Friday, 9 May 2025
POLITICS NEWS

ประเมินธุรกิจจัดส่งอาหารโต 3 เท่าตัวโกยเงินมหาศาล

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในช่วงของไวรัสโควิด-19 ในประเทศยังไม่คลี่คลาย ส่งผลดีต่อธุรกิจจัดส่งอาหารฟู้ดดิลิเวอรี่ที่เป็นช่องทางหลักร้านอาหารและผู้บริโภค โดยคาดว่าตลอดทั้งปี 2564 จะมีผู้บริโภคสั่งฟู้ดดิลิเวอรี่ไม่น้อยกว่า 120 ล้านครั้ง หรือเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ในปี 62 ที่มี 35 – 45 ล้านครั้ง 

สำหรับ ธุรกิจฟู้ดดิลิเวอรี่ในปี 2564 ประเมินว่า จะมีมูลค่าถึง 53,100 - 55,800 ล้านบาท หรือขยายตัว 18.4 – 24.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้มีส่วนผลักดันให้ธุรกิจจัดส่งอาหารขยายตัวอย่างมาก เช่นเดียวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ปรับตัวมาใช้บริการจัดส่งอาหารเพิ่มขึ้นมาก ประกอบกับจำนวนร้านอาหารและผู้ส่งอาหารก็มีมากเช่นกัน จึงดึงดูดให้ผู้ประกอบการทั้งที่อยู่ในธุรกิจร้านอาหารและผู้ประกอบการนอกธุรกิจร้านอาหารสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดฟู้ดดิลิเวอรี่เพิ่มขึ้น
  
อย่างไรก็ตามในด้านการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารที่สูง ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารมีการจัดทำโปรโมชั่นราคาพิเศษและปรับรูปแบบของเมนูอาหาร โดยร้านอาหารข้างทางมีมากขึ้น คาดว่าจะมีส่วนแบ่งรายได้มากกว่า 40% ของมูลค่ารวมของธุรกิจจัดส่งอาหาร จากเดิมในปี 63 อยู่ที่ 29%

สภาถกงบต่อวันที่ 2 “ก้าวไกล” ถามหาบรรทัดฐานแสดงภาพประกอบในห้องประชุม หลังถูกเบลอภาพ “บิ๊กป้อม” ด้าน “พิธา” เสนอตัดงบช่วยพัฒนาเมียนมาร์ ก่อนงบกระทรวงการคลังผ่านฉลุย

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65 วาระ2 ต่อเป็นวันที่สอง ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระประชุม นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ และนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้หารือกรณีส.ส.พรรคก้าวไกล ที่นำภาพสไลด์มาประกอบการอภิปราย แต่ปรากฎว่าถูกเจ้าหน้าที่เบลอภาพ เช่น ภาพของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แต่บางพรรคเอารูปพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มาประกอบได้ อยากทราบว่า มีการพิจารณาเป็นบรรทัดฐานเดียวกันหรือไม่ เพราะนายศุภชัยมีหน้าที่รับผิดชอบกลั่นกรองสไลด์ และภาพ ที่นำมาอภิปราย โดยนายศุภชัย ชี้แจงยืนยันใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับส.ส.ทุกคน ไม่เคยมีคำสั่งให้เบลอภาพพล.อ.ประวิตรหรือใครคนอื่น เว้นแต่เป็นเรื่องที่สะท้อนความรุนแรง และความเสียหาย เจ้าหน้าที่จะเสนอเรื่องขึ้นมาให้ตนพิจารณา การตัดสินใจของตนว่าสไลด์หรือภาพใดจะผ่านหรือไม่นั้น ไม่ได้วินิจฉัยคนเดียว แต่ผ่านการกลั่นกรองของสำนักกฎหมาย และสำนักประชุมอย่างรอบคอบ เรื่องนี้ตนระวังอยู่แล้วซึ่งให้ความเป็นธรรมกับทุกคน 

จากนั้น ประธานฯ ในที่ประชุม ได้ดำเนินการประชุมต่อเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ ในส่วนของมาตรา 9 งบประมาณกระทรวงการคลังและหน่วยงานในกำกับ วงเงิน  10,948,797,100 บาท โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอลดงบกระทรวงการคลังเหลือ 10,945,262,429บาท ในส่วนของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน เกี่ยวกับโครงการพัฒนาเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาร์ ที่กำลังมีปัญหาเรื่องผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ สูญหาย จากเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศ สิ่งที่รัฐบาลไทยควรทำตอนนี้คือ สร้างช่องทางการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม โดยไม่ผ่านกองทัพ แต่การที่กระทรวงการคลังเสนอโครงการพัฒนาเมืองเมียวดี เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลทหารเมียนมาร์ จึงจำเป็นต้องตัดลดงบประมาณส่วนนี้ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ 1.มิติเศรษฐกิจที่ชายแดนแม่สอด - เมียวดียังมีสถานการณ์สู้รบบริเวณชายแดน และจีดีพีเมียนมาร์ปีนี้ติดลบ 18% การไปช่วยเหลือรัฐบาลเมียนมาร์มาจึงไม่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง 2.มิติหลักสากล ที่ทั้งสหประชาชาติและธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย ไม่มีหน่วยงานใดอนุญาตใดให้มีการเบิกจ่าย และชะลอโครงการช่วยเหลือพัฒนาเมียนมาร์ หลังเหตุการณ์รัฐประหาร แต่การที่กระทรวงการคลังยังสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารเมียนมาร์ เป็นการส่งสัญญาณว่าเราให้คุณค่ากับการปกครองแบบใด จึงต้องขอปรับลดงบกระทรวงคลัง

ด้าน นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอตัดงบกระทรวงการคลัง 5% จากหลายสาเหตุ อาทิ แนวคิดที่กำลังจะทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพื่อที่กระทรวงการคลังจะได้หารายได้เก็บภาษีจากบุหรี่ไฟฟ้า โดยกระทรวงกำลังจะศึกษาเรื่องนี้และยังได้เชิญบริษัทบุหรี่ไฟฟ้ามาให้ข้อมูลและร่วมเสวนา ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าทางการจะทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการพูดกันว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา และทำให้สูบน้อยลง ในทางกลับกันข้อมูลจากประเทศอเมริกากลับระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำให้คนสูบหรี่มากขึ้น นอกจากนี้ ขอคัดค้านในส่วนของงบปะมาณช่วยเหลือเพื่อนบ้าน จำนวน 589 ล้านบาท โดยให้เป็นเงินที่นำไปให้ผู้รับเหมาสร้างถนน สะพาน ตนเสียดายเงิน และขอแนะนำให้กระทรวงการคลังควรให้เป็นทุนการศึกษามากกว่า ซึ่งจะเป็นผลดีต่อไทยและเพื่อนบ้านมากกว่า

จากนั้น เวลา 11.00 น. ที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบมาตรา 9 งบประมาณกระทรวงการคลัง ตามที่กมธ.แก้ไข ด้วยคะแนนเห็นด้วย 252 เสียง ไม่เห็นด้วย 79 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง และไม่ลงคะแนน 2 เสียง 

‘นิกร’ ย้อนความหลัง ถ้า วันนี้บรรหารอยู่ คงได้ฟังคอมเม้นต์ สถานะการณ์บ้านเมือง

นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา เขียนข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว รำลึกเนื่องในวันคล้ายวันเกิด นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า "19 สิงหาคม เป็นวันคล้ายวันเกิดท่านบรรหาร ศิลปอาชา บุคคลสำคัญท่านหนึ่งซึ่งควรค่าที่ผมระลึกถึง ปกติตอนท่านยังอยู่เราก็จะเปิดบ้านจรัล รับมิตรสหายผู้คนที่มาอวยพร จากนั้นท่านบรรหารจะให้ผมจัดแถลงข่าวให้ความเห็นต่อสถานะการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นโดยท่านมักจะให้ความเห็นที่เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองอย่างไม่ละเลยแต่มีความเป็นกลางๆเสมอ ช่วงหลังที่ท่านจากไปแล้วพวกเราจะไปร่วมทำบุญเพื่อท่านที่ครอบครัวศิลปอาชาจัดขึ้นที่สุพรรณบุรีทุกปี แต่ปีนี้ด้วยสถานการณ์COVID-19 จึงต้องงดไปในปีนี้ แต่ไม่เป็นไรเพราะไม่ว่าจะเป็นเมื่อใด อย่างไร ท่านก็จะอยู่ในใจของพวกเราเสมอไป"

“จุรินทร์”หวัง “พรรคร่วมรบ.-ฝ่ายค้าน-ส.ว.” จับมือแก้รธน. เพื่อให้ถึงฝั่งฝัน อย่างน้อยนำร่องแก้รัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นปชต.ยิ่งข้ึน

ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2และวาระ 3 ในที่ประชุมร่วมรัฐสภาสัปห์ดาหน้าว่า สำหรับพรรคประชาธิปตย์ ยังยืนยันชัดจนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ซึ่งหลักการในร่างที่ผ่านวาระที่2 ก็ยังเป็นไปตามหลักการเดิม คือการเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ และมีส.ส.เขต 400 คน แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน  ซึ่งพรรคจะต้องยืนยันหลัการให้เป็นไปตามนี้ และถ้ามีประเด็นไหนที่ไม่สอดคล้องกับหลักนี้ ก็จะแปรญัตติเพื่อให้กลับเข้าสู่หลักที่ประชุมรัฐสภาได้รับหลักการไป ทั้งนี้พรรคยืนยันว่าจะสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะถือว่าเป็นร่างของพรรคตั้งแต่ต้น
  เมื่อถามว่าเบื้องต้นได้มีการพูดคุยกันพรรคการเมืองต่างๆ และส.ว.เพื่อให้สนับสนุนร่างของพรรคประชาธิปัตย์ให้ผ่านไปได้หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับในพรรคการเมืองต่างๆ ก็ได้มีการประสานกันอยู่ โดยเฉพาะในการทำหน้าที่เป็นกมธ.ฯร่วมกัน เพียงแต่เราก็ต้องเคารพในการตัดสินใจซึ่งกันและกัน  ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองและส.ว.ก็มีสิทธิ์ที่จะใช้ดุลพินิจ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้อย่างน้อย 3 ส่วน คือพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน และส.ว. ต้องจับมือร่วมกัน ไม่เช่นนั้นก็ผ่านยาก 
 เมื่อถามวา ดูแนวโน้มแล้วจะสามารถไปถึงฝั่งฝันหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนอยากให้ไปถึงฝั่งฝัน และอยากให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน เพราะเป็นเจตนารมณ์ชัดเจนของพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ต้น และเป็นร่างเดียวที่ผ่านขั้นรับหลักการ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการนำร่องการแแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิไตยยิ่งชึ้น เปิดโอกาสให้ประชาชนมีทางเลือกที่มีเสรีภาพ หรือมีสิทธิมากขึ้นในการตัดสินใจระหว่างคนกับพรรคแยกออกจากกันได้ 
 

พล.อ.ประวิตร  ประชุม คกก."คุ้มครองมรดกโลก"  ขอบคุณคนไทยทั้งประเทศ  ร่วมสนับสนุน"แก่งกระจาน" ได้ขึ้นเป็นมรดกโลก   เห็นชอบเสนอไทยเป็นเจ้าภาพ  จัดประชุมครั้งที่46  สร้างการยอมรับ สู่ระดับสากล 

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา10.00น.  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 2/2564 โดยมี รมว.วธ. และ ปล.ทส. เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบ Video Conference

ที่ประชุม ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ แนวทางการดำเนินงานตามมติ คณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 44 ที่ได้มีการประชุม โดยให้ไทยต้องรายงาน สถานภาพ การอนุรักษ์ แหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่ม"ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่" รวมถึง ความคืบหน้าการปฏิบัติการ เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดและค้าไม้พะยุงโดยมอบให้ กรมชลประทาน กรมทางหลวง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและ เสนอคณะอนุกรรมการ มรดกโลกทางธรรมชาติ ต่อไป พร้อมทั้งได้เห็นชอบให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ จัดทำรายงานตามมติ ของคณะกรรมการมรดกโลก ภายหลังขึ้นทะเบียน พื้นที่กลุ่มป่า"แก่งกระจาน"เป็นมรดกโลกแล้ว จากการประชุมครั้งที่ผ่านมา เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อม ต่อภารกิจของผู้เชี่ยวชาญจากสหภาพสากล ว่าด้วยการอนุรักษ์ (IUCN)ภายใต้สถานการณ์ โควิด-19 และให้ศึกษาความเป็นไปได้ ในการขยายขอบเขตแหล่งมรดกโลกข้ามพรมแดน รวมทั้ง ได้มีมติเห็นชอบ เสนอให้ไทยเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่46 ในปี พ.ศ.2566 (ไทยเคยเป็นเจ้าภาพ ครั้งที่18 พ.ศ.2538) เพื่อยกระดับมาตรฐานประเทศไทย ให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล เนื่องจากไทยมีศักยภาพ และมีความพร้อมในการจัดการประชุมระดับนานาชาติแล้ว ที่ผ่านมา

พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวขอบคุณ ประชาชนทั้งประเทศที่ให้การสนับสนุน พร้อม คณะกรรมการฯ ,ก.ทรัพยฯ,ก.วัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ดำเนินการอนุรักษ์ และคุ้มครองมรดกโลก ที่ผ่านมา ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ เรื่องการได้รับเลือกให้กลุ่มป่าแก่งกระจาน ขึ้นเป็น มรดกโลกแล้ว นำมาซึ่งการส่งเสริม การอนุรักษ์ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล สะท้อนการบริหารจัดการที่มีคุณภาพของภาครัฐ และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งได้เชิญชวนคนไทย ร่วมสนับสนุน ให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม คณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 46 ด้วย

‘ยิ่งลักษณ์’ จวกรัฐบาลบิ๊กตู่ล้มเหลว ราคาข้าวตกต่ำซ้ำเติมชาวนา หนี้สินล้นพ้นตัว ยิ่งจนลง เสียดายนโยบายปรับโครงสร้างเกษตรที่เคยทำไว้

วันที่ 19 สิงหาคม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า แม้ประเทศไทยของเราได้ชื่อว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเกษตรกรจะกินดีอยู่ดีค่ะ ชาวนาเผชิญปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้นแต่ราคารับซื้อกลับลดลงอย่างหนัก ขณะที่ปลายเดือนสิงหาคมนี้ ข้าวเจ้านาปรังฤดูใหม่กำลังจะทะลักออกสู่ตลาดจำนวนมากมายหลายสิบล้านตัน แต่ราคาข้าวแทบทุกชนิดได้ร่วงลงไปก่อนหน้าแล้ว เช่น ข้าวเปลือกเจ้าแห้ง (ความชื้น15%) ราคาเหลือเพียงตันละ 7-8 พันบาท ดิฉันเป็นห่วงมากค่ะ ว่าราคาข้าวปีนี้จะตกตํ่ามากกว่าปีก่อน ซ้ำเติมชีวิตพี่น้องชาวนาไทยจากเดิมที่เดือดร้อน ไม่มีกินมีใช้ มีหนี้สินล้นพ้นตัวอยู่แล้วให้ยากจนลงไปอีก

วันนี้รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ปัญหาให้กับชาวนา มองไม่รอบด้าน และไม่ทันต่อสถานการณ์ มีแต่มาตรการเดิม ๆ จนทำให้วิกฤติราคาข้าวบานปลาย ดิฉันมีความเห็นว่า รัฐบาลควรจะหาแนวทางแก้ไขเบื้องต้นอย่างเร่งด่วน ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันทีค่ะ เช่น การออกมาตรการสนับสนุนต้นทุนการผลิต อย่างเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ค่าเช่านา เพื่อลดต้นทุนการผลิต รวมถึงการเข้าไปดูแลด้านราคาให้กับชาวนา ขณะเดียวกันต้องแก้ปัญหาการขนส่ง การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เพราะเมื่อส่งออกได้มากขึ้น ราคาข้าวก็จะสูงขึ้นด้วย ซึ่งจะเป็นการช่วยชาวนาในทางอ้อม เพราะการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวคือการช่วยเศรษฐกิจไทยในภาพรวมทั้งประเทศค่ะ

ดิฉันเสียดายโอกาสในการปรับโครงสร้างเกษตรทั้งระบบที่ได้เริ่มวางรากฐานไว้เมื่อครั้งที่ดิฉันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เช่น การทำเกษตรโซนนิ่ง การลดการผลิตข้าวคุณภาพต่ำ และการปลูกพืชอื่น หลังเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว การพัฒนาพันธุ์ข้าว เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มผลิตภาพของแรงงาน ไปจนถึงมาตรการลดต้นทุนโดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการเกษตร การขยายตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างโอกาส และมอบอนาคตที่ดีให้กับอาชีพชาวนา ให้สมกับคำว่าชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ จะได้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้งค่ะ


ที่มา : https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/photos/a.201001219944341/4639957352715350


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"ชวน" คาด ถกงบ 65 จบ 20 ส.ค. ไม่หวั่นม็อบมาสภาฯ ชี้ ที่ผ่านมาไม่มีปัญหา เผย พร้อมเปิดรับ มีมาตรการดูแลความปลอดภัย

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงภาพรวมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ในวาระ 2-3 ว่า อภิปรายถึงมาตรา 8 ถือว่าใช้ได้ เพียงแต่งบประมาณของกระทรวงกลาโหมมีการอภิปรายกันยาว โดยวันนี้จะเริ่มอภิปรายที่มาตรา 9 คาดว่าเวลาที่เหลืออีก 2 วันน่าจะเพียงพอกับมาตราที่เหลือ ซึ่งอาจจะจบในวันที่ 20 ส.ค. ช่วงดึกๆ ทั้งนี้ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี เพราะได้มีการย้ำว่าเป็นการอภิปรายแปรญัตติ อย่าไปอภิปรายเป็นวาระที่ 1 ซึ่งเมื่อวานนี้ตั้งใจจะให้การประชุมเลิกดึกกว่านี้ แต่สมาชิกเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ คนขับรถ จะเดินทางกลับในช่วงเคอร์ฟิวลำบาก แต่เราก็มีหนังสือรับรองไว้แล้ว และได้มีการเตรียมรถรับส่งเจ้าหน้าที่ไว้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่าวันที่ 20 ส.ค. อาจจะมีผู้ชุมนุมมาชุมนุมที่รัฐสภา จะมีการกำชับเรื่องมาตรการดูแลความปลอดภัยอย่างไร นายชวน กล่าวว่า มีการเตรียมไว้แล้ว โดยทั่วไปที่มาชุมนุมที่รัฐสภาไม่มีปัญหามาก และสภาฯ เปิดรับสามารถมายื่นหนังสือได้ และที่สำคัญคือให้เป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ ซึ่งคงไม่ต้องมีการยกระดับการดูแลความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ก็ดูแลตามปกติ เพียงแต่อย่าไปประมาท
 

“แรมโบ้” ข้ามรุ่น ตะเพิด "นิธิ เอียวศรีวงศ์” เข้าวัด-เลี้ยงหลาน ติง จับมือ"ณัฐวุฒิ" ถ้าผิดกฎหมายร่วมรับผิดชอบหรือไม่

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. เปิดตัวนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ว่า ไม่น่าเชื่อว่านักวิชาการอย่างนายนิธิ จะคิดเข้าข้างและสนับสนุนคนโดนคดีก่อการร้ายอย่างนายณัฐวุฒิ ทั้งที่รู้ว่านายณัฐวุฒิ เป็นคนสั่งเผาบ้านเผาเมืองจนบ้านเมืองหายนะ และอยากถามนายนิธิ ว่าหากเกิดเหตุมีการเผาบ้านเผาเมืองขึ้นอีกรอบ ต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่ในฐานะผู้ที่ออกมาสนับสนุนและเห็นดีเห็นงามรวมถึงเป็นที่ปรึกษาให้กับนายณัฐวุฒิในการปลุกระดมยุยงให้คนออกมาชุมนุมสร้างความรุนแรง ป่วนเมือง ทำผิดกฎหมาย สร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองในขณะนี้

“หากนายนิธิ ไม่หวังดีต่อประเทศชาติและประชาชน ก็ไม่ควรจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์ เป็นนักวิชาการแล้ว และขอแนะนำว่าหากว่างมาก ควรเอาเวลาไปเข้าวัดทำบุญ หรือไปเลี้ยงหลานจะดีกว่า อย่าเอาเวลามายุ่งกับคนที่คิดเผาบ้านเผาเมือง เพื่อแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัว หรือช่วยเอาประสบการณ์ของนายนิธิ มาช่วยบ้านเมืองจะดีกว่า อย่ามาคิดทำลายบ้าน ทำลายเมืองร่วมกับนายณัฐวุฒิ เดี๋ยวจะเสียผู้เสียคนตอนแก่ ผมเตือนมาด้วยความหวังดี ว่าอย่าไปยุ่งกับนายณัฐวุฒิ เพราะนายนิธิ ไม่รู้จักพฤติกรรมนิสัยใจคอนายณัฐวุฒิ ดีเท่ากับตนอย่างแน่นอน”นายเสกสกล กล่าว 

‘ก้าวไกล’ ประกาศต้านสอดไส้นิรโทษกรรมคนบริหารวัคซีน ชี้หากกฎหมายผ่าน ประชาชนจะฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้เลย

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่รัฐบาลได้มี มติ ครม. เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 64 เห็นชอบที่จะแก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อ แทนการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมเหมาเข่งล่วงหน้า ที่ถูกประชาชนต่อต้านเป็นจำนวนมาก โดยนายวิโรจนยืนยันว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนยุทธวิธีนิรโทษกรรมเอาตัวเองให้พ้นผิดของรัฐบาล เพราะไม่สามารถรับมือพลังต่อต้านของประชาชนได้ แต่โดยยุทธศาสตร์ยังเป็นการหมกมุ่นหาทางเอาตัวรอดของรัฐบาลที่บริหารผิดพลาดจนทำคนเจ็บป่วยล้มตายทั่วประเทศ

“โดนประชาชนต่อต้านจนต้องล้มแผนออกพ.ร.ก.นิรโทษกรรมตัวเอง แต่ยังพยายามมาสอดไส้นิรโทษกรรมต่อในพ.ร.บ.โรคติดต่อ การทำแบบนี้สะท้อนว่ารัฐบาลนี้ รู้ดีว่าตนเองกำลังก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชน แต่แทนที่จะมีสามัญสำนึก คิดที่จะรับผิดชอบ ที่จะออกกฎหมายในการชดเชยเยียวยาให้กับประชาชนที่สูญเสียและได้รับผลกระทบ กลับเอาเวลาไปคิดหมกมุ่นแต่เรื่องจะออกกฎหมายเพื่อปกป้องตนเองให้พ้นจากความรับผิดทั้งปวง

นี่เป็นความพยายาม ที่จะเอาความเหนื่อยยากของบุคลากรทางการแพทย์ด้านหน้า และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานอยู่หน้างาน มาแอบอ้างเพื่อ "สอดไส้" ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่งล่วงหน้าให้กับตนเอง และพวกพ้องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายในการจัดหาวัคซีน การควบคุมการระบาด การรักษาพยาบาล และนโยบายในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งหมด”

นายวิโรจน์ยังยืนยันว่า บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด่านหน้า ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายที่มีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ เพียงแต่กฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงฝ่ายนโยบายและศบค. เท่านั้น

“ถ้ารัฐบาลนี้ห่วงใยในตัวบุคลากรด่านหน้าจริง คงไม่มีข้อคิดเห็นข้อที่ 10 ที่ระบุว่า ถ้าให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีน Pfizer เป็นเข็มที่ 3 จะเท่ากับยอมรับว่าวัคซีน Sinovac ไม่มีผลในการป้องกันและจะแก้ตัวได้ลำบากมากขึ้น คงไม่มีหลักเกณฑ์ที่จะฉีด Pfizer ให้คนบุคลากรด่านหน้าที่ฉีด Sinovac มาแล้ว 2 เข็มเท่านั้น ออกมา คงไม่ปล่อยให้บุคลากรทำงานด่านหน้า ภายใต้ความจำกัดของชุด PAPR ชุด PPE และงานธุรการวุ่นวายในการเบิกจ่ายยาและเวชภัณฑ์ ที่ทำให้แพทย์ลำบากใจอย่างที่เป็นอยู่”

นายวิโรจน์ย้ำว่าพรรคก้าวไกลจะต่อต้านการสอดไส้นิรโทษกรรมตัวเองของรัฐบาลอย่างถึงที่สุด เพราะหากปล่อยให้รัฐบาลสอดไส้เนื้อหาการนิรโทษกรรมเหมาเข่งล่วงหน้า เข้าไปที่ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ได้สำเร็จ คนที่เสียประโยชน์สูงสุด คือ ประชาชน เพราะว่าเมื่อกฎหมายนี้บังคับใช้ ประชาชนที่เสียชีวิต ตลอดจนเด็กกำพร้า ที่ต้องมาสูญเสียชีวิตพ่อแม่จากการบริหาร การควบคุมการระบาดที่ผิดพลาด ของรัฐบาล, ประชาชนที่ถูกเลื่อนฉีดวัคซีนจนต้องมาติดโควิด และเสียชีวิต, ประชาชนที่ประสบกับผลข้างเคียงอย่างรุนแรงจากการฉีดวัคซีนแบบสลับชนิดระหว่าง Sinovac และ AstraZeneca ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีงานวิจัย ที่ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการทางการแพทย์ในระดับนานาชาติยืนยันมาก่อน, ประชาชนที่ต้องปิดกิจการ ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องแบกหนี้สินมหาศาล จากความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาล ทั้งหมดนี้ อาจฟ้องร้องการชดเชยเยียวยาใด ๆ จากรัฐบาลไม่ได้เลย


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศบค. เด้งรับ สูตร "การป้องกันการติดเชื้อ โควิด-19 แบบครอบจักรวาล" ของสธ. แนะ ประชาชน ปรับสมดุลการดำรงค์ชีวิตวิถีใหม่ ให้อยู่กับโรคได้ ชี้ ต้องอยู่กันไปอีกระยะหนึ่ง

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)แถลงข่าวประจำวันตอนหนึ่งว่า ที่ประชุมศปก.ศบค.หารือกันในวันนี้ถึงเรื่อง Universal Pervention for COVID-19 หรือ เรียกว่า การป้องกันการติดเชื่อโควิด-19แบบครอบจักรวาล โดยสิ่งสำคัญเราจะต้องเข้าใจว่าตอนนี้รายงานผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ในหลายกรณีเราไม่สามารถที่จะค้นหาว่าผู้ติดเชื้อได้รับเชื้อมาจากใคร จากไหน และพบว่าการแพร่กระจายเชื้อเป็นไปอย่างกว้างขวางทั้งในชุมชนและครอบครัว 

กระทรวงสาธารณสุขจึงเสนอแนวความคิด"การป้องกัน การติดเชื้อโควิด-19 แบบครอบจักรวาล" โดยประเด็นที่สำคัญเราจะต้องอยู่กับโรคโควิด-19 ให้ได้ เพราะโรคนี้จะอยู่กับประเทศไทยและโลกไปอีกระยะหนึ่ง เราจะต้องปรับสมดุลการดำรงค์ชีวิตวิถีใหม่ให้อยู่ได้ โดยนพ.อุดม คชินทร เสนอแนวคิดไว้ว่า ขอให้เราทุกคนคิดเสมอว่าทุกคนที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะสนิทแค่ไหนอาจเป็นผู้ติดเชื้อ โควิด-19 โดยเขาอาจจะเป็นคนที่นำเชื้อมาแพร่ หรืออาจจะเรานี่เองที่เป็นผู้ติดเชื้อแล้วไปแพร่ให้กับเขาได้ 

หลักการปฏิบัติคือพยายามออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นเท่านั้น จนกว่าสถานการณ์ โควิด-19 จะลดความรุนแรงลง รักษาสุขอนามัยส่วนตัว การเว้นระยะห่างจากคนอื่น 1-2 เมตร ในทุกสถานที่ สวมหน้ากากอนามัยแล้วทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ ทำความสะอาดจุดสัมผัสจุดเสี่ยง และถ้าเป็นผู้มีอายุเกิน 60 ปี มีกลุ่มโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคก็จะต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสที่จะได้รับการสัมผัสเป็นผู้ติดเชื้อและมีความรุนแรง 

การอยู่ร่วมกันในสถานที่ทำงาน สถานประกอบการ ในครอบครัว ในหอพัก ขอให้มีการแยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่สามารถนั่งรวมกลุ่มรับประทานอาหารในที่ทำงานไปอีกระยะหนึ่ง ดูแลบุคลากรในสถานที่ทำงานก็ขอให้ทุกสถานประกอบการ ถือเป็นข้อปฏิบัติที่จะค้นหาผู้ติดเชื้อ คัดกรองผู้มีความเสี่ยง ให้ถือเป็นมาตรการประจำของสถานประกอบการ เมื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโดยให้ได้รับการตรวจ ATK หากยืนยันเป็นผู้ติดเชื้อก็ต้องให้มีการแยกกัก และนำพาผู้ติดเชื้อเข้าสู่กระบวนการรักษาให้ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด จะทำให้ลดอัตราการแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นในสถานประกอบการเดียวกันนั้นด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top