Monday, 6 May 2024
POLITICS NEWS

“บิ๊กป้อม” เร่ง! ปรับปรุงกฎหมายปราบค้ามนุษย์ แก้ปม ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก-ค้าแรงงาน

วันที่ 24 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ต่อเนื่องด้วยเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานและกำกับติดตามการดำเนินงาน โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมด้วย

 

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบการดำเนินงานที่สำคัญ ในการเร่งทบทวนแก้ไขและปรับปรุงกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551  ที่ให้น้ำหนักความสำคัญกับการลดอุปสงค์การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก การบังคับใช้แรงงานหรือการบริการและการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบมากขึ้น  รวมทั้งการกำหนดให้มีแนวทางการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้กระทำผิด เข้ากองทุนเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ 

 

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน  พร้อมรับทราบความร่วมมือการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์กับออสเตรเลีย รวมทั้งความคืบหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ปี 63 ( Progress Report ) เพื่อประกอบการพิจารณาจัดระดับประเทศในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การค้ามนุษย์เป็นความเสียหายทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ จึงถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและความมุ่งมั่นร่วมกัน ที่ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ร่วมขับเคลื่อนเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่มุ่งความยั่งยืน  จึงต้องพิจารณาให้รอบด้านและครอบคลุมในทุกมิติ  โดยเฉพาะการป้องกันการล่อลวงการละเมิดทางเพศต่อกลุ่มเปราะบาง เด็กและสตรีในสื่อออนไลน์ 

 

รวมทั้งการเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์มากขึ้น  ขอให้เร่งปรับปรุงกฎหมายที่ยังไม่เสร็จสิ้น โดยเฉพาะมอบหมายให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ติดตามการลักลอบผู้โยกย้ายถิ่น และมอบสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ติดตามนำเงินที่ได้จากการยึดอายัดทรัพย์ไปเยียวยาผู้เสียหายให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

 

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกำชับ การบริหารจัดการกองทุนเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยคณะกรรมการบริหารกองทุน ต้องให้โปร่งใสและเป็นไปตามวัตถุประสงค์  ขณะเดียวกันต้องให้ความสำคัญกับความสมบูรณ์ของการจัดทำรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ปี 63 และให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างประเทศควบคู่กันไป 

 

โดยเฉพาะความร่วมมือไทย-สหรัฐอเมริกา และ ไทย - ออสเตรเลีย  ทั้งนี้ ขอให้พิจารณาปรับแผนปฏิบัติการ ปี 64 รองรับสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ทางสังคม เพื่อมิให้เป็นอุปสรรคการปฏิบัติงาน พร้อมย้ำกับทุกส่วนราชการ เอาผิดเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้อง  

"วิษณุ" ชี้! อดใจรอดูท่าทีรัฐบาล อย่าเพิ่งวิจารณ์ไร้ความจริงใจ ยัน! มีเจตจำนงค์แก้รธน.แต่ไม่เคยบอกรื้อทั้งฉบับ

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ... จะเป็นอย่างไรต่อไป ว่า เป็นคนละเรื่องอย่ามาถามปนกัน ขณะนี้ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา แต่ติดอยู่ในมาตรา 9 ถึงอย่างไรก็ต้องดำเนินการต่อไป แต่จะเดินอย่างไรก็แล้วแต่ ขึ้นอยู่คณะกรรมการกฤษฎีกา และ กมธ. ซึ่งกำลังทำงานกันอยู่ หากทำเสร็จก็แจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบเพื่อนัดเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ส่วนจะเป็นวันใดก็แล้วแต่ 

 

โดยอยากให้ทางรัฐสภาช่วยยืนยันมาอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้รัฐสภาได้ทำหนังสือต้องการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 7-8 เมษายน 2564 ซึ่งตนคิดว่าเร็วไปเพราะขณะที่มีหนังสือมา ยังไม่มีการแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าว แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะกำลังให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประสานไปที่รัฐสภาอยู่ โดยในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างพ.ร.ฎ.เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ใส่วันที่ ก็ดำเนินไปไม่มีปัญหา  ส่วนจะติดอะไรหรือไม่  ตนไม่ทราบเพราะยังไม่เห็นว่าเขาแก้มาตราที่ต่อเนื่องจากมาตรา 9 อย่างไร ซึ่งก็ถามกันขึ้นมาว่า หากถลำลึกลงไปในทางที่เกิดปัญหายุ่งยากในการบังคับใช้  

 

นายวิษณุ กล่าวว่า เช่นข้อความเกิดขัดแย้งกันและเกิดเป็นภาระของรัฐบาล ใครขออะไรมาก็ต้องทำประชามติทุกครั้งจะทำอย่างไร โดยตนก็ได้เสนอความเห็นไป ความเป็นจริงใครๆ ก็ทราบว่าเป็นกระบวนการธรรมดา กรณีเมื่อออกกฎหมายมาแล้ว มีความบกพร่องในการบังคับใช้ก็แก้เท่านั้นไม่มีปัญหา ส่วนจะแก้ช้าหรือเร็วก็แล้วแต่ดำเนินการ ในอดีตก็เคยมี กรณีออกกฎหมายมาแล้ว อีก 7 วัน ก็แก้กฎหมายฉบับนั้นเลยก็มีหลายฉบับ และไม่เป็นเรื่องใหญ่โตเช่นเมื่อปี พ.ศ.2517 ได้ออกรัฐธรรมนูญมาลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้แล้ว อีก 7 วันก็มาขอแก้เรื่องการสรรหาส.ว. เป็นต้น

 

นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนแนวทางการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ยังไม่มีใครเริ่มต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ระบุในที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลไปหารือกันก่อน ได้ความว่าอย่างไรก็กลับมาคุยกับรัฐบาลอีกครั้ง  อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็คือพรรคร่วมรัฐบาล เพราะพรรคร่วมรัฐบาลอาจจะเห็นไม่ตรงกันก็ให้คุยกันเสียก่อน นับหนึ่งตรงนั้นแล้วค่อยมาสองที่รัฐบาล แล้วค่อยมาคิดกันต่อไปว่ารัฐบาลจะมาเกี่ยวข้องขนาดไหนอย่างไรเพราะขณะนี้ยังไม่ทราบเลยว่าจะแก้อย่างไร 

 

ผู้สื่อข่าวถามกระแสข่าวหากร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติผ่านวาระ 3 และ ประกาศใช้แล้ว รัฐบาลจะเสนอแก้ไขมาตรา 9 จะถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า  ก็ได้บอกไปแล้ว หากเกิดการบังคับใช้กฎหมาย หรือมีความผิดพลาดก็สามารถแก้ไขได้ 

 

 "บางครั้งผิดพลาดแล้วถวายขึ้นไป ก็ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย ที่เรียกว่าวีโต้กลับมาด้วยซ้ำไปในสมัยรัฐบาลนายอานันท์  ปันยารชุน  เป็นนายกฯ ก็ได้ถวายและรับมาแก้ไข พ.ร.บ.เครื่องหมายครุฑพ่าห์มาแล้ว" นายวิษณุ กล่าว

 

 เมื่อถามย้ำว่าการที่รัฐบาลขอแก้ไขในมาตราที่แพ้โหวตในวาระ 2 จะถูกวิจารณ์มากหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า คงไม่ได้บอกว่าอยู่ดีๆ เพราะว่าแพ้โหวตแล้วมารับทำอะไรใหม่ แต่ต้องพบความผิดพลาดคลาดเคลื่อนอื่นๆอีกหลายข้อ ขณะนี้ประเด็นว่าร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ก็มีปัญหา เมื่อถามว่าปัญหาส่วนไหน นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่บอกเพราะยังแก้ไขไม่ถึง โดยได้บอกไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกาว่าแก้สิ่งเหล่านี้เสียอย่าให้เกิดปัญหา 

 

เมื่อถามว่าจะแก้ที่มาตรา 9 เป็นหลักหรือไม่ นายวิษณุ บอกว่าไม่ใช่เพราะมาตรา 9 ผ่านไปแล้วเป็นมาตราอื่นแทน เพียงแต่มาตรา 9 เป็นต้นเหตุให้แก้มาตรา 10-13 เกือบจะไม่ต้องกลับไปแก้มาตรา 9 ด้วยซ้ำ 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้สังคมตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล  นายวิษณุ กล่าวว่า "ไม่เป็นไร ก็วิจารณ์ไป คอยดูต่อไปอย่าเพิ่งวิจารณ์" เมื่อถามว่าเจตจำนงของรัฐบาลยังเดินหน้าต่อไปใช่หรือไม่ นายิษณุ กล่าวว่า "เจตจำนงในการแก้ไขไม่ได้แปลว่าเป็นเจตจำนงแก้ไขทั้งฉบับ"   เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็คอยดูต่อไป

“วิษณุ” ขออย่าเพิ่งยี้ “ตรีนุช” ชี้! รมว.ศึกษา ไม่จำเป็นต้องเป็นครู  เพราะไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ แต่เป็นนักบริหาร

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึง นางสาวตรีนุช เทียนทอง ว่าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมี รมว.ศึกษาธิการเป็นผู้หญิง ว่า ตนไม่แน่ใจ ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านำคนจบการเศรษฐศาสตร์มาบริหารกระทรวงศึกษาธิการเหมาะสมหรือไม่นั้น อย่าไปพูดอย่างนั้นเลย รัฐมนตรีไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค จึงต้องขอยกพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งนายจาตุรนต์ ฉายแสง เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเป็น รมว.ยุติธรรม โดยโยกมาจากกระทรวงพลังงาน 

 

ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระราชกระแสในวันดังกล่าวว่า รัฐมนตรีนั้นไม่ใช่ผู้ปฏิบัติการ แต่เป็นผู้กำหนดนโยบาย เป็นผู้บริหาร เพราะฉะนั้นจะจบอะไรมาถือเป็นนักบริหาร ถ้าเป็นนักบริหารต้องบริหารได้ คือ บริหารคน บริหารเงิน บริหารงาน เขาไม่ได้ตั้งใจว่าหมอเท่านั้นที่ต้องเป็น รมว.สาธารณสุข ครูเท่านั้นต้องเป็น รมว.ศึกษาธิการ ทหารเท่านั้นต้องเป็น รมว.กลาโหม 

 

นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าไปดูในอดีต รมว.หลายกระทรวงที่เราอาจจะยี้เมื่อตอนเข้ามา แต่ต่อมากลายเป็น รมว.ที่ดีมาก หรือดีที่สุด เช่น พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น และมาเป็น รมว.สาธารณสุข ใครๆ ก็แหย่เรียกหมอเสริฐทำนองว่ายี้ แต่ต่อมา พล.ต.อ.ประเสริฐเป็น รมว.สาธารณสุขที่ทำความเจริญให้กับกระทรวงมากที่สุด จนเป็นที่ร่ำลือถึงปัจจุบัน ดังนั้น อย่าไปสนใจเรื่องเช่นนี้ 

“เทพไท” หนุน ทำประชามติ ตั้ง สสร.ยกร่าง รธน.ใหม่ ตอบโจทย์กว่าแก้รายมาตรา

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กระแสเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ว่า หลังจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาลถูกคว่ำไปในวาระ 3 แล้ว ก็มีแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญในรูปแบบรายมาตรา และยังไม่ตกผลึกว่าจะแก้ไขในมาตราใดบ้าง

 

ถ้าหากพรรคการเมืองแต่ละพรรค ยังเห็นไม่ตรงกันในมาตราที่จะแก้ไข ก็จะยากที่จะประสบความสำเร็จได้ และไม่มีหลักประกันว่าจะได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว.หรือไม่ เพราะเบื้องลึกของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ไม่ต้องการที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เพียงแต่ได้ตกกระไดพลอยโจนตอนจัดตั้งรัฐบาล จึงได้เขียนนโยบายเร่งด่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญบรรจุไว้ในคำแถลงนโยบาย 

 

แต่เมื่อดูท่าทีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ที่บอกว่า ถ้าอยากตัดวงจรสืบทอดอำนาจ ก็ไปแก้รัฐธรรมนูญให้ได้ก็แล้วกัน หรือแม้แต่พลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่ยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ ซึ่งเป็นท่าทีของผู้มีอำนาจคนสำคัญในรัฐบาล ทำให้ความหวังของการแก้ไขรัฐธรรมนูญริบหรี่ ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลย 

 

ส่วนตัวเห็นด้วยกับผลโพลที่ประชาชนต้องการให้มีแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ 58%  เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา จะไม่ตอบโจทย์การเมืองของประเทศ เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองภาคประชาชน  ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจของ คสช. มาเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่มีความยึดโยงกับประชาชนอย่างแท้จริง การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมาทั้งฉบับ เป็นการปรับปรุงโครงสร้างอำนาจการเมืองใหม่ทั้งหมด ย่อมมีผลดีกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา 

 

ถ้าจะเปรียบรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นบ้าน จำเป็นต้องรื้อหมดทั้งหลัง เพื่อสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นมาทดแทน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นบ้านที่มีฐานรากและโครงสร้างไม่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ก็เป็นเพียงการซ่อมแซมบ้าน ที่มีโครงสร้างไม่แข็งแรง อาจจะพังถล่มได้ในทันที

 

การเคลื่อนไหวให้มีแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แก้เกี้ยวหลังจากรัฐธรรมนูญถูกคว่ำในวาระ 3  ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศได้ ทางออกที่ดีที่สุดคือ รัฐบาลต้องจัดทำประชามติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุด

นายกฯประชุม ดิจิทัล ปัดตอบ นำ ครม.ใหม่ถวายสัตย์เมื่อไหร่

วันที่ 24 มี.ค. 2564 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564  โดยยังไม่ตอบว่าจะนำคณะรัฐมนตรีใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญานเมื่อไหร่  เพียงพยักหน้าทักทาย

กทม. ออกประกาศควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 10 - 15 เม.ย. 64

พล.ต.อ.อัศวิน  ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของแต่ละปีจะมีการจัดงานหรือกิจกรรมเพื่อส่งเสริมประเพณี และวัฒนธรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ มีการเล่นสาดน้ำ ประแป้ง มีการรวมกลุ่มคนเป็นจำนวนมากและอาจเกิดภาวะไร้ระเบียบ คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ในการประชุม ครั้งที่ 6/2564 เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 จึงมีมติเห็นชอบมาตรการเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในระหว่างวันที่ 10 เมษายน 2564 ถึงวันที่ 15 เมษายน 2564 

 

ดังนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบกับข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมติของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครดังกล่าว จึงประกาศมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดังนี้

 

1. การจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ โดยกิจกรรมพื้นฐาน อาทิ การจัดพิธีสรงน้ำพระรวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ ทางศาสนา การจัดพิธีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ให้ผู้จัดกิจกรรมและประชาชนปฏิบัติตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 20) ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 โดยเคร่งครัด กรณีมีผู้ร่วมกิจกรรมเกิน 300 คน ผู้จัดกิจกรรมต้องยื่นแผนการจัดงานและมาตรการควบคุมโรคต่อสำนักงานเขตพื้นที่ก่อนจัดงาน

 

2. การจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์โดยมีกิจกรรมเพิ่มเติมจากกิจกรรมพื้นฐานตามข้อ 1 เช่น การออกร้าน การจัดเลี้ยง ซึ่งมีผู้ร่วมกิจกรรมเกิน 100 คน ผู้จัดกิจกรรมต้องยื่นแผนการจัดงานและมาตรการควบคุมโรคต่อสำนักงานเขตพื้นที่ก่อนจัดงาน ทั้งนี้ ควรจัดในพื้นที่โล่งแจ้ง อากาศระบายได้ดี หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมพื้นที่คับแคบหรือในพื้นที่ห้องปรับอากาศ และให้งดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมากและอาจเกิดภาวะไร้ระเบียบ หรือกิจกรรมที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกัน เช่น การรวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ คอนเสิร์ต ประแป้ง ปาร์ตี้โฟม

 

3. ควรหลีกเลี่ยงการจัดเลี้ยงและสังสรรค์ในกลุ่มที่มาหลากหลายพื้นที่และควรงดการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มร่วมกันเป็นเวลานาน

 

ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม อาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 

 

ประกาศ ณ วันที่ 23 มีนาคม 2564

ศรชล.ชี้! กรณีกลุ่มเรือประมงผิดกฎหมายปากอ่าวปากนคร ขับเรือพุ่งชนเรือเจ้าหน้าที่ บาดเจ็บ 5 นาย พร้อมเร่งหาตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2564 พล.ร.ต.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล(ศรชล.) กล่าวถึง กรณีกลุ่มเรือประมงผิดกฎหมายในปากอ่าวปากนคร จ.นครศรีธรรมราช ได้ขับเรือหางยาวขนาดใหญ่เร่งเครื่องพุ่งเข้าชนเรือของเจ้าหน้าที่ ศรชล.ภาค 2 จนมีผู้บาดเจ็บสาหัส จำนวน 5 นาย ว่า  

 

“เมื่อวันที่ 22 มี.ค. เวลาประมาณ 18.50 น. ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากเครือข่ายเฝ้าระวังการทำประมงผิดกฎหมายว่ามีกลุ่มบุคคลลักลอบทำการประมงด้วยเครื่องมือคราดหอยบริเวณทะเลอ่าวไทยตำบลปากนคร จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ ศรชล.ภาค 2 จึงได้สนธิกำลังร่วมกับประมงจังหวัดและชุด ชปพ./สห.ทร.จาก ทรภ.2 พร้อมทั้งประมงอาสา (ผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ) ออกเรือลาดตระเวน จำนวน 2 ลำ รวมกำลังเจ้าหน้าที่  16 นาย ออกปฏิบัติการ 

 

“เมื่อแล่นเรือถึงบริเวณดังกล่าวในเวลา 21.30 น. จากนั้นได้ตรวจพบเรือทำการประมงผิดกฎหมาย จำนวน 5 ลำ  เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ซึ่งเรือทั้งหมดได้หลบหนีเข้าไปยังปากน้ำ แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่ลอยลำป้องปรามไม่ให้มีการลักลอบ ปรากฎว่ามีเรือประมงคราดหอย 1 ลำ ได้เร่งเครื่องพุ่งเข้าชนใส่เรือที่เจ้าหน้าที่ลอยลำอยู่อย่างรุนแรง ส่งผลเจ้าหน้าที่กระเด็นตกน้ำและได้รับบาดเจ็บสาหัส 5 นาย และเรือได้รับความเสียหาย 

 

“หลังจากได้ช่วยเหลือ จนท.ที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาบนเรือได้ จึงได้แจ้งมูลนิธิเพื่อให้มารับผู้บาดเจ็บขึ้นฝั่งบริเวณชายฝั่งปากนคร บริเวณสะพานรูปตัวที แต่ได้มีกลุ่มชาวบ้าน จำนวน ประมาณ 20-30 คน ร้องตะโกนกดดันเจ้าหน้าที่มูลนิธิไม่ให้รับผู้บาดเจ็บ ทำให้ต้องประสานเพื่อนำผู้บาดเจ็บไปขึ้นฝั่งที่บ้านปากน้ำปากพญา ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 6 กม.จึงสามารถส่งตัวผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลมหาราชได้สำเร็จ”

.

สำหรับรายชื่อชุดปฏิบัติงานที่ได้รับบาดเจ็บประกอบด้วย

.

1.พ.จ.อ.คมกฤต บุญธรรมโม จนท.ชปพ. จาก ทรภ.2โดนใบจักรเรือฟันบริเวณหลังเท้าขวาประมาณ20ซม. และหน้าแข้งขาขวาลึกถึงกระดูก 

 

2.พ.จ.ต.ณรงค์ กัญชนะ จนท.สห.ทร. จาก ทรภ.2โดนใบจักรเรือฟันขาขวาท่อนบนหัก เหนือจากที่หัก กระดูกแตก 

 

3.จ.อ.นักรบ ร่มเย็น จนท.ชปพ. จาก ทรภ.2 มีบาดแผลบริเวณข้อศอกขวา และ กระดูกหน้าแข้งขวาหัก

 

4.นายสุพจน์ พวงสุวรรณ จนท.ประมง มีอาการเจ็บหลัง เจ็บไหล่ซ้ายรุนแรง เจ็บต้นขาขวาและเข่า 

 

5.นายเลี่ยม ดาศรี   จนท.อาสา มีบาดแผลบริเวณนิ้วมือซ้าย ขาซ้ายชา เจ็บเข่าขวา 

 

พล.ร.ต.ปกครอง กล่าวอีกว่า ล่าสุดบ่ายวันเดียวกันนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และผอ.ศรชล.จ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บทั้ง 5 ราย ที่ โรงพยาบาลมหาราช และกล่าวชื่นชมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสียสละจนได้รับบาดเจ็บ ทั้งเจ้าหน้าที่ประมงและเจ้าหน้าที่ทหารเรือและประมงจิตอาสา มาร่วมทำงานปกป้องทรัพยากรของชาติในครั้งนี้ 

 

ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีมาทำร้ายเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้และอยากให้ชาวประมงเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย และในวันที่ 25 มี.ค. 2564  พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ผู้บัญชาการทัพเรือภาค2 ในฐานะ ผอ.ศรชล.ภาค2 จะเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา ณ โรงพยาบาลมหาราช ขณะนี้ได้แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเป็นการเจตนาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่

กองทัพอากาศ ยัน ! กรณีการจัดซื้อจัดจ้าง โปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการรายงานข้อมูลของสื่อมวลชนในประเด็นที่ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ได้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีความกรณีการจัดซื้อเครื่องมือ GT-200 ซึ่งมีข้อพิพาทต่อสู้คดีกับหน่วยงานภาครัฐในชั้นศาล โดยมีการตั้งข้อคำถามว่าเพราะเหตุใดจึงยังมีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างกับกองทัพอากาศ มีข้อมูลสำคัญดังนี้

 

1.ในปี 2563 กองทัพอากาศได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างกับ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด จริง เพื่อดำรงขีดความสามารถในการป้องกันทางอากาศตามภารกิจของกองทัพอากาศ

 

2.การจัดซื้อจัดจ้าง มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาพัสดุอะไหล่และจ้างเหมาการซ่อมบำรุง ระบบป้องกันทางอากาศ (ระบบ ACCS) ระบบเรดาร์เคลื่อนที่ แบบ Giraffe – 40 และ Giraffe – 180 

 

3.การดำเนินการจัดซื้อพัสดุอะไหล่และจ้างเหมาซ่อมบำรุงมีความจำเป็นต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง กับ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เนื่องจากระบบเรดาร์และระบบบัญชาการและควบคุมการป้องกันทางอากาศถูกใช้มาเป็นระยะเวลายาวนาน ส่งผลให้อะไหล่บางส่วนหมดอายุและหยุดสายการผลิต ไม่สามารถจัดหาตามแหล่งจัดหาทั่วไปได้ 

 

ซึ่งบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพียงผู้เดียวในประเทศไทย ในการจัดหาพัสดุอะไหล่และการซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์จากบริษัทผู้ผลิตที่กองทัพอากาศได้จัดซื้อซึ่งมีความจำเป็นในการดำเนินการ เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อภารกิจของทางราชการ 

 

4.ก่อนการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง กองทัพอากาศได้ดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานดำเนินการตรวจสอบ บริษัท เอวิเอ แซทคอม แล้ว ไม่พบหลักฐานว่าเป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีผู้ทิ้งงานตาม พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ  พ.ศ.2560 ประกอบระเบียบของกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 

 

“กองทัพอากาศ ขอยืนยันว่าการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพอากาศได้ดำเนินการด้วยความรอบคอบและผ่านการพิจารณาของ ผู้เชี่ยวชาญ คณะกรรมการที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และผู้เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความถูกต้อง รัดกุม ตามระเบียบของทางราชการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ” โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว

"ตั๊น จิตภัสร์" นำทีม กมธ.ตำรวจฯ ลุยลงพื้นที่ชุมพร บุกตรวจเข้มด่านตรวจสกัดยาเสพติด เล็งประสานผู้ว่าฯ-อปท. เสริมเขี้ยวเล็บอุปกรณ์ไฮเทค พ่วงสวัสดิการเป็นขวัญกำลังใจ จนท.

วันที่ 23 มี.ค. 2564 นางสาวจิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส. บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมนายสราวุธ อ่อนละมัย ส.ส.ชุมพร เและนายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ อ.ปะทิว จ.ชุมพร และด่านตรวจยายพาหนะ ชุมพร กก.2 บก.ปส.4 อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร  

 

พร้อมทั้งได้มอบถุงยังชีพและน้ำดื่มเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่ โดยมี พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา รอง ผบช.ภ.8  พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผบก.ภ. จ. ชุมพร  พ.ต.อ.ภาณุเดช ณ พัทลุง รอง ผบก.ภ.จ. ชุมพร  พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4 และ พ.ต.อ.ภวินทร์ ภานุมาส ผกก.2 บก.ปส.4 ร่วมตรวจลงพื้นที่ด้วย

 

นางสาวจิตภัสร์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ทั้งสองแห่งได้ใช้ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งการตรวจค้นยาเสพติดผ่านเครื่องสแกนยาเสพติดในรถยนต์ การรับรู้หมายเลขทะเบียนอัตโนมัติ หรือ (License Plate Recogition) อีกทั้งในอนาคตจะมีระบบสแกนใบหน้าบุคคลมาใช้ตรวจร่วมด้วย  แต่ยังพบปัญหา คือ อาคารสถานที่ปฏิบัติงาน และที่พักเจ้าหน้าที่คับแคบและมีสภาพทรุดโทรม ทั้งยังขาดแคลนอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ  เสื้อสะท้อนแสง เครื่องหมายจราจร รวมถึงแบริเออร์ตั้งไหล่ทาง 

 

ซึ่งทางคณะกมธ. ตำรวจฯ จะร่วมกับส.ส.พื้นที่ประงานงานบูรณาการร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและส่วนท้องถิ่นในจัดหางบพัฒนาจังหวัดเพื่อแก้ปัญหานี้ นอกจากนี้ทางด่านตรวจยังมีการนำร่องโครงการโคกหนองนาโมเดลและเศรษฐกิจพอเพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายของกำลังพลอีกด้วย ซึ่งการลงพื้นที่จริง ทำให้รับทราบถึงปัญหา อุปสรรคและภาพรวมของการปฏิบัติงาน เพื่อที่จะดูแลด้านงบประมาณ สวัสดิการ กำลังพลและด้านอื่นๆ ที่มีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่  เมื่อสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ห่างไกล ที่ตั้งด่านสกัดกั้นเพื่อป้องกันปราบปรามปัญหายาเสพติดของประเทศให้มีความเข้มแข็ง ด้วยการสนับสนุนเทคโนโลยี เครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมถึงการพัฒนาทักษะและทบทวนยุทธวิธีให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการประจำด่านตรวจต่อไป

 

“คณะ กมธ. การตำรวจ สภาผู้แทนฯ ได้ให้ความสำคัญกับปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การสกัดกั้นของด่านตรวจอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติด เข้าไปในพื้นที่ต่างๆโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ซึ่ง กมธ.ตำรวจ  สภาฯจะนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับไปประกอบการพิจารณาศึกษา รวมทั้งนำเสนอความคิดเห็นของข้าราชการตำรวจในพื้นที่ และไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือ ผลักดัน และสนับสนุนให้เกิดการแก้ไขปัญหาต่อไป” รองประธาน กมธ.ตำรวจ สภาฯ กล่าว

“ธนาธร” บุก “เมืองกาญจน์” ปลุกเลือก “อัธยาศัย ประเสริฐผล” ชูนโยบายพัฒนาศูนย์เด็กเล็ก - ศูนย์กีฬาเยาวชน แห่รอบเมืองคนต้อนรับเพียบ

วันที่ 23 มีนาคม ที่จังหวัดกาญจนบุรี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางพบปะ ผู้สมัครนายกเทศมนตรี และทีมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ในนามคณะก้าวหน้า โดยในส่วนของเทศบาลเมืองกาญจนบุรี คณะก้าวหน้าส่ง นายอัธยาศัยประเสริฐผล ลงสมัครในตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี เบอร์ 3 พร้อมส่งผู้สมัคร สท.ครบทั้งสามเขต โดยหลังการพูดคุย ได้เดินทางไปดูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (เตาปูน 3 ) ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนแออัด มีครู 1 คน ดูแลเด็กก่อนวัยเรียนถึง 18 คน ซึ่งผู้สมัครคณะก้าวหน้ามีนโยบายที่จะพัฒนาศูนย์แห่งนี้ 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายธนาธรและนายอัธยาศัย เดินทางไปที่ บ.ข.ส.เพื่อดู แนวทางการพัฒนาพื้นที่ ก่อนที่จะขึ้นรถแห่ไปยังศูนย์กีฬาเยาวชนของเทศบาล ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสภาพรกร้าง ต้องปรับปรุงพัฒนาอีกมากเพื่อให้อำนวยความสะดวกประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพ ก่อนที่จะขึ้นรถแห่อีกครั้งไปตามถนนแม่น้ำแคว โดยมีประชาชนตลอดสองข้างทางโบกไม้โบกมือให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก และปิดท้ายที่การเดินพบปะพ่อค้าแม่ค้าบริเวณตลาดสะพานข้ามแม่น้ำแคว

 

นายอัธยาศัย กล่าวว่า ตลอดช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ตนและทีมงานเดินพบปะประชาชนในพื้นที่ เคาะประตูบ้าน และมั่นใจว่าครบทุกหลังคาเรือนแล้วขณะนี้กำลังจะเดินเป็นรอบที่สอง ซึ่งแต่ละบ้านที่เราไปนั้น ใช้เวลาพูดคุยค่อนข้างนาน เพราะเราต้องการแนะนำตัวและแนะนำนโยบายให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งนี้  

.

เนื่องจากเราไม่ซื้อสิทธิ์ ไม่ซื้อเสียง จุดแข็งที่เรามี คือ นโยบายและความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มที่ ที่จะนำนโยบายนี้ไปทำให้เกิดขึ้นจริง เพื่อจะเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองกาญจนบุรีให้ดีขึ้น อย่างเช่นวันนี้ที่พาคุณธนาธรไปดูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และศูนย์กีฬาเยาวชน ก็เพื่อจะยืนยันว่าเราต้องการเข้ามาปรับปรุงที่แห่งนี้ให้ดีขึ้น ให้เกิดประโยชน์กับชาวเมืองกาญจน์ให้มากที่สุด

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top