“จุรินทร์” เชื่อไม่มีอุปสรรค์ สามารถเดินหน้าแก้รธน.ได้ ขอทุกฝ่ายอย่าตั้งแง่ว่าเป็นร่างของใคร ชี้ถ้าไม่ร่วมใจกันโอกาสสำเร็จยาก ส่วนส.ว.เตรียมยื่นศาลรธน.ตีความเป็นเรื่องแต่ละบุคคล
ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับพรรปคระชาธิปัตย์ อาจมีปัญหา ว่า ได้คุยกับหลายพรรคการเมือง และนักกฎหมาย ฝ่ายกฎหมายของหลายฝ่าย รวมทั้งประสภการณ์ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ตนจึงไม่คิดว่าจะมีปัญหา แต่สามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะการเขียนหลักการณ์เป็นการเขียนกว้าง ๆ ว่าต้องแก้เรื่องอะไรด้วยเหตุผลอะไร เมื่อไปสู่วาระที่สอง ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ และสมาชิกรัฐสภาที่ต้องไปปรับปรุงแก้ไขมาตราอื่น ๆ ที่ยังขัดแย้งกับหลักการให้สอดคล้องได้ แม้แต่แก้ตัวเลขมาตราอื่น ๆ ก็แก้ได้ เพราะถ้าผลของการรับหลักการณ์ทำให้ต้องเพิ่มมาตรา มาตราที่เหลือก็ต้องขยับชื่อตัวเลขก็สามารถทำได้ เพราะฉะนั้นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ที่รับหลักการ แม้ระบุไว้แค่ 2-3 มาตรา แต่มาตราไหนที่แก้แล้วขัดแย้งกับมาตราหลักก็สามารถแก้ไขได้ ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับ ตนจึงไม่คิดว่าจะมีอุปสรรค์อะไรในการที่จะเดินหน้าต่อไปได้ และขณะนี้ก็มีผู้เริ่มยื่นเรื่องขอแปรญัตติเข้าไปที่กมธ.แล้ว
ส่วนกรณีมี ส.ว. เตรียมจะไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยร่างรัฐธรรมนูญ ร่างที่ 13 ของพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ กล่าวว่า สุดแล้วแต่ อันนั้นก็เป็นเรื่องที่แต่ละบุคคล แต่ละกรณีจะดำเนินการไป แต่สำหรับตน และพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าร่างที่รับหลักการไปสามารถเดินหน้าไปได้ตามขั้นตอนกระบวนการปกติ ตามข้อบังคับของรัฐสภาได้ และความจริงก็อยากให้ช่วยกันที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้
“อะไรที่ไม่จำเป็น ก็ไม่ควรไปตั้งแง่ ว่าเป็นร่างของพรรคไหน เป็นร่างของใคร อย่างไร เพราะสุดท้ายมันก็คือความร่วมมือร่วมใจของ ทั้ง ส.ส. รัฐบาล ส.ส.ฝ่ายค้าน และส.ว.ถ้าสามฝ่ายไม่ร่วมใจกัน โอกาสจะประสบความสำเร็จ มันก็ยาก และผมก็เชื่อว่าทุกฝ่ายก็อยากเห็นประเทศเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าไปได้ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ได้อย่างยั่งยืน นั่นก็คือการที่จะเดินหน้าไปสู่วิถีประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากำลังเดินอยู่ ขั้นตอนกระบวนการของการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว