Tuesday, 8 July 2025
SPECIAL

ชลบุรี – ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดอาคารประวัติศาสตร์หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์ สร้างความภาคภูมิใจในหน่วยรบพิเศษของกองเรือยุทธการ

วันที่ 16 ส.ค.64 พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารประวัติศาสตร์หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ โดยมี พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และ พล.ร.ต.ศุภชัย ธนสารสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ให้การต้อนรับ ณ อาคารประวัติศาสตร์หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

อาคารประวัติศาสตร์หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ สร้างขึ้นเพื่อ รวบรวมประวัติความเป็นมาของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ตลอดระยะเวลา 66 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งหน่วย , วิวัฒนาการด้านกำลังพล , การฝึก , ยุทโธปกรณ์ , การปฏิบัติราชการที่สำคัญ , เผยแพร่วีรกรรม , เชิดชูเกียรติบุคคลที่มีส่วนร่วมและได้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศและกองทัพเรือ อีกทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ประชาชนทั่วไปได้ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ทางทหารที่เป็นแบบอย่างของความเสียสละ ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เพื่อชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ และกองทัพเรือ เป็นตัวอย่างให้แก่ชนรุ่นหลังได้ศึกษา ร่วมภาคภูมิใจต่อหน่วยรบพิเศษของกองเรือยุทธการสืบไป


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

กาฬสินธุ์ – ผุดธนาคารน้ำใต้ดิน เพิ่มผลผลิตข้าวอินทรีย์เขาวงพ้นภัยแล้ง ตั้งเป้าได้ผลผลิตมากกว่า 500 ก.ก.ต่อไร่

เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเขาวง ข้าวอินทรีย์ GI อันดับหนึ่งของจังหวัดกาฬสินธุ์ ขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่การกระจายน้ำ เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำ ทำธนาคารน้ำใต้ดิน ในการเพิ่มศักยภาพปริมาณน้ำต้นทุน ส่งเสริมการปลูกข้าวเขาวงและการเกษตรผสมผสานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าได้ผลผลิตมากกว่า 500 ก.ก.ต่อไร่

วันที่ 17 สิงหาคม 2564 ที่แปลงนานางอรวรรณ พันธุ์คุ้มเก่า อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 69 หมู่ 5 บ้านทุ่งกระเดา ต.กุดปลาค้าว อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ นายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ (ทสจ.) พร้อมด้วยนายประดิษฐ สุดชาดา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ทสจ. ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า การดำเนินการโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่การกระจายน้ำ กิจกรรมหลักปรับปรุงและพัฒนาแหล่งเพื่อการเกษตรและอาหารปลอดภัย กิจกรรมย่อยจัดทำระบบเติมน้ำใต้ดินผ่านบ่อบาดาลเสริมระบบแหล่งน้ำในไร่นา เพื่อส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ข้าวเขาวง โดยมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการต้อนรับ และรายงานความคืบหน้าผลดำเนินการ

นายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงาน ทสจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับการจัดสรรงบประมาณโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่การกระจายน้ำฯ ประจำปีงบประมาณ 2564 เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำ ทำธนาคารน้ำใต้ดิน ในการเพิ่มศักยภาพปริมาณน้ำต้นทุน ส่งเสริมการปลูกข้าวเขาวงและการเกษตรผสมผสานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อยกระดับรายได้ของเกษตรกรและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด ซึ่งตามข้อมูลสถิติในปี 2557 พบว่า จ.กาฬสินธุ์มีผลิตภัณฑ์ของจังหวัดค่าหัวอยู่ในระดับต่ำ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนแก้ไขปัญหาความยากจนให้ประสบผลสำเร็จ ด้วยการพัฒนาศักยภาพการผลิตการเกษตร เพื่อยกระดับรายได้เกษตรกร และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด

นายอัครพงษ์กล่าวอีกว่า ข้าวเขาวง ซึ่งได้รับมาตรฐาน  GI เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อของ จ.กาฬสินธุ์ ประกอบกับทาง จ.กาฬสินธุ์ จัดโครงการกรีนมาร์เก็ต มุ่งเน้นผลผลิตจากภาคเกษตร อาหารปลอดภัย และเพื่อความมั่นคงทางอาหาร จึงได้เลือกพื้นที่ที่ทำการเพาะปลูกข้าวเขาวงซึ่งเป็นข้าวอินทรีย์ เป็นจุดนำร่องของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่การกระจายน้ำ เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำ ทำธนาคารน้ำใต้ดินฯ ดังกล่าว โดยมีเกษตรกรในพื้นที่ 3 อำเภอคือ อ.เขาวง อ.นาคู และ อ.กุฉินารายณ์ เข้าร่วมโครงการ 60 ราย 

ด้านนายประดิษฐ สุดชาดา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าโครงการดังกล่าว ได้กำหนดพื้นที่ปลูกข้าวเขาวง ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ของชลประทาน การทำเกษตรกรรมอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ทั้งนี้ ในส่วนของการขับเคลื่อนโครงการ ได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพื้นที่เป้าหมาย สำรวจความต้องการของเกษตรกร จากนั้นทำความเข้าใจและลงนามความร่วมมือ  เลือกพื้นที่ที่เหมาะสม ที่สามารถขุดบ่อกักเก็บน้ำขนาด 1 ไร่ เพื่อรองรับน้ำตามหลักการส่งน้ำจากฟ้าสู่ใต้ดิน และมีพื้นที่ทำการเกษตรผสมผสาน ซึ่งการดำเนินการได้รับการตอบรับจากเกษตรกรเป็นอย่างดียิ่ง ทั้งนี้ เป็นการขุดและวางระบบน้ำให้ฟรี เกษตรกรไม่ต้องจ่ายเงินสมทบแต่อย่างใด

ขณะที่นางอรวรรณ พันธุ์คุ้มเก่า อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 69 หมู่ 5 บ้านทุ่งกระเดา ต.กุดปลาค้าว อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการกล่าวว่า ตนมีพื้นที่ทำนา 13 ไร่ โดยที่ผ่านมาปลูกข้าวเหนียวเขาวง บางปีที่ฝนทิ้งช่วง ประสบภัยแล้ง ผลผลิตตกต่ำ ไม่คุ้มกับการลงทุน ขณะที่ในปีที่ฝนตกต้องตามฤดูกาล ได้ผลผลิตเฉลี่ยปีละประมาณ 400-500 ก.ก.ต่อไร่ อย่างไรก็ตาม จากการที่สำนักงาน ทสจ.กาฬสินธุ์ เข้ามาส่งเสริมโครงการดังกล่าว ตนและเพื่อเกษตรกรมองเห็นประโยชน์ที่จะได้รับ จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งต้องขอขอบคุณรัฐบาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งท่านผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ที่นำโครงการดี ๆ มาถึงเกษตรกร สำหรับตนมั่นใจว่าต่อไปนี้จะไม่ประสบภัยแล้ง เพราะจะมีน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวตลอดปี และได้ผลผลิตข้าวเขาวงมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังจะสามารถกระจายน้ำไปสู่ที่นาของเพื่อนเกษตรและปลูกพืชผสมผสานชนิดอื่นได้ตลอดปีอีกด้วย

สมุทรปราการ - “พระครูแจ้” หนุนเกษตรกรพิจิตร เหมาแตงโม 8,000 โล แจกประชาชนที่มาฉีดวัคซีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้มีรถกระบะบรรจุผลไม้มาเต็มคันรถ  และจากการสอบถามทราบว่ารถคันดังกล่าว  ได้มีการลำเรียงผลไม้มาเป็นจำนวนมากเดินทางมาจากทางจังหวัดพิจิตร  โดยการสนับสนุนจากท่าน​ พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ที่มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรชาวสวนจังหวัดพิจิตร จึงได้ให้การสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรชาวสวน โดยการสั่งผลไม้ประเภทแตงโม ของพี่น้องชาวสวนจังหวัดพิจิตร จำนวน 8 ตัน หรือ 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและให้กำลังใจเกษตรกรชาวสวนเพื่อช่วยกันฟันฝ่าวิกฤต Covid-19

โดย ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า ผลไม้ทั้งหมดได้สั่งตรงมาจากสวนผลไม้ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนในจังหวัดพิจิตร จำนวน 8 ตัน หรือ 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและอุ้มพี่น้องเกษตรกรชาวสวนเพื่อฟันฝ่าวิกฤต Covid-19

อีกทั้ง ในวันนี้ศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรกให้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12-18 ปี 7 กลุ่มโรคเสี่ยง ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม และผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกิน 80 กิโลกรัม โดยตั้งแต่ในช่วงเช้าภายในศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้มีผู้ปกครองนำบุตรหลานเดินทางมารอรับการฉีดวัคซีนกันอย่างต่อเนื่อง ตามที่โรงพยาบาลได้มีการแจ้งผ่านทาง SMS และได้ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีการจัดระเบียบและเว้นระยะห่างแบบ New normal

โดยทุกคนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนยังศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง จะได้รับมอบแตงโมจากท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง มอบแตงโมให้คนละ 2 ลูก นำกลับไปทานที่บ้านโดยสั่งตรงมาจากเกษตรกรชาวสวนในจังหวัดพิจิตร จำนวน 8,000 กิโลกรัม 

อย่างไรก็ตาม ผลไม้ทั้งหมดที่ช่วยเกษตรกรอุดหนุนมานั้น จะนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่าง ๆ โรงพยาบาลสนาม รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชนในชุมชน อีกทั้ง ยังเป็นการแสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนและจะนำผลผลิตทั้งหมดแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนในวันนี้แต่จะทำการแจกทุก ๆ วัน จนกว่าผลไม้ที่สั่งมานั้นจะหมดเพื่อแทนความห่วงใยที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังคงปฎิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อย รวมถึงประชาชนที่เดือดร้อน ประชาชนที่ขาดรายได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

แม่ฮ่องสอน - เกษตรกรบ้านหนองผักหนาม ร้องศูนย์ดำรงธรรมแม่สะเรียง สร้างพนังกั้นริมตลิ่งน้ำยวมเปลี่ยนทางส่งผลกระทบที่ทำกิน เร่งให้หน่วยงานรับผิดชอบแก้ไข ได้รับความเดือดร้อนนับสิบราย

บริเวณสะพานบ้านไร่ - บ้านคะปวง มีกลุ่มเกษตรกรจากบ้านหนองผักหนาม และพี่น้องเกษตรกรที่อาศัยทำกินริมฝั่งลำน้ำยวมบ้านนาคาว  บ้านทุ่งพร้าว บ้านไร่ ต.แม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน กว่า 50 คน มาร่วมตัวกัน เพื่อเรียกร้องให้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขผลกระทบจากการก่อสร้างพนังกั้นริมตลิ่งน้ำแม่ยวม บริเวณฝั่งบ้านคะปวง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทางกัดเซาะพื้นที่ทำกินของเกษตรกรบ้านหนองผักหนามกว่า 10 ราย โดยมี นายวีกิจ เจ้าดูรี ปลัดอำเภอแม่สะเรียง เดินทางมารับเรื่องร้องเรียน จากกลุ่มเกษตรกรที่เดือดร้อน สำหรับการก่อสร้างพนังกั้นริมตลิ่งในเขต ต.แม่ยวม ระหว่าง บ้านคะปวง – บ้านทุ่งแพม เป็นของหน่วยงานกรมโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร

ทั้งนี้ นายนิพนธ์ โอภาสงวน เกษตรกรบ้านหนองผักหนาม เป็นตัวแทนในการยืนหนังสือร้องผ่านศูนย์ดำรงธรรมแม่สะเรียง ถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า กรณีการขุดลอกลำน้ำยวมเพื่อจัดทำพนังกั้นตลิ่งริมน้ำ ส่งผลทำให้เกิดการเบี่ยงทางน้ำหรือน้ำเปลี่ยนทางเข้าพื้นที่ทำกินที่นา ที่มีโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ของชาวบ้านนับสิบราย ประกอบกับเข้าสู่ฤดูฝนหากเกิดปัญหาน้ำไหลหลากก็จะทวีความเสียหายเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางราษฏรบ้านหนองผักหนามที่มีที่ทำกินติดริมน้ำบริเวณฝั่งตรงข้าม ไม่รู้เรื่องการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากหน่วยงานที่รับผิดชอบทำการประชาคมกับราษฏรฝั่งเขตตำบลแม่ยวมเท่านั้น ไม่ได้มีการทำประชาคมหรือประชามติรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงหรือผู้เสียหายจากโครงการดังกล่าวแต่อย่างใด จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งแก้ไขการเปลี่ยนทางน้ำ หรือ ดำเนินการทำพนังกั้นลำน้ำทั้งสองฝั่ง

ด้าน นายวีกิจ เจ้าดูรี ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่สะเรียง กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากทางศูนย์ดำรงธรรมแม่สะเรียงได้รับหนังสือร้องเรียน ก็จะดำเนินการทำหนังสือด่วนที่สุดถึงศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น อาจจะมีการนัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นอีกรอบเพื่อร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ลำปาง - ผู้ว่าหมูป่า นำทีมตรวจสถานประกอบการโรงงาน ย้ำมาตรการเข้มป้องกันโรค COVID-19

จังหวัดลำปาง บูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจสถานประกอบการโรงงานที่มีการว่าจ้างกลุ่มแรงงาน ทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติ เน้นย้ำมาตรการปฏิบัติเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 "COVID-19" เนื่องด้วยในสภาวการณ์ปัจจุบัน ที่ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 "COVID-19" ซึ่งปรากฏพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มจำนวนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเขตพื้นที่จังหวัดลำปางก็ได้มีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เป็นจำนวนมาก มีทั้งผู้ป่วยที่ตรวจพบการติดเชื้อภายในเขตพื้นที่จังหวัด และผู้ป่วยติดเชื้อที่ได้รับตัวมารักษาตามโครงการ "รับคนลำปางกลับบ้าน" เพื่อจะลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อรวมถึงการแพร่กระจายของเชื้อโรคในกลุ่มพี่น้องประชาชน  ที่มีความเสี่ยงอาจเกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้ในลักษณะเป็นกลุ่มก้อนใหญ่

ล่าสุด นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นพ.ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง รวมถึงทีมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากสำนักงานอุสาหกรรมจังหวัด จัดหางานจังหวัด แรงงานจังหวัด ประกันสังคม และหน่วยงานท้องถิ่นอำเภอ ได้ร่วมกันลงพื้นที่ทำการตรวจเยี่ยมสถานประกอบการโรงงานภาคเอกชน ในเขตพื้นที่อำเภอห้างฉัตร โดยได้เข้าทำการตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตอาหารกระป๋องของ บริษัท มาเจสติคอุตสาหกรรมอาหาร จำกัด ในเขตท้องที่ตำบลหนองหล่ม ซึ่งเป็นสถานประกอบการขนาดใหญ่ที่ได้มีการว่าจ้างแรงงานไว้ ทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติรวมจำนวนทั้งหมดกว่า 660 คน

โดยจากการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ บริษัท มาเจสติคอุตสาหกรรมอาหาร จำกัด ได้ร่วมกันให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรค COVID-19 ภายในสถานที่โรงงาน ซึ่งได้มีการวางมาตรการไว้อย่างรัดกุม และได้กำหนดเป็นข้อบังคับให้พนักงานแรงงานทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัย 100%, มีการจัดตั้งจุดตรวจตามประตูโรงงานทุกโรง เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทำการคัดกรองบุคคลก่อนเข้าพื้นที่ ตลอดจนให้มีการตรวจคัดกรองซ้ำกับพนักงานแรงงานทุกคนก่อนการเข้าปฏิบัติงาน รวมถึงให้มีการติดตั้งเจลล้างมือแอลกอฮอล์ไว้ตามจุดสำคัญ ๆ ให้ครอบคลุมทั่วบริเวณพื้นที่โรงงาน

นอกจากนี้ได้มีการนำมาตรการ Bubble and Seal และมาตรการรักษาระยะห่างมาใช้ มีการแบ่งกลุ่มพนักงานเพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าทำงาน มีการจำกัดการเคลื่อนย้ายของแรงงานโดยให้แรงงานบางส่วนที่สามารถพักแรมได้ พักค้างอยู่ที่โรงงาน ส่วนแรงงานที่เดินทางไปกลับ ให้มีการควบคุมการเดินทางไปมาระหว่างโรงงานกับสถานที่พัก รวมถึงให้มีการจดบันทึกติดตามการเดินทางด้วยแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟน เพื่อจะได้เป็นประวัติยืนยันสถานที่ที่ไปถึง ตลอดจนทางบริษัท มาเจสติคฯ ยังได้มีการจัดเตรียมมาตรการเสริมจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ชุด PPE, Face Shield, ถุงมือแพทย์, แว่นตา, หมวกคลุมตัวหนอน, ถุงพลาสติกหุ้มรองเท้า, หน้ากากอนามัย N95, ยาฟ้าทะลายโจร และชุดตรวจ Antigen Rapid test เพื่อเตรียมไว้สำหรับรองรับเหตุกรณีฉุกเฉินพบแรงงานติดเชื้อ COVID-19 ภายในโรงงาน ซึ่งในส่วนนี้ทาง บริษัทฯ ก็ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ไว้ ทำเป็นโรงพยาบาลสนาม และพื้นที่พักคอยสำหรับรองรับผู้ป่วยอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

จันทบุรี - ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี มอบยาฟ้าทะลายโจร แก่จังหวัดจันทบุรี เพื่อนำไปบรรเทา ยับยั้ง รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในจังหวัด

วันนี้ ( 16 ส.ค.64 ) ที่ห้องรับรองชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี นายฤหัส ไชยศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีนำรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรีรับมอบสิ่งของบริจาค จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี ที่ทางมหาวิทยาลัยฯ ได้วิจัย และผลิตเพื่อเป็นสมุนไพรทางเลือกในการป้องกัน รักษาผู้ป่วยผู้ติดเชื้อโควิด -19 ที่รักษาตัวในจังหวัดจันทบุรี โดยครั้งนี้เป็นการส่งมอบ ยาสมุนไพรฟ้าทลายโจรจำนวน 1,780 แคปซูล มี ดร.จตุพร อรุณกมลศรี รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี นำคณะ  


ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา จ.จันทบุรี

พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

“น้ำมะพร้าว” เป็นสิ่งมีประโยชน์อย่างมากที่ได้จากธรรมชาติ นอกจากจะทำให้สดชื่นแล้ว พวกสารอาหารและแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำมะพร้าวนั้นถือว่าเป็นประโยชน์ที่ร่างกายมนุษย์ควรได้รับ

สวัสดีครับ วันนี้พบกันเป็นครั้งแรก สำหรับการเขียนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ใกล้ตัว ท่ามกลางกระแสของข่าวสาร และเรื่องราวต่าง ๆ ที่วิทยาศาสตร์จะเข้ามามีบทบาทในการไขข้อปัญหา หรือตอบคำถามเรื่องราวในชีวิตประจำวันที่เราพบเจอได้ ซึ่งผู้เขียนก็จะพาทุกท่านไปพบกับเรื่องราวเหล่านี้เรื่อย ๆ ครับ

ในตอนนี้เราเริ่มจะคุ้นเคยและเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่ (New normal) กับโรคอุบัติใหม่ โควิด-19 หลังจากที่เราอยู่กับมันมาปีกว่า และคาดว่าอีกไม่เกิน 2 - 3 เดือนข้างหน้า คนไทยคงได้ฉีดวัคซีนกันอย่างถ้วนหน้าครับ

ในเดือนแห่งความรัก “กุมภาพันธ์” มีกระแสข่าวหนึ่งที่ร้อนแรงขึ้นมา กลายเป็นกระแสท่ามกลางความเครียดเนื่องจากการใช้ชีวิตในยุควิถีใหม่ นั่นก็คือกระแสการดื่มน้ำมะพร้าวทำให้มีความต้องการทางเพศสูงหรือฟิตมาก

ทั้งนี้มีที่มาที่ไปจากการที่คุณป้าท่านหนึ่ง ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจเพื่อขอเลิกกับคุณลุง ซึ่งเป็นสามีวัย 64 ปี เนื่องจากทนไม่ไหว เพราะคุณลุงขอมีอะไรด้วยบ่อย หรือว่าดุมาก (ดุเป็นภาษาฮิตในโซเชียลมีเดียที่แสดงว่ามีความคึกคะนองต่อเพศตรงข้าม) ถึงวันละ 3 – 4 รอบ จนคุณป้าทนไม่ไหวต้องมาแจ้งความขอเลิก โดยมีสาเหตุมาจากการที่คุณลุงดื่มน้ำมะพร้าวบ่อยทำให้มีความต้องการสูง

จากกรณีข่าวดังกล่าวนับว่าเป็นข่าวที่ติดกระแสในโซเชียลมีเดีย อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้น้ำมะพร้าว หรือแม้กระทั่งผลของมะพร้าวที่ขายในตลาด ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว ซี่งถ้ามองในแง่ของกระแสการทำการตลาดของน้ำมะพร้าวนี้ นับว่าคุณลุงมาช่วยในการทำการตลาดให้กับน้ำมะพร้าวให้มีความคึกคักขึ้นมาทันทีทันใด ท่ามกลางกระแสความเครียดของคนไทยในสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

ทีนี้เรามาดูตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ กันบ้างครับว่า น้ำมะพร้าวเมื่อดื่มแล้วทำให้คึก หรือมีความฟิตปั๋งตามที่คุณลุงเข้าใจจริงหรือเปล่า?

มะพร้าวเป็นพืชตระกูลปาล์ม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cocos nucifera L. สามารถปลูกได้ในทุกภาคของไทย แต่ส่วนใหญ่จะปลูกมากแถวภาคใต้ คนไทยรู้จักน้ำมะพร้าวดี โดยเฉพาะการใช้น้ำมะพร้าวในการล้างหน้าคนตายก่อนที่จะมีพิธีการฌาปนกิจ ทั้งนี้เนื่องจากเชื่อกันว่าน้ำมะพร้าวเป็นน้ำที่บริสุทธิ์ มีความสะอาด เพราะอยู่บนต้นที่สูง และมีกะลาในการห่อหุ้มและกักเก็บน้ำ เมื่อนำมาล้างหน้าให้กับผู้ตายจะเป็นการชำระสิ่งที่ไม่ดีออกจากตัวผู้ตาย

นอกจากนั้นน้ำมะพร้าวยังเป็นเครื่องดื่มที่เราคุ้นเคยกันดี เมื่อดื่มแล้วจะทำให้มีความสดชื่น โดยส่วนประกอบของน้ำมะพร้าวประกอบไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรา มากมาย เช่น เหล็ก โพแทสเซี่ยม แคลเซี่ยม แมงกานีส ฟอสฟอรัส โซเดี่ยม เป็นต้น

จากองค์ประกอบของแร่ธาตุเหล่านี้ ทำให้น้ำมะพร้าวเปรียบเสมือนกับเครื่องดื่มเกลือแร่ชนิดหนึ่ง เมื่อดื่มเข้าไปจะทำให้เรารู้สึกมีความสดชื่นกระปรี้กระเปร่านั่นเอง

ในทางการแพทย์ยังพบว่าน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีในเพศหญิงสูง เมื่อดื่มเป็นประจำจะทำให้ผิวพรรณมีความเปล่งปลังสวยงาม

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่ได้ระบุถึงข้อดีของน้ำมะพร้าว คือ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย และยังช่วยชะลอการเกิดอัลไซเมอร์ในวัยชราได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตามยังไม่มีงานวิจัยชิ้นไหนที่บอกได้ว่าการดื่มน้ำมะพร้าวจะทำให้เพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้ดีขึ้น ตามที่คุณลุงเข้าใจ ถึงกระนั้นผู้เขียนก็สันนิษฐานว่า จากคุณสมบัติของน้ำมะพร้าวที่มีส่วนประกอบตามที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องดื่มชูกำลังชนิดหนึ่ง

เมื่อคุณลุงดื่มบ่อย ๆ จึงอาจส่งผลให้มีความฟิตปั๋ง ทำให้มีความต้องการ ‘ดุ’ ตามไปด้วยนั่นเองครับ


ผู้เขียน : ผศ.ดร.สุทัศน์ จันบัวลา อาจารย์ประจำ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

จันทบุรีก็มี! กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง ประกาศรวมตัวสนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย ปราศรัยขับไล่นายกรัฐมนตรี 'พลเอกประยุทธ' โดยมี อดีต สส.พรรคเพื่อไทยแบบบัญชีรายชื่อร่วมด้วย

กลุ่มผู้ชุมชมเคลื่อนไหวทางการเมือง จำนวนกว่า 200 คน รวมตัวกัน ที่สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ด้วยระบบ carmob โดยใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหะนะในการรวมกลุ่ม ซึ่งมีรถยนต์กว่า 60 คัน และรถจักรยานยนต์ เกือบ 100 คัน  ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยกลางคนจนถึงสูงอายุ เข้าร่วมกว่า 200 คน 

นำโดยนายธีรภัทร์ วงษ์ศรีวรโชติหรือนายสำเริง / นายเสริม ศรีสวัส  ป๋าแก่) / นายชินวัฒน์  หาบุญพาด อดีตสมาชิกวุฒิสภาแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายปกร ฐานเดช (ป๋าเสริม) ซึ่งการชุมนุม ได้เริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น. ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายตลอดเวลา แต่กลุ่มผู้ชุมชุน ไม่ยอมแพ้  มีการ ขึ้นปราศรัย เป็นช่วง ๆ โดยใช้รถบรรทุก 6 ล้อเป็นเวที พร้อมติดป้าย ตามรถต่าง ๆ ด้วยคำพูดโจมตี พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี  

จากนั้นได้มีการเคลื่อนขบวนไปยังตัวเมืองจันทบุรี ขณะเดียว ใช้รถประกาศขับไล่ซึ่งระหว่างการชุมนุมนั้นได้มีการพาดพิงถึงนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาโดยมีการขับไล่ด้วยคำพูด ”คนจันทบุรีไม่ทนคนจังไรประยุทธ์ออกไป” และมีการพูดถึงประเด็นการนำวัคซีนการบริหารจัดการสถานการณ์ โควิด-19 ที่ล้มเหลวรวมทั้งเศรษฐกิจตกต่ำ ตลอดระยะเวลา  2 ชั่วโมง โดยแกนนำจะสลับสับเปลี่ยนกันพูด หลังจากนั้นได้กลับมารวมตัวกัน ที่สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชยตามเดิม เพื่อทำการเคารพธงชาติ ในเวลา 18.00 น.


ภาพ/ข่าว  ผู้สื่อข่าวจันทบุรี

กลุ่มเชียงราย No เผด็จการ ร่วมกับคนเสื้อแดงเชียงราย จัดคาร์ม็อบรอบเมือง ยื่นหนังสือ 2 สภ. เรียกร้อง ทำงานเพื่อประชาชน อย่าทำงานเพื่อนักการเมือง!! ขอไม่ใช้ความรุนแรงกับม็อบหากส่งกำลังควบคุมฝูงชุนไปร่วมที่กรุงเทพฯ

เวลา 16.30 น.วันที่ 15 ส.ค.64 ที่หน้า สภ.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย นายสราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ แกนนำกลุ่มเชียงราย No เผด็จการ ร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงราย จัดคาร์ม็อบครั้งที่ 3 โดยมีรถยนต์เข้าร่วมขบวนกว่า 50 คัน รถจักรยานยนต์ประมาณ 100 คัน มีผู้เข้าร่วมประมาณ 300 คน โดยได้รวมตัวกันที่หน้า สภ.บ้านดู่ เพื่อยื่นหนังสือให้กับ ผกก.สภ.บ้านดู่ มีเนื้อหาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน โดยไม่เข้าข้างนักการเมือง หลังจากอ่านแถลงการแล้วได้มอบหนังสือให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดู่เพื่อส่งมอบให้กับ ผกก.บ้านดู่

จากขบวนรถคาร์ม็อบได้เคลื่อนขบวนจาก หน้า สภ.บ้านดู่ ไปยัง สภ.เมืองเชียงราย โดยใช้เส้นทาง มุ่งหน้าแยกไฟแดงวัดห้วยปลากั้ง เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปแยกบ้านใหม่ เลี้ยวขวาตรงไป สภ.เมืองเชียงราย โดยที่ สภ.เมืองเชียงราย ได้ยื่นหนังสือให้กับ พ.ต.อ.โสภน ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย โดยมีเนื้อหา ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชียงราย ที่จะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนที่กรุงเทพฯ ไม่ใช้ความรุนแรง กับผู้ชุมนุม อย่างที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ โดยหลังจากที่อ่านแถลงการณ์แล้ว ก็ได้มอบหนังสือให้กับ ผกก.สภ.เมืองเชียงราย เพื่อส่งให้กับ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย

โดยระหว่างทางได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้ผู้ที่ขับจักรยานยนต์ที่นำขบวนคาร์มอบเปียกฝนแต่ขบวนก็ไม่ได้หยุด และยังเคลื่อนต่อไปโดยใช้เส้นทางผ่านหน้า สภ.เมืองเชียงราย มุ่งหน้าแยกแม่กร เลี้ยวซ้าย เพื่อมุ่งหน้าไปยังห้าแยกมังราย  ระหว่างทางก็ได้มีการบีบแตรรถ แสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว โดยรถแต่ละคันได้ติดป้ายต่อว่าการทำงานของรัฐบาล ป้ายเสียดสีการเมือง เรียกร้องวัคซีน  ก่อนจะรวมตัวกันทำพิธีสาปแช่งนากรัฐมนตรี และแยกย้ายกัน

ฟังเสียงประชาชน! ลำปางจัดขบวน #Carmobsลำปาง ขับไล่พลเอกประยุทธ์ ครั้งที่ 2 มีรถเข้าร่วมกว่า 1,000 คัน

เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 15 ส.ค. 2564 ที่ จ.ลำปาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ บริเวณสวนสาธารณะเขลางค์นคร อ.เมืองลำปาง กลุ่มพิราบขาวเพื่อมวลชน มธ.ศูนย์ลำปางได้มีการจัดขบวน #carmobsลำปาง โดยเคลื่อนขบวนเวลา 16.00 น.จุดเริ่มต้น สวนสาธารณะเขลางค์ฯ - สามแยกโรงน้ำแข็ง - สวนอากง- วงเวียนหน้าสถานีรถไฟ- แยกดอนปาน - โรงเรียนมัธยมวิทยา - โรงเรียนประชาวิทย์ - ห้าแยกหอนาฬิกา-กาดออมสิน - มิวเซียมลำปาง - หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง -แล้ววกกลับมาที่ ถนนหน้าที่ทำการไปรษณีย์ไทย- ถนนทิพย์ช้าง -กลับไปยังจุดเริ่มขบวนสวนสาธารณะเขลางค์ฯ โดยมีรถนำขบวนรถแห่คันที่ 1 รถจักรยานยนต์มวลชน รถน้ำ รถยนต์มวลชน รถแห่คันที่ 2 รถยนต์มวลชนและ รถปิดท้าย กล่าวถึงการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมครั้งที่ 2 โดยมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เข้าร่วมขบวนกว่า 1,000 คัน เคลื่อนขบวนไปตามเส้นทางดังกล่าวพร้อมกับบีบแตร ชู 3 นิ้วรอบเมือง แสดงพลังขับไล่นายกฯ ก่อนขบวนจะหยุดอ่านแถลงการณ์หน้าจวนผู้ว่าฯ โดยมี ตร.จราจร สภ.เมืองลำปางดูคอยดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรด้วย

ทั้งนี้ #carmobs ลำปางที่จัดขึ้น มีผู้ร่วมอุดมการณ์แสดงเจตนารมย์ในการขับไล่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อขบวนไปถึงหน้าจวนผู้ว่าฯแกนนำได้กล่าวแถลงการณ์ถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล เกี่ยวกับการแก้ปัญหาโควิด การจัดหาวัคซีน การรักษาทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก การแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องการให้มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ เพื่อไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจ และให้พลเอกประยุทธ์และ ครม.ลาออก ก่อนเคลื่อขบวนกลับที่จุดเดิมและประกาศสิ้นสุดกิจกรรมก่อนแยกย้ายกันกลับในเวลา 18.00 น. โดยได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ สังเกตุการณ์และรักษาความสะดวกเรียบร้อยจำนวนมาก

"โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 หลังจากจัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564 ที่ผ่านมาเพื่อร้องให้รัฐบาลฟังเสียงประชาชน ประชาชนจับมือและร่วมใจกันลงถนน เพื่อเรียกร้องการมีชีวิตรอดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แต่รัฐบาลไม่สนใจ นอกจากนี้ยังตอบแทนความหวังดีด้วยการใช้ความรุนแรง การออกมาขับไล่รัฐบาลทรราชย์ จึงเป็นหน้าที่ของประชาชน “ แกนนำกลุ่มฯกล่าว


ภาพ/ข่าว  วินัย / ลำปาง รายงาน

ปทุมธานี - ‘บิ๊กแจ๊ส’ วิสัยทัศน์ผู้นำ จับมือกรมชลเร่งขุดคลองเตรียมรับน้ำเหนือ ป้องกันน้ำท่วมปทุมฯ

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2564 เวลา 09:00 น. ที่บริเวณหน้าวัดนพรัตน์ คลองสิบสอง ตำบลนพรัตน์ อำเภอหนองเสือ จ.ปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี , นายเสวก ประเสริฐสุข รอง นายกอบจ.ปทุมธานี , พร้อมด้วยนายสุริยา ธรรมธารา , นายสมบัติ วงศ์กวน สจ.เขตอำเภอหนองเสือ และ นายเฉลิมพงษ์ รังสิวัฒศักดิ์ สจ. เขตอำเภอธัญญบุรี พร้อมทีมงานลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ที่ได้ดำเนินการนำเรือโป๊ะรถแบคโฮจำนวน 5 โป๊ะ เพื่อดำเนินการขุดลอกและกำจัดวัชพืชที่คลองระบายน้ำที่สิบสอง ระยะทาง 22 กิโลเมตรที่มีวัชพืชผักตบชวาขึ้นหนาแน่นขวางทางน้ำและลำคลองก็ตื้นเขิน โดยระดมกำลังช่วยกันเร่งขุดลอกเตรียมการล่วงหน้ารองรับน้ำเหนือที่กำลังไหลบ่าลงมาเพื่อป้องกันอุทกภัยในปีนี้

โดย นายชุติมันต์ สกุลพราหมณ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ , นายสมบูรณ์ เจิมไทย วิศกรชลประทานชำนาญการ , นายถนัดกิจ ทรัพย์ประทุม นายช่างชลประทาน และเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน หลังจากที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมได้ประสานไปที่ท่านรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชนปทุมธานีจึงได้เริ่มโครงการดำเนินการขุดลอกคลองชื่อ คลองน้ำใน ตำบลศาลาครุ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้ย้ายเรือโป๊ะรถแบคโฮมาที่คลองระบายน้ำที่คลองสิบสองต่อ เพื่อขุดลอกคลองและกำจัดวัชพืชเพื่อให้น้ำไหลได้ดีเพื่อเป็นการรองรับปริมาณน้ำช่วงหน้าฝนนี้

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ขอบคุณท่านเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจากที่เราได้ประสานงานไป ท่านได้ส่งทีมงานกรมชลประทาน นำโดย นายชุติมันต์ สกุลพราหมณ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ ร่วมถึงทีมงานกรมชลประทานทั้งหมดลงมาร่วมพร้อมเครื่องมือลงมาทำงานที่คลองน้ำใน เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง 3 จังหวัด ประกอบด้วย นครนายก สระบุรีและปทุมธานี ได้ดำเนินการขุดลอกคลองกำจัดวัชพืชโดยเฉพาะต้นไมยราบยักษ์ที่ขึ้นกลางคลองระยะกว่า 4 กิโลเมตรได้ดำเนินกำจัดหมดแล้วทำให้น้ำไหลได้สะดวก จากนั้นก็ได้จ้างเอกชนนำเรือโป๊ะรถแบคโฮ มาลงที่คลองสิบสอง จำนวน 5 โป๊ะ โดยขุดคอกคลองและกำจัดวัชพืชตลอดคลองสิบสองระยะทางตั้งแต่คลองระพีพัฒน์จนถึงคลองรังสิตประยูรศักดิ์ระยะทาง 22 กิโลเมตร เมื่อเครื่องมือลงมาแล้วผมคาดว่าไม่เกิน 10 วันคลองสิบสองจะไม่มีวัชพืชขึ้นกีดขวางทางน้ำ เพื่อเตรียมรับน้ำเหนือที่จะมาถึง

ซึ่งคาดว่าทุกคลองในเขตพื้นที่อำเภอหนองเสือ รวมถึงอำเภอธัญบุรี คลองสิบสองมีความสำคัญมากเพราะเป็นที่ดินดอนสุงหากน้ำเดินทางไม่สะดวกจะส่งผลให้การไหลของน้ำล่าช้าและอาจจะล้นตลิ่งได้เมื่อไม่มีวัคพืชและลำคลองไม่ตื้นเขินน้ำจะไหลสะดวก เป็นการป้องกันอุทกภัยต้องขอบคุณทางกรมชลประทานและทีมงานที่ช่วยเหลือพี่น้องชาวปทุมธานีในครั้งนี้ นอกจากเป็นการรับมือไม่ให้เกิดอุทกภัยแล้ว ก็ยังจะเป็นลำคลองที่มีน้ำไว้ให้เกษตรได้เอาใช้ จะไม่ขาดน้ำในหน้าแล้งแล้ว


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ / รายงาน

เชียงใหม่ - พิธีทำบุญครบรอบ 49 ปี คณะพยาบาลศาสตร์ มช. พร้อมจัดพิธีมอบโล่รางวัลอาจารย์และบุคลากรดีเด่น ประจำปี 2564

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม 2564 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดพิธีทำบุญเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 49 ปี และ วาระปีที่ 61 การศึกษาพยาบาล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นประธาน ภายในพิธีได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ มาประกอบพิธีทางศาสนา หลังจากนั้นได้จัดพิธีมอบโล่รางวัลอาจารย์และบุคลากรดีเด่น ประจำปี 2564

ประกอบด้วย อาจารย์ดีเด่น ด้านการจัดการเรียนการสอน ได้แก่ ผศ.ดร.คัทลียา ศิริภัทรากูร แสนหลวง ด้านการวิจัย/นวัตกรรมทางการพยาบาล ได้แก่ ผศ.ดร.วันเพ็ญ  ทรงคำ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ได้แก่ ผศ.ดร.วรันธร จงรุ่งโรจน์สกุล ด้านทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ ผศ.ดร.โรจนี จินตนาวัฒน์ บุคลากรดีเด่น สายปฏิบัติการ ได้แก่ ว่าที่ร้อยตรี ธนากรณ์ ทำการดี สายบริการ ได้แก่ คุณสายทอง บุญเรือง และ ด้านทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ คุณรัชนี ทีปกากร รางวัลดังกล่าวมอบเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานและประกาศเชิดชูคุณงามความดีให้เป็นเกียรติประวัติสืบไป

นอกจากนี้ได้มอบเข็มที่ระลึกแด่ผู้ที่ปฏิบัติงานในคณะฯ ครบ 30 ปี ได้แก่ ผศ.ดร.ฐิติณัฎฐ์  อัคคะเดชอนันต์  รศ.ดร.ประทุม สร้อยวงค์ อ.ดร.หรรษา เศรษฐบุปผา และ คุณสังวาลย์ บุญมา ตลอดจนได้มอบกระเช้าดอกไม้ร่วมแสดงความยินดีแด่ อ.ดร.หรรษา เศรษฐบุปผา รับรางวัลบุคคลที่ดำเนินการดีเด่นด้านการป้องกันควบคุม การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประจำปี 2564 จาก สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รศ.ดร.จุฑามาศ โชติบาง รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นบัณฑิตวิทยาลัย ประเภทบูรณาการทั่วไป จากมหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปี 2562 คุณสายทอง คำป้อ รับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2563 (ครุฑทองคำ) ประเภทลูกจ้างประจำ และ ศ.ดร.นงเยาว์ เกษตร์ภิบาล ได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งฯ เป็น ศาสตราจารย์ ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคาร 4 คณะพยาบาลศาสตร์ โดยมีการถ่ายทอดสดให้ได้รับชมผ่านทาง Nurse CMU Youtube การดำเนินงานจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นไปตามประกาศของจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19


ภาพ/ข่าว  วิภาดา / เชียงใหม่

สตูล - อบจ. สร้างจุดเช็คอินใหม่ ในกิจกรรมการวาดภาพฝาผนัง “ศิลปะชุมชนละงู” (Satun Street Art) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย

วันนี้ 16 สิงหาคม 2564 ที่ ห้องประชุมธรรมาภิบาลเทศบาลตำบลกำแพง ตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานปิดกิจกรรมการวาดภาพฝาผนัง “ศิลปะชุมชนละงู” ( Satun Street Art) โดยมีนาวาตรีหญิงโนสมา หลีเส็น นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล นายกเทศมนตรีตำบลกำแพง หัวหน้าส่วนราชการ คณะศิลปินจิตอาสาและผู้นำชุมชนในพื้นที่ละงู ร่วมพิธีปิดฯ หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เยี่ยมชมศิลปะชุมชนละงู จำนวน 6 จุด รวม 26 ภาพ พร้อมถ่ายรูปเช็คอินอย่างสวยงาม นอกจากนี้ได้มีการมอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้ร่วมวาดภาพ และผู้ให้การสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมภาพวาด “ศิลปะชุมชนละงู” เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล โดยมีองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูลเป็นแกนหลักร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า ภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาชนชาวสตูล เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้มีแหล่งท่องเที่ยวในมิติใหม่ ๆ เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวจังหวัดสตูลเพิ่มขึ้น และใช้เวลาท่องเที่ยวในจังหวัดสตูลให้นานยิ่งขึ้น เป็นภาพวาดศิลปะฝาผนังในพื้นที่เทศบาลตำบลกำแพง อำเภอละงู โดยมีเป้าหมายวาดภาพ จำนวน 6 จุด รวม 26 ภาพ ซึ่งแต่ละภาพแสดงถึงศิลปวัฒนธรรมของชาวละงู เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นมา ซึ่งขณะนี้สามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมและถ่ายรูปได้แล้ว โดยได้รับความร่วมมือจากศิลปินจิตอาสา และศิลปิน ตลอดจนได้รับความร่วมมือจากเทศบาลตำบลกำแพงซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่จุดวาดภาพ และการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์จากภาคเอกชนอีกด้วย จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายแล้ว เข้ามาเยี่ยมชมถ่ายรูปเช็คอินเยือนถิ่นละงู และแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดสตูล

ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า ขอชื่นชมทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดกิจกรรมนี้ขึ้นสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย ด้วยความร่วมมือของภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ตามนโยบายรัฐบาลที่ได้ให้มีการส่งเสริมส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้แก่ท้องถิ่น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวจังหวัดสตูลในอนาคต นับว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนเที่ยวจังหวัดสตูลเพิ่มมากขึ้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัด

"น้องเทนนิส" ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก สุดปลื้มได้ทุนเรียนต่อถึง ป.เอก พร้อมเงินรางวัล 1 ล้านบาท จากอธิการบดี ม.กรุงเทพธนบุรี

รศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มอบเงินรางวัลจำนวน 1 ล้านบาท และมอบทุนการศึกษาระดับปริญญาเอกให้แก่ “น้องเทนนิส-เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ" พร้อมกล่าวชื่นชมในความสำเร็จของน้องเทนนิสทางด้านการกีฬา ซึ่งการมอบรางวัลดังกล่าว เพื่อเป็นขวัญกำลังใจที่ได้รับรางวัลเหรียญทองกีฬาเทควันโดจากการเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ครั้งที่ 32 ประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นการสร้างชื่อเสียงเกียรติประวัติให้แก่ครอบครัว ประเทศชาติ และมหาวิทยาลัยฯ ในฐานะที่น้องเทนนิสเป็นนักศึกษาระดับปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี


รศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี กล่าวแสดงความยินดีกับ น้องเทนนิส-เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ฮีโร่เหรียญทองในนามของผู้บริหาร คณาจารย์ บุคคลากรทุกภาคส่วน นักศึกษาศิษย์ปัจจุบัน ศิษย์เก่า วิทยาลัยในเครือฯ ว่า ในนามของชาวไทยคนหนึ่ง ต้องบอกว่ามีความยินดีอย่างที่สุดที่ “น้องเทนนิส” ได้สร้างชื่อเสียงได้ทำเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นมาฝากชาวไทยในครั้งนี้ ในฐานะที่อธิการบดีเป็นอธิการมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และ “น้องเทนนิส” เรียนในหลักสูตรปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต พวกเราชาวมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และสถาบันในเครือฯ ต้องบอกว่าที่สุดฃองความภาคภูมิใจ “น้องเทนนิส” ก็ถือว่าเป็นลูกสาวคนหนึ่งที่ได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ อันนี้คือ ฮีโร่เหรียญทองของเราในการแข่งขันโอลิมปิก 2020 ที่ผ่านมา


“น้องเทนนิสมีความเก่ง มีความเข้มแข็ง มีวินัยทั้งในด้านของการฝึกซ้อมกีฬา ซึ่งมีคุณพ่อเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นผู้ที่คอยให้กำลังใจลูก มีวินัยในการศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างมาก คณาจารย์ทุกท่านที่ได้พบได้สอนน้องเทนนิสจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น้องมีวินัยในทุกๆ เรื่อง น้องมีความตั้งใจทำอะไรต้องทำให้สำเร็จทุกเรื่อง ก่อนที่น้องเทนนิสจะเดินทางไปแข่งขันได้มาเรียนหนังสือได้มาเข้าชั้นเรียนได้เข้ามาคุยหารือกับอธิการบดี โดยมีคุณพ่อมาด้วย นั่งคุยกันว่าลูกมีความมั่นใจอย่างไร น้องเทนนิส กับ คุณพ่อบอกว่า มั่นใจเต็มร้อย จากที่คุณพ่อคอยดูแลลูก คอยให้กำลังใจ คอยสนับสนุนลูกจากประสบการณ์ที่คร่ำหวอดมั่นใจเต็มร้อยครับท่านอธิการบดี น้องเทนนิสก็บอกมั่นใจเต็มร้อยค่ะท่านอธิการฯ และวันนี้น้องเทนนิสทำได้สำเร็จเป็นความภาคภูมิใจของอธิการบดี ของพวกเราชาวมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และของคนไทยทั่วโลก อธิการบดีขอยินดีด้วย” อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี กล่าว
นอกจากนี้ เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ พร้อมด้วย “คุณพ่อสิริชัย วงศ์พัฒนกิจ” มาร่วมสนทนาถ่ายทอดประสบการณ์ แนวคิด และการสร้างแรงบันดาลใจการเล่นกีฬาให้ประสบความสำเร็จอย่างมืออาชีพผ่านระบบ ZOOM ให้กับนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา อีกด้วย โดยมี จิรัฏฐวัฒน์ ศิริบุตร และ ณัฎฐา ชาญเลขา เป็นผู้ดำเนินรายการ


ในโอกาสนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมแสดงความยินดีผ่านคลิปวิดีโอในโอกาสดังกล่าว โดยมี ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการและโฆษกกระทรวง อว. ได้ร่วมแสดงความยินดีพร้อมเซอร์ไพรส์มอบเค้กให้แก่ “น้องเทนนิส” ในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด 8 สิงหาคมที่ผ่านมาด้วย ณ สถานีโทรทัศน์ BTU Channel มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี

โควิดพ่นพิษส่งออกสะดุด “เฉลิมชัย"ปลุกตลาดภายในคิกออฟโครงการ “เกษตรกร Happy”เฟส2เร่งอัพราคาลำไย เงาะ ลองกอง พร้อมส่งทีม”เกษตรฯ.-พาณิชย์”ขึ้นเหนือทันที ตัวแทนชาวสวนขอบคุณฟรุ้ทบอร์ดมอบโครงการดีๆดูแลเกษตรกร

วันที่ 15 ส.ค.64 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)เป็นประธานการแถลงข่าว Live สดผ่าน facebook : คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Ecommerce กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดตัวโครงการ “เกษตรกร Happy” phase 2 เพื่อช่วยเกษตรกรชาวสวนลำไย เงาะ ลองกอง ในการขายผลไม้คุณภาพดี สดจากสวน ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งโครงการดังกล่าว เป็นแผนการดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงและเข้าขั้นวิกฤต จนทำให้มีการเพิ่มมาตรการล็อกดาวน์ทั้งในและต่างประเทศ ตลาดต่างประเทศมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นมากขึ้น ระบบขนส่งระหว่างประเทศเกิดความติดขัด ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน แรงงานและผู้ค้า รวมทั้งบริษัทขนส่งในประเทศติดโควิดเพิ่มมากขึ้น ผู้ส่งออกและล้งลดจำนวนลง ในขณะที่ผลไม้อยู่ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวพร้อม ๆ กัน ทั้งมังคุด เงาะ ลำไย และลองกอง เป็นต้น โครงการนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน โดนมีวัตถุประสงค์ คือ 1) รณรงค์ส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทยภายในประเทศ 2) เพิ่มกิจกรรมการค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อระบบการค้าที่เป็นธรรม และ 3) ยกระดับราคา เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ภายใต้แนวคิด "คนกินยิ้มได้ เกษตรกรไทยแฮปปี้" และ "คนไทยไม่ทิ้งกัน"

และจากการดำเนินโครงการ “เกษตรกร Happy” phase 1 ในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนมังคุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงเกษตรฯ.กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กรมประชาสัมพันธ์ ททบ.5 กองทัพบก บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด, บริษัท แกร็บ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท เซ็นทรัล กรุ๊ป จำกัด, เครือข่ายร้านธงฟ้า คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Ecommerce คณะกรรมการธุรกิจเกษตร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะสื่อมวลชนทุกแขนงที่ช่วยในการสื่อสารรณรงค์จนประสบความสำเร็จ และสามารถระบายมังคุดออกจากกลไกตลาดและรักษาเสถียรภาพราคาได้ในระดับที่น่าพอใจ

"ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันดำเนินโครงการเกษตรกร Happy ซึ่งในวันนี้เป็นการดำเนินโครงการเฟส 2 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้ที่กำลังออกตามฤดูกาล ทั้งลำไย ลองกอง และเงาะ โดยในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ได้ดำเนินการในหลายมิติ ทั้งการรณรงค์บริโภคผลไม้ไทย การขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้อุดหนุนผลไม้ไทย และได้มอบ หมายปลัดเกษตรฯ ตั้งทีมกระจายผลไม้เฉพาะกิจ เพื่อประสานงานไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมอบให้นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีเกษตรเดินทางไปลำพูนและเชียงใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาลำไยร่วมกับนายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์และรองประธานฟรุ้ทบอร์ดระหว่างวันที่16-18สิงหาคม

สำหรับการแก้ไขปัญหาด้านการส่งออก ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานและเจรจากับประเทศคู่ค้า โดยไทยจะมีมาตรการตรวจสอบให้เข้มข้นขึ้น เพื่อให้ไทยสามารถส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศได้ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการจะประสบความสำเร็จได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน กระทรวงเกษตรฯ จึงพยายามเพิ่มช่องทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นและง่ายที่สุด จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องหันมาบริโภคผลไม้ไทย และร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน" ดร.เฉลิมชัย กล่าว

ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยมีผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในตลาดโลกและตลาดภูมิภาค เช่น มีพื้นที่เพาะปลูกถึง 7 ล้านไร่ สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกถึง 1 แสนล้านบาทต่อปี ทั้งผลไม้สด ผลไม้แช่แข็ง และผลไม้แปรรูป ซึ่งในปี 2564 ได้ประมาณการว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้น 23% จากปีที่ผ่านมา จาก 4.4 ล้านตัน เป็น 5.4 ล้านตัน และถึงแม้ว่าเราจะเผชิญกับสถานการณ์การโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 กระทรวงเกษตรฯ ได้บริหารจัดการเชิงรุก
โดยได้เร่งพัฒนาการบริหารผลไม้จัดการทั้งระบบ ตั้งแต่การผลิต การสร้างมาตรฐาน GAP/GMP การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างแบรนด์ผลไม้ การบริหารโลจิสติกส์ ตลอดจนการตลาดสมัยใหม่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทำให้ในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ผลไม้สามารถครองแชมป์การส่งออก ด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 185% ทุเรียนส่งออกขยายตัว 172% และมังคุดเติบโตถึง 488% ส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรโดยรวม มีมูลค่า 71,473 ล้านบาท โดยมีอัตราการขยายตัวสูงสุดถึง 59.8% นับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี และเป็นการขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่องกัน แต่ย่างเข้าเดือนกรกฎาคมการระบาดของโควิด19เข้าขั้นวิกฤติส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลไม้ ฟรุ้ทบอร์ดจึงต้องปรับกลยุทธ์เพิ่มการบริโภคภายในประเทศ โครงการเกษตรกรแฮปปี้จึงเกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมช่องทางการขายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม

โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และทุกภาคีภาคส่วน เฟสที่1 เราสามารถช่วยชาวสวนมังคุดภาคใต้จนราคาขยับตัวเกินเป้าหมาย ภายในเวลาสัปดาห์เศษ จึงขอเชิญชวนให้มาช่วยกันซื้อ ลำไย เงาะ ลองกอง นอกจากจะได้รับประทานผลไม้ดี ๆ แล้วยังช่วยเกษตรกรฝ่าวิกฤตโควิดไปด้วยกันภายใต้แนวทาง ”คนกินยิ้มได้ เกษตรกรไทยแฮปปี้” นายอลงกรณ์ กล่าว 

ทางด้านตัวแทนเกษตรกรชาวสวนลำไย เงาะและลองกองได้กล่าวขอบคุณฟรุ้ทบอร์ดที่ดูแลช่วยเหลือชาวสวนผลไม้มาโดยตลอดโดยเฉพาะโครงการเกษตรแฮปปี้เป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์เชื่อว่าจะช่วยชาวสวนได้ในช่วงที่ราคาตกต่ำจากผลกระทบของโควิด19
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top