Sunday, 18 May 2025
SPECIAL

“ปชป.” พอใจผลโพลเครือข่ายองค์กรครูล่าสุด​ ”จุรินทร์” ขึ้นแท่นเบอร์​ 2​ ชิงนายกรัฐมนตรี เชื่อ!! ยังไม่มีการยุบสภาช่วงนี้ เผย!! ประชาธิปัตย์เดินหน้าปฏิรูปต่อเนื่องตั้งคณะทำงาน​ 8​ ชุด เร่งพัฒนานโยบายพรรคตอบโจทย์การเมืองเชิงสร้างสรรค์

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยวันนี้​ (21พ.ย.) ว่า
พรรคประชาธิปัตย์พอใจต่อผลโพลล่าสุดของสถาบันวิจัยและพัฒนาสังคม เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทยล่าสุดที่ปรากฎว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับความนิยมเป็นอันดับ2ของผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีรองจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพร้อมนำผลการสำรวจความคิดเห็นในประเด็นเรื่องมุมมองของประชาชนเกี่ยวกับนโยบายและผู้นำพรรคเป็นข้อมูลประกอบการพัฒนานโยบายพรรคต่อไป

ทั้งนี้เมื่อวันที่​ 18​ พ.ย.ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานใหม่​ 8​ คณะ​ เพื่อจัดทำร่างนโยบายของพรรคในมิติต่างๆเพื่อตอบโจทย์การเมืองเชิงสร้างสรรค์ซึ่งเป็นแนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปพรรคอย่างต่อเนื่อง

ต่อคำถามที่ว่าขณะนี้มีการเคลื่อนไหวอย่างคึกคักของทุกพรรคการเมืองจะเป็นสัญญานการเตรียมพร้อมรับมือการยุบสภาในเร็วๆนี้หรือไม่ 

นายอลงกรณ์กล่าวว่า คงไม่ใช่สัญญาณเตรียมรับมือการยุบสภาและในมุมมองของตนไม่คิดว่าจะมีการยุบสภาในช่วงนี้ สำหรับการเคลื่อนไหวของพรรคต่างๆ​ ในระหว่างนี้เป็นเพราะแต่ละพรรคต้องจัดการประชุมใหญ่ประจำปีตามกฎหมายพรรคการเมืองและที่มาจัดประชุมกระจุกตัวกันในช่วงเดือนนี้เนื่องจากมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด19​ ทำให้ก่อนหน้านี้แต่ละพรรคตัองเลื่อนการประชุมมาเรื่อยๆจนรัฐบาลคลายล็อคจึงสามารถจัดประชุมได้เลยมาจัดตรงกันในช่วงนี้พอดีซึ่งเป็นการประชุมตามปกติ อาจมีวาระพิเศษเพิ่มเติมคือกรณีรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขใหม่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับระบบพรรคการเมืองและระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบใหม่

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์กำลังเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับผู้สมัครส.ส.ให้สอดคล้องกับการเลือกตั้งระบบใหม่

ทั้งนี้เมื่อวันที่​ 18 พ.ย.​ สถาบันวิจัยและพัฒนาสังคม เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทยได้แถลงผลการสำรวจความคิดเห็น

โดยวิธีการสุ่มจากประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป กำหนดจำนวนกลุ่มตัวอย่างเป้าหมายตามพื้นที่ ภาคอีสาน จำนวน 400 คน ภาคเหนือ จำนวน 300 คน ภาคกลาง จำนวน 300 คน ภาคใต้ จำนวน 300 คน  กรุงเทพมหานคร จำนวน 200 คน รวมกลุ่มตัวอย่างเป้าหมายทั้งสิ้น 1,500 คน โดย กำหนดสัดส่วนกลุ่มตัวอย่างเป้าหมายตามสาขาวิชาชีพ เกษตรกร 30% ครู อาจารย์ นักวิชาการ 25% นักเรียน นักศึกษา เยาวชน 10% ข้าราชการ 10%  นักธุรกิจ/ผู้ประกอบการ  10% ค้าขาย​ / ลูกจ้าง​ ​/ กรรมกร 10% นักการเมือง / ผู้นำชุมชน / จิตอาสา 5% ซึ่งการสำรวจความคิดเห็นและวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative) การสนทนากลุ่ม (Focus Group) ค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ( P-Value = 0.05) รูปแบบการสำรวจวิจัย ใช้ 1) การสำรวจวิจัยภาคสนาม เป็นการสัมภาษณ์โดยตรงแบบตัวต่อตัว โดยใช้ผู้ช่วยนักวิจัยแจกแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ ภาคละ 20 คน รวม 100 คน 2) การสำรวจวิจัยแบบเปิด โดยให้กลุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ผ่าน google form 3) การสอบถามและสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ ระบบซูม (zoom) และระบบไลน์
ผลการวิจัย 5 ประเด็น พบว่า...

พอใจต่อการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 97.14%

ฝ่ายฝ่ายค้านและม็อบปฏิรูปสถาบัน ไม่อาจล้มรัฐบาล 78.4%

ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธ เผาทำลาย หยาบคาย จาบจ้วงสถาบัน ละเมิด กม.ใช้ข้อมูลเท็จ และสร้างความเดือดร้อน 96.32%   

การที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ “ถือว่าเป็นการล้มล้างเปลี่ยนการปกครอง” เห็นด้วยหรือไม่เพียงใด 93.36%

และยังมีผลว่า การที่พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งบุตรสาวอดีตนายกฯทักษิณเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค มีอิทธิพลต่อการครอบงำพรรคหรือไม่เพียงใด

เห็นด้วย 90.44% การเสนอแก้ไขหรือยกเลิก มาตรา 112 และ 116 ของเพื่อไทย+ก้าวไกล ไม่เห็นด้วย 93.74%

เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ ควรตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่มีนักการเมืองคุณภาพและนโยบายที่เกิดจากการร่วมคิดของประชาชนทุกกลุ่มหรือไม่ 90.6% เห็นด้วย รวมถึงเสนอให้ส.ส.พรรคพลังประชารัฐควรย้ายตามไป 91.9%
และยังเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย 73.74%

ด้าน ความพึงพอใจต่อผลงานของรัฐบาลด้านต่างๆ เรื่องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิทเกิน 70% จนสามารถเปิดประเทศได้เป็นอันดับต้นๆของโลก 75.34% ตามด้วย โครงการคนละครึ่ง เราชนะ ปล่อยสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เยียวยาประชาชนทุกกลุ่ม 91.38%

ในด้านเศรษฐกิจ เรื่อง อีอีซี, ทางด่วนเชื่อมต่างจังหวัด รถไฟฟ้าในกทม.และปริมณฑล, สถานีรถไฟกลางบางซื่อที่ทันสมัยที่สุดในอาเซียน ,รถไฟความเร็วสูงเชื่อมอาเซียน /สร้างถนน 4 เลนทั่วประเทศ /สร้างรถไฟรางคู่ 4 ภูมิภาค, โครงการโคกหนองนา​ / ลดค่าเทอมนักเรียนนักศึกษา/การสร้างงานให้บัณฑิตใหม่ ก็ยังให้ผลบวกสูง

ส่วนนโยบายที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการ คือ ลดราคาน้ำมัน การส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน และการประกันรายได้ผลผลิตการเกษตร รวมถึง  การลดดอกเบี้ยหนี้สินเกษตรให้เหลือร้อยละ 3 ปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว /สร้างตลาดเกษตรชุมชน ลดดอกเบี้ยหนี้สินครู / หนี้ ก.ย.ศ. จัดตั้งธนาคารสหกรณ์ครูไทย และปฏิรูปการศึกษาโดยให้ครูและประชาชนมีส่วนร่วม ทำโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง พัฒนาแหล่งน้ำทั่วประเทศ ตั้งกระทรวงน้ำ การขุดคลองไทย แก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและปราบปราม ยาเสพติด

ผลโพลยังสำรวจ การคาดว่าผู้ใดจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป 1) พล.เอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 40.16%  
2) นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์  15.60 % 
3) นายอนุทิน ชาญวีระกุล 11.22%  
4) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 9.83%  
5) นายชลน่าน ศรีแก้ว  9.70% 
6) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  7.2% 
7) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 6.28%

ญาติแรงงาน ไต้หวัน ขอบคุณนายก ที่สั่งการ ก.แรงงาน ดูแลสิทธิประโยชน์เป็นอย่างดี

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่เสียชีวิตและบาดเจ็บบริเวณไซต์งานก่อสร้างในนครนิวไทเป ที่ไต้หวันว่า ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แสดงความเสียใจและห่วงใยแรงงานไทยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศถือเป็นวีรบุรุษและตัวแทนของประเทศไทยที่มีความเสียสละออกไปทำงานในต่างแดนเพื่อนำเงินมาเลี้ยงครอบครัวและนำรายได้เข้าประเทศ จึงได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานดูแลช่วยเหลือในเรื่องสิทธิประโยชน์ทุกอย่างแก่ทายาทแรงงานไทยที่เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บให้เร็วที่สุด โดยสิทธิประโยชน์เบื้องต้นของนายจักริน พวงเกต แรงงานไทยที่เสียชีวิต มีดังนี้




1) เงินค่าทำศพ 5 เดือนของค่าจ้างที่แจ้งเอาประกัน ประมาณ 120,000 เหรียญไต้หวัน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 141,393 บาท

2) เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นนายจักรินเดินทางมาทำงานที่ไต้หวันเมื่อปี 2549 จึงมีสิทธิ์รับเงินจำนวน 40 เท่าของค่าจ้างที่เอาประกัน เป็นเงินประมาณ 960,000 เหรียญไต้หวัน (ประมาณ 1,132,800 บาท)

3) เงินเยียวยาจากกองแรงงาน นครนิวไทเป 100,000 เหรียญไต้หวัน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 117,830 บาท

4) เงินค่าจ้างเดือนสุดท้ายของการทำงาน เป็นเงิน 30,000 เหรียญไต้หวัน ประมาณ 35,400 บาท

5) เงินชดเชยเยียวยาจากนายจ้าง ซึ่ง สนร. ไทเป จะเจรจาเรียกร้องเงินเยียวยาจากนายจ้างเพื่อชดเชยให้ทายาทได้รับความเป็นธรรมอย่างเต็มที่

6) เงินสงเคราะห์จากกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ กรณีเสียชีวิต จำนวน 40,000 บาท ขณะนี้รวมยอดเงินที่ได้รับสำหรับแรงงานไทยที่เสียชีวิต 1,467,423 บาท

สมุทรปราการ-เปิดตัวพรรคการเมือง มติเอกฉันท์ "มนัส  โกศล" นั่งหัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ  ชูนโยบายปฏิรูปด้านแรงงาน ลั่น พรรคมีความพร้อม

ที่ภายในห้องจัดเลี้ยง ร้านอาหารครัวบุญเลิศ  ต.บางปูใหม่  อ.เมือง  จ.สมุทรปราการ  ได้มีการเปิดประชุมเพื่อดำเนินการจัดตั้งพรรคการเมืองภายใต้ชื่อ  พรรคแรงงานสร้างชาติ  โดยมีนโยบายคือ “มุ่งมั่นพัฒนา  สร้างชาติอย่างยั่งยืน” พร้อมทั้งเสนอชื่อตั้งหัวหน้าพรรค-รองหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการ


โดย  คณะสมาชิกพรรคมีมติอย่างเป็นเอกฉันท์เสนอชื่อนายมนัส  โกศล  นั่งหัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ  พร้อมเสนอชื่อนายธนกิจ  สาโสภา  เป็นรองหัวหน้าพรรค คนที่ 1  นายปัญญา  วันดี  เป็นรองหัวหน้าพรรค คนที่ 2  นายประกาย  วิเศษวิสัย  เป็นรองหัวหน้าพรรค คนที่ 3  นายภาคภูมิ  สุกใส  เป็นรองหัวหน้าพรรค คนที่ 4  อีกทั้ง  ได้มีการเสนอรายชื่อเลขาธิการพรรคตามลำดับ  ได้แก่  นายวสันต์  พานเงิน  เลขาธิการพรรค  นายนภา  วันดี  รองเลขาธิการพรรค  นายประทีป  โมวพรหมานุช  เหรัญญิกพรรค  นายสายัณห์  เซ็งทรัพย์  ผู้ช่วยเหรัญญิกพรรค  นายนิกรณ์  ไผ่ตระกูล  นายทะเบียนสมาชิกพรรค  นายสมทรง  การงาน  ผู้ช่วยนายทะเบียนสมาชิกพรรค  นายศรศาสตร์  นาเมืองรักษ์  โฆษกพรรค  นายภานุ  กล่อมจิตร์  รองโฆษกพรรค  นายสุรเดช  ลาชุม   นายอัมพร  ใหญ่จันทึก  นายสุรพงษ์  พรมทะนา  นายสัญชัย  ธงวิลัย  นางสาวบุญเรือน  ฤกษ์นาวา  และนายสมศักดิ์  วิชุพงษ์  เป็นกรรมการบริหารพรรค  รวม 19 รายชื่อ ตามลำดับ



"สโมสรลูกพ่อเรย์และเพื่อน" จัดพิธี "ธรรมเทศนา" รายได้ช่วยเหลือ คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ณ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ (พัทยา) ต.บางละมุง อ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี "นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ" รองนายกเมืองพัทยา  ให้เกียรติเป็นประธานเปิดพิธี "ธรรมเทศนา" และได้ร่วมทำบุญกับ "สโมสรลูกพ่อเรย์และเพื่อน" เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับคณะกรรมการทำงาน และการจัดพิธีในครั้งนี้

ทั้งนี้ "คณะกรรมการสโมสรฯ" กราบอาราธนานิมนต์ "พระราชวิสุทธิประชานาถ" (ท่านเจ้าคุณอลงกต) วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี รับบิณฑบาตรถวายจตุปัย และสิ่งของจากพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงาน จากนั้น "ท่านเจ้าคุณอลงกต" ได้มอบจตุปัจจัยที่ได้รับมาเป็นเงินจำนวน 71,820 บาท และ ท่านเจ้าคุณฯ ได้ขอร่วมบุญมอบเงินให้กับ "สโมสรลูกพ่อเรย์และเพื่อน" เป็นเงิน 100,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 171,820 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับคณะกรรมการฯ เพื่อไปดำเนินการช่วยเหลือคนพิการ คนยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้าต่อไป



มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ จัด Live คอนเสิร์ตการกุศล MOL เราไม่ทิ้งกัน ครั้งที่ 2 หารายได้สนับสนุนโครงการ “หนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย”

มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ร่วมกับ บริษัท ท็อปไลน์ มิวสิค จำกัด และบริษัท สิงห์ มิวสิค มีเดีย จำกัด จัด Live คอนเสิร์ตการกุศล “MOL เราไม่ทิ้งกัน ครั้งที่ 2” ให้ชมกันฟรีในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป ณ สตูดิโอ ST โปรโมชั่น ตำบลบึงเนียม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เพื่อหารายได้สนับสนุนโครงการ “หนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย” 

ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช ประธานมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ กล่าวว่า การรวมตัวของศิลปินในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการร่วมแรงร่วมใจ เพื่อหารายได้ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบทุกข์ภัยต่างๆ อาทิ ผู้ประสบทุกข์ภัยจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(COVID – 19) ผู้ประสบภัยวาตภัย อุทกภัย อัคคีภัย ภัยแล้ง ภัยหนาว เป็นต้น ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน แก่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ มูลนิธิฯ ต้องขอชื่นชมและขอขอบคุณคณะผู้จัดงานและศิลปินทุกท่านด้วยความจริงใจ


ด้าน ดร.ทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม ผู้บริหาร บริษัท ท็อปไลน์ มิวสิค จำกัด เผยว่า “ภัยพิบัติเกิดขึ้นในบ้านเรามีบ่อยครั้ง พวกเรากลุ่มท็อปไลน์มิวสิคร่วมกันทำความดีด้วยหัวใจ ในสถานการณ์ COVID - 19 แบบนี้ ซึ่งถือว่าเป็นโอกาส ให้ศิลปินในค่ายเพลงท็อปไลน์ ได้ร่วมกันทำความดีช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนในปัจจุบัน ให้บรรเทาทุกข์และผ่านวิฤตนี้ไปด้วยกัน ทั้งนี้ ในด้านความพร้อมของศิลปินของค่าย ที่จะมาให้ความเพลิดเพลิน กับประชาชนผู้รับชม ได้เตรียมศิลปิน ค่ายท็อปไลน์ และศิลปินรับเชิญ ไม่ว่าจะเป็น แนนซี่ ท็อปไลน์ ,เจน โบว์ นุ่น Super วาเลนไทน์,เป้ ภาณุชัย,เด่นชัย วงศ์สามารถ ,หงษ์ฟ้า หงษา,แพรวพราว แสงทอง ,ผู้ใหญ่บ้าน ฟินแลนด์ เป็นต้น 


คนที่เกิดมา มีแต่คนคอยช่วยเหลือ ถือว่าเป็นคนมีบุญ แต่คนที่เกิดมา แล้วได้ช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนที่มีบุญมากกว่า

คนที่เกิดมา มีแต่คนคอยช่วยเหลือ ถือว่าเป็นคนมีบุญ
แต่คนที่เกิดมา แล้วได้ช่วยเหลือคนอื่น เป็นคนที่มีบุญมากกว่า

โอวาทธรรม
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

เผยไต๋ โครงการยักษ์! เมื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม สำคัญกว่าส่วนรวม!! ตอนที่ 2 | LOCK LENS GURU EP.55

LOCK LENS GURU รายการที่จะพาทุกคนมาเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ ไปกับ ‘กูรู’ ตัวจริง 

???? พบกับ กูรู ‘ผศ.ดร.ประชา คุณธรรมดี’ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

‘ดร.เฉลิมชัย’ พร้อมร่วมเจรจา CPTPP ย้ำจุดยืนชัดเจน!! เกษตรกรต้องไม่เสียเปรียบ ยึดผลประโยชน์เกษตรกรต้องมาก่อน

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงประเด็นการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP ของประเทศไทย ว่า ในส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความพร้อมในการร่วมเจรจาความตกลง CPTPP ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาล และทุกฝ่ายทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ได้ศึกษาในรายละเอียด ประเด็นผลดี ผลเสีย และความพร้อมของไทยมาโดยตลอด โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอยืนยันว่า ภาคเกษตรไทยต้องไม่เสียเปรียบ โดยกรอบการเจรจาจะยึดผลประโยชน์เกษตรกรเป็นหลักถ้าหากประเทศไทยตัดสินใจเข้าร่วม CPTPP ในครั้งนี้

สำหรับการจัดทำกรอบการเจรจาเพื่อรับพันธกรณีความตกลง CPTPP ในส่วนของผลต่อภาคการเกษตร มี 2 ประเด็นหลักสำคัญที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะต้องคำนึงถึง คือ ด้านพันธุ์พืช และด้านการค้าสินค้าให้กับประเทศไทย ซึ่ง ด้านพันธุ์พืช เงื่อนไขการเข้าร่วมความตกลง CPTPP กำหนดให้ประเทศที่เข้าร่วมจะต้องปฏิบัติตามอนุสัญญา UPOV1991 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้การคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ทำให้หลายฝ่ายกังวลในประเด็นต่างๆ อาทิ เกษตรกรไม่สามารถเก็บส่วนขยายพันธุ์พืชไว้ปลูกต่อได้ และเมล็ดพันธุ์พืชของไทยถูกผูกขาดทางการค้า ซึ่งประเด็นดังกล่าว ไทยจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัวหลายปี ทั้งการทำความเข้าใจสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เกษตรกร และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 

การเตรียมความพร้อมภาคการเกษตร ทั้งด้านความต้องการใช้พันธุ์พืชของเกษตรกร การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการผลิตพันธุ์และการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชให้เกษตรกร การจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากรพันธุกรรมพืชของประเทศ เพื่อรวบรวมลักษณะประจำพันธุ์ของพันธุ์พื้นเมือง สำหรับใช้อ้างอิงป้องกันไม่ให้มีการนำพันธุ์พื้นเมืองหรือพันธุ์ท้องถิ่นไปจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ ตลอดจนการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 

โดยจะต้องหารือกับทุกภาคส่วนพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้เกษตรกรรายย่อย สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์พืชไว้ปลูกต่อได้ตามวิถีดั้งเดิมของเกษตรกร และอยู่ภายใต้ความเหมาะสมของบริบทประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดนี้ จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการเตรียมการ ดังนั้น การเจรจาในประเด็นด้านพันธุ์พืช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดประเด็นที่จะเจรจาขอสงวนสิทธิ์ไว้หรือขอเว้นการปฏิบัติเพื่อรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรเป็นสำคัญ หรือเจรจาขอระยะเวลาในการปรับตัว  เพื่อเตรียมความพร้อม เป็นระยะเวลาประมาณ 10 ปี ถึงจะพร้อมปฏิบัติตามสัตยาบันอนุสัญญา UPOV1991

ด้านการค้าสินค้า เนื่องด้วยสมาชิก CPTPP มีการยกเลิกหรือลดภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันในระดับที่สูงมากถึงร้อยละ 95 – 100 ซึ่งแน่นอนว่า จะส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตรของไทยที่มีศักยภาพแข่งขันน้อย เช่น กลุ่มสินค้าปศุสัตว์และสินค้าประมงบางรายการ จึงจำเป็นต้องมีระยะเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย 

โดยจะเห็นได้ว่าประเทศสมาชิกเดิมอย่างญี่ปุ่นและเวียดนาม ขอใช้ระยะเวลาในการลดภาษีนานถึง 21 ปี นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเรื่องการยกเว้นการใช้มาตรการปกป้องพิเศษ หรือ Special Safeguard (SSG) กับประเทศสมาชิก CPTPP แต่ประเทศไทย เราได้ใช้มาตรการ SSG ซึ่งผูกพันไว้กับองค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับสินค้าเกษตร 23 รายการเพื่อรองรับผลกระทบในกรณีที่มีปริมาณการนำเข้าสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นผิดปกติหรือราคานำเข้าที่ลดต่ำลงอย่างผิดปกติ 

จะเห็นได้จากปี 2563 และ 2564 ไทยได้ใช้ประโยชน์จากมาตรการ SSG กับสินค้ามะพร้าวเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งเมื่อมีการนำเข้าเกินกว่าระดับปริมาณนำเข้าที่กำหนด ก็จะมีการจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การเจรจาในประเด็นด้านการค้า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขอสงวนการบังคับใช้มาตรการ SSG ของไทยสำหรับสินค้าเกษตรทั้ง 23 รายการไว้ตามเดิม

‘ชมรมแม่บ้านมหาดไทย’ ร่วมกับ ‘บลูเทคซิตี้’ จัดแสดงผ้าไทย - กิจกรรมลอยกระทง! “คืนอร่าม สืบสานประเพณีลอยกระทง สู่บางปะกงสายน้ำแห่งวัฒนธรรม”

ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดฉะเชิงเทราร่วมกับบลูเทคซิตี้ จัดแสดงแบบผ้าไทยและกิจกรรมลอยกระทง ภายใต้ชื่องาน “คืนอร่าม สืบสานประเพณีลอยกระทง สู่บางปะกงสายน้ำแห่งวัฒนธรรม”

วันนี้ (19 พ.ย.64) เวลา 19.00 น. ที่บูธชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในงานนมัสการหลวงพ่อโสธรและงานประจำปีจังหวัดฯ นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดกิจกรรมการแสดงแบบผ้าไทยและลอยกระทง ภายใต้ชื่องาน “คืนอร่าม สืบสานประเพณีลอยกระทง สู่บางปะกงสายน้ำแห่งวัฒนธรรม” พร้อมด้วย นางจันทรรัตน์ ไตรติลานันท์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดฉะเชิงเทรา นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทคซิตี้ สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนราชการ และภาคเอกชน สวมใส่ชุดผ้าไทยเข้าร่วมกิจกรรม


โอกาสนี้ นายแบบ นางแบบกิตติมศักดิ์ แสดงแบบผ้าไทยสวยงาม เดินแฟชั่นโชว์เพื่อส่งเสริมการสวมใส่ผ้าไทยอันวิจิตรงดงามให้ผ้าไทยได้ชื่อว่า เป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมอันงดงามเคียงคู่สังคมไทยสืบยาวนาน จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายแบบกิตติมศักดิ์ VIP คว้าไมค์ ร้องเพลง”ใจสั่งมา” ของเสก โลโซ และเพลง “กำลังใจ” ของวงโฮป สร้างความสุข ความบันเทิงและรอยยิ้มให้กับผู้ร่วมกิจรรมภายในงานอย่างมาก ก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นำผู้ร่วมงานลอยกระทง เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทย

มหากาพย์ ‘สงครามกลางเมือง’ (Civil War)

ระยะนี้มีผู้คนที่สังคมให้ค่าว่าเป็นผู้มีการศึกษา แต่พฤติการณ์ พฤติกรรม มีการศึกษาแต่กลับไม่มีปัญญา หยิบยกเอาเรื่องสงครามกลางเมืองมาเป็นประเด็นให้เกิดความขัดแย้งในสังคมให้กลายเป็นความรุนแรงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง คนพวกนี้ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย เพียงแต่เป็นเหมือนกับพวก เห็บ หมัด ยุง ที่น่ารำคาญ พยายาม กัด ไต่ ตอม สังคมโดยไม่รู้จักลดเลิก ไม่ได้นึกถึงความเป็นจริง ได้แต่เพ้อเจ้อไปวัน ๆ ซ้ำร้ายที่ยังมีคนที่ขาดความรู้ อ่อนด้อยประสบการณ์จำนวนไม่มากนักที่หลงเชื่อ และส่วนหนึ่งกลายเป็นเหยื่อทั้งต้องติดคุก บาดเจ็บ และร้ายแรงที่สุด คือ เสียชีวิต โดยที่พวกที่ปลุกปั่น ยุยง และญาติพี่น้อง ลูกหลาน และพวกพ้องที่ใกล้ชิดไม่เป็นอะไรกันเลย 

สงครามกลางเมือง เป็นสงครามภายในระหว่างกลุ่มคนในสังคม ในชาติเดียวกัน ด้วยประสงค์ในการแย่งชิงอำนาจการปกครอง หรือดินแดน สงครามกลางเมืองอาจถือเป็นการปฏิวัติ (Revolution) รูปแบบหนึ่ง เมื่อสิ้นสุดสงครามกลางเมืองนั้น ๆ แล้วมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งองค์การกาชาดสากลให้ความหมายตามมาตรา 9 แห่งสนธิสัญญาเจนีวาไว้ดังนี้ “สงครามกลางเมืองเป็นความขัดแย้งรุนแรงจนถึงมีการใช้อาวุธต่อกันทั้งสองฝ่ายหรือมากกว่านั้น และอาจมีความรุนแรงเหมือนสงครามระหว่างรัฐ แต่เกิดขึ้นภายในประเทศนั้นประเทศเดียว” นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์บางกลุ่มยังได้นับรวมเอาการจลาจล/การก่อการร้าย/การก่อความไม่สงบ เป็นสงครามกลางเมืองด้วย หากมีการสู้รบระหว่างกองกำลังติดอาวุธเต็มรูปแบบ ความแตกต่างระหว่าง "สงครามกลางเมือง" "การปฏิวัติ" และ "การจลาจล" ในปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน ขึ้นอยู่กับบริบท (Context) ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาใช้

การสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคมด้วยการใช้ความรุนแรงไม่ได้มีผลดีอะไรกับสังคมและชาติบ้านเมืองเลย ไม่ว่าผลสุดท้ายจะออกมาเป็นเช่นไร แต่ความบอบช้ำเสียหายเกิดขึ้นกับผู้คนในสังคม ในชาติบ้านเมืองโดยรวมเสมอ และต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากมายในการฟื้นฟูเยียวยา ส่วนที่แก้ไขเยียวยายากมากที่สุดคือ บาดแผล หรือความบอบช้ำทางจิตใจ อันเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ผู้แพ้ ผู้ชนะ หรือผู้ที่เป็นกลาง แม้กระทั่งผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยเลย

สงครามกลางเมืองอังกฤษ (Cromwell war) ค.ศ. 1642-1651

ตามประวัติศาสตร์สากลสงครามกลางเมืองที่ถูกบันทึกไว้ มักจะเป็นสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ซึ่งเกิดขึ้นแล้วหลายพันครั้งในเกือบทุก ๆ ชาติ ตั้งแต่ 475 ปีก่อนคริสต์ศักราช เช่น สงครามรวมชาติจีน หรือสงครามนครคาร์เธจ หรือสงครามแห่งรัฐอิสลาม ค.ศ. 656 - 661 หรือสงครามเมืองอังกฤษหลายครั้งคือ The Anarchy ค.ศ. 1135 - 1153 (ยุคไร้สันติสุข) สงครามกุหลาบ (Wars of Roses) ราว ค.ศ. 1455 - 1485 (ระหว่างเจ้านครแห่งแคว้นแลงคาสเตอร์กับเจ้านครแห่งแคว้นยอร์ก) และสงครามกลางเมือง (Cromwell war) ค.ศ. 1642 - 1651 (ระหว่างกษัตริย์กับรัฐสภา) สงครามกลางเมืองอังกฤษมีสาเหตุจากการชิงอำนาจปกครองประเทศ หรือการปกป้องสิทธิของกษัตริย์ หรือการป้องสิทธิของประชาชน เช่น ในสงครามขุนนางครั้งที่ 1 ค.ศ. 1215 - 1217 ระหว่างขุนนางกับพระเจ้าจอห์น ขุนนางสามารถทำให้พระเจ้าจอห์น ทรงลงพระนามในมหาบัตรใหญ่หรือ Magna Carta อันเป็นต้นกำเนิดรัฐธรรมนูญของอังกฤษ และสหรัฐฯ ในเวลาต่อมา

สำหรับสหรัฐฯ สงครามกลางเมืองสหรัฐฯ เกิดขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1861 - 1865 เมื่อมลรัฐทางใต้ 11 รัฐ เห็นว่า การรณรงค์เลิกทาสของประธานาธิบดี อับราฮิม ลินคอล์นนั้น ขัดต่อผลประโยชน์ทางมลรัฐทางใต้ ซึ่งต้องพึ่งแรงงานทาสผิวสีในการเก็บฝ้าย และทำกสิกรรม จึงประกาศแยกตัวออกจากสหรัฐฯ สถาปนาเป็นสหพันธรัฐแห่งอเมริกา โดยมีประธานาธิบดี เจฟเฟอร์สัน เดวิส เป็นผู้นำ และเกิดการรบขึ้นเพื่อแย่งความชอบธรรมแห่งรัฐ เพราะการแยกตัวจากสหรัฐฯ เป็นการผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ระยะเวลาในการทำสงคราม 4 ปี ทำให้มีผู้ได้รับเคราะห์กรรมจากสงครามกว่า 1,030,000 คน ทหารเสียชีวิตราว 750,000 คน ค่าใช้จ่ายในการทำสงครามของทั้งสองฝ่ายราว 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (สามารถติดตามอ่านได้ในคอลัมน์ 12 สงครามที่ ‘แพงที่สุด’ ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา >> https://thestatestimes.com/post/2021082805

นอกจากสงครามกลางเมืองในอังกฤษและสหรัฐฯ ที่ได้กล่าวมาแล้วยังมีสงครามกลางเมืองครั้งสำคัญที่ถูกบันทึกไว้อีก ดังนี้

>> สงครามโบะชิง (3 มกราคม 1868 - 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1869) นักวิชาการบางส่วนเรียกว่า “การปฏิวัติญี่ปุ่น” เป็นสงครามกลางเมืองในประเทศญี่ปุ่นที่รบกัน ระหว่างกำลังของรัฐบาลเอโดะซึ่งปกครองและผู้ที่มุ่งถวายอำนาจการเมืองคืนแก่ราชสำนักจักรพรรดิ ผลคือ ฝ่ายจักรพรรดิชนะ ทำให้รัฐบาลของโชกุนสิ้นสุดยุติบทบาทลง และจักรพรรดิกลับได้ปกครองญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่ง (จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตร) ทหารทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตราว 8,500 นาย

‘ยัน ชิชกา และ บาทหลวงฮุสไซต์’ ยืนมองกรุงปรากหลังยุทธการที่เนินวิตคอฟในสงครามฮุสไซต์

>> สงครามฮุสไซต์ (Hussite wars) (ราว ค.ศ. 1419 - 1437) หรือ สงครามโบฮีเมีย หรือ การปฏิวัติฮุสไซต์ เป็นการสู้รบระหว่างฝ่ายฮุสไซต์ที่นับถือคำสอนของยัน ฮุสกับฝ่ายโรมันคาทอลิก นำโดยจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงการสู้รบกันเองในหมู่นักรบฮุสไซต์ สงครามนี้เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ความแตกแยกหลายเหตุการณ์ระหว่างผู้นับถือคำสอนของฮุสกับผู้ปกครองที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิก เช่น การเผาทั้งเป็นฮุส, เหตุบัญชรฆาตในกรุงปราก และการสวรรคตของพระเจ้าเวนเซลแห่งชาวโรมัน ในปี ค.ศ. 1424 ผลของสงคราม ฝ่ายฮุสไซต์ชนะ ทำให้ (1) ศาสนจักรฮุสไซต์เป็นอิสระจากพระสันตะปาปา (ต่อมาภายหลังฝ่ายฮุสไซต์สายกลางได้ร่วมมือกับฝ่ายโรมันคาทอลิก รบกับฝ่ายฮุสไซต์หัวรุนแรง ทำให้ฝ่ายฮุสไซต์หัวรุนแรงพ่ายแพ้และต้องหลบซ่อน) (2) ฝ่ายโรมันคาทอลิกยอมรับฝ่ายฮุสไซต์สายกลาง (3) จักรพรรดิซีกิสมุนด์แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งโบฮีเมีย และ (4) มีการลงนามในสัญญาบาเซิลเพื่อยุติสงคราม ไม่ปรากฏข้อมูลจำนวนผู้เสียชีวิต

รองโฆษก ตร. เตือน!! ‘ลอยกระทงออนไลน์’ ระวังถูกหลอกเอาข้อมูล หมายเลขบัตรปชช. ขอให้เลือกเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ

วันที่ 18 พ.ย. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

เนื่องด้วยในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย. 2564) เป็นวันลอยกระทง ซึ่งปกติจะมีพี่น้องประชาชน เดินทางนำกระทงไปลอย ตามสถานที่ที่จัดงานให้มีการลอยกระทง หรือลอยตามแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ แต่เนื่องจากในห้วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงอาจมีพี่น้องประชาชนบางส่วนเกิดความกังวล ไม่อยากเดินทางไปในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น และได้มีเว็บไซต์ต่างๆ ใช้โอกาสนี้ในการจัดกิจกรรมลอยกระทงออนไลน์ โดยให้ผู้ที่มีความประสงค์จะร่วมกิจกรรมกรอกชื่อ นามสกุล ข้อมูลส่วนบุคคล และคำอธิฐานต่าง ๆ เพื่อลอยไปกับกระทงออนไลน์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังในการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่มีความอ่อนไหว เช่น วันเดือนปีเกิด ชื่อนามสกุลจริง หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน ที่อยู่ ฯลฯ และขอให้เลือกใช้บริการเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เนื่องจากอาจมีผู้ไม่หวังดี อาศัยโอกาสนี้ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อนำไปใช้โดยมิชอบ หรือนำไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย และบางเว็บไซต์อาจให้พี่น้องประชาชนกรอก บัญชี และรหัสผ่าน ของสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งบางเว็บไซต์อาจสร้างหน้าเว็บขึ้นมาเพื่อหลอกเก็บข้อมูล บัญชี และรหัสผ่าน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในภายหลัง ซึ่งจะส่งผลให้พี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย

 

ตำรวจ PCT ร่วมกับ นครบาล ขยายผลการจับกุมขบวนการผลิตแบงค์ดอลล่าห์ปลอม ยึดแท่นปั๊มเงิน ธนบัตร USD กว่า 10,000 ฉบับ ผู้ช่วยทูตสหรัฐฯ ขอบคุณ

วันนี้ ( 18 พ.ย.64) เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT, พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ ,พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ฉัตรชัย นันทมงคล ผบก.พฐก.สพฐ.ตร., พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8/หน.ชป.3 PCT และ นายคริสโตเฟอร์ โรห์ดี้ (Christopher Rohde) ผู้ช่วยฑูต/หัวหน้าสำนักงาน U.S. Secret Service ประจำสำนักงานกรุงเทพ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนขยายผลการจับกุมขบวนการผลิตธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาปลอม โดยสามารถจับกุมนายทุนและผู้ร่วมขบวนการ ยึดแบงค์ดอลล่าร์ปลอมได้กว่า 10,000 ใบ คิดเป็นเงินไทย กว่า 30,000,000 บาท พร้อมบุกทลายโรงพิมพ์ได้อีก 1 แห่ง

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้  ตำรวจ PCT และนครบาล ได้ร่วมกันจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายธนบัตร USD ปลอม และขยายผลไปตรวจค้นโรงงานผลิตที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม จับกุมเจ้าของโรงงาน ยึดธนบัตรปลอมได้กว่า 36,000 ฉบับ คิดเป็นเงินไทยกว่า 100 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ​ ยังกล่าวอีกว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กำชับมาว่า ให้ขยายผล จับกุมผู้ร่วมขบวนการที่ยังเหลือทั้งหมด ซึ่งจากการสืบสวนทางโซเชียลมีเดียจนรู้ตัวนายทุนและช่างพิมพ์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาล และในวันที่ 11 พ.ย.64 นำกำลังเข้าตรวจค้น 2 จุด

จุดที่ 1 ตรวจค้นและจับกุมนายทองมาก หรือช่างแม็ค (สงวนนามสกุล) ได้ที่บริเวณ ถ.พระราม 3 โดยช่างแม็คทำหน้าที่เป็น "ผู้ควบคุมการผลิตธนบัตรปลอม" จากนั้นได้พาตัวไปตรวจค้นบ้านพักที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี พบเครื่องพิมพ์และอุปกรณ์การพิมพ์ที่คาดว่าเตรียมไว้ใช้ผลิตธนบัตรปลอมได้อีกจึงได้ตรวจยึดไว้ตรวจสอบ

จุดที่ 2 ตรวจค้นและจับกุมตัว นายบุญช่วย หรือป๋าลี ขณะอยู่ที่บ้านพักในเขตห้วยขวาง กทม. โดยป๋าลีเป็น "นายทุนจัดหาเครื่องพิมพ์และอุปกรณ์การพิมพ์" ให้แก่โรงงานที่ อ.บางเลน

และต่อมา วันที่ 12 พ.ย.64 ได้ขยายผลจับกุมตัว นายกิจพัฒน์ หรือโปรจี (สงวนนามสกุล) พร้อมธนบัตร USD ปลอมกว่า 10,000 ฉบับ คิดเป็นเงินไทยกว่า 30,000,000 บาท จากการสอบสวนนายโปรจี รับว่า นายสิรภพ หรือเฮียเกรียง (สงวนนามสกุล) เป็นผู้นำธนบัตรปลอมมาให้จำหน่าย โดยมีป๋าลี (คนลาว) เป็นนายทุนให้เฮียเกรียง เช่าอาคารหลังหนึ่งใน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งน่าเชื่อว่าจะเป็นแหล่งผลิตธนบัตรปลอมอีกแห่งหนึ่งของขบวนการนี้

จากนั้น จึงได้ขออนุมัติหมายศาลไปตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว พบเครื่องพิมพ์และอุปกรณ์การพิมพ์หลายรายการ ซึ่งมีร่องรอยหลักฐานการพิมพ์ธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐปลอมหลงเหลืออยู่ จึงได้ตรวจยึดไว้ และจะได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ร่วมกระทำความผิดในข้อหา “ร่วมกันผลิตทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตร หรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลต่างประเทศออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้" ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ในการจับกุมขบวนการปลอมธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ หน่วย U.S.Secret Service ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลอาชญากรรมทางเศรษฐกิจประจำสถานฑูตสหรัฐอเมริกา ได้ส่ง จนท.ไปร่วมตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และตรวจสอบธนบัตรปลอม ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่า ธนบัตรปลอมที่ผลิตจากโรงงานที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม มีความเชื่อมโยงกับธนบัตรปลอมที่ผลิตจากโรงงานที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี สอดคล้องกันกับข้อมูลทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเชื่อว่าเป็นกลุ่มขบวนการเดียวกัน ทั้งนี้จากการสืบสวนของศูนย์ PCT เชื่อว่า อาจจะยังมีกลุ่มผู้ลักลอบผลิตและจำหน่ายธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐปลอมหลงเหลืออยู่ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เฝ้าระวังและสืบสวนติดตามเพื่อจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายจนกว่าขบวนการนี้จะหมดไป

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า สำหรับการจับกุมคดีธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐปลอมที่ผ่านมาในประเทศไทย นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 40 คดี ธนบัตรของกลางที่ตรวจพบโดยส่วนใหญ่จะเป็นธนบัตรรุ่นปี 2006 และจะมีรุ่นปี 2006A (รุ่นของธนบัตร) เป็นส่วนน้อย ลักษณะการตรวจพบความผิด คือ

 1.การล่อซื้อผู้ลักลอบจำหน่าย

 2.การนำเงินไปแลกที่ธนาคาร/ร้านค้า และ

 3.การผลิตธนบัตรปลอม

 ซึ่งจับกุมตรวจค้นโรงงานผลิตได้เพียงครั้งเดียวเมื่อปี พ.ศ.2559 ที่เขตสายไหม กทม.

นายคริสโตเฟอร์ ฯ กล่าวด้วยว่า กว่า 30 ปี ที่สำนักงาน United States Secret Service ได้ทำงานร่วมกันกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสืบสวนอาชญากรรมที่เกี่ยวกับการปลอมแปลงธนบัตร การโกงธนาคาร และล่าสุด การฉ้อโกงในรูปแบบอาชญากรรมทางไซเบอร์ เมื่อเร็วๆนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ประสบความสำเร็จจากการสืบสวนจนพบแหล่งผลิตธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐฯปลอม ที่มีการนำไปใช้แพร่หลายทั้งในไทยและในต่างประเทศ อันเป็นแหล่งผลิตใหญ่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย จากการสืบสวนได้นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 8 รายด้วยกัน และสามารถยึดแท่นพิมพ์ที่ใช้ในการผลิตได้อีกหลายแท่น ผมอยากจะขอขอบคุณเพื่อนผู้บังคับใช้กฎหมายของเรา ที่ทำงานในเชิงรุก อย่างเข้มแข็ง จนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้กระทำความผิด เพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป

 

ลำพูน - ททท.สำนักงานลำปาง ชวนนักกอล์ฟมาออกรอบ “เล่นกอล์ฟ สบาย ๆ ผ่อนคลายวันธรรมดา @ ลำพูน”

ททท.สำนักงานลำปาง ร่วมกับ ชมรมสนามกอล์ฟลำพูนจัดแถลงข่าว ชวนนักกอล์ฟมาออกรอบ “เล่นกอล์ฟ สบาย ๆ ผ่อนคลายวันธรรมดา @ ลำพูน”โดยมี นางสาวยุรีพรรณ แสนใจยา ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลำปาง พร้อมด้วยนายสุพชฌาย์ เสวตไอยาราม ประธานชมรมสนามกอล์ฟลำพูน และตัวแทนสนามกอล์ฟลำพูน ทั้ง 5 สนาม ณ สนามกอล์ฟ กัซซัน พาโนราม่า กอล์ฟ คลับ

นางสาวยุรีพรรณ แสนใจยา ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลำปาง ชวนนักกอล์ฟมาออกรอบ “เล่นกอล์ฟ สบาย ๆ ผ่อนคลายวันธรรมดา @ ลำพูน”  ระหว่างวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ถึงวันที่  22 ธันวาคม 2564 โดยกล่าวถึงกิจกรรมในครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของชมรมสนามกอล์ฟลำพูน และ 5สนามกอล์ฟศักยภาพในจังหวัดลำพูน ประกอบด้วย สนามกอล์ฟอาทิตยา เชียงใหม่ กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท (ลำพูน) สนามกอล์ฟกัซซัน ขุนตาน กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท สนามกอล์ฟกัซซัน พาโนราม่า กอล์ฟ คลับ สนามกอล์ฟกัซซันเลกาซี่ กอล์ฟ คลับ และ สนามกอล์ฟหริภุญชัย กอล์ฟ คลับ

เพื่อกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟและกระจายรายได้ให้กับชุมชนและจังหวัดลำพูนโดยรวมในวันธรรมดา วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ใช้ชื่อ “เล่นกอล์ฟ สบาย ๆ ผ่อนคลายวันธรรมดา @ ลำพูน” ภายใต้แนวคิด อิ่มท้อง อุ่นใจ ลุ้นรางวัล ด้วยไอรัก ชวนก๊วนกอล์ฟ ร่วมโปรดีตีกอล์ฟมอบสิทธิ์ 3 ต่อ สิทธิ์ที่ 1 คูปองชุดอาหารกล่อง (อาหารหลัก+ผลไม้+น้ำดื่ม) จำนวน 600 คูปองต่อสนาม สิทธิ์ที่ 2 ลุ้นรางวัลพิเศษแชร์บอกต่อบนเฟสบุ๊ก และสิทธิ์ที่ 3 ลุ้นรางวัลจากการจับหางบัตรคูปองชุดอาหารกล่อง ภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรม

ททท. สำนักงานลำปาง และชมรมสนามกอล์ฟลำพูน ขอเชิญนักกอล์ฟมาออกรอบร่วมกิจกรรม “เล่นกอล์ฟ สบาย ๆ ผ่อนคลายวันธรรมดา @ ลำพูน” ณ สนามกอล์ฟในจังหวัดลำพูนทั้ง 5 สนามที่มีเครื่องหมาย SHA Plus ที่เป็นสัญลักษณ์แสดงว่า "กิจการ" มีมาตรฐานในการควบคุมโรค สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ กับ Fairway และ Putting Green ที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละสนามกอล์ฟ ในบรรยากาศสบาย ๆ ของวันธรรมดา

ผอ.ททท.สำนักงานลำปาง กล่าวเพิ่มเติมถึง ความแตกต่างของมาตรฐานความปลอดภัย "SHA" กับ "SHA Plus" ว่ามีความแตกต่างกันในเรื่องระดับมาตรฐานในการควบคุมโรค โดย "SHA" เป็นเครื่องหมายที่กิจการที่ทำตามเงื่อนไขด้านสุขภาพตามที่กำหนด เช่น มีจุดตรวจอุณหภูมิ ที่ทางเข้าออก เว้นระยะห่างของผู้เข้าใช้บริการให้บริการเฉพาะผู้ที่สวมหน้ากากอนามัยเท่านั้น ส่วน "SHA Plus" จะยกระดับความเข้มข้นจาก "SHA" อีกทอดหนึ่ง โดยผู้ให้บริการจะต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 มากกว่า 70% ของพนักงานที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจสำหรับผู้ใช้บริการอีกขั้น และลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคในอีกระดับหนึ่ง

 

บังกลาเทศ - ‘ภาคการศึกษา’ เผชิญกับความท้าทายอันยิ่งใหญ่!! เนื่องจากโควิด-19 ผลักเด็กหลายล้านคนให้เป็นแรงงานเด็กในบังคลาเทศ

ตามรายงานล่าสุดของ ILO และ UNICEF บังคลาเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายอันยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการศึกษา เนื่องจากโควิด-19 ผลักเด็กหลายล้านคนให้เป็นแรงงานเด็กในบังคลาเทศ

การปิดโรงเรียนมานานกว่าหนึ่งปีและการลดรายได้ของครอบครัว ทำให้เด็กที่ไปโรงเรียนเสี่ยงต่อการใช้แรงงานเด็ก ด้วยค่าแรงต่ำทำให้การใช้แรงงานเด็กเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่จะทำเวิร์คช็อปริมถนน (งานซ่อม งานเชื่อม งานเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ) , ร้านอาหารและแผงลอย, ร้านค้าขนาดเล็ก, ร้านเสริมสวย, เบเกอรี่, เคมีภัณฑ์, การเก็บขยะและการขนส่ง

Rasheda K Chowdhury กรรมการบริหารโครงการรณรงค์การศึกษายอดนิยม กล่าวว่า สิ่งที่กำลังแสดงให้เห็นอยู่ในตอนนี้คือ จำนวนเด็กที่ออกจากโรงเรียนและทำงานที่เสี่ยงอันตรายเพิ่มขึ้น ทำให้รัฐบาลมีบทบาทและความรับผิดชอบในการส่งเด็กกลับโรงเรียนตามแผนการศึกษาและแผนงาน

มีการกล่าวถึงว่า เด็กที่ยากจนและอดอยากได้รับความช่วยเหลือประมาณ 33 เปอร์เซ็นต์ ของความช่วยเหลือในบ้านในธากา นักเรียนเกรดแปดที่ทำงานในเวิร์กช็อปยังกล่าวด้วยว่า หลังจากที่โรงเรียนปิดเป็นเวลานาน เพื่อนร่วมชั้นของเขาหลายคนเริ่มทำงานในสถานที่ต่าง ๆ ท่ามกลางความยากลำบากจากการระบาดครั้งใหญ่นี้ด้วย

สถานการณ์และความยากลำบากทางการเงินผลักดันให้นักเรียนโรงเรียนชูโมนาทำงานเป็นช่างเย็บปักถักร้อย

นอกจากนี้ Ripon บอกกับ A24 ว่าเขาอยากที่จะกลับไปโรงเรียนและเรียนต่อในชั้นประถมศึกษาปีที่ 10 ของเขา แต่การปิดโรงเรียนและความต้องการใช้จ่ายของครอบครัวทำให้เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

จันทบุรี - ประชุมเตรียมพร้อม ป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง - ไฟป่า - หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก ลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

วันนี้ ( 17 พ.ย.64 ) ที่ห้องประชุม 1 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี นายอลงกรณ์ แอคะรัจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีเป็นประธานการประชุมเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดจันทบุรี ปี พ.ศ.2564 – 2565 ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็กโดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรีได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทหาร ตำรวจ พลเรือน หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้แทนนายอำเภอทั้ง 10 อำเภอ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชนร่วมประชุม

ทั้งนี้ สถานีอุตุนิยมวิทยาได้สรุปสถานการณ์น้ำฝนในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาพบว่าที่ผ่านมามีปริมาณฝนตกมากและเกษตรกรได้น้ำเพื่อใช้ทางการเกษตรแต่ต้องบริหารจัดการอย่างเป็นระบบให้เพียงพอเนื่องจากฤดูหนาว และแล้งจะยาวนาน ขณะที่ชลประทานจังหวัดได้รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ

ข้อมูลวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 พบว่าที่อ่างเก็บน้ำคลองศาลทราย อ.เขาคิชฌกูฏ มีปริมาณน้ำในอ่างกักเก็บได้ 111.43 %  / อ่างเก็บน้ำคลองพระพุทธปริมาณน้ำในอ่าง 111.58 % / อ่างเก็บน้ำคลองประแกดมีปริมาณน้ำในอ่าง 105.32 % / เขื่อนคิรีธารมีประมาณน้ำ ณ ปัจจุบัน 99.11 % และเขื่อนพลวงมีประมาณน้ำ 99.32 % 

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top