Sunday, 18 May 2025
SPECIAL

นราธิวาส - โซเชียลแห่ชื่นชม!! ชายวัยกลางคน นำดินมาถมถนนในหมู่บ้าน ที่เป็นหลุมเป็นบ่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ยะลา ว่า ในโซเชียลแห่ชื่นชมชายชุดผ้าโสร่ง เสื้อแขนยาว สวมหมวก(กะปีเยาะ) ในชุดมาลายูมุสลิม พร้อมรถพ่วงข้าง นำดินมาถมถนนในหมู่บ้านที่เป็นหลุมเป็นบ่อโดยไม่ได้หวังผลประโยชน์  สะท้อนความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่บันนังสาเร็ง อ.เมือง จ.ยะลา

โดยเฉพาะเพจเฟซบุ๊กชื่อ “ที่นี่จังหวัดยะลา TINEE-YALA” ได้เผยแพร่ภาพที่ถ่ายโดย อับดุลรอนิง โต๊ะยอ พร้อมสมาชิกที่เข้ามาแสดงความเห็นและแชร์จำนวนมาก โดยข้อความมีดังนี้

#ชื่นชมด้วยใจ จิตอาสาที่ไม่ต้องการผลประโยชน์และไร้ผ้าคล้องคอ

ภาพนี้เรียกได้ว่าคือสุดความประทับใจต่อชายชราคนหนึ่ง ที่อาสามาปิดหลุม ปิดบ่อกลางถนนเพื่อไม่ให้เกิดความอันตรายต่อคนสัญจรไปมา โดยชายชรารายนี้ขับมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง พร้อมทุกดินมาด้วยจำนวนหนึ่ง และพาพลั่วมาด้วยหนึ่งด้าม โดยขับรถไปยังถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ แล้วเขาก็จอดรถและได้นำพลั่วตักดินแล้วกลบบนถนนที่เป็นหลุมทันที

เพชรบูรณ์ - มอบถุงยังชีพพระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ แก่ราษฎรที่ประสบอัคคีภัย

ที่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 18 ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เชิญถุงยังชีพพระราชทานในมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ ไปมอบให้กับนางอำพร จุ้ยวงษ์ ที่บ้านที่อยู่อาศัยประสบอัคคีภัยเสียหายทั้งหลัง โดยมี คณะกรรมการ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ นายอำเภอชนแดน หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วม พร้อมมอบเงินและสิ่งของเพื่อเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น

ทั้งนี้ นางอำพร จุ้ยวงษ์ อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 18 ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ได้ประสบเหตุเพลิงไหม้จากสาเหตุเตาถ่านหุงข้าว เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ทำให้บ้านพักที่อยู่อาศัยเสียหายทั้งหลัง โดยในเบื้องต้น ภาคราชการได้เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน

 

ตำรวจ PCT ‘ทลายเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ MBC Club’ มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท มีเหยื่อหลงเชื่อกว่า 1,000 ราย

วันนี้ (24 พ.ย. 64) เวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ MBC Club มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า เครือข่าย MBC Club ได้ชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนใน Forex โดยหลอกลวงว่าจะได้กำไรเฉลี่ย 40% ของเงินที่ลงทุนต่อเดือน และจะนำผลกำไรมาปันผลให้กับผู้ร่วมลงทุน แต่หากลงทุนครบจำนวน 40,000,000 บาท ภายในสิ้นปีจะได้รับรางวัลเป็นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ Porsche 718 Boxster จากบริษัท ซึ่งการลงทุนดังกล่าวมีแผนการร่วมลงทุน แบ่งเป็น 5 แพ็คเกจ ดังนี้

แพ็คเกจที่ 1 MEMBER ทุนจำนวน 50,758 บาท ทาง CLUB เพิ่มทุนให้ 110% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 27.50 %

แพ็คเกจที่ 2 SILVER ทุนจำนวน 253,750 บาท ทาง CLUB เพิ่มทุนให้ 115% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 28.75%

แพ็คเกจที่ 3 TITANIUM ทุนจำนวน 507,500 บาททาง CLUB เพิ่มทุนให้ 120% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 30%

แพ็คเกจที่ 4 GOLD ทุนจำนวน 2,537,500 บาท ทาง CLUB เพิ่มทุนให้ 125% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 31.25%

และ เเพ็คเกจที่ 5 PLATINUM ทุนจำนวน 5,075,000บาท ทาง CLUB เพิ่มทุนให้ 130% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 32.50%  

เขาก็มีชีวิต - จิตใจ... โฆษก ตร.เตือน!! “กระทำทารุณกรรมสัตว์” จำคุก 2 ปี

24 พ.ย.64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษก ตร. เผยว่า จากกรณีในสื่อสังคมออนไลน์ปรากฏคลิปเหตุการณ์ลูกสุนัขสองตัวลอยออกจากรถยนต์กระบะสีแดงสภาพเก่า ตกลงมาบนถนนก่อนถูกรถยนต์ทับตายคาที่หนึ่งตัว อีกตัวรอดชีวิตหวุดหวิด เพราะคนขับรถยนต์เจ้าของคลิปเหตุการณ์จอดรถลงไปช่วยเอาไว้ได้ทันเวลา หลังจากนั้นจึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานสาเหตุว่าลูกหมาอาจปีนตกลงมาเอง หรือ ถูกคนในรถโยนลงมา หวังให้ถูกล้อรถยนต์ทับตาย นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษก ตร. กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กำแพงแสน ได้ติดตามตัวผู้ขับรถกระบะดังกล่าวมาเพื่อสอบถามสาเหตุแล้ว โดยผู้ก่อเหตุได้ให้การอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนมา ระหว่างทางกลับบ้านทนเสียงเห่าหอนของลูกสุนัขไม่ไหว ประกอบกับลูกสุนัขได้กัดแทะเบาะ แล้วยังปัสสาวะ อุจจาระจนเลอะเทอะไปทั่วรถ และส่งกลิ่นเหม็น จึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบโยนลูกสุนัขออกไปจากรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาตามกฎหมายจึงอยากขอเตือนไปถึงพี่น้องประชาชนผู้เลี้ยงสัตว์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์บ้าน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งาน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นพาหนะ สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดง จะมีเจ้าของหรือไม่มี หากท่านกระทำทารุณต่อสัตว์ของท่านหรือของผู้อื่นอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557

 

ตร.เตือน!! จัดหาเด็กมาค้าประเวณี โทษสูงถึงประหาร คนซื้อบริการผิดด้วย โทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต

วันที่ 24 พ.ย. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า  ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สนธิกำลัง ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เข้าจับกุมหญิงสาวที่อ้างตัวเองว่าเป็นโมเดลลิ่ง ทำการจัดหาเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพื่อส่งต่อไปค้าประเวณีให้กับลูกค้า ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมากนั้น

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ในเรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายที่สำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการป้องกันมิให้เกิดการกระทำความผิดขึ้น  จึงอยากจะขอประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะกระทำความผิดเกี่ยวกับการเป็นธุระจัดหาเพื่อการค้าประเวณีนั้น เป็นความผิดตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบุคคลที่ถูกนำตัวไปค้าประเวณีเป็นเด็ก อายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ตาม จะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ และในบางกรณีอาจมีอัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ส่วนผู้ซื้อบริการ ก็มีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน และในบางกรณีอาจมีอัตราโทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต โดย ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นธุระจัดหาหรือเป็นผู้ซื้อบริการทางเพศจากเด็ก มีดังต่อไปนี้

ผู้ที่เป็นธุระจัดหา หรือที่เรียกตัวเองว่า โมเดลลิ่ง

1. บังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่ง ค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26(9) ประกอบมาตรา 78

2. เป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก โดยมีความมุ่งหมายเพื่อการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยในกรณีเด็กอายุ เกินกว่า 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 6 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000 บาท ถึง 1,500,000 บาท และในกรณีที่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 8 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 800,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 6(2) ประกอบมาตรา 52

3. เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็ก แม้เด็กนั้นจะยินยอมก็ตาม หากเด็กนั้นอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 6,000 บาท ถึง 30,000 บาท และหากเด็กนั้นอายุยังไม่เกิน 15 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 40,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282

4. ถ้ากรณีตาม ข้อ 3. เป็นการกระทำดังกล่าวกระทำโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด หากเด็กนั้นอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 14,000 บาท ถึง 40,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต และหากเด็กนั้นอายุยังไม่เกิน 15 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 10 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 40,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283

ผู้ซื้อบริการทางเพศจากเด็ก

- กรณีเด็กอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี

1. พาบุคคลอายุเกิน 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 ทวิ

2. พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสีย จากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 200,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319

- กรณีเด็กอายุ ไม่เกิน 15 ปี

1. กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 400,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคแรก

2. ถ้ากรณีตาม ข้อ 1. เป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 140,000 บาท ถึง 400,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง

3. พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 400,000 บาท ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 317

 

ชลบุรี - ‘นายกปลื้ม’ ห่วง! อสม .ปฏิบัติงานด่านหน้าป้องกันโควิด-19 เปิดโครงการตรวจสุขภาพฟรีกว่า 400 คน

นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เปิดเผยนโยบายของเมืองพัทยาที่มีความห่วงใยสุขภาพและคุณภาพชีวิตของอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) บุคลากรด่านหน้า และทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ที่เสียสละปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือชาวชุมชนเมืองพัทยาอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้เมืองพัทยาเข้มแข็งและมีสุขภาวะที่ดีมาจนถึงขณะนี้

จึงได้มอบให้สำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับโรงพยาบาลเมืองพัทยา จัดโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปี 2564 เป็นพิเศษให้แก่ อสม. เจ้าหน้าที่ด่านหน้า และทีม SRRT เมืองพัทยากว่า 400 คน ในวันที่ 2-3 ธันวาคม 2564 นี้ ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า การตรวจสุขภาพประจำปีครั้งนี้เป็นการดูแลสุขภาพทางร่างกายและส่งกำลังใจในการปฏิบัติงานแก่บุคลากรด่านหน้าทางด้านสาธารณสุข ทั้งเครือข่าย อสม. และ SRRT ทุกคน โดยทางโรงพยาบาลเมืองพัทยา ได้เตรียมความพร้อม ทีมแพทย์ พยาบาล และรถโมบายเคลื่อนที่ มาให้บริการตรวจสุขภาพในวันดังกล่าวโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

หลังจากนี้ เมืองพัทยามีแนวคิดส่งเสริมบริการตรวจสุขภาพอย่างทั่วถึง โดยมุ่งเน้นกลุ่มประชาชนผู้สูงวัย ซึ่งส่วนใหญ่จะมีโรคประจำตัว สามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพได้เช่นเดียวกัน รวมถึงบริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ เพราะผู้ป่วยบางคนอาจอยู่ติดบ้านติดเตียง ไม่สะดวกในการเดินทางไปยังจุดบริการ หรือไปโรงพยาบาลเมืองพัทยาได้ จคงต้องมีทีมสาธารณสุขเคลื่อนที่แบบเพื่อเข้าถึงพี่น้องประชาชน

ด้าน นางมาลี รักษาราษฎร์ ประธาน อสม. หางใหญ่ 1 เมืองพัทยา กล่าวว่า โครงการตรวจสุขภาพ อสม.เมืองพัทยา นับเป็นนโยบายที่ดี เนื่องจาก อสม.ส่วนใหญ่ จะมีอายุเฉลี่ยตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีรายได้มากนัก แต่ต้องทำงานลงพื้นที่ ช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยตามชุมชนตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องตรวจร่างกายให้แข็งแรงก่อนจะไปดูแลผู้ป่วยคนอื่น

 

โฆษก ตร.เตือน!! “เล่นพนันออนไลน์” ชีวิตพัง - เป็นหนี้ ไม่มีวันรวย!!

วันที่ 23 พ.ย.64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษก ตร. เผยว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับไวยาวัจกรวัดแห่งหนึ่ง บุกเดี่ยวจี้ชิงทอง 80 บาท มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ในห้างบิ๊กซีสาขาชุมพร ขยายผลหลังจากจับสึกเจ้าอาวาส พร้อมพระลูกวัดเสพยาบ้าจำนวน 4 รูป ซึ่งผู้ต้องหาอ้างสาเหตุบุกจี้ชิงทอง เนื่องจากติดพนันออนไลน์ นั้น

โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือน ประชาสัมพันธ์ ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุม ผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งยังสั่งกำชับให้ทุกหน่วยงาน  ในสังกัดให้กวดขันจับกุม และทำการสืบสวนปราบปรามการพนันออนไลน์ ทุกรูปแบบอย่างจริงจังแต่ในยุคนี้ที่ประชาชนเข้าถึง สื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น ทำให้ผู้จัดให้มีการเล่นการพนันพยายามเข้าถึงประชาชนมากกว่าแต่ก่อน มีการชักชวนในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งส่งลิงก์เว็บไซต์การพนันทาง SMS โฆษณาในเว็บไซต์หรือ สื่อสังคมออนไลน์หลายแพลตฟอร์ม รวมถึงการนำผู้ที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ มาชักชวนให้เล่นการพนัน

โดยจะอ้างว่าสนุก เล่นง่าย ได้เงินแน่นอน ซึ่งในความจริงแล้ว ไม่เป็นไปอย่างที่โฆษณา อย่างแน่นอน แต่ก็ยังมีประชาชนจำนวนมาก หลงเชื่อ หลวมตัวเข้าไปเล่นการพนันออนไลน์ จนมีบางรายหมดเนื้อหมดตัว และเป็นสาเหตุให้ไปก่ออาชญากรรมอย่างอื่น ทั้งอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์ (ลัก วิ่ง ชิง ปล้น), ยาเสพติด หรือถึงขนาดฆ่าตัวตายเพราะติดหนี้การพนันออนไลน์ อย่างไรก็ตามผู้ที่หลงเชื่อคำโฆษณา และเข้าไปเล่นการพนันออนไลน์ ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย แต่ในทางกฎหมายนั้น แน่นอนว่ามีความผิด

ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12 ผู้ใดจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานหรือรับอนุญาตแล้วแต่เล่นพลิกแพลงหรือผู้ใดเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎกระทรวงหรือ ข้อความในใบอนุญาต ผู้นั้นมีความผิดต่อไปนี้

(1) ถ้าเป็นความผิดในการเล่นตามบัญชี ก. หมายเลข 1 ถึงหมายเลข 16 หรือการเล่นตามบัญชี ข. หมายเลข 16 เฉพาะสลากกินรวบหรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายกันนี้ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปจนถึง 3 ปี และ ปรับตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท ด้วยอีกโสดหนึ่งเว้นแต่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่ เรียกว่าลูกค้า ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(2) ถ้าเป็นความผิดในการเล่นอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้ต้องระวางโทษจําคุกไม่ เกิน 2 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่ความผิดตามมาตรา 4 ทวิ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

สมุทรปราการ - ‘โรงเรียนนายเรือ’ ถวายราชสักการะ - ถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพิธีบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันสถาปนาโรงเรียนนายเรือ ครบรอบ 115 ปี

พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีถวายราชสักการะ และกล่าวถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันสถาปนาโรงเรียนนายเรือ ครบรอบ 115 ปี วันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ณ โรงเรียนนายเรือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีพลเรือโท ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ ให้การรับรอง พร้อมคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และกองบัญชาการกองทัพไทย ตลอดจนศิษย์เก่าโรงเรียนนายเรือรุ่น 50 - 114 ร่วมพิธี โดยก่อนหน้านี้ในเวลา 0800 น. ศิษย์เก่าโรงเรียนนายเรือแต่ละรุ่นได้กระทำพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ต่อมา พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องค์มนตรี ในฐานะอดีตผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศล ณ หอประชุมภูติอนันต์ โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ  สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสมุทรปราการ  อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้แทนผู้บัญชาการโรงเรียนเหล่าทัพ และส่วนราชการในจังหวัดสมุทรปราการ ตลอดจนศิษย์เก่าโรงเรียนนายเรือร่วมพิธี

หลังเสร็จสิ้นพิธี โรงเรียนนายเรือได้จัดกิจกรรมพาศิษย์เก่าโรงเรียนนายเรือ ชมสถานที่สำคัญในโรงเรียนนายเรือ เพื่อย้อนระลึกจากในอดีตถึงปัจจุบัน ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีความทันสมัยมากขึ้น โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาเป็นสื่อการเรียนการสอน เช่นห้องเรียนแผนที่อิเล็คทรอนิกส์ ห้องจำลองการเดินเรือ ห้องเรียนอัจฉริยะ (smart classroom) หอดาราศาสตร์ ที่เป็นหอดูดาวแห่งแรกของประเทศไทย ปัจุบันถูกปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์อุปกรณ์การเดินเรือ และมีท้องฟ้าจำลอง ในการให้การศึกษาเส้นทางของดวงดาว

ทั้งนี้การจัดกิจกรรมดังกล่าว ได้ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด

สำหรับโรงเรียนนายเรือ เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของกองทัพเรือ มีหน้าที่ให้การศึกษา ฝึกและอบรมนักเรียนนายเรือด้านวิทยาการ วิชาทหาร จริยศึกษาและพลศึกษา เพื่อให้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ เหมาะสมที่จะเป็นนายทหารสัญญาบัตร ของกองทัพเรือ สามารถปฏิบัติหน้าที่นายทหารสัญญาบัตรชั้นผู้น้อยในระยะแรก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นผู้นำ มีคุณธรรมประจำใจ มีความสำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบ สืบทอดแบบธรรมเนียมประเพณีของทหารเรือ เทิดทูน และยึดมั่นใน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยมีปรัชญา โรงเรียนนายเรือ "แหล่งผลิตนายทหารเรือ อันเป็นรากแก้วของกองทัพเรือ"

โรงเรียนนายเรือได้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2441 ( ร.ศ.117 ) และเปิดการเรียนการสอนนักเรียนนายเรือ ระยะแรกเคยใช้เรือพระที่นั่งมหาจักรี และเรือหลวงมูรธาวสิตสวัสดิ์ เป็นสถานที่ฝึกสอนนักเรียนนายเรือชั่วคราว และใช้เรือหลวงพาลีรั้งทวีป และเรือหลวงสุครีพ ครองเมือง เป็นสถานที่เรียนอีกด้วย โดยได้กำหนดให้มีการศึกษาในวิชาการทหารเรือ เลขคณิต และทหารราบ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ และการฝึกหัดศึกษาอย่างเดียวกับคนประจำเรือ ต่อมา เมื่อปี พ.ศ.2442 กรมทหารเรือในสมัยนั้นได้รับบุคคลภายนอกเข้าเรียนมากขึ้น จึงย้ายไปอยู่ที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเดิม ที่สวนอนันตอุทยาน ธนบุรี และได้ทำการเรียนการสอนกันอย่างจริงจัง โดยมีนักเรียนทั้งหมด 19 นาย และมีนาวาโท ไซเดอร์ลิน (C.P.SEIDELIN) เป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือ คนแรก หลังจากนั้นได้ย้ายมาอยู่ที่พระตำหนักสุนันทาลัย ปากคลองตลาด

จากเหตุการณ์ ร.ศ.112 (พ.ศ.2436) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่า กิจการของทหารเรือเท่าที่อาศัยชาวต่างประเทศเข้ามาประจำตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ นั้น ไม่อาจที่จะหวังในด้านการรักษาอธิปไตยของชาติได้ดีเท่ากับคนไทยเอง พระองค์มีพระราชประสงค์ให้จัดการศึกษาแก่ทหารเรือไทย ให้มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะรับตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ ในเรือแทนชาวต่างชาติที่จ้างไว้ต่อไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระราชโอรสสองพระองค์ ไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือยังต่างประเทศ คือ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ให้ไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ และ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์ ให้ไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศเยอรมันพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเห็นความสำคัญของการให้คนไทยทำหน้าที่แทนชาวต่างประเทศ ในตำแหน่งสำคัญทางทหาร จึงได้มีการจัดส่งนายทหารเรือไปรับการศึกษาจากต่างประเทศ มีการพัฒนาทั้งองค์บุคคลและองค์วัตถุควบคู่กันไป ปรับปรุงกำลังรบทางเรือให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังทรงจัดการการศึกษาแก่ ทหารเรือไทย

 

ปทุมธานี - “นายกแจ๊ส” ห่วงใยชาวบ้านย่านคลองหลวง มอบยาวัดคีรีวงศ์ เสริมภูมิกันโควิด-19

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้มอบหมายให้ นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายก อบจ.ปทุมธานี และ นางรุจศลักษณ์ ธูปกระจ่าง ตั้งวงษ์เลิศ (น้องบาย) เลขานุการนายก อบจ.ปทุมธานี มอบยาสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันวัดคีรีวงศ์ จำนวน 600 ชุด พร้อมด้วย สเปรย์ แอลกอฮอล์ จำนวน 600 ขวด และหน้ากากหน้ากากอนามัย จำนวน 600 ห่อ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ หมู่บ้าน ฟินิกซ์ปาร์ค คลองสอง-คลองหลวง ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

โดย นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า เนื่องจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้มอบหมายให้นำยาสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน จากวัดคีรีวงศ์ จ.ชุมพร มอบให้กับชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งที่หมู่บ้าน ฟินิกซ์ปาร์ค คลองสอง-คลองหลวง  ได้นำมามอบ จำนวน 600 ซอง ซองละ 28 แคปซูล นอกจากนี้ยังนำสเปรย์ แอลกอฮอล์ จำนวน 600 ขวด และหน้ากากหน้ากากอนามัย จำนวน 600 ห่อ มามอบให้อีกด้วยเพราะว่าใกล้จะถึงฤดูหนาว ท่านนายก อบจ เป็นห่วงต้องการให้ทุกคนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ด้าน นางรุจศลักษณ์ ธูปกระจ่าง ตั้งวงษ์เลิศ (น้องบาย)  เลขานุการนายก อบจ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังถือว่าเป็นวาระเร่งด่วนที่ทาง อบจ.ปทุมธานี ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ

 

ตำรวจนาจอมเทียน จัดทำ ‘MOU’ ชุมชนยั่งยืน ‘แก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร’ ตามยุทธศาสตร์ชาติ!! โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน

ตำรวจนาจอมเทียน จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในหมู่บ้าน ชุมชน โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน

ที่อาคารอเนกประสงค์ วัดทรัพย์นาบุญญาราม บ้านเขาบำเพ็ญบุญ หมู่ 8 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายธณพง โคตรมณี นายกเทศมนตรีตำบลเขาชีจรรย์ พ.ต.อ.สันติ ชูเชิด ผกก.สภ.นาจอมเทียน พ.ต.ท.ชุมพล แสนวิชัย รอง ผกก.(ป.) สภ.นาจอมเทียน พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ เจริญคลัง สวป.สภ.นาจอมเทียน น.ส.กานดา ทรัพย์นา ผู้ช่วยเลขานุการพัฒนาสตรี จ.ชลบุรี นายพิเชษฐ์ ธรรมโหร ปลัดอำเภอสัตหีบ นายธนพัฒน์ บรรบุปผา กำนันตำบลนาจอมเทียน น.ส.เตือนจิตร์ ทรัพย์นา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตำบลนาจอมเทียน และผู้นำชุมชน ได้ร่วมทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ให้ความร่วมมือ และร่วมเป็นสักขีพยาน โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ

พ.ต.ท.สังวาลย์ พันสีทา สวป. สภ.นาจอมเทียน หัวหน้าชุดปฏิบัติการ กล่าวรายงานว่า ตามที่ตำรวจภูธรภาค 2 ได้มอบหมายให้ สภ.นาจอมเทียดำเนินงานตาม "โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน หมู่บ้าน โดยเสริมสร้างให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งเข้าใจและรับรู้ปัญหาพิษภัยที่เกิดขึ้นจากยาเสพติด เพื่อให้เกิดกระบวนการป้องกันแก้ไข และการบำบัดยาเสพติด โดยการมีส่วนร่วมของคนในหมู่บ้านชุมชน และเพื่อสร้างรูปแบบการดำเนินงานในหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน โดยทางเจ้าหน้าที่ ชุดปฏิบัติการชุมชนยั่งยืน อาทิ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรนาจอมเทียน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะเข้ามาดำเนินงานตามกระบวนการในพื้นที่รับผิดชอบ ตลอดระยะเวลา 3 เดือน ระหว่าง 1 พ.ย.64 ถึง 31 ม.ค.65 

นายธณพง โคตรมณี นายกเทศมนตรีตำบลเขาชีจรรย์ ประธานในพิธี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้ปัญหายาเสพติด เป็นวาระสำคัญของชาติ ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อน ความทุกข์ยากของประชาชน และศักยภาพการพัฒนาของประเทศในอนาคต เป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่บ้าน ชุมชนที่มีผู้ติดยาเสพติดอาศัยอยู่ จะมีปัญหามากกว่าทุกระดับ ที่ต้องได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ต้องช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติด ให้ได้รับการบำบัดรักษา และอยู่ในหมู่บ้านชุมชนอย่างสงบสุข จึงได้ดำเนินการโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อดำเนินการแก้ไข ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในหมู่บ้านชุมชน โดยเสริมสร้างให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งเข้าใจ และยั่งยืนต่อไป โดยได้ร่วมลงนาม  MOU เพื่อยืนยันความร่วมมือบนแผ่นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ และในเอกสารดำเนินการเสริมในเรื่องอื่น ๆ เช่น การตรวจปัสสาวะผู้สมัครใจบำบัด เป็นต้น

 

ทหาร ฉก.ม.3 สกัด 6 ชาวเมียนมา ลุยแม่น้ำรวก ข้ามพรมแดนหวังไปทำงานกรุงเทพฯ

ทหาร ฉก.ม.3 ลาดตระเวณชายแดน พบผู้ต้องสงสัย 6 คนเดินมาจากชายแดน เสื้อผ้าเปื้อนโคลน เรียกสอบถามพบเป็นชาวเมียนมา จะไปทำงานกรุงเทพฯ โดยวันที่ 21 พ.ย. 64 เวลา 22.00 น. ทหารจาก ร้อย.ม.4 บก.ควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สุทธิ์เขตต์ ศรีนิลทิน ผบ.ฉก.ม.3  นำโดย ร.อ.พิสิฐ อภิเดช ผบ.ร้อย.ม.4 มอบหมายให้ ร.ท.ณัฐพงษ์ ชิณวงษ์  เป็น หัวหน้าชุดปฏิบัจิการได้นำกำลังพลลาดตระเวนเฝ้าตรวจ ในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณ ท่าทราย หมู่ 9 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อเป็นการป้องกันการลักลอบนำเข้าสิ่งผิดกฎหมาย และป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

 

 

ปูพรม! ‘กวาดล้างเด็กแว้นทั่วประเทศ’ ยึดรถกว่า 20,000 คัน ‘ผู้ปกครอง - ร้านแต่งรถ – แอดมินเพจ’ โดนด้วย!!

วันนี้ (22 พ.ย.64) เวลา 10.30 น. ที่ ตำรวจภูธรภาค1 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการแข่งรถในทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.), พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตต์ ผบช.ภ.1 ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องในห้วงวันที่ 11 - 20 พ.ย.64 หลังยกเลิกเคอร์ฟิว เตรียมเปิดประเทศ จับกุมผู้กระทำผิด 922 ราย ยึดรถกว่า 20,000 คัน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใย สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เร่งปราบปรามการแข่งรถในทางซึ่งอาจจะกลับมารวมตัวกันสร้างความเดือดร้อนให้กับนักท่องเที่ยว และผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงประชาชนผู้พักอาศัย  และอาจเป็นสาเหตุในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ในช่วงหลังประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว เตรียมเปิดประเทศรับชาวต่างชาติ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการประสานข้อมูลกันระหว่าง ศปข.ตร. และตำรวจพื้นที่ ทั้ง บช.น., ภูธร 1-9 ในห้วง 11-20 พ.ย.64 สามารถจับกุมผู้กระทำผิด

1.แข่งรถในทางและขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ และสนับสนุน ให้มีการแข่งรถหรือให้ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย 922 ราย

2.ทำทัณฑ์บนกับบิดา มารดา ผู้ปกครอง ตามคำสั่ง หน.คสช. ที่ 22/2558 และ 46/2558 จำนวน 2,575 ราย

3.ดำเนินคดี ร้านค้า/ดัดแปลง รถหรืออุปกรณ์ 182 ราย

4.ตรวจค้น/ประชาสัมพันธ์ ร้านขาย/ดัดแปลง รถหรืออุปกรณ์ 26,670 ราย

5.ตรวจพบท่อไอเสียไม่ได้มาตรฐาน 3,382 ราย

6.ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.รถยนต์ ที่เกี่ยวข้อง 50,136 ราย

7.ดำเนินคดีกับ Admin Page 13 ราย

8.ตรวจยึดรถยนต์ 118 คัน

9.รถจักรยานยนต์ 19,046 คัน

10.จัดทำประวัติผู้กระทำความผิดและผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะแข่งรถในทาง 9,411 ราย

11.กรณีจับกุมผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล และศาลมีคำสั่งให้ริบรถของกลาง 8 ราย

ผอ.ศปข.ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร. ได้กำชับให้เร่งแก้ไขปัญหาเด็กแว๊น อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งจากสถิตินับตั้งแต่ตนมาเป็น ผอ.ศปข.ตร. พ.ศ.2562 พบว่าการร้องเรียนลดลงอย่างมาก มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแบบครบวงจร ทั้ง ผู้ขับขี่ แอดมินเพจ ผู้สนับสนุน ร้านแต่งรถ รวมถึงผู้ปกครองด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งผลักดันแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก ในเรื่องนี้เพื่อให้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเอาผิดกับ "การรวมกลุ่มมั่วสุมในทาง หรือสาธารณะสถานใกล้ทาง โดยมีพฤติการณ์ที่จะแข่งรถ" จะถือเป็นความผิด "พยายามแข่งรถ" ด้วย

 

สุราษฎร์ธานี - “นิพนธ์” ล่องใต้!! อ.กาญจนดิษฐ์ - ดอนสัก ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม กำชับทุกฝ่ายดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด ตลอดฤดูมรสุมและเร่งรัดฟื้นฟูเยียวยาโดยเร็ว

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นตรวจเยี่ยมและให้กำลังผู้ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ตำบลท่าอุแท อำเภอกาญจนดิษฐ์ และตำบลชลคราม อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมมอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประสบภัย จำนวน 200 ชุด ซึ่งสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 6 - 19 พฤศจิกายน 2564 ในพื้นที่ 14 อำเภอ และสถานการณ์คลี่คลายแล้วทั้งหมด แต่ยังมีการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ความเสียหายในภาพรวมประสบอุทกภัย ในพื้นที่ 14 อำเภอ 52 ตำบล 268 หมู่บ้าน 3,147 ครัวเรือน 10,087 คน  มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 86 ล้านบาท

นายนิพนธ์ กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยขณะนี้ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยต่อความเดือดร้อนที่พี่น้องประชาชนกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ จึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้เร่งรัดฟื้นฟูเยียวยาประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยกระทรวงมหาดไทยนั้นมีภารกิจในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ซึ่งในฐานะที่ตนกำกับดูแลกรมปภ. มีหน้าที่ในการดูแลประชาชนโดยตรงเมื่อเกิดทั้งภัยน้ำท่วมและน้ำแล้ง สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำคือการสร้างที่ให้น้ำอยู่ ทำทางให้น้ำไหล จะเป็นการบริหารจัดการสถานการณ์ภัยจากน้ำได้อย่างครบวงจร สามารถบรรเทาความรุนแรงของภัยได้ รวมทั้งการแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนให้รับทราบข้อมูลข่าวสารก่อนเกิดภัยก็จะมีส่วนช่วยให้ลดความรุนแรง ความสูญเสียได้อย่างมาก

 

ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมจิตอาสาพระราชทาน จัดกิจกรรม “1910 ด้วยใจ” ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมจิตอาสาพระราชทาน จัดกิจกรรม “1910 ด้วยใจ” ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

21 พฤศจิกายน 2564 เวลา 08.30 น. ทัพเรือภาคที่ 1 มอบหมายให้ นาวาเอก วีระชัย บุญมาก ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกำลังพลจิตอาสากองทัพเรือ ร่วมกับ จิตอาสาพระราชทาน 904 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และเทศบาลนครแหลมฉบัง โดยมี นายวุฒิศักดิ์ สิงหเดโช นายอำเภอบางละมุง เป็นประธานในการจัดกิจกรรม “1910 ด้วยใจ” ครั้งที่ 3 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ณ วัดสุทรีย์บุญญาราม (หนองมะนาว) ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ร่วมบริจาคโลหิต ฝ่าวิกฤติโรคระบาดส่งต่อโลหิตที่ปลอดภัย ให้ผู้ป่วยได้ผ่าตัด

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย วอนคนไทยช่วยกันบริจาคโลหิตอย่างเร่งด่วน โรงพยาบาลทั่วประเทศขาดเลือด หมอนัดผ่าตัดเต็มรูปแบบ ต้องการโลหิตจำนวนมาก ส่งผลกระทบโลหิตคงคลังไม่พอจ่าย

รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลประกาศคลายล็อก ยกเลิกเคอร์ฟิว และเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 อนุญาตให้หน่วยงานหลายแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลเปิดให้บริการรักษาผู้ป่วยได้ตามปกติ ทำให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ เพิ่มเคสนัดผ่าตัดจาก 25% เป็น 50% ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา มีการเบิกขอใช้โลหิตสูงกว่า 6,500 ยูนิตต่อวัน แต่สามารถจ่ายเลือดได้เพียง 43% เท่านั้น

ปัจจุบัน มีปริมาณโลหิตบริจาคทั่วประเทศเฉลี่ย วันละ 2,800 ยูนิต ส่งผลให้โรงพยาบาลทุกแห่งขาดเลือดไม่มีโลหิตเพียงพอในการรักษาและผ่าตัดผู้ป่วย และยังต้องใช้โลหิตกับผู้ป่วยที่มีภาวะสูญเสียโลหิตเฉียบพลัน และผู้ป่วยโรคเลือดที่ต้องใช้โลหิตเป็นประจำ

1. แพทย์ไม่มีโลหิตเพียงพอที่ใช้ในการผ่าตัด โดยเฉพาะการผ่าตัดที่ต้องใช้โลหิตจำนวนมาก และเร่งด่วน อาทิ ผู้ป่วยที่เกิดภาวะสูญเสียโลหิตเฉียบพลัน อุบัติเหตุ ตกเลือดหลังคลอดบุตร และเลือดออก ในทางเดินอาหาร ฯลฯ การรักษาผู้ป่วยกรณีดังกล่าว ต้องมีโลหิตสำรองไว้ระหว่างการผ่าตัด 2-3 ยูนิต ในกรณีที่มีอาการรุนแรง 5-10 ยูนิต ต้องขอเบิกโลหิตสำรองให้เพียงพอ ถ้าโลหิตไม่เพียงพอต้องเลื่อนการผ่าตัดอาจเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยถึงชีวิตได้

2. ผู้ป่วยที่ชะลอการผ่าตัดในช่วงที่ผ่านมา กลับมารักษาตามที่โรงพยาบาลนัดหมาย อาทิ โรคข้อเข่าเสื่อม​ โรคกระดูก โรคหัวใจ ชนิดไม่รุนแรง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยขาดโอกาสในการรักษาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้คุณภาพชีวิตลดลง 

3. ผู้ป่วยโรคเลือด ที่จำเป็นต้องใช้โลหิตในการรักษาเป็นประจำ อาทิ โรคธาลัสซีเมีย โรคโลหิตจาง และโรคเกล็ดเลือดต่ำ ในรายที่เป็นชนิดรุนแรงต้องได้รับโลหิตในการรักษาเป็นประจำสม่ำเสมออย่างน้อยเดือนละ 1-2 ยูนิต หากไม่ได้รับโลหิตผู้ป่วยจะมีภาวะซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ในรายที่โลหิตจางรุนแรงอาจทำให้หัวใจทำงานหนักจนหัวใจล้มเหลวได้ จึงต้องได้รับโลหิตในการรักษาอย่างทันท่วงที


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top