Wednesday, 9 July 2025
SPECIAL

เชียงใหม่ - ม.แม่โจ้ MOU ร่วมเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชงอินทรีย์ภาคเหนือ ปลูกกัญชงอินทรีย์-สร้างผลิตภัณฑ์ต่อยอดเชิงพาณิชย์-บันทึกข้อมูลระบบ Cloud เพื่อประโยชน์แก่เกษตรกร

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม 2564 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชงอินทรีย์ภาคเหนือ (Northern organic Hemp: NOH) ซึ่งประกอบไปด้วยวิสาหกิจชุมชนจากจังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และลำพูน จำนวน 16  วิสาหกิจชุมชน ในโครงการปลูกกัญชงสายพันธุ์ที่ให้สารสำคัญสูง เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตในภาคเหนือของประเทศไทย ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพและจัดทำเป็นฐานข้อมูลสะดวกใช้ในระบบ Cloud 

โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ นายสุชาติ  อินต๊ะเขียว ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกกัญชงอินทรีย์ภาคเหนือ เป็นผู้แทนลงนามทั้งสองฝ่าย โอกาสนี้ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(ปฏิบัติงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) และ ดร.ธนสาร  ธรรมสอน ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวแสดงความยินดีและให้กำลังใจ (ผ่านระบบออนไลน์) แก่เกษตรกรในเครือข่ายที่ได้ร่วมโครงการกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้  ทั้งนี้ มีคณะผู้บริหารของทางสองหน่วยงานร่วมเป็นสักขีพยายาน ณ สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้

โครงการปลูกกัญชงสายพันธุ์ที่ให้สารสำคัญสูง เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตในภาคเหนือของประเทศไทย ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพและจัดทำเป็นฐานข้อมูลสะดวกใช้ในระบบ Cloud  เป็นโครงการที่ทั้งสองฝ่ายมีเจตนารมณ์ร่วมกันในการขอรับอนุญาตผลิต (ปลูก)กัญชง ผลิตผลิตภัณฑ์จากพืชกัญชงและนำผลผลิตและผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์  โดยร่วมกันสนับสนุนองค์ความรู้ และนวัตกรรมในเกษตรกรเพาะปลูกกัญชงระบบเกษตรอินทรีย์  ร่วมกันทดลองสายพันธุ์กัญชงที่มีเสถียรภาพ ผลผลิตต่อไร่สูง ให้สารสำคัญ CBD สูง มี THC ต่ำตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของภาคเหนือ และยังดำเนินการรวบรวมและพัฒนาข้อมูลการปลูกกัญชงอินทรีย์ทั้งกระบวนการ แล้วจัดเก็บฐานข้อมูลในระบบคลาวด์ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานและเป็นต้นแบบให้แก่เกษตรกร และประชาชนที่สนใจต่อไปในอนาคต  

ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันแต่งตั้งคณะทำงานและนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญมาร่วมพัฒนาและมอบหมายให้ผู้แทนของแต่ละฝ่ายได้ตกลงกันในรายละเอียดภายใต้วัตถุประสงค์และขอบเขตความร่วมมือ หน้าที่และความรับผิดชอบตามที่กำหนด โดยบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ มีกำหนดระยะเวลา 5 ปี


ภาพ/ข่าว  วิภาดา

พิจิตร - คุณพระช่วย! พระครูยังวัดสามง่าม ยกสำนักปฏิบัติธรรมสถานที่สุดหรูให้เป็นโรงพยาบาลสนาม

นายกอบจ.พิจิตร ร่วมสนับสนุนช่วยเหลือบวรร่วมใจ บ้าน วัด ราชการ  รวมพลังต้านโควิดที่กำลังแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดพิจิตร อีกทั้งมีผู้ป่วยที่อยู่กรุงเทพฯและปริมณฑลแห่ขอกลับบ้านหาที่พักรักษาตัว ล่าสุด พระครูพินิตปัญโญภาส “พระครูยัง” เจ้าอาวาสวัดสามง่าม ยอมสละสำนักปฏิบัติธรรมที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่เอี่ยมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ให้นายอำเภอจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนาม 100 เตียง 

วันที่ 9 สิงหาคม 2564  พ.ต.อ. กฤษฎา  ภัทรประสิทธิ์  นายก อบจ.พิจิตร ลงพื้นที่ไปที่สำนักปฏิบัติธรรมวัดสามง่าม อ.สามง่าม โดยได้นำสิ่งของและเตียงสนามจำนวน 50 เตียง ไปมอบให้กับ นายสุภโชค ศิลปคุณ / นายอำเภอสามง่าม ที่กำลังจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 3 โดยใช้สำนักปฏิบัติธรรม ซึ่งจัดสร้างขึ้นโดย พระครูพินิตปัญโญภาส “พระครูยัง” เจ้าอาวาสวัดสามง่าม ที่มีวัตถุประสงค์จะใช้คารสถานที่แห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรมสอนวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งสร้างอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่  มีอาคารและภูมิทัศน์ที่สวยงามมีพระประธานองค์ใหญ่ มีศาลาปฏิบัติธรรม มีอาคารที่เป็นที่พักของญาติโยมอีก 30 หลัง (ซึ่งจะยกให้ใช้เป็นอาคารที่พักของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน) รวมมูลค่าสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 50 ล้านบาท

โดย “พระครูยัง” เจ้าอาวาสวัดสามง่าม ที่เป็นพระนักปฏิบัติสละกิเลสไม่ยึดติดกับวัตถุเพราะของทุกสิ่งในวัดที่มีและได้มาล้วนเป็นสิ่งของที่ได้มาจากเงินบริจาคของญาติโยมทั้งสิ้นในเมื่อช่วงนี้บ้านเมืองวิกฤตญาติโยมมีภัยจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดท่าน จึงยินดี ยินยอมยกสละอาคารสถานที่แห่งนี้ให้เป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 3  ของอำเภอสามง่ามเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ใช้เป็นจุดพักคอยหรือที่พักรักษาตัวของผู้ที่ติดเชื้อโควิดกลุ่มสีเขียว ซึ่งนับได้ว่าเป็นโรงพยาบาลสนามที่สวยหรูที่สุดในจังหวัดพิจิตรก็ว่าได้ เนื่องจากภายในอาคารศาลาการเปรียญมีพระประธานให้ผู้ป่วยได้กราบไหว้เข้าถึงรสพระธรรม ภายในอาคารสูงโปร่งโล่งสบายประดับประดาอย่างสวยงามเนื่องจากตั้งอยู่ริมถนนแวดล้อมไปด้วยทุ่งนา ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีห้องน้ำ / ห้องสุขา จำนวนมากกว่า 20 ห้อง อีกด้วย

ในส่วนของ นายสุภโชค ศิลปคุณ นายอำเภอสามง่าม กล่าวว่า ขณะนี้ อ.สามง่ามมีโรงพยาบาลสนาม รวม 3 แห่ง มีจำนวน 200 เตียง ซึ่งมั่นใจว่าจะพอเพียงแก่การให้บริการประชาชน อีกทั้งยังมีศูนย์พักคอยตามตำบลต่าง ๆ รองรับอีกหลายแห่งอีกด้วย

สำหรับสถานการณ์ภาพรวมจังหวัดพิจิตรเมื่อวานที่ผ่านมา (8 ส.ค.64) มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ70 ราย มีผู้ป่วยสะสม (ระลอกเมษายน 64)รวม 1,958 ราย มีผู้รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 973 ราย 


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

ตำรวจสภ.กาฬสินธุ์ จับหนุ่มวัย 24 ปี ขายยา ‘ทรามาดอล’ ให้กลุ่มวัยรุ่น พบสั่งซื้อทางออนไลน์

ตำรวจสภ.เขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซ้อนแผนจับหนุ่มวัย 24 ปี พร้อมของกลางยาแก้ปวดทรามาดอล หรือยาเขียวเหลือง โดยในกลุ่มวัยรุ่นเรียก “ยาเสียสาว” จำนวน 110 เม็ด หลังสั่งซื้อทางออนไลน์มาขายให้กับกลุ่มนักเรียนหญิง นำมาผสมน้ำอัดลมดื่มช็อคล้มทั้งยืนเกือบเสียชีวิต พร้อมออกขอความร่วมมือร้านขายยาในพื้นที่ห้ามจำหน่ายให้กับวัยรุ่น ขณะที่พ่อเด็กหญิงวัย 14 ปี ขอให้ลูกสาวเป็นกรณีตัวอย่าง

จากกรณีพ่อวัย 36 ปี ชาวอำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ โพสต์เตือนภัยเกือบสูญเสียลูกสาว หลังทานยาแก้ปวด ทรามาดอล หรือยาเขียวเหลือง โดยในกลุ่มวัยรุ่นเรียก “ยาเสียสาว” มาผสมน้ำอัดลมดื่ม ก่อนมีอาการเคลิ้มช็อคล้มทั้งยืนเกือบเสียชีวิตโชคดีแพทย์รักษาได้ทัน

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 9 สิงหาคม 2564 ที่สภ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.กันตพัฒน์  ภาคธรรม ผกก.สภ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า สำหรับกรณีดังกล่าว ทางตำรวจสภ.เขาวงได้ทราบเรื่องจากของผู้ปกครองที่โพสต์เรื่องราวของลูกสาวตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 5 สิงหาคม 2564 แล้ว จากนั้นวันที่ 6 สิงหาคม 2564 ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.เขาวง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเขาวง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จับกุมตัวนายธีรุตม์  อุทโท อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 หมู่ที่ 2 ต.คุ้มใหม่ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ หลังจากเจ้าหน้าที่ขยายผลจากกลุ่มเด็กนักเรียนพบว่าได้ซื้อยา ยาทรามาดอล มาจากนายธีรุตม์ 

โดยเจ้าหน้าที่ได้วางแผนติดต่อซื้อยาทรามาดอลทางเฟสบุ๊ค จำนวน  20  เม็ด เป็นเงิน  140  บาท จากนายธีรุตม์ กระทั่งได้นัดให้มารับยาที่สั่งซื้อ เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวได้ที่ร้านตัดผมแห่งหนึ่งใน ต.กุดสิมคุ้มใหม่ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลางยาทรามาดอลที่ล่อซื้อ 20 เม็ด และจากการตรวจค้นในร่างกายอีก 90 เม็ด รวมเป็น 110 เม็ด จึงนำตัวมาสอบสวน

พ.ต.อ.กันตพัฒน์กล่าวอีกว่า จากการสอบถามเบื้องต้น นายธีรุตม์  ยอมรับว่าได้นำยาทรามาดอลขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นนักเรียนหญิงจริง โดยสั่งซื้อทางออนไลน์ และส่งมาทางพัสดุจากนอกพื้นที่ ก่อนจะนำมาขายให้กับกลุ่มวัยรุ่น  โดยในพื้นที่ อ.เขาวง เจ้าหน้าที่เพิ่งพบเป็นเคสแรก ซึ่งจะทำการขยายผลไปยังแหล่งที่มาของยา  ส่วนนายธีรุตม์ได้นำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหา "ขายซึ่งยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต (ความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510)

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.กันตพัฒน์ ภาคธรรม ผกก.สภ.เขาวง พร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจ ฝ่ายปกครอง และสาธารณสุข ยังได้ออกรณรงค์กับร้านจำหน่ายยาในพื้นที่ อ.เขาวง เพื่อขอความร่วมมือห้ามจำหน่ายยาดังกล่าวให้กับวัยรุ่น และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งร้านขายยาทุกแห่งต่างก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมทั้งฝากเตือนกลุ่มวัยรุ่นที่อยากลองอาจจะเสี่ยงเกิดอันตรายถึงชีวิต และฝากเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบขายหากถูกจับได้จะต้องถูกดำเนินคดีโทษหนักจำคุก 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท

ขณะที่อาการของเด็กหญิงวัย 14 ปี ล่าสุดแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้แล้ว โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามอาการกับนายปรีดา ศรีวรขันธุ์  36 ปี ผู้เป็นพ่อ ทราบว่า ลูกสาววัย14 ปี ซึ่งได้ออกจากโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา และมารักษาตัวต่อที่บ้าน ซึ่งล่าสุดลูกสาวมีอาการดีขึ้นตามลำดับแต่ยังรับประทานยาฆ่าเชื้ออยู่ ในส่วนของด้านสภาพจิตใจคงต้องใช้เวลารักษาสักระยะเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบกระเทือนจิตใจของเด็กและครอบครัวมากตน เพราะเกือบเอาชีวิตไม่รอดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อยากลอง แต่ก็อยากฝากเตือนภัย และอยากฝากถึงผู้ปกครองช่วยกันสอดส่องพฤติกรรมบุตรหลาน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีก ให้กรณีของลูกสาวตนเป็นเคสสุดท้าย


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์ ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

สุโขทัย - อบจ.สุโขทัย ร่วมส่งเสริมอุปกรณ์ด่านหน้าชุด Rapid Test และชุด PPE ให้สาธารณสุขสุโขทัย หวังเร่งแยกกลุ่มที่ติดเชื้อออกจากชุมชนให้ได้เร็วที่สุด

วันนี้ 9 สิงหาคม 2564 เวลา 09.30 น. นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย พร้อมด้วย นายเขตพงศ์ กุลนาถศิริ รองนายก อบจ.สุโขทัย ผู้บริหารและบุคลากรในสังกัด อบจ.สุโขทัย ลงพื้นที่มอบชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบเร็ว (Rapid Antigen Test) จำนวน 2,000 ชุด และชุด PPE 1,000 ชุด ให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 โดยใช้ชุดตรวจในขั้นต้นเพื่อคัดกรองแยกกลุ่มที่ติดเชื้อ ออกจากชุมชนให้ได้เร็วที่สุด เพื่อให้การทำงานในการรักษาและแยกกลุ่มให้เร็วขึ้นทันท่วงที ยับยั้งการแพร่กระจายผู้ติดเชื้อ มีนายแพทย์ปองพล วรปาณิ นายแพย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย พร้อมแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย เป็นตัวแทนรับมอบ ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย

นอกจากนี้ นายกมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.และอบจ.สุโขทัย ยังให้การสนับสนุนชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 และชุด PPE แก่บุคลากรด่านหน้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีส่วนสำคัญในการป้องกันและบรรเทาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดสุโขทัย เพื่อออกปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพอีกด้วย

นายแพทย์ปองพล วรปาณิ นายแพย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่าทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย จะได้มีการจัดสรร ชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบเร็ว (Rapid Antigen Test)และชุด PPE ไปยังหน่วยงานสาธารณสุขและโรงพยาบาลในสังกัด 9 อำเภอ ในจังหวัดสุโขทัยต่อไป 


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

สตูล - เหล่ากาชาดสตูล ส่งมอบชุดธารน้ำใจ กู้ชีวิตฝ่าวิกฤตโควิด 100 ชุด และฟ้าทะลายโจรจำนวน 3,000 แคปซูล พร้อมของใช้จำเป็น เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล

วันนี้ 9 สิงหาคม 2564 ณ ท่าเรือ อาคีร่า คาร์โก้ ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยนาวาตรีหญิงโนสมา หลีเส็น นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล สมทบ “ชุดธารน้ำใจ กู้ชีวิตฝ่าวิกฤต COVID-19” จำนวน 100 ชุด น้ำดื่ม จำนวน 100 แพ็ค ฟ้าทะลายโจรจำนวน 3,000 แคปซูล ชุดหน้ากากอนามัย สบู่ แชมพู เจลแอลกอฮอล์จำนวน 33 ชุด สเปรย์กันยุง จำนวน 15 ขวด มุ้ง จำนวน 10 หลัง ผ้าห่ม จำนวน 10 ผืน พร้อมกันนี้ นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูลสนับสนุนชุดเครื่องนอนและพัดลมจำนวนหนึ่งด้วย.เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชน ผู้กักตนเองอยู่ในบ้านพัก หรือผู้กักกันในสถานกักกันโรคท้องที่ (LQ) ในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล

ทั้งนี้ หากประชาชนผู้กักตนเองอยู่ในบ้านพัก (HQ) ประสบปัญหารายได้ไม่เพียงพอ ถูกเลิกจ้างงาน หรือไม่มีรายได้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก โรค COVID-19 มีความประสงค์ขอรับการสนับสนุนชุดธารน้ำใจฯ หรือความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ สามารถแจ้งทีมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในพื้นที่ เพื่อพิจารณาคัดกรอง และร้องขอรับความช่วยเหลือผ่าน แอปพลิเคชัน “พ้นภัย” และหากเป็นประชาชนกลุ่มเปราะบางผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ประสบความเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ผ่านหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 /ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ/ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล หมายเลขโทรศัพท์ 074 711 998, 093 583 7496 หรือ Facebook page “เหล่ากาชาดจังหวัดสตูล”

นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ ภายในวันอาทิตย์นี้ (7 ส.ค.64) จะทยอยนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งทั้งหมด และงดการท่องเที่ยว หยุดการเดินเรือ และงดการเดินทางเข้าออกเกาะหลีเป๊ะ เป็นเวลา 28 วัน (วันที่ 9 ส.ค.- 5 ก.ย.64) ส่วนเรือขนส่งสินค้าอุปโภค - บริโภค ยารักษาโรคเวชภัณฑ์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชน เรือขนส่งขยะ จะมีพนักงานคัดกรอง ส่วนพื้นที่มีที่การแพร่ระบาดบนเกาะหลีเป๊ะทางจังหวัดสตูลมีมาตรการล็อคดาวน์เดินทางเข้าออก 14 วัน และพื้นที่อื่น ๆ ประกาศเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 21:00 น ถึง 04:00 น. ขอความร่วมมือให้อยู่กับบ้าน ออกนอกพื้นที่เฉพาะมีเหตุจำเป็น เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ตราด - ทหารเรือในทุกพื้นที่ของท้องทะเลอ่าวไทยและอันดามัน ยังคงห่วงใยพี่น้องประชาชน ภายใต้สถานการณ์ Covid -19 เร่งช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน

เมื่อ 8 ส.ค. 64 หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ทัพเรือภาคที่ 1 โดยหมู่เรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 (มชด./1) ส่งเรือ ต.237 ออกลาดตระเวนในพื้นที่เกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด พร้อมทั้งจัด จนท.พยาบาลทหารเรือกับยาและเวชภัณฑ์ จำนวนหนึ่ง ตั้งโต๊ะข้างเรือ บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวใหญ่ เกาะกูด ให้บริการตรวจรักษาเบื้องต้นและให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่เกาะกูด อีกทั้งยังแจกจ่ายยา อาธิ ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาแก้ไอ เป็นต้น ให้แก่ประชาชนอีกด้วย

นอกจากนี้ ในระหว่างลาดตระเวนมีการตรวจเยี่ยมเรือประมง เอกชัย กลางทะเล ทางเรือได้สอบถามข้อมูลและมอบยาเวชภัณฑ์ พร้อมกับหน้ากากอนามัย ให้กับเรือประมงลำดังกล่าว เพื่อใช้ในการป้องกันตัวเองจากการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid -19 ด้วยเช่นกัน

ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ตอบสนองนโยบายของ กองทัพเรือ และ แนวทางของ พล.ร.ท.โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ที่มอบให้ น.อ.เกียรติกูล สุวรรณ รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1/ผู้บังคับหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน(ผบ.มชด.) กำกับให้เรือใน มชด. เมื่อออกทำการลาดตระเวน ให้เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง และยังคงให้เรือใน มชด./1 เตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือ ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อ covid -19 ทางทะเล ตามเกาะต่าง ๆ ในพื้นที่ จว.ตราด ให้ได้ทันที ตลอด 24 ชม. เมื่อมีการร้องขอ


ภาพ/ข่าว  เรือ ต.237-กองกิจการพลเรือนทัพเรือภาคที่ 1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

หลาย ๆ คนมักมีปัญหาใน ”การจัดฟัน” ที่ใช้เวลาอย่างมากถ้าเครื่องมือจัดฟันอยู่ในช่องปากเรานานเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียในระยะยาวได้ การมีวินัยในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในการจัดฟัน

การจัดฟัน เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ช่วยให้การเคี้ยวอาหารดีขึ้น ฟันเรียงเรียบสวย มีบุคลิกภาพดี รู้สึกมั่นใจมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การมีเครื่องมือจัดฟันอยู่ในปากนานเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดี และมีความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น แปรงฟันทำความสะอาดยาก เกิดฟันผุ หินปูน เหงือกอักเสบ และเครื่องมือบาดกระพุ้งแก้มเป็นแผล เป็นต้น เพราะฉะนั้นวันนี้หมอมี 7 วิธี ที่ช่วยให้การจัดฟันเสร็จไวขึ้น 

1.) หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่มีลักษณะแข็ง เช่น ห้ามเคี้ยวน้ำแข็งเด็ดขาด ส่วนของทอดกรอบ เมล็ดถั่วต่าง ๆ ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง หรือให้เคี้ยวเบา ๆ เพราะการเคี้ยวอาหารที่มีลักษณะแข็งมีโอกาสทำให้เครื่องมือจัดฟันหลุดหรือทำให้ลวดจัดฟันงอและบิดเบี้ยว ส่งผลให้ฟันเคลื่อนที่ผิดทางหรือล้มเอียงตามลวดที่บิดงอ ทำให้ทันตแพทย์จัดฟันต้องเสียเวลาแก้ไขความผิดปกติมากขึ้นและเพิ่มระยะเวลาในการจัดฟันนานขึ้นได้

2.) หลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง ลูกอม ของหวาน และน้ำอัดลม เพราะมีโอกาสทำให้เกิดฟันผุในระหว่างจัดฟันได้

3.) ควรทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธี ด้วยการแปรงฟันให้สะอาด การใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ หรือใช้อุปกรณ์เสริมตามคำแนะนำของทันตแพทย์จัดฟัน เช่น แปรงซอกฟัน จะช่วยป้องกันการเกิดฟันผุและหินปูนที่ตัวฟัน ลดโอกาสเหงือกอักเสบระหว่างจัดฟัน และการมีเครื่องมือจัดฟันที่สะอาด ไม่มีหินปูนมาเกาะบนเครื่องมือจัดฟัน จะทำให้ฟันสามารถเคลื่อนไปบนลวดจัดฟันได้ไวขึ้น 

4.) คล้องยางจัดฟันสม่ำเสมอตามคำแนะนำของทันตแพทย์จัดฟัน ในบางขั้นตอนของการจัดฟัน ทันตแพทย์จัดฟันจำเป็นต้องให้คนไข้คล้องยางดึงฟัน หากคนไข้ไม่ให้ความร่วมมือในคล้องยางดึงฟัน ฟันก็จะไม่เคลื่อนไปในตำแหน่งที่ทันตแพทย์จัดฟันวางแผนไว้ โดยทั่วไปการคล้องยางดึงฟันนั้น ทันตแพทย์จัดฟันมักแนะนำให้คนไข้คล้องยางดึงฟันตลอดเวลา ยกเว้นช่วงทานอาหารและแปรงฟันเท่านั้น หมายความว่าใน 1 วันหรือ 24 ชั่วโมง คนไข้จำเป็นจะต้องใส่ยางดึงฟันอย่างน้อย 20 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเพียงพอที่ทำให้ฟันเคลื่อนที่ไปได้และจำเป็นต้องเปลี่ยนยางวงใหม่วันละ 1 ครั้ง 

5.) มารักษาตามนัดหมายเป็นประจำเพราะการจัดฟันจำเป็นจะต้องมาตรวจเช็ค ปรับเครื่องมือ และดึงฟัน หากไม่มาทำการรักษาตามนัดหมาย จะทำให้ระยะเวลาการรักษานานขึ้น อีกทั้งมีความเสี่ยงที่จะทำให้ฟันเคลื่อนผิดทิศทางหรือเคลื่อนมากเกินไป

6.) เลือกเครื่องมือจัดฟันที่เหมาะสมกับตนเอง โดยปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันที่ให้การรักษา เช่น เครื่องมือจัดฟันติดแน่นแบบรัดยาง เครื่องมือจัดฟันติดแน่นแบบไม่รัดยาง หรือเครื่องมือจัดฟันแบบใส เป็นต้น ซึ่งเครื่องมือแต่ละชนิดมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกัน

7.) เลือกคลินิกที่สามารถเดินทางได้สะดวกหรือใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน เพราะถ้าเลือกคลินิกที่ต้องเดินทางไกล คนไข้มักจะเบื่อในการเดินทางมาคลินิก มีโอกาสที่จะขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง

จะเห็นได้ว่า การจัดฟันนั้นจำเป็นอย่างมากที่ต้องอาศัยความร่วมมือของคนไข้ หากคนไข้ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาแล้ว มักส่งผลให้การรักษาไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ทันตแพทย์จัดฟันวางแผนการรักษาไว้ได้ และทำให้ระยะเวลาการรักษายาวนานขึ้นได้


เขียนโดย : ทพ. โอภาศ วิวัฒน์วรกุล ทันตแพทย์เฉพาะทาง ทันตกรรมจัดฟัน

แม่ฮ่องสอน - “แอน ทองประสม” ดาราสาวสวยใจบุญ ช่วยเหลือราษฏรบ้านแม่แพน้อย เหมากะหล่ำปลีแจกจ่ายประชาชน ในโรงเรียน วัด และในพื้นที่ชายขอบ

"แอน ทองประสม"ดาราสาวใจบุญ ได้รับซื้อกะหล่ำปลีช่วยเหลือเกษตรกร บ้านแม่แพน้อย ต.กองก๋อย อ.สเบมย จ.แม่ฮ่องสอน ที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ  แจกจ่ายให้พี่น้องประชาชน โรงเรียนตามแนวชายขอบ วัด ตลอดจนหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน รวม 6,900 กิโลกรัม โดยชาวบ้านได้มายืนต่อคิว นำถุงกระสอบปุ๋ยมาใส่กระหล่ำปลี คนละ 4-5 หัว ส่วนโรงเรียนที่ต้องนำไปเป็นอาการกลางวันเด็ก เลี้ยงเด็กพักนอน หรือวัด หน่วยงานต่าง ๆ ก็ได้นำรถกระบะมาใส่เฉลี่ยกันไป

เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจาก นางนงนุช  วิชชโลกา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่แพน้อย ซึ่งได้เป็นผู้ประสานงาน กับทาง คุณแอน ทองประสม ดาราสาวสวยใจดี  ในการรับซื้อกะหล่ำปลี จากราษฏรบ้านแม่แพน้อย ต.กองก๋อย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เนื่องจากตนเองรู้สึกสงสาร ชาวบ้านที่ปลูกกะหล่ำปลี แต่ราคาตกต่ำมาก ประสบสภาวะขาดทุน จึงได้ประสานขอความช่วยเหลือ จากดารานักแสดงชื่อดัง ซึ่งคุณแอน ทองประสม ก็ได้ตกลงใจรับซื้อกะหล่ำปลีของราษฏรบ้านแม่แพน้อย จำนวน 3 คันรถ น้ำหนัก 6,900 กิโลกรัม ให้นำไปแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชนชาวอำเภอแม่สะเรียง และให้กับโรงเรียนในเขต อ.แม่สะเรียง อ.สบเมย และ อ.แม่ลาน้อย สังกัด สพป.แม่ฮ่องสอน เขต 2 จำนวนหลายสิบแห่ง ที่เดินทางมารับกะหล่ำปลี เพื่อนำไปประกอบเป็นเมนูอาหารกลางวัน หรืออาหารเด็กพักนอน รวมไปถึงวัด หน่วยงานตามแนวชายแดนต่าง ๆ เป็นต้น

ซึ่งทุกคนต่างแห่ชื่นชมในความใจบุญของดาราสาวที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้ความลำบาก ทั้งเจ้าของกะหล่ำปลี และพี่น้องประชาชนที่ประสบความเดือดร้อน ตกงาน ขาดรายได้ ให้มีกำลังแรงใจที่จะยืนหยัดและสู้ต่อไป โดยทุกคนฝากขอบคุณดาราสาว แอน ทองประสม ที่ได้ซื้อกะหล่ำปลีแจกจ่ายในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ธารน้ำใจ 'พญาอินทรี’ มอบแด่ 'พระครูแจ้' เจ้าอาวาสวัดดังบางพลี ถวายถังดับเพลิง 50 ถัง เพื่อใช้ป้องกันอัคคีภัย

ที่ภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายสวัสดิ์ เจริญวรชัย ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท ลีดเดอร์ ไฟร์ เซฟตี้ จำกัด และผู้อำนวยการ ฝ่ายปฎิบัติการพญาอินทรีบรรเทาภัย ศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี  พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี เดินทางไปยังวัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อนำถังดับเพลิง จำนวน 50 ถัง นำไปถวายให้กับท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  เพื่อใช้ป้องกันเหตุเพลิงไหม้ พร้อมทั้งให้ความรู้ ความเข้าใจและวิธีปฎิบัติที่ถูกต้องแก่พระสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ หรือเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นภายในวัด

โดยนายสวัสดิ์ เจริญวรชัย กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มจิตอาสา 9 องค์กรด้วยกัน และได้ดำเนินโครงการนี้มานานหลายปี โดยที่ผ่านมาได้มีการนำถังดับเพลิงไปถวายให้กับทางวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ไม่ต่ำกว่า 4,000 ถัง อีกทั้ง ตนเองได้ทำงานด้านจิตอาสามานานกว่า 47 ปี ตั้งแต่อายุ 16 ปี และได้ทำงานด้านจิตอาสาทำความดีเพื่อสังคมมาโดยตลอด

เนื่องจากตนเองนั้น มองเห็นว่าปัจจุบันวัดส่วนใหญ่จะไม่มีอุปกรณ์ใช้ป้องกันเหตุอัคคีภัย และที่ผ่านมาวัดส่วนใหญ่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้นั้นจะไม่มีถังดับเพลิง หรือ อาจมีจำนวนที่ไม่เพียงพอแต่หากวัดที่มีถังดับเพลิงติดตั้งอยู่ภายในวัดสามารถมองเห็นได้ชัดเจนก็จะสามารถนำมาใช้ระงับเหตุเพลิงไหม้ได้ และอาจจะไม่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างหากเข้าใจวิธีการปฎิบัติอย่างถูกต้อง และเข้าใจวิธีแก้ไขเหตุเฉพาะหน้าจนนำไปสู่การดับไฟที่ถูกต้อง และในวันนี้ที่ทางศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี นำถังดับเพลิงมาถวายให้กับท่าน  พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้)  เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง  มีจำนวน  50 ถัง โดยมีถังดับเพลิงขนาด 10 ปอน จำนวน 16 ถัง และถังดับเพลิงขนาด 15 ปอน จำนวน 34 ถัง นำมาถวายให้กับทางวัดฟรี  ดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด อีกทั้ง ถังดับเพลิงที่ทางวัดนำไปใช้แล้วเกิดหมดทางศูนย์ของเราก็จะดำเนินการนำถังไปบรรจุก๊าชให้ใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกัน

ในวันนี้ โดยทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการติดตั้งถังดับเพลิงบริเวณพื้นที่โดยรอบของวัดและมองเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ ทางศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี ยังมีเจ้าหน้าที่ชำนาญการมาให้ความรู้และทำการสาธิตวิธีการดับไฟ รวมถึงการระงับเหตุเพลิงไหม้อย่างถูกต้องและถูกวิธีอีกด้วย

ส่วนสาเหตุที่ตนเองนั้นนำถังดับเพลิงมาถวายให้กับทางวัดบางพลีใหญ่กลางแห่งนี้ เนื่องจากว่ามีความเลื่อมใสศรัทธา ท่านพระครูแจ้ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เนื่องจากตนเองได้สูญเสียมารดาที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 และทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้รับดำเนินการเผาศพมารดาของตนให้ฟรี โดยทางวัดไม่เรียกร้องค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ประกอบกับตนเองมองเห็นว่าวัดบางพลีใหญ่กลางนั้นไม่มีถังดับเพลิงติดตั้ง จึงมีความห่วงใยและมีความตั้งใจที่จะนำถังดับเพลิงมาถวายให้กับทางวัดบางพลีใหญ่กลางแห่งนี้ เพื่อไว้ใช้ประโยชน์ต่อไป

อย่างไรก็ตามหากวัดใดที่มีความประสงค์อยากมีถังดับเพลิงติดตั้งไว้ภายในวัดเพื่อไว้ใช้ประโยชน์ ไว้ใช้ป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดจากอัคคีภัย หรือไฟฟ้าลัดวงจร ทางศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี หรือบริษัท ลีดเดอร์  ไฟร์ เซฟตี้ จำกัด ก็พร้อมที่จะร่วมทำบุญถวายให้กับทางวัดฟรี และเข้าไปดำเนินการติดตั้งให้ฟรีอีกด้วย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 081-306-8254 และ 086-336-7462 เบอร์โทรสำนักงาน 02-524-2227-9 (สวัสดิ์  เจริญวรชัย)


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ  รายงาน

ผู้กล้าหนองคาย! ‘พรรคกล้า’ ผุด ‘ศูนย์กล้าดูแล’ ต่อเนื่อง เดินหน้าสร้างศูนย์พักคอย แยกกักตัวผู้ติดเชื้อ จ.หนองคาย

เปิดศูนย์กล้าดูแล แห่งที่ 7-10 ณ จังหวัดหนองคาย  -  ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี ผู้อำนวยการพรรคกล้า กิตติพงษ์ ถิ่นศรี ผู้กล้าหนองคาย พร้อมด้วยทีมงานผู้กล้าจังหวัดหนองคาย พร้อมใจกันมาร่วมเปิด "ศูนย์กล้าดูแล" แห่งที่ 7 หมู่บ้านสมสะอาด ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย 
แห่งที่ 8 หมู่บ้านสวยหลง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย
แห่งที่ 9 หมู่บ้านดาวเรือง ต.โพนสว่าง  อ.เมือง จ.หนองคาย         
แห่งที่ 10  อบต.นาข่า  อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย 



เพื่อให้ที่นี่ เป็นศูนย์พักคอย แยกกักตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระดับสีเขียว ตัดวงจรระบาดในครอบครัวและชุมชน 

นอกจากนี้ ยังมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น

หากชุมชนใดสนใจ อยากจัดตั้งศูนย์พักคอย เพื่อคนในชุมชน สามารถติดต่อเราได้ เราพร้อมสนับสนุนเต็มที่ 



#พรรคกล้า#เรามาเพื่อลงมือทำ#สร้างสรรค์แต่ไม่ยอมจำนน

“จุรินทร์”เผย ผลถกล้ง-ผู้ว่าฯ3 จว.แก้ปัญหามังคุดตกต่ำ ราคาพุ่ง 13-15 บ.แล้ว ระบุซัพพลายเออร์ ทำสัญญารับซื้อแล้ว 2 หมื่นตัน ยันไข่ไก่ในปท.ไม่ขาด แม้ราคาพุ่งสูง ขอปชช.อย่ากักตุนสินค้า สั่งตรวจสอบค้ากำไรเกินควรเอาผิดจำคุก 7 ปี -ปรับ1.4 แสน

เมื่อวันที่ 8 ส.ค.เวลา 10.30 น.ที่ห้างแม็คโคร สาขาสามเสน บางกระบือ ถนนสามเสน กรุงเทพฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค ถึงการแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ โดยการดึงห้างสรรพสินค้าเข้ามามีส่วนร่วมจะสามารถช่วยดึงราคาได้มากน้อยแค่ไหน ว่า ห้างสรรพสินค้าที่ช่วยนำมังคุดจากภาคใต้ที่ออกเยอะในขณะนี้ มาช่วยขายในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศรวมทั้งกรุงเทพฯ เพราะถือว่ามีส่วนช่วยมากเนื่องจากถือเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยระบายตลาดภายในประเทศและช่วยให้ราคาหน้าสวนที่เกษตรกรขายได้ราคาดีขึ้น  ซึ่งการรับซื้อหน้าสวนอาทิ มังคุดคละกิโลกรัมละ 17 บาท แต่ในภาพรวมเราไม่ได้ใช้ช่องทางส่งเสริมการขายของเกษตรกรในประเทศเฉพาะส่งในห้างสรรพสินค้า แต่ห้างสรรพสินค้าเป็นช่องทางหนึ่งที่ต้องขอขอบคุณ ทั้งนี้ยังมีหลายฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ เช่นภาคเอกชน ปั้มปตท. และปั้มบางจาก ซึ่งหากประชาชนไปเติมน้ำมันก็จะมีมังคุดแถมฟรีด้วย นอกจากนี้บริษัทไปรษณีย์ไทยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ในการช่วยเป็นช่องทางระบายมังคุด จากเกษตรกรโดยตรงส่งไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยส่งผ่านไปรษณีย์ และกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในสนับสนุนกล่องที่จะบรรจุมังคุดให้ฟรีไว้ที่ไปรษณีย์ 

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้หัวใจสำคัญที่สุดอีก 2 มาตรการที่มีผลให้มีการรับซื้อมังคุดเพิ่มขึ้นในปริมาณที่มาก คือ 1.กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการเชิงรุกตั้งแต่ต้นมือในการนำห้างสรรพสินค้าและซัพพลายเออร์ต่างๆที่ไปช่วยรับซื้อมีการทำสัญญาล่วงหน้า เพื่อซื้อมังคุดจากเกษตรกรซึ่งขณะนี้สามารถทำสัญญาไปแล้ว 20,000 ตัน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ใหญ่มาก ที่จะช่วยระบายมังคุดในราคาที่เกษตรกรพอใจ ตั้งแต่ก่อนมังคุดภาคใต้ออก และ 2.การที่จะต้องมีล้งเข้าไปรับซื้อในพื้นที่เพราะถ้าไม่มีเกษตรกรจะต้องขายเองตามช่องทาง  ย้ำว่าล้งสำคัญ เพราะก่อนหน้านี้ล้งที่เข้าไปซื้อในพื้นที่ภาคใต้มีปัญหามาก เพราะตอนที่มังคุดออกในภาคตะวันออกล้งเต็มไปหมดในพื้นที่ช่วยให้เกษตรกรขายมังคุดได้ราคาดีมาก เช่น มังคุดคัดเกรดกิโลกรัมละ100-200 บาทโดยเฉลี่ย แต่พอมังคุดในพื้นที่ภาคใต้ออกตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นมา  ปรากฏว่าเป็นช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ทำให้ล้งที่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกทั้งหมดส่วนใหญ่ลงไปรับซื้อในพื้นที่ภาคใต้ไม่ได้  ซึ่งในช่วงนี้ราคาเหลือ 5-7 บาท ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนมาก 

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ขณะนั้นมีล้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเพียง 40-50 ล้งเท่านั้น แต่หลังจากที่ตนเรียกประชุมล้งทั้งประเทศเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมมราช ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร และผู้ว่าจังหวัดจันทบุรี มาพูดคุยกันปรากฏว่าทั้ง 3 จังหวัดพร้อมบริการเคลื่อนย้ายล้งจากจันทบุรีไปในพื้นที่ภาคใต้และเคลื่อนย้ายแรงงานตามไปด้วย ขณะนี้จังหวัดนครศรีธรรมมราช ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานตนและอธิบดีกรมการค้าภายในว่ามี 200 กว่าล้งแล้ว  ฉะนั้นทำให้การระบายมังคุดลื่นไหลขึ้นและราคามังคุดคละเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 4-7 บาท ซึ่งตอนนี้ขึ้นไปในราคา 13-15 บาทแล้ว ยืนยันว่าเราจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป หวังว่ามาตรการทั้งหมดจะช่วยผ่อนคลายได้ และที่สำคัญจะต้องขอความร่วมมือจังหวัดที่มีการขนส่งมังคุดกระจายไปยังทั่วประเทศ ให้มีการอำนวยความสะดวกรถบรรทุกที่ขนมังคุดให้สามารถผ่านด่านได้โดยสะดวกด้วย ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องปฏิบัติตามของแต่ละพื้นที่

 เมื่อถามว่า ในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภคได้มีการเตรียมมาตรการรองรับแล้วหรือไม่นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นประเด็นที่เมื่อมีการล็อกดาวน์ในช่วงแรกประชาชนอาจจะตื่นตระหนกและกังวล ทำให้สินค้าขาดแคลน แต่ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายลงได้บ้าง ผู้บริโภคเริ่มเรียนรู้และเข้าใจว่าไม่ต้องกังวลว่าสินค้าจะขาดแคลน ซึ่งไข่ไก่ที่กังวลว่าจะขาดแคลน ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีสถานการณ์ที่ขาด ยกเว้นช่วงเวลาที่ห้างสรรพสินค้าเติมสินค้าไม่ทันแต่โดยภาพรวมไข่ไก่เฉลี่ยทั้งประเทศยังมีเพียงพอและถ้าหากขาดแคลนจริง กระทรวงพาณิชย์จะมีมาตรการในการเข้ามาแก้ปัญหาซึ่งขอยังไม่พูดในตอนนี้ เพราะจะสร้างความตื่นตกใจ และราคาไข่ไก่เบอร์ 3 ตอนนี้ฟองละ 3 บาท 50 สตางค์ ถือว่าสูงกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ถือเป็นช่วงฤดูกาลด้วยที่จะมีผลกับกลไกตลาด แต่เราก็พยายามดูอยู่ว่าถึงขั้นค้ากำไรเกินควรหรือไม่ถ้าหากว่ามีการค้ากำไรเกินควรในสินค้าตัวใดก็ตามตนสั่งการพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดไปแล้วว่าต้องใช้มาตรา 29 ที่ระบุว่า ใครค้ากำไรเกินควรจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และสินค้าจะต้องติดป้ายแสดงราคาถ้าไม่ติดป้ายจะปรับ 1 หมื่นบาท

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนเนื้อไก่ราคาอยู่ในช่วงที่ถือว่าลดลงกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะราคาน่องไก่ติดสะโพกกิโลกรัมละ 60 บาท หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 118-119 บาท แต่เมื่อเทียบกับหลายเดือนที่ผ่านมาที่กิโลกรัมละ 150- 170 บาทตอนนี้ถือว่าราคาลดลงมา ยืนยันว่าอย่ากังวลและอย่าซื้อสินค้ากักตุน ส่วนได้มีการประสานห้างสรรพสินค้าขอความร่วมมือเพิ่มสต๊อกในการสต๊อกสินค้าให้เพียงพอนั้น กรมการค้าภายในได้ประสานงานมาโดยตลอดถ้าติดขัดตรงไหนกระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปช่วยเหลือดูแล แต่ประเด็นสำคัญที่เกินกำลังกระทรวงพาณิชย์กระทรวงเดียวที่จะเข้าไปแก้ไขคือแรงงานสินค้าอุปโภคและบริโภค ซึ่งภาพรวมจะต้องเข้ามาช่วยดู รวมทั้งการสัญจรที่ทุกจังหวัดจะต้องเข้ามาอำนวยความสะดวกให้สินค้าอุปโภคและบริโภคสามารถข้ามแดนจังหวัดได้โดยสะดวกถ้าหากติดขัดมากของอาจจะเน่าเสียหรือส่งไปยังจุดกระจายสินค้าล่าช้าลงได้

'ผบช.สตม.'​ ตรวจเยี่ยม 'ตม.จว'​.ประจวบคีรีขันธ์ และจุดตรวจร่วมป้องกันการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด 19 ด่านบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ให้ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย  พ.ต.อ.สถิตย์ พรหมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง รอง ผบก.ตม.5 และ พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม. เดินทางตรวจเยี่ยม และมอบนโยบาย กำชับการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจ.ประจวบคีรีขันธ์ พบ พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ และข้าราชการ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปฏิบัติหน้าที่โดยเคร่งครัด 

จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจร่วมป้องกันการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด 19 ด่านบ่อฝ้าย อ.หัวหินจว.ประจวบคีรีขันธ์ พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน, เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จว.ประจวบคีรีขันธ์ ,เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ว.4 ร่วมบริเวณจุดตรวจฯ 

ทั้งนี้ ได้แสดงความห่วงใยต่อเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน และการใช้ชีวิต เนื่องจากห้วงเวลานี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 และได้กล่าวขอบคุณในความเสียสละ และได้อวยพรให้เจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 

ทั้งยังได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ อาทิ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และเครื่องอุปโภค บริโภค ให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน

​​​​​​

'บิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์'​ ดาราคู่ขวัญ ปันสุข ให้ประชาชนชาว 'บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้'​ (นนทบุรี)

(7 ส.ค.64)​ หมู่บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี "นายบิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์" ดารานักแสดงชื่อดัง /นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม (ต๋อง ศิษย์ฉ่อย) นักสนุกเกอร์ระดับโลก / นายสุรศักดิ์ ศรีเพ็ชร (เค เยาวราช) วีรบุรุษจิตอาสา / นายสุขสันต์ ไชยมาตร (ยาว ลูกหยี) นักแสดงตลกชื่อดัง พร้อมด้วยเหล่า อาสาสมัคร "มูลนิธิ ร่วมกตัญญู" จัดกิจกรรมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณ​ "หมู่บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้" นำปลากระพง (สดใหม่) มาบริการในราคาต่ำกว่าท้องตลาดมาก สืบเนื่อง ได้รับร้องขอความช่วยเหลือ "ผู้เลี้ยงปลากระพง" อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ กำลังประสบปัญหาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤตเชื่อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ และภาครัฐได้ขอร่วมถาคประชาชน ร้านค้า ร้านอาหาร งดให้บริการสำหรับลูกค้านั่งรับประทานอาหารภายในร้าน จึงไม่มีใครมาซื้อปลากระพง และประกอบด้วย "ปลากระพง" มีขนาดใหญ่ถึงเวลาที่จะต้องจับขายแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมาซื้อ จึงติดต่อขอความช่วยเหลือให้ “บิณฑ์-เอกพัน” รับซื้อปลากระพง ในราคากิโลกรัมละ 90 บาท จำนวนรวมๆกว่า 3,000 กิโลกรัม 

ในการนี้ "บิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์" ดาราคู่ขวัญใจประชาชนและวีรบุรุษจิตอาสา จึงเป็น"สะพานบุญ" รับซื้อ "ปลากระพง" ทั้งหมด และมีแนวความคิดที่อยากจะแบ่งปันจากบุญสู่บุญ นำปลากระพงที่รับซื้อมานั้นไปจำหน่ายต่ำกว่าราคาต้นทุนที่รับซื้อมาถึง 50% หรือ 2 กิโล 100 บาท ให้กับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของบ้านเอื้ออาทรต่างๆ โดยดำเนินการมาแล้วกว่า 15 แห่ง ซึ่งเจตนารมย์หลักของกิจกรรมในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้อง"ผู้เลี้ยงปลากะพง" และยังสามารถเป็นสะพานบุญนำปลากระพงสดๆ ให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย และกำลังประสบปัญหา ตกงาน ขาดรายได้ สามารถเข้าถึงการบริโภคอาหารที่มีคุณภาพดี มีประโยชน์ ราคาถูกมากๆ และสร้างรอยยิ้มให้กับคนในครอบครัวที่จะนำปลาไปประกอบอาหาร และรับประทานกันอย่างมีความสุข

อีกทั้งยังเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของกลุ่ม "ผู้เลี้ยงปลากระพง" ให้สามารถ มีเงินทุนไว้เพื่อประกอบอาชีพได้ในภายภาคหน้า 

ท้ายนี้ "นายชัยพร ภูผารัตน์" ผู้อำนวยการสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และ "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยและยังได้กล่าว ขอบพระคุณ คุณบิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ / กลุ่มดาราศิลปินตลก / นักกีฬาสนุกเกอร์ระดับโลก / เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู / เจ้าที่ภาครัฐ /ผู้นำชุมชน ที่ได้เสียสละ กำลังกาย กำลังทรัพย์ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยให้อยู่รอดปลอดภัย จากสถานการณ์ covid_19 นี้ไปด้วยกัน

Empathy คืออะไร ทำไมจึงเป็นทักษะสำคัญต่อการใช้ชีวิตของทุกคน เราจะสามารถพัฒนาทักษะนี้ได้อย่างไร?

คุณเคยผ่านช่วงชีวิตที่แย่ๆ จิตใจกำลังอ่อนแอ เผชิญปัญหาหนักๆ เพียงลำพังคนเดียวบ้างไหม? ในช่วงนั้นหากมีใครสักคนเข้าใจหัวอกของคุณอย่างลึกซึ้ง พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเรา ช่วยเหลือ สนับสนุน ให้กำลังใจเรา ในทุกประโยคทุกคำพูด ยืนอยู่ในมุมเดียวกับเรา เราจะรู้สึกดีมากแค่ไหน ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร เขามีทักษะสำคัญที่เรียกว่า Empathy

•  Empathy คืออะไร
Empathy คือ ความสามารถในการเข้าใจคนอื่นผ่านมุมมองของพวกเขา ในโลกยุคที่การใช้ชีวิตมีความซับซ้อนและคาดเดายาก เราต้องยิ่งอยู่ร่วมกับทุกคนให้ได้ ทักษะนี้เป็นส่วนสำคัญช่วยทำให้แต่ละคนเข้าใจซึ่งกันและกัน ส่งผลต่อการสร้างบรรยากาศที่ดี มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือกลุ่มชุมชนต่างๆ

• ทำไมจึงเป็นทักษะสำคัญต่อการใช้ชีวิตของทุกคน

จากสถิติ 80% พนักงานในกลุ่ม Millennials ลาออกจากงาน เพราะที่ทำงานขาด Empathy มากกว่า 60% บุคลากรในกลุ่ม Baby Boomers ลาออกเพราะที่ทำงานขาด Empathy  ยิ่งในครอบครัว พ่อแม่ให้ความรักลูกแบบไหน ถ้าพ่อแม่แสดงความรักต่อลูกอย่างเหมาะสม ลูกก็จะเห็นคุณค่าในตัวเอง สิ่งที่ตามมาคือ ลูกก็จะสามารถแสดงความรักต่อผู้อื่นเป็น 

ตรงกันข้าม หากพ่อแม่ที่เคยได้รับความรักที่ไม่เหมาะสมมา เช่น การถูกตามใจจนชิน เป็นหลานชายคนแรกของตระกูล พ่อแม่ญาติพี่น้องให้ความสำคัญจนเกินความเป็นจริง กระทั่งไม่รู้ผิดรู้ถูก ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร การแสดงความรักของพ่อแม่ที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ ลูกจะกลายเป็นคนไม่เห็นคุณค่าใคร ไม่เห็นอกเห็นใจใคร คนในครอบครัวขาดการเคารพกัน อาจถึงขั้นทำร้ายกันเอง และเมื่อมามีครอบครัวของตนเอง ก็จะส่งต่อความรักที่ไม่เหมาะสมแบบนี้แก่ลูกหลานต่อไป บรรยากาศครอบครัวเสียเพราะมีใครคนใดคนหนึ่งในครอบครัว ขาด Empathy 

• เราจะสามารถพัฒนาทักษะนี้ได้อย่างไร?

มาช่วยให้บ้านน่าอยู่ขึ้น ที่ทำงานน่าอยู่ สังคมน่าอยู่ ด้วยการปลูกฝังให้คนมี Empathy

หัวใจสำคัญของการมี Empathy  คือ การรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา พิจารณาจากพฤติกรรมต่างๆ ดังนี้  

-    สามารถแก้ปัญหาที่ยากๆ ได้ดีกว่าคนอื่น
-    ไม่กดขี่ข่มเหงคนอื่น ตรงกันข้ามจะเข้าช่วยเหลือเมื่อเห็นคนอื่นถูกรังแกมากกว่า
-    มีโอกาสเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ เพราะปรับตัวได้ง่ายและมีทักษะในการแก้ปัญหาที่ดี

ข้อเสนอแนะ 7 ขั้นตอนที่พ่อแม่ทำได้ง่ายๆ

1. แสดง Empathy ให้ลูกๆ เห็น เป็นที่ประจักษ์ชัด ทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดี เพราะแบบอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน หาจังหวะเวลาที่เหมาะสม บอกสอนเรื่องการเข้าอกเข้าใจผู้อื่น การเอาใจเขามาใส่ใจเรา 

2. อย่าละเลยความรู้สึกลูก อย่าทำให้ลูกรู้สึกว่าตนเองถูกละเลยหรือถูกทอดทิ้ง ลูกต้องรู้สึกว่ามีคนรับฟังและช่วยเหลือเขาอยู่ข้างพวกเขา เมื่อลูกรู้สึกปลอดภัยในขณะที่อยู่กับพ่อแม่ พวกเขาจะมีแนวโน้มในการส่งต่อความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น 

3. ฝึกให้ลูกแยกแยะเป็น ช่วยให้ลูกเข้าใจในอารณ์ที่เกิดขึ้นตามแรงกระตุ้นของสิ่งที่มากระทบ ทั้งทางลบและทางบวก เพื่อให้เขาได้เชื่อมโยงความรู้สึกของเขา เข้ากับคำพูด และสิ่งที่เข้ามากระทบอารมณ์ของพวกเขา เพราะถ้าพวกเขาเข้าใจความรู้สึกของตัวเองทั้งทางบวกและทางลบ เขามีแนวโน้มในการเข้าใจผู้อื่นเช่นกัน

4. มอบหมายหน้าที่ให้ทำ แม้นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ให้พวกเขามีส่วนร่วม และมอบหมายให้เป็นกิจจะลักษณะ รวมถึงกิจกรรมการกุศล การให้ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เด็กที่อยู่ในบรรยากาศแบบนี้มีแนวโน้มเข้าใจผู้อื่น

5. อย่าแก้ปัญหาให้ลูกทุกเรื่อง ปล่อยให้ลูกได้แก้ปัญหาเองบ้าง ปล่อยให้ลูกเรียนรู้ของความผิดหวังบ้าง จะได้ถือโอกาสสอนทักษะในการแก้ปัญหาให้กับลูกบ้าง สอนให้เขาคิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาเป็นจากปัญหาจริงที่เกิดขึ้น ไม่งั้นคุณจะกลายเป็นพ่อแม่รังแกฉัน เมื่อเด็กได้เรียนรู้ในการแก้ปัญหาเอง พวกเขาจะมีแนวโน้มในการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเมื่อเห็นผู้อื่นเดือดร้อน



6. สอนให้ลูกยอมรับผู้อื่นและตัวเอง ไม่พูดเปรียบเทียบชีวิตลูกกับชีวิตของใคร แต่ในทางกลับกัน สอนให้ลูกรู้ว่าเรามีอะไรที่เหมือนและแตกต่างจากคนอื่นบ้าง พาให้พวกเขาได้เห็นชีวิตของแต่ละคนมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน วิถีชีวิต สังคม และวัฒนธรรม แตกต่างกัน ชีวิตแต่ละคนมีโอกาสและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป

7. สอนให้ลูกช่วยเหลือผู้อื่นจากหัวใจ สอนให้ลูกมีจิตอาสา ทำความดีด้วยหัวใจ โดยไม่คำนึงถึงคำชม รางวัล หรือคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่ให้ทำความดีเพื่อความดีจริงๆ อธิบายให้เขาเข้าใจถึงผลรับของการกระทำ Action Reaction หากลงมือทำที่เหตุต้องไม่ปฏิเสธผล ดีก็รับ ไม่ดีก็ต้องรับ 

บทสรุปของการเอาใจเขามาใส่ใจเรา คือการเคารพความรู้สึกของผู้อื่น  ผลลัพธ์ที่ได้คือคนในครอบครัวเห็นคุณค่ากันและกัน เคารพซึ่งกันและกัน บรรยากาศบ้านก็น่าอยู่ ในทางกลับกันหากผู้นำครอบครัวมีใครคนใดคนหนึ่ง เอาแต่ใจตัวเอง ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น บรรยากาศบ้านก็เสีย เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่เคารพกัน ทำลายคุณค่าของกันและกันในที่สุด

การสร้าง Empathy ไม่ยาก แต่คนส่วนมากไม่ค่อยทำ ไม่อยากให้ใครมองข้ามเรื่องสำคัญ เมื่อรู้ผลลัพธ์แบบนี้คุณพ่อคุณแม่เรามาสร้าง Empathy ที่ดีในครอบครัวกันเถอะค่ะ ด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อคนที่มีความหมายในชีวิตของเราค่ะ 

เขียนโดย อ.นิธิมา กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากร โปรเฟสชั่นนอล เทรนเนอร์
#Talktonitima


อ้างอิง
http://www.thefamily.in.th/podcast/episode.php?code=100400
https://www.chanuntorn.com/post/o-bk-dkhr-bkhrawdwy-empathy-kuyaecchthiithamaihehnkhunkhaakanaelakan
https://www.urbinner.com/post/what-is-empathy-how-does-it-important-in-the-workplace

'โกมล​ จึงรุ่งเรืองกิจ'​ เจ้าของแบรนด์รองเท้าดัง​ 'แอโร่ซอฟ'​ มอบเงินกว่า 1 ล้านบาท ช่วยเหลือ รพ.บางพลี ฝ่าวิกฤต Covid-19

บริเวณอาคาร ช้น 1 โรงพยาบาลบางพลี  อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พล.ต.ต.สมนึก บุรมิ ที่ปรึกษา บริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด เป็นตัวแทน คุณโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์ จำกัด  พร้อมด้วย คุณดารุณี วงษ์ชาลี ผู้จัดการ  บริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์ จำกัด และคณะได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลบางพลี สมุทรปราการ  เพื่อเป็นตัวแทนนำสิ่งของที่จำเป็นไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลบางพลี สมุทรปราการ พร้อมทั้งมอบเงินสดอีก จำนวน 1,000,000 บาท แก่ทางโรงพยาบาลบางพลีเพื่อนำไปใช้ประโยขน์ทางการแพทย์

โดยสิ่งของที่นำมามอบให้กับทางโรงพยาบาลบางพลีนั้น ประกอบไปด้วย เฟสชิว จำนวน  2,000 ชิ้น หน้ากากอนามัย จำนวน 700 กล่อง  แอลกอฮอล์ ขนาด 500 มิลลิลิตร จำนวน 400 ขวด ถุงมือทางการแพทย์ จำนวน 15 ลัง และเงินสดอีก จำนวน 1,000,000 บาท รวมถึงของใช้ที่จำเป็นอีกหลายรายการ โดยมีนายแพทย์ พิเชษฐ์ พัวพันกิจเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี สมุทรปราการ ให้การต้อนรับและเป็นตัวแทนรับมอบ พร้อมด้วย  แพทย์หญิง ธิดา สกุลพิพัฒน์ รองผู้อำนวยการด้านปฐมภูมิ โรงพยาบาลบางพลี และคณะเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบางพลี ร่วมให้การต้อนรับ

เนื่องจาก ทางผู้บริหาร บริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์  จำกัด โดยคุณโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ซัมมิต ฟุตแวร์ จำกัด  ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแบรนด์ดัง “แอโร่ซอฟ” ที่เห็นถึงความสำคัญของบุคลากรทางการแพทย์ ที่ยังคงปฎิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องและแพร่กระจายไปในหลายพื้นที่ จึงได้มอบเงินสด จำนวน 1,000,000 บาท พร้อมทั้งสิ่งของที่จำเป็นอีกหลายรายการนำไปมอบให้กับทางโรงพยาบาลบางพลี เพื่อส่งต่อให้กับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความห่วงใยที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในการปฎิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วย เนื่องจากพื้นที่บางพลียังคงมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  อย่างต่อเนื่องและมีจำนวนประชาชนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น   

อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลบางพลี ต้องขอขอบคุณและขอชื่นชมในความห่วงใยและความมีน้ำใจของทางผู้บริหาร บริษัท ซัมมิต  ฟุตแวร์ จำกัด ที่มอบเงินสดและสิ่งของที่จำเป็นแก่ทางโรงพยาบาลบางพลี  สมุทรปราการ ในครั้งนี้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top