Saturday, 10 May 2025
POLITICS NEWS

‘กรณ์’ ท้า เพื่อไทย-ปชป. ประกาศคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ พปชร. หาก พปชร.-ส.ว. ขวางแก้ยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ยํ้าอย่าเล่นละครตบตาประชาชน

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การเสนอแก้รัฐธรรมนูญเที่ยวที่แล้ว คือการเล่นละครฉากใหญ่ที่จบไปแล้วรอบหนึ่ง รอบนี้ถ้าจริงใจจะแก้เพื่อประชาชน พรรคไหนเสนอแก้รัฐธรรมนูญ แล้วไม่ยืนคำขาดแก้ 272 ห้าม ส.ว. แต่งตั้งเลือกนายก อย่าบอกว่าอยู่ข้างประชาธิปไตย

"พรรคพลังประชารัฐ เขาชัดเจนว่าไม่แก้ ม.272 แน่ แต่ขอพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ต้องมั่นคงกับประชาธิปไตย ขอให้ชัดเจน! กล้ายื่นคำขาด หากพลังประชารัฐ และ ส.ว. ไม่โหวตแก้ ม.272 ห้าม ส.ว. แต่งตั้งเลือกนายก จะไม่ยกมือแก้รัฐธรรมนูญมาตราอื่นทุกกรณี” นายกรณ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวต่อว่า ข้อบกพร่องหลักทางประชาธิปไตยของรัฐธรรมนูญปี 60 คือ มาตรา 272 ที่ยอมให้ ส.ว. มาเลือกนายกรัฐมนตรี ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ก็ทราบดี ทั้งสองพรรคอย่าเล่นละครเสนอร่างแก้มาตรา 272 ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางผ่านด่านพลังประชารัฐและ ส.ว. พอถึงเวลาที่ร่างแก้เรื่อง ส.ว. ถูกตีตก ทั้งคู่ก็จะบอกว่า เราได้พยายามแล้ว และก็เดินหน้าลงคะแนนแก้ไขเรื่องที่ตนได้ประโยชน์ต่อไป ทั้งหมดนี้จะเป็นจริงหรือไม่ การกระทำจะเป็นข้อพิสูจน์

นายกรณ์ ทิ้งท้ายว่า ดังนั้น ผมขอท้าทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ให้แสดงจุดยืนให้ชัด ประชาชนจะได้เห็นชัดๆ ว่าทั้งสองพรรคกำลังเดินตามเกมส์ของพลังประชารัฐเพื่อส่วนรวมหรือเพื่อตัวเอง พูดให้ชัดว่าหากข้อเสนอยกเลิกอำนาจ ส.ว. ถูกปฏิเสธ ท่านก็จะไม่สนับสนุนร่างอื่น อย่าให้กลายเป็นละครตบตาประชาชนครับ

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10159714407619740&id=71254499739


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ชุมชนหลังวัดปทุมฯ ร้องโควิดระบาดอีกรอบ พบคนติดเชื้อแล้วเกือบ 60 คน กักตัวอีก 60 ครัวเรือน วอนขอรถตรวจเชื้อเคลื่อนที่ด่วน

นายใจพิชญ์ สุขุมาลจันทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตปทุมวัน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในชุมชนหลังวัดปทุมวนาราม กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะอีกครั้ง ภายหลังจากที่เกิดการระบาดรอบที่แล้วกรณีคลัสเตอร์ห้างดังย่านปทุมวัน จึงขอเรียกร้องสำนักงานเขตขอรถตรวจเชื้อเคลื่อนที่เข้ามาตรวจหาเชื้อคนในชุมชนหลังวัดปทุมวนารามโดยด่วน ทั้งนี้จากการที่ตนพร้อมด้วยครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป ลงพื้นที่ชุมชนหลังวัดปทุมวนารามหลังได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.สุวรรณวิลาศ จันทร์เดชะ ผู้นำชุมชนหลังวัดปทุมวนารามว่าขณะนี้ชุมชนหลังวัดปทุมวนาราม พบการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างน่าเป็นห่วงอีกครั้งภายหลังจากที่พบการระบาดของรอบที่แล้วจากกรณีคลัสเตอร์ห้างดังเมื่อเดือนก่อน โดยช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 60 คนและค่อยๆ ทยอยส่งตัวไปรักษาตามขั้นตอนในโรงพยาบาลจนขณะนี้ ยังเหลือผู้ติดเชื้อในชุมชนอีกประมาณ 10-20 คน 

นายใจพิชญ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาหลักที่ผ่านมา คือภาครัฐไม่ใส่ใจแก้ปัญหาโควิดระบาดในชุมชนอย่างจริงจัง ยกตัวอย่างคลัสเตอร์ห้างดังรอบที่แล้ว รัฐแก้ปัญหาให้แต่คนรวย คือมาตรวจเชื้อในชุมชนจริง แต่ตรวจให้แต่พนักงานของห้างและคนใกล้ชิดเท่านั้น คนในชุมชนมีเป็นพันคน เขาตรวจแค่ 3-4 ร้อยคนแล้วก็กลับไป แต่คนในชุมชนอีก 5-6 ร้อยคนที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างแออัด กลับไม่ตรวจหาเชื้อให้เขา พอเรียกร้องไปที่สำนักงานเขตก็บอกให้ไปตรวจเชื้อกับรถตรวจเชื้อที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ เอาเอง โดยที่คนในชุมชนทั้งหมดเป็นแรงงานหาเช้ากินค่ำ การลาไปตรวจหาเชื้อไกลๆ ต้องลางาน ขาดรายได้ และไม่ได้มีหลักประกันว่าจะได้ตรวจ 

นอกจากนี้ชาวชุมชนหลังวัดปทุมวนารามก็ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด แต่ก็ไม่กล้าไปถาม ผอ.เขต ผู้นำชุมชนก็ไม่กล้าร้องเรียนบ่อยเพราะกลัวถูกเพ่งเล็ง วิธีการทำงานแบบลูบหน้าปะจมูกแบบนี้ ชาวชุมชนหลังวัดปทุมวนารามไม่สบายใจ อยากให้เห็นคนจนได้รับการปฏิบัติดูแลรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมแม้ในยามป่วยไข้แบบนี้ ทั้งนี้ ชาวชุมชนหลังวัดปทุมวนารามกังวลกับการกลับมาระบาดใหม่รอบนี้  เพราะยังมีผู้ติดเชื้อคงค้างอยู่ในชุมชนอีกประมาณ 15-20 คน และมีผู้มีความเสี่ยงสูงกักตัวอีก 60 ครัวเรือน จึงอยากขอรถตรวจเชื้อเคลื่อนที่เข้ามาตรวจเชื้อโดยด่วน และแยกตัวผู้ป่วยออกไปโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะกลายเป็นคลัสเตอร์ระลอกสองเร็วๆ นี้

“วิรัช” รับ กระแสดัน “ธรรมนัส” เสียบเลขาฯ เป็นความจริง ย้อนสื่อ ข้อมูลเหมือนอยู่ในเหตุการณ์

ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมใหญ่พรรค ถึงความชัดเจนที่จะมีการเสนอชื่อร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคว่า มีความใกล้เคียง ขอให้รอการประชุมอย่างเป็นทางการก่อน ซึ่งคิดว่าใช้เวลา 2-3 ชม.ก็เรียบร้อย ดังนั้นสิ่งที่จะพูดล่วงหน้า ของให้ผ่านที่ประชุมเสียก่อน 

เมื่อถามว่าจะมีการเสนอชื่อเพียงชื่อเดียวใช่หรือไม่นายวิรัช กล่าวว่า ก็ทำนองนั้น ต่อข้อถามว่าก่อนการเสนอชื่อได้มีการหารือกับกลุ่มต่างๆ ของพรรคหรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า เมื่อสักครู่ก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ว่าจะเป็นคนเก่าหรือว่าที่คนใหม่ ทุกอย่างอยู่พร้อมกันหมด

เมื่อถามว่าขณะนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรรค ได้ลาออกจากตำแหน่งแล้วหรือยัง นายวิรัช กล่าวว่า วันนี้ข่าวลงไปทุกอย่างหมดแล้วก็เลยไม่รู้จะตอบอย่างไร ต่อข้อถามว่าข่าวที่เสนอออกไปเกี่ยวกับตำแหน่งต่างๆ จะ อาทิ รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการ ตรงกับความจริงใช่หรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า เหมือนกับนั่งอยู่ในเหตุการณ์ การประชุมวันนี้ตำแหน่งกรรมการพรรคจะมีสัดส่วนลดลง ส่วนการเปลี่ยนตัวเลขาฯพรรค เพื่อเตรียมการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า เพราะนายกฯรัฐมนตรีบอกว่าจะอยู่ครบวาระ

“แรมโบ้" เหน็บ “โฆษก พท. สวยแต่หน้า หลังไม่ฟังกระแสปชช. พอใจ” นายกฯ-รบ. ประกาศเปิดประเทศภายใน 120 วัน ชี้ หากไม่ช่วย อย่าเอาเท้าราน้ำ ขัดขวางทุกเรื่อง 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) วิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรี เตรียมเปิดประเทศใน 120 วัน โดยถามถึงความเสี่ยง และความพร้อมของการฉีดวัคซีนครบหรือไม่นั้น ว่า นายกฯรับทราบสถานการณ์ประเทศเป็นอย่างดีว่าขณะนี้เป็นอย่างไร เพราะทำงานแก้ไขปัญหาโควิดมาตลอด พิจารณาทั้งปัจจัยภายในและภายนอกควบคู่กันไป รวมทั้งพยายามรักษาสมดุลระหว่างสุขภาพและปากท้องประชาชนทุกกลุ่ม ส่วนที่ออกแถลงการณ์เตรียมเปิดประเทศในอีก 120 วัน เริ่มจากจังหวัดภูเก็ต ทราบดีว่ารัฐบาลเตรียมที่จะทำอะไรอยู่ ซึ่งแม้จะยอมรับว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้างจากการระบาดของเชื้อโควิด แต่นายกฯอยากให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้น เพราะทุกอย่างต้องมีแผน ต้องเตรียมการล่วงหน้า ต้องมีเป้าหมายร่วมกันของทุกภาคส่วน ไม่ใช่อยู่อย่างหวาดผวาจนเกินเหตุ จนละทิ้งความกล้าเผชิญหน้าอย่างมีเหตุผล และมีความรู้เท่าทันสถานการณ์

นายเสกสกล  กล่าวว่า การประกาศเปิดประเทศของนายกฯ มั่นใจว่านายกฯ ไม่ได้คิดเอง แต่อยู่ในฐานะผู้นำที่จะต้องตัดสินใจนำพาประเทศไปสู่สิ่งที่ดีกว่า หรือดีที่สุด บนพื้นฐานของการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน จากคณะที่ปรึกษาต่างๆ เชื่อมั่นว่าจากนี้ไปจนถึง 120 วัน นายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันหารือเพื่อหามาตรการให้รัดกุมมากที่สุดก่อนที่จะเปิดประเทศ มีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นรายวัน ขณะเดียวกันเชื่อว่าเมื่อถึงเวลา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่น่าจะได้ฉีดวัคซีนครบแล้ว เช่นเดียวกันกับคนไทยที่ ศบค. ยืนยันแล้วว่าภายในเดือนตุลาคมนี้คนไทยจะต้องได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 50 ล้านคน เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ 

นายเสกสกล  กล่าวว่า หากโฆษกพรรคพท.หรือแม้แต่คนในพรรคไม่อยากช่วยเหลือประชาชน และประเทศชาติ ขอย้ำว่า มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ ขัดขวางไปทุกเรื่อง แม้ว่านายกฯ และรัฐบาล จะทำดีแค่ไหน เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศชาติ พรรคพท.จะออกมาตำหนิ ขัดขวาง และจะสนใจเฉพาะผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง อาศัยจังหวะที่ประเทศเกิดวิกฤต เรียกร้องให้นายกฯลาออก เพราะมีความหวังว่าจะเข้าไปเป็นรัฐบาล ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนของพรรคพท.ถึงไม่อยากให้ประเทศพ้นวิกฤตตรงนี้ให้ได้ก่อน  

“โฆษก พท. หน้าตาดูสวยดี แต่ความคิดกลับดูไม่สวยงามเหมือนหน้าตาเอาเสียเลย ไม่ลองหัดไปฟังกระแสตอบรับจากประชาชนดูบ้างว่า สิ่งที่นายกฯต้องการเปิดประเทศเพื่อเศรษฐกิจฟื้นกลับคืนสู่ภาวะปกติ เป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้ประเทศไทยรอดพ้น น่าเสียดายความคิดที่ดูไม่สวยงามเอาเสียเลย ขอถามกลับสักคำ ความคิดสั้นๆแคบๆเพียงแค่นี้ เป็นความคิดส่วนตัว หรือเป็นมติพรรค ผมจะได้ป่าวประกาศให้คนไทยได้รับรู้ว่า พรรคพท.ไม่เอาด้วย เพราะไม่อยากให้ประชาชนกลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องการให้เศรษฐกิจดีขึ้น และไม่ต้องการให้คนไทยพ้นภัยจากโควิดร้าย" นายเสกสกล กล่าว

รองนายกฯ ศก. เผย บิ๊กตู่ จ่อลงภูเก็ต 1 ก.ค. นับหนึ่งเปิดประเทศให้ รอฟัง ศบค.ชุดใหญ่เคาะมาตรการผ่อนปรนวันนี้ แนะ ปชช.ต้องช่วยกัน อย่าโยนภาระให้รัฐบาล

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่จ.ภูเก็ต ในวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ว่า วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นวันเปิดโครงการวันแรก ส่วนก่อนหน้านั้นคงมอบหมายผู้ที่เกี่ยวข้องลงไปเตรียมความพร้อม ผู้สื่อข่าวถามถึงการประชุมศบค.ชุดใหญ่ในวันนี้จะผ่อนคลายมาตรการใดเป็นพิเศษหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ขอให้รอฟังผลการประชุมศบค. ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คงได้เตรียมข้อมูลในส่วนที่เหมาะสม เมื่อถามว่า นอกจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แล้วเห็นว่ากำลัวจะเปิดเกาะ ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจ.สุราษฎร์ธานีด้วย นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ขอให้รอฟังผลการประชุมศบค. ที่ชัดเจน คงมีการเสนอในวาระเพื่อหารือ และจะผ่อนคลายอย่างไรหรือไม่ อย่างไรก็ตามการผ่อนคลายมาตรการนั้น ย่อมให้เกิดการทำธุรกิจในประเทศได้คล่องตัว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางการแพทย์ยังมีความคิดเห็นว่าไม่ต้องการให้เปิดประเทศอย่างเต็มที่ รองนายกฯ กล่าวว่า คงหารือกันมาก่อน โดยทีมเลขา ศบค. มีองค์คณะร่วมประชุมหลากหลายสาขา ก่อนที่จะมีข้อสรุปเพื่อนำเสนอ ต่อศบค. ชุดใหญ่รวมถึงความเป็นห่วงของทุกคนและฝ่ายต่างๆ และคงได้หารือกันแล้ว ในที่ประชุมศบค. ชุดเล็ก ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าภาคเอกชนอยากให้รัฐบาลกำหนดไทม์ไลน์ที่ชัดเจนว่าห้วงเวลา 120 วัน จะทำอะไรบ้าง รองนายกฯ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าศบค. คงนำเสนอและขอให้ติดตามกัน

"แต่ที่สำคัญ ทันทีที่รัฐบาลประกาศ คนมักจะมองว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำอะไรทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สำคัญที่สุดคือพวกเรา ที่ต้องรู้ทิศทางประเทศ ว่าทิศทางเช่นนี้เป็นเรื่องที่ดี ใครๆ ก็อยากให้เปิดประเทศ เราควรจะดีใจ ที่วันนี้เรามีเป้าหมาย และก็รู้แล้วว่าช่วง 120 วัน พวกเราก็เตรียมตัวเตรียมใจสนับสนุน ช่วยกันคิดช่วยกันทำ ทำอย่างไรให้ประเทศเปิดได้ เป็นไปไม่ได้หรอกที่รัฐบาลจะทำคนเดียว เราต้องลุกขึ้นมาแล้วกลับมาคิดเหมือนกันว่า แต่ละหน่วยงาน และประชาชนทุกคน แล้วอย่างที่ผมเคยบอกแล้วว่าเอกชนก็ปรับตัวในทันทีเปิดประตูที่ภูเก็ต เขาก็จะอาศัยภูเก็ตทำการค้าขายและพบประเทศพันธมิตร พูดคุยกันในภาคการลงทุน ตอนนี้เป็นอีกมุมหนึ่งนอกจากภาคการท่องเที่ยว 

ดังนั้นถ้าปรับตัวตามลำดับถือเป็นเรื่องที่ดีขึ้นเพื่อให้เราปรับปรุงทำให้ดีขึ้น อะไรที่ควรจะปรับปรุงก็ยินดีที่จะปรับปรุง ถือเป็นความร่วมมือและเตรียมพร้อม เข้าไปสู่ความร่วมมือที่จะช่วยรัฐบาลเดินไปข้างหน้า ผมไม่อยากให้พวกเราคิดว่า พอรัฐบาลประกาศปุ๊บ แล้วก็นั่งเฉยๆ เพื่อรอดูว่านายกฯ หรือรัฐบาลจะทำอะไร แล้วเราจะได้ประโยชน์จากตรงนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลฝ่ายเดียวมันคงไม่ใช่ ส่วนพื้นฐานของพวกเราทุกคนก็คือการควบคุมการระบาด ให้ปลอดภัย ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด ตรงนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในระดับประชาชน" 

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า วันนี้เราจะรอดูจาก ผลพวงของการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ โดยในวันที่ 25 มิถุนายน ผู้แทนของรัฐบาลจะลงไปเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ตนยังเชื่อมั่นในชาวจังหวัดภูเก็ต ผู้ประกอบการจังหวัดภูเก็ต รวมถึงทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะหน่วยงานด้านสาธารณสุข ที่ช่วยกันดูทุกด้านอย่างรอบคอบอยู่แล้ว ตนถึงได้ย้ำว่า อย่าไปเพียงตั้งข้อสงสัยแล้วรอให้ใครมาบอก แต่เราสามารถค้นหาติดตามได้ โดยสอบถามจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หรือหน่วยงานจากจังหวัดภูเก็ตก็ได้ว่า ได้เตรียมภาคสนามไว้อย่างไร มีความพร้อมแค่ไหน การควบคุมดูแลและตรวจการเป็นอย่างไร ขอให้รอ ไม่ใช่รอให้ส่วนกลางรอสั่งลงไป เพราะทันทีที่จังหวัดภูเก็ตได้รับทราบว่าเขาได้รับการสนับสนุน เขาก็ขยับตัวทันก่อนที่จะลงมือทำ เพราะเห็นประโยชน์ ซึ่งเชื่อว่าเขาทำในฐานะประเทศไทย มีความตระหนักเป็นอย่างดีและทำอย่างเต็มที่ เพราะรู้ว่าการเปิดประเทศผ่านเมืองเขาเป็นเมืองแรก เป็นสิ่งที่อยากจะทำให้เกิดและอยากทำให้ดีด้วย ซึ่งประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ โดยผู้ประกอบการได้เตรียมความพร้อมตามลำดับ เพื่อให้ประเทศประเทศทยอยทดสอบการเปิดประเทศผ่านช่องทางเล็กๆ ของเราคือภูเก็ต

พปชร.คึกคัก รับ “บิ๊กป้อม” ประชุมใหญ่สามัญพรรค รื้อ โครงสร้างกรรมการบริหาร จับตาเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2564 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น เป็นไปอย่างคึกคัก บรรดาแกนนำพรรค ทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มสามมิตร กลุ่ม 4 ช. นำโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม รองหัวหน้าพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมต.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และเหรัญญิกพรรค ส.ส.ตัวแทนภาค ตัวแทนเขต สมาชิกพรรคจากจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครราชสีมา เดินทางเข้ามาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ประมาณ 500 คน

ทั้งนี้วาระการประชุมเป็นการรายงานผลดำเนินงานประจำปีของพรรค งบดุลการเงิน รวมถึงวาระอื่นที่ต้องจับตาคือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรค โดยจะลดจำนวนกรรมการลง รวมทั้งตำแหน่งเลขาธิการพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานที่จัดประชุม ได้ปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามที่ศบค. กำหนด โดยตั้งจุดตรวจวัดอุณหภูมิ ฉีดแอลกอฮอล์ จัดที่นั่งเว้นระยะห่าง ลงทะเบียนผ่านไทยชนะ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย ได้มีเจ้าหน้าหน่วยอีโอดี ตั้งเครื่องสแกนวัตถุต้องสงสัยตรวจบุคคลที่ผ่านเข้า-ออก และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบดูแลความเรียบร้อยทั้งในตัวอาคารและภายนอกอาคาร

ทั้งนี้ภายในงานได้มีการแจกเสื้อยืดคอกลมสีขาว -น้ำเงิน สกรีนโลโก้พรรคที่อกด้านซ้าย พร้อมกับแจกหนังสือ “พลังประชารัฐรวมใจ รวมไทยเป็นหนึ่งเดียว” ความหนา 40 หน้า เนื้อหาด้านในแสดงประวัติพรรค รายชื่อส.ส. 122 คน คณะรัฐมนตรี 12 คน แจกเป็นที่ระลึก


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ผบ.ทสส.” ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จ.กาญจนบุรี พร้อมเน้นย้ำหน่วยในพท.เฝ้าระวัง การหลบหนีเข้าเมืองอย่างเคร่งคัด 

ที่ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) และคณะ ได้ตรวจเยี่ยมเพื่อติดตามการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสถานการณ์การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งการบริหารจัดการชายแดนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่จ.กาญจนบุรี

โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปจาก กองพลทหารราบที่ 9 กองกำลังสุรสีห์ ที่ ค่ายสุรสีห์ และเดินทางไปหารือข้อราชการกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รับฟังการบรรยายสรุปจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ศาลากลาง จังหวัดกาญจนบุรี

จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและรับฟังการชี้แจงสถานการณ์รวมถึงมาตรการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเยี่ยมชมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรองตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ที่ช่องทางออกด่านศุลกากร บ้านน้ำพุร้อน ตำบลบ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางไปรับฟังการบรรยายสรุป และพบปะกำลังพล ณ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 11 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้นำคำขอบคุณจาก พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มายังเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนด้วยความทุ่มเท เสียสละโดย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ ดำรงความเข้มงวดในการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมือง ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง  

โดยเฉพาะการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ต้องไม่ละเลย รู้เห็น มีส่วนร่วม หรือสนับสนุนขบวนการลักลอบเข้าเมือง ผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด เพราะจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง  

นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้หน่วยในพื้นที่บูรณาการความร่วมมือในการเฝ้าระวัง ติดตาม และแจ้งเหตุการณ์ลักลอบเข้าเมืองให้ฝ่ายความมั่นคงได้รับทราบ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และจัดเตรียมความพร้อมของสถานกักกันโรคในพื้นที่ให้เพียงพอ เพื่อเตรียมการรองรับเมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการในอนาคต ตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุขกำหนดทั้งนี้ เพื่อให้การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป

กรมการขนส่งทหารเรือ​ ร่วมกับ​กลุ่มอาสาสมัคร​ ใจถึงใจคนไทยไม่ทิ้งกัน จัดกิจกรรมช่วยเหลือชุมชนวัดหงส์รัตนาราม​ราชวรวิหาร

พล.ร.ต.สาธิต​ นาคสังข์​ เจ้า​กรมการขนส่งทหารเรือ​ ร่วมกับ​ กลุ่มอาสาสมัคร ​"ใจถึงใจคนไทยไม่ทิ้งกัน" ​นำโดย​ เล็ก ฝันเด่น​ จรรยาธนากร และ​นักศึกษา​ หลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพเรือ (พสบ.ทร.รุ่นที่18 ) โดยกลุ่ม​ "เรือหลวงแม่กลอง​" ร่วมกันจัดกิจกรรม​ "ทหารเรือ​ ช่วยเหลือชุมชนวัดหงส์"​ บริเวณชุมชนวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร​ เขตบางกอกใหญ่​ กรุงเทพ โดยชุมชนดังกล่าวมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ประมาณ 400 ครอบครัว  

นอกจากนี้ยังมี​ผู้ป่วยติดเตียง​และ​ ผู้สูงอายุจำนวนมาก​ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้​ ในการนี้​ กองทัพเรือ โดย กรมการขนส่งทหารเรือ กลุ่ม​อาสาสมัครใจ​"ถึงใจคนไทยไม่ทิ้งกัน" และ​ นักศึกษา​พสบ.ทร.รุ่นที่ 18 กลุ่ม​"เรือหลวงแม่กลอง​" ได้ร่วมกันมอบ​ เครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร​อาหารแห้ง​ ผ้าอ้อมสำเร็จรูป​​ และของที่จำเป็น​ให้กับพี่น้องประชาชนชุมชนวัดหงส์​ รัตนารามราชวรวิหาร

“ธิษะณา" ชี้ ร่างแก้ไขรธน.พปชร. หวังแก้ระบบเลือกตั้งเอื้อพรรคใหญ่ก่อนยุบสภา อัด ส.ว. ไม่จำเป็นต่อการเมืองไทย ทำประชาชนเปลืองภาษี เลี้ยงเสียข้าวสุก

น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ แกนนำกลุ่ม Re-solution กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 22-23 มิ.ย. เพื่อพิจารณาญัตติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่า ขณะนี้มีร่างที่เสนอโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีหลักการสำคัญ คือ การเปลี่ยนระบบเลือกตั้งแต่ไม่มีเรื่องการตัดอำนาจ ส.ว.ในการโหวตนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ได้ระบุว่า หากร่างของพรรคพลังประชารัฐได้รับความเห็นชอบวาระรับหลักการจากรัฐสภา จะเข้าสู่ขั้นตอนตั้งคณะกรรมาธิการมาพิจารณาวาระ 2 ซึ่งคาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 เดือนน่าจะได้ข้อสรุป เพราะเป็นการแก้แค่รายมาตรา และนำเข้าสู่การโหวตวาระ 3 ได้ในเดือน ส.ค. ซึ่งอาจจะพิจารณาเสร็จก่อนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65 นอกจากนี้ยังมีสมาชิกวุฒิสภาประกาศว่า ส.ว.จะไม่ให้ผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอตัดอำนาจ ส.ว.ในการร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีตาม มาตรา 272

น.ส.ธิษะณา กล่าวต่อว่า การเร่งดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐยิ่งตอกย้ำว่าไม่ได้มีเจตนาเพื่อขจัดการสืบทอดอำนาจของ คสช. และระบอบประยุทธ์ ซึ่งเป็นต้นตอปัญหาของรัฐธรรมนูญ 2560 เพราะเป็นการแก้ในประเด็นรายละเอียดยิบย่อย ไม่ใช่สาระสำคัญและอาจเอื้อผลประโยชน์ให้กับพรรคของตนเอง ทำให้ตีความได้ว่าบันไดขั้นต่อไปหลังจากนี้ คือ การแก้ไขระบบเลือกตั้ง เพื่อให้เป็นระบบที่จะได้ประโยชน์ต่อพรรคการเมืองของพวกเขาและพันธมิตรภายใต้ร่มเดียวกันมากที่สุด เพื่อทำให้ระบอบประยุทธ์มีกติกาที่ได้เปรียบในทุกประตูก่อนจะยุบสภาเพื่อการเลือกตั้งในครั้งถัดไป การพยายามจะอธิบายอย่างรวบรัดว่าเป็นเพียงการเปลี่ยนระบบเลือกตั้งจากบัตร 1 ใบ เป็นบัตร 2 ใบ ก็เป็นการจงใจที่จะให้รายละเอียดไม่ครบ เพราะถึงแม้สังคมบางส่วนอาจเห็นด้วยกับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่ระบบเลือกตั้งที่มีบัตร 2 ใบ ก็มีหลายรูปแบบ แต่นายไพบูลย์เลือกเสนอรูปแบบที่เอื้อต่อพรรคการเมืองใหญ่ให้ได้สัดส่วน ส.ส. ในสภาที่สูงกว่าสัดส่วนคะแนนที่ได้จากการเลือกตั้ง และทำให้อาจมีคะแนนตกน้ำกว่า 20 ล้านเสียง

น.ส.ธิษะณา กล่าวต่อว่า ปัญหาหลักของการเมืองไทยปัจจุบัน รวมถึงปัญหาที่สืบเนื่องมาจากการเลือกตั้งปี 2562 ไม่ใช่เรื่องระบบเลือกตั้ง แต่คือการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ถูกสังคมตั้งคำถามว่าได้ปฏิบัติงานด้วยความเป็นกลางหรือไม่ ฉะนั้น เรื่องที่เร่งด่วนกว่าการแก้ระบบเลือกตั้ง คือ การแก้ที่มาของ กกต. รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการองค์กรอิสระทุกคน ซึ่งข้อเสนอนี้มีอยู่ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ Re-solution ในขณะที่ร่างแก้ไขฉบับอื่นไม่ได้พูดถึง และยิ่งเห็นความพยายามของ ส.ว. ที่ประกาศกร้าว ไม่เห็นหัวประชาชนว่าจะโหวตไม่ให้ผ่านร่างที่เสนอตัดอำนาจ ส.ว.ในการร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ผ่านสนามเลือกตั้งมา ไม่ได้ยึดโยงจากประชาชน แต่ยึดโยงกับคณะรัฐประหาร คสช. พวกเขายังจะไร้ยางอายมาลดทอนเสียงของเจตจำนงประชาชนทั้งประเทศ เป็นสภาที่เลี้ยงเสียข้าวสุกจากภาษีของประชาชนอย่างแท้จริง แม้ว่าประชาชนจะไม่ได้อยากเลี้ยงก็ตาม สิ่งที่ ส.ว.ทำมาตั้งแต่เข้าสู่อำนาจ จนได้รับฉายาว่าเป็น “สภาปรสิต” คือ การถูกใช้เป็นเครื่องมือของระบอบประยุทธ์ในการสืบทอดอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ ในแต่ละปีงบประมาณจากภาษีประชาชนถูกผลาญไปกับสภาปรสิตจำนวนมหาศาล ส.ว.อาจไม่มีความจำเป็นต่อการเมืองไทยอีกต่อไป 

“แนวคิดที่ว่า ส.ว.คือสภาพี่เลี้ยงเป็นสมมติฐานที่ไม่ถูก เพราะสถานการณ์ของประเทศไทยและของโลกเปลี่ยนไปมากแล้ว ประชาชนตื่นตัวทางการเมืองและรู้จักเรียกร้องเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนและสังคม อีกทั้งประเทศไทยก็เป็นรัฐเดี่ยว ไม่ใช่มลรัฐ จึงไม่จำเป็นต้องมี ส.ว.เพื่อเป็นตัวแทนของมลรัฐเข้ามาอยู่ในสภา และที่ผ่านมา ส.ว. ที่แต่งตั้งหลังการรัฐประหาร มักมีหน้าที่สำคัญเพียงอย่างเดียวคือการสืบทอดอำนาจให้คณะรัฐประหาร อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบันการตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ เพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะ ส.ว. ยังมีอำนาจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการโหวตกฎหมายปฏิรูป ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงมีอำนาจชี้ขาดในการแต่งตั้งองค์กรอิสระและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องพิจารณาการยกเลิก ส.ว. แล้วมีสภาเดี่ยวซึ่งเป็นข้อเสนอที่มีอยู่ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของกลุ่ม Re-Solution เช่นกัน” น.ส.ธิษะณา กล่าว

‘เสรีพิศุทธ์’ ซัด ‘บิ๊กตู่’ โกหกประชาชนไปเรื่อย ไม่เชื่อ 120 วันเปิดประเทศได้ ชี้ควรลาออกตั้งนานแล้ว

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. ประกาศว่าจะมีการเปิดประเทศภายใน 120 วันว่า ตนถามว่ายังจะเชื่อพล.อ.ประยุทธ์ กันอีกหรือ เพราะไม่มีใครเขาเชื่อหรอก ทุกวันนี้มีเรื่องโกหกหลอกลวงประชาชนอยู่เรื่อย เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วก็ประกาศว่าปีนี้จะเป็นวาระแห่งการปราบทุจริต โดยพล.อ.ประยุทธ์ พูดตั้งแต่ปฏิวัติ พูดมาทุกปีแต่การทุจริตก็มากขึ้น ตั้งแต่แต่งเพลงขอเวลาอีกไม่นานจะคืนความสุขให้ได้หรือไม่ ความสุข 7 ปียังไม่พอใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นที่วางกรอบเวลาอย่าไปสนใจเลย ไม่มีทางทำอะไรได้หรอก กฎหมายสักตัวยังไม่รู้เลย ทำอะไรก็ผิดๆ ตลอด

เมื่อถามว่าหากทำไม่ได้ตามกรอบระยะเวลา 120 วัน พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกใช่หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ควรจะไปตั้งนานแล้ว เรื่องลาออกคงไม่มีใครไปจับมือให้เขาเซ็นใบลาออก หรือจับปากให้พูดว่าลาออกได้ อยู่ที่ตัวเขาว่ามีจิตสำนึก รับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติมากน้อยแค่ไหน ไม่รู้หรือว่าตอนนี้คนเขาไล่กันทั้งประเทศ

เมื่อถามต่อว่าแต่นายกฯ บอกว่ายิ่งไล่ก็จะยิ่งต่อสู้ต่อไป พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นอย่างนี้ แทนที่จะสำนึกว่าคนเขาเกลียดเขาชัง คิดว่าตนเองมีอำนาจมีส.ว. 250 คนสนับสนุนอยู่

ที่มา : https://siamrath.co.th/n/253562


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top