Tuesday, 8 July 2025
SPECIAL

รวบแล้ว!! ‘เจ๊เจี๊ยบ’ หัวหน้าขบวนการ ขนแรงงานลงประจวบฯ กก.สส.บก.ตม.3 แถลงการจับกุมตัว

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ 

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 64 เกิดเหตุ รถขนคนต่างด้าวจำนวน 42 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง จว.ประจวบคีรีขันธ์ จับกุมที่ จุดตรวจประชารัฐ อ.คลองวาฬ จว.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจากการตรวจสอบพบ นายพีระ เป็นผู้ขับขี่ เบื้องต้นจากการซักถามคนต่างด้าวให้การว่าจะเดินทางกลับพม่าทางช่องทางด่านสิงขร โดยได้จ่ายค่าดำเนินการประมาณ 5,000-8,000 บาท ต่อมาได้ตรวจสอบพบว่าในกลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าวมีผู้ติดโควิด-19 จำนวน 16 คน จึงทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องควบคุมตัวกลุ่มคนต่างด้าวและคนขับรถดังกล่าวไว้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อฯ เสียก่อน

ต่อมา กก.สส.บก.ตม.3 ได้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนขยายผล นายพีระ โดยนายพีระ ได้รับสารภาพทราบว่า ตนเป็นคนขับรถของบริษัท มีชื่อแห่งหนึ่ง ต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุ ได้รับคำสั่งจากนายจ้างชาวไทยให้มารับคนต่างด้าวกับนายหน้าชาวไทยที่ จว.สมุทรสาคร เพื่อเดินทางไปยังด่านสิงขร จว.ประจวบฯ หลังจากรับคนงานแล้วจึงได้รับค่าดำเนินการจำนวนหนึ่งจากนายหน้า พร้อมทั้งได้ข้อมูลผู้ประสานงานที่ จว.ประจวบฯ โดยเมื่อเดินทางไปถึงให้ประสานงานกับ น.ส. เจี๊ยบ เพื่อจะได้นัดหมายพบกันต่อไป ต่อมาจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.3 ทำให้ทราบภายหลังว่าเป็น น.ส.วณิชย์นารา ซึ่งนอกจากกระทำความผิดในคดีนี้แล้ว ยังตรวจสอบพบว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดตาก ที่ จ.115/2564 ข้อหาฉ้อโกง จึงได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบแหล่งกบดาน

ต่อมาวันที่ 10 ส.ค. 64 จึงได้เข้าจับกุมตัว น.ส.วณิชย์นารา ได้ที่บริเวณหน้าแมนชั่นแห่งหนึ่ง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่กบดานของ น.ส.วณิชย์นารา โดยเบื้องต้นจากการตรวจค้นพบพยานหลักฐานทั้งการติดต่อสื่อสารและด้านการเงินสอดคล้องกับคำให้การของ นายพีระ ซึ่งฝ่ายสืบสวนสอบสวนจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ขยายผลจับกุมเครือข่าย "แก๊งนำพาคนจีน หลบหนีเข้าเมือง"

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ

สืบเนื่องจากการจับกุมขบวนการลักลอบขนคนจีนเข้าประเทศ โดยจับกุมที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมานั้น นายสมบุญ ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวได้ให้ข้อมูลว่า ตนได้รับการชักชวนให้ทำงานขนคนครั้งนี้ จากนายไชศักดิ์หรือใหญ่ โดยร่วมทำกันมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งในครั้งก่อน ๆ นายสมบุญ จะทำหน้าที่ขับรถนำคอยแจ้งเรื่องด่านตรวจ ส่วนนายใหญ่จะทำหน้าที่ขับรถคนขนต่างด้าว แต่ในครั้งที่ถูกจับกุมนี้ได้เปลี่ยนหน้าที่กัน โดยนายใหญ่ทำหน้าที่ขับรถนำทางและคอยแจ้งเรื่องด่านตรวจ ส่วนนายสมบุญทำหน้าที่ขับรถขนคนต่างด้าวไปส่งที่หมายและทำให้ถูกจับกุมซึ่งทุก ๆ ครั้ง นายใหญ่ จะเป็นคนรับงานขนคนต่างด้าวและรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นจึงมาชักชวนนายสมบุญให้ร่วมทำงาน โดยแบ่งหน้าที่และแบ่งเงินที่ได้รับด้วยกัน นายใหญ่ เป็นคนรับงานขนคนต่างด้าวมาจากผู้สั่งการ ที่ จว.เชียงราย โดยไม่ได้สนใจว่าคนต่างด้าวที่ตนรับขนนั้นจะเข้าประเทศโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เมื่อทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว กก.สส.บก.ตม.3 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 331/64 ลง 19 ก.ค.64 ข้อหา "ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม"

ต่อมาได้ดำเนินการสืบสวน ทราบว่า นายใหญ่ หลบหนีและพักอาศัยอยู่บ้านพัก ย่านธัญบุรี คลอง 11 จว.ปทุมธานี จึงได้วางแผนจับกุม เมื่อพบตัวชายลักษณะคล้ายนายใหญ่บุคคลตามหมายจับจึงได้แสงตัว และแสดงหมายจับให้ นายไชศักดิ์หรือใหญ่ ทราบ ก็รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับและไม่เคยถูกจับกุมมาก่อน จึงได้จับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป จับกุมได้ที่ถนนภายในหมู่บ้านกรีนการ์เดนโฮม คลอง 11 ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญญบุรี จว.ปทุมธานี

จากการซักถามนายใหญ่ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับงานมาจากผู้สั่งการ ซึ่งอยู่ที่ อ.แม่สาย จว.เชียงราย โดยการนัดรับคนต่างด้าวทุก ๆ ครั้ง จะนัดรับที่ บริเวณบึงหนองปึ๋ง อ.เมือง จว.เชียงราย ได้รับค่าจ้างตามจำนวนคนต่างด้าว หัวละ 5,000 บาท โดยจะได้รับค่าจ้างเมื่อส่งคนต่างด้าวถึงที่หมาย เงินที่ได้รับค่าจ้างเมื่อหักค่าน้ำมันออก ก็จะแบ่งกับ นายสมบุญ

ซึ่งตนชักชวนมาร่วมงาน โดยแบ่งกันคนละครึ่งทางการสืบสวนพบว่า นายใหญ่ มีการใช้โทรศัพท์ติดต่อผู้สั่งงาน/ว่าจ้างหลายครั้ง และมีจำนวนเงินโอนเข้าออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

ชุมพร – สาธารณสุขจังหวัดชุมพร แถลงยืนยัน ตามที่สื่อโซเชียลบางแห่ง ที่ระบุว่า “เข้าเวรโควิดหมอเซ็น 1,000 ได้จริง 400” ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง!!

วันนี้ (12 ส.ค. 64) เวลา 16.00 น. ณ ห้องประชุมสาธารณสุขจังหวัดชุมพร ได้เปิดแถลงข่าว ในกรณีที่เป็นข่าวในสื่อโซเชียน โดยมี นพ.จิรชาติ เรื่องวัชรินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นพ.อนุ ทองแดง นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรม รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร และ นพ. ฉัตรชัย พิริยประกอบ รอง ผอ.รพ. ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ โดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้จำนวนหนึ่ง

นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร กล่าวว่า จากกรณีเมื่อวาน (11 ส.ค. 64) กรณีที่มีสื่อโซเชียล มีการนำเสนอประเด็น ที่กระทบต่อขวัญกำลังใจแก่บุคคลากรทางการแพทย์และเป็นการสร้างความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยมีข้อความที่ระบุว่า “เข้าเวรโควิดหมอเซ็น 1000 ได้จริง 400” ซึ่งประเด็นนี้ เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะมีการพาดพิงถึงการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงค่าเสี่ยงภัย ของบุคลากรการแพทย์ของจังหวัดชุมพรในช่วงระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม 2564 โดยเมื่อเช้านี้ ได้มีการประชุมบุคลากรของสาธารณสุขจังหวัดชุมพรและโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น และได้มีการตั้งคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ให้เป็นที่ประจักษ์และเพื่อความโปร่งใสแก่ทุกๆคนทุกๆฝ่าย ซึ่งชื่อเต็มของเบี้ยเลี้ยงนี้มีชื่อว่า “ค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเสี่ยงภัย ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการ เฝ้าระวัง สอบสวน ป้องกัน ควบคุมและรักษาผู้ป่วยโควิด-19” ซึ่งเงินในโครงการนี้ จะได้รับอนุมัติมาจากกรมบัญชีกลาง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในแต่ละจังหวัด โดยเงินในส่วนนี้ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรทางการแพทย์จะมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยงบประมาณในส่วนนี้ จะได้รับการจัดสรรตามปริมาณงานและความเสี่ยง โดยจะดูจากจำนวนยอดของผู้ป่วยโควิด - 19 ในพื้นที่ของแต่ละจังหวัดเป็นหลัก

ในส่วนของจังหวัดชุมพรในภาพรวม เราจะมีกรรมการมาดูแลในงบประมาณดังกล่าว เพื่อทำการตรวจสอบให้ตรงตามข้อระเบียบของการเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนนี้ให้เที่ยงตรงและต้องมีความถูกต้อง โดยผ่านการพิจารณาของกรรมการจังหวัด จากนั้นก็จะมีการเบิกจ่ายเงินส่วนนี้ กระจายไปยังโรงพยาบาลต่างๆและสำนักงานสาธารณสุขต่าง ๆ ในทุกพื้นที่ทุกอำเภอ เพื่อให้เป็นไปในทางเดียวกันทั้งจังหวัด

สำหรับงบประมาณดังกล่าวที่ได้รับจัดสรรมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 - มีนาคม 2564 ซึ่งในช่วงนั้น จังหวัดชุมพรมีจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 น้อยอยู่เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ เราก็จะได้น้อยกว่าซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2564 มีการแพร่ระบาดในพื้นที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม 2564 จึงทำให้ปริมาณงานของบุคคลากรทางการแพทย์มีมากขึ้น ทำให้เงินงบประมาณที่รับการจัดสรรไม่เพียงพอ ในหลายแห่งเช่นที่ รพ.หลังสวน ,รพ. ปากน้ำ ,ชุมพร สาธารณสุขอำเภอท่าแซะ จึงได้มีการทำบันทึกเสนอของบประมาณเพิ่มเติมมาที่สาธารณสุขจังหวัดชุมพร ซึ่งเราก็ได้ทำของบประมาณเพิ่มเติมไปที่กระทรวงสาธารณสุข แล้วก็ได้เงินกลับมาได้ครบทุกคน

แล้วจากการตรวจสอบในเบื้องต้น ก็ยังไม่พบการทุจริตในเงินงบประมาณส่วนนี้ในจังหวัดชุมพร และการเบิกจ่ายก็ยังถูกต้องตรงกันทั้งหมด ดังนั้นขอยืนยันว่าไม่มีการทุจริตในเงินส่วนนี้พื้นที่จังหวัดชุมพร และผมก็ได้นำเรียนไปยังผู้บริหารของกระทรวงเรียบร้อยแล้ว


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

ตม.จังหวัดจันทบุรี จับชาวลาว!! แอบย่องผ่านเข้าไทย ถูกรวบพร้อมขบวนการช่วยเหลือนำพา 3 คดี

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

“จับชาวลาว แอบย่องผ่านเข้าไทย ถูกจับพร้อมขบวนการช่วยเหลือ”
ในห้วงเวลาที่ผ่านมาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในแนวชายแดนจังหวัดจันทบุรีมีความเข้มงวด และกวดขันจับกุมผู้กระผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง อย่างต่อเนื่อง ในกรณีนี้ชุดสืบสวน ตม.จว.จันทบุรี ได้ทำการสืบสวนทราบว่า จะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผ่านในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีจึงได้วางแผนสกัดจับกุมโดยบูรณาการกำลังปฏิบัติกับทหารพรานและตำรวจภูธรพื้นที่ ซึ่งต่อมาขณะที่ตั้งจุดสกัดได้ตรวจพบรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูสุ สีฟ้า ทะเบียนจังหวัดนครราชสีมา ลักษณะตรงตามข้อมูลที่ทำการสืบสวนจึงได้ทำการเรียกขอตรวจสอบ ซึ่งเมื่อรถยนต์กระบะคันดังกล่าวถูกเรียกก็แสดงพิรุจโดยเคลื่อนตัวช้าๆก่อนเข้ามาที่จุดสกัด จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ขับคือนายวิรุธ (ขอสงวนสกุล) สัญชาติไทย อายุ 26 ปี มีผู้โดยสารนั่งมาในแคป 2 คน ตรวจสอบแล้วพบว่าคือ นายแม็ก สัญชาติลาว อายุ 28 ปี และนางเม สัญชาติลาว อายุ 24 ปี ไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางอย่างใด สอบถามรับว่าหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวนำส่งดำเนินคดี

การแจ้งข้อกล่าวหา : นายวิรุธ “ช่วยเหลือซ่อนเร้นด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” นายแม็ก และนางเม “ เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ของกลาง : รถยนต์กระบะ มีแคป ติดหลังคา ทะเบียนจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 1 คัน

สถานที่เกิดเหตุวันเวลาเกิดเหตุ : จุดตรวจหน้ากองร้อย ทพ.นย.546 (คลองโป่งน้ำร้อน) ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จว.จันทบุรี

จากการสอบถาม นายแม็กและนางเมให้ข้อมูลว่าเป็นสามีภรรยากันทำงานอยู่จังหวัดไพลิน ประเทศกัมพูชา หลักจากสถานการณ์โควิดที่กัมพูชารุนแรงและไม่มีงานจึงคิดจะกลับประเทศลาวโดยใช้ไทยเป็นทางผ่านเนื่องจากถนนหนทางสะดวก จึงลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติและแอบทำงานเก็บเงินในจันทบุรีเกือบ 1 เดือน จากนั้นจึงติดต่อจ้างนายวิรุธ คนละ 8,500 บาท ให้ส่งกลับบ้าน ส่วนนายวิรุธรับสารภาพว่าปกติทำงานขับรถส่งผลไม้ส่วนงานรับงานขนส่งแรงงานนั้นทำเป็นครั้งคราว

ซึ่งในเคสนี้ก็รับว่าได้รับการติดต่อจากจ้างจากนายแม็กจริง โดยจะนำคนทั้งสองไปส่งที่จังหวัดนครราชสีมา แล้วจะจ้างเพื่อนของนายวิรุธรับไปส่งต่อยังชายแดนหนองคายต่อไป ซึ่ง ตม.จว.จันทบุรี จะดำเนินการสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป 

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

 

กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี จับกุมตรวจยึดยาเสพติดประเภท 1 ยาบ้า จำนวน 102,000 เม็ด ที่ลักลอบข้ามฝั่งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน

กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ได้จัดกำลัง ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว กองร้อยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 2105 ซึ่งมี พันตรี ยงยุทธ ดวงสุริยา ผู้บังคับกองร้อยกองร้อยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 2105 บูรณาการร่วมกับ สภ.โพนพิสัย, ฝ่ายปกครองอำเภอโพนพิสัย โดยได้รับแจ้งจากสายลับแจ้งว่าจะมีการลักลอบส่งมอบยาเสพติดตามเส้นทางการเกษตรริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณหมู่บ้านหนองกุ้งใต้ หมู่ที่ 2 ตำบลกุดบง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย

จึงได้วางกำลังเข้าดักซุ่มจนกระทั้งถึงเวลา 07.15 น. พบเรือกรีบเพลาลอยลำมายังริมฝั่งแม่น้ำโขง พร้อมกับได้โยนสิ่งของ เป็นกระสอบสีดำ จำนวน 1 กระสอบ ขึ้นมายังริมฝั่งแม่น้ำโขงแล้วกลับออกไปทันที เจ้าหน้าที่จึ่งซุ่มรออยู่จนกระทั้ง เวลา 08.30 น. ได้มีบุคคลขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา 2 คน โดยรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอดยัง จุดที่โยนกระสอบดังกล่าวพร้อมกับได้ลงมาแบกกระสอบเพื่อกลับขึ้นรถจักรยานยนต์

เจ้าหน้าที่จึงแสดงตนจะเข้าทำการตรวจสอบ แต่เมื่อบุคคลดังกล่าวพบเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ จึงแสดงอาการกำลังจะวิ่งหลบหนี ชุดเจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัว หลังจากนั้นชุดจับกุมจึงตรวจสอบภายในกระสอบพบเป็น ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 จำนวน 17 แพ็ค ประมาณ 102,000 เม็ด จึงได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งต่อไปยัง สถานีตำรวจภูธรโพนพิสัย เพื่อดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  เดวิท โชคชัย รายงาน

ชลบุรี - เจ้าอาวาสลั่น!! เราต้องสู้...ร่วมศิษย์ยานุศิษย์ แจกอาหารช่วยเหลือชาวบ้านเดือดร้อนโควิด-19

วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2564 วัดสามัคคีบรรพต ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยพระครูเกษมกิตติโสภณ (อาจารย์จ่อย) ร่วมคณะลูกศิษย์ ทั้งชาวสัตหีบและพัทยา แจกข้าวสารอาหารแห้ง และข้าวกล่อง ช่วยเหลือผู้มีผลกระทบจากโควิด-19 โดยในครั้งนี้วัดสามัคคีบรรพต ได้จัดข้าวสาร-ไข่ไก่ จำนวน 200 ชุด นอกจากนี้ยังมีคณะลูกศิษย์ ร้านเมี่ยงปลาเผาแยกเจสัตหีบ ร้านลาบอุบลบางเสร่ และกลุ่มลูกศิษย์จากพัทยา นำอาหารข้าวกล่อง ขนม หน้ากากอนามัย มาร่วมแจกให้กับพี่น้องชาวบ้างเสร่อีกด้วย

พระครูเกษมกิตติโสภณ แจ้งว่าได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท CP มอบข้าวกล่อง จำนวน 2,000 กล่อง และมอบหมายให้ร้านปรีชาซีฟู้ดบางเสร่เป็นผู้ดำเนินการจัดทำ ซึ่งจะนำมาแจกช่วยเหลือชาวบ้านบางเสร่แบบนี้อีกแต่จะเป็นวันไหนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

ผช.ผบ.ตร.ชื่นชมตำรวจภาค 3 ดำเนินการโครงการชุมชนยั่งยืนได้ดีเยี่ยม ขณะที่ รอง ผบช.ภาค 3 แถลงข่าวผลการจับกุมคดียาเสพติดพบผู้ต้องหา และของกลางจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 ที่ สภ.กันทรลักษ์  จ.ศรีสะเกษ  พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผช.ผบ.ตร.(ปป 6) พร้อมด้วย พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบ.ภาค 3 (หน.ปส.) และคณะนายตำรวจ ได้เดินทางไปติดตามผลการดำเนินการตามโครงการชุมชนยั่งยืนของ สภ.กันทรลักษ์ นำโดย พ.ต.อ.นรินทร์ บุพตา ผกก.สภ.กันทรลักษ์ ซึ่งได้ร่วมกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนในเขต อ.กันทรลักษ์ ผลการดำเนินงานตามโครงการพบว่า สามารถดำเนินการบรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการได้อย่างดีเยี่ยม

โดย พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบ.ภาค 3 (หน.ปส.) ได้แถลงข่าวผลการจับกุมคดียาเสพติด ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 10 คน ของกลางยาบ้า 13,997 เม็ด โดยมี พล.ต.ต.สันติ เหล่าประทาย ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ หัดกล้า ผู้ทรงคุณวุฒิ สตช. พ.ต.อ.ศุภชัย  ศักรินพานิชกุล รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ คณะนายตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ และคณะนายทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23  มาร่วมในการแถลงข่าวและให้การต้อนรับ

พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน  ผช.ผบ.ตร.(ปป 6) กล่าวว่า ท่าน ผบ.ตร.มีความห่วงใยเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาด จึงได้มอบหมายให้ตนลงมาเยี่ยมให้ขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ ตร.ทุกนาย โดยได้มอบหน้ากากอนามัยและถุงมือให้กับ ผกก.สภ.กันทรลักษ์  เพื่อใช้ในการปฏิบัติราชการให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์

ประกอบกับในเรื่องของยาเสพติดและเรื่องชุมชนยั่งยืนซึ่งเป็นนโยบายของ ฯพณฯนายกรัฐมนตรีและเป็นยุทธศาสตร์ชาติด้วย โดยให้มาดูความคืบหน้าและปัญหาความขัดข้องมีอะไรบ้างที่จะต้องดำเนินการต่อไป ตนจึงได้มาเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ ตร.ทุกนาย 

ส่วนกรณีที่มีการแอบลักลอบนำเอายาเสพติดเข้ามาในเขตพื้นที่ประเทศไทยนั้น พวกที่ทำผิดกฎหมายก็พยายามที่จะหาช่องทางที่อ้างในเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คงคิดว่าตำรวจจะไม่ทำงาน แต่ว่าตำรวจของเราทุกนายทำงานกันอย่างเต็มที่อยู่แล้วและทำงานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของตำรวจภูธรภาค 3 ได้ดำเนินการอย่างดีเยี่ยมในเรื่องชุมชนยั่งยืนมีการร่วมมือร่วมใจกันทั้งฝ่ายปกครอง อสม. ผู้นำชุมชน ซึ่งในวันนี้ก็มีเกษตรมาช่วยแนะนำในเรื่องอาชีพที่จะต้องทำด้วย และเราจะได้ช่วยกันพลิกกวิกฤติให้เป็นโอกาสในการดำเนินการในช่วงนี้

พล.ต.ต.คีรีศักดิ์  ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภาค 3 (หน.ปส.) กล่าวว่า ตามแนวชายแดนของภาค 3 ตนเชื่อว่า ยาเสพติดเข้ามาน้อยลงมากในช่วงนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย ที่จับได้ในช่วงเดือนที่ผ่านมาระดับหลักหมื่นที่ข้ามแนวลำน้ำโขงเข้ามา เพราะว่าเรามีการใช้แผนพิทักษ์ลำน้ำโขง ก็มีการวางกำลังตามจุดที่ อ.เขมราฐกับ อ.ชานุมาน รวมกันจำนวน 33 จุด และมีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุการณ์ปิดหัวท้ายถนนไว้พร้อม

เพราะฉะนั้นการจับกุมในช่วงนี้รวมทั้งในเรื่องของการป้องกันสกัดกั้นตามแนวชายแดนของเราได้ผลดี รวมทั้งการข่าวที่เราได้รับตอนนี้เริ่มจะเบาบางลงแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่ทิ้งเพราะว่าถ้าเราหย่อนเมื่อไหร่การลักลอบขนยาเสพติดก็จะเข้ามาอีก ส่วนยาบ้าที่ระบาดในช่วงนี้ไม่เยอะจะน้อยลง ส่วนมากแล้วจะเป็นรายย่อยเยอะมาก ตามชุมชนหมู่บ้านยังมีอยู่ ตนคิดว่ายาบ้าขาดตลาด เพราะว่าช่วงไตรมาสที่ผ่านมา มียาบ้าจากทางส่วนกลางย้อนกลับเข้ามาในเขตภาคอีสานจำนวนหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตร.ได้เฝ้าติดตามเพื่อจับกุมอย่างเต็มที่

พ.ต.อ.ศุภชัย  ศักรินพานิชกุล รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ถ้าเราไปจะเป็นจับกุมทีละ 50,000 เม็ด ถึง 100,000 เม็ดค่อนข้างจะยาก เราจะขยายทำลายเครือข่ายทีละชุดเริ่มจาก เสพครอบครองจับกุมได้ทีละ 2,000 เม็ด ไต่เพดานขึ้นไปชุดละ 3,000 เม็ด 4,000 เม็ด 5,000 เม็ด ไล่ขยายผลไปถึงตัวการใหญ่ไปเรื่อย ๆ

ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือในการขยายผลจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี ของกลางครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะน้อย แต่ว่าผู้บังคับบัญชาจะเน้นในการทำลายเครือข่ายยาบ้าระดับล่างระดับรากหญ้าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดทุกประเภทอย่างยั่งยืนต่อไป


ภาพ/ข่าว  ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

การคมนาคมในสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) : ใช้ชีวิตด้วยการเดินทาง ที่มีเวลาและระเบียบเป็นสิ่งสำคัญ

ถ้าพูดถึงเรื่องการเดินทางในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็น่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว และรถสาธารณะหรือรถประจำทางที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุด ส่วนทางน้ำคือการใช้เรือและเรือข้ามฟากก็พอมีบ้าง แต่อาจเทียบเป็นเปอร์เซนต์แล้วได้ค่อนข้างน้อย จักรยาน หรือ ebike ก็เช่นกัน รถยนต์น่าจะมีเปอร์เซนต์สูงที่สุดแล้ว

สวิสเป็นประเทศที่ค่อนข้างเล็กจากเหนือจรดใต้ห่างกันเพียง 220 กิโลเมตร และจากตะวันออกถึงตะวันตก 348 กิโลเมตร เท่านั้น และมีประชากรเพียง 8.723.277 ล้านคน ในปี 2020 วันนี้เลยอยากเล่าไปถึงเมื่อสมัย 20 ปีที่แล้ว ตอนที่ผู้เขียนพึ่งมาอยู่สวิสใหม่ ๆ มีรถยนต์บนท้องถนนไม่มากเท่ากับทุกวันนี้ เทียบปี 2000 กับ 2020 มีรถยนต์เพิ่มขึ้นประมาณ 31 % เลยนะ แถมโมเดลของรถก็ค่อนข้างเปลี่ยนไป สมัยก่อนเราจะเห็นแต่รถคันเล็ก ๆ เป็นรถเพื่อการใช้งานโดยเฉพาะ แต่เดี๋ยวนี้เราจะเห็นรถคันใหญ่ ๆ แบบในอเมริกาเยอะขึ้น บริบทของสังคมเริ่มเปลี่ยนไป รถยนต์ไม่ใช่เพื่อการใช้งานเพียงอย่างเดียวแต่เป็นการบอกสถานะทางสังคมไปด้วย ซึ่งแน่นอนไม่ใช่ทั้งหมดเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น คนสวิสนิยมซื้อรถมือสองมากกว่าผ่อนไฟแนนซ์ อย่างที่บอกคือเพื่อใช้งานอ่ะเนอะ รถใหม่ก็อาจเป็นพวกคนชอบเล่นรถจริง ๆ หรือแบบคนฐานะดีมาก ๆ แต่คนประเภทนี้ก็จะเปลี่ยนบ่อย ๆ ไม่รอให้ราคาตกมากก็ไปเทิร์นคันใหม่ ประหนึ่งว่าผ่อนไม่เคยหมดคัน

ด้านรถโดยสารก็จะมีรถไฟ และรถบัส การรถไฟของสวิสมีบริการรถไฟโดยสาร 5,000 ขบวนโดยประมาณ ซึ่งครอบคลุมระยะทาง 274,000 กิโลเมตรต่อวันเชียวนะ ผู้เขียนก็เป็นคนหนึ่งที่เดินทางโดยรถบัสและรถไฟไปทำงานในเมืองซูริคทุกวัน จากประตูบ้านถึงหน้าออฟฟิศใช้เวลา 1 ชั่วโมงพอดิบพอดี อาจแลดูเหมือนนานแต่จริง ๆ ไม่นานเลยนะ จากบ้านขึ้นรถบัสเพื่อไปสถานีรถไฟ มีเวลาเปลี่ยนรถ 5 นาที ขึ้นรถไฟไปลงสถานีหลักที่ซูริค จากนั้นต่อรถไฟอีกขบวนไปที่ทำงาน บนรถไฟภาพที่เห็นจนชินตาคือจะเห็นคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ฟรีที่แจกตามสถานีรถไฟนั่นแหล่ะ บางคนก็ใส่หูฟัง ฟังเพลง บางคนเอาโน๊ตบุ้คขึ้นมานั่งทำงาน บรรยากาศจะเงียบสงบมาก แต่พอถึงเวลาลงเมื่อไหร่ละก็ เดินแทบจะชนกันเลยล่ะ

ในซูริค ช่วงเร่งด่วนคือเช้ากับเย็น ผู้คนจะเดินกันขวักไขว่และเดินค่อนข้างเร็วไม่เหมือนบ้านเรา ที่รู้เพราะเวลาครอบครัวมาเยี่ยม หรือเพื่อน ๆ มาหาจากเมืองไทยจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำไมเดินเร็วจัง จริง ๆ คือไม่เคยสังเกตตัวเองเลย

บางขบวนรถไฟก็จะมีโบกี้เด็กด้วยนะ มีสไลเดอร์ของเล่นสำหรับเด็ก ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อสำหรับผู้โดยสารตัวน้อย การเดินทางที่สวิสตรงต่อเวลามาก สามารถกะเวลาได้แบบเป๊ะ ๆ เลย ปี ๆ นึงจะมีการล่าช้าอยู่ไม่กี่ครั้งหรอก ไม่ว่าเราจะอยู่ตรงไหนก็จะมีรถประจำทางเสมอทำให้เราเดินทางไปไหนมาไหนค่อนข้างสะดวก

จริง ๆ ผู้เขียนก็ขับรถเป็นมีใบขับขี่แต่แทบจะไม่ได้แตะรถเลย เพราะรถโดยสารมันสะดวกมาก ถ้าเทียบเรื่องค่าใช้จ่ายก็น่าจะไม่ได้แตกต่างกันมาก เพราะรถส่วนตัวจะมีค่าภาษีรถ ภาษีถนน และอื่น ๆ อีก การขับรถบนไฮเวย์ก็จะเสียค่าสติ๊กเกอร์แปะรถต่อปีคือ 40 สวิสฟรังค์เท่านั้น ซึ่งถูกมากถ้าเทียบกับประเทศใกล้เคียง

ผู้คนค่อนข้างรักษากฎจราจรเคร่งครัดเพราะปรับจริงยึดใบขับขี่จริง จะเห็นก็มีแต่จักรยานที่ไม่ค่อยรักษากฎเท่าไหร่ โดยเฉพาะในเมือง เช่นในซูริค จักรยานจะขี่แบบเย้ยฟ้าท้าดินมาก ผ่าไฟแดงบ้างอะไรบ้างเป็นเรื่องที่เห็นกันชินตา และถ้าจะไม่พูดถึง ebike นี่ไม่ได้เลยนะ ช่วงหลายปีมานี้คือมาแรงมาก เป็นจักรยานที่มีแบตเตอรี่ การปั่นอีไบค์ ก็เหมือนการปั่นจักรยานทั่วไปนั่นแหละ เป็นเครื่องทุ่นแรงเพราะสภาพภูมิประเทศของสวิสที่มีภูเขาน้อยใหญ่ บางครั้งขี่ขึ้นเนินมันก็ง่ายขึ้นอ่ะเนอะถ้ามีมอเตอร์ส่งแรงได้ แถมบางทีเร็วมากด้วยนะ ซึ่งคนสวิสชอบขี่จักยาน ไม่ว่าจะเป็น ebike mountainbike (จักรยานเสือภูเขา), Rennrad (จักรยานเสือหมอบ)

อีกหนึ่งการเดินทางที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้คือทางเรือ เนื่องจากสวิสมีทะเลสาบเยอะ และหน้าร้อนผู้คนก็ชอบที่จะนั่งเรือเล่น อย่างเช่นตัวผู้เขียนเองจะชอบนั่งเรือเล่นจากสถานที่หนึ่งไปสถานที่หนึ่ง และนั่งรถไฟกลับ หรือกลับกัน อาจนั่งรถไฟไปและนั่งเรือกลับ ซึ่งวิวที่นี่มันว๊าวมากขอบอก !! การได้เดินทางและชมบรรยากาศมันเป็นการพักผ่อนอีกรูปแบบหนึ่งของคนสวิสเลยทีเดียว บนเรือก็คล้าย ๆ กับรถไฟ มีชั้นหนึ่งกับชั้นสอง ถ้าเราซื้อตั๋วชั้นสองแต่ไปนั่งชั้นหนึ่งก็มีสิทธิ์ที่จะโดนค่าปรับที่แสนจะแพงด้วยนะเออ เพราะฉะนั้นสังเกตหมายเลขไว้ให้ดี ส่วนเรือข้ามฟากก็มีได้เลือกใช้ แต่รู้สึกว่าไม่ได้เยอะมาก และเรือก็เป็นเรือเล็ก ๆ ที่จุรถได้ไม่เยอะมาก ทุกอย่างเป็นเวลาและเป็นระเบียบ และนี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ผู้เขียนชื่นชอบในสวิตเซอร์แลนด์


เขียนโดย: วีวี่ เซเลบภูเขา 
ตาล หรือ วีวี่ สาวสัตหีบชาวไทย เรื่องราวที่อยากบอกเล่า จากประสบการณ์ชีวิตมากกว่า 21 ปี ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
 

ปรากฎการณ์ “ฟ้าผ่า” เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่มาพร้อมกับพายุ ฝนตกอย่างหนัก เกิดจากก้อนเมฆที่มีประจุไฟฟ้าค่อนข้างมาก ทำให้เกิดกระแสไฟบนท้องฟ้า นอกจากความสวยงามที่เห็นก็ยังแฝงความอันตรายอย่างมาก

ช่วงนี้เชื่อแน่ว่าหลายพื้นที่คงได้รับผลกระทบจากการเกิดพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบด้านลบ คือบ้านเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างเกิดความเสียหาย หรือด้านบวก คือทำให้พืชผลทางการเกษตรได้รับน้ำฝน ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช แต่มีอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นภัยที่มากับพายุ และไม่สามารถบอกได้ว่าจะเกิดขึ้นเวลาและสถานที่ไหน นั้นคือปรากฏการณ์ฟ้าผ่า และหนึ่งในนั้นเป็นเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่หลายท่านคงได้ยินข่าว นั่นคือฟ้าผ่าลงกลางสนามฟุตบอลในขณะที่นักฟุตบอลกำลังเล่นฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน ส่งผลให้ผู้ที่กำลังเล่นฟุตบอลเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บด้วยกันหลายคน

ในวันนี้จะมาเล่าถึงการเกิดฟ้าผ่า สาเหตุของการเกิด และแนวทางในการป้องกันฟ้าผ่ากันครับ ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อน ตามหลักการทางฟิสิกส์แล้ว สสารทุกชนิดจะมีประจุไฟฟ้าสะสมอยู่ โดยประจุไฟฟ้ามี 2 ชนิดคือประจุบวและประจุลบ คุณสมบัติของประจุไฟฟ้า ก็คือเมื่อเป็นประจุชนิดเดียวกันจะเกิดแรงผลักกัน แต่ถ้าเป็นประจุต่างชนิดกันจะเกิดแรงดูดกัน ทั้งนี้เมื่อประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ก็จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า หรือที่เราเรียกว่าไฟฟ้ากระแสที่มีการใช้งานทั่วไปนั่นเอง

โดยทั่วไปถ้าไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เกิดขึ้น สสารทุกชนิดจะมีความเป็นกลางทางประจุไฟฟ้า คือมีประจุบวกเท่ากับประจุลบ แต่เมื่อไรก็ตามที่มีการทำปฏิกิริยาเกิดขึ้น เช่นการขัดหรือถูกันระหว่างสสาร ก็จะทำให้เกิดการถ่ายเทประจุจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ทำให้สสารนั้นขาดความเป็นกลางทางประจุไฟฟ้า เช่นปรากฏการณ์ที่เราเห็นได้ง่ายคือการเอาไม้บรรทัดถูกับผ้าที่แห้ง ทำให้ประจุที่สะสมอยู่ในไม้บรรทัดสูญเสียความเป็นกลางทางไฟฟ้า ประจุบวกกับลบแยกกันอยู่คนละด้านของไม้บรรทัด เมื่อเรานำมาวางไว้ใกล้กระดาษ จะส่งผลให้ประจุที่ไม่เป็นกลางที่อยู่ในไม้บรรทัด พยามที่จะดึงเอาประจุตรงข้ามที่อยู่ที่กระดาษ ทำให้เกิดแรงดึงดูดระหว่างกระดาษกับไม้บรรทัด นั่นคือกระดาษเคลื่อนเข้าหาไม้บรรทัดนั่นเอง เรียกปรากฏการณ์ลักษณะนี้ว่า การเหนี่ยวนำให้เกิดประจุไฟฟ้า 

ทีนี้เมื่อมาเปรียบเทียบกับการเกิดฟ้าผ่า ตามหลักโดยทั่วไปแล้ว ก้อนเมฆซึ่งเป็นไอน้ำก็เป็นสสารชนิดหนึ่งเช่นกัน นั่นแสดงว่าต้องมีประจุไฟฟ้าสะสมอยู่ ยิ่งก้อนเมฆมีขนาดใหญ่มากเท่าไร นั่นแสดงว่ามีประจุไฟฟ้าสะสมอยู่เป็นจำนวนมากตามไปด้วย และเมื่อก้อนเมฆมีการเคลื่อนที่ ทั้งนี้สาเหตุเกิดจากลม ซึ่งโดยทั่วไปลมจะเกิดจากการเคลื่อนที่ของอนุภาคอากาศ และเมื่อก้อนเมฆที่มีขนาดใหญ่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเกิดการเสียดสีกันระหว่างหยดน้ำ และน้ำแข็งที่อยู่ในก้อนเมฆ ทำให้เกิดการถ่ายเทประจุ ส่งผลให้ประจุไฟฟ้าที่อยู่ในก้อนเมฆ แยกตัวออกเป็นสองส่วน โดยประจุบวกจะสะสมอยู่ด้านบนหรือด้านยอดของเมฆ และประจุลบสะสมอยู่ด้านล่างหรือฐานของเมฆ เมื่อเกิดการสะสมประจุเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการถ่ายระหว่างประจุที่แตกต่างกัน ซึ่งก็คือเกิดการถ่ายเทกระแสไฟฟ้าที่มีจำนวนมหาศาล ถ้าเกิดระหว่างก้อนเมฆก็จะเป็นปรากฏการฟ้าผ่าระหว่างก้อนเมฆ ที่เรามักได้ยินเสียงแต่นั่นเอง

โดยชนิดของเมฆที่ทำให้เกิดฟ้าผ่า คือเมฆที่เกิดฝน หรือเรียกว่าเมฆคิวมูโลนิมบัส (cumulonimbus) ซึ่งจะมีฐานของเมฆที่สูงกว่าพื้นดินประมาณ 2 กิโลเมตรขึ้นไป และเมฆบางก้อนมีขนาดใหญ่จนยอดของเมฆสูงกว่าพื้นดินเกือบ 20 กิโลเมตร เลยทีเดียว ในขณะเดียวกันเนื่องจากพื้นดินที่เราอาศัยอยู่ก็มีประจุไฟฟ้าสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก โดยทั่วไปจะมีความเป็นกลางทางประจุไฟฟ้า  แต่เมื่อถูกเหนี่ยวนำด้วยประจุต่างชนิดจากประจุของก้อนเมฆ ที่เคลื่อนที่เข้าใกล้พื้นดินมาก ก็อาจจะส่งผลให้ประจุบริเวณพื้นดินที่อยู่ใต้เงาก้อนเมฆ หรือบริเวณใกล้เคียงอาจเป็นประจุบวกหรือลบก็ได้ และเมื่อประจุไฟฟ้าที่อยู่บนก้อนเมฆเคลื่อนที่ลงมาหาประจุตรงข้ามที่อยู่บนพื้นดิน ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้าเป็นจำนวนมากลงมายังพื้นดินด้วย พอเจอกับสิ่งมีชีวิต เช่น คน สัตว์ หรือต้นไม้ ก็จะทำให้เกิดการไหลของกระแสไฟฟ้าเป็นจำนวนมากในสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ดังนั้นลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่โดนฟ้าผ่าจึงมีลักษณะคล้ายกับสิ่งมีชีวิตที่ถูกกระแสไฟฟ้าแรงสูงช็อต นั่นเอง

ทั้งนี้ลักษณะการผ่าของฟ้าเกิดได้หลายแบบ ได้แก่ฝ้าผ่าระหว่างก้อนเมฆเดียวกัน เกิดจากการถ่ายเทประจุในก้อนเมฆเดียวกัน โดยอาจเกิดจากฐานเมฆไปยังยอดเมฆ หรือยอดเมฆมายังฐานก็ได้ ฟ้าผ่าระหว่างก้อนเมฆหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่ง เกิดจากการถ่ายเทประจุระหว่างก้อนเมฆแต่ละก้อน ทั้งนี้ฟ้าผ่าทั้งสองชนิดนี้จะไม่มีผลต่อมนุษย์เรา จะได้ยินแค่เสียงฟ้าร้องและฟ้าแลบเท่านั้น

ส่วนฟ้าผ่าที่มีผลต่อเราได้แก่ ฟ้าผ่าที่เกิดจากประจุลบบริเวณฐานเมฆที่ถ่ายเทประจุ มายังพื้นดินซึ่งเป็นประจุบวกที่เป็นเงาของเมฆทับอยู่ โดยทั่วไปจะเกิดเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองเท่านั้น 

และฟ้าผ่าจากประจุบวกที่อยู่บนยอดเมฆถ่ายเทประจุลงมายังพื้นดินที่เป็นลบ ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องผ่าลงบริเวณเกิดฝน อาจผ่าลงบริเวณใกล้เคียงก็ได้ ซึ่งลักษณะของฟ้าผ่าแบบนี้จะมีระยะผ่าที่ไกลกว่าบริเวณที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองได้ ทั้งนี้ในเวลาที่ฟ้าผ่าเราจะเห็นแสงและได้ยินเสียงร้องคำรามของฟ้าที่มีความดังสูงนั้น เกิดจากการที่ประจุไฟฟ้า เคลื่อนที่ผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง ทำให้เกิดการเสียดสีกับอากาศอย่างรุนแรง อากาศเกิดความร้อนขยายตัวอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นคลื่นกระแทก (shock wave) จึงเกิดทั้งแสงและเสียงที่ดังกึกก้องกัมปนาท คล้ายกับการเสียงของเครื่องบินรบที่บินด้วยความเร็วสูงนั่นเอง

ทั้งนี้เรามักจะมองเห็นแสงฟ้าแลบก่อนที่จะมีเสียงฟ้าร้อง เนื่องจากแสงมีความเร็วมากกว่าเสียงมาก ทำให้แสงวิ่งมาถึงตัวเราที่รับรู้ได้โดยสายตา ก่อนที่จะได้ยินเสียงที่รับรู้ได้ด้วยหูนั่นเอง การเกิดฟ้าผ่านั้นนอกจากเรารับรู้ได้ว่ามักจะเกิดบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง หรือบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น นอกเหนือจากนี้เราไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ว่าจะเกิดเวลาใด หรือบริเวณไหนของฝนฟ้าคะนองดังกล่าว

วิธีการป้องกันได้ดีที่สุดคือเวลาฝนตก ไม่ควรจะอยู่ในบริเวณที่โล่งแจ้งหรือต้นไม้ใหญ่ ควรอยู่ในบริเวณอาคารบ้านเรือน ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรสวมใส่โลหะที่เป็นตัวนำไฟฟ้า ถึงแม้จะยังไม่มีบทพิสูจน์อย่างชัดเจนได้ว่า การสวมใส่โลหะในขณะเกิดฝนตกจะเป็นตัวล่อให้เกิดการเหนี่ยวนำไฟฟ้าจากก้อนเมฆมายังโลหะตัวนำนั้น แต่ก็มีการค้นพบว่าเมื่อเกิดฟ้าผ่า บริเวณที่มีตัวนำไฟฟ้าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด และในอาคารที่สูงควรจะมีการติดตั้งวัสดุที่เรียกว่าสายล่อฟ้า ซึ่งจะมีหน้าที่ในการเหนี่ยวนำให้ประจุจากก้อนเมฆวิ่งลงมายังสายล่อฟ้า แล้ววิ่งลงไปยังพื้นดินข้างล่างที่ต่อกับสายล่อฟ้าไว้ ซึ่งประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจะไม่เป็นอันตราย และที่สำคัญที่สุด เวลามีพายุ ฝนฟ้าคะนอง ควรงดทำกิจกรรมที่อยู่ในที่โล่งแจ้งทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไรก็ตาม แค่นี้เราทุกคนก็จะปลอดภัยจากปรากฏการณ์ฟ้าผ่าได้ครับ


เขียนโดย: ผศ.ดร.สุทัศน์ จันบัวลา อาจารย์ประจำสาขาวิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

จันทบุรี - ประกอบพิธีถวายพระพรชัยมงคล เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม อย่างเรียบง่าย และสมพระเกียรติภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19

 วันนี้ ( 12 ส.ค.64 ) ที่บริเวณห้องโถง ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้นำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดจันทบุรี แม่บ้านมหาดไทย หัวหน้าส่วนราชการรวมจำนวน 18 หน่วยงาน / องค์กร เป็นตัวแทนของพสกนิกรชาวจังหวัดจันทบุรี ร่วมในพิธีลงนามถวายพระพรชัยมงคลเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2564 เพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยความเรียบง่าย และสมพระเกียรติภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เว้นระยะห่างบุคคล มีการตรวจวัดอุณหภูมิ ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ และสวมใส่หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้าสีขาวตลอดเวลาที่ร่วมพิธี


ภาพ/ข่าว  จรัล บรรยงคเสนา จ.จันทบุรี

พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

ชลบุรี - วัดบางเสร่คงคาราม มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และร่วมเทศบาลตำบลบางเสร่ ตั้งครัวสนามทำอาหารแจกประชาชน

วันนี้ (12 ส.ค.64) ที่วัดบางเสร่คงคาราม ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พระครูวิธานธรรมานุยุต (พระอาจารย์บรรยาย) เจ้าคณะตำบลบางเสร่ เจ้าอาวาสวัดบางเสร่คงคาราม มอบถุงยังชีพ จำนวน 250 ชุด เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2564 และเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งภายในบรรจุสิ่งของ อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ให้แก่อำเภอสัตหีบ โดยมี นายกิตติพงษ์ กิติคุณ นายอำเภอสัตหีบ เป็นผู้รับมอบ เพื่อจะนำไปมอบให้กับผู้นำชุมชนของแต่ละพื้นที่ในเขตตำบลบางเสร่ และแจกให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ

และในวันนี้ เทศบาลตำบลบางเสร่ โดย นายชัยวัฒน์ อินอนงค์ นายกเทศมนตรีตำบลบางเสร่  ร่วมกับวัดบางเสร่คงคาราม วัดสามัคคีบรรพต กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ห้างร้านและประชาชนชาวบางเสร่ ได้ร่วมจัดตั้งครัวสนามและจุดรับบริจาคครัวสนามบางเสร่ โดยมี นายกิตติพงษ์ กิติคุณ นายอำเภอสัตหีบ เป็นประธานเปิดครัวสนาม และลงมือทำอาหารบรรจุลงกล่อง พร้อมนำไปแจกให้กับประชาชนในมือกลางวันนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงโควิด-19 ซึ่งครัวสนามนี้จะตั้งไปจนถึงวันที่ 26 ส.ค.64 และจะทำอาหารแจกให้กับประชาชนทุกวัน โดยได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากผู้นำชุมชน บริษัท ห้างร้านต่างๆ และประชาชนที่มีจิตอันกุศล ร่วมกันบริจาคสิ่งของและมาร่วมกันทำอาหารในแต่ละวัน

สำหรับท่านใดมีความประสงค์จะร่วมบริจาคสมทบครัวสนามบางเสร่ สามารถร่วมบริจาค ได้ที่จุดรับบริจาคครัวสนามบางเสร่ บริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาสวัดบางเสร่คงคาราม ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้ทุกวัน


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

ชุมพร - 1 ล้านตัว! ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 89 พรรษาา

วันที่ 12 สิงหาคม 2564 เวลา 08.30 น. ณ โครงการป้องกัน และบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร (คลองต้นน้ำลุ่มน้ำคลองชุมพร) นายนักรบ ณ ถลางนายอำเภอเมืองชุมพร ให้เกียรติมาเป็นประธานพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 89 พรรษา  ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 1 ล้านตัว พร้อมด้วย นายปิยะพงษ์ รอดศิริ นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลขุนกระทิง นายสุชาติ จุลอดุง ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำชุมพร หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ชาวบ้านตำบลขุงกระทิงเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้

นายปิยะพงษ์ รอดศิริ กล่าว่า ร่วมกิจกรรม “1 ล้านตัว ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ” เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2564 ณ โครงการป้องกัน และบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร (คลองต้นน้ำลุ่มน้ำคลองชุมพร)วันนี้ได้รับเกียรติจากนายนักรบ ณ ถลางนายอำเภอเมืองชุมพร นายสุชาติ จุลอดุง ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำชุมพรเข้าร่วม “1ล้านตัวปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ” และที่โครงการป้องกัน และบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร (คลองต้นน้ำลุ่มน้ำคลองชุมพร) ช่วยบรรเทาอุทกภัยแล้วยังเป็น แหล่งหาปลาของคนในพื้นที่ ได้ต่อไป

นายนักรบ ณ ถลาง เปิดเผยว่า กิจกรรมในวันนี้ ได้รับความรวมมือจาก เทศบาลตำบลขุนกระทิง กรมชลปะทาน ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำชุมพร ได้นำพันธุ์ปลาจำนวน 1ล้านตัวมาปล่อยในคลองโครงการป้องกัน และบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร (คลองต้นน้ำลุ่มน้ำคลองชุมพร) โดยมี พันธุ์ "ปลาสุลต่าน" หรือปลาบ้า และก็ปลาตะเพียน เพื่อเป็นอาหารให้กับชาวบ้านและจะจังให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจให้กับประชานต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

งานพิธีเปิด “Tokyo olympic 2020” ที่ผ่านมาหลาย ๆ คนยังคงประทับใจกับแสง สี เสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจที่ทางประเทศญี่ปุ่นได้จัด นอกจากนี้ยังมีการดัดแปลงวัฒนธรรมรวมไปถึงเอกลักษณ์บางอย่างในประเทศมาแสดงในพิธีเปิดนี้อีกด้วย

ในช่วงนี้มหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิกเกมส์ 2020 กำลังแข่งขันกันอย่างเข้มข้น ประเทศไทยเรามีเรื่องให้น่ายินดีกันไปแล้วกับเหรียญทองประวัติศาสตร์เหรียญแรกของกีฬาเทควันโด กับน้องเทนนิส พาณิภัค ซึ่งเป็นการเบิกชัยให้กับทัพนักกีฬาไทยเป็นเหรียญแรกของการแข่งขันอีกด้วย ซึ่งการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ อย่างที่เราทราบกันว่าต้องจัดขึ้นท่ามกลางโรคระบาดอย่างโควิด-19 ประชาชนในประเทศญี่ปุ่นเองก็มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เป็นงานมหกรรมกีฬาที่คนทั่วโลกต่างรอคอย และหลาย ๆ คน ยังคงประทับใจจากเมื่อครั้งพิธีปิดโอลิมปิก 2016 ที่ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ที่ช่วงของการส่งต่อการเป็นเจ้าภาพที่นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในปี 2016 ขณะนั้น ได้แต่งตัวเป็นมาริโอ ในเกมชื่อดัง "ซูเปอร์ มาริโอ" ร่วมพิธีปิดเพื่อรับช่วงต่อในการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2020 เป็นภาพที่หลาย ๆ คนติดตา และคาดหวังว่าในโอลิมปิกเกมส์ที่โตเกียว เราจะได้เห็นพลัง Soft Power หรือวัฒนธรรมป็อปของญี่ปุ่นในการจัดงาน ทำให้ทุกคนรอคอยการจัดโอลิมปิกของญี่ปุ่นในครั้งนี้ 

นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในพิธีปิดโอลิมปิก 2016

แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 อะไรหลาย ๆ อย่างที่ประเทศญี่ปุ่นได้วางแผนไว้ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไป บรรยากาศของพิธีเปิดอาจจะมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ลดความรื่นเริงหรือการเฉลิมฉลอง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้หายไปไหน คือความเป็นญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น คำที่หลาย ๆ คนอุทานในการชมพิธีเปิดในครั้งนี้ และทำให้ผู้เขียนได้นึกถึงเรื่อง “Soft Power” ที่เคยเขียนไว้ เพราะการจัดงานโอลิมปิกครั้งนี้ก็ปฏิเสธได้เลยว่าญี่ปุ่น ได้ดึง Soft Power ที่โดดเด่นของประเทศมาใช้ในการแสดงพิธีเปิดงานโอลิมปิกเกมส์ 2020 เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา 

เช่น ในช่วง Parade of Athletes ได้นำเพลงจากวิดีโอเกมมาเป็นเพลงเดินเข้าสนามของนักกีฬาในลักษณะเมดเลย์ เช่น Dragon Quest, Final Fantasy, Tales of series, Monster Hunter, Kingdom Hearts, Ace Combat, Sonic the Hedgehog, Winning Eleven (Pro Evolution Soccer) เป็นต้น ในรูปแบบวงออร์เคสตราอย่างยิ่งใหญ่อลังการต้อนรับนักกีฬาแต่ละประเทศ หรือการออกแบบ PLACARDS (ป้ายนำขบวนนักกีฬา) ก็มีการออกแบบเป็นรูป Bubble แบบในมังงะที่เราคุ้นเคยในการอ่านการ์ตูน รวมไปถึงชุดของผู้ถือป้ายนำขบวนแต่ละประเทศที่ออกแบบให้สอดคล้องกับป้าย รวมถึงลำดับการเรียงประเทศที่ใช้ตามตัวอักษรของประเทศญี่ปุ่น แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับเกม หรือการ์ตูนของประเทศญี่ปุ่นที่เค้าไม่ได้มองว่าเป็นสื่อที่สร้างความบันเทิง แต่มันคือ Soft Power ที่แสดงถึงวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นในการขับเคลื่อนประเทศได้ จึงนำมาเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงในพิธีเปิดครั้งนี้ 

อีกหนึ่งโชว์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดและคลิปถูกแชร์ส่งต่อไปกันในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก คือการแสดงในช่วง LET THE GAMES BEGIN กับการแสดงชุด The History of Pictograms ที่แสดงให้เห็นถึงที่มาของการใช้ Pictograms ในการแข่งขันกีฬา ซึ่งรูปสัญลักษณ์แทนชนิดกีฬานี้ ถูกใช้ครั้งแรกเมื่อโอลิมปิกที่โตเกียวในปี 1964 ถือเป็นภูมิปัญญาของประเทศญี่ปุ่นที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องของภาษา เป็นประโยชน์ให้กับนักกีฬา และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเจ้าภาพแต่ละประเทศก็จะมีการออกแบบในเวอร์ชันของประเทศตนเอง โดยในการแสดงพิธีเปิด ได้เลียนแบบ Pictograms โดยการใช้การแสดงละครใบ้ผสมผสานกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกมาเป็นแนว Creative Performance ที่แสดงภาพสื่อออกมาเป็นชนิดกีฬาต่าง ๆ ถึง 50 ชนิดกีฬา โดยได้คู่หูนักแสดงที่มาแสดงครั้งนี้คือ MASA and hitoshi (GABEZ) ทำให้คนที่ได้ดูนึกถึงเกมซ่าท้ากึ๋น (Kasou Taisho) ที่สร้างความประทับใจให้กับคนดูในช่วงพิธีเปิดได้เป็นอย่างดี และยังถูกพูดถึงในอีกหลายวัน แม้จะผ่านช่วงพิธีเปิดมาแล้วก็ตาม 

แม้ว่าการแสดงพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 จะมีการปรับลดให้เหมาะสมกับช่วงสถานการณ์ แต่ในการแข่งขันครั้งนี้ เรายังได้เห็นในอีกหลาย ๆ เรื่องที่ชาวญี่ปุ่นได้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจทั้งผู้เข้าร่วมการแข่งขัน และการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทั้งการทำเหรียญมาจากโลหะที่รีไซเคิลจากโทรศัพท์มือถือเก่าและขยะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กอื่น ๆ หรือช่อดอกไม้ที่มอบให้กับนักกีฬาคู่กับเหรียญรางวัล ก็นำมาจากดอกไม้ที่ปลูกในพื้นที่ประสบภัยในแถบตะวันออกของประเทศญี่ปุ่นที่เคยเจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสินามิเมื่อปี 2011 

ความเป็นญี่ปุ่น ที่ใช้ Soft Power ยังปรากฏให้เห็นอีกหลายอย่าง เช่น การนำน้องหมีคุมะมง มาสคอตประจำเมืองคุมาโมโตะ ที่คิวชู แปลงร่างเปลี่ยนสีเป็นน้ำเงินร่วมเชียร์กีฬาโอลิมปิก ซึ่งเป็นสีโทนเดียวกับโลโก้ประจำการแข่งขันครั้งนี้ 

นอกจากการเชียร์กีฬาที่สนุกสนาน เรามารอลุ้นกันว่า การแสดงพิธีปิดจะมีอะไรให้คนดูได้ประทับใจอีกบ้าง เพราะหากจะพูดถึงวัฒนธรรม J POP และ Soft Power ของญี่ปุ่น ยังมีอีกหลายอย่างที่พวกเราอยากเห็นไม่ว่าจะเป็นด้านเพลง การ์ตูน เกม มังงะ การแสดงต่าง ๆ และที่ลืมไม่ได้เลยคือ การส่งใจเชียร์นักกีฬาไทยในการแข่งขันครั้งนี้ต่อไป... 


ผู้เขียน : อาทิตยา ทรัพย์สินวิวัฒน์ (น้ำนุ่น)
อาจารย์ประจำสาขานวัตกรรมการสื่อสาร วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 

นครนายก – อีกหนึ่งตัวอย่างของความสำเร็จ! กองทัพบก โดยผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้มอบทุนการศึกษา ให้กับนายธนากร ทองหนูนุ้ย เยาวชนคนเก่งที่สามารถสอบคักเลือกเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร และเลือกเหล่ากองทัพบก

ที่กองบัญชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เขาชะโงก อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก กองทัพบก โดยพลโทจิรเดช กมลเพ็ชร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้มอบทุนการศึกษา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการศึกษาเล่าเรียนแก่นายธรากร ทองหนูนุ้ย เยาวชนคนเก่งที่สามารถสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ได้ที่ 1 เกือบทั้ง 4 เหล่า และตัดสินใจเลือกเหล่ากองทัพบก เป็นนักเรียนที่มีความตั้งใจ อดทน มีความพากเพียรถึงแม้จะขาดแคลนทุนทรัพย์ ครอบครัวค่อนข้างยากจน แต่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง

 

เพื่อให้เยาวชนได้เห็นเป็นตัวอย่างที่ดีในความพยายามดังกล่าว ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบกทั้งอดีตและปัจจุบัน ให้ความกรุณาส่งเสริม สนับสนุนให้ความช่วยเหลือเพื่อเป็นกำลังใจในความพากเพียรและอุตสาหะ ดังกล่าว อนึ่งในโอกาสที่นายธรากร ทองหนูนุ้ยจะเข้ารับการศึกษา ณ โรงเรียนเตรียมทหาร ในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 กองทัพบก โดยพลโทจิรเดช กมลเพ็ชร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้มอบทุนการศึกษา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการศึกษาเล่าเรียนต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ / ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

ขอนแก่น - รพ.ศรีนครินทร์ มข. เพิ่มเตียงผู้ป่วยโควิด รับมือทุกกลุ่มอาการเป็น 400 เตียง รับขอนแก่นกลับบ้าน ปรับหอผู้ป่วยหลัก 3 จุดเป็นหอผู้ป่วยโควิดโดยเฉพาะ ขณะที่ล่าสุดพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น เร่งจับตาคลัสเตอร์ใหม่เชื่อมโยงตลาดศรีเมือทอง

เมื่อเวลา  09.00 น.วันที่ 11 ส.ค.2564  ที่ รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. นพ.สมชายโชติ  ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย รศ.นพ.อภิชาติ  จิระวุฒิพงศ์ คณะบดีคณะแพทยศาสตร์ มข. และ รศ.นพ.ทรงศักดิ์  เกียรติชูสกุล ผอ.รพ.ศรีนครินทร์ ตรวจติดตามความคืบหน้าการปรับปรุงอาคารรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ตามกรอบความร่วมมือร่วมระหว่าง สสจ.ขอนแก่น และ มข. ในการให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะ

รศ.นพ.ทรงศักดิ์ เกียรติชูสกุล ผอ.รพ.ศรีนครินทร์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น คณะแพทยศาสตร์ มข. จึงได้มีการพิจารณาปรับเปลี่ยนหอผู้ป่วย 3 แห่ง ซึ่งประกอบด้วย หอผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉิน หรือ AE 1,2,3 หอผู้ป่วยไฟไหม้น้ำร้อนลวก หรือ Burn Unit และ ICU ศัลยกรรม มาเป็นหอผู้ป่วยรวมสำหรับการให้บริการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะ โดยมีการแยกส่วนเฉพาะหอผู้ป่วยดังกล่าวชั้น 2 ของ รพ. เป็นเขตพื้นที่ควบคุม ดูแลรับผู้ป่วยโควิด ในโซนตะวันตกของจังหวัดขอนแก่น เพื่อแบ่งเบาภาระของ รพ.ขอนแก่น ในการดูแลผู้ป่วยที่จะต้องรับส่งต่อซึ่งจากแผนการปรับปรุงดังกล่าวหากนับรวม รพ.สนามขอนแก่น แห่งที่ 1 ที่หอพัก 26 ที่ดำเนินการอยู่จะให้ศักยภาพของ รพ.ศรีนครินทร์จะสามารถให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้มากถึง 300 เตียง

“แผนการดำเนินงานดังกล่าวขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างมาก โดยคาดว่ายในเดือน ส.ค.นี้การรับหอผู้ป่วยเดิมเป็นหอผู้ป่วยโควิดโดยเฉพาะจะสามารถดำเนินการได้ทั้งระบบ ตามสัดส่วนการบริหารจัดการเหตุการณ์ในความรับผิดชอบของ รพ.ศรีนครินทร์ ประกอบด้วย ที่ รพ.สนามขอนแก่น แห่งที่ 1 หอพัก 26 มข. ที่รองรับการรักษาได้ 256 เตียง , ที่ รพ.ศรีนครินทร์ จะรองรับผู้ป่วยในกลุ่มอาการสีเขียว เป็น 100 เตียง,สีเหลือ 30 เตียง ,สีส้ม 16 เตียงและสีแดง 22 เตียง โดยได้ประสานการทำงานร่วมกันกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในการรับผู้ป่วยในเขตอำเภอทางตะวันตกและกลุ่มผู้ป่วยในเขต อ.เมือง ตามแผนการดำเนินงานร่วมระหว่างหน่วยงานที่ได้กำหนดไว้”

ขณะที่ นพ.สมชายโชติ  ปิยวัชร์เวลา นยแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีการรายงานยืนยันล่าสุดวันนี้ อยู่ที่ 264 รายในจำนวนนี้แยกเป็นกลุ่มคลัสเตอร์เรือนจำ 145 ราย ที่เหลือคือกลุ่มที่เดินทางกลับมาจากต่างจังหวัดที่เข้ารับการรักษาตัวตามระบบการส่งต่อทางการแพทย์ ทำให้ขณะนี้ยอดผู้ป่วยสะสมของจังหวัดอยู่ที่ 6,680 ราย กำลังรักษา 5,480 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 25 ราย ขณะที่การเพิ่มจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยตามบริหารจัดการทางการแพทย์ ซึ่งวันนี้ข่าวดีจาก รพศรีนครินทร์ ที่มีความคืบหน้าในการสร้างหอพักผู้ป่วยโควิดโดยเฉพาะซึ่งแม้ว่า รพ.ศรีนครินทร์ จะเป็นโรงเรียนแพทย์ที่มีภารกิจหลัก คือ การเรียนการสอน แต่ในสภาวะการระบาดของโควิด-19 ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมแรงร่วมใจ จนนำมาสู่การดำเนินงานของ รพ.ฯและการจัดระบบรับส่งต่อจากรพ. ชุมแพ, ภูผาม่าน ,สีชมพู, เวียงเก่า, หนองนาคำ ,ภูเวียง ,หนองเรือ  และ อ.บ้านฝาง  ซึ่งแม้จะไม่สามารถรับได้ทั้งหมด แต่ได้เปิดรับในการให้การดูแล และให้คำปรึกษา ในการสร้างความร่วมมือ สร้างความเข้มแข็ง ในระบบบริการสาธารณสุข ได้อย่างดีเยี่ยม

อย่างไรก็ตามขณะนี้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อยังได้จับตาคลัสเตอร์ตลาดหนองหม่น เขต ต.บ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น ที่เชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ตลาดศรีเมืองทอง หลังพบพ่อค้า-แม่ค้า ป่วยติดเชื้อแล้ว 12 รายและมีผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและมารายงานตัวแล้กว่า 800 ราย ทำให้การตรวจคัดกรองเชิงรุกจึงดำเนินการต่อเนื่องทุกวันควบคู่กับการควบคุมสถานการณ์ของตลาดดังกล่าวไว้ในวงที่จำกัดอย่างรวดเร็ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top