Sunday, 16 February 2025
POLITICS NEWS

“เรืองไกร” เตรียมยื่น “ชวน” เตือน “พิธา” ระวังสิ้นสภาพถูกเพิกถอนสิทธิปมหั่นงบไปใช้ส่วนอื่น

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฐานะกรรมาธิการร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 สภาฯ กล่าวว่า ตนเห็นข่าวเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. และ 6 มิ.ย.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. และหัวหน้าพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการจะปรับลดงบประมาณปี 2565 แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ และคงจะต้องเตือนด้วยความหวังดี ทั้งนี้ ตามเนื้อข่าวนายพิธา ตั้งใจทำงานดี โดยจะใช้ฐานะ กมธ.คนหนึ่ง ปรับลดงบประมาณออกจำนวนหนึ่ง และกล่าวด้วยว่าจะนำงบประมาณที่ปรับลดไปใช้อย่างนั้นอย่างนี้ การกระทำดังกล่าวของนายพิธานั้นมีสองส่วน ส่วนหนึ่งทำได้ แต่อีกส่วนหนึ่งทำไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ส่วนที่ทำได้ คือ ส.ส. หรือกรรมาธิการ ทำการปรับลดงบประมาณได้ ยกเว้นเฉพาะบางรายการที่ห้ามไว้ ส่วนที่ทำไม่ได้ คือการปรับลดงบประมาณที่มีผลทำให้ ส.ส. หรือ กมธ.มีส่วนในการใช้งบประมาณ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม จะกระทำมิได้

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า สิ่งที่นายพิธาคิดและจะทำในส่วนที่สอง คืออ้างว่าจะนำงบประมาณที่ปรับลดไปใช้อย่างนั้นอย่างนี้ จึงทำไม่ได้ กรณีนายพิธาถือเป็นความคิดที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่เกิดการกระทำตามมา ประกอบกับ กมธ.งบประมาณมีทั้ง ส.ส. และคนที่ไม่ใช่ ส.ส. ดังนั้นเพื่อให้เกิดความระมัดระวังมิให้มีการฝ่าฝืนม.144 ตนจึงเห็นว่าควรนำเรื่องนี้แจ้งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อเตือน ส.ส. ในสภาฯ และอีกทางหนึ่งตนก็แจ้งให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ฐานะประธานกรรมาธิการฯ แจ้งเตือนในที่ประชุมด้วย โดยจะยื่นหนังสือให้ประธานสภาฯ ในช่วงบ่ายเพื่อดำเนินการแจ้งเตือน ส.ส. ต่อไป

ราเมศ ย้ำ ปชป รุกผลักดันแก้ปัญหาที่ดินทำกิน อย่างเป็นระบบ ยั่งยืน

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงปัญหาที่ดินทำกินของพี่น้องประชาชนว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่พบปะและช่วยแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินของพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าการให้ความช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะการพิสูจน์สิทธิในที่ดินทำกิน ที่มีหลายกรณีปัญหา ที่เจ้าหน้าที่รัฐไม่จริงใจในการคลายความทุกข์ให้ชาวบ้าน หลายพื้นที่มีการขีดเขตป่าทับที่ดินประชาชน หลายพื้นที่มีประชาชนถูกไล่ดำเนินคดีทั้งๆ ที่ดินแปลงดังกล่าวอาศัยอยู่มาตั้งแต่บรรพบุรุษกว่า 100 ปี หลายพื้นที่ประกาศเป็นพื้นที่สาธารณะทับที่ดินของชาวบ้าน ใครไม่เป็นเช่นนั้นย่อมไม่รู้สึก ถึงความทุกข์ที่เกิดขึ้น ตื่นเข้ามาไม่รู้ว่าจะถูกดำเนินคดีเมื่อใด ลูกหลานจะอยู่อย่างไรหากไม่มีที่ดินทำกินจะอพยพไปอยู่ที่ไหน 

ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ใครผิดใครถูก แต่อยู่ที่การพิสูจน์สิทธิอย่างตรงไปตรงมา ประชาชนรับได้หากมีการดำเนินการที่ตรงไปตรงมาและเป็นธรรม ชาวบ้านไม่ได้ปฏิเสธกฎหมายเลยแม้แต่น้อย การต้องการเพียงที่ดินทำกิน คือสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน หากรัฐไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้เป็นระบบและยั่งยืน ปัญหาก็จะถูกส่งจากรุ่นสู่ไม่มีวันจบสิ้น ประชาชนจำนวนมากถามหาสิทธิแบบไหนก็ได้ที่ให้มีที่ทำกิน ทุกพื้นที่มีการถามถึงโฉนดชุมชน สิทธิในการใช้ประโยชน์พื้นที่ดินในชุมชน 

ส่วนของพรรคมีการขับเคลื่อนโดยนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการเร่งออกโฉนดเป็นแนวทางที่ดีและประสบความสำเร็จ ที่มีการเดินสำรวจในหลายพื้นที่ 

แต่ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่ทำการเดินสำรวจควรดำเนินการเร่งพิสูจน์สิทธิในคราวเดียวกัน ควรร่วมพูดคุยเพื่อหาแนวทางกัน หากที่ดินแปลงใดมีปัญหาดังที่กล่าวมา จนท ก็จะข้ามไป เว้นปัญหาไว้ไม่มีการเข้าไปสำรวจพิสูจน์สิทธิในคราวเดียวกัน ความทุกข์ของประชาชนก็ไม่จบสิ้น
พรรคจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเสนอ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ร่วมกันขับเคลื่อนเป็นวาระเพื่อประชาชนต่อไป และจะนำเสนอกรรมาธิการพิจารณางบประมาณในส่วนของพรรคเพื่อนำไปขับเคลื่อนต่อสู้ในเรื่องการวางโครงสร้างในการแก้ปัญหาที่ดินทำกินเพื่อให้เกิดผลสำเร็จและยั่งยืนต่อไป

‘ธนกร’ วอนกลุ่มไม่หวังดีหยุดสร้างเฟคนิวส์โจมตีงบ 65 จวกสร้างความสับสนให้ประชาชนยิ่งซ้ำเติมประเทศ จี้ดีอีเอสเร่งเอาผิด

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2565 ในวาระแรก ก็มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีออกมาสร้างข่าวเท็จเผยแพร่ตามโซเชียลต่างๆ ในหลายประเด็นด้วยกัน อาทิ 

1.) สถาบันพระมหากษัตริย์ได้งบประมาณปี 65 จำนวน 3 หมื่นกว่าล้านบาท ทั้งที่ในข้อเท็จจริง เป็นงบประมาณที่รัฐบาลโดยหน่วยงาน/กระทรวงต่างๆ ดำเนินการให้กับประชาชนตามแนวทางพระราชดำริ ที่เน้นพัฒนาคุณภาพชีวิต/ปากท้องของประชาชน ส่วนงบสำหรับหน่วยงานในพระองค์ได้รับงบประมาณ 8,761 ล้านบาท คิดเป็น 0.26% ของงบประมาณประเทศทั้งหมด และได้รับลดลงจากปี2564 จำนวน 219 ล้านบาท ซึ่งโดนปรับลดด้วยซ้ำไป นายธนกร กล่าวต่อว่า 

2.) งบของกระทรวงศึกษาถูกตัด 20,000 ล้านบาท ทั้งที่ในความจริง งบกระทรวงศึกษาลดลงร้อยละ 1.14 เนื่องจากจำนวนนักเรียนลดลง 60,000 คน ตามโครงสร้างประชากรของประเทศที่มีอัตราการเกิดลดลง แต่งบประมาณในเรื่องพัฒนาการศึกษาเพิ่มมากขึ้นจากปี 2563 ถึง 5,000 ล้านบาท คิดเป็น 103.27% 

3.) งบกระทรวงสาธารณสุขถูกตัด 4,300 ล้านบาท ทั้งๆ ที่โควิดระบาดหนัก ในความเป็นจริง งบกระทรวงสาธารณสุขที่ถูกตัด เป็นค่าใช้จ่ายฝึกอบรมสัมมนา ค่าใช้จ่ายการประชุม ค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่กระทบการให้บริการประชาชน และด้านการเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์กลับได้งบประมาณเพิ่มถึง 10,000 ล้านบาท 

4.) กล่าวหาว่างบสถาบันวัคซีนให้แค่ 22 ล้านบาท ทั้งที่ความจริงรัฐบาลตั้งงบประมาณปี 63-64 และใช้เงินกู้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องจัดหาวัคซีนทั้งจากต่างประเทศและผลิตในประเทศ 21,000 ล้านบาท นายธนกร กล่าวอีกว่า 

5.) มีการกล่าวหาว่า งบประมาณบัตรทองถูกตัด 2,000 ล้านบาท ทั้งที่ในความเป็นจริง งบประมาณโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปี 2565 ได้รับงบประมาณสูงถึง 198,891 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2564 ที่ตั้งไว้ 194,508 ล้านบาท และมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลให้ประชาชนอีก13 รายการ 

6.) ข้อกล่าวหาว่างบกองทัพได้เพิ่ม 2,700 ล้านบาท และงบประมาณสูงมากกว่างบกระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่ในข้อเท็จจริง งบประมาณด้านสาธารณสุข 295,673.9 ล้านบาท สูงกว่างบประมาณ กลาโหม 92,399 ล้านบาท กระทรวงกลาโหมถูกลดงบประมาณจากปี 2563-64 อย่างต่อเนื่อง ปี 2563 อยู่ที่ 232,000 ล้านบาท ปี 64 อยู่ที่ 215,000 ล้านบาท และปี 65 อยู่ที่ 203,000 ล้านบาท และตัวเลขที่ฝ่ายค้านกล่าวว่ากองทัพได้งบเพิ่มนั้นเป็นตัวเลขที่นำเอาเฉพาะโครงการด้านยุทโธปกรณ์ของปีงบประมาณ 64 และ 65 มาคำนวณ และกล่าวหาว่ากองทัพได้งบประมาณเพิ่มเติม ทั้งๆ ที่ในภาพรวมงบกลาโหมถูกตัดเยอะเป็นอันดับต้นๆ และ

7.) งบบัตรสวัสดิการประชารัฐ ถูกตัด 20,000 ล้านบาทแต่ในข้อเท็จจริงเนื่องจากกองทุนบัตรสวัสดิการประชารัฐยังเหลือเงินอยู่ 20,400 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อรวมกับงบประมาณปี 65 ที่ตั้งให้ 30,000 ล้านบาท จะมีเงินให้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 50,000 ล้านบาท กับประชาชนที่ได้รับบัตรสวัสดิการ 14.6 ล้านคนครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ตนหวังว่าการกระทำดังกล่าวคงไม่มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง เพราะเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้กับประเทศ และขอให้กระทรวงดีอีเอสเร่งดำเนินการเอาผิดคนกลุ่มนี้ทันทีด้วย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โฆษกคณะก้าวหน้า ‘ช่อ พรรณิการ์’ ด้อยค่าวัคซีนซิโนแวค ชี้มีประสิทธิภาพประมาณ 50% เท่านั้น ต่อให้ฉีดให้คนครบ 100% ทั้งประเทศ ภูมิก็ไม่ขึ้นถึง 70-75% คาใจ เหตุใด ‘อนุทิน’ ยังสั่งเพิ่มต่อเนื่อง

แม้ว่า คุณนวลพรรณ ล่ำซำ ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ได้ออกมาชี้แจงทุกประเด็นเกี่ยวกับการผลิต และส่งมอบวัคซีนแอสตราเซนเนก้า ของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ 

ที่ได้ส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรก จำนวน 1.8 ล้านโดสไปเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2564 ให้กับแอสตราเซนเนก้า โดยทางบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ถือเป็นโรงงานเดียวในไทยและเอเชียที่มีศักยภาพในการผลิตวัคซีน หลังจากได้ลงนามร่วมกันเมื่อเดือนธันวาคม 2563 ไปแล้วก็ตามที

ถึงกระนั้น ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ก็ยังคงคาใจเรื่องการส่งมอบวัคซีนแอสตราเซนเนก้า โดยได้โพสต์ข้อมูลผ่านทางเฟซบุ๊ก Pannika Chor Wanich โดยมีข้อความระบุว่า...

งงค่ะ เมื่อวานบอกว่าที่ส่งมอบ 1.8 ล้านโดสคือให้ไทย แต่วันนี้บอกส่งให้แอสตร้าเซเนก้า แล้วแต่แอสตร้าจะไปจัดสรรให้ประเทศไหน สรุปว่าเดือนนี้ไทยได้กี่โดสกันแน่จากแอสตร้า?

แต่การที่ สธ.แถลงว่า เดือนนี้มีวัคซีนฉีดให้ประชาชน 6 ล้านโดส (ซึ่งเป็นตัวเลขแผนที่เคยระบุไว้ว่าเดือนมิ.ย. แอสตร้าต้องส่งวัคซีนให้ไทย 6 ล้านโดส) แต่เป็นซิโนแวคบวกแอสตร้า และตอนนี้ไทยยังมีซิโนแวคเหลือในมืออีกประมาณ 2 ล้านโดส 

บวกสั่งมาใหม่อีก 3 ล้านโดสในเดือนนี้ ก็หมายความว่าเดือนนี้เราน่าจะได้ฉีดซิโนแวคเป็นหลัก เพราะมีอยู่ถึง 5 ล้าน จาก 6 ล้านโดสที่เป็นโควตาวัคซีนเดือนนี้

ปล. อนุทินยังสั่งซิโนแวคมาอีก 11 ล้านโดส อาจเป็นการสำรองใช้เผื่อแอสตร้าส่งมอบได้ไม่ตรงตามแผนในเดือนถัดๆ ไปหรือไม่?

ปล.2 ใครที่คิดว่าวัคซีนอะไรก็เหมือนๆ กัน โปรดเข้าใจว่าซิโนแวคซึ่งมีประสิทธิภาพประมาณ 50% ในการป้องกันโรค ย่อมไม่สามารถทำให้เกิดภูมิต้านทานหมู่ได้ หรือเกิดช้ากว่าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง 70-95% เพราะต่อให้ฉีดให้คนครบ 100% ทั้งประเทศ ภูมิก็ไม่ขึ้นถึง 70-75% 

ดังมีตัวอย่างในชิลี ที่ปูพรมฉีดซิโนแวคให้ประชากรเกิน 60% ไปแล้วแต่กลับเจอระบาดซ้ำระลอกใหม่ ในขณะที่อิสราเอล สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนให้ประชากรด้วยอัตราใกล้เคียงกัน และไม่เจอระบาดซ้ำ เพราะฉีดไฟเซอร์ โมเดอร์นาเป็นหลัก

 

ที่มา: https://www.facebook.com/chor.wanich

https://www.facebook.com/336295587309275/posts/832268897711939/

https://www.thaipost.net/main/detail/105184


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รวมมิตรเรื่องงบประมาณ

รวมมิตรเรื่องงบประมาณ

- งบกลาโหมมากกว่างบสาธารณสุขจริงหรือ?

- งบวัคซีน 22 ล้านจริงหรือ?

ที่มา : ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศบค.

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4653245208024415&id=100000169455098


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พิธา ย้ำ พร้อมนำทัพก้าวไกล เดินหน้าจัดสรรงบเพื่อประชาชน ชี้ รัฐต้องเห็นหัวประชาชน แนะ รัฐ วางอิฐก้อนเเรกใหม่ให้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมรับเรื่องร้อง เครือข่าย We Fair เรียกร้อง กมธ.งบ 65 แปรญัตติเอาสวัสดิการปชช.เป็นที่ตั้ง

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ที่อาคารรัฐสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 พร้อมด้วย วรรณวิภา ไม้สน กรรมาธิการฯ โดยมีธีรัตน์ สำเร็จวานิชย์ กรรมาธิการสัดส่วนพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กรรมาธิการสัดส่วนพรรคประชาชาติ ร่วมรับหนังสือจาก นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (เครือข่าย We Fair) ที่ขอเรียกร้องคณะกรรมาธิการงบประมาณสภาผู้แทนราษฎร (พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชาติ) เพื่อให้มีการแปรญัตติงบประมาณ โดยจัดลำดับความสำคัญในนโยบายสวัสดิการสังคม  มากกว่านโยบายที่ไม่ใช่ลำดับความสำคัญเช่น การจัดซื้ออาวุธ

พิธา กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการทำงานวันเเรกของตนในฐานะกรรมธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เราขอยืนยันว่า งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรมาไม่สอดคล้องกับวิกฤติบ้านเมือง เป็นงบประมาณที่ ‘ไร้สามัญสำนึก’ เป็นการจัดงบประมาณระหว่างอภิสิทธิชนกับประชาชนในประเทศที่เราอยู่ในภาวะที่ดิ่งเหว เป็นการสะท้อนว่าประเทศไทย หรือสังคมไทยเป็นสังคมแบบไหน โดยเรามีหน้าปกป้องสวัสดิการภาษีพี่น้องประชาชนใน 3 ประเด็น  

1.) รีดไขมัน เรารีดเป็นกองกลางให้มากที่สุด เเละกระจายให้คืนให้หน่วยงานสำคัญงบประมาณของอภิสิทธิ์ชนของกำลังพลที่มันไม่สำคัญที่ประชาชนต้องการวัคซีนไม่ได้ต้องการกระสุน   

2.) กระจายคืนหน่วยงานที่สำคัญของประชาชน อาทิ บัตรทอง สปสช เเละกองทุนเสมอภาคทางการศึกษา ที่โดนตัดลดลงในงบปีนี้ ผมทนไม่ได้ในฐานะพ่อคนที่ลูกเล็ก แต่งบด้านการศึกษาถูกตัดออกในช่วงวิกฤติโควิดเช่นนี้ เเละ

3.) เราต้องเจรจาหารือกับทางรัฐบาลถึงความสำคัญของรัฐสวัสดิการที่จะต้องเกิดขึ้นในประเทศ มีความเสมอภาค ที่ตนได้เคยอภิปรายไปเกี่ยวกับพลวัตน์ของรัฐสวัสดิการเบี้ยคนชราถ้วนหน้า ถ้วนประเทศ ให้รัฐบาลต้องคิดใหม่ ถึงผลประโยชน์ของที่ประเทศนี้ในการดูเเลโอบอุ้มคนที่เขาเปราะบสง ที่มีความสำคัญของพลวัตทางด้านเศรษฐกิจ เเละสิทธิมนุษยชนจะต้องกลับมา รัฐบาลต้องคำนึงผลประโยขน์ของประเทศ คนที่เป็นคนวันกลางคนอย่างผมจะต้องมีกำลังชาในการทำงาน เมื่อประเทศไทยได้ฟื้นฟูใหม่ โดยการวางอิฐก้อนเเรกใหม่ให้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ของอภิสิทธิ์ชนที่จัดสรรมา 

พิธา กล่าวต่อไปว่า หลายท่านยังคงไม่ทราบว่าตอนเด็กตนโตมากับคนทุพลภาพ อยู่ในประเทศที่มีความเท่าเทียมมาก ผมเห็นถึงความเเตกต่างระหว่างประเทศเขากับประเทศไทย ที่ประเทศของเขามีรัฐสวัสดิการที่ดูเเลอย่างเต็มที่ เเละเขาคิดกับประชาชนเขาในเเง่สิทธิความเท่าเป็นสังคมสงเคราะห์ โดยตนจะเอาประสบการณ์ส่วนตัวมาผลักดันให้การเเก้ไขรัฐสวัสดิการเกิดขึ้นในประเทศเรา เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน แก้ไขงบประมาณในปีนี้ปีเเรกที่เราจะวางรากฐานให้รัฐสวัสดิการในประเทศไทย 

ด้านธนพร วิจัน เครือข่ายเเรงงานเพื่อสิทธิประชาชน กล่าวว่า วันนี้เป็นเเรกของการตั้งกมธ.งบประมาณ 65 ทางพวกเราเครือข่าย we fair ได้ติดตามการจัดทำงบประมาณที่ไม่สอดคล้องต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากขึ้น เราจึงมายื่นหนังต่อคณะกรรมาธิการ ให้มีการพูดคุยในการตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็น ไปเพิ่มในส่วนรัฐสวัสดิการ ยื่นข้อเรียกร้องให้มีการพิจารณาใหม่ เพื่อจัดสรรงบประมาณเห็นแก่ประโยชน์ประชาชน

ขณะที่ นิติรัฐ ตัวแทนกลุ่ม We fair กล่าวว่า ขอบคุณ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในร่างพระราชบัญญัติงบฯ 65 ในวาระเเรกเราไม่เห็นด้วยที่สภาผู้แทนราษฎรรับรอง เมื่อผ่านวาระ 2 เราเห็นว่าไม่ตอบโจทย์ใน 3 ประเด็น  ประเด็นเเรกเหตุใดงบสวัสดิการประชาชนลด 10% และการไม่มีการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณ อาทิ งบประมาณของกระทรวงกลาโหมสูงกว่างบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข เเละประเด็นที่สอง ในกรณีที่ไม่จัดสรรงบประมาณแก้ไขด้านโควิด เเละประเด็นที่สามด้านการเหลื่อมล้ำของประชาชน เเละส่วนในกรณีเงินอุดหนุนของประชาชน ทั้งเด็กเเรกเกิด เบี้ยผู้สูงอายุ เรามีความเห็นว่าไม่มีการปรับเพิ่มในงบประมาณดังกล่าว เเต่ในส่วนของเงินบำนาญข้าราชการปรับขึ้น เปรียบเทียบคือในเงิน 100 บาท ภาษีของประชาชน เป็นเงินสวัสดิการข้าราชการ 15 บาท เเละเงินเดือนข้าราชการ 25 บาท ซึ่งมันสะท้อนความผิดพลาดการจัดสรรงบในครั้งนี้ อาทิ งบกระทรวงกลาโหม 200,000 ล้านบาท เป็นเงินเดือนข้าราชการ 100,000 ล้านบาทเกิน 50% เป็นการเเสดงให้เห็นว่าร่างพรบ.ฉบับนี้ให้ความสำคัญกำลังพลของทัพมากกว่าบุคลากร เเละงบประมาณด้านสาธารณสุขและประชาชน 

“เรามีงบประมาณรายจ่ายมา 3 ปีเเล้ว เเต่เราไม่เคยเห็นงบประมาณด้านรัฐสวัสดิการบรรจุอยู่ในนโยบายของพรรครัฐบาลให้พวกเราเลย ท่านพูดก่อนหาเสียงว่าจะทำให้ประชาชน เเต่ทุกวันนี้เรายังไม่เห็นเลย พรบ.65 ควรสะท้อนเจตจำนงค์ของประชาชนที่เลือกตั้งท่านมาเป็นผู้แทนประชาชน” นิติรัฐ กล่าว

ขณะวรรณวิภา ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า สิ่งที่ตนตั้งใจมาเป็นกมธ.งบฯ ปี 65 ในครั้งนี้ เพื่อทวงถามงบประมาณด้านรัฐสวัสดิการให้แก่ประชาชน โดยตั้งเเต่ร่างงบประมาณทุกครั้งที่ผ่านมา ตนทวงถามเรื่องรัฐสวัสดิการมาตลอด เเต่ไม่เห็นความเปลี่ยนเเปลง โดยในพรรคก้าวไกลของเรามีการดำเนินการด้านนโยบายรัฐสวัสดิการให้ประชาชน เพราะเราเล็งเห็นถึงความสำคัญของการลดความเหลื่อมล้ำ นำไปสู่การเท่าเทียมกัน


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ก.แรงงาน จัดกิจกรรมจิตอาสามอบถุงยังชีพ “มีแล้วแบ่งปัน” แก่ชาวบ้านแฟลตดินแดงที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบถุงยังชีพ “มีแล้วแบ่งปัน” กิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2564 ให้แก่ผู้แทนคณะกรรมการเคหะชุมชนดินแดง 2 โดยมี นายวิชาญ เขียวแก้ว ประธานชุมชนเคหะดินแดง 2 และกรรมการแฟลตเป็นตัวแทนประชาชนในเคหะชุมชนดินแดง 2 เป็นผู้รับมอบ ซึ่งถุงยังชีพ “มีแล้วแบ่งปัน” ประกอบด้วยสิ่งของเครื่องอุปโภคโภคบริโภค และของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง นม ยารักษาโรค หน้ากากอนามัย และเครื่องอุปโภคอื่น ๆ จำนวน 520 ชุด เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ณ บริเวณโถงด้านล่างอาคารกระทรวงแรงงาน โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า กิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ “มีแล้วแบ่งปัน” ในวันนี้ กระทรวงแรงงานจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2564 แสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะชาวชุมชนแฟลตดินแดง 

ทั้งนี้ ชุมชนเคหะดินแดง 2 มีอาคารที่พักจำนวน 55 อาคาร ห้องพัก 5,962 ห้อง มีประชาชนพักอาศัยทั้งสิ้น 29,810 คน มีประชาชนติดเชื้อโควิด-19 และรักษาตัวในสถานพยาบาลของรัฐ จำนวน 30 ราย มีครัวเรือนที่กักตัวและให้ความช่วยเหลือ 30 ครัวเรือน ประมาณ 120 คน กลุ่มเปราะบาง ครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 300 ครัวเรือน มีผู้พิการที่ต้องดูแลช่วยเหลือ 100 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ในภาพรวมภายในบริเวณเคหะชุมชนดินแดง 2 มีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง ส่วนใหญ่มีอาการไม่น่าเป็นห่วง รักษาตามกำหนดระยะเวลาสามารถกลับบ้านได้ สำหรับมาตรการป้องกันโควิด-19 คณะกรรมการเคหะชุมชนดินแดง 2 มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้อยู่อาศัยได้สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อออกจากที่พัก มีการตรวจคัดกรองโควิด-19 แก่แม่ค้าพ่อค้าในตลาดกลางเคหะชุมชนดินแดง 2 รวมทั้งกำชับให้มีการปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค.อย่างเคร่งครัดอีกด้วย

กมธ.งบ 65 นัดแรก เคาะ “อาคม” นั่งหัวโต๊ะ เลือกรองประธานวุ่น พท.ส่งชื่อ “ประเสริฐ” นั่งรองที่ 2 ฝ่ายรบ.ไม่ยอม จะให้ “นาที” จากภท.นั่ง จนต้องพักประชุม 30 นาที สุดท้าาย “บิ๊กอาย” คว้ารอง 2 ส่วน “เรืองไกร” ซิวโทรโข่ง ประจำคณะ

ที่ห้องประชุมงบประมาชั้น4 อาคารส่วนกลาง รัฐสภา ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2565 สภาผู้แทนราษฎร นัดแรก โดยมีวาระสำคัญในการเลือกตำแหน่งต่าง ๆ อาทิ ประธานกมธ.  รองประธานกมธ. เลขานุการ และโฆษก กมธ.โดยมีนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ซึ่งอาวุโสสูงสุดเป็นประธานชั่วคราว โดยที่ประชุมมีมติเสียงข้างมากให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในฐานะกมธ.ฯ ดำรงตำแหน่งประธานกมธ.ฯ 

สำหรับตำแหน่งรองประธานกมธ.ที่ประชุมมีมติให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เป็นรองประธานคนที่ 1 ส่วนตำแหน่งรองประธานคนที่ 2 ที่ประชุมไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตำแหน่งรองประธานคนที่ 2 ต้องมาจากพรรคการเมืองที่มีเสียงมากที่สุดในสภาฯ คือพรรคเพื่อไทย โดยพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นรองประธานคนที่ 2 แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่ยินยอม เนื่องจากต้องการให้นางนาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ดำรงตำแหน่งดังกล่าว โดยไม่ต้องคำนึงถึงธรรมเนียมปฏิบัติ ที่จะต้องสลับฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลในตำแหน่งต่าง ๆ  ทำให้ฝ่ายค้านไม่พอใจ จนต้องพักการประชุม 30 นาที  เพื่อหารือถึงแนวทางแต่ละฝ่าย ก่อนกลับเข้ามาประชุมอีกครั้ง

จากนั้นเวลา 13.00 น. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกกมธ. แถลงผลการประชุมว่าที่ประชุมเลือกนายอาคม เป็นประธาน โดยมีรองประธานทั้งหมด 22 คน จากรัฐมนตรีและพรรคการเมืองต่างๆ โดยรองประธานคนที่ 2 คือนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน รองประธานคนที่ 3 นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ รองประธานคนที่ 4 คือนางนาที รองประธานคนที่ 5 คือ นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ  รองประธานคนที่ 6 คือ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เป็นต้น

นายสรวุฒิ กล่าวว่า ส่วนตำแหน่งเลขานุการจำนวน 7คน มีนายอรรถกร ศิริลัทยากร  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นเลขานุการกมธ.คนที่ 1 ตำแหน่งโฆษก กมธ.จำนวน 9 คน ซึ่งนอกจากตนแล้วยังมีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ.สัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ เป็นโฆษกด้วย ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษากมธ.มีจำนวน 10 คน

นายสรวุฒิ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ที่ประชุมวางกรอบการพิจารณาทุกวัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป โดยทางสำนักงบประมาณได้กำหนดแนวทางในการพิจารณาออกเป็นแบบที่1 เรียงตามมาตรา และแบบที่ 2 ตามกลุ่มภาระกิจ 6 กลุ่ม 11 แผนบูรณาการ  ซึ่งคาดว่าที่ประชุมจะเลือกแบบที่ 2 เหมือนการพิจารณางบประมาณปี 64

“บิ๊กตู่” เตรียมควง “อนุทิน” ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ-ศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 คิกออฟพื้นที่ กทม. ณ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ปูพรมฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ทั่วปท.7 มิ.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ในวันจันทร์ที่ 7 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ และศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ นายกฯจะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ทักทายไปยังหน่วยงานส่วนภูมิภาค 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น และภูเก็ต และเป็นประธานสักขีพยานในโอกาส ปลัดกระทรวงคมนาคมมอบอุปกรณ์ ทางการแพทย์ เพื่อสนับสนุนภารกิจวาระการฉีดวัคซีนแห่งชาติ ให้แก่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบรมว.คมนาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงานนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การยก์วินพงศ อธิบดีกรมควบคุมโรค ร่วมลงพื้นที่

ทั้งนี้ ในวันที่ 7 มิ.ย.จะเป็นวันที่เริ่มต้นการฉีดจำนวนมากในทุกพื้นที่ ซึ่งจะมีการฉีดวัคซีนทั้งแอสตราเซเนกา และซิโนแวค

“เมทินี” ออกข้อเเนะนำปธ.ศาลฎีกาเสริมสร้างประสิทธิภาพป้องกันการหลบหนีลดความเหลื่อมล้ำจำเลยยากจนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 64  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา นางเมทินี ชโลธรประธานศาลฎีก ได้ออกคำแนะนำของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการใช้มาตรการกำกับดูแลในระหว่างปล่อยชั่วคราว พ.ศ.2564 

ความว่าตามที่พระราชบัญญัติมาตรการกำกับและติดตามจับกุมผู้หลบหนีการปล่อยชั่วคราวโดยศาล พ.ศ.2560 กำหนดให้มีมาตรการกำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวขึ้นโดยมุ่งประสงค์ที่จะเสริมสร้างประสิทธิภาพในการป้องกันการหลบหนีและภัยอันตรายหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวจากศาล ซึ่งนอกจากจะทำให้สังคมได้รับความปลอดภัยยิ่งขึ้นแล้วยังมีส่วนช่วยลดความจำเป็นในการเรียกหลักประกันลงด้วยส่งผลให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ยากจนซึ่งไม่อาจหาหลักประกันมาวางย่อมมีโอกาสที่จะได้รับการปล่อยชั่วคราวเช่นเดียวกับผู้ต้องหาหรือจำเลยอื่นอันเป็นการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อีกทางหนึ่งจึงสมควรจัดวางระบบการใช้มาตรการกำกับดูแลดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับหลักการและวัตถุประสงค์ของกฎหมายรวมทั้งส่งเสริมให้มีการใช้แพร่หลายมากขึ้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรมซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2551 

ประธานศาลฎีกาจึงออกคำแนะนำดังต่อไปนี้

ข้อ 1 การกำกับดูแลหมายถึงการสอดส่องดูแลให้ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวปฏิบัติตามคำสั่งหรือเงื่อนไขที่ศาลกำหนดซึ่งรวมถึงการรับรายงานตัวและการให้คำปรึกษาแก่บุคคลดังกล่าวด้วยเพื่อมิให้เกิดการหลบหนีหรือก่อภัยอันตรายหรือความเสียหายใด ๆ ดังที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108

ข้อ 2 ในกรณีปล่อยชั่วคราวโดยไม่มีประกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 111 หากศาลเห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อคุ้มครองสังคมจะมีคำสั่งกำหนดเงื่อนไขหรือสั่งใช้มาตรการกำกับดูแลกับผู้ถูกปล่อยชั่วคราวนั้นก็ได้

ข้อ 3 การปล่อยชั่วคราวในกรณีอื่นนอกจากข้อ 2ศาลพึงคำนึงถึงการใช้วิธีกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวปฏิบัติและมาตรการกำกับดูแลเป็นเบื้องต้น

ข้อ 4 เงื่อนไขที่อาจกำหนดให้ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวปฏิบัติในระหว่างปล่อยชั่วคราวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108 วรรคสามเช่น (1) ให้มาศาลตามกำหนดนัด (2) ห้ามยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน (3) ห้ามเดินทางออกนอกประเทศหรือออกนอกพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง (4) ห้ามพบหรือเข้าใกล้ผู้เสียหาย (5) ห้ามออกจากที่อยู่อาศัย (6) การเปลี่ยนหรือย้ายที่อยู่อาศัยต้องแจ้งให้ศาลทราบ (7) ห้ามเข้าไปในสถานที่บางแห่ง (8) ห้ามคบหาสมาคมกับบุคคลบางประเภท (9) ให้รายงานตัวต่อผู้กำกับดูแลหรือบุคคลที่ศาลกำหนด (10) ให้เข้ารับคำปรึกษาหรือการบำบัดรักษาความบกพร่องทางร่างกายหรือจิตใจ (11) ให้เข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อหาสารเสพติด (12) ห้ามทำกิจกรรมหรือประกอบอาชีพบางอย่าง (13) ห้ามพกพาอาวุธปืน (14) ห้ามกระทำการตามที่ถูกกล่าวหาหรือฟ้องร้อง

ข้อ 5 นอกจากกำหนดเงื่อนไขตามข้อ 4แล้วศาลจะกำหนดให้มีผู้กำกับดูแลเพื่อสอดส่องดูแลรับรายงานตัวหรือให้คำปรึกษาแก่ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวด้วยก็ได้โดยอาจแต่งตั้งจากบุคคลที่ขึ้นบัญชีไว้ต่อศาลหรือบุคคลอื่นที่ศาลเห็นว่าเหมาะสมและสามารถสอดส่องดูแลให้ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือคำสั่งของศาลได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้นั้นในกรณีที่ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวมีความเสี่ยงสูงที่จะหลบหนีหรือก่อภัยอันตรายและมีการกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับสถานที่อยู่หรือการเดินทางซึ่งต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดศาลอาจสั่งใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถใช้ตรวจสอบหรือ จำกัด การเดินทางของผู้ถูกปล่อยชั่วคราวควบคู่ไปด้วยก็ได้

ข้อ 6 การกำหนดเงื่อนไขการแต่งตั้งผู้กำกับดูแลตลอดจนการสั่งใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ศาลพึงพิจารณากำหนดให้เหมาะสมและได้สัดส่วนกับพฤติการณ์ของผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นราย ๆ ไปถ้าศาลเห็นว่าการใช้วิธีการตามวรรคหนึ่งเป็นอันเพียงพอต่อการป้องกันการหลบหนีหรือก่อภัยอันตรายหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแล้วศาลจะปล่อยชั่วคราวโดยไม่เรียกหลักประกันเลยก็ได้เว้นแต่เป็นคดีเกี่ยวกับการทุจริตฉ้อฉล อันมีผลกระทบต่อสาธารณชนส่วนรวมหรือการค้ายาเสพติดให้โทษ ที่พฤติการณ์แห่งคดีก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจและสังคมอย่างร้ายแรง

ข้อ 7 ถ้าความปรากฏต่อมาว่าวิธีการที่กำหนดไว้ไม่เพียงพอหรือไม่เหมาะสมศาลอาจมีคำสั่งให้ใช้วิธีการที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามที่เห็นสมควร

ข้อ 8 ภายหลังที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วหากจำเลยไม่เคยถูกคุมขังมาก่อนหรือได้รับการปล่อยชั่วคราวในศาลชั้นต้นหรือศาลชั้นอุทธรณ์และไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนียุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นใดแม้ยังไม่มีการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาหรือยังไม่ได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์หรือฎีกาให้ศาลที่มีอำนาจนำวิธีการตามคำแนะนำนี้ไปใช้ประกอบการพิจารณาสั่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวด้วยเพื่อให้จำเลยมีโอกาสได้รับการปล่อยชั่วคราวมากขึ้นและสามารถดูแลความปลอดภัยให้แก่สังคมได้ในขณะเดียวกัน

ข้อ 9 การประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่ศาลกับผู้กำกับดูแลอาจดำเนินการโดยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ใดก็ได้ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องแต่งตั้งบุคคลซึ่งอยู่นอกเขตศาลเป็นผู้กำกับดูแลอาจขอให้เจ้าหน้าที่ศาลที่บุคคลดังกล่าวมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตของศาลนั้นประสานงานให้และเพื่อความรวดเร็วการติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่ศาลด้วยกันจะดำเนินการโดยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้

ข้อ 10 การจ่ายค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายแก่ผู้กำกับดูแลให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการกำกับและติดตามจับกุมผู้หลบหนีการปล่อยชั่วคราวโดยศาลและเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยศาลอาจแจ้งให้ผู้กำกับดูแลทราบถึงสิทธิที่จะได้รับเงินดังกล่าวภายหลังจากปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้นแล้วก็ได้

ข้อ 11 ให้สำนักงานศาลยุติธรรมจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้กำกับดูแลรวมทั้งคู่มือในการปฏิบัติตนของผู้ถูกปล่อยชั่วคราวและสนับสนุนการดำเนินการของศาลต่าง ๆ ให้เป็นไปตามคำแนะนำนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top