเวณแยกตลาดใหญ่ อำเภอลำลูกกา นอกจากจะเป็นด่านเคอร์ฟิวแล้วยังมีจุดคัดกรองโควิด-19 จำนวน 4 ด่าน (ยกเว้นด่านหน้าศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต)

ฝากถึงประชาชนว่าหลังจากเวลา 21.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่นขึ้น หากไม่มีความจำเป็นพบแพทย์หรือเหตุจำเป็นเร่งด่วน หรือไม่ใช้บุคคลที่อนุญาตให้เดินทางได้  ก็อย่าได้ออกมาเลย เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่างเข้มงวด ต้องปฏิบัติตามกฎมายอย่างเคร่งครัด ต้องจับกุมดำเนินคดีท่าน ขอร้องไม่มีความจำเป็นอย่าออกมา เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านในการสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด และไม่เป็นการกระจายหรือทำให้เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดไปสู่ผู้อื่น นอกจากนี้ในเวลากลางคืน ตนเชื่อว่าการเดินทางเพื่อความปลอดภัย ให้ใช้ความระมัดระวังอย่างสูงเนื่องจากจะมีรถยนต์ที่ได้รับอนุญาต อาจจะใช้ความเร็ว จะสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ และการเดินทางข้ามจังหวัดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในช่วงเคอร์ฟิว หลังเวลา 21.00 น. ถึง 04.00 น. ขอความร่วมมืออย่าได้ปฏิบัติ เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ รายงาน

ตำรวจน้ำ ออกลาดตระเวนป้องกันการกระทำความผิด พบของกลางพืชใบกระท่อมสด พร้อมส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสตูล ดำเนินคดีต่อไป

วันนี้ 20 กรกฎาคม 2564  การตรวจยึดยาเสพติดในครั้งนี้จากภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ. จตุรวิทย์ คชน่วม ผกก.9 บก.รน.และ พ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช รอง ผกก.9 บก.รน. ได้กำชับให้ พ.ต.ท.ศิโรดม สนุ่นดี สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน. ปฎิบัติตามนโยบายเพื่อความปลอดภัยและความสุขของพี่น้องประชาชน จนเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.00 พ.ต.ท.ศิโรดม สนุ่นดี สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน.

หลังได้รับแจ้งข้อมูลจากสายลับว่ามีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดบริเวณพื้นที่ป่าชายเลน หมู่ 2 ตำบลตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล พ.ต.ท.ศิโรดม ฯ จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และสั่งการให้ ร.ต.ท.นราธร เทียมประทีป พร้อมด้วยกำลัง เรือ รน.28 จำนวน 5 นาย และ ร.ต.ท.พีรวัส เหมนแก้ว นำกำลัง ชุด สืบสวน จำนวน 4 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับ

จนเมื่อเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณริมคลองจระเข้ไข่ ในพื้นที่หมู่บ้าน ชุมชนคลองเข้ไข่ หมู่2 ต.ตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล พร้อมกับประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อร่วมกันตรวจสอบ ภายหลังจากการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย พบว่าเป็นของกลางพืชใบกระท่อมสด มัดห่อด้วยถุงพลาสติกใส บรรจุในถุงพลาสติกสีดำ จำนวนทั้งหมด 21 ถุง น้ำหนักถุงละประมาณ 10 กิโลกรัม รวมน้ำหนักประมาณ 210 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถามชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง ไม่มีใครทราบว่าของกลางดังกล่าวเป็นของผู้ใด เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึดของกลางทั้งหมด พร้อมส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสตูล ดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ชลบุรี - นาวิกโยธินห่วงใยประชาชน ส่งเจ้าหน้าที่เดินแจกหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ พร้อมให้กำลังใจสู้ภัยโควิด-19

วันนี้ 20 ก.ค. 64 ที่ตลาดสหชัยพัฒนา อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันทน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน มอบหมายให้ กองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยา ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจิตวิทยา หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ลงพื้นที่มอบหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ ให้กับพ่อค้า แม่ค้า ประชาชน เพื่อป้องกันระมัดระวัง เชื้อโควิด19 จากสถาน การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังทวีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้

สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID - 19) ระลอก 3 ที่กลายพันธุ์ในรอบนี้ถือว่าหนักและรุนแรงมากกว่าเดิม ติดง่ายกว่ารอบแรก รอบสองหลายเท่า ส่งผลให้จำนวนยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และลุกลามไปทั่วทุกจังหวัด กระจายทุกกลุ่ม ทุกวัย ทั้งเด็ก วัยรุ่นหนุ่มสาว จนถึงผู้สูงอายุ ส่อทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนอยู่ในขั้นวิกฤติ และไม่มีแนวโน้มจะหยุดลง

ส่วนในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี มีแนวโน้มสูงขึ้นรายวัน ซึ่งประชาชนมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ดังนั้น หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินจึงได้จัดเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจิตวิทยาลงพื้นที่ เพื่อให้ความรู้ถึงวิธีการป้องกันตนเอง ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงได้แจกหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ให้กับประชาชนไว้ใช้ป้องกันตนเอง พร้อมทั้งส่งกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่อำเภอสัตหีบ โดยหวังว่าให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ทำความรู้จัก “กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน : Infrastructure Fund” เพื่อวางกลยุทธ์การลงทุนในช่วงวิกฤต

แม้ในช่วงวิกฤติจะส่งผลให้การลงทุนเกิดความผันผวนอย่างมาก ทั้งต่อระดับความเสี่ยงจากการลงทุน และผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับก็ตาม แต่หากนักลงทุนวางกลยุทธ์การลงทุนโดยเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสม ก็จะช่วยพลิกวิกฤติเป็นโอกาส และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ

ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยลดต่ำทั่วโลก การลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund :IFF) เป็นทางเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนในระดับที่สูงกว่าตราสารหนี้ และมีความผันผวนในระดับที่ต่ำกว่าตลาดหุ้น เนื่องจากจุดเด่นของอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่มีอุปสงค์ยืดหยุ่นต่ำ ไม่ผันแปรตามสภาวะเศรษฐกิจ เพราะเป็นสินค้าและบริการที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน อีกทั้งเป็นธุรกิจที่มี Barrier of Entry สูง (เป็นเจ้าตลาด หรือ ธุรกิจผูกขาด) จึงทำให้มีคู่แข่งขันเข้ามายาก ตลอดจนความสามารถในการขึ้นราคาเมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้นหรือในภาวะเงินเฟ้อได้อีกด้วย

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ภาครัฐและเอกชนใช้ในการระดมทุนจากผู้ลงทุนทั่วไปทั้งรายย่อยและสถาบัน เพื่อนำเงินไปลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในวงกว้างของประเทศ 10 ประเภท ประกอบด้วย ระบบขนส่งทางราง, ประปา, ไฟฟ้า, ถนน, สนามบิน, ท่าเรือน้ำลึก, โทรคมนาคม, พลังงานทางเลือก, ระบบบริหารจัดการน้ำหรือชลประทาน และระบบป้องกันภัยธรรมชาติ โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล และกำไรจากส่วนต่างราคา นอกจากนี้ผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดายังได้รับยกเว้นภาษีจากรายได้เงินปันผลดังกล่าวเป็นระยะเวลา 10 ปี ทั้งนี้ในประเทศไทยมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่

1.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ TFFIF
2.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี หรือ SUPEREIF
3.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ EGATIF
4.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท หรือ BTSGIF
5.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF
6.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF
7.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ หรือ ABPIF และ
8.) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ หรือ BRRGIF

นักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน สามารถทำได้ 2 ช่องทาง คือ
1.) การซื้อหุ้น IPO ที่ทำการเสนอขายครั้งแรก ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่บริหารจัดการจัดการกองทุนนั้น รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ หรือโบรกเกอร์ที่เป็นผู้จัดจำหน่าย และ

2.) ภายหลังจากหมดช่วง IPO แล้ว กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานก็จะถูกนำเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และซื้อขายเช่นเดียวกับหุ้นทั่วไปบนกระดานหุ้น ดังนั้นผู้ลงทุนจึงต้องเปิดบัญชีและทำการซื้อขายหุ้นโครงสร้างพื้นฐานผ่านโบรกเกอร์ได้

เขียนโดย อาจารย์ กมลวรรณ รอดหริ่ง อาจารย์ประจำสาขาการเงิน คณะการจัดการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยบูรพา


ข้อมูลอ้างอิง
https://www.set.or.th/th/products/listing2/set_iff_p1.html
https://www.finnomena.com/finnomena-ic/scbgif/

ขอนแก่น - โควิดระบาด ชาวบ้านแห่ซื้อฟ้าทะลายโจรและกระชายขาว เกลี้ยงแผงทุกร้านขายยา พบของขาดมานานหลายเดือนแล้ว

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจร้านขายยาแผนปัจจุบัน ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังพบว่ามีประชาชนจำนวนมากพากันมาเลือกซื้อสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและกระชายขาว แบบแคปซูล กันอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปรับประทานป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อในเขต จ.ขอนแก่น พบผู้ป่วยมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะที่ร้านยาธงดีเภสัช ซึ่งตั้งอยู่ที่ ถ.ศรีธาตุประชาสันติ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบว่ามีประชาชนมาสอบถามและซื้อยาฟ้าทะลายโจรและยากลุ่มต้านไวรัสกันตลอดทั้งวัน

เภสัชกรธง ดีมาก เจ้าของร้านขายยาธงดีเภสัช กล่าวว่า ยอมรับว่าฟ้าทะลายโจรชนิดแคปซูลขายหมดได้ประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว ส่วนยาเขียวตราใบโพธิ์ และกระชายขาวนั้นขาดตลาดมานานกว่า 4 เดือนแล้วเช่นกัน ซึ่งเมื่อลูกค้าเข้ามาสอบถามก็จะแนะนำในส่วนของสมุนไพรทางเลือกอื่น ๆ ขณะที่จากการสอบถามลูกค้าที่มาซื้อนั้นพบว่าเป็นลูกค้าจากต่างอำเภอที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แวะเข้ามาถามซื้อฟ้าทะลายโจร และกลุ่มยาต้านไวรัส เพื่อซื้อส่งไปให้ลูก หลาน รวมทั้งญาติพี่น้องที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง เพราะได้รับการประสานจากญาติว่ากลุ่มยาเหล่านี้หาซื้อไม่ได้แล้ว

"ยังมีกลุ่มยาที่ประชาชนเข้ามาถามหาเพิ่มเติม คือยากลุ่มต้านเชื้อไวรัสโควิด-19  ที่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างมาก ที่เป็นสูตรในการรักษาโควิด แบบประคับประคอง เพราะลูกค้าบางรายอาจจะเตรียมไว้เผื่อในอนาคตหากต้องติดโควิด แล้วโรงพยาบาลสนามเต็ม ก็จะได้มีการรักษาตัวเองไปก่อน รวมไปถึงกลุ่มยาละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลมในกรณีที่เชื้อลงปอด และยังมีกลุ่มยาลดไข้และสมุนไพรทางเลือกอื่น ๆ ที่ลูกค้าแวะมาเลือกซื้ออยู่เป็นประจำ อย่างไรก็ตามหากในกรณีที่ฟ้าทะลายโจรขาดตลาด และลูกค้ามาสอบถามก็จะแนะนำขมิ้นชันวิตามินซี รวมทั้งสเปรย์พ่นคอ ที่ช่วยต้านเชื้อไวรัสเชื่แแบคทีเรียและเชื้อราได้อีกด้วย"

เภสัชกรธง กล่าวต่ออีกว่า ร้านมีการปรับตัวในการขายเยอะขึ้นตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีการขายยาผ่านช่องหน้าต่าง ปิดประตูไม่ให้ลูกค้าเข้ามาภายในบริเวณร้าน มีพัดลมดูดดอากาศให้อากาศหมุนเวียนตลอดเวลา อีกทั้งมีการเขียนป้ายไฟบริเวณด้านหน้าร้าน ว่าจ่ายยาผ่านช่องรบกวนให้ลูกค้ากดกริ่งเรียกเภสัชกร นอกจากนี้ยังมีการจัดส่วนของยาให้เหมาะในการจ่ายได้ทันที และในของเภสัชกรเองก็จะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยสวมทับด้วยเฟสชิวอีกชั้น นอกจากนี้ยังมีการขายยาผ่านช่องทางไลน์เป็นเทเลฟาร์มาซี มีการปรึกษาเภสัชกรทางวิดีโอคอลก่อนซื้อยา หลังจากนั้นให้ลูกค้าโอนเงินให้ร้านยา และจัดส่งด้วย Grab เพื่อความปลอดภัย ลดการเดินทางออกจากบ้านที่จะเสี่ยงติดเชื้ออีกด้วย

เชียงราย - ข้าวแกง 10 บาท ช่วยเหลือประชาชนช่วงโควิด ด้าน ‘พระอาจารย์พบโชค’ นำไข่ไก่ 3,000 ฟองสนุบสนุน

เจ้าของร้นอาหารเชียงราย ทำข้าวราดแกง 10 บาท ขายช่วยเหลือชาวบ้านช่วงโควิด หลังก่อนหน้านี้ได้ทำผัดกะเพรา 9 บาทมาแล้ว ด้านพระไพศาลประชาทร วิ. (หลวงพ่อพบโชค) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง ทราบข่าว นำไข่ไก่ 3,000 ฟองมาสนับสนุนด้วย

วันที่ 20 ก.ค.64 คุณธเนตร ติ๊บโท๊ะ หรือ "ต้นอ้อ" เจ้าของร้านอาหารฟอร์เก็ตมีน๊อต (forget me not) ตั้งอยู่เลขที่ 35/2 ม.22 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ด้านเยื้องประตู 3 สนามกีฬาจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นร้านอาหารสไตล์ ล้านนาประยุค สไตล์ในสวน ได้ใช้พื้นที่หน้าร้านเปิด ขายข้าวราดแกง 10 บาท มีทั้งนั่งทานที่ร้านและซื้อกลับบ้าน ซึ่งข้าวราดแกงที่ขาย มีเมนูที่หลากหลายวันละ 3-4 อย่างทั้งผัดกระเพราไก่ ผัดเผ็ดถั่วหมู แกงเขียวหวานไก่ ผัดบวบใส่ไข่ โดยทุกเมนูจะปรุงสดใหม่ทุกวัน จากเชฟประจำร้าน เริ่มขายตั้งแต่เวลา 11.00 น. จนกว่าอาหารจะหมดโดยใช้พื้นที่หน้าร้านเช่นเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทำเมนู ผัดกระเพราไก่ ราดข้าว ในราคากล่องละ 9 บาทมาก่อนแล้ว เพื่อช่วยเหลือทุกคนในภาวะเศรษฐกิจโควิด-19  โดยทางร้านบริการมีเจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัยแจกฟรี สำหรับผู้ที่ต้องการอีกด้วย

โดยการขายข้าวราดแกงในราคา 10 บาท ทำให้มีผู้สนใจเดินทางมาซื้อข้าวแกงจำนวนมาก เพราะถือว่ามีราคาที่ถูกและได้ข้าวราดแกงที่มีคุณภาพ อร่อยและปรุงสดทุกวัน เข้ากับภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลงทำให้ทุกคนต้องดิ้นรนอยู่รอด ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ข้าวแกง 10 บาท ทำให้หลายคนอยู่รอดได้ และถือว่าคนทำใจบุญอย่างมาก เพราะเชื่อว่าไม่ได้กำไรอย่างแน่นอน

คุณต้นอ้อ กล่าวว่า การที่มาขายข้าวแกง 10 บาท ก็เพราะจากการต่อยอดมาจากผัดกระเพรา 9 บาท ที่อยากให้ทุกคนได้อิ่มท้องในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่แบบนี้ อะไรที่ช่วยสังคมได้ก็พร้อมช่วย เมื่อทำแล้วก็มีเพื่อนอีกหลายคน เห็นว่าดีต่อสังคม ใครพอจะมีเงินก็สมทบทุนมาให้ทำข้าวราดแกงในราคานี้ ซึ่งยอมรับว่า ไม่ได้กำไรจากการขายนี้เลย แต่ขอให้ได้ช่วยสังคมและอิ่มบุญ และพร้อมจะทำ เมื่อขายข้าวแกง 10 บาทก็พบว่า ทุกคนที่มาซื้อ ก็จะร่วมทำบุญให้กับสมาคมศิริกรณ์เชียงรายบรรเทาสาธารณภัย ที่ตั้งกล่องรับบริจาคเพื่อนำเงินไปซื้ออุปกรณ์และช่วยเจ้าหน้าที่รับส่งผู้ป่วยโควิด-19 ในจังหวัดเชียงราย

ด้านพระไพศาลประชาทร วิ. (หลวงพ่อพบโชค) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อทราบข่าวว่ามีข้าวแกง10 บาท ขายให้กับทุกคน เพื่อช่วยภาวะเศรษฐกิจ จึงได้ให้ลูกศิษย์ นำไข่ไก่จำนวน 3,000 ฟอง ผักสดนานาชนิด และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง มามอบให้กับทางร้าน  เพื่อเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารเพื่อช่วยทุกคนด้วย

พระไพศาลประชาทร วิ. (หลวงพ่อพบโชค) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง กล่าวว่า สาเหตุที่นำสิ่งของมาช่วยทางร้านในการขายข้าวแกง 10 บาท เพราะทราบดีว่าการขายแบบนี้ ทางร้านไม่ได้กำไรอะไรเลย แต่เมื่ออยากที่จะทำบุญก็นำสิ่งของที่ได้รับมาจากญาติโยม ที่ทำบุญมาต่อบุญอีกทอดหนึ่ง ซึ่งจะได้บุญมหาศาลสำหรับผู้ที่ร่วมทำบุญกับทางวัดห้วยปลากั้ง


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

กาฬสินธุ์ – เปิด รพ.สนามสหัสขันธ์ อุปถัมภ์โดยคณะสงฆ์ กว่า 500,000 บาท พร้อมเปิดบริจาคสิ่งของจำเป็นเพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19

อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดโรงพยาบาลสนาม 50 เตียงรักษา 30 เตียงพักคอย พร้อมรับคนสหัสขันธ์กลับบ้านปลอดภัย อุปถัมภ์ก่อสร้างปรับปรุงโดยคณะสงฆ์อำเภอสหัสขันธ์ มูลค่ากว่า 500,000  บาท พร้อมเปิดรับบริจาคสิ่งของจำเป็นเพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เล็งปรับ LQ เป็นพื้นที่นอนรอเตียงรักษา 8 ตำบล

วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ที่บริเวณหอประชุมอำเภอสหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รองผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยจิตอาสาพระราชทาน 904 ,พระอาจารย์ณรงค์ ชยุมงฺคโล เจ้าอาวาสวัดพุทธนิมิต (ภูค่าว) ,นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์,นายแพทย์คมกฤษ วิเศษ ผอ.รพ.สหัสขันธ์ พร้อมด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตัวแทน อปท. 8 แห่ง พื้นที่ อ.สหัสขันธ์ คณะแพทย์ พยาบาล รพ.สหัสขันธ์  ร่วมเปิดโรงพยาบาลสนาม อ.สหัสขันธ์ เพื่อเตรียมรับผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งมีภูมิลำเนาเป็นคน อ.สหัสขันธ์ โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยอยู่ระหว่างการรักษา 22 คน จากจำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 62 คน ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

โดยผู้มีจิตศรัทธา ได้นำสิ่งของที่จำเป็นมอบให้กับ รพ.สนาม ทั้งน้ำดื่ม ยาเม็ดฟ้าทะลายโจร พัดลม เครื่องนอน ข้าวสาร อาหารแห้ง และเงินสด โดยโรงพยาบาลสนาม อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับการอุปถัมภ์โดยพระเทพมงคลวชิรมุณี (หา สุภโร) หรือหลวงปู่ไดโนเสาร์ มอบเงินให้กับคณะกรรมการเป็นเงิน 505,237 บาท นอกจากนี้ พระอาจารย์ณรงค์ ชยมงฺคโล เจ้าอาวาสวัดพุทธนิมิต ยังมอบเงินสนับสนุนเพิ่มเติมอีก 50,000 บาท รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วสารทิศ ที่โอนเงินผ่านบัญชีสาธารณกุศลอ.สหัสขันธ์ ขณะที่การปรับปรุงพื้นที่ รพ.สนาม รวมถึงการควบคุมการก่อสร้างทั้งหมด มีพระครูสิริพัฒนนิเทศก์ เจ้าอาวาสวัดพุทธาวาสภูสิงห์ ควบคุมดูแลและนำเครื่องจักรเข้าปฏิบัติการทั้งหมด ส่วนเตียง รพ.สนาม นายอำเภอสหัสขันธ์ ได้ระดมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สร้างเตียงจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ทดแทนในช่วงที่เตียงขาดแคลนและราคาสูง

นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ กล่าวว่าโรงพยาบาลสนาม อ.สหัสขันธ์ เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของทุกฝ่าย โดยเฉพาะเมตตาจากคณะสงฆ์ เป็นที่ปรึกษาในการเริ่มต้นของโรงพยาบาลสนาม  โดยใช้หอประชุม อ.สหัสขันธ์ และพื้นที่บริเวณโดยรอบ ติดกับโรงพยาบาลสหัสขันธ์ ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ซึ่งเป็นคนสหัสขันธ์ ไม่น้อยกว่า 50 คน มีศูนย์พักคอยอีก 30 เตียง ที่มอบหมายให้ทางนายแพทย์คมกฤษ วิเศษ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสหัสขันธ์  พร้อมทีแพทย์พยาบาล และนายสมบูรณ์ ไชยศรี สาธารณสุขอำเภอสหัสขันธ์ จัดการภายในโรงพยาบาลสนามฯ เบื้องต้นมีคนสหัสขันธ์ยืนยันติดเชื้อแล้วจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด 13 จังหวัด แจ้งกลับมารักษากว่า 30 คน ทั้งนี้ได้สั่ง LQ ของ อปท. ทุกแห่ง เตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉินตลอด 24 ชม.

“ส่วนลำดับขั้นตอนของโรงพยาบาลสนาม อ.สหัสขันธ์ โดยนายแพทย์คมกฤษ วิเศษ ผอ.รพ.สหัสขันธ์ และเป็นผอ.รพ.สนามฯ เมื่อผู้ป่วยมีความประสงค์จะเข้ามารักษา เบื้องต้นต้องเข้ารับการตรวจและยืนยันผลก่อน จากนั้นจะนำผู้ป่วยที่มีผลยืนยันเข้ารับการรักษาตามลำดับ ทั้งการตรวจเลือด เอ็กซเรย์ปอด เมื่อเข้าโรงพยาบาลสนามจะต้องเปลี่ยนชุดในชุดคนไข้ของ รพ.สนามที่เตรียมไว้ ซึ่งภายในโรงพยาบาลสนามจะมีกล้องวงจรปิดกระจายอยู่ทุกมุมกว่า 18 ตัว รอบนอกมีกำลังเจ้าหน้าที่ อส. ชรบ. อปพร. จากทุกตำบล มาอยู่เฝ้าเวรยามแบ่งกำลังวันละ 3 ผลัด มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสหัสขันธ์ เป็นผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยอีกชั้น ทั้งนี้ยังมี 8 อปท. ให้ความร่วมมือในการเตรียม LQ บุคลากร งบประมาณ เป็นความสามัคคีในพื้นที่เพื่อเอาชนะไวรัสโควิด-19 สร้างความปลอดภัยใน อ.สหัสขันธ์อย่างเข้มแข็ง” นายอำเภอสหัสขันธ์กล่าว


ภาพ/ข่าว ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top