“Cancel Culture” วัฒนธรรมการ “แบน” ปรากฏการณ์ ‘คว่ำบาตรคนดัง’ ในวันที่ไม่ถูกใจ!!

หลังจากที่ชาวโลก คุ้นเคยกับ call-out culture หรือวัฒนธรรมการคอลเล้าท์กันไปแล้ว อีกวัฒนธรรมหนึ่งซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการคอลเล้าท์ คือ วัฒนธรรมแคนเซิล 

อย่าลืมว่า การ call out นั้น ไม่ใช่ว่าใครจะออกมาโวยวายเรื่องอะไร ที่ไม่ถูกใจตน แต่ ความหมายที่แท้จริงของการคอลเอาต์ คือการที่บุคคล หรือกลุ่มคนในสังคม ออกมาทักท้วงบุคคลหรือองค์กร ที่ทำสิ่งที่ผิดต่อกฎระเบียบ ค่านิยม หรือแนวปฏิบัติที่ผิดจากบรรทัดฐานของสังคมส่วนรวม เช่น การขับมอเตอร์ไซค์บนฟุตบาท, แพทย์และพยาบาลใช้อภิสิทธิ์ฉีดวัคซีนให้เพื่อนของตน, ตำรวจขับรถสวนทาง, ครูลวนลามนักเรียน, การเหยียดเพศ, การดูถูกคนจน, การจอดรถในที่สำรองให้คนพิการ และอื่น ๆ ที่ทำให้สังคมเกิดระเบียบ และมีน้ำใจต่อกัน

ดังนั้น การออกมาแสดงความคิดเห็น โดยไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง หรือไม่ยึดถือบรรทัดฐานของสังคมส่วนรวม ไม่ควรเรียกว่า คอลเอาต์ เป็นแค่การโวยวายจะให้ได้ดังใจ หรือเป็นการเรียกเสียงสนับสนุนจากผู้อื่นที่จะสนองจุดประสงค์ของตนเอง

อย่างไรก็ตาม สังคมไทย ถือว่าใครออกมาวิจารณ์หรือโจมตีใคร ด้วยถ้อยคำรุนแรง ที่แม้ฝ่ายที่ถูกโจมตีจะเป็นฝ่ายที่ยึดถือกฎระเบียบก็ตาม ก็เรียกว่า คอลเอาต์กันไปหมด

Cancel Culture เป็นสิ่งที่มาควบคู่กับ call-out culture ตัวอย่างเช่น มีกลุ่มนักแสดง ออกมาต่อต้านซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ยังไม่งดแจกถุงพลาสติกสำหรับใส่สินค้า จนเกิดเป็นการเคลื่อนไหวกระจายเป็นวงกว้าง หากทางซูเปอร์มาร์เก็ตรีบสนองต่อการเคลื่อนไหวทันที โดยการงดแจกถุงพลาสติก กิจกรรมคอลเอาต์ก็ย่อมจะหยุดไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป แต่หากซูเปอร์มาร์เก็ตไม่สนใจต่อเสียงเตือนเสียงติงของการคอลเอาต์ ขั้นถัดไปคือการ แคนเซิล

คนไทยนำคำว่า cancel มาใช้กันในภาษาไทย จนถือว่าเป็น “คำยืม” มีความหมายว่า “ยกเลิก” โดยปกติเราหมายถึง ยกเลิกสินค้า ยกเลิกคำสั่งซื้อ ยกเลิกการประชุม ยกเลิกนัด ในความหมายของ cancel culture นั้น หมายถึง “ตัดขาดความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ทั้งการพูดคุย การสนับสนุน และการติดตามผลงาน”

ดังนั้นคำว่า cancel ที่ใช้ใน cancel culture นั้นจึงหมายถึงการ boycott, ban และ sanction 

การที่ร้านค้า หรือผลิตภัณฑ์แบรนด์ใด ออกมาแสดงพฤติกรรมที่สวนทางกับบรรทัดฐานของสังคม เช่น เรื่องการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม ตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟต่อต้านการใช้หลอดกระดาษแทนหลอดพลาสติก นอกเหนือจากกระแสโต้แย้งจากสังคมที่ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ โดยการตำหนิผ่านสื่อโซเชียลแล้ว อาจนำไปสู่ cancel culture คือการเลิกซื้อกาแฟจากร้านนั้นอย่างพร้อมเพรียง หรือตัวอย่างเช่นขนมปังแบรนด์ดัง ที่เน้นผลิตภัณฑ์ขนมปังจากธัญพืช เมื่อมีกระแสว่าไม่ยินดีขายให้กับลูกค้าที่จุดยืนทางการเมืองแตกต่างจากแบรนด์ ก็เกิดการพร้อมใจกันงดซื้อขนมปังแบรนด์นั้น ลูกค้าบางรายเมื่อกาลเวลาผ่านไป ก็อาจกลับมาซื้อสินค้าและสนับสนุนบริการเช่นเดิม แต่มีลูกค้าอีกไม่น้อยที่หันไปเลือกแบรนด์อื่นแล้ว และชีวิตดำเนินไปเป็นปกติสุข จนไม่หวนกลับมาหาแบรนด์ที่แคนเซิลไปแล้ว ยิ่งมีแบรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เมื่อสูญเสียความภักดีต่อแบรนด์ (loyalty) ไปแล้ว ก็ยากที่จะดึงลูกค้ากลับมา

ขอบคุณภาพจาก truthforyou

ตัวอย่างของ cancel culture ที่ส่งผลเสียหายชัดเจนในช่วงไม่นานนี้ คือการ call out ของกลุ่มนักแสดงไทย ที่ได้ออกมาด้อยค่าวัคซีนจีน ในลักษณะ “รวมพลัง” โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะดิสเครดิต การทำงานของรัฐบาลในเรื่องที่ไม่จัดหาวัคซีนอเมริกันมาให้เป็นตัวเลือกได้ และได้ทำการเหยียดประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค และซิโนฟาร์ม โดยตั้งฉายาว่า “วัคซีนเสิ่นเจิ้น” ซึ่งไม่เมคเซนส์มากนัก เพราะเสิ่นเจิ้น เป็นเมืองที่ทันสมัยกว่าทุกจังหวัดในเมืองไทย ในขณะที่กรุงเทพฯ มีตึกสูงที่อยู่ในระดับ supertall (สูงกว่า 300 เมตร) เพียง 4 ตึก เสิ่นเจิ้น มีตึกซุปเปอร์ทอลล์ 18 ตึก และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี อีกทั้งยังมีตึกที่สูงที่สุดในอันดับ Top 5 ของโลกอีกด้วย การด้อยวัคซีนจากประเทศจีน จึงเป็นพฤติกรรมที่ขาดการไตร่ตรอง และไม่ได้คาดคิดว่าการกระทำดังกล่าวจะนำความเสียหายในลักษณะทุบหม้อข้าวตัวเอง

การเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของนักแสดงไทย อยู่ในสายตาและการรับรู้ของแฟนคลับชาวจีน ที่ชื่นชอบดาราไทยตลอดเวลา มีการตั้งกลุ่ม FC ของดาราไทย ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ‘เวยป๋อ (Weibo)’ ของจีน ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวนมาก แฟนคลับชาวจีนเหล่านี้ ติดตามชมละคร ซีรีส์ และภาพยนตร์ ที่มีนักแสดงไทยทั้งชายหญิงร่วมแสดง นักแสดงไทยหลายคน ได้มีงานแสดงในซีรีส์ของจีน เช่น ไมค์ พิรัชต์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประเทศจีน ได้แสดงในซีรีส์ดังหลายเรื่อง ได้ขึ้นแท่นเป็นพระเอกเต็มตัว ออกอากาศที่ช่องใหญ่ของประเทศจีน ซีรีส์ที่เขาเล่นยังมีเรตติ้งสูงอันดับ 1 และครองอันดับ 1 ในการจัดอันดับดาราเอเชียที่ได้รับความนิยมสูงในจีน และยังมีนักแสดงไทยอีกหลายสิบคน ที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างมากมายในประเทศจีน เช่น ปอย ตรีชฎา, หญิง รฐา, พิช วิชญ์วิสิฐ, นน ชานน, ออม สุชาร์, ต่อ ธนภพ, บี้ KPN, เนเน พรนับพัน และ ไมค์ พิรัชต์

ส่วนนักแสดงไทย ที่แม้จะไม่ได้มีผลงานในซีรีส์จีนยอดนิยม ก็ยังมี FC ชาวจีนนับร้อยล้านเฝ้าติดตามจากซีรีส์ไทย โดย WeTV ซึ่งขยายตลาดมาจาก Tencent VDO วิดีโอสตรีมมิงแพลตฟอร์มอันดับ 1 ของประเทศจีน ซีรีส์ไทยสร้างสถิติยอดวิวผ่านแอปพลิเคชั่นได้มากถึง 50 ล้านวิว ทั้งแบบพากย์จีน และมีซับจีน ซึ่งละครไทยที่ออกอากาศจบแล้ว เมื่อขายให้กับจีน มีมูลค่าหลักแสนบาทต่อตอน และหากเป็นการออกอากาศพร้อมกัน (simulcast) บางเรื่องมีมูลค่าถึงหลักล้านต่อตอน

จีนมีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคน เพียง 5 เปอร์เซนต์ของพลเมืองที่ชมซีรีส์ไทย ก็มีจำนวนถึง 65 ล้านคนแล้ว เมื่อปี 2556 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณการมูลค่าตลาดค่าลิขสิทธิ์ซีรีส์ไทย ที่ค้าขายกับจีนอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งอาจจะไม่มากนักเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดของตลาดลิขสิทธิ์ซีรีส์โดยรวมของจีน แต่นี่คือธุรกิจที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถต่อยอดรายได้จากนักแสดง การนำเสนอวัฒนธรรมและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของไทย เวลาที่ผ่านมา 8 ปี ซีรีส์ไทยจากช่องต่าง ๆ ได้ทำเงินจากตลาดซีรีส์ของจีนนับไม่ถ้วน

ด้วยเหตุนี้นักแสดงไทย จึงสามารถต่อยอดรายได้ผ่านการไปพบ FC ในเมืองจีน ในลักษณะ meet and greet ดาราไทยที่ได้ค่าตัวในการแสดงละครแต่ละตอน อยู่ในช่วง 80,000 - 150,000 บาท (ยกเว้นบางคนได้มากกว่าสองแสนบาทต่อตอน) เมื่อต้องเดินทางไปพบ FC ในประเทศจีน ค่าตัวย่อมมากกว่าแสดงละคร 2-3 ตอนแน่นอน

ขอบคุณภาพจาก truthforyou

การคอลเอาต์ ของนักแสดงไทย ที่ใช้วาจาเหยียดวัคซีนจีน ทำให้ FC ชาวจีนสะเทือนใจเป็นอย่างมาก จึงมีการติดตาม และเก็บบันทึกอย่างเป็นระบบ โดยการแบ่งเป็นกลุ่มพฤติกรรม เช่น นักแสดงที่ร่วมสนับสนุนการแยกฮ่องกงออกจากจีน นักแสดงที่สนับสนุนให้ไต้หวันเป็นประเทศอิสระ ผ่านการกด Like หรือคำพูดในโซเชียลมีเดีย กลุ่มนักแสดงที่ใช้คำพูดด้อยค่าวัคซีนจีน และบันทึกชื่อของนักแสดงเหล่านี้ไว้ จากนั้นเปิดให้ FC จีน ได้เข้ามาคอมเมนต์ ซึ่งเป็นการตอบโต้อย่างไม่ไว้หน้า เช่น

>> “โดยเนื้อแท้แล้วคนไทยคลั่งไคล้ญี่ปุ่น เกาหลี เทิดทูนยุโรป และอเมริกา ดังนั้นจึงอยากเป็นสุนัขของยุโรปอเมริกา แต่พวกนั้นไม่เห็นคุณค่า จึงเป็นได้เพียงนางบำเรอของพวกนั้น การแพร่ระบาดครั้งนี้ สารพัดถ้อยคำเหน็บแนมว่า Sinovac เป็นยาหลอกลวง ขอโทษนะ เมื่อพูดอย่างนี้แล้ว นั่นคือคุณดูถูกประเทศของฉัน”
>> “ฉันอยากบอกว่า ฝรั่งมาหาเมียที่เมืองไทย มีลูกเป็นลูกครึ่ง ผลักดันเข้าวงการบันเทิง เป็นการลุงทุนที่คุ้ม”
>> “ติดตามดาราไทยคนนี้มาหลายปี ในที่สุด ฉันก็ไม่อาจรับข้อความแบบนี้ได้ ดาราทำงานของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว ไปยุ่งอะไรกับงานของรัฐบาล Sinovac จงอย่าร่วมมือกับประเทศไทยอีกต่อไป”
>> “นึกว่าเป็นดาราเรียนจบปริญญาโทแล้วจะมีสมอง พอแล้ว เลิกติดตาม”
>> “ชอบนางมาหลายปี ผิดหวังมาก แอดมินแฟนคลับจีนทำเพื่อนางมาหลายปีแล้ว ฉันทนไม่ไหวแล้วที่นางเป็นแบบนี้”
>> “เมื่อก่อนชอบแต้ว แต่พอนางออกมา call out ครั้งนี้ผิดหวังมาก สิ่งที่บุคคลสาธารณะควรทำคือ รณรงค์ป้องกันโรคระบาด ไม่ใช่ลงไปคลุกกับการเมือง”
>> “เมืองไทยมั่วแล้ว call out แก้ปัญหาอะไรได้หรือ แต่ไหนแต่ไรมา เบลล่าไม่เคยพูดเรื่องการเมือง”

คอมเมนต์ในโทนผิดหวัง และขอ cancel จากนี้ไป มีนับร้อยนับพัน แต่ในขณะเดียวกัน การเก็บข้อมูลของ FC ชาวจีน เป็นไปอย่างละเอียดและไม่เหมาว่าปลาเน่าทั้งเข่ง ดังจะเห็นได้จากคอมเมนต์ชื่นชม เช่น 
>> “อั้ม เป็นดาราไทยส่วนน้อยที่สนับสนุน Sinovac และตัวเธอเองก็ยังฉีด Sinovac ด้วย”
>> “ออกมา call out แล้วยังไง ชาวบ้านเดือดร้อน ท้องไม่อิ่ม ต้องการให้มีชีวิตรอดเท่านั้น ดูอย่างอั้ม อย่างชมพู่ บ้างสิ ไม่กลัวว่าติ่งของพวกเธอจะพาทัวร์มาลง คนไทยควรดูอั้มกับชมพู่เป็นตัวอย่าง”

นักแสดงไทย นักร้องไทย ที่ได้ออกมา call out ตลอดมา เมื่อมีผู้เห็นต่างเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์การ call out ของพวกเขา ส่วนใหญ่จะต่อปากต่อคำ มี FC ที่เหนียวแน่น ช่วยออกมาต่อกร ปะทะคารม และได้เนื้อข่าวต่อไปอีก พูดง่าย ๆ คือ ดาราไทยมีความยะโสโอหัง อย่ามาสอน อย่ามาวิจารณ์ฉัน แม้ว่าชื่อเสียงและความร่ำรวยของฉันมาจากผู้ชมก็ตาม!!

แต่ Cancel Culture ของ FC ชาวจีนในครั้งนี้ เล่นเอาดาราไทย แย่งกันรับบทในละคร เตมีย์ใบ้กันอย่างพร้อมเพรียง หุบปากสนิท หยุด call out อย่างฉับพลัน ไม่ทราบว่า เกิดสำนึกขึ้นได้ว่า การ cancel นั้นไม่ใช่แค่หยุดชมซีรีส์ฟรี ๆ ทางยูทูปเท่านั้น หรือว่าถูกสังกัดเรียกไปตบปากแบบลูกหมา หรือตีมือเบา ๆ แบบเด็กชั้นอนุบาล

ถ้า call out ทำให้สิ่งที่เป็นบรรทัดฐาน และกฎเกณฑ์ที่สังคมส่วนรวมยอมรับ ก็จะได้แรงสนับสนุน แต่การโจมตีวัคซีนของจีนนั้น ฝรั่งมีสำนวนว่า Barking at the wrong tree หรือ สุนัขเห่าต้นไม้ผิดต้น คือการไม่มองที่สาเหตุสำคัญ ว่าในการจัดการสถานการณ์โควิด-19 คือการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งการใส่หน้ากาก การล้างมือ การเว้นระยะห่าง การไม่มั่วสุม และการฉีดวัคซีนที่จัดหามาได้เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันและบรรเทาอาการป่วยหนักหรือเสียชีวิต

Cancel Culture ครั้งนี้ ตีราคาแทบไม่ได้ เมื่อกาลเวลาผ่านไป เมื่อโควิด-19 บรรเทาไปจากโลก สังขารของนักแสดงเหล่านี้ ก็เปลี่ยนไป หน้าใหม่ก็ขึ้นมาแทน การจะลบล้างความพลั้งเผลอสิ้นคิด ด้วยการแจกอาหารให้กับบุคลากรทางแพทย์ หรือผู้ประสบความลำบากในเมืองไทย ถ้าเป็นข่าวในประเทศจีน FC ก็ดูออกว่าเป็นการกระทำล้างผิด อีก 3-5 ปี ถ้าแฟนคลับจีนให้อภัย ตอนนั้นก็อาจจะเล่นบท พ่อแม่ ลุงป้า กันแล้ว....

แต่ถ้าสนใจการเมืองจริง ไม่ได้ไปจีน ก็เริ่มทำงานให้กับพรรคการเมืองไทยได้


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9