Saturday, 5 July 2025
SPECIAL

ปูพรม! ‘กวาดล้างเด็กแว้นทั่วประเทศ’ ยึดรถกว่า 20,000 คัน ‘ผู้ปกครอง - ร้านแต่งรถ – แอดมินเพจ’ โดนด้วย!!

วันนี้ (22 พ.ย.64) เวลา 10.30 น. ที่ ตำรวจภูธรภาค1 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการแข่งรถในทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.), พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตต์ ผบช.ภ.1 ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องในห้วงวันที่ 11 - 20 พ.ย.64 หลังยกเลิกเคอร์ฟิว เตรียมเปิดประเทศ จับกุมผู้กระทำผิด 922 ราย ยึดรถกว่า 20,000 คัน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใย สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เร่งปราบปรามการแข่งรถในทางซึ่งอาจจะกลับมารวมตัวกันสร้างความเดือดร้อนให้กับนักท่องเที่ยว และผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงประชาชนผู้พักอาศัย  และอาจเป็นสาเหตุในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ในช่วงหลังประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว เตรียมเปิดประเทศรับชาวต่างชาติ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการประสานข้อมูลกันระหว่าง ศปข.ตร. และตำรวจพื้นที่ ทั้ง บช.น., ภูธร 1-9 ในห้วง 11-20 พ.ย.64 สามารถจับกุมผู้กระทำผิด

1.แข่งรถในทางและขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ และสนับสนุน ให้มีการแข่งรถหรือให้ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย 922 ราย

2.ทำทัณฑ์บนกับบิดา มารดา ผู้ปกครอง ตามคำสั่ง หน.คสช. ที่ 22/2558 และ 46/2558 จำนวน 2,575 ราย

3.ดำเนินคดี ร้านค้า/ดัดแปลง รถหรืออุปกรณ์ 182 ราย

4.ตรวจค้น/ประชาสัมพันธ์ ร้านขาย/ดัดแปลง รถหรืออุปกรณ์ 26,670 ราย

5.ตรวจพบท่อไอเสียไม่ได้มาตรฐาน 3,382 ราย

6.ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.รถยนต์ ที่เกี่ยวข้อง 50,136 ราย

7.ดำเนินคดีกับ Admin Page 13 ราย

8.ตรวจยึดรถยนต์ 118 คัน

9.รถจักรยานยนต์ 19,046 คัน

10.จัดทำประวัติผู้กระทำความผิดและผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะแข่งรถในทาง 9,411 ราย

11.กรณีจับกุมผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล และศาลมีคำสั่งให้ริบรถของกลาง 8 ราย

ผอ.ศปข.ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร. ได้กำชับให้เร่งแก้ไขปัญหาเด็กแว๊น อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งจากสถิตินับตั้งแต่ตนมาเป็น ผอ.ศปข.ตร. พ.ศ.2562 พบว่าการร้องเรียนลดลงอย่างมาก มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแบบครบวงจร ทั้ง ผู้ขับขี่ แอดมินเพจ ผู้สนับสนุน ร้านแต่งรถ รวมถึงผู้ปกครองด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งผลักดันแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก ในเรื่องนี้เพื่อให้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเอาผิดกับ "การรวมกลุ่มมั่วสุมในทาง หรือสาธารณะสถานใกล้ทาง โดยมีพฤติการณ์ที่จะแข่งรถ" จะถือเป็นความผิด "พยายามแข่งรถ" ด้วย

 

สุราษฎร์ธานี - “นิพนธ์” ล่องใต้!! อ.กาญจนดิษฐ์ - ดอนสัก ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม กำชับทุกฝ่ายดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด ตลอดฤดูมรสุมและเร่งรัดฟื้นฟูเยียวยาโดยเร็ว

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นตรวจเยี่ยมและให้กำลังผู้ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ตำบลท่าอุแท อำเภอกาญจนดิษฐ์ และตำบลชลคราม อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมมอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประสบภัย จำนวน 200 ชุด ซึ่งสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 6 - 19 พฤศจิกายน 2564 ในพื้นที่ 14 อำเภอ และสถานการณ์คลี่คลายแล้วทั้งหมด แต่ยังมีการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ความเสียหายในภาพรวมประสบอุทกภัย ในพื้นที่ 14 อำเภอ 52 ตำบล 268 หมู่บ้าน 3,147 ครัวเรือน 10,087 คน  มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 86 ล้านบาท

นายนิพนธ์ กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยขณะนี้ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยต่อความเดือดร้อนที่พี่น้องประชาชนกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ จึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้เร่งรัดฟื้นฟูเยียวยาประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยกระทรวงมหาดไทยนั้นมีภารกิจในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ซึ่งในฐานะที่ตนกำกับดูแลกรมปภ. มีหน้าที่ในการดูแลประชาชนโดยตรงเมื่อเกิดทั้งภัยน้ำท่วมและน้ำแล้ง สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำคือการสร้างที่ให้น้ำอยู่ ทำทางให้น้ำไหล จะเป็นการบริหารจัดการสถานการณ์ภัยจากน้ำได้อย่างครบวงจร สามารถบรรเทาความรุนแรงของภัยได้ รวมทั้งการแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนให้รับทราบข้อมูลข่าวสารก่อนเกิดภัยก็จะมีส่วนช่วยให้ลดความรุนแรง ความสูญเสียได้อย่างมาก

 

ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมจิตอาสาพระราชทาน จัดกิจกรรม “1910 ด้วยใจ” ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมจิตอาสาพระราชทาน จัดกิจกรรม “1910 ด้วยใจ” ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

21 พฤศจิกายน 2564 เวลา 08.30 น. ทัพเรือภาคที่ 1 มอบหมายให้ นาวาเอก วีระชัย บุญมาก ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกำลังพลจิตอาสากองทัพเรือ ร่วมกับ จิตอาสาพระราชทาน 904 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และเทศบาลนครแหลมฉบัง โดยมี นายวุฒิศักดิ์ สิงหเดโช นายอำเภอบางละมุง เป็นประธานในการจัดกิจกรรม “1910 ด้วยใจ” ครั้งที่ 3 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ณ วัดสุทรีย์บุญญาราม (หนองมะนาว) ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ร่วมบริจาคโลหิต ฝ่าวิกฤติโรคระบาดส่งต่อโลหิตที่ปลอดภัย ให้ผู้ป่วยได้ผ่าตัด

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย วอนคนไทยช่วยกันบริจาคโลหิตอย่างเร่งด่วน โรงพยาบาลทั่วประเทศขาดเลือด หมอนัดผ่าตัดเต็มรูปแบบ ต้องการโลหิตจำนวนมาก ส่งผลกระทบโลหิตคงคลังไม่พอจ่าย

รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลประกาศคลายล็อก ยกเลิกเคอร์ฟิว และเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 อนุญาตให้หน่วยงานหลายแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลเปิดให้บริการรักษาผู้ป่วยได้ตามปกติ ทำให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ เพิ่มเคสนัดผ่าตัดจาก 25% เป็น 50% ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา มีการเบิกขอใช้โลหิตสูงกว่า 6,500 ยูนิตต่อวัน แต่สามารถจ่ายเลือดได้เพียง 43% เท่านั้น

ปัจจุบัน มีปริมาณโลหิตบริจาคทั่วประเทศเฉลี่ย วันละ 2,800 ยูนิต ส่งผลให้โรงพยาบาลทุกแห่งขาดเลือดไม่มีโลหิตเพียงพอในการรักษาและผ่าตัดผู้ป่วย และยังต้องใช้โลหิตกับผู้ป่วยที่มีภาวะสูญเสียโลหิตเฉียบพลัน และผู้ป่วยโรคเลือดที่ต้องใช้โลหิตเป็นประจำ

1. แพทย์ไม่มีโลหิตเพียงพอที่ใช้ในการผ่าตัด โดยเฉพาะการผ่าตัดที่ต้องใช้โลหิตจำนวนมาก และเร่งด่วน อาทิ ผู้ป่วยที่เกิดภาวะสูญเสียโลหิตเฉียบพลัน อุบัติเหตุ ตกเลือดหลังคลอดบุตร และเลือดออก ในทางเดินอาหาร ฯลฯ การรักษาผู้ป่วยกรณีดังกล่าว ต้องมีโลหิตสำรองไว้ระหว่างการผ่าตัด 2-3 ยูนิต ในกรณีที่มีอาการรุนแรง 5-10 ยูนิต ต้องขอเบิกโลหิตสำรองให้เพียงพอ ถ้าโลหิตไม่เพียงพอต้องเลื่อนการผ่าตัดอาจเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยถึงชีวิตได้

2. ผู้ป่วยที่ชะลอการผ่าตัดในช่วงที่ผ่านมา กลับมารักษาตามที่โรงพยาบาลนัดหมาย อาทิ โรคข้อเข่าเสื่อม​ โรคกระดูก โรคหัวใจ ชนิดไม่รุนแรง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยขาดโอกาสในการรักษาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้คุณภาพชีวิตลดลง 

3. ผู้ป่วยโรคเลือด ที่จำเป็นต้องใช้โลหิตในการรักษาเป็นประจำ อาทิ โรคธาลัสซีเมีย โรคโลหิตจาง และโรคเกล็ดเลือดต่ำ ในรายที่เป็นชนิดรุนแรงต้องได้รับโลหิตในการรักษาเป็นประจำสม่ำเสมออย่างน้อยเดือนละ 1-2 ยูนิต หากไม่ได้รับโลหิตผู้ป่วยจะมีภาวะซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ในรายที่โลหิตจางรุนแรงอาจทำให้หัวใจทำงานหนักจนหัวใจล้มเหลวได้ จึงต้องได้รับโลหิตในการรักษาอย่างทันท่วงที

“ปชป.” พอใจผลโพลเครือข่ายองค์กรครูล่าสุด​ ”จุรินทร์” ขึ้นแท่นเบอร์​ 2​ ชิงนายกรัฐมนตรี เชื่อ!! ยังไม่มีการยุบสภาช่วงนี้ เผย!! ประชาธิปัตย์เดินหน้าปฏิรูปต่อเนื่องตั้งคณะทำงาน​ 8​ ชุด เร่งพัฒนานโยบายพรรคตอบโจทย์การเมืองเชิงสร้างสรรค์

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยวันนี้​ (21พ.ย.) ว่า
พรรคประชาธิปัตย์พอใจต่อผลโพลล่าสุดของสถาบันวิจัยและพัฒนาสังคม เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทยล่าสุดที่ปรากฎว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับความนิยมเป็นอันดับ2ของผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีรองจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพร้อมนำผลการสำรวจความคิดเห็นในประเด็นเรื่องมุมมองของประชาชนเกี่ยวกับนโยบายและผู้นำพรรคเป็นข้อมูลประกอบการพัฒนานโยบายพรรคต่อไป

ทั้งนี้เมื่อวันที่​ 18​ พ.ย.ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานใหม่​ 8​ คณะ​ เพื่อจัดทำร่างนโยบายของพรรคในมิติต่างๆเพื่อตอบโจทย์การเมืองเชิงสร้างสรรค์ซึ่งเป็นแนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปพรรคอย่างต่อเนื่อง

ต่อคำถามที่ว่าขณะนี้มีการเคลื่อนไหวอย่างคึกคักของทุกพรรคการเมืองจะเป็นสัญญานการเตรียมพร้อมรับมือการยุบสภาในเร็วๆนี้หรือไม่ 

นายอลงกรณ์กล่าวว่า คงไม่ใช่สัญญาณเตรียมรับมือการยุบสภาและในมุมมองของตนไม่คิดว่าจะมีการยุบสภาในช่วงนี้ สำหรับการเคลื่อนไหวของพรรคต่างๆ​ ในระหว่างนี้เป็นเพราะแต่ละพรรคต้องจัดการประชุมใหญ่ประจำปีตามกฎหมายพรรคการเมืองและที่มาจัดประชุมกระจุกตัวกันในช่วงเดือนนี้เนื่องจากมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด19​ ทำให้ก่อนหน้านี้แต่ละพรรคตัองเลื่อนการประชุมมาเรื่อยๆจนรัฐบาลคลายล็อคจึงสามารถจัดประชุมได้เลยมาจัดตรงกันในช่วงนี้พอดีซึ่งเป็นการประชุมตามปกติ อาจมีวาระพิเศษเพิ่มเติมคือกรณีรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขใหม่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับระบบพรรคการเมืองและระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบใหม่

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์กำลังเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับผู้สมัครส.ส.ให้สอดคล้องกับการเลือกตั้งระบบใหม่

ทั้งนี้เมื่อวันที่​ 18 พ.ย.​ สถาบันวิจัยและพัฒนาสังคม เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทยได้แถลงผลการสำรวจความคิดเห็น

โดยวิธีการสุ่มจากประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป กำหนดจำนวนกลุ่มตัวอย่างเป้าหมายตามพื้นที่ ภาคอีสาน จำนวน 400 คน ภาคเหนือ จำนวน 300 คน ภาคกลาง จำนวน 300 คน ภาคใต้ จำนวน 300 คน  กรุงเทพมหานคร จำนวน 200 คน รวมกลุ่มตัวอย่างเป้าหมายทั้งสิ้น 1,500 คน โดย กำหนดสัดส่วนกลุ่มตัวอย่างเป้าหมายตามสาขาวิชาชีพ เกษตรกร 30% ครู อาจารย์ นักวิชาการ 25% นักเรียน นักศึกษา เยาวชน 10% ข้าราชการ 10%  นักธุรกิจ/ผู้ประกอบการ  10% ค้าขาย​ / ลูกจ้าง​ ​/ กรรมกร 10% นักการเมือง / ผู้นำชุมชน / จิตอาสา 5% ซึ่งการสำรวจความคิดเห็นและวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative) การสนทนากลุ่ม (Focus Group) ค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ( P-Value = 0.05) รูปแบบการสำรวจวิจัย ใช้ 1) การสำรวจวิจัยภาคสนาม เป็นการสัมภาษณ์โดยตรงแบบตัวต่อตัว โดยใช้ผู้ช่วยนักวิจัยแจกแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ ภาคละ 20 คน รวม 100 คน 2) การสำรวจวิจัยแบบเปิด โดยให้กลุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ผ่าน google form 3) การสอบถามและสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ ระบบซูม (zoom) และระบบไลน์
ผลการวิจัย 5 ประเด็น พบว่า...

พอใจต่อการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 97.14%

ฝ่ายฝ่ายค้านและม็อบปฏิรูปสถาบัน ไม่อาจล้มรัฐบาล 78.4%

ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธ เผาทำลาย หยาบคาย จาบจ้วงสถาบัน ละเมิด กม.ใช้ข้อมูลเท็จ และสร้างความเดือดร้อน 96.32%   

การที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ “ถือว่าเป็นการล้มล้างเปลี่ยนการปกครอง” เห็นด้วยหรือไม่เพียงใด 93.36%

และยังมีผลว่า การที่พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งบุตรสาวอดีตนายกฯทักษิณเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค มีอิทธิพลต่อการครอบงำพรรคหรือไม่เพียงใด

เห็นด้วย 90.44% การเสนอแก้ไขหรือยกเลิก มาตรา 112 และ 116 ของเพื่อไทย+ก้าวไกล ไม่เห็นด้วย 93.74%

เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ ควรตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่มีนักการเมืองคุณภาพและนโยบายที่เกิดจากการร่วมคิดของประชาชนทุกกลุ่มหรือไม่ 90.6% เห็นด้วย รวมถึงเสนอให้ส.ส.พรรคพลังประชารัฐควรย้ายตามไป 91.9%
และยังเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย 73.74%

ด้าน ความพึงพอใจต่อผลงานของรัฐบาลด้านต่างๆ เรื่องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิทเกิน 70% จนสามารถเปิดประเทศได้เป็นอันดับต้นๆของโลก 75.34% ตามด้วย โครงการคนละครึ่ง เราชนะ ปล่อยสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เยียวยาประชาชนทุกกลุ่ม 91.38%

ในด้านเศรษฐกิจ เรื่อง อีอีซี, ทางด่วนเชื่อมต่างจังหวัด รถไฟฟ้าในกทม.และปริมณฑล, สถานีรถไฟกลางบางซื่อที่ทันสมัยที่สุดในอาเซียน ,รถไฟความเร็วสูงเชื่อมอาเซียน /สร้างถนน 4 เลนทั่วประเทศ /สร้างรถไฟรางคู่ 4 ภูมิภาค, โครงการโคกหนองนา​ / ลดค่าเทอมนักเรียนนักศึกษา/การสร้างงานให้บัณฑิตใหม่ ก็ยังให้ผลบวกสูง

ส่วนนโยบายที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการ คือ ลดราคาน้ำมัน การส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และการประกันรายได้ผลผลิตการเกษตร รวมถึง  การลดดอกเบี้ยหนี้สินเกษตรให้เหลือร้อยละ 3 ปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว /สร้างตลาดเกษตรชุมชน ลดดอกเบี้ยหนี้สินครู / หนี้ ก.ย.ศ. จัดตั้งธนาคารสหกรณ์ครูไทย และปฏิรูปการศึกษาโดยให้ครูและประชาชนมีส่วนร่วม ทำโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง พัฒนาแหล่งน้ำทั่วประเทศ ตั้งกระทรวงน้ำ การขุดคลองไทย แก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและปราบปราม ยาเสพติด

ผลโพลยังสำรวจ การคาดว่าผู้ใดจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป 1) พล.เอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 40.16%  
2) นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์  15.60 % 
3) นายอนุทิน ชาญวีระกุล 11.22%  
4) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 9.83%  
5) นายชลน่าน ศรีแก้ว  9.70% 
6) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  7.2% 
7) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 6.28%

ญาติแรงงาน ไต้หวัน ขอบคุณนายก ที่สั่งการ ก.แรงงาน ดูแลสิทธิประโยชน์เป็นอย่างดี

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่เสียชีวิตและบาดเจ็บบริเวณไซต์งานก่อสร้างในนครนิวไทเป ที่ไต้หวันว่า ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แสดงความเสียใจและห่วงใยแรงงานไทยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศถือเป็นวีรบุรุษและตัวแทนของประเทศไทยที่มีความเสียสละออกไปทำงานในต่างแดนเพื่อนำเงินมาเลี้ยงครอบครัวและนำรายได้เข้าประเทศ จึงได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานดูแลช่วยเหลือในเรื่องสิทธิประโยชน์ทุกอย่างแก่ทายาทแรงงานไทยที่เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บให้เร็วที่สุด โดยสิทธิประโยชน์เบื้องต้นของนายจักริน พวงเกต แรงงานไทยที่เสียชีวิต มีดังนี้




1) เงินค่าทำศพ 5 เดือนของค่าจ้างที่แจ้งเอาประกัน ประมาณ 120,000 เหรียญไต้หวัน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 141,393 บาท

2) เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นนายจักรินเดินทางมาทำงานที่ไต้หวันเมื่อปี 2549 จึงมีสิทธิ์รับเงินจำนวน 40 เท่าของค่าจ้างที่เอาประกัน เป็นเงินประมาณ 960,000 เหรียญไต้หวัน (ประมาณ 1,132,800 บาท)

3) เงินเยียวยาจากกองแรงงาน นครนิวไทเป 100,000 เหรียญไต้หวัน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 117,830 บาท

4) เงินค่าจ้างเดือนสุดท้ายของการทำงาน เป็นเงิน 30,000 เหรียญไต้หวัน ประมาณ 35,400 บาท

5) เงินชดเชยเยียวยาจากนายจ้าง ซึ่ง สนร. ไทเป จะเจรจาเรียกร้องเงินเยียวยาจากนายจ้างเพื่อชดเชยให้ทายาทได้รับความเป็นธรรมอย่างเต็มที่

6) เงินสงเคราะห์จากกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ กรณีเสียชีวิต จำนวน 40,000 บาท ขณะนี้รวมยอดเงินที่ได้รับสำหรับแรงงานไทยที่เสียชีวิต 1,467,423 บาท

สมุทรปราการ-เปิดตัวพรรคการเมือง มติเอกฉันท์ "มนัส  โกศล" นั่งหัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ  ชูนโยบายปฏิรูปด้านแรงงาน ลั่น พรรคมีความพร้อม

ที่ภายในห้องจัดเลี้ยง ร้านอาหารครัวบุญเลิศ  ต.บางปูใหม่  อ.เมือง  จ.สมุทรปราการ  ได้มีการเปิดประชุมเพื่อดำเนินการจัดตั้งพรรคการเมืองภายใต้ชื่อ  พรรคแรงงานสร้างชาติ  โดยมีนโยบายคือ “มุ่งมั่นพัฒนา  สร้างชาติอย่างยั่งยืน” พร้อมทั้งเสนอชื่อตั้งหัวหน้าพรรค-รองหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการ


โดย  คณะสมาชิกพรรคมีมติอย่างเป็นเอกฉันท์เสนอชื่อนายมนัส  โกศล  นั่งหัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ  พร้อมเสนอชื่อนายธนกิจ  สาโสภา  เป็นรองหัวหน้าพรรค คนที่ 1  นายปัญญา  วันดี  เป็นรองหัวหน้าพรรค คนที่ 2  นายประกาย  วิเศษวิสัย  เป็นรองหัวหน้าพรรค คนที่ 3  นายภาคภูมิ  สุกใส  เป็นรองหัวหน้าพรรค คนที่ 4  อีกทั้ง  ได้มีการเสนอรายชื่อเลขาธิการพรรคตามลำดับ  ได้แก่  นายวสันต์  พานเงิน  เลขาธิการพรรค  นายนภา  วันดี  รองเลขาธิการพรรค  นายประทีป  โมวพรหมานุช  เหรัญญิกพรรค  นายสายัณห์  เซ็งทรัพย์  ผู้ช่วยเหรัญญิกพรรค  นายนิกรณ์  ไผ่ตระกูล  นายทะเบียนสมาชิกพรรค  นายสมทรง  การงาน  ผู้ช่วยนายทะเบียนสมาชิกพรรค  นายศรศาสตร์  นาเมืองรักษ์  โฆษกพรรค  นายภานุ  กล่อมจิตร์  รองโฆษกพรรค  นายสุรเดช  ลาชุม   นายอัมพร  ใหญ่จันทึก  นายสุรพงษ์  พรมทะนา  นายสัญชัย  ธงวิลัย  นางสาวบุญเรือน  ฤกษ์นาวา  และนายสมศักดิ์  วิชุพงษ์  เป็นกรรมการบริหารพรรค  รวม 19 รายชื่อ ตามลำดับ



"สโมสรลูกพ่อเรย์และเพื่อน" จัดพิธี "ธรรมเทศนา" รายได้ช่วยเหลือ คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ณ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ (พัทยา) ต.บางละมุง อ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี "นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ" รองนายกเมืองพัทยา  ให้เกียรติเป็นประธานเปิดพิธี "ธรรมเทศนา" และได้ร่วมทำบุญกับ "สโมสรลูกพ่อเรย์และเพื่อน" เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับคณะกรรมการทำงาน และการจัดพิธีในครั้งนี้

ทั้งนี้ "คณะกรรมการสโมสรฯ" กราบอาราธนานิมนต์ "พระราชวิสุทธิประชานาถ" (ท่านเจ้าคุณอลงกต) วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี รับบิณฑบาตรถวายจตุปัย และสิ่งของจากพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงาน จากนั้น "ท่านเจ้าคุณอลงกต" ได้มอบจตุปัจจัยที่ได้รับมาเป็นเงินจำนวน 71,820 บาท และ ท่านเจ้าคุณฯ ได้ขอร่วมบุญมอบเงินให้กับ "สโมสรลูกพ่อเรย์และเพื่อน" เป็นเงิน 100,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 171,820 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับคณะกรรมการฯ เพื่อไปดำเนินการช่วยเหลือคนพิการ คนยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้าต่อไป



มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ จัด Live คอนเสิร์ตการกุศล MOL เราไม่ทิ้งกัน ครั้งที่ 2 หารายได้สนับสนุนโครงการ “หนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย”

มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ร่วมกับ บริษัท ท็อปไลน์ มิวสิค จำกัด และบริษัท สิงห์ มิวสิค มีเดีย จำกัด จัด Live คอนเสิร์ตการกุศล “MOL เราไม่ทิ้งกัน ครั้งที่ 2” ให้ชมกันฟรีในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป ณ สตูดิโอ ST โปรโมชั่น ตำบลบึงเนียม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เพื่อหารายได้สนับสนุนโครงการ “หนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย” 

ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช ประธานมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ กล่าวว่า การรวมตัวของศิลปินในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการร่วมแรงร่วมใจ เพื่อหารายได้ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบทุกข์ภัยต่างๆ อาทิ ผู้ประสบทุกข์ภัยจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(COVID – 19) ผู้ประสบภัยวาตภัย อุทกภัย อัคคีภัย ภัยแล้ง ภัยหนาว เป็นต้น ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน แก่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ มูลนิธิฯ ต้องขอชื่นชมและขอขอบคุณคณะผู้จัดงานและศิลปินทุกท่านด้วยความจริงใจ


ด้าน ดร.ทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม ผู้บริหาร บริษัท ท็อปไลน์ มิวสิค จำกัด เผยว่า “ภัยพิบัติเกิดขึ้นในบ้านเรามีบ่อยครั้ง พวกเรากลุ่มท็อปไลน์มิวสิคร่วมกันทำความดีด้วยหัวใจ ในสถานการณ์ COVID - 19 แบบนี้ ซึ่งถือว่าเป็นโอกาส ให้ศิลปินในค่ายเพลงท็อปไลน์ ได้ร่วมกันทำความดีช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนในปัจจุบัน ให้บรรเทาทุกข์และผ่านวิฤตนี้ไปด้วยกัน ทั้งนี้ ในด้านความพร้อมของศิลปินของค่าย ที่จะมาให้ความเพลิดเพลิน กับประชาชนผู้รับชม ได้เตรียมศิลปิน ค่ายท็อปไลน์ และศิลปินรับเชิญ ไม่ว่าจะเป็น แนนซี่ ท็อปไลน์ ,เจน โบว์ นุ่น Super วาเลนไทน์,เป้ ภาณุชัย,เด่นชัย วงศ์สามารถ ,หงษ์ฟ้า หงษา,แพรวพราว แสงทอง ,ผู้ใหญ่บ้าน ฟินแลนด์ เป็นต้น 


คนที่เกิดมา มีแต่คนคอยช่วยเหลือ ถือว่าเป็นคนมีบุญ แต่คนที่เกิดมา แล้วได้ช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนที่มีบุญมากกว่า

คนที่เกิดมา มีแต่คนคอยช่วยเหลือ ถือว่าเป็นคนมีบุญ
แต่คนที่เกิดมา แล้วได้ช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนที่มีบุญมากกว่า

โอวาทธรรม
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

เผยไต๋ โครงการยักษ์! เมื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม สำคัญกว่าส่วนรวม!! ตอนที่ 2 | LOCK LENS GURU EP.55

LOCK LENS GURU รายการที่จะพาทุกคนมาเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ ไปกับ ‘กูรู’ ตัวจริง 

???? พบกับ กูรู ‘ผศ.ดร.ประชา คุณธรรมดี’ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

‘ดร.เฉลิมชัย’ พร้อมร่วมเจรจา CPTPP ย้ำจุดยืนชัดเจน!! เกษตรกรต้องไม่เสียเปรียบ ยึดผลประโยชน์เกษตรกรต้องมาก่อน

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงประเด็นการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP ของประเทศไทย ว่า ในส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความพร้อมในการร่วมเจรจาความตกลง CPTPP ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาล และทุกฝ่ายทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ได้ศึกษาในรายละเอียด ประเด็นผลดี ผลเสีย และความพร้อมของไทยมาโดยตลอด โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอยืนยันว่า ภาคเกษตรไทยต้องไม่เสียเปรียบ โดยกรอบการเจรจาจะยึดผลประโยชน์เกษตรกรเป็นหลักถ้าหากประเทศไทยตัดสินใจเข้าร่วม CPTPP ในครั้งนี้

สำหรับการจัดทำกรอบการเจรจาเพื่อรับพันธกรณีความตกลง CPTPP ในส่วนของผลต่อภาคการเกษตร มี 2 ประเด็นหลักสำคัญที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะต้องคำนึงถึง คือ ด้านพันธุ์พืช และด้านการค้าสินค้าให้กับประเทศไทย ซึ่ง ด้านพันธุ์พืช เงื่อนไขการเข้าร่วมความตกลง CPTPP กำหนดให้ประเทศที่เข้าร่วมจะต้องปฏิบัติตามอนุสัญญา UPOV1991 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้การคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ทำให้หลายฝ่ายกังวลในประเด็นต่างๆ อาทิ เกษตรกรไม่สามารถเก็บส่วนขยายพันธุ์พืชไว้ปลูกต่อได้ และเมล็ดพันธุ์พืชของไทยถูกผูกขาดทางการค้า ซึ่งประเด็นดังกล่าว ไทยจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัวหลายปี ทั้งการทำความเข้าใจสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เกษตรกร และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 

การเตรียมความพร้อมภาคการเกษตร ทั้งด้านความต้องการใช้พันธุ์พืชของเกษตรกร การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการผลิตพันธุ์และการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชให้เกษตรกร การจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากรพันธุกรรมพืชของประเทศ เพื่อรวบรวมลักษณะประจำพันธุ์ของพันธุ์พื้นเมือง สำหรับใช้อ้างอิงป้องกันไม่ให้มีการนำพันธุ์พื้นเมืองหรือพันธุ์ท้องถิ่นไปจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ ตลอดจนการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 

โดยจะต้องหารือกับทุกภาคส่วนพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้เกษตรกรรายย่อย สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์พืชไว้ปลูกต่อได้ตามวิถีดั้งเดิมของเกษตรกร และอยู่ภายใต้ความเหมาะสมของบริบทประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดนี้ จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการเตรียมการ ดังนั้น การเจรจาในประเด็นด้านพันธุ์พืช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดประเด็นที่จะเจรจาขอสงวนสิทธิ์ไว้หรือขอเว้นการปฏิบัติเพื่อรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรเป็นสำคัญ หรือเจรจาขอระยะเวลาในการปรับตัว  เพื่อเตรียมความพร้อม เป็นระยะเวลาประมาณ 10 ปี ถึงจะพร้อมปฏิบัติตามสัตยาบันอนุสัญญา UPOV1991

ด้านการค้าสินค้า เนื่องด้วยสมาชิก CPTPP มีการยกเลิกหรือลดภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันในระดับที่สูงมากถึงร้อยละ 95 – 100 ซึ่งแน่นอนว่า จะส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตรของไทยที่มีศักยภาพแข่งขันน้อย เช่น กลุ่มสินค้าปศุสัตว์และสินค้าประมงบางรายการ จึงจำเป็นต้องมีระยะเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย 

โดยจะเห็นได้ว่าประเทศสมาชิกเดิมอย่างญี่ปุ่นและเวียดนาม ขอใช้ระยะเวลาในการลดภาษีนานถึง 21 ปี นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเรื่องการยกเว้นการใช้มาตรการปกป้องพิเศษ หรือ Special Safeguard (SSG) กับประเทศสมาชิก CPTPP แต่ประเทศไทย เราได้ใช้มาตรการ SSG ซึ่งผูกพันไว้กับองค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับสินค้าเกษตร 23 รายการเพื่อรองรับผลกระทบในกรณีที่มีปริมาณการนำเข้าสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นผิดปกติหรือราคานำเข้าที่ลดต่ำลงอย่างผิดปกติ 

จะเห็นได้จากปี 2563 และ 2564 ไทยได้ใช้ประโยชน์จากมาตรการ SSG กับสินค้ามะพร้าวเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งเมื่อมีการนำเข้าเกินกว่าระดับปริมาณนำเข้าที่กำหนด ก็จะมีการจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การเจรจาในประเด็นด้านการค้า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขอสงวนการบังคับใช้มาตรการ SSG ของไทยสำหรับสินค้าเกษตรทั้ง 23 รายการไว้ตามเดิม

‘ชมรมแม่บ้านมหาดไทย’ ร่วมกับ ‘บลูเทคซิตี้’ จัดแสดงผ้าไทย - กิจกรรมลอยกระทง! “คืนอร่าม สืบสานประเพณีลอยกระทง สู่บางปะกงสายน้ำแห่งวัฒนธรรม”

ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดฉะเชิงเทราร่วมกับบลูเทคซิตี้ จัดแสดงแบบผ้าไทยและกิจกรรมลอยกระทง ภายใต้ชื่องาน “คืนอร่าม สืบสานประเพณีลอยกระทง สู่บางปะกงสายน้ำแห่งวัฒนธรรม”

วันนี้ (19 พ.ย.64) เวลา 19.00 น. ที่บูธชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในงานนมัสการหลวงพ่อโสธรและงานประจำปีจังหวัดฯ นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดกิจกรรมการแสดงแบบผ้าไทยและลอยกระทง ภายใต้ชื่องาน “คืนอร่าม สืบสานประเพณีลอยกระทง สู่บางปะกงสายน้ำแห่งวัฒนธรรม” พร้อมด้วย นางจันทรรัตน์ ไตรติลานันท์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดฉะเชิงเทรา นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทคซิตี้ สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนราชการ และภาคเอกชน สวมใส่ชุดผ้าไทยเข้าร่วมกิจกรรม


โอกาสนี้ นายแบบ นางแบบกิตติมศักดิ์ แสดงแบบผ้าไทยสวยงาม เดินแฟชั่นโชว์เพื่อส่งเสริมการสวมใส่ผ้าไทยอันวิจิตรงดงามให้ผ้าไทยได้ชื่อว่า เป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมอันงดงามเคียงคู่สังคมไทยสืบยาวนาน จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายแบบกิตติมศักดิ์ VIP คว้าไมค์ ร้องเพลง”ใจสั่งมา” ของเสก โลโซ และเพลง “กำลังใจ” ของวงโฮป สร้างความสุข ความบันเทิงและรอยยิ้มให้กับผู้ร่วมกิจรรมภายในงานอย่างมาก ก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นำผู้ร่วมงานลอยกระทง เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทย

มหากาพย์ ‘สงครามกลางเมือง’ (Civil War)

ระยะนี้มีผู้คนที่สังคมให้ค่าว่าเป็นผู้มีการศึกษา แต่พฤติการณ์ พฤติกรรม มีการศึกษาแต่กลับไม่มีปัญญา หยิบยกเอาเรื่องสงครามกลางเมืองมาเป็นประเด็นให้เกิดความขัดแย้งในสังคมให้กลายเป็นความรุนแรงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง คนพวกนี้ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย เพียงแต่เป็นเหมือนกับพวก เห็บ หมัด ยุง ที่น่ารำคาญ พยายาม กัด ไต่ ตอม สังคมโดยไม่รู้จักลดเลิก ไม่ได้นึกถึงความเป็นจริง ได้แต่เพ้อเจ้อไปวัน ๆ ซ้ำร้ายที่ยังมีคนที่ขาดความรู้ อ่อนด้อยประสบการณ์จำนวนไม่มากนักที่หลงเชื่อ และส่วนหนึ่งกลายเป็นเหยื่อทั้งต้องติดคุก บาดเจ็บ และร้ายแรงที่สุด คือ เสียชีวิต โดยที่พวกที่ปลุกปั่น ยุยง และญาติพี่น้อง ลูกหลาน และพวกพ้องที่ใกล้ชิดไม่เป็นอะไรกันเลย 

สงครามกลางเมือง เป็นสงครามภายในระหว่างกลุ่มคนในสังคม ในชาติเดียวกัน ด้วยประสงค์ในการแย่งชิงอำนาจการปกครอง หรือดินแดน สงครามกลางเมืองอาจถือเป็นการปฏิวัติ (Revolution) รูปแบบหนึ่ง เมื่อสิ้นสุดสงครามกลางเมืองนั้น ๆ แล้วมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งองค์การกาชาดสากลให้ความหมายตามมาตรา 9 แห่งสนธิสัญญาเจนีวาไว้ดังนี้ “สงครามกลางเมืองเป็นความขัดแย้งรุนแรงจนถึงมีการใช้อาวุธต่อกันทั้งสองฝ่ายหรือมากกว่านั้น และอาจมีความรุนแรงเหมือนสงครามระหว่างรัฐ แต่เกิดขึ้นภายในประเทศนั้นประเทศเดียว” นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์บางกลุ่มยังได้นับรวมเอาการจลาจล/การก่อการร้าย/การก่อความไม่สงบ เป็นสงครามกลางเมืองด้วย หากมีการสู้รบระหว่างกองกำลังติดอาวุธเต็มรูปแบบ ความแตกต่างระหว่าง "สงครามกลางเมือง" "การปฏิวัติ" และ "การจลาจล" ในปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน ขึ้นอยู่กับบริบท (Context) ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาใช้

การสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคมด้วยการใช้ความรุนแรงไม่ได้มีผลดีอะไรกับสังคมและชาติบ้านเมืองเลย ไม่ว่าผลสุดท้ายจะออกมาเป็นเช่นไร แต่ความบอบช้ำเสียหายเกิดขึ้นกับผู้คนในสังคม ในชาติบ้านเมืองโดยรวมเสมอ และต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากมายในการฟื้นฟูเยียวยา ส่วนที่แก้ไขเยียวยายากมากที่สุดคือ บาดแผล หรือความบอบช้ำทางจิตใจ อันเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ผู้แพ้ ผู้ชนะ หรือผู้ที่เป็นกลาง แม้กระทั่งผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยเลย

สงครามกลางเมืองอังกฤษ (Cromwell war) ค.ศ. 1642-1651

ตามประวัติศาสตร์สากลสงครามกลางเมืองที่ถูกบันทึกไว้ มักจะเป็นสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ซึ่งเกิดขึ้นแล้วหลายพันครั้งในเกือบทุก ๆ ชาติ ตั้งแต่ 475 ปีก่อนคริสต์ศักราช เช่น สงครามรวมชาติจีน หรือสงครามนครคาร์เธจ หรือสงครามแห่งรัฐอิสลาม ค.ศ. 656 - 661 หรือสงครามเมืองอังกฤษหลายครั้งคือ The Anarchy ค.ศ. 1135 - 1153 (ยุคไร้สันติสุข) สงครามกุหลาบ (Wars of Roses) ราว ค.ศ. 1455 - 1485 (ระหว่างเจ้านครแห่งแคว้นแลงคาสเตอร์กับเจ้านครแห่งแคว้นยอร์ก) และสงครามกลางเมือง (Cromwell war) ค.ศ. 1642 - 1651 (ระหว่างกษัตริย์กับรัฐสภา) สงครามกลางเมืองอังกฤษมีสาเหตุจากการชิงอำนาจปกครองประเทศ หรือการปกป้องสิทธิของกษัตริย์ หรือการป้องสิทธิของประชาชน เช่น ในสงครามขุนนางครั้งที่ 1 ค.ศ. 1215 - 1217 ระหว่างขุนนางกับพระเจ้าจอห์น ขุนนางสามารถทำให้พระเจ้าจอห์น ทรงลงพระนามในมหาบัตรใหญ่หรือ Magna Carta อันเป็นต้นกำเนิดรัฐธรรมนูญของอังกฤษ และสหรัฐฯ ในเวลาต่อมา

สำหรับสหรัฐฯ สงครามกลางเมืองสหรัฐฯ เกิดขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1861 - 1865 เมื่อมลรัฐทางใต้ 11 รัฐ เห็นว่า การรณรงค์เลิกทาสของประธานาธิบดี อับราฮิม ลินคอล์นนั้น ขัดต่อผลประโยชน์ทางมลรัฐทางใต้ ซึ่งต้องพึ่งแรงงานทาสผิวสีในการเก็บฝ้าย และทำกสิกรรม จึงประกาศแยกตัวออกจากสหรัฐฯ สถาปนาเป็นสหพันธรัฐแห่งอเมริกา โดยมีประธานาธิบดี เจฟเฟอร์สัน เดวิส เป็นผู้นำ และเกิดการรบขึ้นเพื่อแย่งความชอบธรรมแห่งรัฐ เพราะการแยกตัวจากสหรัฐฯ เป็นการผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ระยะเวลาในการทำสงคราม 4 ปี ทำให้มีผู้ได้รับเคราะห์กรรมจากสงครามกว่า 1,030,000 คน ทหารเสียชีวิตราว 750,000 คน ค่าใช้จ่ายในการทำสงครามของทั้งสองฝ่ายราว 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (สามารถติดตามอ่านได้ในคอลัมน์ 12 สงครามที่ ‘แพงที่สุด’ ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา >> https://thestatestimes.com/post/2021082805

นอกจากสงครามกลางเมืองในอังกฤษและสหรัฐฯ ที่ได้กล่าวมาแล้วยังมีสงครามกลางเมืองครั้งสำคัญที่ถูกบันทึกไว้อีก ดังนี้

>> สงครามโบะชิง (3 มกราคม 1868 - 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1869) นักวิชาการบางส่วนเรียกว่า “การปฏิวัติญี่ปุ่น” เป็นสงครามกลางเมืองในประเทศญี่ปุ่นที่รบกัน ระหว่างกำลังของรัฐบาลเอโดะซึ่งปกครองและผู้ที่มุ่งถวายอำนาจการเมืองคืนแก่ราชสำนักจักรพรรดิ ผลคือ ฝ่ายจักรพรรดิชนะ ทำให้รัฐบาลของโชกุนสิ้นสุดยุติบทบาทลง และจักรพรรดิกลับได้ปกครองญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่ง (จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตร) ทหารทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตราว 8,500 นาย

‘ยัน ชิชกา และ บาทหลวงฮุสไซต์’ ยืนมองกรุงปรากหลังยุทธการที่เนินวิตคอฟในสงครามฮุสไซต์

>> สงครามฮุสไซต์ (Hussite wars) (ราว ค.ศ. 1419 - 1437) หรือ สงครามโบฮีเมีย หรือ การปฏิวัติฮุสไซต์ เป็นการสู้รบระหว่างฝ่ายฮุสไซต์ที่นับถือคำสอนของยัน ฮุสกับฝ่ายโรมันคาทอลิก นำโดยจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงการสู้รบกันเองในหมู่นักรบฮุสไซต์ สงครามนี้เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ความแตกแยกหลายเหตุการณ์ระหว่างผู้นับถือคำสอนของฮุสกับผู้ปกครองที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิก เช่น การเผาทั้งเป็นฮุส, เหตุบัญชรฆาตในกรุงปราก และการสวรรคตของพระเจ้าเวนเซลแห่งชาวโรมัน ในปี ค.ศ. 1424 ผลของสงคราม ฝ่ายฮุสไซต์ชนะ ทำให้ (1) ศาสนจักรฮุสไซต์เป็นอิสระจากพระสันตะปาปา (ต่อมาภายหลังฝ่ายฮุสไซต์สายกลางได้ร่วมมือกับฝ่ายโรมันคาทอลิก รบกับฝ่ายฮุสไซต์หัวรุนแรง ทำให้ฝ่ายฮุสไซต์หัวรุนแรงพ่ายแพ้และต้องหลบซ่อน) (2) ฝ่ายโรมันคาทอลิกยอมรับฝ่ายฮุสไซต์สายกลาง (3) จักรพรรดิซีกิสมุนด์แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งโบฮีเมีย และ (4) มีการลงนามในสัญญาบาเซิลเพื่อยุติสงคราม ไม่ปรากฏข้อมูลจำนวนผู้เสียชีวิต

รองโฆษก ตร. เตือน!! ‘ลอยกระทงออนไลน์’ ระวังถูกหลอกเอาข้อมูล หมายเลขบัตรปชช. ขอให้เลือกเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ

วันที่ 18 พ.ย. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

เนื่องด้วยในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย. 2564) เป็นวันลอยกระทง ซึ่งปกติจะมีพี่น้องประชาชน เดินทางนำกระทงไปลอย ตามสถานที่ที่จัดงานให้มีการลอยกระทง หรือลอยตามแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ แต่เนื่องจากในห้วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงอาจมีพี่น้องประชาชนบางส่วนเกิดความกังวล ไม่อยากเดินทางไปในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น และได้มีเว็บไซต์ต่างๆ ใช้โอกาสนี้ในการจัดกิจกรรมลอยกระทงออนไลน์ โดยให้ผู้ที่มีความประสงค์จะร่วมกิจกรรมกรอกชื่อ นามสกุล ข้อมูลส่วนบุคคล และคำอธิฐานต่าง ๆ เพื่อลอยไปกับกระทงออนไลน์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังในการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่มีความอ่อนไหว เช่น วันเดือนปีเกิด ชื่อนามสกุลจริง หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน ที่อยู่ ฯลฯ และขอให้เลือกใช้บริการเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เนื่องจากอาจมีผู้ไม่หวังดี อาศัยโอกาสนี้ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อนำไปใช้โดยมิชอบ หรือนำไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย และบางเว็บไซต์อาจให้พี่น้องประชาชนกรอก บัญชี และรหัสผ่าน ของสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งบางเว็บไซต์อาจสร้างหน้าเว็บขึ้นมาเพื่อหลอกเก็บข้อมูล บัญชี และรหัสผ่าน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในภายหลัง ซึ่งจะส่งผลให้พี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top