Tuesday, 18 March 2025
POLITICS NEWS

“รองโฆษก ปชป.”เย้ยญัตติซักฟอกฝ่ายค้านไม่มีน้ำหนัก หลังมีชื่อ “เฉลิมชัย”ด้วย ชี้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ แนะไม่ไว้วางใจทุจริตดีกว่าประเด็นการเมือง

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี  และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีของฝ่ายค้าน ที่มีกระแสข่าวว่ามีรายชื่อของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่า พรรคประชาธิปัตย์เคารพในกระบวนการตรวจสอบของฝ่ายค้าน แต่ที่มีข่าวว่ามีชื่อของ รมว.เกษตรฯที่จะถูกอภิปรายในประเด็นราคาสินค้าเกษตรนั้น หากเป็นจริงตามข่าวก็จะทำให้น้ำหนักของการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ลดไปมาก เพราะที่ผ่านมาผลงานของรรมว.เกษตรฯ เป็นที่ประจักษ์และรับรู้ของประชาชนอย่างยิ่ง 

โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์อย่างเต็มที่ และที่ผ่านมาผลสำรวจต่างๆก็เป็นที่พอใจของประชาชน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาราคามังคุดในปัจจุบันที่ได้มีการนำเข้าคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ หรือ Fruit Board ซึ่งมีรมว.เกษตรฯเป็นประธานก็สามารถแก้ไขปัญหาจนเป็นที่พอใจของเกษตรกรผู้ปลูกมังคุดเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงยังได้มีการทำงานร่วมกับหลายภาคส่วน ทั้งส.ส.ของพรรค และกลไกภาครัฐต่างๆเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
       
“การทำงานของรมว.เกษตรฯ ตลอด2ปีกว่าที่ผ่านมา ก็มีผลเป็นที่พอใจของพี่น้องเกษตรกร ถ้ามีชื่อในการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจจริงและเป็นประเด็นในเรื่องของสินค้าราคาเกษตรก็จะทำให้ญัตติของฝ่ายค้านลดน้ำหนักลงไปมาก ซึ่งเราก็เคารพในการทำงาน แต่อยากให้ฝ่ายค้านดูในประเด็นไม่ไว้วางใจที่เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นจริงๆ ไม่ใช่เป็นประเด็นทางการเมือง” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

เสกสกล ลั่น จันทร์นี้ จูงทนาย แจ้งความกองปราบฯ ดำเนินคดี เต้น กับพวก ฝ่าพรก.ฉุกเฉิน - จี้ ปปง. สอบเส้นทางการเงิน

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนพร้อมทนายความ จะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และพวก ในข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ และความผิดหลายคดีตามประมวลกฎหมายอาญาอีกหลายมาตรา ในวันจันทร์16 สิงหาคม เวลา 10.00 น. ที่กองปราบปราบฯ 

และในวันเดียวกัน เวลา 11.30 น. จะเดินทางไปยื่นหนังสื่อที่สำนักงาน ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมการเงินของนายณัฐวุฒิและพวกในการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้ด้วย

ปชป. นัด ส.ส. ประชุมเตรียมพร้อมเปิดสภา“องอาจ” ชี้ รัฐมนตรี ปชป. ไม่หวั่นไหว ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมรับการตรวจสอบ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาเพื่อพิจารณาเรื่องสำคัญๆ ว่า ตนได้เชิญ ส.ส. ประชาธิปัตย์ประชุมในวันอังคารที่ 17 ส.ค. นี้ เวลา 13.30 น. เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมสภาตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ซึ่งมีเรื่องสำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณาในสภาหลายเรื่อง เริ่มตั้งแต่การพิจารณางบประมาณประจำปี 2565 ซึ่งจะเป็นการพิจารณาเนื้อหาสาระที่คณะกรรมาธิการได้พิจารณามาแล้ว ก่อนลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

หลังจากนั้นสภาก็จะพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งในส่วนของพรรคได้แสดงจุดยืนชัดเจนมาตั้งแต่ต้นถึงความตั้งใจที่จะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ถึงแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมา การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราต้องการทั้งหมด เนื่องจากข้อจำกัดหลายประการ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นได้ต้องมีความเห็นพ้องต้องกันทั้งจากฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่งตามเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดไว้ แต่เราก็ได้พยายามอย่างถึงที่สุด ถึงแม้จะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่ได้ เราก็พยายามเสนอแก้รายมาตราในประเด็นที่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ในที่สุดจะแก้ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะแสดงความเห็นพ้องต้องกันของฝ่ายต่างๆ ได้มากน้อยแค่ไหน

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่าเราได้แสดงออกถึงการกระทำให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญอย่างเต็มกำลังตลอดมา

เรื่องสำคัญอีกเรื่องที่จะต้องพิจารณาในสภาคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มองว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นกระบวนการปกติของการทำงานในระบบรัฐสภา ที่ฝ่ายบริหารต้องพร้อมรับการตรวจสอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายค้าน

รัฐมนตรีของพรรคก็พร้อมจะให้ตรวจสอบและเชื่อมั่นว่ารัฐมนตรีทุกคนทำงานโดยยึดประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมเป็นหลัก จึงไม่รู้สึกหวั่นไหวถ้ามีรายชื่อถูกอภิปรายและพร้อมจะชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้สภาและสาธารณชนรับทราบได้อย่างแน่นอน

ถึงแม้ขณะนี้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดอย่างรุนแรงในประเทศไทย ซึ่ง ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดอย่างเต็มที่ต่อเนื่องตลอดมาควบคู่ไปกับการทำหน้าที่ในสภา ก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของประชาชนตลอดไป

“จุรินทร์ ออนทัวร์ กทม.” เปิดตัว “กัปตันไมเคิล” ผู้สมัคร ส.ส. และ “ปพนชัย” ผู้สมัคร ส.ก. บึงกุ่ม ยันไม่ห่วงถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากถูกยื่นญัตติจะใช้เป็นโอกาส “โชว์ผลงาน” มั่นใจทำงานเองกับมือ 

ที่ชุมชนวัดพิชัย เสรีไทยซอย 2 แขวง คลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พร้อมคณะลงพื้นที่มอบถุงน้ำใจ ปชป. ที่เขตบึงกุ่ม เปิดตัว “กัปตันไมเคิล” นายพันธ์พิสุทธิ์ นุราช เป็นผู้สมัคร ส.ส.บึงกุ่ม และนายปพนชัย สุวรรณทศ เป็นผู้สมัคร ส.ก. เขตบึงกุ่ม พร้อมกับให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการวางตัวผู้สมัครผู้ว่า กทม. ของพรรคว่า พรรคได้ตัดสินใจตัวผู้สมัครแล้ว เพียงแต่ยังรอเวลาที่เหมาะสม ยังไม่เปิดตัวในขณะนี้ ซึ่งผู้สมัครของพรรคเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักตามสมควร และมีศักยภาพที่จะเป็นผู้ว่าฯ กทม. ได้ ที่สำคัญคือเป็นคนรุ่นใหม่พร้อมมาร่วมอุดมการณ์กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป 

เมื่อถวาทว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีการยื่นญัตติในวันที่ 16 ส.ค.นี้ และมีข่าวว่าจะมีชื่อของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน โดยจะอภิปรายถึงเรื่องปัญหาการส่งออก และสินค้าการเกษตรตกต่ำนั้น จะมีการตั้งวอร์รูมเพื่อรับมือการอภิปรายหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า คงไม่ต้องตั้งวอร์รูม และยังไม่ทราบว่าสุดท้ายจะมีใครถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจบ้าง แต่ถ้ามีชื่อถูกอภิปรายก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้อาศัยญัตติอภิปรายแถลงผลงานที่ทำมาเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบพร้อมกันทั้งประเทศ 

“คงไม่ต้องตั้งวอร์รูมอะไร และยังไม่ทราบว่าสุดท้ายแล้วจะมีใครถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจบ้าง แม้จะมีชื่อ หรือจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่จำเป็นต้องไปตั้งวอร์รูม เพราะผมกับท่านเฉลิมชัย เราทำงานมาโดยต่อเนื่องตลอด และลงไปทำทุกเรื่องกับมือ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องไปมีวอร์รูมอะไรเป็นกรณีพิเศษ ยังไม่ทราบว่าจะมีชื่อ หรือไม่มี แต่ว่าถ้ามีก็จะถือว่าเป็นโอกาสดีในการที่จะได้แถลงผลงานที่ทำมา เพราะเราก็มั่นใจว่าที่ผ่านมาเรามีผลงานที่จะบอกกับพี่น้องประชาชนพร้อมกันทั้งประเทศได้ โดยอาศัยญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในการที่จะเป็นโอกาสสำคัญ และผมก็มั่นใจว่าเกษตรกร พี่น้องประชาชนก็ทราบดี ผู้ส่งออกก็ทราบดีว่า เราทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง และประสบความสำเร็จบ้าง” นายจุรินทร์กล่าว 

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า การส่งออกในวันนี้ได้กลายเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเห็นชัดเจนอยู่แล้ว ไม่มีข้อกังขาอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่จะต้องมีการแก้ปัญหาแวดล้อมอื่นๆ ประกอบกันไปด้วย เช่นเรื่องแรงงาน เรื่องผู้ผลิต แรงงานในโรงงานต่างๆ ที่จะต้องมีการอำนวยความสะดวกให้แรงงานมีเพียงพอในการผลิต ขณะเดียวกันการบริหารจัดการในเรื่องของโรงงานบางโรงที่ติดเชื้อ จะต้องมีการบริหารจัดการที่เอื้ออำนวยต่อการที่จะให้การส่งออกเดินหน้าต่อไปได้

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เวลาปิดโรงงานก็ควรจะปิดเฉพาะส่วนที่ติดโควิด ไม่ควรไปปิดรวมทั้งโรงงาน ไม่อย่างนั้นภาคการผลิตก็จะเสียไปหมดทั้งโรง สุดท้ายเมื่อของผลิตมาไม่พอ นอกจากจะเป็นปัญหาตลาดในประเทศ หรือไม่พอที่จะสนองความต้องการในประเทศแล้ว ตัวเลขส่งออกก็จะกระทบด้วย ถึงอย่างไรก็ตามส่วนไหนที่เกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ เราก็จับมือทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านจะมีหมัดเด็ดในเรื่องใบเสร็จที่จะสร้างความหนักใจให้กับพรรคร่วมรัฐบาลในการโหวตไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่สามารถตอบแทนฝ่ายค้านได้ ก็ต้องถามฝ่ายค้านว่ามีข้อมูลอะไรอย่างไร

“กลาโหม” กำชับจับกุมลักลอบเข้าเมืองผิดกม. เข้มจุดตรวจรอยต่อจว.แดงเข้ม ลดการแพร่นะบาดโควิด-19 

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมติดตามการสนับสนุนรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตโควิด 19 ร่วมกับ กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ และ ตร. ผ่านระบบ VTC

โดยภาพรวมฝ่ายความมั่นคง ทหารตำรวจ ยังคงตรวจพบและจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ 1-12 ส.ค.64 จับกุมได้ 1,864 คน  สำหรับการควบคุมโรค เจ้าหน้าที่ยังคงตั้งจุดตรวจและด่านตรวจบริเวณรอยต่อจังหวัดสีแดงเข้ม และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วตรวจในพื้นที่ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายและจำกัดกิจกรรมตามเคหสถานที่เป็นปัญหา โดยยังพบพฤติกรรมขาดความรับผิดชอบ รวมกลุ่มดื่มสุรา มั่วสุมเสพยาและเล่นการพนันต่อเนื่อง 

ขณะเดียวกัน กองทัพได้เร่งขยายขีดความสามารถทางการแพทย์ใน รพ.ทหาร แต่ละเหล่าทัพ โดยจัดตั้งห้อง ICU รองรับผู้ป่วยสีแดงเพิ่ม 80 เตียง และผู้ป่วยสีเหลือง 306 เตียง ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างเร่งจัดตั้ง รพ.สนาม และ CI ในพื้นที่หน่วยทหารทั่วประเทศเพิ่ม ร่วมกับ สธ.จังหวัด พร้อมกันนี้ ได้เรียกระดมบุคลากรทางการแพทย์แถว 2 กว่า 500 คน เข้ามาเสริมการทำงาน เพื่อรองรับการดูแลประชาชน 

สำหรับ รพ.สนาม ในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ในพื้นที่ กทม. อยู่ระหว่างปรับเพิ่มให้สามารถรองรับการตรวจเชื้อคัดกรองโรคได้เพิ่ม 500 คน ต่อวัน ในลักษณะขับรถยนต์มารับการตรวจ (Drive Thru) ขณะที่ รพ.สนามศูนย์คัดกรอง สโมสรกองทัพบก ในพื้นที่ กทม. มีประชาชนมารับการบริการแล้วเกือบ 10,000 คน ให้บริการครบวงจรตรวจคัดกรองเชื้อ เอ๊กเรย์ปอด พบแพทย์ รับตัวเข้ารักษาในระบบ  รวมทั้งจ่ายยาและพากลับบ้าน

ทั้งนี้ พล.อ.ชัยชาญ ได้ย้ำนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ขอให้ทุกเหล่าทัพเร่งสนับสนุนการจัดตั้ง รพ.สนาม และ CI ในหน่วยทหาร เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่สีแดงเข้ม และให้เข้าไปเสริมสนับสนุนการจัดชุดตรวจเชิงรุก และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากชุมชนและตามบ้าน ที่ยังพบและมีอยู่เข้ามารักษาในระบบโดยเร็ว พร้อมทั้งขอขอบคุณกำลังพลตำรวจและทหารทุกเหล่าทัพ ที่เข้ามาสนับสนุนและเสริมการทำงานของกระทรวงสาธารณะสุข และ กทม. อย่างใกล้ชิดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคทั้งในเขตเมืองและชุมชนทั่วประเทศต่อเนื่องมา โดยกำชับให้ใช้ความระมัดระวังและไม่ประมาทในการปฏิบัติงาน เพื่อมิให้เกิดการสูญเสียในทุกชีวิต

‘เสกสกล’ ถก ฝ่ายกฎหมาย จ่อฟ้องกลับ ‘คุณหญิงหน่อย’ เป็นคดีที่ 2 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคไทยสร้างไทย และสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย นำ 7 แสนรายชื่อ ยื่นฟ้องต่อศาล กล่าวโทษรัฐบาลบริหารผิดพลาดบกพร่องในการแก้ปัญหาโควิด-19 ว่า  

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข น่าจะเข้าใจสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างดี การจัดการวัคซีนต่างๆในขณะนี้ที่ประเทศทั่วโลกก็มีความต้องการเช่นเดียวกัน วัคซีนซิโนแวคได้รับรองจากองค์การอนามัยโลก หลายประเทศก็นำมาฉีดให้กับประชาชนเช่นเดียวกัน แม้รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนซิโนแวคเข้ามา แต่ยังมีวัคซีนยี่ห้ออื่นๆอีกหลายยี่ห้อรวมถึงวัคซีนชนิด mRNA เข้ามาด้วย อยากให้ประชาชนได้สิ่งที่ดีที่สุด

นายเสกสกล กล่าวว่า นายกฯและรัฐบาล ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 คุณหญิงสุดารัตน์ควรที่จะเข้าใจ ไม่ใช่แค่จะอาศัยโอกาส มาโจมตีนายกฯ และรัฐบาล เพื่อหวังว่าตนเองกับพรรคตนเองอาจจะได้เข้ามาทำงานแทน ซึ่งหากคิดเช่นนั้น ตนขอให้ย้อนมองดูตัวเองและพรรคตัวเองก่อนว่า มีศักยภาพหรือไม่ เพราะตั้งแต่คุณหญิงสุดารัตน์กลับมาเล่นการเมือง ตนยังไม่เคยเห็นว่าจะทำประโยชน์เพื่อบ้านเมืองและประชาชน มีแต่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น

นายเสกสกล กล่าวว่า คราวนี้ สิ่งที่คุณหญิงฯและพรรคไทยสร้างไทย เปิดแคมเปญและโพสต์ผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่ามีเจตนาเพื่ออะไร หิวแสงอยากเป็นนายกฯ จนเนื้อตัวสั่นหรืออย่างไร ทำไมไม่อดทนรอให้ครบวาระ 4 ปีเลือกตั้งใหม่ จะมาตีกินการเมืองในช่วงวิกฤติความเดือดร้อนประชาชนทำไม เป็นถึงคุณหญิงสุดารัตน์ทำไมสมองคิดได้แค่นี้ ประชาชนจะฝากความหวังให้เป็นผู้นำบ้านเมืองคงไม่ได้ ถ้ายังมีหลักวิธีคิดได้เพียงแค่นี้ ถึงแม้จะเป็นนายกฯได้ ตนคิดว่า ประชาชนคงพึ่งพาฝากความหวังไม่ได้เลย มีแต่จะนำพาประเทศไทยลงเหว ลงทะเล ถ้าคุณหญิงสุดารัตน์ยังมีหลักวิธีคิดได้เพียงแค่นี้

นายเสกสกล กล่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์ คงหิวแสงมาก ตนกำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบว่า ดำเนินคดีคุณหญิงว่ามีสิทธิที่จะฟ้องนายกฯได้หรือไม่ และถ้าเจตนาต้องการใส่ร้ายป้ายสี หมิ่นประมาทนายกฯ คงต้องแจ้งความกลับคุณหญิงฯหิวแสงเป็นคดีที่สอง หลังจากที่เคยกล่าวหารัฐบาลฆาตกร ที่ตนไปแจ้งความดำเนินคดีที่ตำรวจกองปราบปรามฯไว้แล้ว

'ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ' ติดลมบน คนแห่ซื้ออย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นสังคมมี 2 ด้าน

ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ ติดลมบน คนแห่ซื้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าทุกสังคมล้วนมี 2 ด้าน แม้จะมีกลุ่มที่คอยไล่ด่า แต่ก็มีอีกกลุ่มที่คุณค่าและเห็นด้วยในตัว 'ป๋าเทพ' จนดันให้ยอดขายยิ่งพุ่งขึ้น ๆ

ทั้งนี้ หลังจาก “ป๋าเทพ” หรือ 'เทพ โพธิ์งาม' ต้องเผชิญมรสุมดราม่าจากการออกมาไลฟ์สดจวก “คนรุ่นใหม่” พร้อมชม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ทำได้ดี” จนถูกวิจารณ์อย่างหนักโดยเฉพาะโลกโซเชียล ถึงขั้นขึ้นเทรนด์หลายแพลตฟอร์ม ต่อเนื่องด้วยการที่ ป๋าเทพ ยังเจอเสียงวิจารณ์ปม “ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ” ธุรกิจล่าสุดมีกระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน บางรายโจมตีถึงขั้น “สกปรก” ก่อนที่อดีตตลกชื่อดังจะตอบโต้มีใจความสำคัญว่า “ชาวบ้านเค้ามาทำกัน ไม่ได้เป็นบริษัท” พร้อมปิดท้ายสุดพีค “กูอ่ะเศรษฐกิจพอเพียง”

ล่าสุด ป๋าเทพ โพธิ์งาม เจ้าของแบรนด์ขนมเปี๊ยะยี่ห้อ “ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ” คุยฟุ้งเจอดราม่า แต่ยอดขายกลับพุ่งสูงทะลุเพดาน ยอดจองล่าสุดกว่า 5 แสนบาทต่อเดือน

สำหรับราคาขายขนมเปี๊ยะขั้นเทพในปัจจุบันนั้น แบ่งออกดังนี้...

แพ็คเก็จ 1 : กล่องสองลูก ราคากล่องละ 50 บาท ซื้อ 10 แถม 1

แพ็คเก็จ 2 : กล่องเก้าลูก ราคากล่องละ 250 บาท ซื้อ 2 แถม 1 กล่องเล็ก

และหากคำนวณจากยอดขาย 5 แสนบาทแล้ว ถ้าขายกล่องเล็ก ราคา 50 บาท จะขายได้ 10,000 กล่อง ขณะที่กล่องใหญ่ ราคา 250 บาท จะขายได้ทั้งสิ้น 2,000 กล่องเลยทีเดียว


ที่มา: https://www.topnews.co.th/news/65853

https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6557320


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศปก.ศบค. แจงยิบ ไฟเซอร์ ไม่หาย ไม่มีฉีดวีไอพี ทำบันทึกทุกขั้นตอน ยันโปร่งใส ระบุ ปม บุคลากรการแพทย์ เสียชีวิตหลังฉีดไฟเซอร์เข็ม3 นำผลชันสูตร เข้าคกก.ผู้เชี่ยวชาญอาการไม่พึงประสงค์

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรค และภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน ร่วมแถลงข่าวประจำวันของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กรณีการเฝ้าระวัง และเหตุการณ์อาการไม่พึงประสงค์ภายหลังจากการฉีดวัคซีน โควิด-19 ว่า สำหรับการบริหารวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาค 1.5 ล้านโดส ขอย้ำว่านโยบายในการบริหารให้มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีล็อตไหนที่มีการสูญหาย ได้มีการแบ่งชัดเจนว่าจะไปในกลุ่มใดบ้าง และย้ำว่าไม่มีประเด็นของการฉีดวีไอพี หากประชาชน พบเห็นและมีข้อสงสัย สามารถแจ้งเข้ามาได้เพื่อที่จะได้มีการตรวจสอบ ยืนยันเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า วัคซีนดังกล่าวสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงที่จะสัมผัสผู้ป่วย จำนวน 700,000 โดส จัดสรรลงพื้นที่ที่มีการระบาด จำนวน 645,000 โดส ใช้สำหรับเพื่อการศึกษาวิจัยจำนวน 5,000 โดส ให้กลุ่มประชากรที่กระทรวงการต่างประเทศดูแล จำนวน 150,000 โดส 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การกระจายวัคซีนไปยัง 77 จังหวัด ส่งเป็นสองรอบโดยรอบแรกส่งไปแล้ว 442,800 โดส เริ่ม 4-5 ส.ค. ส่งรอบที่สอง เริ่มทยอยส่งมาตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. และมีการติดตามข้อมูลอยู่โดยตลอด เพื่อดูฐานข้อมูลและปริมาณการฉีดของแต่ละที่ที่ได้ไป พื้นที่ก็จะได้ใช้ตรวจสอบ ดังนั้นถ้าใครเข้าใจว่าตัวเองเป็นบุคลากรมีความเสี่ยง แต่ยังไม่มีรายชื่อได้รับจัดสรรก็สามารถแจ้งต่อผู้บริหารเพื่อที่จะดูหลักเกณฑ์และส่งชื่อเข้ามาได้ หากตรงตามหลักเกณฑ์แล้วก็จะได้รับการฉีดครบถ้วนทุกคน ซึ่งคาดว่าการส่งในรอบที่สองนี้จะถึงพื้นที่ไม่เกินวันที่ 14 ส.ค. การทะยอยส่งวัคซีนเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ เรื่องการจัดเก็บ ดูแล การรักษาอุณหภูมิ 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในส่วนกลุ่ม608 คือกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 7กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป มีการจัดส่งไปแล้ว 320,880 โดส ใน 13 จังหวัด ซึ่งในส่วนที่เหลือก็จะจัดส่งในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งการแยกส่งอย่างนี้จะเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการเพราะวัคซีนที่ส่งไปในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้นั้น เมื่อฉีดเข็มที่หนึ่ง 3 สัปดาห์ถัดไป จะต้องนัดฉีดเข็มที่สอง ซึ่งถ้าหากส่งไปล็อตเดียวกัน วัคซีนไปจัดเก็บในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิ เป็นตู้เย็นปกติจะสามารถเก็บอยู่ได้เพียง 1 เดือน ดังนั้นอาจทำให้วัคซีนเสื่อมสภาพได้ การทยอยส่งจะได้ให้เกิดการบริหารการนัดหมายฉีด และอยู่ในระยะเวลาที่วัคซีนมีคุณภาพดี

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในคนต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ในคนไทย หรือนักเรียนที่มีความจำเป็นจะต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็มีความก้าวหน้าในการฉีด โดยฉีดไปแล้ว 280,075 คน คิดเป็น 5.72% ของจำนวนประชากรต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย และมีที่ได้รับวัคซีนสองเข็มไปแล้ว 74,587 คน ผู้สูงอายุ 20,903 คนคิดเป็น 7.5 % ของกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่อาศัยในประเทศไทย 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในส่วนของสัญชาติ ได้แก่ เมียนมา ส่วนหนึ่งได้รับการฉีดในพื้นที่ระบาด เพื่อควบคุมการระบาด จำนวน 140,000 กว่าราย จีน โดยมีวัคซีนที่ได้รับบริจาคจากประเทศจีน ที่ฉีดให้ทั้งคนจีนและคนไทยด้วย 37,000 ราย กัมพูชา ลาว ญี่ปุ่น ลดหลั่นลงไป ในส่วนของนักเรียนไทยที่จะต้องเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ ฉีดไปแล้ว 2,878 ราย 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การฉีดวัคซีนสะสมถึงเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมเวลา 18.00 น. ยอดฉีดสะสมทั้งสิ้น 22 ล้าน โดสแล้ว จำนวนผู้ได้รับบักซีนเข็มหนึ่ง 17 ล้านราย(23.9%) เข็มสอง 4.8 ล้านราย เข็มสาม ซึ่งเป็นการกระตุ้นในบุคลากรการแพทย์ 414,066 ราย ถ้าแยกเป็นยี่ห้อวัคซีนไม่ว่าจะเป็นเข็มใดก็ตาม ซิโนแวก 10.7 ล้านโดส แอสตร้าเซเนกา 9.6 ล้านโดส ซิโนฟาร์ม 1.7 ล้านโดส ไฟเซอร์ 286,000 โดส 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในช่วงนี้มีกรณีที่เป็นข่าวบุคลากรการแพทย์หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่สาม เป็นบุคลากรที่อยู่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางคลาน จังหวัดพิจิตร เพศชาย อายุ 44 ปี หลังจากฉีดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พบว่าเสียชีวิตในวันที่ 11 สิงหาคมซึ่งต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติและครอบครัวกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ที่เสียสละทุ่มเทในการทำงานอาจจะด้วยความเสี่ยงด้านสุขภาพ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตขึ้นมา ทั้งนี้รายละเอียดการชันสูตร ได้รวบรวมข้อมูลนำเข้าคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ต่อไป แล้วจะได้นำมารายงานให้ทราบ

ประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เตรียมเรียก ‘ผู้บัญชาการ คฝ.’ แจงเหตุสลายม็อบรุนแรง เตือน มีแต่รัฐเผด็จการเท่านั้นที่กระทำกับประชาชนเยี่ยงศัตรู ย้ำ การละเมิดสิทธิและก่ออาชญากรรมโดยรัฐ คือสิ่งไม่ปกติในสังคมประชาธิปไตย 

นายณัฐชา​  บุญไชยอินสวัสดิ์​ ส.ส.เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล​ ในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและ​การมีส่วนร่วมของประชาชน​ แสดงความเห็นต่อปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในการควบคุมการชุมนุมช่วงที่ผ่านมาว่า ด้วยหลายปัจจัยสะสมตั้งแต่หลังการรัฐประหารจนถึงสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ที่ล้มเหลวและผิดพลาดร้ายแรง ปัญหาปากท้องข้าวยากหมากแพง คนตกงาน การบริหารราชการแผ่นดินด้วยความไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรม รวมถึงการบังคับใช้อำนาจกฎหมายอย่างล้นเกิน ล้วนเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้นในสังคม ซึ่งการชุมนุมเพื่อแสดงออกและการเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาถือเป็นสิทธิโดยชอบของประชาชนและเป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย หากมีการกระทำใดที่ผิดกฎหมายก็ต้องมีมาตรการดำเนินการอย่างได้สัดส่วน แต่ที่ผ่านมาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากถึงการใช้ความรุนแรงอย่างไร้เหตุผลและไม่ได้สัดส่วนในการจัดการการชุมนุม จึงอยากเรียกร้องให้ตระหนักถึงสิทธิของประชาชนและใช้อำนาจอย่างพึงระวังและไม่ขัดต่อหลักการของกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่   

“นอกจากนี้ ผมอยากขอชวนพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันจับตาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมเย็นวันนี้ ให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากลไม่ใช่เพื่อปกป้องการใช้อำนาจด้วยคำสั่งอันไม่ชอบธรรม จะเห็นว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและหลังจากนี้ไป การชุมนุมของพี่น้องประชาชนเกิดขึ้นติดต่อกันเกือบทุกวันและทุกครั้งจะได้ยินข่าวจากสื่อมวลชนถึงความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติเกินกว่าเหตุ​ หรือในสื่อโซเชียลมีเดียที่ปรากฏภาพความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำต่อพี่น้องประชาชนหรือสื่อมวลชน​จำนวนมาก ปัญหาของสังคมไทย ณ ขณะนี้คือ เมื่อพี่น้องประชาชนมีปัญหา เขาไม่รู้จะเรียกร้องความเป็นธรรมได้จากใคร​ เพราะรัฐบาลเองก็บริหารประเทศแบบไม่เห็นหัวประชาชนในทุกเรื่องแล้วยังปิดกั้นการแสดงออกด้วยความรุนแรงเช่นนี้อีก”

นายณัฐชา กล่าวต่อไปว่า สิทธิการชุมนุมเป็นหลักการสำคัญในสังคมประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายต้องให้การรับรองและคุ้มครอง อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าเป็นภาครัฐเองที่พยายามจะทำลายหลักการนี้ จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องช่วยกันปกป้อง สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือขอให้พี่น้องประชาชนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา รายงานข้อเท็จจริงออกมาให้มากที่สุด​ เพื่อบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องชำระต่อไปในอนาคตและทำให้ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นปรากฏเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมโลก​ เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ประชาคมโลกต่างตั้งคำถามต่อรัฐไทยว่ายังเป็น​รัฐที่ทำหน้าที่ภายใต้ระบอบประชาธิไตยหรือไม่ และเหตุใดจึงปฏิบัติต่อประชานเยี่ยงอริราชศัตรู​ เพราะคงมีแต่รัฐเผด็จการเท่านั้นที่จะทำกระทำเยี่ยงประชาชนเป็นศัตรูเช่นนี้

“ในครั้งนี้ ผมขอสื่อสารไปยังเจ้าหน้าที่ประดับปฏิบัติการที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชุมนุมวันนี้เช่นกันว่า ​ก่อนกระทำการใด​ โปรดระลึกไว้ว่า คุณและผู้ชุมนุมก็คือประชาชนเหมือนกัน​ มีพ่อแม่ครอบครัวอยู่ข้างหลัง​ การออกมาเรียกร้องของผู้ชุมนุมเพราะเขาต้องการเห็นประเทศไทยที่พวกเราทุกคนรวมถึงคุณด้วยจะสามารถมีชีวิตได้อย่างมีความหวังและมีอนาคต​ พวกคุณสามารถเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งได้ด้วยความสามารถ ไม่ใช่ด้วยการเข้าหานายหรือมีเส้นสายเป็นเด็กฝากของใคร ผมเชื่อในตัวพวกคุณทุกคนว่าจะยังรักในเกียรติ ในศักดิ์ศรี และมีความรักต่อประชาชน ไม่ใช่สัตว์ร้ายที่จะยินยอมกระทำตามในสิ่งที่ผิดอย่างปราศจากมโนสำนึกอย่างไรก็ตาม ผมในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ​ ได้แต่งตั้ง​ ส.ส.อมรัตน์​ โชคปมิตต์กุล​ กรรมาธิการฯเป็นประธานติดตามการชุมนุมเพื่อสังเกตการณ์และรวบรวมเหตุความรุนแรงและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน​ เพื่อรายงานต่อที่ประชุมกรรมาธิการใหญ่ และจะเรียก​ผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการต่อไป​ และผมในฐานะตัวแทนของประชาชนที่ทำหน้าที่ประธานกรรมาธิการ ยืนยันว่าจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ยอมให้มีการละเมิดสิทธิหรือการก่ออาชญากรรมโดยรัฐกลายเป็นสิ่งปกติในสังคมประชาธิปไตยอย่างแน่นอน”

สุดท้าย นายณัฐชา ยังกล่าวต่อไปว่า อยากฝากไปยังรัฐบาลว่า​ การกระทำที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานที่ล้มเหลว​ในการจัดการโรคระบาดแล้วมองหาช่องทางนิรโทษกรรม​ รวมไปถึงการไล่ล่าจับกุมคุมขังและปิดปากประชาชน เพื่อยืดเวลาต่ออำนาจในการบริหารประเทศท่ามกลางความป่นปี้เช่นนี้​ ไม่ต่างอะไรกับสุนัขจนตรอกที่ตะเกียกตะกายและกัดไปทั่วขอแค่มีชีวิตรอดโดยไม่สนใจว่าประเทศจะพังพินาศไปขนาดไหน การกระทำเช่นนี้ต่างหากที่สมควรต้องถูกจัดการเพราะถือเป็นศัตรูอันเป็นภัยสูงสุดต่อประเทศอย่างแท้จริง

"เพื่อไทย" ปัดตีเช็คเปล่าให้ กกต. กำหนดการเลือกตั้ง แจง หากยุบสภาใน 120 วันที่แก้กม.ลูกไม่แล้วเสร็จ จะเกิดปัญหา ยัน ไม่มีกระหนุงกระหนิงกมธ.ซีกรัฐบาล

ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ…. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคเพื่อไทยพยายามนำร่างที่ถูกตีตกไปในวาระที่ 1 ของพรรคพลังประชารัฐกลับเข้ามาสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 อีก ว่า ในชั้นนี้เป็นการพิจารณาในชั้นกมธ.ของร่างรัฐสภาที่ผ่านขั้นตอนการรับหลักการมาแล้ว ขณะนี้จะไม่เรียกว่าร่างพรรคประชาธิปัตย์และต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นร่างของรัฐสภา โดยมีหลักในการแก้ไข 2 มาตราที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือกตั้ง ซึ่งคำว่าระบบไม่ได้มีเพียงแค่ 2 มาตราแน่นอน ยอมรับว่ากมธ.มีความหนักใจมากโดยเฉพาะการแก้มาตรา 83 เรื่องระบบบัตรเลือกตั้งจาก 1 ใบมาเป็น 2 ใบ 

เมื่อให้โจทย์มาแบบนี้ทางเสียงข้างมากใน กมธ. มีมติชัดเจนว่าเป็นการแก้ไขจากบัตรเลือกตั้ง 1 ใบเป็น 2 ใบ โดยมีการเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ซึ่งรัฐธรรมนูญเดิมเขียนไว้ว่ามาตรา 84 , 85 , 86 ,87 , 88 , 89 , 90 , 91 , 92 ,93 และ 94 เขียนรองรับเรื่องบัตรเลือกตั้งใบเดียว แต่ที่รัฐสภารับหลักการมา คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยเรื่องการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถือว่าเป็นโจทย์ยากที่เรารับมา ทั้งนี้ ต้องมาดูรัฐธรรมนูญที่เหลืออยู่ และแก้ไขให้สอดรับกับมาตรา 83 และมาตรา 91 โดยเฉพาะมาตราอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รองรับและสอดรับกัน จึงจำเป็นต้องแก้มาตราอื่นด้วย และยืนยันว่ารัฐสภามีข้อบังคับอนุญาตให้สามารถดำเนินการได้ แต่ห้ามแก้ไขหลักการ เว้นแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการ 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า สิ่งที่เป็นปัญหาและเป็นประเด็นในสังคมกล่าวหาว่ากมธ.พรรคเพื่อไทยเขียนเช็คเปล่าให้กกต.ในเรื่องบทเฉพาะกาล และบอกว่าเป็นการพิจารณาเกินหลักการด้วยนั้น ยืนยันว่าบทเฉพาะกาลเขียนไป 2 มาตรา เพราะหากเราแก้รัฐธรรมนูญได้และมีการประการใช้ เกิดมีการเลือกตั้งซ่อมขึ้นมา ก็มีคำถามว่าเราใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่แก้แล้วในการเลือกตั้งหรือจะใช้รัฐธรรมนูญเดิม ซึ่งตนเห็นว่าถ้ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขมีการประกาศใช้แล้ว ก็ยังไม่ควรนำรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปใช้ เพราะจะมีผลใช้กับการเลือกตั้งทั่วไปเท่านั้น หากมีการเลือกตั้งซ่อมในช่วงนี้ห้ามนำมาใช้ เพราะจะมีปัญหาในสภาว่า ส.ส.สภาเดียวกันจะมาจาก 2 ระบบ และเกิดการตีความทำให้สภาทำงานไม่ได้ และอาจทำให้สภาล่มได้ จึงเป็นที่มาของการเขียนบทเฉพาะกาลเพื่อป้องกันการตีความว่ายังไม่ควรนำรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาใช้ และหลังจากฉบับรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขประกาศใช้แล้ว รัฐสภาต้องไปทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการประกอบการเลือกตั้งให้เสร็จภายใน 120 วัน นับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ 

เพื่อนำมาใช้ในการเลือกตั้ง และเราเป็นห่วงว่าหากภายใน 120 วันนี้เกิดการประกาศยุบสภาโดยที่กฎหมายลูกยังไม่เสร็จแต่รัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว กกต.ก็จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใต้การออกประกาศข้อกำหนดของ กกต. ได้ โดยยึดสิ่งที่รัฐธรรมนูญแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปประกาศเป็นหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้ง เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานได้ แต่พรรคเพื่อไทยกลับถูกหาว่ายัดไส้และทำเกินหลักการ ไปมอบอำนาจให้ กกต. ตนถามว่าหากไม่มอบอำนาจให้ กกต. จะเกิดการเลือกตั้งได้หรือ หรือจะให้ฝ่ายบริหารออกพระราชกำหนดประกาศให้มีการเลือกตั้ง ถามว่าจะเอาแบบนั้นหรือ ซึ่งเราก็ไม่เอา ระหว่างเลือกกกต.กับฝ่ายบริหาร เราเลือกกกต.มากกว่า

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเขียนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ใช้โอกาสยุบสภาเร็วขึ้นนั้น คนพูดไล่พล.อ.ประยุทธ์ทุกวันให้ออกไป แต่พอมาสู้กันในมุมกฎหมายกลับย้อนแย้งเสียเอง ซึ่งตนก็อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุบสภาโดยเร็ว เพราะเป็นสิ่งที่คนต้องการมากที่สุดคือให้พล.อ.ประยุทธ์ออกไป อย่างไรก็ตามยืนยันว่าในกมธ.ไม่มีความขัดแย้งและไม่มีการกระหนุงกระหนิง เพราะทุกความคิดเห็นที่เสนอโดยเฉพาะในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่ใช่ความคิดเห็นของตนเพียงคนเดียว แต่เราผ่านกระบวนการกลั่นกรองจากพรรคมาเพื่อเสนอให้เป็นไปในด้านที่ดีที่สุด ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจะให้รัฐสภาตีความเรื่องข้อบังคับที่เราใช้นั้นใช้ไม่ได้ ก็สามารถทำได้ หรือจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาหลักผ่านวาระที่ 3 ก็ทำได้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็ต้องรอจังหวะเวลา ยืนยันว่าทุกอย่างไม่ได้พิจารณาอย่างร้อนรน เพราะมีเพียงแค่ 2 มาตรา
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top