Friday, 2 May 2025
POLITICS NEWS

‘สว.สายสีน้ำเงิน’ เริ่มหวั่นไหว!! บางคนถูกเรียก เป็นผู้ถูกกล่าวหา บางคนขอเป็นพยาน หลัง ‘สว.คะแนนเป็นศูนย์’ เริ่มถูก ‘ดีเอสไอ’ เรียกสอบ เผย!! ใกล้สาวไปถึงตัวการใหญ่

(1 พ.ค. 68) รายงานข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ.) แจ้งว่า หลังจากดีเอสไอ.รับคดีฟอกเงิน อั้งยี้ฮั้วการเลือก สว.ไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว ดีเอสไอ.ก็ทำงานร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอัยการมาโดยตลอด มีการแยกกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นสามกลุ่ม 1.กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับขบวนการจัดฮั้วในระดับนำ ซึ่งมีบุคคลระดับรัฐมนตรีเกี่ยวข้อง 3 คน และระดับนำสูงสุดอีก 1 คน และมีแกนนำระดับโซนอีกหลายคน กลุ่มที่สอง คือกลุ่มที่คณะกรรมการสอบสวนจะเรียกมาสอบสวนในฐานะผู้ถูกกล่าวหา กลุ่มที่สาม บุคคลที่จะเรียกมาเป็นพยาน รวมถึงอดีตผู้สมัครที่มีคะแนนเป็นศูนย์ด้วย

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการสอบสวนทั้ง 3 ฝ่าย ได้ทยอยเรียกพยาน และบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำอย่างต่อเนื่อง และข้อมูลที่ได้มาเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดีเป็นอย่างยิ่ง รู้ถึงวิธีการจัดการทั้งหมด และคณะกรรมการสอบสวนกำลังลงลึกในรายละเอียดถึงเส้นเงินที่โยงใยกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง

รายงานข่าวจากดีเอสไอ.แจ้งว่า จริงๆแล้วเรื่องฮั้วเลือก สว.ดีเอสไอ.ซุ่มทำข้อมูลมานานแล้ว การเรียกพยานมาให้เพียงคำเป็นเพียงการยืนยันข้อมูลข้อเท็จจริงเท่านั้น

กล่าวสำหรับนครศรีฯ คณะกรรมการสอบสวนพุ่งเป้าพิเศษไปยังอำเภอชะอวด เนื่องจากมีตัวเลขผู้สมัครรับการเลือกเป็นสว.มากเป็นพิเศษเกือบ 300 คน และอำเภอเดียวมี สว.ถึงสองคน

มีรายงานจากดีเอสไอ.ว่า มีสว.สายสีน้ำเงิน ท่านหนึ่ง ติดต่อไปยังดีเอสไอ เพื่อขอให้ปากคำเป็นพยาน แต่ดีเอสไอยังไม่รับปาก เพราะเป็น สว.ที่อยู่ในข่ายเรียกมาสอบเป็นผู้ถูกกล่าวหาอยู่แล้ว

วันที่ 7 พฤษภาคม คณะกรรมการสอบสวนจะเรียกพยานจากนครศรีฯมาสอบอีก 2 คน ซึ่งอาจจะรวมถึงอดีตผู้สมัคร สว.ที่มีคะแนนเป็นศูนย์ด้วย เพราะให้น่าสงสัยว่าทำไมไม่ลงคะแนนให้ตัวเอง ซึ่งดีเอสไอมีข้อมูลว่า กลุ่มขบวนการฮั้วแจ้งว่า ไม่ต้องเลือกตัวเอง จะมีผู้สมัครจากกลุ่มอื่นมาลงคะแนนให้ แต่ผู้สมัครที่มีคะแนนเป็นศูนย์ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย จึงไม่มีชื่ออยู่ในโพย จึงไม่มีใครเลือก

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ผลการสอบปากคำพยานที่ผ่านมาเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก นอกจากโยงใยไปถึงรัฐมนตรีบางคนแล้ว ยังมีนักการเมืองท้องถิ่นร่วมในขบวนการจัดฮั้วด้วย ซึ่งนักการเมืองท้องถิ่นจะเป็นคนจัดการในระดับจังหวัด ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนจะสาวไปถึงหมดทุกคน

มีข้อมูลที่น่าวิตกกังวล คือข้อมูลการให้ปากคำของพยานบางคน หลุดไปถึงมือของฝ่ายจัดฮั้ว ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องหลุดไปจากใครคนใดคนหนึ่งในคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งถือเป็นอันตรายต่อพยาน เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องเปลี่ยนตัวคณะกรรมการสอบสวนบางคนที่ทำตัวเป็นไส้ศึก ที่วงใน กกต.ก็สงสัยในพฤติกรรมอยู่บ้างแล้ว ที่สำคัญในสถานการณ์นี้ดีเอสไอก็ควรจะให้การคุ้มครองพยานด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้พยานเก็บตัวเครียดอยู่คนเดียว

'วิโรจน์' ตั้งข้อสังเกตบทบาท พล.ต.ต.วินธัย หลังร่วมตอบโต้แทน คณะกรรมการ รมน.

เมื่อนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร ให้สัมภาษณ์กับสื่อด้วยภาษา (หยาบคาย) ว่า “ไม่เกี่ยวข้องกับ กอ.รมน. แล้วเผยอหน้ามาให้สัมภาษณ์ทำไม …”

ถอดรหัสผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีธรรมราช ‘กระสัน กระแส กระสุน’ ปัจจัยหนุน ‘บิ๊กโอ’ คว้าชัย

มีคนถามมาว่า อะไรเป็นปัจจัยชัยชนะของ 'บิ๊กโอ-ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ' หรือ สจ.โอ ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 8 นครศรีฯ หลังจาก 'มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล' จากพรรคภูมิใจไทย โดนใบแดง ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง

ความจริงข้อหนึ่งที่ต้องยอมรับ คือไสว เลื่องสีนิล สามีของมุกดาวรรณ ที่มาลงสมัครแทน ได้คะแนนถึง 28,000 กว่าคะแนน ซึ่งมากกว่า คะแนนที่มุกดาวรรณ เคยได้ 23,000 กว่าคะแนน แต่คะแนนของบิ๊กโอกลับพุ่งขึ้นไปเกือบทะลุ 40,000 คะแนน คว้าชัยชนะไปแบบขาดลอย ม้วนเดียวจบ

บิ๊กโอในวัย 40 กว่าๆ ถือว่าเป็นช่วงวัยหนุ่มวัยทำงาน วัยวุฒิพร้อม คุณวุฒิพร้อม องคาพยพพร้อม การที่ใครสักคนจะได้เป็นรับเลือกตั้งจากประชาชนเป็นสส. นอกจากโชคชะตาแล้วยังมีองค์ประกอบหลายด้านเป็นความลงตัวในทุก ๆ มิติที่เกี่ยวข้องกับตัวตนของเขา

กระสัน กระแส กระสุน เป็นปัจจัยหลักในการนำชัยชนะคราวนี้ กระสัน คือความอยากมีในตัวของ บิ๊กโอแน่นอน อยากเข้าสู่แวดวงการเมือง เขาเริ่มเข้ามาสัมผัสจากการเป็นสารวัตรกำนัน ต.ละอาย อ.ฉวาง จังหวะปะเหมาะก็ลงชิง ส.อบจ.อ.ฉวาง จ.นครศรีฯ และได้รับเลือกตั้ง 

ด้วยคะแนนเสียงมากที่สุดในเขตเลือกตั้งนี้ มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มคน มีผู้คนมาให้กำลังใจมากมาย

บิ๊กโอทำหน้าที่ ส.อบจ.อยู่ 2 ปี ตัดสินใจลาออก เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.เขต 8 นครศรีฯ (ฉวาง ช้างกลาง นาบอน และพิปูน) ในนามพรรคประชาธิปัตย์ แต่ด้วยอุบัติเหตุทางการเมือง ทำให้บิ๊กโอไม่ได้ลงสมัคร

สองปีที่รอคอย 'ใบแดง' บิ๊กโอเริ่มแต่งเนื้อแต่งตัว เตรียมความพร้อม เขาตัดสินใจเข้าสังกัดค่ายธรรมนัส พรหมเผ่า พรรคกล้าธรรม และเมื่อใบแดงชัดเจน พรรคกล้าธรรมก็เปิดตัวส่งบิ๊กโอลงสนาม แม้จะต้องราวีกับพ่อตา -ชินวรณ์ บุณยะเกียรติ จากพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม

กระแสของบิ๊กโอมีมาตลอดว่าจะลง สส.ในเขต 8 แน่นอน มีการกล่าวขานถึงเด็กหนุ่ม ไฟแรงคนนี้มาตั้งแต่ต้น แม้จะสังกัดพรรคการเมืองใหม่ที่ไม่เคยผ่านสนามเลือกตั้งมาก่อน แต่ฝีมือระดับผู้กองธรรมนัส และพลพรรค เป็นทีมการเมืองที่สามารถกำกับบังคับให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงตามที่ต้องการได้ ผู้กองธรรมนัส เคยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งซ่อมเขต 4 นครศรีธรรมราชมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็ใช้วิธีการตั้งวอร์รูมแล้วบริหารคะแนนเสียงให้มากพอ พอที่จะเป็น สส.ก็ประสบความสำเร็จมาแล้ว ดันให้ 'อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ' เป็น สส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ 1 สมัย

กระสุนเป็นปัจจัยชี้ขาดในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเห็นได้ว่า พรรคที่ยิงกระสุนเยอะๆ ก็จะมีคะแนนมาก ส่วนพรรคซื้อๆ ทำการเมืองสุจริต คะแนนออกมาแทบจะเป็นลม ระดับ 'ชินวรณ์' อดีต สส.9 สมัย อดีตรัฐมนตรีศึกษาธิการ มีคะแนนแค่ 4000 กว่าคะแนน พรรคประชาชนมีคะแนนแค่ 6000 กว่าคะแนน ซึ่งผิดคาดหมด

ก็ไม่รู้ว่า พรรคการเมืองที่มีคะแนนมากๆ ใช้งบประมาณไปเท่าไหร่ กับข่าวลือหัวละ 1000-2000 บาท ภายใต้การจัดการเลือกตั้งที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต .) ก็ทำอะไรไม่ได้ หรือไม่ทำอะไรเลยในการขจัดหรือยับยั้งการซื้อสิทธิ ขายเสียง ทั้ง ๆ ที่มีกลไกตัวช่วยมากมาย แต่กลับนั่งรอให้คนไปร้องเรียนส่งหลักฐานให้

พรรคการเมืองกล้าทำการเมืองแบบหวังผลโดยไม่คำนึงถึงเรื่องวิธีการ ว่าเป็นความเลวร้าย ทำลายระบบการเมือง ทำลายประชาธิปไตย เขาก็ย่อมทำจนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้

น่าสนใจถอดรหัสการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีฯกับอนาคตทางการเมืองในภาคใต้ของพรรคกล้าธรรม

‘ใบตองแห้ง’ มอง ‘พท.- ปชน.’ มีโอกาสจับมือสมัยหน้า หลังเห็นท่าที ‘เท้ง’ ชูจุดยืนล่วงหน้าขอเลือก พท. ดีกว่า ภท.

(28 เม.ย. 68) อธึกกิต แสวงสุข หรือ ใบตองแห้ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Atukkit Sawangsuk' ระบุว่า...
เท้งยื่นมือให้เพื่อไทย สมัยหน้าอาจจับมือกันได้ ถ้ายอมรับทำผิดกับประชาชน

โดนพ่อแม้วเย้ยหยันซินตึ๊งซึ่งตึง โดนแบกโห่ใครอยากจับมือด้วย
เสียหายไหม
ให้นึกถึงตอนพิธาโดนเย้ย "โหนจ้ะโหน" แล้วเป็นไง

มองในมุมกว้าง Voters ทั้งสองพรรค
ถ้าไม่นับด้อมแบกที่ซัดกันในโลกออนไลน์
ก็มีส่วนที่ทับซ้อนกัน มีส่วนที่ยังผูกพันทั้งคู่ จากการต่อสู้ประชาธิปไตย ยังอยากให้จับมือกันได้
การยื่นมืออย่างนี้จึงได้ใจ ฝ่ายที่ปัดมือทิ้งต่างหาก จะทำให้ Voters ส่ายหัว

อันที่จริงคำพูดนี้แสบ ภายใต้ท่าทีสุภาพแบบเท้ง
มันคือการบอกว่า สำนึกผิดแล้วให้อภัย กลับบ้านได้  
ซึ่งทำให้เพื่อไทยและแบกดิ้น

แต่ภายใต้ความหยิ่งผยอง ปากแข็ง 
คนของเพื่อไทยที่พอมีสติก็รู้ว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก
บริหารเศรษฐกิจไม่มีผลงาน ไม่สามารถส่งมอบนโยบาย โดนขัดแข้งขัดขา ทั้งจากพรรคร่วมรัฐบาลและรัฐราชการ 
ประสิทธิภาพ ความสามารถ ก็ไม่ได้เหมือนยุคไทยรักไทยที่คนคาดหวัง
มองข้ามไปถึงเลือกตั้ง 70 เพื่อไทยหนักแน่
ไม่ต้องพูดถึงแลนด์สไลด์ พูดแค่เอาชนะภูมิใจไทยได้หรือเปล่า

ท่าทีของเท้ง เป็นการปักจุดยืนล่วงหน้าว่า
ระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย
ถ้าเพื่อไทย "สำนึกผิด" ก็ยินดีให้อภัย  
ดีกว่าไปจับมือกับพรรคเขากระโดง
ปักหลักไว้อย่างนี้จะได้ใจทั้งคนวงกว้างและคนที่สองจิตสองใจระหว่างสองพรรค

ปล.แน่ละถ้าเพื่อไทยแลนด์สไลด์จะไม่จับมือพรรคส้มหรอก 
แต่มาถึงตอนนี้ใครก็เห็นแล้วละว่าเลือกตั้งครั้งหน้าอาการหนัก

‘กล้าธรรม’ ปักธงภาคใต้คว้าชัยสนามเมืองคอน สะท้อนภาพ ‘ประชาธิปัตย์’ คะแนนนิยมถดถอย

(28 เม.ย. 68) ‘บิ๊กโอ’ คว้าชัยสนามเมืองคอน สะท้อนอนาคตก้าวกระโดดของพรรคกล้าธรรม ความถดถอยของประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย

ผลการนับคะแนนเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีฯอย่างไม่เป็นทางการ แทนตำแหน่งว่าง หลังจาก “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” จากพรรคภูมิใจไทย โดนใบแดง

ผลการนับคะแนนครบทั้ง 233 หน่วยเลือกตั้งแล้ว ปรากฏว่า
เบอร์ 1     28,422 (ไสว)
เบอร์ 2     4,189 (ชินวรณ์)
เบอร์ 3     6,759 (ณัฐกิตติ์)
เบอร์ 4     286 (พรรคพร้อม)
เบอร์ 5     39,039 (ก้องเกียรติ)
เบอร์ 6     192 (ทางเลือกใหม่)

ผลการนับคะแนนเบื้องต้น “บิ๊กโอ-ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ” จากพรรคกล้าธรรมชนะขาดลอย กินขาดพรรคภูมิใจไทย ที่มีพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นหัวเรือใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้ ในการเลือกตั้งปี 2566 ยึด 2 เขตเลือกตั้งของนครศรีฯมาได้ คือเขต 7 ษฐา ขาวขำ เอาชนะชินวรณ์ บุณยะเกียรติ จากประชาธิปัตย์ เขต 8 มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล เอาชนะ ทั้งประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ และประชาชน ส่ง “มุกดาวรรณ” เข้าไปนั่งในสภา แต่มุกดาวรรณถูกร้องเรียนเรื่องซื้อเสียง และโดนใบแดง

พรรคภูมิใจไทย กล้าหาญเกินเหตุส่ง “ไสว เลื่องสีนิล” สามีมุกดาวรรณ ที่โดนใบแดงลงสมัครอีกครั้ง กฎหมายไม่ได้ครอบคลุมว่า ภรรยาโดนใบแดง หรือสามีโดนใบแดง ถ้ายังไม่จ่ายค่าเสียหาย ห้ามลงเลือกตั้ง

น้ำ วาริน ชิณวงศ์ นายกฯอบจ.นครศรีฯมองว่า ใบแดงเป็น “เหตุสุดวิสัย”

ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาที่มาช่วยปราศรัยว่า ใบแดงของมุกดาวรรณ เป็นอุบัติเหตุทางการเมือง

แต่ประเด็นข้อเท็จจริง คือ มุกดาวรรณ ถูกร้องเรียนเรื่องซื้อเสียงเลือกตั้ง มีพยานหลักฐานจนศาลเชื่อ และพิพากษาให้ใบแดง จนนำมาสู่การเลือกตั้งใหม่

ผลการเลือกตั้งชัดเจนว่า คนนครฯเขต 8 ไม่เอาครอบครัวคนที่เคยมีประวัติซื้อเสียง ส่วนผลการเลือกตั้งจะนำมาสู่การร้องเรียน-ซื้อเสียงอีกหรือไม่ จะมีใบแดงรอบสองไหม ต้องติดตามกันต่อไป

แต่ชัยชนะของ บิ๊กโอ-ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ ในการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีธรรมราช มีความหมายยิ่งสำหรับพรรคกล้าธรรม

พรรคกล้าธรรมที่มี สส.อยู่แล้ว 24 คน แต่พรรคกล้าธรรมไม่เคยผ่านสนามเลือกตั้งมาก่อน เป็นพรรคการเมืองที่เกิดใหม่ สส. 24 คน ส่วนใหญ่มาจากการถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ และมาสังกัดพรรคกล้าธรรม พร้อม รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่มานั่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค

ชัยชนะของ บิ๊กโอ จึงเป็นชัยชนะแรกของพรรคกล้าธรรมในสนามเลือกตั้ง นับต่อแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป คือการนับ 1 ของการ เขย่ง-ก้าว-กระโดด ของพรรคกล้าธรรม ในการเดินหน้าขับเคลื่อนพรรคืเพื่อเดินไปสู่สนามเลือกตั้งปี 70 ธรรมนัสจะต้องเดินเต็มกำลังเพื่อเข้ามายึดครองพื้นที่ภาคใต้ ในสถานการณ์ที่พรรคการเมืองเจ้าสนามเดิมกำลังอ่อนแอแอ ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ หรือภูมิใจไทย และหรือพรรคประชาชาติ

พรรคประชาธิปัตย์อ่อนแออันเกิดจากสนิทเห็น ภายในพรรคเองที่สถานการณ์ตกอยู่ในสภาพที่ยากต่อการฟื้นฟู ไม่แตกต่างจากตึกสำนักงาน สตง.ถล่ม หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว เรื่องราวถูกขุดถูกรื้อขึ้นมาแฉเรื่องแล้วเรื่องเล่า สถานการณ์ของประชาธิปัตย์ก็ไม่แตกต่างกัน แกนนำพรรคขาดความน่าเชื่อถือ ถูกกระแนะกระแหนครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลที่มีทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลังยิ่งไปกันใหญ่ 3-4 ผู้อาวุโสก็ยังเดินไปคนละทิศคนละทางกับมติพรรค

ส่วนพรรคภูมิใจไทยที่ค่อยๆเข้ามาแทรกซึมยึดพื้นที่ภาคใต้ และขยายฐานออกไปเรื่อย ๆ ดูเหมือนจะดีกับวลี “พูดแล้วทำ” แต่ก็มีคำถามว่า ทำอะไรบ้าง แถมยังมีปัญหาเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟของ “อนุทิน ชาญวีระกูล” หัวหน้าพรรคที่รอการพิสูจน์ เรื่องที่ดินเขากระโดง ก็เป็นกลัดหนองอยู่ แถมยังมีปัญหาข้อขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐ ทั้งเรื่องแก่รัฐธรรมนูญ เรื่องกาสิโน ที่ยังไม่รู้อนาคตว่าจะถูกปรับออกหรือ หรือจะถูกยึดกระทรวงสำคัญๆหรือไม่

พรรคประชาชาติ เมื่อ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ต้องล้างมือในอ่างทองคำ พรรคประชาชาติก็เดินไปยาก ต้องยอมรับความจริงว่า พรรคประชาชาติเกิดจาก “วันนอร์” คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังให้ความเคารพนับถือ “วันนอร์” อยู่มาก เมื่อวันนอร์ถอยออกไป ถามว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จะหอบหิ้วพรรคต่อไปได้แค่ไหน จึงน่าจะเปิดช่องให้พรรคกล้าธรรมเข้าโจมตีได้ง่ายขึ้น

กล่าวสำหรับภาคใต้เป้าหมายของพรรคกล้าธรรมจะจู่โจมเข้าโจมตีตั้งแต่ชุมพร ไล่ไปจนถึงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 

ส่วนภาคอิสานต้องยอมรับความจริงว่า เป็นถิ่นของเพื่อไทย และภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรมจึงมีเป้าหมายตีพื้นที่ภูมิใจไทยในภาคอิสาน ประเดิมด้วยการดึงตระกูล “ช่างเหลา” แห่งเมืองขอนแก่นเข้ามาอยู่ชานคาเดียวกันเป็นการประเดิม หลังภูมิใจไทยมีมติขับ “เอกราช ช่างเหลา” ออกจากพรรค

ภาคเหนือก็เป็นฐานของเพื่อไทย ก็ให้เขาสู้กันกับพรรคประชาชน แต่พรรคกล้าธรรมจะเลือกสู้ในบางสนามที่มีความหวัง เช่นเดียวกับภาคกลางก็จะเลือกแข่งในสนามที่สู้ได้

ส่วนกรุงเทพคงไม่ใช่เป้าหมายของพรรคกล้าธรรม คงปล่อยให้พรรคเพื่อไทยราวีกับพรรคประชาชน

แต่แน่นอนว่า ชัยชนะของบิ๊กโอ ได้สร้างความฮึกเหิมให้กับพรรคกล้าธรรมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าชัยชนะนั้นจะได้มาด้วยวิธีการใดก็ตาม

ความพ่ายแพ้ของพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ สะท้อนอนาคตชัดเจนว่าจะเดินไปสู่จุดไหน ให้พิจารณาคะแนนไม่เลือกใครด้วย

ไม่มีนักการเมืองที่ทำให้ถูกใจทุกคนได้หรอกครับ ที่เขาทำได้คือเร่งทำผลงาน แล้วให้ประชาชนตัดสินครับ

(27 เม.ย. 68) นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ นักเรียนทุนฟูลไบรท์ระหว่าง ไทย-สหรัฐอเมริกา อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนวิชาด้านกฎหมายการเมืองไทย ณ มหาวิทยาลัยลอนดอน SOAS ประเทศอังกฤษ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ผมไม่แน่ใจว่าจะให้ เพื่อไทย ขอโทษอย่างไร 
ในเมื่อฐานเสียงที่ต้องการให้เพื่อไทยตั้งรัฐบาลก็มีมาก

ดูอย่างคุณเสรีพิสุทธิ์ ยังเปลี่ยนใจได้เรื่อยๆ 
วันนี้อัดพรรคประชาชนเสียแล้ว คุณเท้งยังไม่ทันทำอะไรผิดเลย 

ไม่มีนักการเมืองที่ทำให้ถูกใจทุกคนได้หรอกครับ ที่เขาทำได้คือเร่งทำผลงาน แล้วให้ประชาชนตัดสินครับ

เปิดความหมาย โลโก้ใหม่ ‘พปชร.’ 3 แถบสี แสดงจุดยืน อนุรักษนิยมทันสมัย ‘แดง-น้ำเงิน-เขียว’ สื่อความสามัคคี พัฒนาชาติเจริญก้าวหน้า ไร้ความขัดแย้ง

(27 เม.ย. 68) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค และนายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ และรองโฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวหลังการประชุมใหญ่สามัญของพรรคว่า ในวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้มาทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมโดยได้แก้ไขข้อบังคับพรรค 3 ข้อคือ

1.ให้ยกเลิกข้อ 4 ของข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ก็คือเป็นเรื่องเกี่ยวกับเครื่องหมายพรรคการเมือง โดยให้แก้ไขโลโก้เดิมเป็นของใหม่ โดยมีคำว่า "พรรค" อยู่บนกึ่งกลางด้านในของเครื่องหมายพรรคการเมือง เหนือตัวอักษรคำว่า "พลังประชารัฐ" โดยมี คำว่า "พลัง" เป็นสีเขียว คำว่า "ประชา" เป็นสีน้ำเงิน คำว่า "รัฐ" เป็นสีแดง อยู่ภายในวงล้อพลวัต ที่มี 3 แถบสี เป็นสีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว บนพื้นสีขาว โดยสีแดง หมายถึงความสามัคคีร่วมมือร่วมใจของประชาชน เพื่อพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้ายั่งยืน ปราศจากความขัดแย้งในชาติ โดยจะสร้างพลังแห่งความเชื่อมั่น และความสุขของประชาชน ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ สีขาว หมายถึง ความดีงามอภิบาล และการจัดการบ้านเมืองที่ดี และสีน้ำเงิน หมายถึง จุดยืนและการเมืองเชิงอนุรักษนิยมที่เป็นศูนย์รวมแห่งความสามัคคีของคนในชาติปราศจากความขัดแย้ง ส่วนสีเขียว หมายความถึง ความทันสมัย และอนุรักษ์ทรัพยากร และปกป้องผลประโยชน์ชาติและของประชาชนเป็นสำคัญ 

2.เรื่องอุดมการณ์ของพรรค โดยแก้ไขประกาศจุดยืนทางการเมืองในการเป็นพรรคอนุรักษนิยมทันสมัยที่มีเจตจำนงแน่วแน่ และปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีจารีต และค่านิยมของชาติ เปลี่ยนแปลงแนวทางขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีและการบริหารจัดการภาครัฐที่ทันสมัยมีความยืดหยุ่นกับบริบทการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ประชาชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนส่วนรวมเป็นสำคัญ 

3.แก้ไขเรื่องที่เป็นกรรมการสิ้นสุดลงเฉพาะตัว หากขาดการประชุมพรรค 3 ครั้งติดต่อกัน โดยไม่แจ้งหัวหน้าพรรคทราบ และคณะกรรมการพรรคการเมืองมีมติให้พ้นจาก 

จากนั้น ได้มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติมในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค 2 คน ได้แก่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และนายสุรเดช ยะสวัสดิ์ พร้อมกันนี้ พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายให้นายสุรเดช เป็นผู้ดูแลภาคเหนือตอนบน และได้มอบหมายให้นายธีระชัย เป็นรองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นคนแรกในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบเรื่องนี้ เพื่อจะขับเคลื่อนภารกิจของพรรคพลังประชารัฐต่อไป

‘บิ๊กป้อม’ นำทัพ!! พรรคพลังประชารัฐ ประชุมใหญ่สามัญ เปลี่ยนโลโก้พรรค พร้อมตั้ง ‘ธีระชัย - สุรเดช’ นั่งรองหัวหน้า

(27 เม.ย. 68) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ อาคารรัชดาวัน กรุงเทพฯ ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2568 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย คณะกรรมการบริหารพรรค สส. ตัวแทนภาค และตัวแทนสาขา และสมาชิกพรรค เข้าร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค,นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค,นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค,นางสาวตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค,

นายอุตตม สาวนายน รองหัวหน้าพรรค,นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รองหัวหน้าพรรค,นายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค,พลเอกกฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค,นายสมโภชน์ แพงแก้ว นายทะเบียนสมาชิกพรรค

รวมถึงกรรมการบริหารพรรค อาทิ นายอนันต์ ผลอำนวย กรรมการบริหารพรรค,นายทวี สุระบาล กรรมการบริหารพรรค,นายสุธรรม จริตงาม กรรมการบริหารพรรค นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ กรรมการบริหารพรรค,นายคอซีย์ มามุ กรรมการบริหารพรรค,พลตำรวจโทปิยะ ตะวิชัย กรรมการบริหารพรรค ,หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรค และนายวัน อยู่บำรุง กรรมการบริหารพรรค

ประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2568 ดำเนินการพรรคการเมืองตามกฎหมายพรรคการเมือง เพื่อรายงานผลการดำเนินงาน ตามมาตรา 43 และรับรองงบการเงิน ประจำปี 2567 ตามมาตรา 61 ของ พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค ผู้แทนสาขาพรรคแตัวแทนพรรคประจำจังหวัดแสมาชิกพรรค รวมทัังสิ้นเกินกว่า 250 คนครบองค์ประชุมตามที่กฎหมายกำหนด

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวเปิดการประชุมว่า พรรคพลังประชารัฐขอประกาศจุดยืนทางการเมืองในการเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย ที่มีเจตจำนงอันแน่วแน่ที่จะยึดมั่นและปกป้องสถาบันชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ อนุรักษ์และสืบสาน วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี และ ค่านิยมอันดีงามของชาติ โดยขอขอบคุณสมาชิกพรรคทุกคนที่เดินทางมาร่วมประชุมใหญ่ของพรรคในวันนี้

จากนั้นที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองที่ได้ดำเนินในรอบปี 2567 รวมถึงให้ความเห็นชอบงบการเงินของพรรคการเมืองประจำปี 2567 นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบตราสัญลักษณ์พรรคและความหมายของพรรคพลังประชารัฐตราใหม่ มีลักษณะดังนี้ คำว่า “พรรค” อยู่บนกึ่งกลางด้านในของเครื่องหมายพรรคการเมือง เหนือตัวอักษรคำว่า”พลังประชารัฐ”โดยมี คำว่า “พลัง” เป็นสีเขียว คำว่า “ประชา” เป็นสีน้ำเงิน คำว่า “รัฐ” เป็นสีแดง อยู่ภายในวงล้อพลวัต ที่มี 3 แถบสี เป็นสีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว บนพื้นสีขาว

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เลือกกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติมตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค 2 ตำแหน่ง ได้แก่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และนายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ด้วยคะแนน 339 ทั้ง 2 คน

และกรรมการบริหารชุดใหม่ ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนจากชุดเดิมหนึ่งตำแหน่ง โดยมีการปลด น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ ออกจะกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากปรากฎภาพว่าไปร่วมกิจกรรมกับพรรคกล้าธรรม แล้วมีการแต่งตั้ง นายธีระชัยและนายสุรเดช เข้ามาเป็นรองหัวหน้าพรรคเพิ่มเติม

‘อัครเดช’ ปลื้ม!! ได้กำลังใจล้นหลาม!! ชาวบ้านแห่ชม 'พีระพันธุ์' ทุ่มเท ทำงานหนัก ลดค่าไฟต่อเนื่อง ผ่อนคลายค่าครองชีพ ช่วยลดภาระความเดือดร้อน ให้ครัวเรือน

(27 เม.ย. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า

เนื่องจากในช่วงนี้เป็นการปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตนรวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครวมไทยสร้างชาติต่างลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนและเสียงสะท้อนการทำงานจากพี่น้องประชาชน ตามนโยบายของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ

จากการลงพื้นที่ตนและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครวมไทยสร้างชาติต่างได้รับเสียงชื่นชมในการทำงานของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานที่สามารถลดค่าไฟได้อย่างต่อเนื่องทั้งในรอบเดือน ม.ค.-เม.ย. 68 ที่สามารถควบคุมค่าไฟให้อยู่ที 4.15 บาทต่อหน่วยจากที่ กกพ. ได้เสนอที่ 4.49-4.79 บาทต่อหน่วย และในรอบต่อไปคือ พ.ค.-ส.ค. 68 ที่คาดว่าจะลดลงเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย จากที่ กกพ. เสนอที่ 4.15 บาทต่อหน่วย 

นอกจากนี้พี่น้องประชาชนยังขอขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนักของนายพีระพันธุ์ และรัฐบาล ที่สามารถช่วยลดค่าไฟซึ่งเป็นหนึ่งในค่าครองชีพที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิต เป็นการช่วยผ่อนคลายค่าครองชีพที่เป็นภาระหนักอึ้ง

นายอัครเดช กล่าวต่อไปว่า แต่อย่างไรก็ตามสำหรับการแก้ไขปัญหาโครงสร้างราคาพลังงานทั้งไฟฟ้า น้ำมัน และก๊าซ ซึ่งที่เห็นในขณะนี้เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วน การแก้ไขปัญหาในระยะยาวต้องอาศัยการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งจะทลายปัญหาโครงสร้างราคาพลังงานที่ฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน และเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน

"ตนอยากให้พี่น้องประชาชนทุกคนมั่นใจว่า การบริหารงานของกระทรวงพลังงานภายใต้การนำของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ภายใต้การสนับสนุนภารกิจนี้จากนายกรัฐมนตรีเป็นการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างราคาพลังงานที่ไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นการรื้อ ลด ปลด สร้างพลังงานไทย การแก้กฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นการจัดการอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต "นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย

สำนักข่าวอิศรา เปิดธุรกิจ ‘กัน จอมพลัง’ ลูกน้องคนสนิท ‘ผู้กองธรรมนัส’ จากร้านบะหมี่ สู่ ‘คนขายหวย - รักษาความปลอดภัย’ รายได้!! หลายสิบล้าน

(26 เม.ย. 68) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่ จ.นครศรีธรรมราชเมื่อ 24 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

โดยได้ออกมายอมรับแล้วว่าเป็นผู้สนับสนุนและอยู่เบื้องหลังนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ ‘กัน จอมพลัง’ ในการช่วยเหลืองานสังคม รวมทั้งให้ความช่วยเหลือกรณีนายประจักษ์ ดวงใย อายุ 65 ปี และนางสมศรี ดวงใย อายุ 64 ปี สองผัวเมีย ถูกนายสมิทธิพัฒน์ หรือพีช หลีนวรัตน์ ลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ ‘นายกเบี้ยว’ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู สี เบียดปาด เหตุเกิดบนถนนกาญจนาภิเษก กม.22 มุ่งหน้าบางปะอิน จนได้รับบาดเจ็บและรถยนต์เสียหายเป็นข่าวดังครึกโครม และยังบอกกรณีนักการเมืองรายหนึ่งออกมาปูดมีคนตั้งค่าหัวนายกัณฐัศว์ 5 แสนบาทว่า ไม่มีใครทำอะไร‘กัน จอมพลัง’ได้หรอก ถ้ามีใครทำอะไร ‘กัน จอมพลัง’ ก็เหมือนทำเขาด้วย เพราะทำงานด้วยกันตั้งแต่ ‘กัน จอมพลัง’ ยังไม่ดัง

จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ เคยเป็นเจ้าของร้านขายบะหมี่ ‘จอมพลัง’ซึ่งมีร้านหนึ่งอยู่แถวอุโมงค์ ถ.ราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ตอนนี้ปิดตัวแล้ว ปัจจุบัน นายกัณฐัศว์ มีชื่อเป็นกรรมการและถือหุ้น 3 บริษัท

1.บริษัท สลากรวยดี จำกัด ชื่อเดิม บริษัท เสือแดงลอตเตอรี่ ออนไลน์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 22 ม.ค.2564 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากทุกชนิดที่สำนักงานกินแบ่งรัฐบาลพิมพ์จำหน่าย ที่ตั้งเลขที่ 428/72 ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร นายกัณฐัศว์ เป็นคนจดทะเบียนก่อตั้ง นายกัณฐัศว์ , นายธานี มั่งมี ถือหุ้นคนละ 4,995 หุ้น และ นายพิตฒิพัฒน์ ตุ้มสุวรรณ 10 หุ้น รวม 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท นายกัณฐัศว์ และ นายธานี มั่งมี เป็นกรรมการ ที่ตั้งปัจจุบัน 305/241 ซอยรามอินทรา 123 ถนนรามอินทรา แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ล่าสุด 18 ธันวาคม 2567 จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สลากรวยดี จำกัด ผู้ถือหุ้นยังคงเดิม

ข้อมูลงบการเงิน วันที่ 31 พ.ค.2567 นำส่งงบการเงินรอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2566 งบกำไรขาดทุน รายได้รวม 59,965,429.89 บาท ต้นทุนขาย 52,975,000 บาท ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 8,945,202.41 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,965,295.40 บาท งบดุล สินทรัพย์รวม 2,982,132.17 บาท หนี้สิน 551,515.24 บาท กำไรสะสม 1,430,616.93 บาท

2.บริษัท ไทยคิงเทค จำกัด จดทะเบียนวันที่ 19 ม.ค.2564 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการติดตั้งระบบซอฟต์แวร์ ระบบคอมพิวเตอร์ และให้คำปรึกษาทางด้านซอฟต์แวร์ทุกประเภท ที่ตั้งสำนักงานเดียวกับ บริษัท เสือแดงลอตเตอรี่ ออนไลน์ จำกัด เลขที่ 428/72 ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ , นายธานี มั่งมี ถือหุ้นคนละ 4,000 หุ้น และ นายพิตฒิพัฒน์ ตุ้มสุวรรณ 2,000 หุ้น รวม 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท นายกัณฐัศว์ และ นายธานี เป็นกรรมการ
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไทยคิงดี จำกัด ซึ่งเป็นชื่อปัจจุบัน เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 5 ล้านบาท และย้ายสำนักงานที่ตั้งเลขที่ 1 ซอยนนทบุรี 32 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี แจ้งวัตถุประสงค์ ประกอบกิจการ จัดงานนิทรรศการต่างๆ บริการรับจัดงานอีเว้นตรมสถานที่ทุกประเภทประกอบกิจการนำเข้า ส่งออก และจำหน่าย ผักสด ผลไม้สด และสินค้าทางการเกษตร พืช ผัก ผลไม้ แปรรูป ทุกชนิด บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บ.อบจ.5) วันที่ 30 เม.ย.2567 นายกัณฐัศว์, นายธานี ถือหุ้นคนละ 24,000 หุ้น และ นายพิตฒิพัฒน์ 2,000 หุ้น รวมทั้งสิ้น 50,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท

ข้อมูลงบการเงิน วันที่ 31 พ.ค.2567 นำส่งงบการเงินรอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2566 งบกำไรขาดทุน รายได้รวม 1,093,903.89 บาท ขาดทุนสุทธิ 752,866.45 บาท งบดุล สินทรัพย์รวม 331,638.86 บาท หนี้สิน 101,505.31 บาท ขาดทุนสะสม 769,866.45 บาท

3.บริษัท จอมพลัง รวยดี จำกัด จดทะเบียนวันที่ 20 เม.ย. 2566 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการกิจกรรมการรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคล ที่ตั้งเลขที่ 1 ซอยนนทบุรี 32 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี (ที่ตั้งเดียวกับ บริษัท ไทยคิงดี จำกัด) นายกัณฐัศว์ และ นายธานี มั่งมี ถือหุ้นคนละ 5,000 หุ้น รวม 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท และร่วมกันเป็นกรรมการ

ข้อมูลงบการเงิน วันที่ 31 พ.ค.2567 นำส่งงบการเงินรอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2566 งบกำไรขาดทุน รายได้รวม 6,731.51 บาท ขาดทุนสุทธิ 768.49 บาท (ทั้ง 3 บริษัท ยังไม่มีข้อมูลงบการเงินปี 2567)

ในทางการเมือง อาจไม่เกินคาดหมาย หากจะมีชื่อ ‘เสี่ยกัน’ เป็นผู้สมัคร สส.พรรคกล้าธรรม ในวันข้างหน้า!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top