Sunday, 11 May 2025
POLITICS NEWS

‘จตุพร’ แจงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เผยปิดพีซ ทีวี 30 มิ.ย. ยุติออกอากาศอำลาสถานีประชาธิปไตยเพื่อปชช. ชี้ไปต่อไม่ไหวไร้ทุนสนับสนุนจากฝ่ายการเมือง ยันยืนหยัดเคียงข้างฝ่ายปชต. ปรับตัวใช้ช่องทางโซเชียลสู้ระบอบประยุทธ์

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. จัดรายการ PEACE TALK ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ในหัวข้อ “ชะตากรรม พีซ ทีวี” ระบุสถานีโทรทัศน์ พีซ ทีวี เป็นสถานีที่อยู่ท่ามกลางความยากลำบาก เป็นสถานีที่ถูกกสทช. ใช้อำนาจปิดมากที่สุด เคยถูกถอนใบอนุญาตและได้รับการคุ้มครองจากศาลปกครองกลาง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด 

“ในโลกของความเป็นจริง กว่าจะได้รับการคุ้มครองจากศาลก็ใช้เวลากว่า 3 เดือน ซึ่งสถานีฯ ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมากมายและกว่าที่สื่อโฆษณาจะกลับมาสนับสนุนก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน และก็โดนคำสั่งปิดตามมาอีกสองถึงสามครั้ง ซึ่งยืนหยัดอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ก็นับว่าเป็นปาฎิหาริย์ เพราะฉะนั้นเมื่อมาเจอวิกฤติจากการเป็นทีวีที่ไม่มีการสนับสนุนใดใด จากฟากฝ่ายใดของฝ่ายการเมืองเลย เป็นสถานีประชาธิปไตยที่ยืนหยัดแม้ว่าจะเจอคำครหามากมาย แต่พีซ ทีวี ก็ยังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่รายงานข่าวประชาธิปไตยอย่างซื่อสัตย์ และอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้มีอำนาจตลอดมา จึงไม่มีสปอนเซอร์ที่จะกล้ามาเสี่ยงตายกับพีซ ทีวี”

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้พยายามหาทางออก เช่น ปรับลดเงินเดือนพนักงานควบคู่การปรับลดเวลาการทำงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังไปไม่ไหวจนค้องตัดสินใจปิดกิจการ และไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานได้อย่างเต็มที่ และถ้าไม่มีปาฎิหาริย์ใด วันที่ 30 มิ.ย. นี้ก็ต้องปิดสถานีพักการออกอากาศ ซึ่งการใช้ช่องทางโซเชียลมิเดียก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะยังต้องใช้บุคลากรจำนวนมากพอสมควร

“ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ยากลำบากนี้ ผมเองพยายามคิดหาหนทางในโซเชียลมิเดียทั้งยูทูป เฟสบุ๊คทั้งของผม และพีซ ทีวี มีผู้ติดตามประมาน 1.5 ล้านคน หากพนักงานคนใดมีสินค้าก็สามารถมาฝากขายผ่านเพจนี้ได้โดยไม่หักค่าใช้จ่าย เพื่อที่จะหารายได้ในช่วงที่ยากลำบาก วันนี้เราได้ยืนหยัดและไม่มีหลังพิงใดใดทางการเมือง ในอนาคตผมเองก็รอดูสถานการณ์ ประวัติศาสตร์ของ พีซ ทีวี มีทั้งความภาคภูมิใจ และความเลวร้ายที่เจ็บปวด อย่างไรก็ตามก็พยายามหาหนทางแสงสว่างแม้ในยามมืดมนก็ตาม ”

นายจตุพร กล่าวยืนยันถึงการต่อสู้กับระบอบประยุทธ์ ว่า อย่างไรก็ยังดำรงอยู่แม้ว่าจะต้องล้มลุกคลุกคลานในฐานะประชาชน ถึงแม้พีซ ทีวี จะไม่มีปาฎิหาริย์ก็ต้องใช้ช่องทางสงครามโซเชียลมิเดีย ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องชะตากรรมของ พีซ ทีวี ส่วนภาระหน้าที่ของคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ซึ่งเป็นคนละส่วนกับพีซทีวี ก็ต้องยืนหยัดและยังดำเนินกิจกรรมตามปกติ วันที่ 24 มิ.ย. ก็จะไปทำเนียบรัฐบาลส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไรก็จะได้มีการพูดคุยและแถลงกันต่อไป

โฆษกกห. เผย ผลการประชุม รมว.กห.อาเซียน กับ รมว.กห.ประเทศคู่เจรจา (ADMM-Plus) ครั้งที่ 8

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทน รมว.กลาโหม เข้าร่วมประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน กับ รมว.กลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 8 (ADMM-Plus) ผ่านระบบ VTC ณ ศาลาว่าการกลาโหม โดย กระทรวงกลาโหมบรูไนเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น

ที่ประชุมโดย รมว.กลาโหม ทั้ง 18 ประเทศ รับทราบพัฒนาการความร่วมมือของอาเซียนที่ผ่านมา และได้แลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงของภูมิภาคและระหว่างประเทศร่วมกัน ซึ่งภาพรวมที่ประชุมให้ความสำคัญกับการรับมือกับความท้าทายที่เป็นปัญหาร่วมกันและส่งผลกระทบกับภูมิภาค โดยเฉพาะภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ทั้งภัยธรรมชาติ ภัยจากไซเบอร์ การก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งภัยคุกคามจากโรคระบาด COVID-19 ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ซึ่งทุกประเทศจำเป็นต้องร่วมกันรับมือกับความท้าทายที่เป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึงการสนับสนุนฟื้นฟูประเทศร่วมกัน

นอกจากนั้น ยังมีความกังวลร่วมกันถึงปัญหาความมั่นคงทางทะเล ทั้งคาบสมุทรเกาหลีและทะเลจีนใต้ ที่ทุกประเทศจำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานความไว้เนื้อเชื่อใจและเคารพกันและกัน ยึดถือปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ใช้กำลังทหารแก้ปัญหา ร่วมกันหาทางออกด้วยสันติวิธี โดยใช้ทุกกลไกที่มีอยู่ร่วมแก้ปัญหา เพื่อให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดจากนิวเคลียร์ และให้ทะเลจีนใต้ เป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างและเสรีในการคมนาคม สำหรับปัญหาในเมียนมา ที่ประชุมได้เรียกร้องไม่ให้มีการใช้ความรุนแรง ร่วมแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีและคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม โดยให้เป็นไปตามฉันทามติ 5 ข้อ ของการประชุมผู้นำอาเซียน

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำความสำคัญของการร่วมมือและช่วยเหลือกันและกันรับมือกับ COVID-19 อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการจัดตั้งกองทุนอาเซียนและแผนการฟื้นฟูอาเซียน ภายหลัง COVID-19 ร่วมกับการขับเคลื่อนความร่วมมือของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนและเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ ด้านเคมี ชีวภาพและรังสี  พร้อมทั้งให้ความสำคัญร่วมรับมือกับภัยคุกคามจากไซเบอร์ จากกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติและกลุ่มก่อการร้าย ที่มีการใช้ไซเบอร์มากขึ้นภายใต้สถานการณ์ COVID-19 พร้อมทั้งยืนยัน ไทยสนับสนุนฉันทามติ 5 ข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งตั้งผู้แทนพิเศษของประธานอาเซียน เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ระหว่างทุกฝ่ายและการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงสนับสนุนเมียนมาในการรับมือกับ COVID-19 ในฐานะครอบครัวอาเซียนด้วยกัน

จากนั้น ที่ประชุมได้ร่วมกันรับรองปฏิญญาบันดาร์ เสรี เบกาวัน ของการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน กับรมว.กลาโหมประเทศคู่เจรจา ว่าด้วยการส่งเสริมและการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต สันติภาพและความมั่นคงของอาเซียน ประกอบด้วยประเด็นสำคัญ ในการขับเคลื่อนและส่งเสริมความร่วมมือตอบสนองสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 การเตรียมความพร้อมและรับมือกับภัยคุกคามในภูมิภาคถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยคุกคามด้านเคมี ชีวภาพและรังสี การส่งเสริมความร่วมมือในบทบาทและการมีส่วนร่วมของสตรีในการเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคง รวมทั้งบทบาทของความเป็นแกนกลางและเอกภาพของอาเซียน เพื่อร่วมเสริมความมั่นคงของภูมิภาคให้มีความยั่งยืนร่วมกัน

“ปริญญ์” นำธุรกิจบันเทิง-กลุ่มอาชีพอิสระร้อง “ศปก.ศบค.” เร่งปลดล็อกเปิดบริการได้ภายใน 1 ก.ค. อนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นั่งดริ๊งก์ในร้านได้ 

ปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำตัวแทนผู้ประกอบการสถานบันเทิง ธุรกิจภาคกลางคืน และธุรกิจอิสระ อาทิ ฟิตเนส ธุรกิจรับจัดคอนเสิร์ตและอีเวนท์ ผับ บาร์ เข้าพบ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ที่อาคารสภาความมั่นคงแห่งชาติ ภายในทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล หลังได้รับผลกระทบหนักจากโควิด-19 ทั้ง 3 ระลอก นานกว่า 200 วัน ซึ่งกังวลว่าธุรกิจไปต่อไม่ไหว 

โดยนายปริญญ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา เราได้เห็นกลุ่มอาชีพธุรกิจกลางคืน สถานบันเทิง และอาชีพอิสระ ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการของภาครัฐในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และออกมาเรียกร้องเรื่องนี้กันมาระยะหนึ่งแล้ว ทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ จึงประสานงานในการพาตัวแทนผู้ประกอบการดังกล่าว เข้าพบผู้อำนวยการ ศปก.ศบค. เพื่อแบ่งปันมุมมองและเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา และถ้าเป็นไปได้ อยากเสนอแนะให้ ศบค.เปิดโอกาสให้ประชาชนหรือตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจประเภทต่างๆ เข้าไปร่วมการประชุมก่อนออกมาตรการใหม่ทุกครั้งด้วย เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ และร่วมกันทำให้มาตรการของภาครัฐเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากขึ้น  

ขณะที่ นายนนทเดช บูรณะสิทธิพร เจ้าของร้าน The Rock Pub กล่าวว่า  กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน สถานบันเทิงและธุรกิจอิสระ ได้เสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ดังนี้

1.) ขอให้ยกเลิกคำสั่งปิดสถานบันเทิงแบบเหมารวม โดยให้ปิดเฉพาะสถานบันเทิงที่พบผู้ติดเชื้อหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยง เป็นเวลา 14 วัน เพื่อทำความสะอาดร้านตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุข และให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้กักตัว  

2.) ขอให้มีคำสั่งปลดล็อกให้ธุรกิจกลางคืนและสถานบันเทิงได้กลับมาเปิดบริการ และจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยให้ปฏิบัติตามคำสั่งของ ศบค.และกรมควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด  

3.) ขอให้ผ่อนปรนให้สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อบริโภคในร้านได้ เพราะปัจจุบันยังไม่มีข้อบ่งชี้ที่ยืนยันว่าแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุของการแพร่เชื้อ  

4.) ขอให้ผ่อนปรนให้สามารถจัดมหรสพในพื้นที่ปิดได้ โดยต้องจัดที่นั่งแบบ 2 เว้น 1 และรักษาระยะห่างตามความเหมาะสม
 นายนนทเดช กล่าวอีกว่า  

5.) ขอให้พิจารณาการจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจกลางคืน ธุรกิจบันเทิง และธุรกิจอิสระเร็วที่สุด โดยให้มีสิทธิ์เข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึงไปพร้อมกับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว  

6.) ขอให้พิจารณาให้มีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องการเยียวยา การพักชำระหนี้ และการกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ เพื่อรักษาสภาพคล่องทางธุรกิจและการจ้างพนักงานจากการปิดธุรกิจชั่วคราว โดยพิจารณาการงดเว้นเก็บภาษาบางประเภท เช่น ภาษีสรรพสามิตร ภาษาใบอนุญาตจำหน่ายสุรา ภาษีป้าย เป็นต้น  

7.) ขอให้เปิดช่องทางการสื่อสาร เพื่อรับฟังความคิดเห็นและความต้องการประชาชนที่เดือดร้อน เพื่อให้ทราบถึงมุมมอง ผลกระทบ ความยากลำบากของผู้ประกอบอาชีพแต่ละกลุ่ม ก่อนที่ภาครัฐจะออกมาตรการต่างๆ  

8.) ขอให้ศบค.หารือกับกระทรวงแรงงานให้ผ่อนปรนเรื่องการจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน กรณีที่นายจ้างต้องลดเงินเดือนพนักงานลงเป็นการชั่วคราว เพื่อรักษาสภาพคล่องของธุรกิจ แทนการปลดพนักงานออก 

ด้าน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า  ศบค.ทราบดีถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ แต่มาตรการของภาครัฐที่ออกมา เกิดจากความเห็นชอบร่วมกันของทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพราะการฟื้นฟูสถานการณ์ในวิกฤตโควิด-19 ไม่ได้มีแค่ในแง่ของสาธารณสุข  อย่างไรก็ตาม ศบค.พร้อมรับฟังปัญหาของทุกคน และหลังจากนี้จะพยายามหารือมาตรการช่วยเหลือ ให้ความเป็นธรรมที่ทำให้แต่ละฝ่ายได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

กองทัพเรือปล่อยคลิปลง เพจ เรือดำน้ำไทย Thai Submarines แจงเหตุผลความจำเป็นมีเรือดำน้ำต่อเนื่อง หวังสร้างความเข้าใจประชาชน ระหว่าง กมธ.วิสามัญงบฯ ปี 65 พิจารณางบฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเรือดำน้ำไทย Thai Submarines ได้เผยแพร่คลิปภาพบรรยายเหตุผล และความจำเป็นการมีเรือดำน้ำ ในหัวข้อ “มูลค่าทางทะเลที่กองทัพเรือต้องปกป้อง” และ “ความพร้อมของกองทัพเรือ ภายใต้กำลังทางเรือที่ไม่สมบูรณ์” โดยพล.ร.ต.นเรศ วงศ์ตระกูล ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการ กรมยุทธการทหารเรือ กล่าวตอนหนึ่งว่า มีการใช้ทะเลในการขนส่งถึงร้อยละ 90 ของการขนส่งระหว่างประเทศทั้งหมด มีการใช้ทะเลแสวงหาผลประโยชน์ทั้งแหล่งปิโตรเลียมใต้น้ำ การประมง และการท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งการมีอุตสาหกรรมต่างๆเกิดขึ้นต่อเนื่องแต่ละปีมูลค่าผลประโยชน์ที่ได้รับจากทะเลมีมูลค่ากว่า 24 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มมากขึ้นในอนาคต กองทัพเรือถือเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในการปกป้อง รักษา สนับสนุนการใช้ประโยชน์จากทะเลให้เป็นไปตามความต้องการของชาติ จำเป็นต้องพัฒนาขีดความสามารถต่างๆ เพื่อให้มีความพร้อมในการปกป้อง สร้างความมั่นคงการใช้พื้นที่ในทะเลเพื่อรักษาผลประโยชน์ การแสวงประโยชน์ต่างๆ ทางทะเลให้เป็นไปได้อย่างเต็มที่อย่างมั่นคง มั่นคั่ง และยั่งยืน

พล.ร.ต.นเรศ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการปฏิบัติงานของกองทัพเรือนั้น ถึงแม้ว่าต้องร่วมแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่สิ่งที่เป็นภารกิจหลักที่กองทัพเรือต้องมีการเตรียมความพร้อมในการปกป้องรักษาอธิปไตยผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงทางทะเลให้ได้ตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย  สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำได้จำเป็นต้องมีเครื่องมือเป็นอุปการณ์สำคัญในการปฏิบัติการ เครื่องมือของกองทัพเรือคือกำลังทางเรือที่ประกอบด้วยกำลังรบหลายๆส่วน ทั้งเรือคือเรือผิวน้ำและเรือดำน้ำ อากาศยานคือเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินประเภทต่างๆ ส่วนหน่วยกำลังบนบกคือกำลังนาวิกโยธิน และกำลังต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ถูกประกอบกันกำลังเรียกว่ากำลังทางเรือ ที่ผ่านมาในส่วนของกองกำลังอื่นๆ ยกเว้นเรือดำน้ำได้มีการพัฒนามาเป็นลำดับ โดยเรือผิวน้ำ กองทัพเรือได้มีการจัดหาเรือประเภทต่างๆมาประจำการอย่างต่อเนื่อง จนถือว่ามีความพร้อมในการปฏิบัติการได้ในระดับหนึ่ง แต่ในส่วนของเรือดำน้ำนั้น เราเคยมีเมื่อ 80 กว่าปีที่ผ่านมา แต่หลังจากปลดประจำการเรือดำน้ำชุดแรกไปแล้ว เราได้มีคามต้องการและกำหนดไว้ในความต้องการมีเรือดำน้ำมาอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมากองทัพเรือได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเหตุและและความจำเป็นการมีเรือดำน้ำในเพจ เรือดำน้ำไทย Thai Submarines อย่างต่อเนื่อง โดยคลิปดังกล่าวได้เริ่มต้นตั้งแต่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 พิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565

ศาลอาญาอนุญาต “สมยศ” กับพวกรีเด็มรวม 6 คน ถอดกำไล EM ได้เเล้ว

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กับพวก รวม 6 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหากลุ่มรีเด็มที่ศาลกำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวโดยให้ใส่กำไล EM เดินทางมาพร้อมทนายความ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอถอดกำไล EM 

นายสมยศ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาในช่วงที่ติดกำไล อีเอ็ม ยังไม่มีการกระทำความผิดใดๆ เกิดขึ้น และอยู่ในเงื่อนไขของศาล ทั้งนี้การติดกำไลอีเอ็ม นั้น เป็นการจำกัดเสรีภาพเราเกินควร เนื่องจากมีการวางเงินประกันแล้ว และปฎิบัติตามเงื่อนไขของศาลมาโดยตลอด ซึ่งให้ไม่สามารถดำรงชีวิตตามปกติได้และไม่ได้รับความสะดวก

โดยนายสมยศกล่าวอีกว่า ตนเองได้รับผลกระทบจากการใส่กำไล EM เพราะมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกพื้นกทม. พร้อมยกตัวอย่าง เช่น ตนเองมีแฟนสาวอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อต้องใส่กำไล ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปหาได้ รวมถึงกรณีที่บางครั้ง ตนเองขับรถใกล้กับแนวเขตปริมณฑล เวลาที่ต้องกลับรถ อาจมีปัญหาเรื่องการข้ามเขตพื้นที่ 

อีกทั้งยังมีกรณีของ นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง หรือ ตุ้ม อายุ 50 ปี ชาว จ.บึงกาฬ อดีตแกนนำกลุ่มเสรี ปัญญาชน ที่ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตไปไม่นานมานี้ ซึ่งตนเองรู้ข่าวเป็นคนแรกแต่ก็ไม่สามารถเดินทางไปพบได้เพราะสวมกำไลข้อเท้าอยู่ 

เบื้องต้น ตนเองคาดว่าศาลจะพิจารณาอนุญาตให้ถอดกำไลชั่วคราว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ศาลได้อนุญาตให้ไปนั่งร้อนภายในห้องสำหรับการถอดกำไลรวมถึงได้มีการเรียกคืนอุปกรณ์กำไลด้วย 

ต่อมา 14.50 น.เศษมีรายงานว่าศาลอนุญาตให้นายสมยศกับพวกถอดกำไล EM เเล้ว

เตรียมใช้ถนนเชื่อมผืนป่าสายใหม่ช่วงหยุดเข้าพรรษา

กรมทางหลวง เปิดเผยความคืบหน้าโครงการก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 304 สาย อ.กบินทร์บุรี-อ.วังน้ำเขียว ตอน 3 (ส่วนที่ 2) ระยะทาง 6.709 กม. งบประมาณ 794 ล้านบาท จาก 2 ช่องจราจร ไปกลับ เป็น 4 ช่องไปกลับ มีล่าสุดมีความคืบหน้าแล้ว 91% โดยมีการปูผิวจราจรเกือบเสร็จทั้งหมดแล้ว เหลือไม่ถึง 50 เมตร คาดว่าจะปูผิวจราจรแล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.นี้ ส่วนการก่อสร้างสะพาน บริเวณห้วยซับบอน พื้นที่ ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้ เพราะการก่อสร้างต้องผ่านพื้นที่ลุ่มน้ำในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต้องใช้ความระมัดระวังด้านสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ 

ทั้งนี้เมื่อแล้วเสร็จทั้งงานถนนและงานสะพานจะตีเส้นจราจร ติดตั้งป้ายจราจร และไฟส่องสว่าง คาดว่าจะเปิดให้สัญจรอย่างไม่เป็นทางการได้ก่อนช่วงหยุดยาววันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา วันที่ 24-28 ก.ค.64 เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางได้รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น หลังจากนั้นจะเก็บรายละเอียดงาน เช่น งานปูผิวคอนกรีต และ งานกำแพงคอนกรีต (แบริเออร์) ให้แล้วเสร็จและเปิดให้สัญจรอย่างเป็นทางการเดือน ส.ค.-ก.ย.64 

สำหรับการก่อสร้างถนนสายนี้ ที่ผ่านมามีกำหนดแล้วเสร็จเดือน มิ.ย.นี้ แต่ได้เลื่อนแผนงานออกไป เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยเฉพาะการขาดแคลนแรงงาน จากเดิมที่ยังไม่มีการระบาดมีแรงงานประมาณ 200 กว่าคน เมื่อระบาดครั้งนี้เหลือแรงงานไม่ถึง 100 คน หายไปเกินครึ่ง เพราะแรงงานส่วนใหญ่ที่เป็นคนไทยหวาดกลัวการติดเชื้อฯ ในกลุ่มแคมป์คนงานก่อสร้าง จึงตัดสินใจกลับภูมิลำเนา รวมทั้งยังคุมเข้มห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามจังหวัด ทำให้ผู้รับจ้างจัดหาแรงงานมาทดแทนค่อนข้างยาก จึงต้องบริหารแรงงานที่เหลือให้สอดคล้องกับงานมากที่สุด เช่น เปิดให้ทำงานล่วงเวลาตามความเหมาะสม เพื่อเร่งรัดงานให้ได้มากและกระทบแผนก่อสร้างน้อยที่สุด

หมอเบิร์ท แจง ฉีดวัคซีน เข็ม 1-2 ต่างยี่ห้อ อยู่ระหว่างวิจัยของหลายประเทศ แต่ยังไม่มีใครกล้าสรุป ว่าได้ประสิทธิภาพมากกว่ายี่ห้อเดียวกัน รับ มีวิจัยฉีดเข็มสามด้วย

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกเป็นยี่ห้อหนึ่ง แต่พอเข็มสองได้รับวัคซีนต่างยี่ห้อกัน ตามหลักการแล้วเป็นไปได้หรือไม่ ว่า สำหรับวัคซีนเข็มหนึ่งเข็มสองคนละยี่ห้อนั้น ในโลกโซเชียลของคนไทยเราก็ได้มีการสอบถามกันมาก และในต่างประเทศเองก็มีความสงสัยในกรณีนี้เช่นกัน เรียนว่าโดยเริ่มต้นมีที่มาส่วนหนึ่งจากการที่มีพี่น้องประชาชนฉีดวัคซีน โควิด-19 ยี่ห้อใดก็ตามแล้วเกิดการแพ้วัคซีนนั้นอย่างรุนแรงซึ่งในต่างประเทศมีเกิดขึ้นแล้ว ตรงนั้นเมื่อมีการแพ้วัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อแรกจึงเป็นข้อห้ามที่ไม่สามารถจะฉีดสามเข็มสองได้ในหลายประเทศจึงมีมาตรการที่จะต้องจัดหาวัคซีนคนละยี่ห้อ ซึ่งอาจจะเป็นการใช้วัคซีนที่มีวิธีการผลิตต่างกันไปเลยเพื่อไม่ให้เกิดการแพ้

ดังนั้นเมื่อมีการเก็บข้อมูลการใช้วัคซีนคนละยี่ห้อในทางการแพทย์จึงต้องมีการศึกษาวิจัยอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งในประเทศไทยก็มีหลายหน่วยงานพยายามศึกษาอยู่ หรือแม้แต่ที่สหรัฐอเมริกา เกาหลี ก็มีความพยายามที่จะศึกษาอยู่เช่นกัน โดยในเบื้องต้นมีการนำการวัดภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น ทั้งจากคนที่ติดเชื้อโดยธรรมชาติ การใช้วัคซีนยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง เข็มที่หนึ่งเข็มที่สองเหมือนกันมาเทียบกันกับคนที่ ฉีดเข็มหนึ่งเข็มสองคนละยี่ห้อ 

อย่างไรก็ตามมีการปฏิบัติจริงแต่ต้องเรียนว่าการศึกษาวิจัยเหล่านั้นอย่างไม่มีใครที่จะกล้าสรุปว่าจะได้ประสิทธิภาพดีกว่า เพราะฉะนั้นการที่บริษัทผู้ผลิตได้ทำการวิจัยมานานกว่าและมีตัวอย่างการศึกษามากกว่าแล้วสรุปว่าให้ฉีดเข็มหนึ่งเข็มสองเป็นวัคซีนชนิดเดียวกันอันนั้นยังเป็นหลักการที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ แต่เรื่องของเข็มหนึ่งเข็มสอง หรือแม้แต่กระทั่งเข็มสามที่มีการพูดถึง ก็ถือเป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจ และคงได้ติดตามในรายละเอียดขอให้ฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญและทางกระทรวงสาธารณสุขด้วย

นายกฯ แถลงด่วน ประกาศเป้าหมายเปิดทั้งประเทศให้ได้ภายใน 120 วัน แม้ยอมรับโควิดยังเสี่ยง แต่รอไม่ได้ ต้องยอมเสี่ยงร่วมกัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ประกาศเป้าหมายจะเปิดประเทศไทยทั้งประเทศให้ได้ภายใน 120 วันนับจากวันนี้ โดยจะเริ่มจากเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่มีความพร้อมให้เร็วกว่านั้น

แม้ว่าขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังมีความเสี่ยง แต่คงไม่สามารถรอจนไวรัสนี้หมดไปจากโลก และไม่สามารถรอจนทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสกันถ้วนหน้าก่อน สิ่งที่ต้องทำก็คือเราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้เหมือนกับโรคภัยอื่นๆ จัดการโควิดให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และให้ประชาชนสามารถกลับออกมาทำมาหากินกันได้อีกครั้ง

"รู้ดีว่าการตัดสินใจวันนี้ มาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะเมื่อเราเปิดประเทศ ไม่ว่าเราจะเตรียมการป้องกันขนาดไหนก็ตาม ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ้าง แต่เมื่อเราประเมินสถานการณ์ และคิดถึงความอยู่รอดในการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องยอมรับความเสี่ยงร่วมกันบ้าง หากความเสี่ยงนั้น เราได้ประเมินอย่างรอบคอบแล้วว่า อยู่ในระดับที่พอจะรับได้ เราต้องจัดลำดับความสำคัญภายใน สำหรับประเทศไทยของเรา เพื่อให้ประเทศ เดินหน้าต่อไปได้" นายกรัฐมนตรี กล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

การเมืองส่อเค้าเดือด! หลัง ส.ว.ประกาศคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญริบอำนาจโหวตนายกรัฐมนตรี เล็งโหวตผ่านเฉพาะฉบับพปชร.

16 มิ.ย. 2564 นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงการยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราของพรรคฝ่ายค้านที่มีเนื้อหาแก้ไขมาตรา 272 ตัดอำนาจส.ว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ แต่ต้องมีเนื้อหาเหมาะสม ไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ถ้าเป็นเช่นนี้ส.ว. ไม่ร่วมมือด้วยแน่นอน โดยเฉพาะการตัดอำนาจส.ว. โหวตนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เป็นการลุแก่อำนาจ ไม่เห็นด้วย การโหวตเลือกนายกฯ ของส.ว. เป็นอำนาจตามบทเฉพาะกาล 5 ปี เพื่อมาแก้วิกฤติประเทศ เสียงส.ว. ไม่มีผลอะไรเลย ถ้ามีเสียงสนับสนุนจากส.ส. ไม่ถึงครึ่งในการโหวตนายกฯ การแก้มาตรา 272 ทุกฝ่ายต้องเห็นพ้องต้องกันจึงจะสำเร็จ ถ้าส.ว. ไม่ร่วมมือด้วยก็ไม่มีทางสำเร็จ

"ขอเตือนสติให้รับรู้ว่า ใครที่ทำเก่งทำกล้า เสนอแก้รัฐธรรมนูญที่ลุแก่อำนาจ เน้นแต่หาเสียง สนุกปากเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าพรรคใดเสนอมาจะไม่ผ่านแม้แต่ร่างเดียว ส.ว.จะไม่รับร่าง เพราะไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา เป็นแค่การหาเสียง มุ่งแสดงอำนาจบาตรใหญ่" นายเสรี กล่าว

ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวว่า การที่ฝ่ายค้านจะเสนอแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราทั้งการให้ตั้ง ส.ส.ร. ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และการตัดอำนาจส.ว. ในการโหวตนายกฯ นั้น โม้ได้แต่จะทำได้หรือไม่ เพราะจะต้องอาศัยเสียงส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 เสียงขึ้นไปสนับสนุน ดูแล้วร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านโอกาสผ่านยาก เพราะเรื่องการตั้ง ส.ส.ร. มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ก็ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ทำประชามติก่อน หรือการตัดอำนาจส.ว. โหวตนายกฯ เป็นการทำเพื่อหาเสียง

"ขณะนี้เสียงส.ว. ตกผลึกเบื้องต้นจะให้ผ่านเฉพาะร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนร่างของฝ่ายค้านคงไม่ผ่าน ขณะที่ร่างพรรคร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนานั้น ถ้าเสนออยู่ในหลักการที่เป็นไปได้ ไม่สุดโต่ง ทำเพื่อหาเสียงให้ตัวเอง ส.ว.ก็ยินดีสนับสนุน แต่ถ้าสุดโต่งเกินไป ก็คงไม่ผ่าน ต้องไปหาเสียงสนับสนุนเอาเอง ยืนยันส.ว.ไม่ใช่อุปสรรคแก้รัฐธรรมนูญ และเป็นที่พึ่งฝากความหวังได้ เห็นแก่บ้านเมืองมากกว่านักการเมืองด้วยซ้ำ" ส.ว.ผู้นี้ กล่าว

 

ที่มา : https://www.naewna.com/politic/580622


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ทักษิณ’ สะอื้นไอเดีย ‘บิ๊กตู่’ สั่งเพิ่มโรงรับจำนำ หวังแก้ปัญหาด้านการเงินให้ผู้มีรายได้น้อย ลั่นที่อื่นลดจนไม่เหลือแล้ว ทำไมไม่เพิ่มรายได้ให้คนจนแทน

เมื่อคืนวันที่ 15 มิ.ย. 64 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ Tony Woodsome (โทนี่ วูดซัม) ได้กล่าวใน CARE Clubhouse x CARE Talk ในหัวข้อ "โทนี่ขอถามจริงๆ เมื่อไหร่จะหายวุ่น ทำไมทำเรื่องง่าย ให้เป็นเรื่องยาก" ซึ่งในตอนหนึ่งของการสนทนานั้น นายทักษิณ บอกว่า ตนเองรู้สึก "สะอื้น" ที่ได้ข่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายเพิ่มโรงรับจำนำ เพื่อจะช่วยแก้ปัญหาด้านการเงินให้ผู้มีรายได้น้อย

โดย นายทักษิณ ระบุว่า "ตรงนี้ผมสะอื้นเลย ที่อื่นเขาลดโรงรับจำนำจนจะไม่เหลือแล้ว ดอกเบี้ยก็แพง และเป็นที่ที่จำนำของคนจน วันนี้ต้องหาทางให้คนจนมีรายได้ เรื่องการจ้างงาน ช่องทางทำมาหากิน ต้องรีบทำก่อน ไม่ใช่ขยายโรงรับจำนำ ขยายช่องทางทำมาหากินดีกว่าช่องทางหมดตัว คือไปปรับโครงสร้างหนี้ แต่ไม่ต้องไปขยายโรงรับจำนำ ขยายถนนให้เขาทำมาหากินได้ดีกว่า ขยายช่องทางทำมาหากิน ดีกว่าขยายช่องทางหมดตัว สมัยก่อนตังค์หมดเอาครกหินไปจำนำก็มี ขนาดเอาครกหินไปจำนำก็หมดแล้ว

การเอาเงินไปแจก เอาไปปิดแผลเก่า ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะมันไม่มีโอกาสที่จะไปลงทุนอะไรเลย ภาวะของเศรษฐกิจในประเทศไม่เอื้ออำนวย ท่องเที่ยวไม่มา ปิดหมด มีเงินเท่าไหร่ก็คือเจ๊ง วันนี้คนอยู่ได้คือสายป่านยาว หรือ ธุรกิจตรงกับที่อยู่ได้ช่วงโควิด ค้าออนไลน์ไรแบบนี้อยู่ได้ คนอยู่บ้านซื้อ คนมีกำลังซื้อ มีเงินออม ยังซื้อได้อยู่"

ทั้งนี้ ความเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อช่วงที่ผ่านมาของวันเดียวกันว่า จะเพิ่มโรงรับจำนำและโรงรับจดจำนอง ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายมาตรการระยะสั้นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สิน ให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยเข้าถึงสินเชื่อดังกล่าว

 

https://www.tnews.co.th/politic/543199


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top