Tuesday, 8 July 2025
SPECIAL

สมุทรปราการ-ธารน้ำใจ 'พญาอินทรี’ มอบแด่ 'พระครูจาบ' วัดหนามแดง  ถวายถังดับเพลิง 20 ถัง เพื่อใช้ป้องกันอัคคีภัย

ที่ภายในวัดหนามแดง ต.บางแก้ว  อ.บางพลี  จ.สมุทรปราการ  นายสวัสดิ์  เจริญวรชัย  ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท ลีดเดอร์ ไฟร์ เซฟตี้ จำกัด และผู้อำนวยการ ฝ่ายปฎิบัติการพญาอินทรีบรรเทาภัย ศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี  พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี เดินทางไปยังวัดหนามแดง  อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อนำถังดับเพลิง จำนวน 20 ถัง นำไปถวายให้กับท่าน พระครูวิทูรกิจจาทร (พระครูจาบ) รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหนามแดง  เพื่อใช้ป้องกันเหตุเพลิงไหม้  เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อปลายปี 63 ที่ผ่านมา  วัดหนามแดงได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นกลางดึกภายในวัดโชคดีที่พระลูกวัดได้เห็นเหตุการณ์  และช่วยกันดับไฟไว้ได้ทัน  

และในการมอบถังดับเพลิงให้กับทางวัดหนามแดงในครั้งนี้  ทีมเจ้าหน้าที่พญาอินทรี  ได้มีการสาธิตวิธีการดับไฟพร้อมทั้งให้ความรู้ ความเข้าใจและวิธีปฎิบัติที่ถูกต้องแก่พระสงฆ์วัดหนามแดง  โดยสมมุติเหตุการณ์เสมือนเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นจริง หรือเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นภายในวัด

โดยนายสวัสดิ์ เจริญวรชัย กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มจิตอาสา 9 องค์กรด้วยกัน และได้ดำเนินโครงการนี้มานานหลายปี โดยที่ผ่านมาได้มีการนำถังดับเพลิงไปถวายให้กับทางวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ไม่ต่ำกว่า 4,000 ถัง อีกทั้ง ตนเองได้ทำงานด้านจิตอาสามานานกว่า 47 ปี ตั้งแต่อายุ 16 ปี และได้ทำงานด้านจิตอาสาทำความดีเพื่อสังคมมาโดยตลอด

เนื่องจากตนเองนั้น มองเห็นว่าปัจจุบันวัดส่วนใหญ่จะไม่มีอุปกรณ์ใช้ในการป้องกันเหตุอัคคีภัย บางวัดโทรแจ้งเหตุไปยังท้องถิ่นประสานขอรถน้ำมาทำการดับไฟ  แต่ก็อาจจะไม่ทันท่วงทีเนื่องจากระยะเวลาการเดินทางและการจราจร  โดยที่ผ่านมาวัดส่วนใหญ่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้นั้นจะไม่มีถังดับเพลิง หรือ อาจมีจำนวนที่ไม่เพียงพอแต่หากทางวัดที่มีถังดับเพลิงติดตั้งอยู่ภายในวัด  และสามารถมองเห็นได้ชัดเจนก็จะสามารถนำมาใช้ระงับเหตุเพลิงไหม้ได้ และอาจจะไม่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างหากเข้าใจวิธีการปฎิบัติอย่างถูกต้อง และเข้าใจวิธีแก้ไขเหตุเฉพาะหน้าจนนำไปสู่การดับไฟที่ถูกต้อง 


และในวันนี้ที่ทางศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี นำถังดับเพลิงมาถวายให้กับท่าน  พระครูวิทูรกิจจาทร (พระครูจาบ) รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหนามแดง จำนวน  20 ถัง เนื่องจากทางวัดแห่งนี้มีถังดับเพลิงไม่เพียงพอ  จึงมีความตั้งใจอยากจะร่วมทำบุญกับทางวัดหนามแดงแห่งนี้  อีกทั้งวัดมีพื้นที่เป็นจำนวนมาก  และมีอาคารที่เป็นไม้เก่า  อาคารส่วนใหญ่สร้างติดกัน

อย่างไรก็ตาม  การถวายถังดับเพลิงให้กับทางวัดหนามแดงในครั้งนี้ทางผมเองนั้นถวายให้ฟรี  โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด อีกทั้ง ถังดับเพลิงของทางวัดที่มีอยู่  จำนวน  4 ถัง  ทางศูนพญาอินทรี  จะนำไปอัดน้ำยาเคมีให้ใหม่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน  และในส่วนถังดับเพลิงที่นำไปใช้งานแล้วเกิดหมด  ทางศูนย์ของเราก็จะดำเนินการนำถังไปบรรจุก๊าชให้ใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกัน

โดยทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการติดตั้งถังดับเพลิงบริเวณพื้นที่โดยรอบของวัดและมองเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ ทางศูนย์สู้ภัยพิบัติชาติ พญาอินทรี ยังมีเจ้าหน้าที่ชำนาญการมาให้ความรู้และทำการสาธิตวิธีการดับไฟ รวมถึงการระงับเหตุเพลิงไหม้อย่างถูกต้องและถูกวิธีอีกด้วย

ส่วนสาเหตุที่ตนเองนั้นนำถังดับเพลิงมาถวายให้กับทางวัดหนามแดง  เนื่องจากว่ามีความเลื่อมใสศรัทธา ท่านพระครูจาบ  รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหนามแดง  ที่ได้เมตตารับเผาศพโควิดให้กับญาติโยม  ประกอบกับตนเองมองเห็นว่าทางวัดนั้นไม่มีถังดับเพลิงติดตั้งอยู่  จึงมีความห่วงใยและมีความตั้งใจที่จะนำถังดับเพลิงมาถวายให้กับทางวัดหนามแดงแห่งนี้ เพื่อไว้ใช้ประโยชน์ต่อไป

คิว-ข่าวสมุทรปราการ  รายงาน

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เสด็จบำเพ็ญกุศล เททองหล่อพระพุทธรูปประจำองค์ ทรงประทานถวายนามว่า ‘พระชัยอัปสรอุทัยกัญญา’

‘หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์’ ทรงกรุณาเสด็จบำเพ็ญกุศล ในพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปประจำองค์ ขนาดหน้าตัก 12นิ้ว เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดหัวดอน ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
 
โดยประวัติ ‘วัดหัวดอน’ 
นามเดิมชื่อ ‘วัดศรีสมพร’ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๓๕๐ ไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง ต่อมา 
เปลี่ยนชื่อวัดในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ตาม พรบ.ปกครองคณะสงฆ์ปี พ.ศ.๒๔๘๔ เปลี่ยนตามชื่อหมู่บ้าน คือ 
‘บ้านหัวดอน’ เพื่อให้ง่ายแก่การจดจำ จึงได้ชื่อว่า ‘วัดหัวดอน’ มาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ ๑๓๓ หมู่ 4 บ้านหัวดอนใหญ่ ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม มีเนื้อที่ ๙ ไร่ ได้รับ ‘วิสุงคามสีมา’ วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๕ มีอดีตเจ้าอาวาสคือ 
๑. พระมหาสุขุม (ไม่ทราบฉายา) 
๒. พระมหาหนู อกปญาโน 
๓. พระสุรศักดิ์ ผิวงาม 
๔. พระทอง (ไม่ทราบฉายา) 
๕. พระคำสา ผิวแดง 
๖. พระครูพนมธรรมกิต (หลวงพ่อทา) 
๗. พระครูปัญญาพัฒนคุณ (หลวงพ่อมาย) พ.ศ. ๒๕๔๑ – ๒๕๕๕ 
๘. พระครูสังฆรักษ์สิรภพ ฐิตสีโล เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน
 
ประวัติอ้างอิงในการสร้าง ‘พระชัยอัปสรอุทัยกัญญา’ 
ในอดีตเดิม ‘นายโพ’ เป็นนายตำรวจ ชาวอำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด ได้สมรสกับหญิงสาวชาวบ้านหัวดอน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยแต่เดิม ‘นายโพ’เคยบวชเรียนก่อนมารับราชการเป็นตำรวจ ในปี พ.ศ.๒๔๗๕ ‘นายโพ’ได้มีศรัทธารวบรวมของมีค่าที่สั่งสมมา และชักชวนชาวบ้านหัวดอนร่วมบริจาคทรัพย์สิน เช่น ทองคำ ทองแดง เงิน เป็นต้น เพื่อรวบรวมไปหล่อองค์พระที่ ‘วัดโพธิ์เครือ’ บ้านเสียว อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ซึ่งมี ‘พระครูสอน’ (ชาวไทญ้อ) เป็นเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระมหาเถระผู้มีวิชาศิลปการช่างหล่อพระแบบโบราณ และมีวิชาอาคมแกร่งกล้ามาก เป็นที่เคารพนับถือในสมัยนั้น ผู้คนต่างพากันให้ความเคารพท่านมาก ในการนี้ท่านได้นำสิ่งของมีค่านำไปหล่อพระดังกล่าวในคราวนั้นสามารถหล่อพระได้ ๒ องค์ คือ (๑) องค์ขนาดใหญ่ หน้าตัก 14 นิ้ว ได้ถวายนามว่า ‘พระศรีสมพร’ (๒) องค์ขนาดเล็ก หน้าตัก 9 นิ้ว ถวายนามว่า ‘พระชัยอัปสร’ (พระชัยหลังช้าง ใช้แห่ในงานมงคลต่างๆ เช่น งานสงกรานต์) เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยเนื้อสัมฤทธิ์แก่ทองคำศิลปะล้านช้าง ซึ่งปัจจุบันพระสกุลช่างพื้นถิ่นของชาวไทญ้อ ปัจจุบันเหลือเพียง ‘พระศรีสมพร’ ส่วน ‘พระชัยอัปสร’ ได้หายไปตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว 

 

ปัจจุบันพระพุทธรูป ‘ศรีสมพร’ เป็นพระคู่ ‘วัดหัวดอน’ มาจนถึงปัจจุบัน และได้ถวายพระนามใหม่ว่า ‘สมเด็จพระนางพญาศรีสมพร’ มูลเหตุที่มีคำว่า ‘สมเด็จพระนางพญา’ นำหน้าชื่อพระพุทธรูป ‘ศรีสมพร’ เนื่องจากว่าปีที่สร้างพระศรีสมพรนั้นคือปี พ.ศ. ๒๔๗๕ นับเป็นปีประสูติของ ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ’ ทางวัดจึงได้ขอถวายเป็นพระราชกุศล ได้ชื่อที่ไพเราะงดงาม ตามรูปลักษณ์ขององค์พระพุทธรูปองค์นี้ว่า ‘สมเด็จพระนางพญาศรีสมพร’ 
และ ‘พระชัยอัปสร’ นั้น ได้มีการเททองหล่อ หลังจากสร้าง ‘พระศรีสมพร’ ๑ ปี คือ พ.ศ.๒๔๗๖ แต่ปัจจุบันได้หายไปจาก ‘วัดหัวดอน’ ด้วยเหตุนี้ ‘พระครูสังฆรักษ์สิรภพ ฐิตสีโล’ เจ้าอาวาสวัดหัวดอนรูปปัจจุบัน จึงมีดำริกับชาวบ้าน คณะศรัทธาวัดหัวดอน มีความเห็นว่าควรจะหล่อ ‘พระชัยอัปสร’ ขึ้นใหม่ เพื่อเป็นที่กราบไว้สักการะบูชา เป็นพระพี่ พระน้องคู่กันกับ ‘พระศรีสมพร’ จึงได้มีความเห็นชอบ ทำหนังสือขึ้นทูล ‘หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ‘ เชิญเสด็จเป็นองค์ประธานเททองหล่อ ‘พระชัยอัปสร’ เนื่องด้วยแต่เดิม ‘พระชัยอัปสร’ นั้น ได้เททองสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๖ ซึ่งเป็นปีประสูติของ ‘หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์’ และขอประทานอนุญาตเชิญพระนามสถิตร่วมชื่อพระ โดยมีพระนามว่า ‘พระชัยอัปสรอุทัยกัญญา’ เพื่อเป็นศิริมงคล เป็นมิ่งขวัญ แก่ ‘วัดหัวดอน’ และชาวบ้าน พุทธบริษัทที่เข้ามาทำบุญแก่วัดหัวดอน สืบต่อกาลนาน
 
ท้ายนี้ขอเชิญร่วมทำบุญได้ที่ ‘พระครูสังฆรักษ์สิรภพ ฐิตสีโล’ เจ้าอาวาสวัดหัวดอน หรือโอนเงินที่ 103-1-75118-3 ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี พระครูสังฆรักษ์สิรภพ จาริอุต
 
**อ้างอิงประวัติพระโบราณจาก 
๑) พระวิชัยธรรมคณี วิ. (หลวงพ่อเทพา) เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬ เจ้าอาวาสวัดเซกาเจติยาราม (พระอารามหลวง) เป็นผู้เล่าประวัติพระพุทธรูปโบราณ เป็นพระมหาเถระผู้เชี่ยวชาญเรื่องพระพุทธรูปโบราณ 
๒) จากพระพุทธรูปสองพี่น้อง วัดศรีบุญเรือง บ้านเพีย อำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร 
๓) ประวัติเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เครือมีพระครูสอนเป็นผู้เก่งกล้าในวิชาช่าง และอาคมในสมัยนั้น 
***พระครูสังฆรักษ์สิรภพ ฐิตสีโล เจ้าอาวาสวัดหัวดอน เป็นผู้เรียบเรียง ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

เทศบาลเมืองฉะเชิงเทราส่งมอบศูนย์พักคอย(โรงพยาบาลสนาม) ใต้ร่มพระบารมี เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ให้แก่โรงพยาบาลพุทธโสธร 

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม 2564 เวลา 14.00 น. ณ โรงเรียนเทศบาล2 พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) นายกลยุทธ ฉายแสง นายกเทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ  ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ร่วมส่งมอบ ศูนย์พักคอย (โรงพยาบาลสนาม)ใต้ร่มพระบารมี เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ให้แก่โรงพยาบาลพุทธโสธร สำหรับรับผู้ป่วยระดับสีเขียวเข้ารับการดูแลตามมาตรการสาธารณสุข โดย แพทย์หญิง สมบัติ ชุติมานุกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธโสธรเป็นผู้รับมอบ

สำหรับศูนย์พักคอยใต้ร่มพระบารมี เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ตั้งอยู่ที่อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนเทศบาล 2 พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) สามารถรองรับผู้ป่วยโควิดระดับสีเขียว ได้จำนวน 185 เตียง โดยเทศบาลได้ทำการติดมุ้งลวดกันยุง พัดลมระบายอากาศ เครื่องปรับอากาศ ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด ปรับปรุงห้องน้ำ ห้องอาบน้ำและซักผ้า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าพัก  ห้องจัดเตรียมอาหารสำหรับผู้กักตัว  ห้องปฎิบัติการสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ ติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ต เพื่อติดต่อสื่อสารระหว่างทีมแพทย์และผู้ป่วย รวมทั้งได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายในอาคารก่อนรับผู้ป่วย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  สำหรับศูนย์พักคอย(โรงพยาบาลสนาม) ใต้ร่มพระบารมี เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา นี้จะอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลพุทธโสธร เพื่อใช้รองรับและให้การดูแลผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ที่มีอาการไม่รุนแรง เข้ารับการรักษาพยาบาล เป็นการแบ่งเบาภาระให้แก่โรงพยาบาลในพื้นที่ต่อไป


 

ทำไมลูกวัยรุ่นไม่ชอบคุยกับพ่อแม่? พบ 5 สาเหตุหลักที่วัยรุ่นไม่ยอมปรึกษาพูดคุยกับพ่อแม่ พร้อมวิธีปรับตัว เมื่อลูกไม่คุยด้วย

ในช่วงลูกเข้าสู่วัยรุ่น ช่วงอายุประมาณ 15-17 ปี ลูกจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจอย่างรวดเร็ว จนพ่อแม่ปรับตัวตามลูกไม่ทัน บางครั้งทำให้รู้สึกว่า ลูกไม่ยอมปรึกษา และไม่ค่อยเปิดใจรับฟังพ่อแม่เหมือนเมื่อก่อน ยิ่งพ่อแม่พยายามเข้าหาลูกก็ดูเหมือนลูกพยายามตีตัวออกห่าง หนักเข้าก็ไม่คุยด้วย เล่นเอาพ่อแม่หนักใจไปตามๆ กัน เกิดอะไรขึ้นกับลูก ทั้งหมดนี้เกิดจากสาเหตุใด และพ่อแม่ต้องปรับตัวอย่างไร เป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรรู้

พบ 5 สาเหตุหลักที่วัยรุ่นไม่ยอมปรึกษาพูดคุยกับพ่อแม่

1. วัยรุ่นมีความมั่นใจ กล้าลองผิดลองถูก และเชื่อมั่นว่าตัวเองมีความสามารถมากพอที่จะจัดการกับปัญหาทุกอย่างได้โดยไม่ต้องปรึกษาใคร เขาต้องการให้พ่อแม่ไว้ใจเขา

2. วัยรุ่นไม่ชอบที่ถูกพ่อแม่บ่นด่าและวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่เขาคิด พูด ทำ ตามประสาวัยรุ่น บางครั้งพ่อแม่พูดไม่ให้กำลังใจ จ้องจับผิด ถูกตำหนิรุนแรง ยังแสดงออกถึงความไม่ไว้วางใจในตัวเขา บางครั้งออกคำสั่งห้าม หรือไม่ก็ตัดสินใจแทนเขาอีก …วัยรุ่นไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เอามากๆ

3. วัยรุ่นคิดว่าพ่อแม่ไม่พร้อมและไม่มีความถนัดมากพอ อาจเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดี เช่น เคยตั้งใจมาปรึกษาพ่อแม่ แต่เจอจังหวะที่พ่อแม่กำลังยุ่ง เหนื่อย เครียด ไม่พร้อมฟัง เลยสักแต่ฟัง แต่ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องที่เขาพูด บางครั้งอาจบอกลูกว่า เอาไว้ก่อน ตอนนี้พ่อกับแม่ไม่มีเวลา

4. วัยรุ่นอาจเล่าเรื่องไม่เก่ง เข้าใจในแบบฉบับของตัวเอง ยังถ่ายทอดได้ไม่ดีเท่าที่ควร พอพ่อแม่ถามคืนมา แล้วตอบไม่เคลียร์ประเด็น พอถูกถามจี้ๆ บางครั้งอาจถูกพ่อแม่ดุ เลยทำให้รู้สึกอึดอัด และรู้สึกไม่ชอบที่ตัวเองดูกลายเป็นคนโง่ 

5. วัยรุ่นกลัวความผิด ถ้าเขาทำความผิด เช่น แอบขับรถมอเตอร์ไซค์ล้ม ทั้งๆ ที่เคยรับปากกับพ่อแม่ไว้ว่าจะไม่ขับ ประกอบกับพ่อแม่เป็นคนดุ เป็นคนน่ากลัว ยิ่งทำให้เขาไม่กล้าพูด อาจนำไปสู่การพูดโกหก และปกปิดความผิดได้

พ่อแม่ควรปรับตัวอย่างไร?

1. รับฟังอย่างลึกซึ้ง วางมือจากธุระ ตั้งใจฟัง และให้เวลากับเขา

2. ลดการตำหนิ ดุบ่นด่า จ้องจับผิด คำพูดดูถูกความคิดของเขา ควรรักษาศักดิ์ศรีให้เขาด้วย เรื่องนี้สำคัญมาก

3. ชื่นชมลูกทุกเรื่อง แม้นเป็นเรื่องที่เขาคิดได้ยังดีไม่พอ ให้ชื่นชมในมุมที่ชื่นชมได้ เช่นชื่นชมในความกล้าคิดกล้าแสดงออกของเขา และชื่นชมทุกครั้งเมื่อเขาคิดและแก้ปัญหาได้ดี

4. พ่อแม่ต้องตั้งสติให้ดี ในตอนที่ลูกเจอปัญหาหนัก เพราะลูกต้องการความปลอดภัย และความมั่นคง พ่อแม่ต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับลูก 

5. พ่อแม่ต้องเป็นนักสร้างบรรยากาศที่ดีในการสนทนา ช่วงแรกของการพูดคุยพ่อแม่ต้องพูดในเรื่องที่ลูกอยากฟังก่อน เสมือนหนึ่งว่าเรายืนอยู่ในมุมเดียวกับเขา เพื่อให้ลูกเปิดใจเข้ามารับฟังด้วยความเต็มใจ

การสื่อสารในครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ควรให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนในครอบครัวเป็นหลัก เป้าหมายของการสื่อสารในครอบครัว ควรเป็นไปเพื่อให้เกิดความรักและความอบอุ่นในครอบครัว ทุกคนในครอบครัวต้องช่วยกันสร้าง ความสัมพันธ์ที่ดี (Relationship) และ ความเข้าอกเข้าใจกัน (Empathy) 

เขียนโดย: อ.นิธิมา กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากร โปรเฟสชั่นนอล เทรนเนอร์
#Talktonitima


อ้างอิง: https://th.theasianparent.com/gloves-for-newborns

ตำรวจสันติบาล รับเรื่อง​ 'โค้ชเช'​ ขอสัญชาติไทย

กองบัญชาการตำรวจสันติบาล รับคำร้องขอแปลงสัญชาติของ 'นายยอง ซอก เช'​ หรือ 'โค้ชเช'​ โดยการยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทยเป็นไปตามสิทธิและมีกระบวนการขั้นตอนพิจารณาตามกฎหมาย ว่าด้วยสัญชาติ 

(14 ส.ค. 2564)​ ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล พลตำรวจตรี วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสันติบาล เปิดเผยกรณีนายยอง ซอก เช หรือ โค้ชเช (โค้ชกีฬาเทควันโด ทีมชาติไทย) อายุ 46 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ได้มายื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ต่อ พล.ต.ท.ธนพล ศรีโสภา ผบช.ส. ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยมี พ.ต.อ.เอกพงษ์ กองนาค ผกก.ฝ่ายกฎหมายและวินัย บก.อก.บช.ส. เป็นเจ้าหน้าที่รับคำขอฯ ซึ่งทางฝ่ายโค้ชเช ได้เดินทางมาพร้อมกับ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยและเรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ( น้องเทนนิส ) นักเทควันโดหญิงทีมชาติไทย ที่เพิ่งได้รับเหรียญทองในการแข่งขันกีฬา โอลิมปิก 2020 ณ ประเทศญี่ปุ่น

โฆษกกองบัญชาการตำรวจสันติบาล กล่าวว่า การจัดการคำขอครั้งนี้ ฝ่ายตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนการร้องขอแปลงสัญชาติตามวิธีการที่กำหนดในกฎหมาย โดยจากการตรวจสอบเอกสารของ นายยอง ซอก เช (โค้ชเช) มีคุณสมบัติเป็นไปตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 แก้เพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 มาตรา 10 และ มาตรา 11(1) กรณีได้ทำความดี ความชอบ เป็นพิเศษ ต่อประเทศไทย (ด้านกีฬา) มีความครบถ้วน  ต่อจากนี้ จะเป็นขั้นตอนการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์ที่ต้องประสานงานร่วมกับหน่วยต่างๆ ประกอบด้วย กองทะเบียนประวัติอาชญากร กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจสันติบาล  กองการต่างประเทศ นอกจากนั้นยังต้องประสานกับหน่วยงานนอกสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติบางหน่วยด้วยเช่นกัน อาทิเช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เป็นต้น ซึ่งการประสานตรวจสอบข้อมูลนี้จะมีระยะเวลาตามกรอบกฎหมายกำหนดประมาณ 99 วัน โดยหากหน่วยงานต่างๆ ส่งผลการตรวจสอบมาเร็ว บช.ส.ก็สามารถดำเนินการได้เสร็จสิ้นก่อนกำหนดเวลา 

พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ กล่าวต่อว่า หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจสอบที่กล่าวมาแล้ว บช.ส.ก็จะส่งเรื่องนำเรียนปลัดกระทรวงมหาดไทยเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป โดยจะมีการสัมภาษณ์โค้ชเช โดยคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการแปลงสัญชาติซึ่งมีรองอธิบดีกรมการปกครองเป็นประธาน ต่อด้วยการพิจารณาโดยคณะกรรมการเกี่ยวกับการพิจารณาสัญชาติ โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน พิจารณามีความเห็นเสนอต่อ รมว.มท. เมื่อ รมว.มท. ใช้ดุลยพินิจตามที่คณะกรรมฯ เสนอมีความเห็น แล้วจะเป็นขั้นตอนการนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตและมีการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา หากโค้ชเช ได้ผ่านการพิจารณาดำเนินการจนจบครบกระบวนการเหล่านี้ ก็จะมารับหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติที่ บช.ส และไปติดต่อสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ เพื่อออกบัตรประจำตัวประชาชนได้และถือเป็นประชาชนสัญชาติไทยคนหนึ่งโดยสมบูรณ์

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เสด็จบำเพ็ญกุศล (เป็นการส่วนพระองค์)​ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2564

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เสด็จบำเพ็ญกุศล (เป็นการส่วนพระองค์) ประทานผ้าห่มบูชาพระธาตุวังจาน และถวายผ้าไตรอาบน้ำฝนแด่พระสงฆ์ที่จำพรรษา ในวัดที่ทรงอุปถัมภ์ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2564 

(14 ส.ค.64)​ หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ทรงกรุณาเสด็จบำเพ็ญกุศล (เป็นการส่วนพระองค์) ณ วัดธาตุวังจาน ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม ซึ่งเป็นวัดที่ทรงรับไว้ในอุปถัมภ์ โดยจะเสด็จในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาเป็นประจำทุกปี เพื่อทอดพระเนตรความเจริญก้าวหน้าในการก่อสร้างถาวรวัตถุ และเยี่ยมพสกนิกรที่ช่วยทำนุบำรุงวัดนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรม โดยมี "พระครูสรวิชัย" เป็นเจ้าอาวาส

จากนั้นทรงอธิฐานจิตถวายผ้าห่มพระธาตุ แล้วทรงกรุณาให้ "ว่าที่ร้อยเอกวัฒนา คงคาน้อย" นายอำเภอปลาปาก พร้อมหัวหน้าหน่วยราชการเชิญห่มพระธาตุวังจาน เจดีย์คู่บ้าน คู่วัดปฐมฤกษ์สร้าง "วัดธาตุวังจาน" ตามที่มาของนามวัดแห่งนี้ จากนั้นทรงกรุณาถวายผ้าไตรอาบน้ำฝน แด่ "พระครูสรวิชัย" และพระสงฆ์ ผู้ปวารณาตนเข้าพรรษาในอาวาส "วัดธาตุวังจาน" แห่งนี้

ต่อมาทรงกรุณาให้ "นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ" นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยคณะสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม / นายกเทศบาลเมืองนครพนม / นายกเทศบาลตำบลกุตาไก้ เฝ้ารับมอบประทานของที่ระลึก และร่วมสนทนาธรรม โดยทรงสนพระทัยการบริหารจัดการดูแลช่วยเหลือประชาชนในด้านสาธารณสุข, การหาวัคชีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19, การคัดกรองประชาชนเข้า-ออก พื้นที่ภายในจังหวัด ให้มีความเรียบร้อบ รอบคอบ เป็นไปตามระบบการจัดการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณะสุข และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

สกพอ. รวมพลังกลุ่มสตรี อีอีซี ชลบุรี ส่งมอบถุงยังชีพเพื่อร่วมผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน

(14 ส.ค.64)​ นางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการ สกพอ. ร่วมกับ เครือข่าย สตรีอีอีซี ชลบุรี และ อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน จังหวัดชลบุรี (ทสม.) มอบถุงยังชีพจำนวน 200 ถุง เพื่อมอบให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งกำลังแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

โดยภายในถุงประกอบด้วยสิ่งของที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง ยาสามัญ และเมล็ดพันธ์ุ

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้มีผู้นำท้องถิ่นจังหวัดชลบุรีร่วมบริจาคหน้าการอนามัย กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนตำบลหนองปลาไหลร่วมบริจาคสบู่ และสภาองค์กรตำบลหนองปลาไหลร่วมบริจาคน้ำ เป็นการร่วมพลังส่งกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่อีอีซี ได้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน โดยมีเครือข่ายพลังสตรี อีอีซี เครือข่าย ทสม.ในพื้นที่ เป็นผู้นำไปมอบให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อไป

Word of Mouth: เขย่า 'ใจ' คนด้วย 'ลมปาก' สุดยอดศาสตร์แห่งการโน้มน้าว กำหนด 'รอด-ตาย' ได้ดั่งใจ กับ ‘ครูแพท’ | LOCK LENS GURU EP.41

LOCK LENS GURU รายการที่จะพาทุกคนมาเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ ไปกับ 'กูรู' ตัวจริง 

‘ครูแพท แสงธรรม’ นักวิชาการอิสระ ด้าน Communication facilitator 

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES
.

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
- ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
- รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
- สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เหลือ​ 1​ ล้าน!! บทสรุป​ 'มาตรการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก'​ สะท้อนสุขภาพการเงินสถาบันไทย...ยังดีจริงหรือ?

ตามที่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) ประกาศปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก ในกรณีที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินล้มละลาย ปิดกิจการ หรือโดนเพิกถอนใบอนุญาต จากเดิมวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท ลงมาอยู่ที่ไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อสถาบันการเงิน นับตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไปนั้น เป็นไปตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้แล้วในพระราชกฤษฎีกาจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2563 และหลักเกณฑ์ของ The International Association of Deposit Insurers (IADI) 

ทั้งนี้เพื่อให้วงเงินคุ้มครองเงินฝากสอดคล้องกับหลักการของระบบการคุ้มครองเงินฝากที่มีประสิทธิผล รักษาเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน ช่วยให้ทั้งผู้ฝากเงินและสถาบันการเงินไม่ละเลยต่อการบริหารความเสี่ยง ตลอดจนเพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำและลดภาระงบประมาณของภาครัฐไม่ให้สูงเกินจำเป็น ทำให้ภาครัฐสามารถจัดสรรงบประมาณไปสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้

นอกจากนี้การปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากดังกล่าวยังคงคุ้มครองผู้ฝากเงินถึงร้อยละ 98 ของผู้ฝากเงินทั้งระบบ ซึ่งถือเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ประกอบกับความเข้มแข็งของสถาบันการเงินในปัจจุบันที่สูงกว่าในอดีต ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงทำให้ผู้ฝากเงินสามารถมั่นใจต่อระบบสถาบันการเงินได้ แม้ในภาวะที่เศรษฐกิจมีความผันผวนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม

มาตรการกำกับดูแลการดำเนินงานของสถาบันการเงิน ของ ธปท. นั้น ได้กำหนดกฎเกณฑ์ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ภายใต้พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สถาบันการเงินมีความมั่นคง มีความสามารถในการบริหารความเสี่ยง มีความระมัดระวัง ไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่เงินฝากของประชาชน ตลอดจนมีเกณฑ์กำกับด้านธรรมาภิบาลของกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและผู้ฝากเงิน 

ทั้งนี้การกำกับดูแลของ ธปท. เป็นไปตามแนวทางการกำกับตรวจสอบความเสี่ยง (Risk based Supervision) โดยในส่วนของการกำกับดูแลด้านความเพียงพอของเงินกองทุน สถาบันการเงินจะถูกประเมินด้วยอัตราส่วนกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่คำนึงถึงความเสี่ยงด้านเครดิต ด้านตลาด และด้านปฏิบัติการ ทั้งนี้กำหนดให้ค่า BIS ต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 8.5% ซึ่งปัจจุบันพบว่า ค่า BIS ของสถาบันการเงินมีค่าร้อยละ 20 ซึ่งแสดงถึงสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ธปท. ยังได้กำหนดให้มีมาตรการ PPA (Prompt Prevention Action) เพื่อป้องกันก่อนสถาบันการเงินจะมีฐานะเงินกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด (ต่ำกว่า 8.5%) และมาตรการ PCA (Prompt Corrective Action) เพื่อแก้ไข ผ่านการเสนอแผนเข้าควบคุมกิจการ (ต่ำกว่า 5.1%) และสั่งปิดกิจการ (ต่ำกว่า 2.97%) อีกด้วย 

อย่างไรก็ตามผู้ฝากเงินสามารถศึกษาความมั่นคงของสถาบันการเงินได้มากขึ้น ผ่านแนวทางการประเมินใน 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 
1.) ฐานะและกำไรจากการทำธุรกิจ 
2.) เงินทุนของสถาบันการเงินที่แข็งแกร่ง 
3.) คุณภาพของสินเชื่ออยู่ในเกณฑ์ดี 
4.) มีสภาพคล่องเพียงพอ และ 
5.) อันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน (Rating) 

นอกจากนี้ ธปท. กำหนดให้มีศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ดูแลประชาชนให้ได้รับความเป็นธรรมจากการใช้บริการทางการเงินจากสถาบันการเงิน ตลอดจนการคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมให้ความรู้ทางการเงิน เพื่อให้ผู้ใช้บริการทางการเงินได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างอิสระ มีช่องทางร้องเรียนเพื่อความเป็นธรรม และได้รับการพิจารณาค่าชดเชยกรณีได้รับความเสียหาย ผ่านสายด่วน 1213 หรือ www.1213.or.th 

ขอบคุณข้อมูลจาก 
ข่าว ธปท. ​ฉบับที่  58/2564 
https://www.bot.or.th/Thai/PressandSpeeches/Press/2021/Pages/n5864.aspx
การกำกับดูแลสถาบันการเงินโดยธนาคารแห่งประเทศไทย 
https://www.1213.or.th › aboutfcc › Documents
การคุ้มครองเงินฝาก การกำกับดูแลสถาบันการเงิน - สำนักงานเศรษฐกิจ 
http://www.fpo.go.th › CNT0014403-1.pdf.aspx


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พลิกวิกฤต!! “กระชาย” ความหวังของสมุนไพรไทย ในยุคโควิด-19 ?

ผ่านไปแล้วหลายวันครับ ในการใช้มาตรการสูงสุดของรัฐบาลโดยการล็อกดาวน์ ในจังหวัดที่มีสีแดงเข้มหลายจังหวัด และมีการขยายพื้นที่เพิ่มเติมจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด โดยมีแนวโน้มที่จะขยายมาตรการที่เข้มข้นนี้ออกไป ทั้งระยะเวลาและพื้นที่ในการบังคับใช้ อีกด้วย อย่างไรก็ตามผลจากการใช้มาตรการแบบเข้มข้นของรัฐบาลในรอบนี้ ยังไม่มีแนวโน้มที่จะเห็นทางสว่างที่ปลายอุโมงค์เลย เนื่องจากจำนวนยอดผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19 ยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงเลย ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นว่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนยอดปัจจุบันมาแตะที่หลักสองหมื่นกว่าแล้ว 

ท่ามกลางกระแสของการแพร่ระบาดที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง และความกลัวในเรื่องยารักษาหลักคือ “ฟาวิพิราเวียร์” ที่ไม่เพียงพอ ก็ได้มีการผุดทางออกในเรื่องของการใช้สมุนไพรไทย ในการรักษาและยับยั้งการแพร่ไปสู่อวัยวะที่สำคัญ โดยเฉพาะสมุนไพรไทยที่ชื่อ “ฟ้าทะลายโจร” ซึ่ง ณ ปัจจุบัน เริ่มมีการศึกษาในระดับการใช้งานในคน และมีการยอมรับแล้วว่า สามารถยับยั้งการแพร่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว โดยการออกฤทธิ์คล้ายกับยาฟาวิพิราเวียร์ เลยทีเดียว 

นอกจากฟ้าทะลายโจรแล้ว ก็มีสมุนไพรไทยอีกชนิดหนึ่งที่ได้มีการศึกษาสำหรับใช้ในการรักษาโควิด-19 และผลการศึกษามีแนวโน้มที่ดีด้วยในการออกฤทธิ์ ยับยั้งการแพร่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อเข้าสู่ร่างกาย นั่นก็คือพืชสมุนไทยที่คนไทยคุ้นเคยกันดีที่ชื่อว่า “กระชาย” 

สำหรับวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกระชายกันครับ “กระชาย” มีชื่อสามัญว่า Fingerroot หรือ Chainese ginger หรือ Chainese Key หรือ Galingale มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Boesenbergia rotunda (L.) Mansf อยู่ในวงศ์ขิง เป็นพืชล้มลุกอายุหลายปี มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ที่เรียกว่า เหง้า รากของกระชายจะสะสมอาหารจนพองเป็นก้าน เรียกว่า แง่ง กระชายมีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีชื่อเรียกกันว่า ขิงจีน เราจะรู้จักกระชายกันดีในเรื่องของนำมาทำเป็นส่วนประกอบสำหรับทำอาหาร โดยเมื่อนำเหง้าหรือแง่งในปริมาณ 100 กรัม ของกระชายมาวิเคราะห์ พบว่ามีสารอาหารที่สำคัญได้แก่ คาร์โบไฮเดรต 17.8 กรัม เส้นใยอาหาร 2.0 กรัม น้ำตาล 1.7 กรัม โปรตีน 1.8 กรัม โพแทสเซียม 415 มิลลิกรัม โซเดียม 13 มิลลิกรัม ไขมันอิ่มตัว 0.2 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัว 0.2 กรัม วิตามีนบี 6 8% วิตามีนซี 8% แคลเซียม 2% เหล็ก 3% แมกนีเซียม 11% กระชายที่ใช้ประโยชน์กันแพร่หลาย มี 3 ชนิด ได้แก่ กระชายดำ กระชายแดง และกระชายเหลือง หรือกระชายขาว 

สำหรับสรรพคุณของกระชายนั้น สามารถแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ รักษาโรคปากเปื่อย ปากเป็นแผล แก้อาการวิงเวียนหัว แน่นหน้าอก ได้ และกระชายดำก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีว่าช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศได้อีกด้วย สำหรับกระชายที่มีการศึกษาว่ามีฤทธิ์ที่สามารถยับยั้งการกระจายตัวของไวรัสโควิด-19 เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว คือ กระชายขาว โดยจากผลการวิจัยร่วมกันของคณะวิทยาศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และและศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) พบว่า มีสารสำคัญ 2 ชนิด ที่พบในสารสกัดกระชายขาว ซึ่งสามารถช่วยในการยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ เมื่อเข้าสู่ร่างกาย คือ พิโนสโตรบิน (Pinostrobin) และ แพน​ดูราทิน เอ (Panduratin A) 

โดยมีกลไกลทำงาน คือเมื่อร่างกายได้รับสารสกัดที่สำคัญของกระชายนี้ในปริมาณที่เหมาะสม สารดังกล่าวจะไปยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสโควิด-19 และทำให้ไวรัสสลายไปในที่สุด โดยพบว่าสามารถลดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ถึง 100% เลยทีเดียว โดยผลจากการทดลองในการยับยั้งการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่าสามารถลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อ จาก 100% ไปถึง 0% ได้ และ เมื่อวิเคราะห์ลักษณะการยับยั้งในการผลิตตัวไวรัสออกจากเซลล์ พบว่า สารสกัดจากกระชายขาวสามารถยับยั้งได้ถึง 100% นั่นก็คือเซลล์นั้นไม่สามารถที่จะผลิตตัวไวรัสตัวใหม่ออกมาจากตัวเซลล์ได้เลย  

ทั้งนี้ในกรณีการศึกษาวิจัยในกรณีดังกล่าวนั้น เป็นการศึกษาในระยะเริ่มต้น หรือระดับห้องปฏิบัติการ คือศึกษาในหลอดทดลอง และเริ่มนำมาใช้ในสัตว์ทดลองคือหนูเท่านั้น ยังไม่ได้เริ่มมีการศึกษาโดยทดลองใช้กับมนุษย์จริง และคงมีการศึกษาใช้กับมนุษย์ในระยะต่อไป ซึ่งจะแตกต่างจากกรณีของฟ้าทะลายโจร ที่เริ่มมีการทดลองใช้กับคนมาระยะหนึ่งแล้ว และได้ผลพบว่าสามารถยับยั้งการแพร่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อ เข้าสู่ร่างกายแล้วได้จริง 

แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนมองว่าเนื่องจาก กระชายเป็นทั้งพืชที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร และยังเป็นสมุนไพรที่คนไทยคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ถ้าเรามีไว้ติดบ้านนอกจากมีสรรพคุณสำหรับรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปากเป็นแผล หรือเพิ่มสมรรถนะทางเพศ ตามความเชื่อแล้ว ก็ยังอาจเป็นทางออกอีกทางออกหนึ่งหนึ่งที่ สามารถยับยั้งการแพร่ของไวรัสเมื่อเข้าสู่ร่างกายเรา ในยุคของการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังมองไม่เห็นทางออกว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไรก็ได้ครับ 


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“Cancel Culture” วัฒนธรรมการ “แบน” ปรากฏการณ์ ‘คว่ำบาตรคนดัง’ ในวันที่ไม่ถูกใจ!!

หลังจากที่ชาวโลก คุ้นเคยกับ call-out culture หรือวัฒนธรรมการคอลเล้าท์กันไปแล้ว อีกวัฒนธรรมหนึ่งซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการคอลเล้าท์ คือ วัฒนธรรมแคนเซิล 

อย่าลืมว่า การ call out นั้น ไม่ใช่ว่าใครจะออกมาโวยวายเรื่องอะไร ที่ไม่ถูกใจตน แต่ ความหมายที่แท้จริงของการคอลเอาต์ คือการที่บุคคล หรือกลุ่มคนในสังคม ออกมาทักท้วงบุคคลหรือองค์กร ที่ทำสิ่งที่ผิดต่อกฎระเบียบ ค่านิยม หรือแนวปฏิบัติที่ผิดจากบรรทัดฐานของสังคมส่วนรวม เช่น การขับมอเตอร์ไซค์บนฟุตบาท, แพทย์และพยาบาลใช้อภิสิทธิ์ฉีดวัคซีนให้เพื่อนของตน, ตำรวจขับรถสวนทาง, ครูลวนลามนักเรียน, การเหยียดเพศ, การดูถูกคนจน, การจอดรถในที่สำรองให้คนพิการ และอื่น ๆ ที่ทำให้สังคมเกิดระเบียบ และมีน้ำใจต่อกัน

ดังนั้น การออกมาแสดงความคิดเห็น โดยไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง หรือไม่ยึดถือบรรทัดฐานของสังคมส่วนรวม ไม่ควรเรียกว่า คอลเอาต์ เป็นแค่การโวยวายจะให้ได้ดังใจ หรือเป็นการเรียกเสียงสนับสนุนจากผู้อื่นที่จะสนองจุดประสงค์ของตนเอง

อย่างไรก็ตาม สังคมไทย ถือว่าใครออกมาวิจารณ์หรือโจมตีใคร ด้วยถ้อยคำรุนแรง ที่แม้ฝ่ายที่ถูกโจมตีจะเป็นฝ่ายที่ยึดถือกฎระเบียบก็ตาม ก็เรียกว่า คอลเอาต์กันไปหมด

Cancel Culture เป็นสิ่งที่มาควบคู่กับ call-out culture ตัวอย่างเช่น มีกลุ่มนักแสดง ออกมาต่อต้านซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ยังไม่งดแจกถุงพลาสติกสำหรับใส่สินค้า จนเกิดเป็นการเคลื่อนไหวกระจายเป็นวงกว้าง หากทางซูเปอร์มาร์เก็ตรีบสนองต่อการเคลื่อนไหวทันที โดยการงดแจกถุงพลาสติก กิจกรรมคอลเอาต์ก็ย่อมจะหยุดไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป แต่หากซูเปอร์มาร์เก็ตไม่สนใจต่อเสียงเตือนเสียงติงของการคอลเอาต์ ขั้นถัดไปคือการ แคนเซิล

คนไทยนำคำว่า cancel มาใช้กันในภาษาไทย จนถือว่าเป็น “คำยืม” มีความหมายว่า “ยกเลิก” โดยปกติเราหมายถึง ยกเลิกสินค้า ยกเลิกคำสั่งซื้อ ยกเลิกการประชุม ยกเลิกนัด ในความหมายของ cancel culture นั้น หมายถึง “ตัดขาดความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ทั้งการพูดคุย การสนับสนุน และการติดตามผลงาน”

ดังนั้นคำว่า cancel ที่ใช้ใน cancel culture นั้นจึงหมายถึงการ boycott, ban และ sanction 

การที่ร้านค้า หรือผลิตภัณฑ์แบรนด์ใด ออกมาแสดงพฤติกรรมที่สวนทางกับบรรทัดฐานของสังคม เช่น เรื่องการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม ตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟต่อต้านการใช้หลอดกระดาษแทนหลอดพลาสติก นอกเหนือจากกระแสโต้แย้งจากสังคมที่ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ โดยการตำหนิผ่านสื่อโซเชียลแล้ว อาจนำไปสู่ cancel culture คือการเลิกซื้อกาแฟจากร้านนั้นอย่างพร้อมเพรียง หรือตัวอย่างเช่นขนมปังแบรนด์ดัง ที่เน้นผลิตภัณฑ์ขนมปังจากธัญพืช เมื่อมีกระแสว่าไม่ยินดีขายให้กับลูกค้าที่จุดยืนทางการเมืองแตกต่างจากแบรนด์ ก็เกิดการพร้อมใจกันงดซื้อขนมปังแบรนด์นั้น ลูกค้าบางรายเมื่อกาลเวลาผ่านไป ก็อาจกลับมาซื้อสินค้าและสนับสนุนบริการเช่นเดิม แต่มีลูกค้าอีกไม่น้อยที่หันไปเลือกแบรนด์อื่นแล้ว และชีวิตดำเนินไปเป็นปกติสุข จนไม่หวนกลับมาหาแบรนด์ที่แคนเซิลไปแล้ว ยิ่งมีแบรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เมื่อสูญเสียความภักดีต่อแบรนด์ (loyalty) ไปแล้ว ก็ยากที่จะดึงลูกค้ากลับมา

ขอบคุณภาพจาก truthforyou

ตัวอย่างของ cancel culture ที่ส่งผลเสียหายชัดเจนในช่วงไม่นานนี้ คือการ call out ของกลุ่มนักแสดงไทย ที่ได้ออกมาด้อยค่าวัคซีนจีน ในลักษณะ “รวมพลัง” โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะดิสเครดิต การทำงานของรัฐบาลในเรื่องที่ไม่จัดหาวัคซีนอเมริกันมาให้เป็นตัวเลือกได้ และได้ทำการเหยียดประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค และซิโนฟาร์ม โดยตั้งฉายาว่า “วัคซีนเสิ่นเจิ้น” ซึ่งไม่เมคเซนส์มากนัก เพราะเสิ่นเจิ้น เป็นเมืองที่ทันสมัยกว่าทุกจังหวัดในเมืองไทย ในขณะที่กรุงเทพฯ มีตึกสูงที่อยู่ในระดับ supertall (สูงกว่า 300 เมตร) เพียง 4 ตึก เสิ่นเจิ้น มีตึกซุปเปอร์ทอลล์ 18 ตึก และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี อีกทั้งยังมีตึกที่สูงที่สุดในอันดับ Top 5 ของโลกอีกด้วย การด้อยวัคซีนจากประเทศจีน จึงเป็นพฤติกรรมที่ขาดการไตร่ตรอง และไม่ได้คาดคิดว่าการกระทำดังกล่าวจะนำความเสียหายในลักษณะทุบหม้อข้าวตัวเอง

การเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของนักแสดงไทย อยู่ในสายตาและการรับรู้ของแฟนคลับชาวจีน ที่ชื่นชอบดาราไทยตลอดเวลา มีการตั้งกลุ่ม FC ของดาราไทย ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ‘เวยป๋อ (Weibo)’ ของจีน ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวนมาก แฟนคลับชาวจีนเหล่านี้ ติดตามชมละคร ซีรีส์ และภาพยนตร์ ที่มีนักแสดงไทยทั้งชายหญิงร่วมแสดง นักแสดงไทยหลายคน ได้มีงานแสดงในซีรีส์ของจีน เช่น ไมค์ พิรัชต์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประเทศจีน ได้แสดงในซีรีส์ดังหลายเรื่อง ได้ขึ้นแท่นเป็นพระเอกเต็มตัว ออกอากาศที่ช่องใหญ่ของประเทศจีน ซีรีส์ที่เขาเล่นยังมีเรตติ้งสูงอันดับ 1 และครองอันดับ 1 ในการจัดอันดับดาราเอเชียที่ได้รับความนิยมสูงในจีน และยังมีนักแสดงไทยอีกหลายสิบคน ที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างมากมายในประเทศจีน เช่น ปอย ตรีชฎา, หญิง รฐา, พิช วิชญ์วิสิฐ, นน ชานน, ออม สุชาร์, ต่อ ธนภพ, บี้ KPN, เนเน พรนับพัน และ ไมค์ พิรัชต์

ส่วนนักแสดงไทย ที่แม้จะไม่ได้มีผลงานในซีรีส์จีนยอดนิยม ก็ยังมี FC ชาวจีนนับร้อยล้านเฝ้าติดตามจากซีรีส์ไทย โดย WeTV ซึ่งขยายตลาดมาจาก Tencent VDO วิดีโอสตรีมมิงแพลตฟอร์มอันดับ 1 ของประเทศจีน ซีรีส์ไทยสร้างสถิติยอดวิวผ่านแอปพลิเคชั่นได้มากถึง 50 ล้านวิว ทั้งแบบพากย์จีน และมีซับจีน ซึ่งละครไทยที่ออกอากาศจบแล้ว เมื่อขายให้กับจีน มีมูลค่าหลักแสนบาทต่อตอน และหากเป็นการออกอากาศพร้อมกัน (simulcast) บางเรื่องมีมูลค่าถึงหลักล้านต่อตอน

จีนมีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคน เพียง 5 เปอร์เซนต์ของพลเมืองที่ชมซีรีส์ไทย ก็มีจำนวนถึง 65 ล้านคนแล้ว เมื่อปี 2556 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณการมูลค่าตลาดค่าลิขสิทธิ์ซีรีส์ไทย ที่ค้าขายกับจีนอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งอาจจะไม่มากนักเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดของตลาดลิขสิทธิ์ซีรีส์โดยรวมของจีน แต่นี่คือธุรกิจที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถต่อยอดรายได้จากนักแสดง การนำเสนอวัฒนธรรมและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของไทย เวลาที่ผ่านมา 8 ปี ซีรีส์ไทยจากช่องต่าง ๆ ได้ทำเงินจากตลาดซีรีส์ของจีนนับไม่ถ้วน

ด้วยเหตุนี้นักแสดงไทย จึงสามารถต่อยอดรายได้ผ่านการไปพบ FC ในเมืองจีน ในลักษณะ meet and greet ดาราไทยที่ได้ค่าตัวในการแสดงละครแต่ละตอน อยู่ในช่วง 80,000 - 150,000 บาท (ยกเว้นบางคนได้มากกว่าสองแสนบาทต่อตอน) เมื่อต้องเดินทางไปพบ FC ในประเทศจีน ค่าตัวย่อมมากกว่าแสดงละคร 2-3 ตอนแน่นอน

ขอบคุณภาพจาก truthforyou

การคอลเอาต์ ของนักแสดงไทย ที่ใช้วาจาเหยียดวัคซีนจีน ทำให้ FC ชาวจีนสะเทือนใจเป็นอย่างมาก จึงมีการติดตาม และเก็บบันทึกอย่างเป็นระบบ โดยการแบ่งเป็นกลุ่มพฤติกรรม เช่น นักแสดงที่ร่วมสนับสนุนการแยกฮ่องกงออกจากจีน นักแสดงที่สนับสนุนให้ไต้หวันเป็นประเทศอิสระ ผ่านการกด Like หรือคำพูดในโซเชียลมีเดีย กลุ่มนักแสดงที่ใช้คำพูดด้อยค่าวัคซีนจีน และบันทึกชื่อของนักแสดงเหล่านี้ไว้ จากนั้นเปิดให้ FC จีน ได้เข้ามาคอมเมนต์ ซึ่งเป็นการตอบโต้อย่างไม่ไว้หน้า เช่น

>> “โดยเนื้อแท้แล้วคนไทยคลั่งไคล้ญี่ปุ่น เกาหลี เทิดทูนยุโรป และอเมริกา ดังนั้นจึงอยากเป็นสุนัขของยุโรปอเมริกา แต่พวกนั้นไม่เห็นคุณค่า จึงเป็นได้เพียงนางบำเรอของพวกนั้น การแพร่ระบาดครั้งนี้ สารพัดถ้อยคำเหน็บแนมว่า Sinovac เป็นยาหลอกลวง ขอโทษนะ เมื่อพูดอย่างนี้แล้ว นั่นคือคุณดูถูกประเทศของฉัน”
>> “ฉันอยากบอกว่า ฝรั่งมาหาเมียที่เมืองไทย มีลูกเป็นลูกครึ่ง ผลักดันเข้าวงการบันเทิง เป็นการลุงทุนที่คุ้ม”
>> “ติดตามดาราไทยคนนี้มาหลายปี ในที่สุด ฉันก็ไม่อาจรับข้อความแบบนี้ได้ ดาราทำงานของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว ไปยุ่งอะไรกับงานของรัฐบาล Sinovac จงอย่าร่วมมือกับประเทศไทยอีกต่อไป”
>> “นึกว่าเป็นดาราเรียนจบปริญญาโทแล้วจะมีสมอง พอแล้ว เลิกติดตาม”
>> “ชอบนางมาหลายปี ผิดหวังมาก แอดมินแฟนคลับจีนทำเพื่อนางมาหลายปีแล้ว ฉันทนไม่ไหวแล้วที่นางเป็นแบบนี้”
>> “เมื่อก่อนชอบแต้ว แต่พอนางออกมา call out ครั้งนี้ผิดหวังมาก สิ่งที่บุคคลสาธารณะควรทำคือ รณรงค์ป้องกันโรคระบาด ไม่ใช่ลงไปคลุกกับการเมือง”
>> “เมืองไทยมั่วแล้ว call out แก้ปัญหาอะไรได้หรือ แต่ไหนแต่ไรมา เบลล่าไม่เคยพูดเรื่องการเมือง”

คอมเมนต์ในโทนผิดหวัง และขอ cancel จากนี้ไป มีนับร้อยนับพัน แต่ในขณะเดียวกัน การเก็บข้อมูลของ FC ชาวจีน เป็นไปอย่างละเอียดและไม่เหมาว่าปลาเน่าทั้งเข่ง ดังจะเห็นได้จากคอมเมนต์ชื่นชม เช่น 
>> “อั้ม เป็นดาราไทยส่วนน้อยที่สนับสนุน Sinovac และตัวเธอเองก็ยังฉีด Sinovac ด้วย”
>> “ออกมา call out แล้วยังไง ชาวบ้านเดือดร้อน ท้องไม่อิ่ม ต้องการให้มีชีวิตรอดเท่านั้น ดูอย่างอั้ม อย่างชมพู่ บ้างสิ ไม่กลัวว่าติ่งของพวกเธอจะพาทัวร์มาลง คนไทยควรดูอั้มกับชมพู่เป็นตัวอย่าง”

นักแสดงไทย นักร้องไทย ที่ได้ออกมา call out ตลอดมา เมื่อมีผู้เห็นต่างเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์การ call out ของพวกเขา ส่วนใหญ่จะต่อปากต่อคำ มี FC ที่เหนียวแน่น ช่วยออกมาต่อกร ปะทะคารม และได้เนื้อข่าวต่อไปอีก พูดง่าย ๆ คือ ดาราไทยมีความยะโสโอหัง อย่ามาสอน อย่ามาวิจารณ์ฉัน แม้ว่าชื่อเสียงและความร่ำรวยของฉันมาจากผู้ชมก็ตาม!!

แต่ Cancel Culture ของ FC ชาวจีนในครั้งนี้ เล่นเอาดาราไทย แย่งกันรับบทในละคร เตมีย์ใบ้กันอย่างพร้อมเพรียง หุบปากสนิท หยุด call out อย่างฉับพลัน ไม่ทราบว่า เกิดสำนึกขึ้นได้ว่า การ cancel นั้นไม่ใช่แค่หยุดชมซีรีส์ฟรี ๆ ทางยูทูปเท่านั้น หรือว่าถูกสังกัดเรียกไปตบปากแบบลูกหมา หรือตีมือเบา ๆ แบบเด็กชั้นอนุบาล

ถ้า call out ทำให้สิ่งที่เป็นบรรทัดฐาน และกฎเกณฑ์ที่สังคมส่วนรวมยอมรับ ก็จะได้แรงสนับสนุน แต่การโจมตีวัคซีนของจีนนั้น ฝรั่งมีสำนวนว่า Barking at the wrong tree หรือ สุนัขเห่าต้นไม้ผิดต้น คือการไม่มองที่สาเหตุสำคัญ ว่าในการจัดการสถานการณ์โควิด-19 คือการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งการใส่หน้ากาก การล้างมือ การเว้นระยะห่าง การไม่มั่วสุม และการฉีดวัคซีนที่จัดหามาได้เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันและบรรเทาอาการป่วยหนักหรือเสียชีวิต

Cancel Culture ครั้งนี้ ตีราคาแทบไม่ได้ เมื่อกาลเวลาผ่านไป เมื่อโควิด-19 บรรเทาไปจากโลก สังขารของนักแสดงเหล่านี้ ก็เปลี่ยนไป หน้าใหม่ก็ขึ้นมาแทน การจะลบล้างความพลั้งเผลอสิ้นคิด ด้วยการแจกอาหารให้กับบุคลากรทางแพทย์ หรือผู้ประสบความลำบากในเมืองไทย ถ้าเป็นข่าวในประเทศจีน FC ก็ดูออกว่าเป็นการกระทำล้างผิด อีก 3-5 ปี ถ้าแฟนคลับจีนให้อภัย ตอนนั้นก็อาจจะเล่นบท พ่อแม่ ลุงป้า กันแล้ว....

แต่ถ้าสนใจการเมืองจริง ไม่ได้ไปจีน ก็เริ่มทำงานให้กับพรรคการเมืองไทยได้


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“Kfir” เครื่องบินรบที่อิสราเอลสร้างจากปฏิบัติการ ‘จารกรรมพิมพ์เขียว’ Mirage ของฝรั่งเศส!!

MIRAGE III ทอ.อิสราเอล

เรื่องราวเกี่ยวกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของอิสราเอลที่หาความรู้ด้วยวิธีการที่ว่า "ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยคาถา" เลยทีเดียว ในทันทีที่สงคราม 6 วันสิ้นสุดลง ชาร์ล เดอ โกลล์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสในขณะนั้นได้สั่งให้งดขายอาวุธต่าง ๆ รวมทั้งเครื่องบินแบบ Mirage 3-s จำนวน 15 เครื่องให้อิสราเอล ซึ่งอิสราเอลได้จ่ายเงินให้ไปแล้วด้วย อันที่จริงแล้วกองทัพอากาศอิสราเอลได้ยึดติดแน่นอยู่กับระบบต่าง ๆ ของเครื่องบิน Mirage แม้ว่า รัฐบาลอเมริกันได้ยื่นข้อเสนอที่จะขายอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ให้ โดยจะจัดส่งเครื่องบินขับไล่ F-4 PhantomII มาให้ทันที แต่มันก็ไม่ได้แก้ปัญหาได้เลย เพราะอิสราเอลได้พัฒนาอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้สำหรับเครื่องบินแบบ Mirage จนครบหมดแล้ว ด้วยอิสราเอลได้ลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงที่มุ่งจะใช้กับระบบของ Mirage ไปเป็นจำนวนมหาศาล และไม่ได้มีการพัฒนาระบบอื่นเผื่อไว้เลย

F-4 PhantomII ทอ.อิสราเอล

IAI Kfir เป็นเครื่องบินขับไล่-ทิ้งระเบิดไอพ่นแบบแรกที่สร้างในอิสราเอล โดยต้นแบบของ Kfir คือ Mirage 5 ของฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1969 ฝรั่งเศสงดขายเครื่องบิน Mirage ให้กับอิสราเอล ทำให้เกิดโครงการ Kfir ซึ่งเป็นงานแผนแบบเครื่องบินไอพ่นขับไล่และทิ้งระเบิดในระดับความเร็ว 2 มัค และเป็นความลับสุดยอดของอิสราเอล เครื่องบิน Kfir ต้นแบบก็สำเร็จในปี ค.ศ. 1972 ซึ่งตั้งชื่อว่า Nesher ได้ทำการบินทดสอบ และแก้ไขดัดแปลงหลายส่วน โดยเฉพาะส่วนท้ายที่สันดาปท้ายร้อนจัดจนละลาย และเมื่อทดสอบปรับปรุงใหม่เสร็จ Nesher ก็เปลี่ยนชื่อเป็น Barak การผลิต Barak เริ่มในปี ค.ศ. 1972 และประสบความสำเร็จอย่างสูงในการต่อสู้กับเครื่องบิน MiG ของอาหรับ และนับจากนั้น Barak จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น Kfir เครื่องบินขับไล่-ทิ้งระเบิด Kfir ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 เมษายน ปี ค.ศ. 1975 

Nesher ต้นแบบของ Kfir

โดย Kfir มีทั้งหมด 4 รุ่นคือ  

>> Kfir C.1 (1975) เป็นรุ่นที่มาจากการปรับปรุง Nesher โดยตรง โดยเพิ่มปีก Canard ขนาดเล็กเข้าไป อิสราเอลผลิต C.1 จำนวน 27 ลำ

และในวันที่ 20 กันยายน ปี ค.ศ. 1976 บริษัท ไอเอไอก็ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ชื่อว่า 
>> Kfir C. 2 มีลักษณะแตกต่างจากรุ่นแรกคือ ติดตั้ง Canard หรือปีกเล็ก ๆ ด้านหน้า เหนือช่องรับอากาศ Kfir C.2 (1976) พัฒนามาจากประสบการณ์ในการใช้ C.1 โดยติดตั้งปีก Canard ที่สมบูรณ์ลงไป ปรับปรุงคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ ลดระยะทางที่ต้องใช้ในการขึ้นลง และติดตั้งเก้าอี้ดีดตัว Martin-Baker Mk.10 ติดตั้งเรดาห์ EL/M 2001/2001B ที่อิสราเอลผลิตเอง ติดตั้งคอมพิวเตอร์ควบคุมการบินและจอ HUD และได้ผลิตรุ่น TC.2 ซึ่งเป็นรุ่นสองที่นั่งสำหรับใช้ฝึก โจมตี และปฏิบัติการสงครามอิเล็กทรอนิคส์ โดยอิสราเอลผลิต C.2 และ TC.2 ทั้งหมด 185 เครื่อง

>> Kfir C.7 (1983) เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น J79-GE-17E ซึ่งเพิ่มแรงขับอีก 1,000 ปอนด์ ติดตั้งระบบ Jammer รุ่น EL/L-8202 ซึ่งในรุ่นนี้ Kfir ได้เปลี่ยนภารกิจจากขับไล่สกัดกั้นเป็นโจมตี เนื่องด้วยต้องเหลีกทางให้ F-15 ที่มาทำภารกิจขับไล่แทน (ทำให้สถิติการยิงเครื่องบินศัตรูตกของ Kfir หยุดอยู่ที่ 1 เครื่อง คือ MiG-21 ของซีเรียซึ่งถูกยิงตกโดย Kfir C.2)

>> Kfir C.10 หรือ Kfir 2000 รุ่นสุดท้ายของ Kfir ในรุ่นนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนห้องนักบินไปเป็นระบบ Glass cockpit (ติดตั้งจอภาพสี 2 จอแทนมาตรวัดแบบเข็ม) ติดตั้งท่อรับการเติมน้ำมันกลางอากาศ เปลี่ยนคันบังคับเป็นแบบ HOTAS ซึ่งช่วยลดภาระของนักบิน นักบินสวมหมวกบินติดศูนย์เล็ง และเปลี่ยนเรดาห์เป็นรุ่น EL/M-2032

Kfir รุ่นต่าง ๆ

การที่ฝรั่งเศสห้ามขายอาวุธยุทโธปกรณ์กลายเป็นปัญหาระยะสั้นที่ทำให้รัฐบาลและกองทัพอิสราเอลต้องคิดหาทางออกอย่างหนัก ส่วนปัญหาระยะยาวที่จะตามมาอีกคือ จะทำอย่างไรในการซ่อมบำรุงเครื่องบิน Mirage ที่มีอยู่แล้ว ความสามารถในการป้องกันประเทศของอิสราเอลต้องขึ้นอยู่กับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ได้รับจากประเทศเดียวเท่านั้น ถ้าประเทศนั้นเกิดเปลี่ยนใจไม่ส่งอาวุธมาให้โดยไปเข้ากับศัตรูในขณะที่อิสราเอลเจอกับวิกฤตเช่นนั้น หรือ อิสราเอลจะทำอย่างไร เหมือนยืมจมูกคนอื่นหายใจฉะนั้นหรือ คณะรัฐมนตรีของอิสราเอลในขณะนั้นได้มีมติด่วนให้จัดหางบประมาณให้แก่อุตสาหกรรมเครื่องบินของอิสราเอลเพื่อสร้างเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดที่สามารถต่อกรกับเครื่องบินชั้นเยี่ยมของชาติอื่น ๆ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาปัญหาต่าง ๆ ที่เผชิญหน้าอยู่

คณะกรรมการสรุปข้อมูลและประเมินสถานการณ์แล้วได้รายงานว่า จะต้องใช้เวลาประมาณ 10 ปี ในการสร้างเครื่องบินสัญชาติอิสราเอลให้ขึ้นบินได้ทั้งนี้ เพราะอิสราเอลจะต้องเริ่มต้นตั้งแต่ A จนถึง Z นอกจากนั้นยังไม่อาจประกันได้ว่าเครื่องบินที่ผลิตออกมานั้นจะสามารถเทียบชั้นกับเครื่องบินของรัสเซีย อังกฤษ อเมริกา หรือฝรั่งเศสได้ วิธีแก้ปัญหานี้ให้ได้รวดเร็ว คือสร้างเครื่องบินที่ลอกแบบ จาก Mirage ซึ่งวิศวกรและนักเทคนิคของอิสราเอลมีความชำนาญและคุ้นเคยอยู่แล้ว แต่วิธีนี้ก็ยังมีปัญหาและอุปสรรคอยู่ดี เนื่องจากเครื่องบินขับไล่สมัยใหม่แต่ละเครื่องมีชิ้นส่วนประมาณ 1 ล้านกว่าชิ้น และทุกชิ้นส่วนได้รับการทดสอบมาแล้วเป็นอย่างดี ถ้าจะลอกแบบจากเครื่องบินจริงย่อมไม่ได้คุณภาพเท่าของแท้ นอกเสียจากจะมีพิมพ์เขียวของวิศวกรผู้สร้าง Mirage เอง ตัวอย่างที่อิสราเอลรู้ดีก็คือ สวิตเซอร์แลนด์ได้ผลิตเครื่องบิน Mirage ภายใต้สิทธิบัตรที่ได้รับอนุญาตจากฝรั่งเศส ซึ่งสามารถใช้แบบพิมพ์เขียวและนักเทคนิคของฝรั่งเศสอีกด้วย แม้กระนั้นยังต้องใช้เวลาถึง 6 ปี เครื่องบิน Mirage ที่สร้างในสวิตเซอร์แลนด์จึงสามารถขึ้นบินได้ 

เดือนธันวาคม ปี 1967 ฝรั่งเศสได้จัดให้มีการประชุมผู้ถือสิทธิบัตรในการผลิตเครื่องบิน Mirage ทั้งลำหรือบางส่วนขึ้นในกรุงปารีส โดยปกติแล้วเครื่องบินหรือเครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่กับเครื่องบินจะไม่ค่อยเป็นไปตามรายการประกอบแบบ (Specifications) ที่เขียนขึ้น โดยยืนยันสมรรถนะหรือเพื่อประกันความปลอดภัยเครื่องบิน ซึ่ง Mirage เองก็ไม่ได้มีข้อยกเว้น บริษัท Dassault ผู้ผลิตลำตัวเครื่องบินและบริษัท Senikama ผู้ผลิตเครื่องยนต์ ATA-9 ทั้งสองบริษัทเป็นเจ้าภาพร่วมกัน จัดให้มีการประชุมสำหรับผู้ใช้งานเครื่องบิน Mirage ทั้งหลายขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วยผู้แทนจากรัฐบาลและอุตสาหกรรมสร้างเครื่องบินของชาติต่าง ๆ ที่เป็นลูกค้า วัตถุประสงค์ก็เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ โดยออสเตรเลียและสวิตเซอร์แลนด์เป็นผู้ผลิต Mirage ทั้งตัวเครื่องบินและเครื่องยนต์ ส่วนอิสราเอลและเบลเยี่ยมนั้น นำชิ้นส่วนไปประกอบและผลิตชิ้นส่วนบางชิ้นขึ้นเอง ทั้งหมดภายใต้สิทธิบัตรที่ได้รับอนุญาต นอกจากนั้นก็ยังมีแอฟริกาใต้ เลบานอน และเปรู ซึ่งซื้อเครื่องบิน Mirage ที่ประกอบสำเร็จรูปไปใช้

ในการประชุมครั้งนี้อิสราเอลได้ส่งพลจัตวา โดฟ ไซเยียน แห่งกองทัพอากาศอิสราเอลเข้าร่วมประชุม (นายพลไซเยียน เป็นบุตรเขยของนายพล Moshe Dayan (สามีของ Yael Dayan บุตรีของนายพล Moshe) ไซเยียนไม่ได้ออกความเห็นอะไรมากนัก เพราะนั่งติดกับผู้แทนจากเลบานอน ซึ่งถือว่าเป็นศัตรู และอิสราเอลเองยังไม่พอใจฝรั่งเศสที่ไม่ยอมส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ ดังนั้นข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการใช้เครื่องบิน Mirage ในระหว่างสงคราม 6 วันที่เตรียมมาจึงไม่ได้เสนอในที่ประชุมแต่อย่างใด

เครื่องยนต์ ATA-9 ที่ติดตั้งอยู่ใน Mirage

ในการประชุมนั้นผู้ผลิตเครื่องยนต์ ATA-9 บริษัท Senikama ได้รับความกดดันจากลูกค้าที่ใช้ Mirage เป็นอันมาก เพราะต่างผิดหวังกับเครื่องยนต์ ATA-9 ที่ติดตั้งอยู่ใน Mirage โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัลเฟร็ด ฟรอเอนค์เนทค์ ผู้แทนจากบริษัท Solzer Brothers แห่งสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งได้สิทธิบัตรในการสร้าง Mirage ได้วิจารณ์เครื่องยนต์ ATA-9 อย่างหนัก สำหรับไซเยียนแล้วทุกสิ่งที่ฟรอเอนค์เนทค์พูดนั้นได้เกิดขึ้นกับเครื่องบิน Mirage ของอิสราเอลเช่นเดียวกัน หลังการประชุม ไซเยียนได้หาโอกาสพบและรับประทานอาหารกับฟรอเอนค์เนทค์ และได้บอกกับผู้แทนบริษัทสวิสว่า เขาจงใจที่จะไม่เสนอข้อมูลในการใช้งาน Mirage ของอิสราเอลในที่ประชุม

อัลเฟร็ด ฟรอเอนค์เนทค์ ผู้แทนจากบริษัท Solzer Brothers แห่งสวิตเซอร์แลนด์

พลจัตวา ไซเยียน กลับอิสราเอลพร้อมกับข่าวดี โดยฟรอเอนค์เนทค์ได้เปิดเผยกับเขาว่า รัฐบาลสวิสได้สั่งชิ้นส่วน Mirage III จำนวน 100 เครื่อง แต่เนื่องจากราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลสวิสจึงตัดสินใจสร้างเพียง 53 เครื่อง ชิ้นส่วนที่เหลือนั้นจึงพอที่จะสร้างอีก 47 เครื่องได้อย่างสบาย แถมยังมีแบบพิมพ์เขียวและรายการอย่างละเอียดที่อยู่ในสวิสเซอร์แลนด์อีกด้วย ถ้าอิสราเอลได้เป็นเจ้าของชิ้นส่วนและแบบพิมพ์เขียวเหล่านั้นก็สามารถสร้างเครื่องบิน Mirage ได้อีกประมาณ 50 เครื่อง เพื่อทดแทนจำนวนที่สั่งจากฝรั่งเศส แต่ถูกรัฐบาลฝรั่งเศสสั่งกักเอาไว้ 

มิตรใหม่ทั้งสองติดต่อกันทางจดหมายเรื่อยมา แม้ว่าฟรอเอนค์เนทค์จะไม่ใช่คนยิว แต่ก็มีความเห็นอกเห็นใจยิวอยู่เป็นอันมาก เพราะในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวยิวได้หนีตายจากฮิตเลอร์เข้ามาพึงสวิตเซอร์แลนด์เหมือนหนีร้อนมาพึ่งเย็น แต่สวิตเซอร์แลนด์กลับขับไล่ไสส่งชาวยิวเหล่านั้นให้ไปพบกับความตาย ซึ่งฟรอเอนค์เนทค์ถือว่า เป็นความผิดของสวิตเซอร์แลนด์ที่ไม่อาจล้างบาปได้ ฟรอเอนค์เนทค์เป็นวิศวกรฝ่ายพัฒนาที่อายุเพียง 40 ปี ก็สามารถไต่เต้าขึ้นมาอยู่ในระดับสูงของบริษัท Solzer Brothers แล้ว

อิสราเอลได้พบช่องโหว่ของการรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่นของฝรั่งเศสเข้าแล้ว ต่อไปนี้ต้องหาทางทะลุทะลวงช่องโหว่นี้ให้กว้างขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือทำให้ฟรอเอนค์เนทค์ภักดีต่ออิสราเอลให้ได้เสียก่อน โดย ไซเยียน และนายทหารอิสราเอลอื่น ๆ ได้ส่งข้อมูลในการปรับแต่งเครื่องยนต์ ATA-9 ให้ฟรอเอนค์เนทค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฟรอเอนค์เนทค์ต้องการเป็นอย่างมากอยู่แล้ว ในที่สุดการติดต่อกันทางจดหมายระหว่างฟรอเอนค์เนทค์กับเพื่อนทหารอิสราเอลทำให้มิตรภาพแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

คณะกรรมการชุดหนึ่งได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อควบคุมและติดตามกรณีของ ฟรอเอนค์เนทค์ โดยมี นายพลอาฮารอน ยาริฟ หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับอิสราเอลเป็นประธาน ประกอบไปด้วยคนของกองทัพอากาศและอุตสาหกรรมสร้างเครื่องบินเป็นกรรมการ ผู้ที่สมควรกล่าวถึงอีกสองคนคือ เมียร์ อมิท อดีตหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับ และ อัล ชวิมเม ชาวอเมริกันเชื้อสายยิวผู้ซึ่งได้วางรากฐานของอุตสาหกรรมเครื่องบินในอิสราเอลตั้งแต่ ปี 1947 ร่วมกันรับผิดชอบในด้านปฏิบัติการ

ตอนแรกคณะกรรมการตกลงว่าจะติดต่อกับรัฐบาลสวิสอย่างเปิดเผยผ่านทางฟรอเอนค์เนทค์ก่อน โดย อัล ชวิมเม ได้เสนอกับรัฐบาลสวิสว่า อิสราเอลจะขอซื้อส่วนประกอบของ Mirage จำนวน 47 เครื่อง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนที่ทางอิสราเอลจะมอบความลับอันสำคัญในการปรับแต่งเครื่องยนต์ ATA-9 ให้แก่รัฐบาลสวิสเป็นการตอบแทน รัฐบาลสวิสจึงได้ติดต่อกับฝรั่งเศสและคำตอบจากฝรั่งเศสนั้นทำให้อิสราเอลผิดหวัง คือไม่ให้สวิสขายชิ้นส่วนให้กับอิสราเอล แต่คณะกรรมการเดาว่า คำตอบน่าจะออกมาในด้านลบอยู่ก่อนแล้ว จึงได้เตรียมแผนสองเอาไว้

วิธีการตามแผนสองก็คือ หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอลหรือ MOSSAD ได้จัดตั้งบริษัทบังหน้าขึ้นในสวิสเซอร์แลนด์เพื่อ โดยอาจได้รับการช่วยเหลือจาก Marcel Dassault (นามสกุลเดิม Bloch) เจ้าของบริษัท Dassault ซึ่งมีเชื้อสายยิว และอาจต้องการช่วยเหลืออิสราเอล อีกทางหนึ่งอิสราเอลได้ติดต่อกับ ฟรอเอนค์เนทค์ วิศวกรชาวสวิสเซอร์แลนด์ของบริษัทผู้ได้สิทธิบัตรผลิตเครื่องบิน Mirage โดย MOSSAD ได้จัดหานักจิตวิทยา วางแผนมาเป็นอย่างดีเพื่อที่จะโน้มน้าวให้ฟรอเอนค์เนทค์เห็นอกเห็นใจชาวยิว และยอมช่วยหาพิมพ์เขียวของเครื่องบิน จำนวน 150,000 แผ่น และพิมพ์เขียวเครื่องกล 45,000 แผ่น โดยฟรอเอนค์เนทค์ตกลงและคิดว่า ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งปีจึงจะทำทุกอย่างสำเร็จ ฟรอเอนค์เนทค์ได้เสนอเจ้านายในบริษัทให้ถ่ายพิมพ์เขียวเข้าไมโครฟิล์ม แล้วจะเผาทำลายแบบต้นฉบับ เพื่อการเก็บรักษาที่ง่าย โดยทุกครั้งที่ทำลายจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างเคร่งครัด แต่ฟรอเอนค์เนทค์ได้ซื้อพิมพ์เขียวเก่า ๆ ของเครื่องบินที่คล้าย ๆ กันมาเผาทำลายแทน 

สายลับ MOSSAD ได้เลือกที่จะตีสนิทกับ ฮานส์ สเตรคเกอร์ ชาวเยอรมันที่ทำงานอยู่กับบริษัทขนส่งสวิสชื่อบริษัทรอทซิงเจอร์ และเสนอเงินจำนวนมากเพื่อให้นำพิมพ์เขียวข้ามชายแดนสวิสเข้าไปเยอรมันให้ได้ โดยใช้ระยะเวลาต่อเนื่องหลายเดือน เมื่อขนเข้าเยอรมัน จะมีเครื่องบินอิตาลีบินมารับ แล้วบินกลับประเทศลงจอดยังสนามบินส่วนตัว และมีเครื่องอิสราเอลมารอรับอยู่ ผ่านไปหลายเดือนการส่งเอกสารพิมพ์เขียวไปแล้วกว่าแสนแผ่น สเตรคเกอร์เกิดทำพลาด ประการแรกเขาทำให้คนเห็นขณะนำกล่องบรรจุพิมพ์เขียวขึ้นรถเบนซ์สีดำ และประการที่สองเขาลืมกล่องอีกหนึ่งกล่องไว้ในโกดัง ซึ่งเป็นที่สังเกตของ คาร์ล รอทซิงเจอร์ เจ้าของบริษัทขนส่งที่ชื่อเดียวกับนามสกุลของเขา คาร์ลจึงได้ดึงแบบออกจากกล่องหนึ่งแผ่น และได้พบกับคำว่า Solzer ซึ่งเป็นชื่อของบริษัทสวิสที่ทำธุรกิจในด้านวิจัย และผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน ข้างใต้ชื่อบริษัทเขาพบคำว่า License-Senikama ซึ่งหมายถึงบริษัท Solzer ได้รับสิทธิบัตรจากบริษัท Senikama ของฝรั่งเศส และที่สำคัญคือ ข้อความอีกบรรทัดหนึ่งที่มีความหมายว่า “ตามประมวลกฎหมายอาญา ให้รักษาความลับในทางทหารไว้อย่างสูง” 

คาร์ลได้ทราบจากคนงานที่ทำงานใกล้เคียงว่า สเตรคเกอร์ได้เคลื่อนย้ายกล่องกระดาออกไปเป็นระยะเวลาหลายเดือนมาแล้ว เขาจึงได้แจ้งให้ตำรวจทราบ ฝ่ายอิสราเอลซึ่งได้เฝ้าจับตาดูอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้ทราบถึงความหละหลวมและพลาดท่าของสเตรคเกอร์ จึงโทรศัพท์บอกเป็นรหัสว่า “ดอกไม้ได้ร่วงโรยเสียแล้ว” เพื่อให้เวลากับฟรอเอนค์เนทค์ ได้หนีทัน แต่ฟรอเอนค์เนทค์ตัดสินใจไม่หนี เขาต้องติดคุกในระหว่างดำเนินคดี 1 ปีเต็ม ทั้งนี้ก็เพราะว่า ทางการสวิสต้องการทราบว่า ความเสียหายมีมากน้อยขนาดแค่ไหนจึงต้องใช้เวลาในการพิจารณาคดี และในที่สุดได้ข้อสรุปว่า ฟรอเอนค์เนทค์ ได้ส่งแบบพิมพ์เขียวเครื่องบิน Mirage ไปให้อิสราเอลเป็นจำนวน 2,000 แผ่น สำหรับชิ้นส่วนเครื่องยนต์ 80,000-100,000 แผ่น สำหรับ Jigs (เครื่องมือประกอบการผลิตชิ้นส่วน) 35,000-40,000 แผ่น สำหรับเครื่องมือ (Tools) 80-100 แผ่น สำหรับตัวเครื่องบิน 1,500 แผ่น สำหรับรายการประกอบแบบ (Specifications)

วันที่ 23 เมษายน 1971 ศาลสวิตเซอร์แลนด์ได้พิพากษาให้ อัลเฟร็ด ฟรอเอนค์เนทค์ ถูกจำคุก 4 ปี 6 เดือน จากการที่ฟรอเอนค์เนทค์ได้ถูกจองจำระหว่างการดำเนินคดี และประกอบกับการประพฤติตัวดี เขาจึงได้รับอิสรภาพเมื่อ 21 กันยายน 1972 สองปีครึ่งหลังจากที่ออกจากคุก ฟรอเอนค์เนทค์ได้เดินทางไปยังอิสราเอล เพื่อชมการบินของเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดความเร็ว 2.2 มัค ชื่อว่า Kfir ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก Mirage III และ Kfir ได้เป็นกำลังสำคัญของกองทัพอิสราเอลต่อมา

Kfir C.10 BLOCK60 รุ่นปรับปรุงแล้ว

อิสราเอลเคยเสนอขาย Kfir C.10 BLOCK60 รุ่นปรับปรุงแล้ว ให้กองทัพอากาศไทยในราคาลำละ 20 ล้านเหรียญอเมริกัน (ราว 660 ล้านบาท) Israel Aerospace Industries (IAI) เสนอเครื่องขับไล่ Kfir C.10 Block 60 ที่เป็นการนำเครื่องเก่าที่กองทัพอากาศอิสราเอลปลดประจำการไปแล้วในช่วงปี 1990s มาปรับปรุงใหม่ เป็นเครื่องบินที่ขีดความสามารถสูงทัดเทียบเครื่องบินขับไล่ยุคปัจจุบัน โดย Kfir Block 60 สามารถติดอาวุธได้หนักถึง 5.5 ตัน ทั้งอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ Python 5 และ Derby อาวุธอากาศสู่พื้นความแม่นยำสูงอย่าง Spice และระบบเครือข่าย Link-16 มีรัศมีทำการรบ 1,000 กิโลเมตร และจะบินได้ไกลขึ้นถ้าเติมเชื้อเพลิงทางอากาศ ความเร็วสูงสุดมากกว่า 2 Mach แต่กองทัพอากาศไทยไม่ได้ให้ความสนใจ ด้วยมีเครื่องบินสำหรับภารกิจนี้มีใช้อยู่แล้ว 3 แบบ คือ F-5E/F, F-16 A/B, ADF และ JAS-39 GRIPPEN หากมี Kfir มาใช้อีกแบบจะยิ่งเพิ่มภาระและปัญหาในการบริหารทรัพยากรทั้งบุคลากร (นักบิน ช่างอากาศ ช่างสรรพาวุธ) ตลอดจนค่าใช้จ่ายในเรื่องระบบอาวุธและการซ่อมบำรุงอีกมากมาย 

Kfir C.10 Columbian Air Force

มีหลายความเห็นว่า การจารกรรมพิมพ์เขียว Mirage ของฝรั่งเศสโดยอิสราเอลไม่ใช่เรื่องจริง แต่เป็นเรื่องของฝรั่งเศสที่แอบช่วยเหลืออิสราเอลอย่างลับ ๆ ด้วย ตระกูล Dassualt เป็นชาวฝรั่งเศสที่มีเชื้อสายยิว แต่เท่าที่ได้ทำการสืบค้นข้อมูลมาพบเพียง Tom Cooper นักเขียนชาวออสเตรเลียเพียงรายเดียวเท่านั้นที่นำเสนอความเชื่อในแนวนี้


ขอบคุณข้อมูลจาก 
คุณ sillfai pantip.com 
http://www.gunsandgames.net/smf/index.php?topic=54947.msg1318617
http://skyfighter-a2z.html
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=skyman&month=08-2006&date=21&group=1&gblog=7
http://www.magnumphotos.com
http://www.geronimohoorspelen.nl/Special/mossad/achtergronden_mossad_luchtmacht.htm


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
- ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
- รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
- สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ชลบุรี – นายกเมืองพัทยา รับมอบเครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 จากภาคเอกชน รวมน้ำใจร่วมบริจาคจำนวน 5 เครื่อง รวมมูลค่า 1.25 ล้านบาท

วันที่ 13 ส.ค.64 ที่โรงพยาบาลเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา นายมาโนช หนองใหญ่ และนายแพทย์สมเกียรติ บวรเสรีผไท ที่ปรึกษาหัวหน้ากลุ่มการแพทย์ โรงพยาบาลเมืองพัทยา ร่วมรับมอบ “เครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์” (Oxygen High Flow) หรือเครื่องให้อากาศผสมออกซิเจนอัตราการไหลสูง จากผู้มีจิตศรัทธาและหน่วยงานภาคเอกชนในพื้นที่เมืองพัทยา ที่ร่วมกันบริจาคให้แก่โรงพยาบาลเมืองพัทยา จำนวน 5 เครื่อง เครื่องละ 250,000 บาท รวมมูลค่า 1,250,000  บาท เพื่อนำไปใช้ดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมืองพัทยา

ทั้งนี้ ผู้มีจิตศรัทธาและภาคเอกชน ห้างร้าน ที่ร่วมบริจาคซื้อ “เครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์” (Oxygen High Flow) ประกอบด้วย นางสมร หนองใหญ่ 1 เครื่อง น.ส.สายยัน สายสมุทร จำนวน 1 เครื่อง บริษัทคอร์ เทคโนโลยี คอนซัลแต้นส์ จำกัด บริษัท พิสุทธิ์ เทคโนโลยี จำกัด และกลุ่มเพื่อน รวม 3 เครื่อง

สำหรับ “เครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์” (Oxygen High Flow) ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในการช่วยชีวิตผู้ป่วยภาวะหายใจล้มเหลว หรือมีภาวะพร่องออกซิเจน และเพื่อเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของผู้ป่วยได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งมีความสำคัญมาก ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

“ไม่ให้ผ่าน ไม่ให้ขาย ไม่ให้เสพ” ศอ.ปส.จ.ชุมพรโชว์ผลงาน รวบผู้ค้ายาทั้งยาบ้าและไอซ์มูลค่านับล้าน

วันนี้ 13 สค. 64 เวลา 10.30 น. ณ ค่าย อส.จ.ชุมพร นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผวจ. ชุมพร ,นายพิทักษ์   พิศสิริวัฒนสุทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพร และเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครรักษาดินแดน จังหวัดชุมพร(อส.จ.ชุมพร) ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหายาเสพติดทั้งยาบ้า จำนวน 8,000 เม็ด ,กัญชา 1 แท่ง และยาไอซ์ มีน้ำหนัก 2 กิโลกรัม

นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผวจ.ชุมพร เปิดเผยว่า การจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดในครั้งนี้ เป็นการขยายผลการจับกุม จากผู้ค้ายาบ้า จากวันที่ 5 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้สืบทราบว่าจะมีการส่งมอบยาอีก 2 ครั้งในวันที่ 8 และ 12 สิงหาคม 2564 จึงได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจโชคชัยวางแผนเข้าจับกุมกลุ่มผู้ค้ายา

โดยในวันที่ 8 สิงหาคม 2564  มีบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง ได้นำกล่องสินค้ามาวางไว้บริเวณหน้าอู่ซ่อมรถ ซ.รุ่งเรือง ต.ปากน้ำชุมพร แต่ผู้ค้ายาเสพติดไหวตัวทัน จึงหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้ จึงตรวจยึดของกลางทีมีการบรรจุเป็นหีบห่อด้วยผ้าขนหนูขนาดใหญ่ เพื่อพรางตบตาเจ้าหน้าที่ ภายในพบยาบ้า 1 ห่อ นับได้จำนวน 8,000 เม็ด

ต่อมาวันที่ 12 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาได้สืบทราบว่า จะมีการส่งมอบของอีกครั่ง โดยมีคน 2 คนออกไปรับของ จึงซุ่มดูบริเวณโรงแรมในพื้นที่ของ ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร พบมีผู้ต้องหา 2 คนมารับของ จึงได้จับกุมพร้อมของกลางพบเป็นยาไอซ์จำนวน 2 กิโลกรัม จึงทำการบันทึกจับกุมและนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชุมพรเพื่อดำเนินคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครองต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

นราธิวาส - หมู่บ้านนี้ไม่มีโควิด!! มอบป้ายประกาศ - ธงสีฟ้า ให้แก่หมู่บ้านและชุมชน ที่ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอสุคิรินและอำเภอแว้ง

นายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ พัฒนาการอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีมอบป้ายประกาศและธงสีฟ้า "หมู่บ้าน/ชุมชน สีฟ้า" ให้แก่หมู่บ้านและชุมชน ที่ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด - 19 ในพื้นที่อำเภอสุคิรินและอำเภอแว้ง

นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวว่า "หมู่บ้าน/ชุมชน สีฟ้า" เป็นหนึ่งในแนวคิดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเฝ้าระวังควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยให้ประชาชนในชุมชน ร่วมทำและร่วมตัดสินใจกันเอง ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในระดับหมู่บ้าน อาทิเช่น การคัดกรองผู้เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงเพื่อกักตัว 14 วัน การปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุข เว้นระยะห่าง, สวมหน้ากาก, ล้างมือ, ตรวจอุณหภูมิร่างกาย, สแกนไทยชนะ อย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง การส่งเสริมให้มีการปลูกและใช้สมุนไพรในการรักษาและป้องกันโรคโควิด-19 การค้นหาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง Rex-ray และรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันฉีดวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อจัดตั้งเป็น "หมู่บ้าน สีฟ้า" เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดในระดับต่ำ และเป็นแบบอย่างที่มีระบบดูแลตนเองในหมู่บ้านหรือชุมชน และสามารถคลี่คลายและผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤตของโรคโควิด-19 และได้มอบพันธุ์ไม้ฟ้าทะลายโจร ให้กับหมู่บ้าน/ชุมชน ที่ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดนราธิวาส จาก 13 อำเภอ มีจำนวน 119 หมู่บ้าน/ชุมชน ในส่วนของอำเภอสุคิริน มีจำนวน 18 หมู่บ้าน อำเภอแว้ง มีจำนวน 7 หมู่บ้าน

ในส่วนของสำนักงานพัฒนาชุมชนแต่ละอำเภอ ได้มอบพันธุ์พืช สมุนไพร เช่น ฟ้าทะลายโจร ขิง ขมิ้น ข่า ตะไคร้ ชะอม ให้กับหมู่บ้านดังกล่าว และจะมีเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนเข้าไปติดตามในหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนทุกหมู่บ้านได้ปลูกพืชผักสวนครัว และสมุนไพร ใช้ให้เป็นประโยชน์ในการป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ ตามนโยบายของอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร และเสริมสมุนไพร รักษาโควิด - 19

โดยมีนายอรุณ ศรีใส นายอำเภอสุคิริน ,นายรุสดี ปูรียา นายอำเภอแว้ง ,หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้การต้อนรับ


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top