Thursday, 22 May 2025
SPECIAL

สตูล - เหล่ากาชาดสตูล ส่งมอบชุดธารน้ำใจ กู้ชีวิตฝ่าวิกฤตโควิด 100 ชุด และฟ้าทะลายโจรจำนวน 3,000 แคปซูล พร้อมของใช้จำเป็น เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล

วันนี้ 9 สิงหาคม 2564 ณ ท่าเรือ อาคีร่า คาร์โก้ ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยนาวาตรีหญิงโนสมา หลีเส็น นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล สมทบ “ชุดธารน้ำใจ กู้ชีวิตฝ่าวิกฤต COVID-19” จำนวน 100 ชุด น้ำดื่ม จำนวน 100 แพ็ค ฟ้าทะลายโจรจำนวน 3,000 แคปซูล ชุดหน้ากากอนามัย สบู่ แชมพู เจลแอลกอฮอล์จำนวน 33 ชุด สเปรย์กันยุง จำนวน 15 ขวด มุ้ง จำนวน 10 หลัง ผ้าห่ม จำนวน 10 ผืน พร้อมกันนี้ นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูลสนับสนุนชุดเครื่องนอนและพัดลมจำนวนหนึ่งด้วย.เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชน ผู้กักตนเองอยู่ในบ้านพัก หรือผู้กักกันในสถานกักกันโรคท้องที่ (LQ) ในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล

ทั้งนี้ หากประชาชนผู้กักตนเองอยู่ในบ้านพัก (HQ) ประสบปัญหารายได้ไม่เพียงพอ ถูกเลิกจ้างงาน หรือไม่มีรายได้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก โรค COVID-19 มีความประสงค์ขอรับการสนับสนุนชุดธารน้ำใจฯ หรือความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ สามารถแจ้งทีมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในพื้นที่ เพื่อพิจารณาคัดกรอง และร้องขอรับความช่วยเหลือผ่าน แอปพลิเคชัน “พ้นภัย” และหากเป็นประชาชนกลุ่มเปราะบางผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ประสบความเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ผ่านหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 /ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ/ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล หมายเลขโทรศัพท์ 074 711 998, 093 583 7496 หรือ Facebook page “เหล่ากาชาดจังหวัดสตูล”

นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ ภายในวันอาทิตย์นี้ (7 ส.ค.64) จะทยอยนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งทั้งหมด และงดการท่องเที่ยว หยุดการเดินเรือ และงดการเดินทางเข้าออกเกาะหลีเป๊ะ เป็นเวลา 28 วัน (วันที่ 9 ส.ค.- 5 ก.ย.64) ส่วนเรือขนส่งสินค้าอุปโภค - บริโภค ยารักษาโรคเวชภัณฑ์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชน เรือขนส่งขยะ จะมีพนักงานคัดกรอง ส่วนพื้นที่มีที่การแพร่ระบาดบนเกาะหลีเป๊ะทางจังหวัดสตูลมีมาตรการล็อคดาวน์เดินทางเข้าออก 14 วัน และพื้นที่อื่น ๆ ประกาศเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 21:00 น ถึง 04:00 น. ขอความร่วมมือให้อยู่กับบ้าน ออกนอกพื้นที่เฉพาะมีเหตุจำเป็น เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ตราด - ทหารเรือในทุกพื้นที่ของท้องทะเลอ่าวไทยและอันดามัน ยังคงห่วงใยพี่น้องประชาชน ภายใต้สถานการณ์ Covid -19 เร่งช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน

เมื่อ 8 ส.ค. 64 หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ทัพเรือภาคที่ 1 โดยหมู่เรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 (มชด./1) ส่งเรือ ต.237 ออกลาดตระเวนในพื้นที่เกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด พร้อมทั้งจัด จนท.พยาบาลทหารเรือกับยาและเวชภัณฑ์ จำนวนหนึ่ง ตั้งโต๊ะข้างเรือ บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวใหญ่ เกาะกูด ให้บริการตรวจรักษาเบื้องต้นและให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่เกาะกูด อีกทั้งยังแจกจ่ายยา อาธิ ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาแก้ไอ เป็นต้น ให้แก่ประชาชนอีกด้วย

นอกจากนี้ ในระหว่างลาดตระเวนมีการตรวจเยี่ยมเรือประมง เอกชัย กลางทะเล ทางเรือได้สอบถามข้อมูลและมอบยาเวชภัณฑ์ พร้อมกับหน้ากากอนามัย ให้กับเรือประมงลำดังกล่าว เพื่อใช้ในการป้องกันตัวเองจากการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid -19 ด้วยเช่นกัน

ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ตอบสนองนโยบายของ กองทัพเรือ และ แนวทางของ พล.ร.ท.โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ที่มอบให้ น.อ.เกียรติกูล สุวรรณ รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1/ผู้บังคับหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน(ผบ.มชด.) กำกับให้เรือใน มชด. เมื่อออกทำการลาดตระเวน ให้เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง และยังคงให้เรือใน มชด./1 เตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือ ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อ covid -19 ทางทะเล ตามเกาะต่าง ๆ ในพื้นที่ จว.ตราด ให้ได้ทันที ตลอด 24 ชม. เมื่อมีการร้องขอ


ภาพ/ข่าว  เรือ ต.237-กองกิจการพลเรือนทัพเรือภาคที่ 1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

หลาย ๆ คนมักมีปัญหาใน ”การจัดฟัน” ที่ใช้เวลาอย่างมากถ้าเครื่องมือจัดฟันอยู่ในช่องปากเรานานเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียในระยะยาวได้ การมีวินัยในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในการจัดฟัน

การจัดฟัน เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ช่วยให้การเคี้ยวอาหารดีขึ้น ฟันเรียงเรียบสวย มีบุคลิกภาพดี รู้สึกมั่นใจมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การมีเครื่องมือจัดฟันอยู่ในปากนานเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดี และมีความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น แปรงฟันทำความสะอาดยาก เกิดฟันผุ หินปูน เหงือกอักเสบ และเครื่องมือบาดกระพุ้งแก้มเป็นแผล เป็นต้น เพราะฉะนั้นวันนี้หมอมี 7 วิธี ที่ช่วยให้การจัดฟันเสร็จไวขึ้น 

1.) หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่มีลักษณะแข็ง เช่น ห้ามเคี้ยวน้ำแข็งเด็ดขาด ส่วนของทอดกรอบ เมล็ดถั่วต่าง ๆ ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง หรือให้เคี้ยวเบา ๆ เพราะการเคี้ยวอาหารที่มีลักษณะแข็งมีโอกาสทำให้เครื่องมือจัดฟันหลุดหรือทำให้ลวดจัดฟันงอและบิดเบี้ยว ส่งผลให้ฟันเคลื่อนที่ผิดทางหรือล้มเอียงตามลวดที่บิดงอ ทำให้ทันตแพทย์จัดฟันต้องเสียเวลาแก้ไขความผิดปกติมากขึ้นและเพิ่มระยะเวลาในการจัดฟันนานขึ้นได้

2.) หลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง ลูกอม ของหวาน และน้ำอัดลม เพราะมีโอกาสทำให้เกิดฟันผุในระหว่างจัดฟันได้

3.) ควรทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธี ด้วยการแปรงฟันให้สะอาด การใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ หรือใช้อุปกรณ์เสริมตามคำแนะนำของทันตแพทย์จัดฟัน เช่น แปรงซอกฟัน จะช่วยป้องกันการเกิดฟันผุและหินปูนที่ตัวฟัน ลดโอกาสเหงือกอักเสบระหว่างจัดฟัน และการมีเครื่องมือจัดฟันที่สะอาด ไม่มีหินปูนมาเกาะบนเครื่องมือจัดฟัน จะทำให้ฟันสามารถเคลื่อนไปบนลวดจัดฟันได้ไวขึ้น 

4.) คล้องยางจัดฟันสม่ำเสมอตามคำแนะนำของทันตแพทย์จัดฟัน ในบางขั้นตอนของการจัดฟัน ทันตแพทย์จัดฟันจำเป็นต้องให้คนไข้คล้องยางดึงฟัน หากคนไข้ไม่ให้ความร่วมมือในคล้องยางดึงฟัน ฟันก็จะไม่เคลื่อนไปในตำแหน่งที่ทันตแพทย์จัดฟันวางแผนไว้ โดยทั่วไปการคล้องยางดึงฟันนั้น ทันตแพทย์จัดฟันมักแนะนำให้คนไข้คล้องยางดึงฟันตลอดเวลา ยกเว้นช่วงทานอาหารและแปรงฟันเท่านั้น หมายความว่าใน 1 วันหรือ 24 ชั่วโมง คนไข้จำเป็นจะต้องใส่ยางดึงฟันอย่างน้อย 20 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเพียงพอที่ทำให้ฟันเคลื่อนที่ไปได้และจำเป็นต้องเปลี่ยนยางวงใหม่วันละ 1 ครั้ง 

5.) มารักษาตามนัดหมายเป็นประจำเพราะการจัดฟันจำเป็นจะต้องมาตรวจเช็ค ปรับเครื่องมือ และดึงฟัน หากไม่มาทำการรักษาตามนัดหมาย จะทำให้ระยะเวลาการรักษานานขึ้น อีกทั้งมีความเสี่ยงที่จะทำให้ฟันเคลื่อนผิดทิศทางหรือเคลื่อนมากเกินไป

6.) เลือกเครื่องมือจัดฟันที่เหมาะสมกับตนเอง โดยปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันที่ให้การรักษา เช่น เครื่องมือจัดฟันติดแน่นแบบรัดยาง เครื่องมือจัดฟันติดแน่นแบบไม่รัดยาง หรือเครื่องมือจัดฟันแบบใส เป็นต้น ซึ่งเครื่องมือแต่ละชนิดมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกัน

7.) เลือกคลินิกที่สามารถเดินทางได้สะดวกหรือใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน เพราะถ้าเลือกคลินิกที่ต้องเดินทางไกล คนไข้มักจะเบื่อในการเดินทางมาคลินิก มีโอกาสที่จะขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง

จะเห็นได้ว่า การจัดฟันนั้นจำเป็นอย่างมากที่ต้องอาศัยความร่วมมือของคนไข้ หากคนไข้ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาแล้ว มักส่งผลให้การรักษาไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ทันตแพทย์จัดฟันวางแผนการรักษาไว้ได้ และทำให้ระยะเวลาการรักษายาวนานขึ้นได้


เขียนโดย : ทพ. โอภาศ วิวัฒน์วรกุล ทันตแพทย์เฉพาะทาง ทันตกรรมจัดฟัน

แม่ฮ่องสอน - “แอน ทองประสม” ดาราสาวสวยใจบุญ ช่วยเหลือราษฏรบ้านแม่แพน้อย เหมากะหล่ำปลีแจกจ่ายประชาชน ในโรงเรียน วัด และในพื้นที่ชายขอบ

"แอน ทองประสม"ดาราสาวใจบุญ ได้รับซื้อกะหล่ำปลีช่วยเหลือเกษตรกร บ้านแม่แพน้อย ต.กองก๋อย อ.สเบมย จ.แม่ฮ่องสอน ที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ  แจกจ่ายให้พี่น้องประชาชน โรงเรียนตามแนวชายขอบ วัด ตลอดจนหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน รวม 6,900 กิโลกรัม โดยชาวบ้านได้มายืนต่อคิว นำถุงกระสอบปุ๋ยมาใส่กระหล่ำปลี คนละ 4-5 หัว ส่วนโรงเรียนที่ต้องนำไปเป็นอาการกลางวันเด็ก เลี้ยงเด็กพักนอน หรือวัด หน่วยงานต่าง ๆ ก็ได้นำรถกระบะมาใส่เฉลี่ยกันไป

เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจาก นางนงนุช  วิชชโลกา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่แพน้อย ซึ่งได้เป็นผู้ประสานงาน กับทาง คุณแอน ทองประสม ดาราสาวสวยใจดี  ในการรับซื้อกะหล่ำปลี จากราษฏรบ้านแม่แพน้อย ต.กองก๋อย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เนื่องจากตนเองรู้สึกสงสาร ชาวบ้านที่ปลูกกะหล่ำปลี แต่ราคาตกต่ำมาก ประสบสภาวะขาดทุน จึงได้ประสานขอความช่วยเหลือ จากดารานักแสดงชื่อดัง ซึ่งคุณแอน ทองประสม ก็ได้ตกลงใจรับซื้อกะหล่ำปลีของราษฏรบ้านแม่แพน้อย จำนวน 3 คันรถ น้ำหนัก 6,900 กิโลกรัม ให้นำไปแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชนชาวอำเภอแม่สะเรียง และให้กับโรงเรียนในเขต อ.แม่สะเรียง อ.สบเมย และ อ.แม่ลาน้อย สังกัด สพป.แม่ฮ่องสอน เขต 2 จำนวนหลายสิบแห่ง ที่เดินทางมารับกะหล่ำปลี เพื่อนำไปประกอบเป็นเมนูอาหารกลางวัน หรืออาหารเด็กพักนอน รวมไปถึงวัด หน่วยงานตามแนวชายแดนต่าง ๆ เป็นต้น

ซึ่งทุกคนต่างแห่ชื่นชมในความใจบุญของดาราสาวที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้ความลำบาก ทั้งเจ้าของกะหล่ำปลี และพี่น้องประชาชนที่ประสบความเดือดร้อน ตกงาน ขาดรายได้ ให้มีกำลังแรงใจที่จะยืนหยัดและสู้ต่อไป โดยทุกคนฝากขอบคุณดาราสาว แอน ทองประสม ที่ได้ซื้อกะหล่ำปลีแจกจ่ายในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ธารน้ำใจ 'พญาอินทรี’ มอบแด่ 'พระครูแจ้' เจ้าอาวาสวัดดังบางพลี ถวายถังดับเพลิง 50 ถัง เพื่อใช้ป้องกันอัคคีภัย

ที่ภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายสวัสดิ์ เจริญวรชัย ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท ลีดเดอร์ ไฟร์ เซฟตี้ จำกัด และผู้อำนวยการ ฝ่ายปฎิบัติการพญาอินทรีบรรเทาภัย ศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี  พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี เดินทางไปยังวัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อนำถังดับเพลิง จำนวน 50 ถัง นำไปถวายให้กับท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  เพื่อใช้ป้องกันเหตุเพลิงไหม้ พร้อมทั้งให้ความรู้ ความเข้าใจและวิธีปฎิบัติที่ถูกต้องแก่พระสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ หรือเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นภายในวัด

โดยนายสวัสดิ์ เจริญวรชัย กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มจิตอาสา 9 องค์กรด้วยกัน และได้ดำเนินโครงการนี้มานานหลายปี โดยที่ผ่านมาได้มีการนำถังดับเพลิงไปถวายให้กับทางวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ไม่ต่ำกว่า 4,000 ถัง อีกทั้ง ตนเองได้ทำงานด้านจิตอาสามานานกว่า 47 ปี ตั้งแต่อายุ 16 ปี และได้ทำงานด้านจิตอาสาทำความดีเพื่อสังคมมาโดยตลอด

เนื่องจากตนเองนั้น มองเห็นว่าปัจจุบันวัดส่วนใหญ่จะไม่มีอุปกรณ์ใช้ป้องกันเหตุอัคคีภัย และที่ผ่านมาวัดส่วนใหญ่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้นั้นจะไม่มีถังดับเพลิง หรือ อาจมีจำนวนที่ไม่เพียงพอแต่หากวัดที่มีถังดับเพลิงติดตั้งอยู่ภายในวัดสามารถมองเห็นได้ชัดเจนก็จะสามารถนำมาใช้ระงับเหตุเพลิงไหม้ได้ และอาจจะไม่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างหากเข้าใจวิธีการปฎิบัติอย่างถูกต้อง และเข้าใจวิธีแก้ไขเหตุเฉพาะหน้าจนนำไปสู่การดับไฟที่ถูกต้อง และในวันนี้ที่ทางศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี นำถังดับเพลิงมาถวายให้กับท่าน  พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้)  เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  มีจำนวน  50 ถัง โดยมีถังดับเพลิงขนาด 10 ปอน จำนวน 16 ถัง และถังดับเพลิงขนาด 15 ปอน จำนวน 34 ถัง นำมาถวายให้กับทางวัดฟรี  ดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด อีกทั้ง ถังดับเพลิงที่ทางวัดนำไปใช้แล้วเกิดหมดทางศูนย์ของเราก็จะดำเนินการนำถังไปบรรจุก๊าชให้ใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกัน

ในวันนี้ โดยทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการติดตั้งถังดับเพลิงบริเวณพื้นที่โดยรอบของวัดและมองเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ ทางศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี ยังมีเจ้าหน้าที่ชำนาญการมาให้ความรู้และทำการสาธิตวิธีการดับไฟ รวมถึงการระงับเหตุเพลิงไหม้อย่างถูกต้องและถูกวิธีอีกด้วย

ส่วนสาเหตุที่ตนเองนั้นนำถังดับเพลิงมาถวายให้กับทางวัดบางพลีใหญ่กลางแห่งนี้ เนื่องจากว่ามีความเลื่อมใสศรัทธา ท่านพระครูแจ้ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เนื่องจากตนเองได้สูญเสียมารดาที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 และทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้รับดำเนินการเผาศพมารดาของตนให้ฟรี โดยทางวัดไม่เรียกร้องค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ประกอบกับตนเองมองเห็นว่าวัดบางพลีใหญ่กลางนั้นไม่มีถังดับเพลิงติดตั้ง จึงมีความห่วงใยและมีความตั้งใจที่จะนำถังดับเพลิงมาถวายให้กับทางวัดบางพลีใหญ่กลางแห่งนี้ เพื่อไว้ใช้ประโยชน์ต่อไป

อย่างไรก็ตามหากวัดใดที่มีความประสงค์อยากมีถังดับเพลิงติดตั้งไว้ภายในวัดเพื่อไว้ใช้ประโยชน์ ไว้ใช้ป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดจากอัคคีภัย หรือไฟฟ้าลัดวงจร ทางศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี หรือบริษัท ลีดเดอร์  ไฟร์ เซฟตี้ จำกัด ก็พร้อมที่จะร่วมทำบุญถวายให้กับทางวัดฟรี และเข้าไปดำเนินการติดตั้งให้ฟรีอีกด้วย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 081-306-8254 และ 086-336-7462 เบอร์โทรสำนักงาน 02-524-2227-9 (สวัสดิ์  เจริญวรชัย)


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ  รายงาน

ผู้กล้าหนองคาย! ‘พรรคกล้า’ ผุด ‘ศูนย์กล้าดูแล’ ต่อเนื่อง เดินหน้าสร้างศูนย์พักคอย แยกกักตัวผู้ติดเชื้อ จ.หนองคาย

เปิดศูนย์กล้าดูแล แห่งที่ 7-10 ณ จังหวัดหนองคาย  -  ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี ผู้อำนวยการพรรคกล้า กิตติพงษ์ ถิ่นศรี ผู้กล้าหนองคาย พร้อมด้วยทีมงานผู้กล้าจังหวัดหนองคาย พร้อมใจกันมาร่วมเปิด "ศูนย์กล้าดูแล" แห่งที่ 7 หมู่บ้านสมสะอาด ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย 
แห่งที่ 8 หมู่บ้านสวยหลง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย
แห่งที่ 9 หมู่บ้านดาวเรือง ต.โพนสว่าง  อ.เมือง จ.หนองคาย         
แห่งที่ 10  อบต.นาข่า  อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย 



เพื่อให้ที่นี่ เป็นศูนย์พักคอย แยกกักตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระดับสีเขียว ตัดวงจรระบาดในครอบครัวและชุมชน 

นอกจากนี้ ยังมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น

หากชุมชนใดสนใจ อยากจัดตั้งศูนย์พักคอย เพื่อคนในชุมชน สามารถติดต่อเราได้ เราพร้อมสนับสนุนเต็มที่ 



#พรรคกล้า#เรามาเพื่อลงมือทำ#สร้างสรรค์แต่ไม่ยอมจำนน

“จุรินทร์”เผย ผลถกล้ง-ผู้ว่าฯ3 จว.แก้ปัญหามังคุดตกต่ำ ราคาพุ่ง 13-15 บ.แล้ว ระบุซัพพลายเออร์ ทำสัญญารับซื้อแล้ว 2 หมื่นตัน ยันไข่ไก่ในปท.ไม่ขาด แม้ราคาพุ่งสูง ขอปชช.อย่ากักตุนสินค้า สั่งตรวจสอบค้ากำไรเกินควรเอาผิดจำคุก 7 ปี -ปรับ1.4 แสน

เมื่อวันที่ 8 ส.ค.เวลา 10.30 น.ที่ห้างแม็คโคร สาขาสามเสน บางกระบือ ถนนสามเสน กรุงเทพฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค ถึงการแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ โดยการดึงห้างสรรพสินค้าเข้ามามีส่วนร่วมจะสามารถช่วยดึงราคาได้มากน้อยแค่ไหน ว่า ห้างสรรพสินค้าที่ช่วยนำมังคุดจากภาคใต้ที่ออกเยอะในขณะนี้ มาช่วยขายในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศรวมทั้งกรุงเทพฯ เพราะถือว่ามีส่วนช่วยมากเนื่องจากถือเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยระบายตลาดภายในประเทศและช่วยให้ราคาหน้าสวนที่เกษตรกรขายได้ราคาดีขึ้น  ซึ่งการรับซื้อหน้าสวนอาทิ มังคุดคละกิโลกรัมละ 17 บาท แต่ในภาพรวมเราไม่ได้ใช้ช่องทางส่งเสริมการขายของเกษตรกรในประเทศเฉพาะส่งในห้างสรรพสินค้า แต่ห้างสรรพสินค้าเป็นช่องทางหนึ่งที่ต้องขอขอบคุณ ทั้งนี้ยังมีหลายฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ เช่นภาคเอกชน ปั้มปตท. และปั้มบางจาก ซึ่งหากประชาชนไปเติมน้ำมันก็จะมีมังคุดแถมฟรีด้วย นอกจากนี้บริษัทไปรษณีย์ไทยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ในการช่วยเป็นช่องทางระบายมังคุด จากเกษตรกรโดยตรงส่งไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยส่งผ่านไปรษณีย์ และกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในสนับสนุนกล่องที่จะบรรจุมังคุดให้ฟรีไว้ที่ไปรษณีย์ 

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้หัวใจสำคัญที่สุดอีก 2 มาตรการที่มีผลให้มีการรับซื้อมังคุดเพิ่มขึ้นในปริมาณที่มาก คือ 1.กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการเชิงรุกตั้งแต่ต้นมือในการนำห้างสรรพสินค้าและซัพพลายเออร์ต่างๆที่ไปช่วยรับซื้อมีการทำสัญญาล่วงหน้า เพื่อซื้อมังคุดจากเกษตรกรซึ่งขณะนี้สามารถทำสัญญาไปแล้ว 20,000 ตัน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ใหญ่มาก ที่จะช่วยระบายมังคุดในราคาที่เกษตรกรพอใจ ตั้งแต่ก่อนมังคุดภาคใต้ออก และ 2.การที่จะต้องมีล้งเข้าไปรับซื้อในพื้นที่เพราะถ้าไม่มีเกษตรกรจะต้องขายเองตามช่องทาง  ย้ำว่าล้งสำคัญ เพราะก่อนหน้านี้ล้งที่เข้าไปซื้อในพื้นที่ภาคใต้มีปัญหามาก เพราะตอนที่มังคุดออกในภาคตะวันออกล้งเต็มไปหมดในพื้นที่ช่วยให้เกษตรกรขายมังคุดได้ราคาดีมาก เช่น มังคุดคัดเกรดกิโลกรัมละ100-200 บาทโดยเฉลี่ย แต่พอมังคุดในพื้นที่ภาคใต้ออกตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นมา  ปรากฏว่าเป็นช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ทำให้ล้งที่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกทั้งหมดส่วนใหญ่ลงไปรับซื้อในพื้นที่ภาคใต้ไม่ได้  ซึ่งในช่วงนี้ราคาเหลือ 5-7 บาท ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนมาก 

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ขณะนั้นมีล้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเพียง 40-50 ล้งเท่านั้น แต่หลังจากที่ตนเรียกประชุมล้งทั้งประเทศเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมมราช ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร และผู้ว่าจังหวัดจันทบุรี มาพูดคุยกันปรากฏว่าทั้ง 3 จังหวัดพร้อมบริการเคลื่อนย้ายล้งจากจันทบุรีไปในพื้นที่ภาคใต้และเคลื่อนย้ายแรงงานตามไปด้วย ขณะนี้จังหวัดนครศรีธรรมมราช ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานตนและอธิบดีกรมการค้าภายในว่ามี 200 กว่าล้งแล้ว  ฉะนั้นทำให้การระบายมังคุดลื่นไหลขึ้นและราคามังคุดคละเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 4-7 บาท ซึ่งตอนนี้ขึ้นไปในราคา 13-15 บาทแล้ว ยืนยันว่าเราจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป หวังว่ามาตรการทั้งหมดจะช่วยผ่อนคลายได้ และที่สำคัญจะต้องขอความร่วมมือจังหวัดที่มีการขนส่งมังคุดกระจายไปยังทั่วประเทศ ให้มีการอำนวยความสะดวกรถบรรทุกที่ขนมังคุดให้สามารถผ่านด่านได้โดยสะดวกด้วย ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องปฏิบัติตามของแต่ละพื้นที่

 เมื่อถามว่า ในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภคได้มีการเตรียมมาตรการรองรับแล้วหรือไม่นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นประเด็นที่เมื่อมีการล็อกดาวน์ในช่วงแรกประชาชนอาจจะตื่นตระหนกและกังวล ทำให้สินค้าขาดแคลน แต่ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายลงได้บ้าง ผู้บริโภคเริ่มเรียนรู้และเข้าใจว่าไม่ต้องกังวลว่าสินค้าจะขาดแคลน ซึ่งไข่ไก่ที่กังวลว่าจะขาดแคลน ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีสถานการณ์ที่ขาด ยกเว้นช่วงเวลาที่ห้างสรรพสินค้าเติมสินค้าไม่ทันแต่โดยภาพรวมไข่ไก่เฉลี่ยทั้งประเทศยังมีเพียงพอและถ้าหากขาดแคลนจริง กระทรวงพาณิชย์จะมีมาตรการในการเข้ามาแก้ปัญหาซึ่งขอยังไม่พูดในตอนนี้ เพราะจะสร้างความตื่นตกใจ และราคาไข่ไก่เบอร์ 3 ตอนนี้ฟองละ 3 บาท 50 สตางค์ ถือว่าสูงกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ถือเป็นช่วงฤดูกาลด้วยที่จะมีผลกับกลไกตลาด แต่เราก็พยายามดูอยู่ว่าถึงขั้นค้ากำไรเกินควรหรือไม่ถ้าหากว่ามีการค้ากำไรเกินควรในสินค้าตัวใดก็ตามตนสั่งการพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดไปแล้วว่าต้องใช้มาตรา 29 ที่ระบุว่า ใครค้ากำไรเกินควรจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และสินค้าจะต้องติดป้ายแสดงราคาถ้าไม่ติดป้ายจะปรับ 1 หมื่นบาท

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนเนื้อไก่ราคาอยู่ในช่วงที่ถือว่าลดลงกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะราคาน่องไก่ติดสะโพกกิโลกรัมละ 60 บาท หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 118-119 บาท แต่เมื่อเทียบกับหลายเดือนที่ผ่านมาที่กิโลกรัมละ 150- 170 บาทตอนนี้ถือว่าราคาลดลงมา ยืนยันว่าอย่ากังวลและอย่าซื้อสินค้ากักตุน ส่วนได้มีการประสานห้างสรรพสินค้าขอความร่วมมือเพิ่มสต๊อกในการสต๊อกสินค้าให้เพียงพอนั้น กรมการค้าภายในได้ประสานงานมาโดยตลอดถ้าติดขัดตรงไหนกระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปช่วยเหลือดูแล แต่ประเด็นสำคัญที่เกินกำลังกระทรวงพาณิชย์กระทรวงเดียวที่จะเข้าไปแก้ไขคือแรงงานสินค้าอุปโภคและบริโภค ซึ่งภาพรวมจะต้องเข้ามาช่วยดู รวมทั้งการสัญจรที่ทุกจังหวัดจะต้องเข้ามาอำนวยความสะดวกให้สินค้าอุปโภคและบริโภคสามารถข้ามแดนจังหวัดได้โดยสะดวกถ้าหากติดขัดมากของอาจจะเน่าเสียหรือส่งไปยังจุดกระจายสินค้าล่าช้าลงได้

'ผบช.สตม.'​ ตรวจเยี่ยม 'ตม.จว'​.ประจวบคีรีขันธ์ และจุดตรวจร่วมป้องกันการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด 19 ด่านบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ให้ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย  พ.ต.อ.สถิตย์ พรหมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง รอง ผบก.ตม.5 และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. เดินทางตรวจเยี่ยม และมอบนโยบาย กำชับการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจ.ประจวบคีรีขันธ์ พบ พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ และข้าราชการ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปฏิบัติหน้าที่โดยเคร่งครัด 

จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจร่วมป้องกันการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด 19 ด่านบ่อฝ้าย อ.หัวหินจว.ประจวบคีรีขันธ์ พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน, เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จว.ประจวบคีรีขันธ์ ,เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ว.4 ร่วมบริเวณจุดตรวจฯ 

ทั้งนี้ ได้แสดงความห่วงใยต่อเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน และการใช้ชีวิต เนื่องจากห้วงเวลานี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 และได้กล่าวขอบคุณในความเสียสละ และได้อวยพรให้เจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 

ทั้งยังได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ อาทิ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และเครื่องอุปโภค บริโภค ให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน

​​​​​​

'บิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์'​ ดาราคู่ขวัญ ปันสุข ให้ประชาชนชาว 'บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้'​ (นนทบุรี)

(7 ส.ค.64)​ หมู่บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี "นายบิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์" ดารานักแสดงชื่อดัง /นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม (ต๋อง ศิษย์ฉ่อย) นักสนุกเกอร์ระดับโลก / นายสุรศักดิ์ ศรีเพ็ชร (เค เยาวราช) วีรบุรุษจิตอาสา / นายสุขสันต์ ไชยมาตร (ยาว ลูกหยี) นักแสดงตลกชื่อดัง พร้อมด้วยเหล่า อาสาสมัคร "มูลนิธิ ร่วมกตัญญู" จัดกิจกรรมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณ​ "หมู่บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้" นำปลากระพง (สดใหม่) มาบริการในราคาต่ำกว่าท้องตลาดมาก สืบเนื่อง ได้รับร้องขอความช่วยเหลือ "ผู้เลี้ยงปลากระพง" อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ กำลังประสบปัญหาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤตเชื่อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ และภาครัฐได้ขอร่วมถาคประชาชน ร้านค้า ร้านอาหาร งดให้บริการสำหรับลูกค้านั่งรับประทานอาหารภายในร้าน จึงไม่มีใครมาซื้อปลากระพง และประกอบด้วย "ปลากระพง" มีขนาดใหญ่ถึงเวลาที่จะต้องจับขายแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมาซื้อ จึงติดต่อขอความช่วยเหลือให้ “บิณฑ์-เอกพัน” รับซื้อปลากระพง ในราคากิโลกรัมละ 90 บาท จำนวนรวมๆกว่า 3,000 กิโลกรัม 

ในการนี้ "บิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์" ดาราคู่ขวัญใจประชาชนและวีรบุรุษจิตอาสา จึงเป็น"สะพานบุญ" รับซื้อ "ปลากระพง" ทั้งหมด และมีแนวความคิดที่อยากจะแบ่งปันจากบุญสู่บุญ นำปลากระพงที่รับซื้อมานั้นไปจำหน่ายต่ำกว่าราคาต้นทุนที่รับซื้อมาถึง 50% หรือ 2 กิโล 100 บาท ให้กับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของบ้านเอื้ออาทรต่างๆ โดยดำเนินการมาแล้วกว่า 15 แห่ง ซึ่งเจตนารมย์หลักของกิจกรรมในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้อง"ผู้เลี้ยงปลากะพง" และยังสามารถเป็นสะพานบุญนำปลากระพงสดๆ ให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย และกำลังประสบปัญหา ตกงาน ขาดรายได้ สามารถเข้าถึงการบริโภคอาหารที่มีคุณภาพดี มีประโยชน์ ราคาถูกมากๆ และสร้างรอยยิ้มให้กับคนในครอบครัวที่จะนำปลาไปประกอบอาหาร และรับประทานกันอย่างมีความสุข

อีกทั้งยังเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของกลุ่ม "ผู้เลี้ยงปลากระพง" ให้สามารถ มีเงินทุนไว้เพื่อประกอบอาชีพได้ในภายภาคหน้า 

ท้ายนี้ "นายชัยพร ภูผารัตน์" ผู้อำนวยการสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และ "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยและยังได้กล่าว ขอบพระคุณ คุณบิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ / กลุ่มดาราศิลปินตลก / นักกีฬาสนุกเกอร์ระดับโลก / เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู / เจ้าที่ภาครัฐ /ผู้นำชุมชน ที่ได้เสียสละ กำลังกาย กำลังทรัพย์ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยให้อยู่รอดปลอดภัย จากสถานการณ์ covid_19 นี้ไปด้วยกัน

Empathy คืออะไร ทำไมจึงเป็นทักษะสำคัญต่อการใช้ชีวิตของทุกคน เราจะสามารถพัฒนาทักษะนี้ได้อย่างไร?

คุณเคยผ่านช่วงชีวิตที่แย่ๆ จิตใจกำลังอ่อนแอ เผชิญปัญหาหนักๆ เพียงลำพังคนเดียวบ้างไหม? ในช่วงนั้นหากมีใครสักคนเข้าใจหัวอกของคุณอย่างลึกซึ้ง พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเรา ช่วยเหลือ สนับสนุน ให้กำลังใจเรา ในทุกประโยคทุกคำพูด ยืนอยู่ในมุมเดียวกับเรา เราจะรู้สึกดีมากแค่ไหน ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร เขามีทักษะสำคัญที่เรียกว่า Empathy

•  Empathy คืออะไร
Empathy คือ ความสามารถในการเข้าใจคนอื่นผ่านมุมมองของพวกเขา ในโลกยุคที่การใช้ชีวิตมีความซับซ้อนและคาดเดายาก เราต้องยิ่งอยู่ร่วมกับทุกคนให้ได้ ทักษะนี้เป็นส่วนสำคัญช่วยทำให้แต่ละคนเข้าใจซึ่งกันและกัน ส่งผลต่อการสร้างบรรยากาศที่ดี มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือกลุ่มชุมชนต่างๆ

• ทำไมจึงเป็นทักษะสำคัญต่อการใช้ชีวิตของทุกคน

จากสถิติ 80% พนักงานในกลุ่ม Millennials ลาออกจากงาน เพราะที่ทำงานขาด Empathy มากกว่า 60% บุคลากรในกลุ่ม Baby Boomers ลาออกเพราะที่ทำงานขาด Empathy  ยิ่งในครอบครัว พ่อแม่ให้ความรักลูกแบบไหน ถ้าพ่อแม่แสดงความรักต่อลูกอย่างเหมาะสม ลูกก็จะเห็นคุณค่าในตัวเอง สิ่งที่ตามมาคือ ลูกก็จะสามารถแสดงความรักต่อผู้อื่นเป็น 

ตรงกันข้าม หากพ่อแม่ที่เคยได้รับความรักที่ไม่เหมาะสมมา เช่น การถูกตามใจจนชิน เป็นหลานชายคนแรกของตระกูล พ่อแม่ญาติพี่น้องให้ความสำคัญจนเกินความเป็นจริง กระทั่งไม่รู้ผิดรู้ถูก ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร การแสดงความรักของพ่อแม่ที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ ลูกจะกลายเป็นคนไม่เห็นคุณค่าใคร ไม่เห็นอกเห็นใจใคร คนในครอบครัวขาดการเคารพกัน อาจถึงขั้นทำร้ายกันเอง และเมื่อมามีครอบครัวของตนเอง ก็จะส่งต่อความรักที่ไม่เหมาะสมแบบนี้แก่ลูกหลานต่อไป บรรยากาศครอบครัวเสียเพราะมีใครคนใดคนหนึ่งในครอบครัว ขาด Empathy 

• เราจะสามารถพัฒนาทักษะนี้ได้อย่างไร?

มาช่วยให้บ้านน่าอยู่ขึ้น ที่ทำงานน่าอยู่ สังคมน่าอยู่ ด้วยการปลูกฝังให้คนมี Empathy

หัวใจสำคัญของการมี Empathy  คือ การรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา พิจารณาจากพฤติกรรมต่างๆ ดังนี้  

-    สามารถแก้ปัญหาที่ยากๆ ได้ดีกว่าคนอื่น
-    ไม่กดขี่ข่มเหงคนอื่น ตรงกันข้ามจะเข้าช่วยเหลือเมื่อเห็นคนอื่นถูกรังแกมากกว่า
-    มีโอกาสเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ เพราะปรับตัวได้ง่ายและมีทักษะในการแก้ปัญหาที่ดี

ข้อเสนอแนะ 7 ขั้นตอนที่พ่อแม่ทำได้ง่ายๆ

1. แสดง Empathy ให้ลูกๆ เห็น เป็นที่ประจักษ์ชัด ทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดี เพราะแบบอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน หาจังหวะเวลาที่เหมาะสม บอกสอนเรื่องการเข้าอกเข้าใจผู้อื่น การเอาใจเขามาใส่ใจเรา 

2. อย่าละเลยความรู้สึกลูก อย่าทำให้ลูกรู้สึกว่าตนเองถูกละเลยหรือถูกทอดทิ้ง ลูกต้องรู้สึกว่ามีคนรับฟังและช่วยเหลือเขาอยู่ข้างพวกเขา เมื่อลูกรู้สึกปลอดภัยในขณะที่อยู่กับพ่อแม่ พวกเขาจะมีแนวโน้มในการส่งต่อความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น 

3. ฝึกให้ลูกแยกแยะเป็น ช่วยให้ลูกเข้าใจในอารณ์ที่เกิดขึ้นตามแรงกระตุ้นของสิ่งที่มากระทบ ทั้งทางลบและทางบวก เพื่อให้เขาได้เชื่อมโยงความรู้สึกของเขา เข้ากับคำพูด และสิ่งที่เข้ามากระทบอารมณ์ของพวกเขา เพราะถ้าพวกเขาเข้าใจความรู้สึกของตัวเองทั้งทางบวกและทางลบ เขามีแนวโน้มในการเข้าใจผู้อื่นเช่นกัน

4. มอบหมายหน้าที่ให้ทำ แม้นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ให้พวกเขามีส่วนร่วม และมอบหมายให้เป็นกิจจะลักษณะ รวมถึงกิจกรรมการกุศล การให้ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เด็กที่อยู่ในบรรยากาศแบบนี้มีแนวโน้มเข้าใจผู้อื่น

5. อย่าแก้ปัญหาให้ลูกทุกเรื่อง ปล่อยให้ลูกได้แก้ปัญหาเองบ้าง ปล่อยให้ลูกเรียนรู้ของความผิดหวังบ้าง จะได้ถือโอกาสสอนทักษะในการแก้ปัญหาให้กับลูกบ้าง สอนให้เขาคิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาเป็นจากปัญหาจริงที่เกิดขึ้น ไม่งั้นคุณจะกลายเป็นพ่อแม่รังแกฉัน เมื่อเด็กได้เรียนรู้ในการแก้ปัญหาเอง พวกเขาจะมีแนวโน้มในการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเมื่อเห็นผู้อื่นเดือดร้อน



6. สอนให้ลูกยอมรับผู้อื่นและตัวเอง ไม่พูดเปรียบเทียบชีวิตลูกกับชีวิตของใคร แต่ในทางกลับกัน สอนให้ลูกรู้ว่าเรามีอะไรที่เหมือนและแตกต่างจากคนอื่นบ้าง พาให้พวกเขาได้เห็นชีวิตของแต่ละคนมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน วิถีชีวิต สังคม และวัฒนธรรม แตกต่างกัน ชีวิตแต่ละคนมีโอกาสและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป

7. สอนให้ลูกช่วยเหลือผู้อื่นจากหัวใจ สอนให้ลูกมีจิตอาสา ทำความดีด้วยหัวใจ โดยไม่คำนึงถึงคำชม รางวัล หรือคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่ให้ทำความดีเพื่อความดีจริงๆ อธิบายให้เขาเข้าใจถึงผลรับของการกระทำ Action Reaction หากลงมือทำที่เหตุต้องไม่ปฏิเสธผล ดีก็รับ ไม่ดีก็ต้องรับ 

บทสรุปของการเอาใจเขามาใส่ใจเรา คือการเคารพความรู้สึกของผู้อื่น  ผลลัพธ์ที่ได้คือคนในครอบครัวเห็นคุณค่ากันและกัน เคารพซึ่งกันและกัน บรรยากาศบ้านก็น่าอยู่ ในทางกลับกันหากผู้นำครอบครัวมีใครคนใดคนหนึ่ง เอาแต่ใจตัวเอง ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น บรรยากาศบ้านก็เสีย เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่เคารพกัน ทำลายคุณค่าของกันและกันในที่สุด

การสร้าง Empathy ไม่ยาก แต่คนส่วนมากไม่ค่อยทำ ไม่อยากให้ใครมองข้ามเรื่องสำคัญ เมื่อรู้ผลลัพธ์แบบนี้คุณพ่อคุณแม่เรามาสร้าง Empathy ที่ดีในครอบครัวกันเถอะค่ะ ด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อคนที่มีความหมายในชีวิตของเราค่ะ 

เขียนโดย อ.นิธิมา กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากร โปรเฟสชั่นนอล เทรนเนอร์
#Talktonitima


อ้างอิง
http://www.thefamily.in.th/podcast/episode.php?code=100400
https://www.chanuntorn.com/post/o-bk-dkhr-bkhrawdwy-empathy-kuyaecchthiithamaihehnkhunkhaakanaelakan
https://www.urbinner.com/post/what-is-empathy-how-does-it-important-in-the-workplace

'โกมล​ จึงรุ่งเรืองกิจ'​ เจ้าของแบรนด์รองเท้าดัง​ 'แอโร่ซอฟ'​ มอบเงินกว่า 1 ล้านบาท ช่วยเหลือ รพ.บางพลี ฝ่าวิกฤต Covid-19

บริเวณอาคาร ช้น 1 โรงพยาบาลบางพลี  อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พล.ต.ต.สมนึก บุรมิ ที่ปรึกษา บริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด เป็นตัวแทน คุณโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์ จำกัด  พร้อมด้วย คุณดารุณี วงษ์ชาลี ผู้จัดการ  บริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์ จำกัด และคณะได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลบางพลี สมุทรปราการ  เพื่อเป็นตัวแทนนำสิ่งของที่จำเป็นไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลบางพลี สมุทรปราการ พร้อมทั้งมอบเงินสดอีก จำนวน 1,000,000 บาท แก่ทางโรงพยาบาลบางพลีเพื่อนำไปใช้ประโยขน์ทางการแพทย์

โดยสิ่งของที่นำมามอบให้กับทางโรงพยาบาลบางพลีนั้น ประกอบไปด้วย เฟสชิว จำนวน  2,000 ชิ้น หน้ากากอนามัย จำนวน 700 กล่อง  แอลกอฮอล์ ขนาด 500 มิลลิลิตร จำนวน 400 ขวด ถุงมือทางการแพทย์ จำนวน 15 ลัง และเงินสดอีก จำนวน 1,000,000 บาท รวมถึงของใช้ที่จำเป็นอีกหลายรายการ โดยมีนายแพทย์ พิเชษฐ์ พัวพันกิจเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี สมุทรปราการ ให้การต้อนรับและเป็นตัวแทนรับมอบ พร้อมด้วย  แพทย์หญิง ธิดา สกุลพิพัฒน์ รองผู้อำนวยการด้านปฐมภูมิ โรงพยาบาลบางพลี และคณะเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบางพลี ร่วมให้การต้อนรับ

เนื่องจาก ทางผู้บริหาร บริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์  จำกัด โดยคุณโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์ จำกัด  ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแบรนด์ดัง “แอโร่ซอฟ” ที่เห็นถึงความสำคัญของบุคลากรทางการแพทย์ ที่ยังคงปฎิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องและแพร่กระจายไปในหลายพื้นที่ จึงได้มอบเงินสด จำนวน 1,000,000 บาท พร้อมทั้งสิ่งของที่จำเป็นอีกหลายรายการนำไปมอบให้กับทางโรงพยาบาลบางพลี เพื่อส่งต่อให้กับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความห่วงใยที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในการปฎิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วย เนื่องจากพื้นที่บางพลียังคงมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  อย่างต่อเนื่องและมีจำนวนประชาชนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น   

อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลบางพลี ต้องขอขอบคุณและขอชื่นชมในความห่วงใยและความมีน้ำใจของทางผู้บริหาร บริษัท ซัมมิต  ฟุตแวร์ จำกัด ที่มอบเงินสดและสิ่งของที่จำเป็นแก่ทางโรงพยาบาลบางพลี  สมุทรปราการ ในครั้งนี้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘โตเกียวโอลิมปิก’ ภาพสะท้อนความยิ่งใหญ่ ท่ามกลางวิกฤติ! กับ ‘อ.น้ำนุ่น’ | LOCK LENS GURU EP.40

LOCK LENS GURU รายการที่จะพาทุกคนมาเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ ไปกับ 'กูรู' ตัวจริง 

‘อาจารย์อาทิตยา ทรัพย์สินวิวัฒน์’
อาจารย์ประจำสาขานวัตกรรมการสื่อสาร วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/post/2021071008
.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
- ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
- รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
- สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“เฉลิมชัย” นำทัพคิกออฟแคมเปญขายมังคุดวันที่ 8 เดือน 8  ดีเดย์พรุ่งนี้ผนึกทุกภาคส่วนจำหน่ายทั่วประเทศ ทั้งออนไลน์ออฟไลน์ในราคาโปรโมชั่น 4 โล 100 มีออร์เดอร์ในมือกว่า 100 ตันพร้อมส่งตรงถึงบ้าน

นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ และนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ร่วมแถลงข่าววันนี้ว่าตามที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ขยายโครงการ “เกษตรกรแฮปปี้” โดยจะจัดแคมเปญใหญ่ในวันพรุ่งนี้ วันที่ 8 เดือน 8 (สิงหาคม) ผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้สถานที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม9  เป็นจุดคิกออฟกระจายสินค้า ภายใต้มาตรการควบคุมโรคของ ศบค. เพื่อให้ทุกภาคส่วนทั่วประเทศสั่งซื้อมังคุดล่วงหน้าในราคา 4 โล 100 สำหรับมังคุดคละเกรดคุณภาพสดอร่อยภายใต้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เช่น บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด (ท็อปส์ และ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์)  บริษัท ไปรษณีย์ไทย สมาคมขนส่งโลจิสติกส์ บริษัทแกร็บ ร้านธงฟ้า ฯลฯ

โดยนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าทีมพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เฉพาะกิจ ที่มีคณะทำงานเป็นตัวแทนมาจากหลายภาคส่วน กล่าวว่า ขณะนี้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะรับออร์เดอร์มังคุดภายใต้แคมเปญดังกล่าว โดยจะใช้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9 และเซ็นทรัล เวสต์เกต เป็นจุด Drop off เพื่อกระจายสินค้า ขณะนี้เป็นที่น่ายินดีว่าหลังจากเริ่มเปิดรับพรีออร์เดอร์มาเป็นเวลา 2 วัน ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมากที่สั่งซื้อกันเข้ามาในจำนวนเกิน 100 ตันแล้ว และจะเริ่มจัดส่งตรงถึงบ้านเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป 

“ท่านรัฐมนตรีเฉลิมชัยย้ำว่า เราต้องดูแลชาวสวนทุกจังหวัดในภาคใต้พาฝ่าวิกฤตโควิดไปด้วยกัน แม้วันนี้จะมีสัญญาณที่ดีว่าราคามังคุดทั้งหน้าแผงและหน้าล้งปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังมีความไม่แน่นอนของเสถียรภาพราคา จึงต้องมีมาตรการเสริมเพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคในประเทศที่เป็นส่วนที่สำคัญในภาวะที่การส่งออกยังมีอุปสรรคจากสถานการณ์โควิด-19” นายอลงกรณ์ กล่าว

ทั้งนี้คณะทำงานฟรุ้ทบอร์ดเฉพาะกิจมีผู้แทนมาจากหลายภาคส่วน ที่มาร่วมผนึกกำลังกันแก้ไขปัญหาราคามังคุด รวมถึงผลไม้อื่น ๆ เช่นลำไย เงาะ ลองกอง ทุเรียนที่กำประสบปัญหาล้นตลาดอาทิ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ รับผิดชอบการขายแบบ B to G นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ประธานคณะอนุกรรมการธุรกิจการเกษตร นายกฤชฐา โภคาสถิตย์ ประธานอนุกรรมการ  อีคอมเมิร์ซ กระทรวงเกษตรฯ.รับผิดชอบการขายแบบ B to B รวมถึงการขายผ่านเครือข่ายสภาอุตสาหกรรม หอการค้า การขายตรงถึงผู้บริโภครวมถึงช่องทางอื่น ๆ ในขณะที่นางดรุณวรรณจะรับผิดชอบการขายและประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยมีนายณฐกร สุวรรณธาดา และนายวิเชียร สุขพันธ์ คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯรับผิดชอบแหล่งผลิตผลไม้และจุดกระจายผลไม้

“มังคุดภายใต้แคมเปญนี้ เป็นมังคุดดี สดจากต้น อร่อย ส่งตรงจากสวนเมืองใต้ ที่ตั้งใจปลูกโดยชาวสวนแท้ ๆ รับประกันคุณภาพโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การซื้อมังคุดครั้งนี้ รับทันทีสองต่อคือได้ทานมังคุดดี ๆ และยังมีส่วนช่วยสร้างรอยยิ้ม และส่งกำลังใจให้ชาวสวนมังคุดด้วย ภายใต้แนวคิด “คนกินยิ้มได้ เกษตรกรไทย Happy” สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่ช่องทางต่าง ๆ ตามที่ได้แจ้งไว้ในช่วงต้น” นางดรุณวรรณ กล่าว

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้รัฐมนตรีเกษตรฯ ในฐานะประธาน Fruit Board ได้สั่งการล่วงหน้าให้ทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ช่วยกันซื้อมังคุด เช่น กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ทำให้ช่วยระบายมังคุดออกจากแหล่งผลิตหลายร้อยตัน และขอให้ภาครัฐภาคเอกชนช่วยกันซื้อมังคุดให้มากที่สุด และนายเฉลิมชัยจะเป็นผู้นำในการคิกออฟแคมเปญด้วยตัวเองในวันอาทิตย์นี้ด้วย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง  ในวันที่ 7 ส.ค.2564 ซึ่งอาจเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเสี่ยงต่อการติดหรือแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่มีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง จำนวนหลายกลุ่ม นัดหมายการชุมนุมเพื่อร่วมกันทำกิจกรรมในวันนี้  ( 7 ส.ค.2564)  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยในความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนที่จะเข้าร่วม รวมถึงพี่น้องประชาชนทั่วไป ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ที่อาจได้รับผลกระทบในการใช้ชีวิตประจำวันจากการจัดกิจกรรรมดังกล่าว

การชุมนุมทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีบางกลุ่มดำเนินการจัดกิจกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดทางกฎหมายและละเมิดต่อสิทธิของผู้อื่นหลายลักษณะ เช่น การวางเพลิงเผาทรัพย์ ซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่นหรือทรัพย์สินของทางราชการ เข้าข่ายความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์, การสาดสี/พ่นสี ใส่ทรัพย์สินของผู้อื่นหรือทรัพย์สินของทางราชการ เข้าข่ายความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และการใช้ยานพาหนะขับขี่หรือจอดในลักษณะการกีดขวางการจราจร เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ  เป็นต้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มที่จะร่วมชุมนุมจัดกิจกรรมในวันนี้ ซึ่งนอกจากจะสุ่มเสี่ยงและอาจเข้าข่ายกระทำผิดทางกฎหมายแล้ว ยังอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)  ร่วมถึงเป็นผู้แพร่เชื้อได้ตลอดเวลา และขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังบริเวณทีมีการชุมนุมและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสวัสดิภาพของทุกคน

“DeFi” โลกการเงินไร้กฎหมาย (จริงหรือ?)

ปัจจุบันระบบการเงินการธนาคารของโลกเราพัฒนาไปมาก เราสามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือได้อย่างสะดวกสบายจากที่บ้าน แทบไม่ต้องไปต่อแถวทำธุรกรรมอะไรที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินอีกต่อไป

แต่โลกการเงินก็ยังไม่หยุดพัฒนาเพียงเท่านี้ ตอนนี้กระแสของโลกการเงินในยุคใหม่ที่กำลังมาแรงและถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ คือ โลกการเงินแบบ DeFi

DeFi ย่อมาจากคำว่า Decentralized Finance หรือระบบการเงินที่ไม่มีตัวกลางเหมือนในระบบการเงินในปัจจุบันที่เรามีธนาคาร หรือ สถาบันการเงินเป็นตัวกลางในการตรวจสอบการทำธุรกรรมต่าง ๆ

>>> ตัวอย่างเช่น เราไปทำการฝากเงินกับธนาคาร ธนาคารก็จะบันทึกข้อมูลการทำธุรกรรมการฝากเงินเข้าไปในระบบของธนาคาร ส่วนเราก็จะได้ข้อมูลนั้นกลับมาในรูปแบบของสมุดบัญชีเงินฝาก หากเราต้องการตรวจสอบดูว่าเรามีเงินคงเหลือในธนาคารเท่าไหร่ เราก็สามารถนำสมุดบัญชีเงินฝากนั้นไปอัพเดทที่ธนาคาร แล้วเราจะเห็นข้อมูลล่าสุดที่เป็นปัจจุบัน

ธนาคารจึงมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินของโลกเรามาโดยตลอด เพราะทุกคนมีความเชื่อมั่นว่าข้อมูลที่เรามีอยู่กับธนาคารนั้นมีความถูกต้อง เงินที่เราฝากไว้กับธนาคารจะไม่สูญหายหรือถูกขโมยไปไหน เว้นแต่ธุรกิจของธนาคารจะล้มละลายและต้องปิดกิจการไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้น เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่อมาเทคโนโลยีดังกล่าวก็ถูกนำมาต่อยอดในรูปแบบ Smart Contract  หรือ สัญญาอัจฉริยะ ที่เราสามารถแปลงเงื่อนไขสัญญาต่าง ๆ มาอยู่ในรูปแบบของโค้ดและโค้ดนั้นก็จะสามารถทำงานได้ทันทีที่ตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงไว้

ยกตัวอย่างเช่น หากผมทำสัญญากับบริษัทไว้ว่า ถ้ามีคนอ่านบทความของผมเกิน 10,000 วิว ผมจะได้รับเงิน 1,000 บาท และต่อจากนั้นที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 1,000 วิว ผมจะได้เพิ่มอีก 100 บาท เวลาที่บริษัทจะจ่ายเงิน บริษัทก็จะต้องส่งคนมาตรวจสอบว่ามีบทความนี้มียอดวิวเท่าไหร่แล้ว หลังจากตรวจแล้วก็ต้องนำเรื่องไปเสนอผู้มีอำนาจในการอนุมัติเพื่อสั่งจ่าย ต่อจากนั้นฝ่ายบัญชีถึงจะทำการจ่ายเงินให้กับผมได้

แต่ถ้าเราเปลี่ยนใหม่มาเขียนข้อตกลงดังกล่าวไว้ในรูปแบบของ Smart Contract โค๊ดที่เราเขียนไว้ก็จะสามารถเช็กยอดวิวบนบทความผมได้ตลอดเวลา และเมื่อยอดวิวถึงตามข้อกำหนดที่ตกลงกันเอาไว้ ระบบก็จะโอนเงินมาเข้าบัญชีผมทันทีโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องมีใครมานั่งนับ ตรวจสอบ แล้วก็ทำเรื่องจ่ายเงินอีก

เมื่อมีคนเห็นถึงประโยชน์ของ Smart Contract ที่ทำให้การทำธุรกรรมต่าง ๆ มีความสะดวก โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้บนเทคโนโลยีบล็อกเชน จึงมีการต่อยอดนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาพัฒนาเป็นระบบการเงินที่ไร้ตัวกลาง หรือ DeFi โดยสิ่งที่เข้ามาทำหน้าที่แทนธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เป็นตัวกลาง คือ Smart Contract ที่เขียนเงื่อนไขต่าง ๆ ขึ้นไว้นั่นเอง 

ประโยชน์หลักของการเงินแบบ DeFi คือ การที่ไม่มีกลางเข้ามากินส่วนต่าง ทำให้ผู้ใช้บริการได้รับผลตอบแทนมากขึ้น เพราะเราไม่ต้องเสียค่าบริการหรือค่าธรรมเนียมให้ตัวกลางเหล่านั้น

เช่น คนที่ต้องการปล่อยกู้ กับ คนที่ต้องการกู้เงิน สามารถกู้เงินกันได้โดยตรง ไม่ต้องมีธนาคารมาเป็นตัวกลาง คนกู้ก็เสียดอกเบี้ยถูกลง ส่วนคนให้กู้ก็ได้ดอกเบี้ยมากขึ้น เพียงแต่เราก็จะมีความเสี่ยงถ้าคนกู้ไม่ยอมชำระหนี้ แล้วเราจะไปติดตามทวงคืนยาก ต่างจากการฝากเงินไว้กับธนาคารที่เราสามารถไปถอนเงินเมื่อไหร่ก็ได้

แต่ Smart Contract สามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้ โดยคนกู้อาจจะต้องมีหลักประกันอะไรเข้ามาวางไว้ในระบบ และถ้าถึงกำหนดชำระหนี้แล้วไม่ชำระ ระบบก็จะโอนหลักประกันนั้นให้เจ้าหนี้ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาไปฟ้องร้องกันทีหลัง

อย่างไรก็ตาม ระบบการเงินแบบ DeFi ที่ทำให้ตัวกลางหรือสถาบันการเงินหายไปนั้น สิ่งที่ตามมา คือ หน่วยงานที่กำกับดูแลสถาบันการเงินเหล่านั้น ก็จะไม่สามารถเข้าไปช่วยกำกับดูแลแพลตฟอร์ม DeFi ต่าง ๆ ได้

ดังนั้น หากผู้ใช้บริการเกิดปัญหาเราก็จะไม่สามารถไปเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลเข้ามาช่วยเหลือได้

ยกตัวอย่าง เช่น หากเราถอนเงินออกจากแพลตฟอร์ม DeFi แห่งหนึ่งไม่ได้ เราจะไปร้องเรียนให้ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ สำนักงาน ก.ล.ต. เข้ามาช่วยจัดการกับแพลตฟอร์ม DeFi ดังกล่าวไม่ได้ เพราะหน่วยงานเหล่านั้นไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลแพลตฟอร์ม ​DeFi 

ทำให้หลายคนเข้าใจว่า DeFi เป็นโลกการเงินที่ไร้กฎหมาย คนที่ใช้บริการทุกคนต้องรับความเสี่ยงและต้องดูแลรับผิดชอบตัวเอง หากถูกแพลตฟอร์ม DeFi หลอกลวง หรือโกง เราไม่สามารถเรียกร้องจากใครได้

ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดนะครับ เพราะ โลกการเงินแบบ DeFi เป็นระบบการเงินที่ไร้ตัวกลาง ทำให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขของหน่วยงานกำกับดูแลในการประกอบธุรกิจเท่านั้น

แต่ก็ไม่ได้ความว่าใครจะเข้ามาโกงใครในโลก DeFi ก็ได้ครับ

เพราะการโกงหรือหลอกลวงไปให้ได้ซึ่งทรัพย์สินของบุคคลอื่น เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามกฎหมายอาญา และยิ่งเป็นการหลอกคนจำนวนมาก ๆ ก็จะถือว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชนที่มีโทษหนักขึ้นด้วย

ถ้าใครจำคดี Forex3D กันได้ บริษัทที่ให้บริการ Forex3D เขาก็ไม่ได้มีใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย หากใครไปลงทุนกับบริษัทนั้นก็จะต้องรับความเสี่ยงกันเอาเอง ซึ่งช่วงแรกมีกรณีที่คนถอนเงินแล้วมีความล่าช้าใช้เวลาเป็นเดือนกว่าที่จะได้เงินคืน แบบนี้เราก็ไม่สามารถไปร้องเรียนให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาช่วยเหลือได้ เพราะบริษัทเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย

แต่ภายหลังเมื่อมีการเปิดโปงออกมาว่า Forex3D นั้น ความจริงแล้วไม่ได้มีการประกอบธุรกิจจริง แต่บริษัทดังกล่าวหลอกลวงให้คนเข้ามาลงทุนในลักษณะของแชร์ลูกโซ่ ผู้เสียหายจึงสามารถรวมตัวกันไปแจ้งความเอาผิดฐานฉ้อโกงประชาชนกับ DSI

ซึ่งไม่ต่างจากโลกการเงินแบบ DeFi ที่แม้ว่าเราจะไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหรือผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม แต่ถ้าแพลตฟอร์ม DeFi นั้นมีลักษณะหลอกลวงคนเข้าไปลงทุนในลักษณะของแชร์ลูกโซ่ เราก็สามารถแจ้งความเอาผิดเจ้าของแพลตฟอร์มดังกล่าวได้

เพียงแต่ความยากของการดำเนินคดีกับพวกที่โกงในโลกการเงินแบบ DeFi นี้อาจจะยากเสียหน่อย เพราะต้องอธิบายการทำผิดนั้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ ศาล เข้าใจก่อนว่า DeFi คืออะไร คนที่หลอกลวงคนให้เข้ามาลงทุนได้ทรัพย์สินอะไรไปบ้าง ซึ่งบางทีสิ่งที่เขาได้ไปอาจจะไม่ใช่เงินจริง ๆ แต่เป็น คริปโตเคอร์เรนซี เราก็ต้องอธิบายเรื่องของคริปโตเคอร์เรนซีหรือสินทรัพย์ดิจิทัลให้คนในกระบวนการยุติธรรมเข้าใจด้วย เขาถึงจะช่วยเราเอาผิดได้

สรุปแล้ว โลกการเงินแบบ DeFi แม้จะเป็นระบบการเงินที่ไร้ตัวกลาง ไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจ แต่ก็ไม่ใช่โลกที่ไร้กฎหมาย เรายังสามารถดำเนินคดีอาญากับคนที่เข้ามาหลอกลวงหรือฉ้อโกงได้เหมือนระบบการเงินปกติ เพียงแต่โลกการเงินแบบ DeFi นี้ เราจะต้องใช้ความระมัดระวังตัวมากขึ้นในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เนื่องจากไม่มีธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ สำนักงาน ก.ล.ต. เข้ามาช่วยสอดส่องดูแลนั่นเอง


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top