Friday, 25 April 2025
NEWS

‘รมว.ศธ. เพิ่มพูน’ มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้น้องนักเรียนไทย!! ผู้ชนะโอลิมปิควิชาการ

(16 ก.พ. 68) พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่นักเรียนผู้แทนประเทศไทย ที่เข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ ภายใต้โครงการ ASMOPSS Thailand เพื่อไปแข่งขันต่อระดับนานาชาติใน โครงการ Asian Science & Mathematics Olympiad for Primary and Secondary School (ASMOPSS) รวมทั้งผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอน ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ

รมว.ศธ. กล่าวว่า “นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ เรียนดี มีความสุข มีเป้าหมายการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต การส่งเสริมให้นักเรียนมีความเป็นเลิศด้านวิชาการ มีศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ จนสามารถร่วมการแข่งขันและได้รับการรางวัลการันตีในระดับนานาชาตินั้น แสดงว่านักเรียนแต่ละคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจพยายามฝึกฝนเรียนรู้และมีความสุขกับสิ่งที่ทำ และยังได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากผู้ปกครอง ครูผู้สอนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน สิ่งที่อยากฝากให้ทุกคนนำไปปรับใช้นั่นคือ ความฉลาดรู้ ฉลาดคิด และฉลาดทำ”

นางสาวพรพัชร แผลงเดช ประธานโครงการ ASMOPSS THAILAND กล่าวว่า “ถือเป็นปีที่เราประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะนักเรียนผู้แทนที่เข้าแข่งขันได้รับรางวัลกลับมาให้คนไทยชื่นชมทุกคน รู้สึกภูมิใจมากเพราะเราคัดเลือกกันอย่างเข้มข้นเพื่อให้ได้นักเรียนที่มีความสามารถมากที่สุดมาเป็นตัวแทนประเทศไทย และนอกจากนี้ทาง บริษัท ไมราห์ อินเตอร์ กรุ๊ป ได้รับสิทธิ์และความไว้วางใจในการจัดสอบแข่งขันระดับนานาชาติในปีนี้หลายรายการอีกด้วย

นายธนากร แผลงเดช นายกสมาคมผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนนอกระบบ กล่าวถึงการสนับสนุนและผลักดันโรงเรียนเอกชนนอกระบบว่า “เราพร้อมที่จะสนับสนุน ผลักดันทั้งโรงเรียนกวดวิชา สอนภาษา ดนตรี กีฬา เสริมทักษะชีวิต บริบาล และโรงเรียนสอนอาชีพ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ ศธ. เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเยาวชนของชาติให้มีคุณภาพ ตลอดจนส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของคนไทยทุกช่วงวัยและพร้อมที่จะเติบโตไปเป็นพลังที่สร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับสังคมต่อไป”

สำหรับโครงการ ASMOPSS THAILAND เป็นความร่วมมือระหว่างโรงเรียนกวดวิชาเอซายน์ และ บริษัท ไมราห์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ได้รับสิทธิ์ให้จัดการแข่งขันเพื่อคัดเลือกนักเรียน ผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ระดับนานาชาติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา

และยังเป็นการสนับสนุนเวทีให้เด็กไทยแสดงความสามารถด้านวิชาการ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สะท้อนความสำเร็จของเด็กไทยใน Gen นี้ เน้นทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ด้วยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นฐาน โดยมีประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม ทาจิกิสถาน กัมพูชา ปากีสถานชาอุดิอาระเบีย และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ให้ความร่วมมือ

ทั้งนี้ มีนักเรียนผู้แทนจากประเทศไทยได้รับรางวัลทั้งหมด 36 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลประเภทบุคคล 28 รางวัล (10 เหรียญทอง, 12 เหรียญเงิน, 6 เหรียญทองแดง) และ รางวัลประเภททีม 8 รางวัล (รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 1รางวัล , รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 4 รางวัล , รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 3 รางวัล) โดยมีนักเรียนจากทั่วประเทศผ่านการคัดเลือกจากโครงการ ASMOPSS THAILAND เข้าร่วมแข่งขัน ASMOPSS 14 จำนวน 28 คน จากผู้เข้าแข่งขันประเภทบุคคลซึ่งเป็นผู้แทนจากประเทศอื่นทั้งหมด 136 คน และประเภท ทีมทั้งหมด 37 ทีม จาก 10 ประเทศ

นอกจากนี้ภายในงานยังได้รับความร่วมมือจากสถานศึกษาเอกชนนอกระบบ เปิดบูธให้ความรู้และแนะนำหลักสูตรต่างๆเพื่อเป็นทางเลือกในการศึกษาเพิ่มเติม และสร้างพลังสนับสนุนเยาวชนไทยใส่ใจการศึกษา อาทิ บูธ Coaching English การใช้ Smart Learning App สอนภาษาอังกฤษ, บูธ Talent Detective โปรแกรมค้นหาตัวตนจากลายนิ้วมือด้วยเทคโนโลยีสุดทันสมัย, บูธ JCS แนะนำการเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น และบูธสมาคมผู้บริหารสถานศึกษาเอกขนนอกระบบ (APANE) เป็นต้นการแข่งขันวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ ระดับชาติ และระดับนานาชาติ ASMOPSS (แอสมอพส์) จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยโครงการ ASMOPSS THAILAND เป็นผู้จัดสอบเพื่อคัดเลือกนักเรียน จัดสอบรอบแรก (รอบประเทศ) ในเดือนสิงหาคม ส่วนรอบสอง (รอบคัดเลือกผู้แทนประเทศ) ช่วงต้นเดือนตุลาคม จะคัดเลือกนักเรียนที่ผ่านเข้ารอบตามเกณฑ์มาตรฐานระดับนานาชาติของ ASMOPSS เท่านั้น เพื่อคัดเลือกเป็นผู้แทนของประเทศไทย

สมุทรปราการ-เฮลั่น!! อรัญญา สุวรรณบุตร แชมป์เก่า!! เขี่ยสัมล่วงแบบขาดลอยเลือกตั้งท้องถิ่น

เมื่อวันที่ (16 ก.พ. 68) ได้มีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ โดยมีผู้ยื่นสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา จำนวน 2 ราย ได่แก่

นางอรัญญา สุวรรณบุตร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ผู้สมัครหมายเลข 1 และนางสาวจริยา หลงน้อย พรรคประชาชน ผู้สมัครหมายเลข 2 โดยในวันเลือกตั้งทางเทศบาลตำบลแพรกษา ได้จัดเตรียมสถานที่ลงคะแนนการเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา จำนวน 36 หน่วยด้วยกัน ซึ่งหลังจากเปิดให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีประชาชนทยอยเดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก และหลังจากที่ปิดหีบการเลือกตั้งเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ที่ผ่านมา

ทาง กกต.และคณะเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งได้ทยอยนับคะแนนผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ซึ่งผลจากการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ทั้ง 36 หน่วย ปรากฎว่าทางด้าน นางอรัญญา สุวรรณบุตร ผู้สมัครหมายเลข 1  ได้ 6706 คะแนน และ นางสาวจริยา หลงน้อย ได้ 2397 คะแนน นับได้ว่าผลคะแนนรวมชนะแบบขาดลอยทุกหน่วยเลือกตั้งและเป็นไปตามคาดว่าฐานคะแนนเสียงของทางนายกอรัญญา สุวรรณบุตร นั้น ยังคงแข็งโป๊ก แบบว่าหาคู่เปรียบยาก คงเป็นเพราะนางอรัญญา สุวรรณบุตร นั้น เป็นที่รักและศรัทธาของทางพี่น้องประชาชนมาโดยตลอดอย่างแท้จริง อีกทั้งยังแสดงให้เห็นประจักษ์แล้วว่าต่อให้เป็นพรรคไหนจะส่งใครลงแข่งในเขตนี้คงต้องคิดหนักและเหนื่อยแน่นอนเพราะฐานเสียงที่แข็งแกร่งจริงๆ ดั่งคำที่ว่า นกมีขน คนมีพวก ย่อมบินขึ้นที่สูงได้ แต่ถ้านกมีขน แต่ไม่เอาพวกก็บินขึ้นที่สูงไม่ได้

นอกจากนี้ ทางเทศบาลตำบลแพรกษา ภายใต้การบริหารของนาง อรัญญา สุวรรณบุตร ยังมีผลงานที่โดดเด่นทั้งทางด้านการพัฒนาด้านการศึกษา ภาษา การดูแลฝึกอาชีพแก่กลุ่มผู้สูงอายุ และการพัฒนาท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่องแบบใจแลกใจ จึงทำให้สามารถรักษาเก้าอี้นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษาได้อีกสมัย

โดยทางด้าน นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีฯ กล่าวว่า ตนเองต้องขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ตำบลแพรกษาที่มอบให้ และไว้วางใจให้ตนกับมาทำหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษาอีกสมัย โดยหลังจากที่คะแนนเสียงมีมติเป็นเอกฉันท์แล้ว และได้มีการรับรองตามข้อกฎหมายกำหนดเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นคงจะมีการเปิดประชุมสภาโดยท่านประธานสภา พร้อมทั้งแถลงนโยบายการขับเคลื่อนแผนพัฒนาบริหารท้องถิ่นต่อที่ประชุมสภา รวมถึงกำหนดแผนพัฒนาท้องถิ่นในด้านอื่นๆ ต่อไป หลังจากนี้ตนเองจะขอทำหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษาให้ดีที่สุดให้สมกับความไว้วางใจที่พี่น้องประชาชนมอบให้ พร้อมทั้งจะพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

เชียงใหม่-แฟชั่นโชว์การกุศลคอลเลคชั่นพิเศษ Charity Fashion Show 2025 

(16 ก.พ. 68) นิ่มซิตี้ ร่วมกับ BELIVE PREMIUM จัดแฟชั่นโชว์การกุศลสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่บน Promenade Runway ยาวที่สุดในภาคเหนือ คอลแลบ ผู้บริหาร นักธุรกิจ เซเลบเชียงใหม่ เดินแบบกว่า 40 ชีวิต ท่องเที่ยวและกีฬาหนุน Soft Power จังหวัดเชียงใหม่
 
“นิ่มซิตี้ คอมมูนิตี้ มอลล์” ศูนย์รวมไลฟ์ สไตล์ของชาวเชียงใหม่ โดย ดร.ปราณี สุวิทย์ศักดานนท์ จับมือร่วมกับ “บีลีฟ พรีเมี่ยม” แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่ ที่เรียบหรู ทันสมัย โดยคุณพิมอัครา พิชญ หนึ่งในแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยที่รับการคัดเลือกให้ไปแสดงผลงานใน International Fashion Week ระดับนานาชาติ จัดแฟชั่นโชว์ชุดเสื้อผ้าคอลเลคชั่นพิเศษ Charity Fashion Show 2025 พร้อมเปิดแสดง กระเป๋าถือ Premium Handbags ที่ผลิตจากผ้าไหมสั่งทอพิเศษตรานกยูงพระราชทาน ซึ่งได้รับการส่งเสริมของกรมหม่อนไหม บนPromenade Runway ยาวกว่า 130 เมตร โดยได้รับเกียรติจากผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมทั้งรองประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงใหม่และรองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่มาเป็นประธานจัดงานในครั้งนี้
 
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติในงานว่า “เมืองเชียงใหม่เมืองแห่งวัฒนธรรมและ Soft Power ชั้นนำของไทย งานนี้เป็นอีกเวทีที่แสดงถึงความสร้างสรรค์ของแฟชั่นไทย ที่ผสมผสานเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว ผมเชื่อว่าแฟชั่นคือเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลัง และเป็นการเชื่อมโยงวัฒนธรรมที่แข็งแรง ในค่ำคืนนี้คือท่านจะได้พบกับการนำเสนอ Soft Power ของไทยสู่สายตาชาวโลก ผ่านผลงานของนักออกแบบที่มีความสามารถภายใต้แบรนด์ไทยสู่สากล พร้อมกับการนำเสนอเสื้อผ้าจากนางแบบกิตติมศักดิ์กว่า 40 ท่าน”
 
นางวารีญา แสนศรี ธมิกานนท์ รองประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงใหม่ และรองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานจัดงาน Charity Fashion Show 2025 กล่าวว่า “เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลายแขนงและผู้สร้างผลงานจากเชียงใหม่หลายแบรนด์ก็มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีมาก มีฝีมือในการออกแบบ มีการผลิต ที่ประณีตงดงาม อีกทั้งยังมีความเป็นมาตรฐานและความเป็นสากลที่สามารถส่งออกไปแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ ในด้านแฟชั่นเช่นกัน เชียงใหม่มีผู้สร้างสรรค์ผลงาน ที่สามารถเติบโตไปสู่ตลาดระดับสากลได้ และในวันนี้ แบรนด์ Belive Premium ก็เป็นหนึ่งตัวอย่างที่ดี เป็นแบรนด์ดีไซเนอร์เชียงใหม่ ซึ่งตัดเย็บโดยช่างฝีมือระดับสูงที่เชียงใหม่ อีกทั้งยังสนับสนุนชุมชนทอไหมทั้งในเชียงใหม่และภูมิภาคต่างๆ เป็นการช่วยเหลือเศรษฐกิจชุมชน ตั้งแต่ ต้นน้ำไปยังปลายน้ำ อีกทั้งยังโปรโมทให้นักท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศได้สัมผัส ในเชิง Soft Power ของจังหวัดเป็นอย่างดี”
 
นางสาว พิมอัครา พิชญ CEO & Executive Designer แบรนด์ Belive Premium เปิดเผยว่า “บีลีฟ พรีเมี่ยม เป็นแบรนด์เชียงใหม่ ที่เน้นการเลือกใช้ผ้าไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าไหมไทยสั่งทอมือ ตามสเป็คพิเศษตามมาตรฐาน “ตรานกยูงพระราชทาน” ที่ส่งเสริมโดยกรมหม่อนไหมเป็นการสนับสนุนชุมชนทอไหมในภูมิภาคโดยสั่งผ้าไหมจากทั้งเขต 1, 2 และ 3 รวมไปถึงผ้าไหมสั่งทอพิเศษที่ผลิตจากทัณฑสถานหญิงอีกด้วย”
 
“เราทราบดีว่าภาพจำของคนทั่วไป จะคิดว่าผ้าไหมจะดูแก่ ดูโบราญ ดูล้าสมัย หรือออกไปทางสินค้า OTOP เราจึงออกแบบ ตัดเย็บ และผลิตงานออกมาให้ทันสมัย โมเดิร์น หรูหรา และเป็นสากล ใครที่ได้สัมผัสงานของ บีลีฟ พรีเมี่ยม จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สวยงาม และเนี๊ยบมาก เป็นการลบภาพจำที่ว่านั้นไปเลย ในระยะเวลา 2-3 ปีตั้งแต่เปิดตัวแบรนด์ บีลีฟ พรีเมี่ยม มาก็นับได้ว่าได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากลูกค้า VIP ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งอัตราการเติบโตของแบรนด์อยู่ที่ 400-600% ต่อปี นอกจากแบรนด์ Belive Premium ที่ผลิตจากผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน แล้ว เรายังมีแบรนด์ Prelim ที่เน้นผ้าฝ้าย ผ้าใยกัญชง ฯลฯ อีกด้วย” 
 
นางพัศลินทร์ เศวตรัตน์ ผอ. ททท.สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า“Fashion เป็น 1 ในยุทธศาสตร์ 5F ของรัฐบาล นโยบายแผนผลักดันวัฒนธรรมที่มีศักยภาพเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทยหรือ Soft Power ประกอบไปด้วย Film, Food, Fashion, Fightingและ Festival ซึ่ง ททท. เชียงใหม่ ได้มุ่งเน้นปลุกกระแสยกระดับผ้าไทยให้มีความร่วมสมัย สร้างสรรค์ให้เกิดเป็นสินค้ามูลค่าสูงระดับพรีเมียมสากล สามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนในพื้นที่ ในขณะเดียวกันยังเป็นการต่อยอดและเผยแพร่วัฒนธรรม หัตถศิลป์หัตถกรรม อันทรงคุณค่าอย่างของคนในท้องถิ่นให้เกิดการรับรู้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น”
 
ดร.ปราณี สุวิทย์ศักดานนท์ ผู้บริหารโครงการนิ่มซิตี้ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นิ่มซิตี้ เป็นโครงการที่เป็นศูนย์รวมชีวิตประจำวันของชาวเมืองไม่ว่าจร้านอาหาร เครื่องดื่ม ของว่าง และซุปเปอร์มาร์เก็ตมาเป็นเวลานาน ในปีนี้ทางนิ่มซิตี้ก็ได้เสริมกิจกรรมด้วยการเป็นศูนย์กลางด้านแฟชั่นและไลฟ์ สไตล์ ในการจัดงานครั้งนี้จะเป็นการตอบแทนลูกค้าภายใน คือ ร้านค้าต่างๆ และลูกค้าภายนอก ที่มาทานอาหารและใช้บริการร้านค้าต่างๆในโครงการ โดยงานครั้งนี้มีความตั้งใจที่จะให้ลูกค้าได้รับชมแฟชั่นโชว์ดีๆ จากบีลีฟ พรีเมี่ยม ที่มีสำนักงานใหญ่และFlagship Store อยู่ในโครงการระหว่างรับประทานอาหาร”
 
ดร.ปราณี กล่าวเสริมด้วยว่า “ทางโครงการสนใจที่สนับสนุนส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นการผลักดัน Soft Power และได้มีการหารือกับ ททท. เชียงใหม่CEA เชียงใหม่ ว่าจะให้ความร่วมมือในกิจกรรมต่างๆ ของทุกๆหน่วยงาน และมีความสนใจที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Chiang Mai Design Week ในปีนี้ เพื่อให้นิ่มซิตี้ เป็นศูนย์กลางด้านแฟชั่นและไลฟ์ สไตล์อีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่”

นางสาวพิมอัครา กล่าวปิดท้ายว่า “งานแฟชั่นโชว์ในวันนี้ถือว่าเป็นงานใหญ่ของปีและได้รับความร่วมมือด้วยดีจาก โครงการนิ่มซิตี้ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าแบบคอมมูนิตี้มอลล์ที่ครบวงจร และมีกลุ่มลูกค้าใกล้เคียงกัน การนำเสนอแฟชั่นโชว์ร่วมกันในครั้งนี้ถือว่าเป็นกิจกรรมใหญ่ที่จะรวมแขกวีไอพีหลากหลายมารวมกัน 

อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากหลากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น กรมหม่อนไหม, ททท. เชียงใหม่,สมาคมแม่บ้านมหาดไทยเชียงใหม่, YEC เชียงใหม่ ,YEC ลำพูน รวมทั้งกองประกวดนางสาวเชียงใหม่ และร่วมสนับสนุนโดย CEA เชียงใหม่,สมาคมไทยสปาล้านนา ,สมาคมโรงแรมภาคเหนือ(ตอนบน ), อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมทั้งภาคเอกชน บริษัท ห้างร้าน จำนวนมาก มีนางแบบกิตติมศักดิ์มาร่วมเดินแบบทั้งสิ้นกว่า 40 คน ดูแลการเดินทางโดยสายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ 

ความพิเศษสุดของงานจะอยู่ที่การเปิดโอกาสให้แขกผู้มีเกียรติที่สนใจได้ร่วมประมูล หรือจองสินค้า เพื่อร่วมสมทบทุนด้วยกันไปกับโครงการ และสินค้าบางชิ้นจะเป็นสินค้าพิเศษ Limited Edition ที่ผลิตขึ้นเพียงชิ้นเดียวเพื่อเป็นที่ระลึกพิเศษจากงานนี้เท่านั้น”

งาน Charity Fashion Show 2025 นี้จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 15 กพ. 2568 ณ โครงการนิ่มซิตี้ เวลา 18:00 เป็นต้นไป โดยทางโครงการมีความตั้งใจ เนรมิต Runway ยาวกว่า 130 เมตรนี้ทอดยาวตลอดด้านหน้าของโครงการโซนซิตี้ไลฟ์ โดยจัดแบบ Exclusive Private VIP Charity สำหรับแขก VIP รับเชิญพิเศษจำนวน 150 ท่าน พร้อมด้วยสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ซึ่งในงานจะรับรองแขกด้วยซุ้มอาหารว่างและเครื่องดื่มที่หลากหลายจากการสนับสนุนของร้านค้าในโครงการ ซึ่งในส่วนลูกค้าของร้านอาหารต่างๆภายในโครงการสามารถใช้บริการแต่ละร้านได้ตามปกติ อีกทั้งยังสามารถรับชมแฟชั่นโชว์ดังกล่าวได้จากโต๊ะของแต่ละร้านอาหารในระยะใกล้ด้วยเช่นกัน

‘มกธ.’ เปิดเวทีรับฟัง!! ความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน พัฒนาการศึกษา เสวนา ‘ร่างพรบ.การศึกษาแห่งชาติ การศึกษาที่ตอบโจทย์’

(15 ก.พ. 68) ณ ศูนย์ปฏิบัติการการโรงแรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี(มกธ.) ได้จัดการเสวนาเรื่อง 'ร่างพรบ.การศึกษาแห่งชาติ การศึกษาที่ตอบโจทย์' โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายภาคส่วนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

นำโดย รศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติและรองประธานกรรมาธิการการศึกษา ได้นำเสนอสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งมุ่งเน้นการปฏิรูประบบการศึกษาให้ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของประเทศ

ภาคเอกชนนำโดย คุณแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ได้เน้นย้ำถึงคุณสมบัติที่ผู้ประกอบการต้องการจากบุคลากร ทั้งในมุมมองของ SME และบริษัทมหาชน พร้อมให้มุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจ และ ผอ.ณัฐิกา นิตยาพร ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สภาการศึกษา ได้วิเคราะห์ภาพรวมของร่างพระราชบัญญัติการศึกษาฉบับใหม่ ว่าสามารถตอบสนองความต้องการของประเทศได้อย่างไร

ด้านการศึกษา อาจารย์ ดร.รัชชัย ศรสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และนายกสมาคมพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริหาร และดร.ณัฐวรินธร บวรภัควุฒิสิริ ที่ปรึกษากรรมาธิการศึกษา พร้อมครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาคุณภาพผู้เรียนที่ไม่กระทบโครงสร้างหลัก และนายเตชทัต หล้าหิบ หัวหน้าโครงการพิเศษ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี ได้สะท้อนมุมมองจากห้องเรียนสู่การร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งครูและผู้เรียน

ปิดท้ายด้วย รศ.ดร.กมลมาลย์ ไชยศิริธัญญา คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการการศึกษาในการร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับปัจจุบัน ได้นำเสนอแนวทางการปรับตัวของผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษา เพื่อรองรับทิศทางการศึกษาในกระบวนทัศน์ใหม่

การเสวนาในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการพัฒนาการศึกษาไทย โดยมุ่งหวังให้ร่าง พรบ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่เป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศ

‘ณวัฒน์’ แถลงฟาด!! ดรามาซองแดง อย่าโยง ‘แม่ตั๊ก’ มั่วนิ่มด่า!! เจอฟ้องแน่

(15 ก.พ. 68) กลายเป็นประเด็นอยู่ไม่น้อย กรณีซองแดงอั่งเปาตรุษจีน ที่ 'ณวัฒน์ อิสรไกรศีล' บอสเวทีมิสแกรนด์ ขายในราคา 59 บาท โดยณวัฒน์จะใส่เงินให้เป็นอั่งเปา แต่ต้องลุ้นเอาเองว่าจะได้กี่บาท ซึ่งณวัฒน์จะใส่เงินตั้งแต่ 20 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาท และ 1,000 บาท โดยเป็นการเล่นสนุกสนานของเจ้าตัว ขายวันเดียวในเวลาเพียง 24 ชม.เท่านั้น

ต่อมาเพจอีซ้อขยี้ข่าว ได้ออกมาโพสต์ข้อความเรียกร้องให้ณวัฒน์ออกมาชี้แจงเรื่องซองแดง หลังชาวติ๊กต๊อกจำนวนมาก ทำคอนเทนต์เปิดซองแดงณวัฒน์ แล้วเกิดความผิดหวัง ในซองแดงมีเงินแค่ 20 บาทเท่านั้น บางรายทุ่มซื้อไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีคนไปขุดคลิปเก่าที่ณวัฒน์เคยฟาด 'แม่ตั๊ก กรกนก' เรื่องซองแดง หลอกขายทอง นำคลิปมาเทียบกันและย้อนถามทำนอง ทำไมวันนี้มาทำเสียเอง งานนี้ณวัฒน์ไม่ปล่อยให้คาใจนาน ล่าสุดออกมาไลฟ์สดเคลียร์ละเอียดยิบ ๆ ม้วนเดียวจบในติ๊กต๊อกส่วนตัว

-ซองแดงเกิดขึ้นเพราะเป็นเทรนด์ในช่วงตรุษจีน เราทำขึ้นมาขำ ๆ สนุกสนานกับแฟนคลับ ทำแค่วันเดียว 24 ชม. ขายแค่ 3 ครั้ง พอเห็นคนซื้อเยอะ ก็เลิกขาย

-การที่เราขาย เราบอกทุกอย่างชัดเจน เนื่องจากซื้อซองแต๊ะเฮีย แต่ข้างในมีอะไรเราบอกหมด ซึ่งติ๊กต๊อกเขาอนุญาต ถ้าบอกว่าไม่รู้มีอะไรข้างในอันนี้ผิดกฎติ๊กต๊อก

-การเอาเรื่องซองแดงที่คนอื่นขายเป็นล่ำเป็นสันเป็นอาชีพ มากล่าวหาตน โจมตีตน ตนก็เข้าใจได้ ซึ่งวันที่ขายก็บอกชัดเจนว่าจะมีเงิน 20 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาท 1,000 บาท บอกทุกครั้งที่ขาย เพราะขาย 3 ครั้งในเวลา 24 ชม. ซึ่งทุกคนจะได้ไม่อย่างหนึ่งอย่างใด บางคนตนจะใส่ของขวัญเพิ่มเติมไปให้ เพราะเรากำลังเคลียร์สต็อก สินค้าไหนไม่อยากจัดเก็บ มีเยอะ หรือเหลือเศษจะใส่ไปให้เพื่อลองกินลองชิม

-เราแจ้งแล้ว เป็นน้ำใจส่วนตัว ไม่ใช่สินค้า เป็นการให้เพิ่ม บางคนอาจได้ บางคนอาจไม่ได้

-ถ้าไม่ชัดเจน ติ๊กต๊อกไม่อนุญาต เราต้องได้รับอนุมัติจากติ๊กต๊อกถึงขายได้ เพราะเราเปิดขายเองไม่ได้

-เตือนแฟนคลับตลอดถ้าคิดว่าไม่คุ้ม ขาดทุน หรือไม่สบายใจว่าจะได้เท่าไหร่ อย่าซื้อเด็ดขาด ไลฟ์ 3 ครั้ง เตือนนับครั้งไม่ถ้วน เราขอแค่แฟนคลับที่อยากเล่นสนุกๆ เอ็นจอย ได้ลุ้นกับเทศกาล ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ

-ย้ำและเน้นให้เป็นออปชั่น ให้เก็บเงินปลายทาง ให้อนุญาตว่าเห็นของ ถ้าไม่ชอบก็คืนได้ ตามเงื่อนไขของปลายทาง ตนทำอะไรถูกต้องหมดทุกอย่าง เพียงแต่อยู่ที่สว่าง เป็นเป้านิ่งคนอาจไม่ชอบ เรื่องที่ทำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาคิดต่างจากตน แม้แต่นางงาม เวทีคู่แข่ง เป็นอวตาร มาบดขยี้

-อยู่บนพื้นฐานความจริง เป็นคนชัดเจน เป็นเรื่องเฮฮาเล็ก ๆ ในเวลา 24 ชม. แต่กลับเป็นเป้าให้คนไม่ชอบ หรือผลประโยชน์และเรื่องราวขัดแย้ง มาบดขยี้โจมตีตน ตอนแรกคิดว่าช่างมันเถอะ ไม่ได้กลัว แต่มันไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าการพูดจาโดยไม่รู้ข้อมูล อาจนำไปสู่ความวุ่นวายได้

-ตนทำแค่ 59 บาท ถ้าอยากได้เงินคุณเยอะ ๆ ทำไมไม่ทำ 199 500 1,000 2,000 ทำไมทำแค่ 59 บาท เพราะต้องการเพียงความสนุก เผื่อเป็นเงินมงคล การที่เราจะขายของบนแพลตฟอร์มติ๊กต๊อก ไม่ใช่อยู่ๆ ทำแล้วขายได้ ต้องได้รับการอนุมัติจากติ๊กต๊อกด้านการตลาดว่าจะมีแบบนี้ ไม่สามารถเอาตะกร้าขึ้นเองได้ แพลตฟอร์มสีอื่น เป็นแพลตฟอร์มที่เขาให้เราทำเอง รับผิดชอบเอง แต่แพลตฟอร์มติ๊กต๊อกต้องได้รับอนุมัติว่าถูกต้อง ใช้เวลาอนุมัติ บางทีก็ 3 ชม. บางทีก็ 5 ชม. เราขอทำวันเดียวเพราะไม่อยากทำ เราทำเพื่อความสนุก

-อยากให้ดูวัตถุประสงค์ก่อน ตนไม่เคยทำ และไม่ได้เดือดร้อนด้านการเงิน ถ้าตนเดือดร้อน ผมต้องทำนาน ๆ หลายวัน ราคา 59 บาทเป็นราคาที่แปลก

-แจกแจงเงิน 59 บาท ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ค่าบริการไลฟ์กับติ๊กต๊อก เบ็ดเสร็จอยู่ที่ 28 เปอร์เซ็นต์ ตนเหลือเงิน 42 บาท ต้องรับผิดชอบค่าส่ง ซึ่งเต็มแพลตฟอร์มอยู่ที่ 35 บาท หรือ 20 บาทในกรุงเทพฯ แต่ตนไม่ได้เสียค่าส่งทุกอัน ก็ถัว ๆ 20 บาท จาก 42 เหลือ 22 บาท เสียภาษี vat อีก 7 เปอร์เซ็นต์ จะขาดทุนประมาณ 2 บาท นี่คือเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ได้จากติ๊กต๊อก ฉะนั้นเงิน 59 บาทไม่ใช่เงินที่ให้ตน ไปให้ติ๊กต๊อก

-เงินที่คุณจ่ายไม่ได้เข้ามาที่ตนเลย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้เข้า เพราะเขามีเครดิตอยู่เป็นเดือน เงินไม่ถึงตนสักบาทจนถึงวันนี้ เงินที่ทุกคนส่งเข้าไป คือเข้าไปบริษัทติ๊กต๊อก ถูกหักไปแล้ว 28 เปอร์เซ็นต์ ถูกหักขนส่งไปอีก แต่ตนใส่ทั้งของและซอง การเบิกจ่ายบริษัทมหาชนมีหลักฐาน

-คนได้เยอะเขาไม่ค่อยรีวิว คนรีวิวก็คือกระแนะกระแหนว่าต้องเซ็ต ยืนยันว่าไม่เซ็ต ถ้าเซ็ตก็หลอกลวง ไม่มีทาง เปิดใจกันบ้าง

-นอกจากนั้นถ้าใครที่ไม่ได้จ่ายปลายทางชำระแล้วเห็นของทีหลัง ยังให้สิทธิ์ในการคืนของได้ ตามข้อกำหนดของติ๊กต๊อก ผู้บริโภคทุกคนต้องรู้ เพราะเรารู้เงื่อนไขอยู่ คนที่ไม่พอใจที่ได้น้อยกว่าคนอื่น ก็คืนกันมา ไฟเขียวคืนโลด การคืนทำง่ายนิดเดียว ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ 02-9349-999 มีพนักงาน 10-12 คน คอยรับโทรศัพท์ เพราะลูกค้าทุกคนคือพระเจ้าของเรา ไม่พอใจคืนได้ มีคนคืนมาแล้วเป็นร้อย หลายร้อยอยู่ ไม่มีปัญหาเลย ถ้าเห็นของแล้วไม่ถูกใจก็สามารถคืนได้ มีคนคืนเยอะแยะ เราก็รับคืน การคืนคุณไม่เสียอะไรเลยสักบาท คุณได้ครบถ้วน 59 บาท ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องสักบาท ไม่มีอะไรที่ลูกค้าต้องเสีย

-ใครอยากจะคืนก็ตามเบอร์นั้น ให้ติดต่อได้ถึงวันที่ 17 ก.พ. งานนี้ตนขาดทุนเละ แต่ไม่มีปัญหา การคืนก็ไม่ได้เป็นความผิด ไม่เคยโกรธลูกค้าเลยให้ตาย ตนเป็นเด็กยากจนมาก่อน ถ้าผิดหวังไม่เป็นไร คืนได้ มันเป็นสิทธิ์ที่ถูกต้อง มีกฎรองรับอยู่ จะให้คืนจนถึงวันจันทร์ตอน 6 โมงเย็น ใครจะคืนตนไม่ว่าเลย ให้คืน 100 เปอร์เซ็นต์ ส่งมาคืนทั้งหมดก็ได้ ค่าส่งให้เก็บปลายทางเราเป็นคนจ่าย หรือถ้าทำไม่เป็น ให้จ่ายปลายทางมาเลย 25 บาท ตอนโอนคืน เราก็จะคืน 25 บาทด้วย

-สิ่งที่เกิดมากขึ้นคือคนนอก ที่รอจังหวะว่าจะมีอะไรทิ่มแทงตนได้บ้างเขาก็บดขยี้กันสนุก โดยไม่ได้เข้ามาซื้อ มาฟังข้อเท็จจริง ก็บอกให้หยุดกันบ้าง ขอความร่วมมือนิดนึง ส่วนลูกค้าจะคืนก็ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องซีเรียส

-จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เพราะนึกว่ามีเฉพาะคนรัก ๆ ชอบ ๆ กัน เล่นกันสนุกสนาน ถ้าคนซีเรียสแบบนี้ตนไม่เอาอยู่แล้ว เพราะตนก็ไม่เคยทำ ผมทำมาหากินอย่างอื่นโอเค ตอนนี้ขาดทุนไม่มีปัญหาหรอก อยากคืนก็คืนไม่ว่ากัน

-เรื่องคนอื่นมาพาดพิงตน ตนพูดเรื่องแม่ตั๊ก ดิไอคอน โดยเฉพาะแตงโม (นิดา พัชรวีระพงษ์) ซึ่งมีผลกระทบกับชีวิตค่อนข้างเยอะ รู้ไหมทำไมถึงเงียบเรื่องแตงโม ไม่อยากจะพูดว่ามีการคุยหลังบ้าน แต่ก็ช่างมันเถอะ รวมถึงเวลานางงาม คนละเวทีกัน ก็มีร่างอวตารคอยทิ่มแทง ก็ไม่เกี่ยวกันเลยกับซองแดงคนอื่น และไม่ได้เกี่ยวข้องกับแม่ตั๊ก เขาขายเอาตาย ขายตลอด แล้วออกมาเป็นกระดาษพ่นทอง คนละเรื่องกัน

-คุณเอาความเท็จมาโจมตี ถ้าไม่ใช่ลูกค้า ขออนุญาตเก็บข้อมูล ถ้าสืบได้ว่าเป็นลูกค้า ไม่ว่าจะด่าว่าอะไร ไม่ว่าจะละเมิดแบบไหน หมิ่นประมาทด้วยวิธีอะไรตนจะไม่ทำอะไรเลย นี่คือนโยบายของตนแต่ไหนแต่ไร แต่ถ้าไม่ใช่ลูกค้า แล้วมั่วนิ่มมาด่า ผมบอกเลยนะ ขออนุญาตดำเนินการตามกฎหมาย

-คุณลุงคนนึงยุยงให้คนแจ้งความโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง ส่วนบางคนชอบทำคลิปตนเพราะมีแสงเยอะ คนดูเป็นล้านวิว นั่นคือคนชื่อบาส วรชัย ถ้าคุณฟังอยู่ ตนให้เวลาคุณลบคลิปวันนี้จนถึง 17.00 น. วันที่ 14 ก.พ. คุณต้องลบคลิป เพราะเห็นชัดเจนว่ามีความผิด ว่างๆ คุณมาเจอ คุณจะขยี้ด้วยเหตุผลอะไรตนไม่ทราบ แต่คุณต้องรู้ข้อเท็จจริงก่อนทุกอย่าง ไม่ใช่คุณถามลอยๆ อยู่ในอากาศ

- ประเด็นที่คุณพูดว่าตนไปว่าประชาชนโง่ที่ไปหลงเชื่อ แล้วมาทำเสียเอง อันนี้ยังไงก็แล้วแต่ ตนยอมไม่ได้ เพราะตนไม่เคยว่าประชาชนโง่เลยสักครั้งเดียวในชีวิต ผมเป็นคนค่อนข้างแม่นเรื่องกฎหมาย คำว่าโง่ มีความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 393 ตนให้โอกาส คุณกับผมไม่ต้องรู้จักกัน ไม่ต้องเจอกัน ต่างคนไม่ต้องมายุ่งกัน คุณหาว่าผมไปบอกประชาชนโง่ เจอ 2 ข้อหา หมิ่นประมาท พูดจาใส่ร้ายให้คนอื่นเกลียดชัง นำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตนจะไม่ฟ้องโรงพัก แต่จะฟ้องศาล (ซึ่งบาส วรชัยได้เข้ามาดูไลฟ์ณวัฒน์ และได้ลบคลิปดังกล่าวทิ้งไป)

-กับอีซ้อไม่ได้เป็นปัญหากัน ลึกๆ ชอบเขาแต่ก็เซอร์ไพรส์เขานิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร บางทีมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีหรอกตั้งแง่จนวันตาย ทำไมตนคุยกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุลได้ ทั้งที่ความคิดเรื่องการเมืองอาจไม่เหมือนกัน เพราะเราทำเรื่องเดียวกันคือเรื่องแตงโม เราอย่าเอาทิฐิไปบดบังเรื่องที่อยากทำ เราอยากรู้ว่าตร. ทั้งโรงพัก และอัยการ ทำไมทำแบบนี้กับคดีแตงโม ที่เงียบๆ ไม่อยากพูดอะไรเยอะ แต่ทำงานอยู่ตลอด เพียงแต่พูดไม่ได้ เพราะหลายคน ญาติพี่น้องก็เป็นห่วง อยู่ ๆ ก็มีเบอร์แปลก ๆ เบอร์สวยๆ โทร.มา มีหมดแหละ

-ตนโตมาจนจะแก่ตาย ผ่านสงครามมาเยอะแล้ว ไม่ต้องขยี้มาก ตนก็ไม่ได้เป็นคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สุดท้ายต้องดูในข้อเท็จจริง ที่สำคัญตนไม่เคยมีจิตใจที่จะไปเอาเปรียบใคร ตนไมได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ถ้าทำแล้ววุ่นวายก็จะไม่ทำอีกเลย นี่คือเรื่องจริง

-ส่วนอีซ้อไม่เป็นไร มีคนบอกเอาให้หนัก แต่น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ไม่มีปัญหา ตนก็หงุดหงิดบ้าง ก็ขอความเข้าใจกันด้วย

-ที่พูดทั้งหมดประจักษ์ด้วยหลักฐาน วิธีการ จำนวนเงินไหลไปที่ไหน ตนยังไม่ได้เงินเลยสักบาทตอนนี้ ทุกการรีฟันตนเสียสองเด้งนะ เรื่องนี้จบแค่นี้

-เราไม่หลอกลวง เพราะเราเป็นมหาชน

มาคาเลียส อัปเดต 5 ที่พักสุดโรแมนติก ต้อนรับเดือนแห่งความรัก กุมภาพันธ์

(15 ก.พ. 68) กลิ่นอายความรักอบอวลต้อนรับเดือนกุมภาพันธ์ มาคาเลียส แหล่งรวม อี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย ขอเอาใจคู่รักทุกเพศทุกวัย ที่กำลังมองหาสถานที่สุดคลูฉลองความรัก ด้วย 5 ที่พักสุดโรแมนติก ไม่ว่าจะเป็นวิวธรรมชาติแสนสวย บรรยากาศสุดอบอุ่น หรือสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่พักเหล่านี้จะทำให้การพักผ่อนของคุณและคนรักเต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนพิเศษ

Mida Resort Kanchanaburi - พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติและแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมต้อนรับคู่รักทุกคู่ให้มาร่วมดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติริมน้ำแควใหญ่ ท่ามกลางขุนเขาและสายหมอก ที่นี่เหมาะสำหรับคู่ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย ต้องการการชาร์ทพลังใจให้เติมสตรีม โดยไฮไลต์สำคัญของที่พักแห่งนี้ คือ สระว่ายน้ำวิวแม่น้ำแควใหญ่ จุดดินเนอร์สุดโรแมนติกใต้แสงดาว รวมถึงกิจกรรมล่องแพสุดชิล ซึ่งตัวห้องพักมีให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ ห้องดีลักซ์ 32 ตร.ม. ไปจนถึงวิลล่าริมน้ำ พร้อมอ่างอาบน้ำส่วนตัว แต่ละห้องมาพร้อม ระเบียงชมวิว เตียงขนาดคิงไซส์ และอ่างจากุซซี่

The Tree Riverside แก่นกระจาน– หนีเมืองวุ่นวาย สู่ความสงบกลางป่าใหญ่ รีสอร์ตริมน้ำสุดเงียบสงบที่โอบล้อมด้วยต้นไม้สีเขียว ให้ความเป็นส่วนตัวสุดๆ มาพร้อมกิจกรรมสำหรับคู่รักทั้งการพายเรือคายัค ล่องแพ และดื่มด่ำกับพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำ ไฮไลต์คือ ห้องพักแคมป์ปิ้งสุดหรู พร้อมอ่างอาบน้ำกลางแจ้ง ให้คุณได้ผ่อนคลายไปกับธรรมชาติ ตัวห้องพักมีขนาดเริ่มต้นที่ 35 ตร.ม. มาพร้อมเตียงคิงไซส์ ระเบียงส่วนตัว และอ่างอาบน้ำแบบโอเพ่น พิเศษด้วย วิวแม่น้ำแบบพาโนรามา และบรรยากาศเงียบสงบเหมือนอยู่ท่ามกลางป่าใหญ่

Rachabhura ราชบุรี – สัมผัสความหรูหราแบบไทยร่วมสมัย สำหรับคู่รักที่มองหาที่พักระดับไฮเอนด์ ที่นี่คือคำตอบ! โดดเด่นด้วยการออกแบบสุดเก๋ ผสมผสานกลิ่นอายไทยโมเดิร์น ห้องพักแบบพูลวิลล่าพร้อมอ่างจากุซซี่ส่วนตัว และบ่อแช่น้ำแร่สุดพิเศษ ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 40 ตร.ม. พร้อมวิวสวนสวย และห้องพูลวิลล่าขนาด 80 ตร.ม. มาพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว โดยทุกห้องเน้นการตกแต่งและการออกแบบอย่างประณีต มีอ่างจากุซซี่ในร่ม พื้นที่นั่งเล่นกว้างขวาง และห้องอาบน้ำแบบ Rain Shower

Eco Cozy Resort ชะอำ – สัมผัสลมทะเลและบรรยากาศสบายๆ หากคุณและคนรักเป็นสายชิล ชอบสายลม แสงแดด และผืนทราย ต้องไม่พลาดที่แห่งนี้! เพราะตั้งอยู่ใกล้ชายหาดชะอำ บรรยากาศสุดอบอุ่น ตัวห้องพักตกแต่งสไตล์บาหลี พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว และศาลานั่งเล่นสุดชิค ห้องพักมีให้เลือกหลากหลายขนาดตั้งแต่ 28 ตร.ม. ไปจนถึงวิลล่าขนาด 60 ตร.ม. มีมุมพักผ่อนส่วนตัว พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว โดดเด่นด้วย เตียงแบบสี่เสาสไตล์บาหลี ฝักบัวกลางแจ้ง และสวนหย่อมส่วนตัว

Kastel Pattaya – ที่พักสไตล์ยุโรปสุดหรูริมทะเล มุมถ่ายรูปเพียบ! ที่พักแห่งนี้ตกแต่งสไตล์ยุโรปสุดหรู ให้คุณดื่มด่ำกับวิวทะเลและบรรยากาศสุดโรแมนติก มุมที่ถือเป็นไอคอนิคของที่นี่คือ สระว่ายน้ำวิวทะเล คาเฟ่สุดเก๋ และมุมดินเนอร์ใต้แสงเทียน ห้องพักมีให้เลือกตั้งแต่ ห้องสวีทขนาด 40 ตร.ม. ไปจนถึงวิลล่าขนาด 90 ตร.ม. พร้อมดาดฟ้าส่วนตัวสำหรับชมวิวทะเล จุดเด่นคือ ห้องอาบน้ำกระจกใสที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้จากอ่างอาบน้ำ และระเบียงส่วนตัวสำหรับจิบไวน์ชมพระอาทิตย์ตก

เดือนแห่งความรักนี้ เลือกที่พักสุดโรแมนติกให้ทุกโมเมนต์ของคุณเต็มไปด้วยความทรงจำสุดพิเศษ สนใจจองที่พักราคาพิเศษ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.makalius.co.th/ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม Line Official @makalius

สวนนงนุชพัทยาเตรียมจัดงานมหกรรมพันธุ์ไม้ 'Nongnooch Plants Expo 2025' เพื่อสร้างโอกาสให้เกษตรกรในประเทศไทยจำหน่ายพันธุ์ไม้ให้กับผู้ซื้อจากต่างประเทศโดยตรง

(15 ก.พ.68) เวลา 10.00 น. ณ ห้องเฟื่องฟ้า สวนนงนุชพัทยา มีการจัดงานแถลงข่าว Nongnooch Plants Expo 2025 โดยมีคุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา, อาจารย์ สุรัตน์ วรรณโณ (บ้านก้ามปู) Senior Collector,Mr. Chandra G. Hendarto The commissioner of Indonesian aroid society  ,Mr.Stan walkley,Mr. Ross McKinnon,คุณกรรณิการ์ เปรมประสาทสิทธิ์ ประธานกลุ่มโกรท ทูเก็ตเตอร์ ร่วมแถลงข่าว

วัตถุประสงค์ในการจัดงานเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรผู้ผลิตและผู้ปลูกเลี้ยงต้นไม้  ซึ่งในประเทศไทยมีการจัดงานมหกรรมแสดงพันธุ์ไม้ที่ทั่วโลกยอมรับคืองานสวนหลวง ร.9 ที่จัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนธันวาคม การจัดงานในครั้งนี้จัดขึ้นเดือนมิถุนายน ทำให้ผู้ที่สนใจมีโอกาสร่วมงานได้ปีละ2ครั้ง ซึ่งสวนนงนุชพัทยาเป็นแหล่งเรียนรู้ในเรื่องของพันธุ์ไม้ จึงต้องการเปิดพื้นที่ให้คนไทยได้มีโอกาสขายพันธุ์ไม้ให้กับชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น จะทำให้วงการต้นไม้ภายในประเทศพัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

งานจัดขึ้นภายใต้ Concept ปีนี้คือ 'Innovation นวัตพรรณไม้ใหม่' งานมีขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายน 2568 ณ สวนนงนุชพัทยา ห้องประชุมเทรดดิชั่น ฮอลล์1-3โดยมีผู้เข้าร่วมงานเป็นนักพัฒนาสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศ อาทิเช่น จากไต้หวัน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย  ฟิลิปปินส์ และจีน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nongnoochpattaya.com

‘กฟผ.’ ผนึกกำลังพันธมิตร ยกระดับความร่วมมือดูแลคุณภาพอากาศ บูรณาการ!! ข้อมูลภาค ‘พื้นดิน-อวกาศ’ เพื่อแก้ปัญหา PM2.5 ให้ปชช.

(15 ก.พ. 68) กฟผ. ร่วมกับกระทรวงพลังงาน กรมควบคุมมลพิษ GISTDA และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือด้านคุณภาพอากาศ ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลภาคพื้นดินและอวกาศ วิเคราะห์สาเหตุมลพิษและฝุ่น PM2.5 มุ่งกำหนดนโยบายปรับปรุงคุณภาพอากาศอย่างตรงจุด เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีและลมหายใจสะอาดของคนไทย

กระทรวงพลังงาน กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือด้านคุณภาพอากาศ 'Breathe Our Future: Space & Sensor Synergy' รวมพลังเพื่อลมหายใจแห่งอนาคต ณ ห้องออดิทอเรียม อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568

นายสมภพ พัฒนอริยางกูล รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้ขับเคลื่อนนโยบายการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและ PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก โดยวางโครงสร้างพื้นฐานของยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อผลักดันให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแทนเครื่องยนต์สันดาป การยกระดับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง การนำชีวมวลมาผลิตไฟฟ้าเพื่อลดการเผาในที่โล่ง และสนับสนุนหน่วยงานภาคีเครือข่ายพัฒนานวัตกรรมตรวจวัดคุณภาพอากาศ (Sensor for ALL) เพื่อหาสาเหตุจากแหล่งการเกิดฝุ่น และใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาเพื่อออกนโยบายแนวทางแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน

นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า การป้องกันที่แหล่งกำเนิดเป็นสิ่งจำเป็นในการลดมลพิษทางอากาศและ PM2.5 ในขณะที่การขยายความร่วมมือและการพัฒนาเครื่องมือก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งปัจจุบันกรมควบคุมมลพิษได้ติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแล้วจำนวน 100 สถานี ครอบคลุมพื้นที่ 69 จังหวัด และคาดว่าจะมีครบทุกจังหวัดในปี 2569 พร้อมร่วมมือกับภาคีเครือข่ายนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์หาสาเหตุการเกิดฝุ่นจากแหล่งที่มา และสื่อสารข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือตรวจวัดแต่ละชนิด เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและสามารถนำไปใช้ประโยชน์สูงสุด

นางกานดาศรี ลิมปาคม รองผู้อำนวยการ GISTDA เปิดเผยว่า GISTDA มีดาวเทียมที่สามารถติดตามความเข้มข้นของมลพิษทางอากาศรายชั่วโมง จึงสามารถช่วยสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาฝุ่นจากแหล่งกำเนิดได้ พร้อมกันนี้ยังได้ใช้ AI ในการพยากรณ์และสื่อสารถึงประชาชนผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” โดย GISTDA มุ่งหวังและตั้งเป้าหมายที่จะผสานการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากดาวเทียมและภาคพื้นดิน เพื่อให้ได้สาเหตุการเกิดฝุ่นจากแหล่งที่มาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ และส่งผลให้เกิดนวัตกรรมการแก้ไขปัญหาคุณภาพอากาศอย่างยั่งยืนมากขึ้น

รศ.ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนความยั่งยืน โดยวางนโยบายเปลี่ยนมหาวิทยาลัยให้เป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการพัฒนานวัตกรรม Sensor for ALL ที่เดินหน้าต่อเนื่องมาแล้ว 7 ปี โดยติดตั้งเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ต่าง ๆ และกระจายฐานข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ โดยมีแผนที่จะใช้ Sensor สอดประสานความแม่นยำของข้อมูลกับภาคีเพื่อขยายผลการตรวจวัดตั้งแต่ภาคพื้นดินสู่อวกาศต่อไป

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. เปิดเผยว่า กฟผ. ดำเนินภารกิจผลิตไฟฟ้าควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม การดูแลคุณภาพอากาศที่ปล่อยจากการผลิตไฟฟ้าจึงถูกควบคุมดูแลตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้า โดยเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อให้การปล่อยมลสารจากโรงไฟฟ้าดีกว่าเกณฑ์ค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งผลักดันการดำเนินมาตรการต่าง ๆ อาทิ การนำร่องใช้ยานยนต์ไฟฟ้า การส่งเสริมมาตรฐานฉลากเบอร์ 5 การสนับสนุนจักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5 การติดตั้งนวัตกรรมระบบหมุนเวียนและบำบัดอากาศ City Tree การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาฝุ่น และสนับสนุนภารกิจป้องกันไฟป่าและหมอกควัน โดย กฟผ. ได้ร่วมมือกับกระทรวงพลังงาน และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ติดตั้ง Sensor for All ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งจากการเก็บข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี พบว่า ประเทศไทยยังไม่สามารถแก้ปัญหาและลด PM2.5 ได้ จึงต้องผนึกกำลังร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยกันนำข้อมูลมาวิเคราะห์ทบทวนและกำหนดมาตรการเสริมในการลดมลพิษทางอากาศและ PM2.5 ของประเทศต่อไป

สำหรับการประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือด้านคุณภาพอากาศในครั้งนี้ ทั้ง 5 หน่วยงานได้บูรณาการข้อมูลและเทคโนโลยีร่วมกัน เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของมลพิษทางอากาศและ PM2.5 ให้ตรงจุดมากขึ้น นำไปสู่การกำหนดนโยบายด้านคุณภาพอากาศของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ และส่งเสริมการบริหารจัดการคุณภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมระดับประเทศ เพื่อลมหายใจสะอาดและสุขภาพที่ดีของคนไทยอย่างยั่งยืนต่อไป

สมุทรปราการ-เทศบาลแพรกษา ดันกองทุน 100 โรงงาน 100 ดวงใจ 1 โรงเรียน ต้นไม้แห่งการศึกษา จัดงานวันสถาปนา 13 ปี PWS 

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลำดับที่ 41 ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี เนื่องในวันสถาปนา ครบรอบ 13 ปี โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) เทศบาลตำบลแพรกษา สังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายวรรณวุฒิ มาสุข รองปลัดเทศบาลฯ รักษาราชการแทนปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นำหัวหน้าส่วนราชการ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ โครงการ 100 โรงงาน 100 ดวงใจ 1 โรงเรียน 

เนื่องด้วยงานวันสถาปนาโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี และในปี 2568 นี้ โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 13 และเพื่อรำลึกถึงประวัติความเป็นมาของการจัดตั้งโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษาจึงได้จัดงานขึ้นเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากเทศบาลตำบลแพรกษา โดยนางอรัญญา สุวรรณบุตร ภายใต้นโยบาย "การศึกษาต้องมาก่อน" โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา จัดการเรียนการสอนหลักสูตรการศึกษาแบบพหุภาษา และแบบพหุปัญญา 

อย่างไรก็ตาม การจัดงานในวันนี้ได้รับเกียรติจากหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการตำรวจ บริษัท ห้างร้าน และผู้มีอุปการะคุณจำนวนมากเดินทางมาร่วมสนับสนุนมอบทุนการศึกษา อาทิเช่น นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลำดับที่ 41 พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.สมุทรปราการ ฯลฯ ร่วมให้การสนับสนุนทุนการศึกษา ส่งเสริมให้โอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ , นักเรียนเรียนดี ตลอดจนนักเรียนที่สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนด้านต่างๆ และพร้อมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคมต่อไป

นอกจากนี้ ภายในงานยังได้ชมการแสดงความสามารถของนักเรียนโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษาในด้านต่างๆ และการเดินขบวนพาเรทโดยวงดุริยางค์ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาในปีนี้อีกด้วย

(สุรินทร์) ผบ.มทบ.25 ตรวจเยี่ยมทหารผ่านศึกสูงอายุ พิการทุพพลภาพ และยากจน

เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.68) พลตรี ไชยนคร กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 / หัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตสุรินทร์ พร้อมด้วย คุณสายธาร กิจคณะ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 25 นายทหารและคณะฯ เข้าตรวจเยี่ยมสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตสุรินทร์ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานในรอบที่ผ่านมา โดยมี นางสาวอณัญญา พรหมบุตร รองหัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตสุรินทร์ กล่าวรายงาน 

ต่อจากนั้น พลตรี ไชยนคร  กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 / หัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตสุรินทร์ พร้อมด้วย คุณสายธาร กิจคณะ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 25นายทหารและคณะฯ นางสาวอนัญญา พรหมบุตร รองหัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตสุรินทร์ และคณะฯ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมทหารผ่านศึกสูงอายุ พิการทุพพลภาพ และมีฐานะยากจน จำนวน 2 ราย พร้อมมอบเงินช่วยเหลือครั้งคราว มอบเครื่องอุปโภค (ถุงยังชีพ) เพื่อแสดงความห่วงใยและเป็นขวัญกำลังใจให้กับทหารผ่านศึกในพื้นที่ อำเภอเมืองเมือง จังหวัดสุรินทร์ ประกอบไปด้วย รายที่ 1. พลฯ สมหวัง (ขอสงวนนามสกุล) ทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ 3 เลขที่ 189277 อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ที่ 1 ตำบลเฉนียง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ รายได้หลักของ พลฯสมหวัง มาจากการประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้ไม่แน่นอน เงินคนพิการและเงินสวัสดิการแห่งรัฐ พลฯสมหวัง ป่วยเป็นโรคจิตเวช ขณะนี้ได้เข้ารับการรักษาและทานยาอย่างต่อเนื่อง สามารถทำงานได้ ภรรยาไม่ได้ประกอบอาชีพ เนื่องจากมีภาวะเจ็บป่วยเป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวานและกล้ามเนื้ออ่อนแรง 

และไม่ได้ประกอบอาชีพ มีรายได้จากเงินผู้พิการและสวัสดิการแห่งรัฐ และรายที่ 2. พลฯ สุรพินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) ทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่  เลขที่ ป.0107842/26 บ้านเลขที่ 2 หมู่ที่ 6 ตำบลสวาย อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ พลฯสุรพินทร์ ป่วยเป็นโรคแขนและขาอ่อนแรง ตั้งแต่ปี 2558 พักอาศัยอยู่บ้านตามลำพัง ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพเนื่องจากสภาวะเจ็บป่วย มีรายได้จากเบี้ยคนพิการ เดือนละ 800 บาท และเงินช่วยเหลือ รายเดือนจากโครงการทหารผ่านศึกเดือนละ 4,000 บาท การลงพื้นที่ในครั้งนี้ สร้างความประทับใจและความซาบซึ้ง ให้กับทหารผ่านศึกเป็นอย่างมาก ที่สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตสุรินทร์ ไม่ทิ้งให้ ทหารผ่านศึก อยู่ตามลำพัง

‘โมโตจีพี’ เทสต์สนั่นโลก!! ‘มาร์เกซ’ เร็วที่สุด ‘สมเกียรติ’ ยกระดับ!! ก่อน ‘ThaiGP’

(15 ก.พ. 68) 'ซูเปอร์สตาร์นักบิดโมโตจีพี' ดวลความเร็ว 'ThaiGP Pre-Season Test' เข้มข้น ผลปรากฏว่า มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลกจาก ดูคาติ ผงาดรั้งจ่าฝูงเหนือน้องชายอย่าง อเล็กซ์ มาร์เกซ ขณะที่ 'ก้อง' สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยจาก ฮอนด้า ทำงานอย่างหนักหลังบิดทั้งสิ้น 131 รอบสนาม ยกระดับได้ยอดเยี่ยม ก่อนเปิดฤดูกาล โมโตจีพี 2025 ที่ประเทศไทย ในศึก 'พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์' 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคมนี้

การทดสอบพรีซีซั่นอย่างเป็นทางการของศึก โมโตจีพี 2025 'ThaiGP Pre-Season Test' จบลงอย่างเป็นทางการ หลังผ่านการทำงานอย่างหนักของทีมแข่ง วิศวกร และนักบิดทุกคน ระหว่างวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ผลการทดสอบปรากฏว่า 'มาร์ค มาร์เกซ' แชมป์โลกชาวสแปนิชจาก ดูคาติ เลอโนโว ทีม ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 28.855 วินาที หลังวิ่งไปทั้งสิ้น 156 รอบสนาม ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยยังไม่สามารถทำลายสถิติเดิม 1 นาที 28.700 วินาที ของทีมเมทอย่าง ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า ลงได้ ส่วนอันดับ 2 เป็นของ 'อเล็กซ์ มาร์เกซ' นักบิดสแปนิชจาก เกรซินี เรซซิ่ง ตามหลัง 0.179 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ 'มาร์โก เบซเซ็คคี' นักบิดอิตาเลียนจาก อพริเลีย เรซซิ่ง ตามหลัง 0.205 วินาที

ส่วน 'เปโดร อคอสต้า' นักบิดดาวโรจน์ชาวสแปนิชจาก เรดบูล เคทีเอ็ม แฟ็คตอรี เรซซิ่ง จบการทดสอบครั้งนี้ในอันดับ 4 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.133 วินาที ตามหลังจ่าฝูง 0.278 วินาที ด้าน 'ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า' แชมป์โลก 2 สมัย ยังไม่ลงตัวมากนัก รั้งอันดับ 5 ด้วยเวลาสต่อรอบ 1 นาที 29.378 วินาที ตามหลังทีมเมทอย่าง มาร์ค มาร์เกซ 0.523 วินาที

ขณะที่ 'โจอัน เมียร์' ชาวสแปนิชจาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี คาสตรอล ส่งสัญญาณยอดเยี่ยม ขยับขึ้นมารั้งท็อป 6 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.399 วินาที บีบระยะเข้าไปหาหัวแถวเหลือ 0.544 วินาที ตามด้วย 'ฟรานโก้ มอร์บิเดลลี' นักบิดอิตาเลียนจาก เปอร์ตามิน่า เอ็นดูโร วีอาร์46 เรซซิ่ง ในอันดับ 7 ตามหลัง 0.599 วินาที

ส่วน 'ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร' แชมป์โลก 1 สมัยชาวฝรั่งเศสจาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี จบการทดสอบครั้งนี้ในอันดับ 8 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.586 วินาที ตามหลังจ่าฝูง 0.731 วินาที ตามด้วย 'มาเวริค บีญาเลส' นักบิดสแปนิชจาก เรดบูล เคทีเอ็ม เทคทรี ตามหลัง 0.751 วินาที และอันดับ 10 เป็นของ 'แจ็ค มิลเลอร์' นักบิดออสเตรเลียนจาก พรีม่า พรามัค ยามาฮ่า โมโตจีพี ตามหลังหัวแถว 0.762 วินาที

สำหรับนักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์อย่าง 'ก้อง' สมเกียรติ จันทรา จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ทำงานกับทีมและวิศวกรของ ฮอนด้า อย่างหนัก จบการทดสอบครั้งนี้ด้วยอันดับ 20 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 30.465 วินาที ตามหลังจ่าฝูง 1.610 วินาที หลังจากที่ลงบิดไปทั้งสิ้น 131 รอบสนาม 

ด้านรุกกี้ที่ผลงานดีที่สุดในการทดสอบครั้งนี้ได้แก่ 'ไอ โอกูระ' นักบิดชาวญี่ปุ่นจาก แทร็คเฮาส์ เรซซิ่ง ภายใต้รถแข่งอพริเลีย รั้งอันดับ 11 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.636 วินาที ตามหลังจ่าฝูง 0.781 วินาที ตามด้วย 'เฟร์มิน อัลเดเกร์' นักบิดดาวรุ่งชาวสแปนิชจาก เกรซินี เรซซิ่ง ในอันดับ 18 ตามหลัง 1.230 วินาที

ทั้งนี้ หลังจบภารกิจการทดสอบ 'ThaiGP Pre-Season Test' อย่างเป็นทางการของ โมโตจีพี 2025 บรรดานักบิดพรีเมียร์คลาสทุกคน จะมีเวลาพักราว 2 สัปดาห์ ก่อนเข้าสู่การแข่งขันสนามแรกของฤดูกาล ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคมนี้ ในศึก 'พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์' ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ประเทศไทยรองรับการแข่งขันสนามแรกของศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก

แฟนคลับ เป็นปลื้ม!! ‘พี่ตุ๋ย พีระพันธุ์’ เปิดงาน ‘เทศกาลแห่งความรักสีสันจังหวัดตรัง’ เดินทางด้วยเรือสปีดโบ๊ด!! เป็นพยานรัก ‘LGBTQ+’ จดทะเบียนสมรสที่ ‘เกาะกระดาน’

(15 ก.พ. 68) แฟนคลับโพสต์เกี่ยวกับท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีใจความว่า …

สีสันวันแห่งความรัก....พี่ตุ๋ย - พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สวมเสื้อสีชมพูตามธีมของเทศกาล ไปเป็นประธานเปิดงานเทศกาลแห่งความรักสีสันจังหวัดตรัง (เทศกาลวิวาห์ใต้สมุทร 2025) ที่จังหวัดตรัง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารภาคเอกชน และ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมให้การต้อนรับ ก่อนเดินทางด้วยเรือสปีดโบ๊ดไปยังสถานที่จัดกิจกรรม “รักที่สุด กลางสมุทรอันดามัน” ซึ่งเป็นการจดทะเบียนสมรสที่เกาะกระดาน ชายหาดที่ดีที่สุดในโลก และในปีนี้ยังมีคู่รัก LGBTQ+ ร่วมจดทะเบียนสมรสด้วย

เทศกาลนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวตรังและของประเทศไทยซึ่งจัดต่อเนื่องมากว่า 28 ปี และเคยได้รับการบันทึกเป็นสถิติโลกใน Guinness World of Record เพราะนอกจากจะเป็นการฉลองเทศกาลแห่งความรักแล้ว กิจกรรมนี้ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ซึ่งเป็นสมบัติอันล้ำค่าของจังหวัดตรังและของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริม Soft Power ของไทย ที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของวัฒนธรรมในภาคใต้ด้วย

สำหรับการจัดงานปีนี้ ทางจังหวัดตรังได้บูรณาการร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมรณรงค์ให้ชาวตรังใส่เสื้อสีชมพูในช่วงเทศกาล นอกจากจะมีการจัดงานวิวาห์ใต้สมุทรแล้ว ยังมีกิจกรรมเดินขบวนพาเหรด LGBTQ+ การสนับสนุนสินค้า OTOP การให้ส่วนลดค่าที่พัก และส่วนลดค่าอาหาร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัดอีกด้วย โดยการจัดงาน จะมี 2 รูปแบบ ได้แก่ “วิวาห์ใต้สมุทร” ซึ่งเป็นการดำน้ำจดทะเบียนสมรสบริเวณหินก้อนเดียว หน้าถ้ำมรกต และ “รักที่สุด กลางสมุทรอันดามัน” ซึ่งเป็นการจดทะเบียนสมรสที่เกาะกระดาน 

ลี ยัต-หลง ดาราฮ่องกงโกนหัวบวชที่อินเดีย เลือกเดินทางสู่ทางธรรมหลังเลิกรากับแฟน

(14 ก.พ.68) สื่อฮ่องกงรายงานว่า ลี ยัต-หลง Don Li Yat-long (ดอนหลี่) อดีตแฟนหนุ่มของมิสฮ่องกง วัย 43 ปี ตัดสินใจโกนศีรษะและบวชเป็นพระที่อินเดีย หลังจากผิดหวังในความรัก  

ก่อนหน้านี้ ลี ยัต-หลง ได้เดินทางไปอินเดียพร้อมกลุ่มเพื่อนเพื่อพักผ่อน แต่ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2025 ภาพของเขาในชุดจีวรพระภิกษุได้ปรากฏบนสื่อออนไลน์ สร้างความประหลาดใจให้กับแฟน ๆ และผู้ที่ติดตามข่าวของเขา  

แหล่งข่าวระบุว่า การบวชครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากพระผู้ใหญ่จากไต้หวันและไทย ซึ่งเป็นประธานในพิธีบรรพชาให้กับเขา  

ลี ยัต-หลง เคยมีชื่อเสียงจากความสัมพันธ์กับอดีตมิสฮ่องกง แต่หลังจากเลิกรากัน เขายังไม่พบความสัมพันธ์ใหม่ และอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจหันหน้าเข้าสู่ทางธรรม  

ทั้งนี้ ไม่มีรายงานว่าเขาจะบวชตลอดชีวิตหรือเป็นเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยแฟนๆ ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของเขาอย่างใกล้ชิด

'ช้าง-บางจากฯ-ดิทโต้' ร่วมหนุน 'ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์ 2025' ดันนักกอล์ฟเยาวชนไทยมุ่งสู่ระดับจัดศึกกอล์ฟเยาวชนฤดูกาล 2025

(14 ก.พ.68) นายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด พร้อมด้วย  นายสุรพล อุทินทุ ผู้บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง (ที่ 5 จากซ้าย), นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ที่ 4 จากซ้าย) และ นายประสงค์ สุดอำพัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการตลาด บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ที่ 5 จากขวา) ร่วมแถลงข่าวจัดศึกกอล์ฟเยาวชน 'ช้าง - เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์ 2025' ที่ราชพฤกษ์ คลับ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568

'บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด' ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดย 'น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง', 'บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)' และ 'บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)' พร้อมเดินหน้าพัฒนากอล์ฟเยาวชนอย่างต่อเนื่อง จัดศึกดวลสวิงกอล์ฟเยาวชนฤดูกาลใหม่ 'ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์ 2025' (Chang - GENZ Golf Tour 2025) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อพัฒนาและผลักดันให้วงการกอล์ฟเยาวชนของไทยมีความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง สามารถพัฒนาไปสู่ความสำเร็จในระดับชาติ และนานาชาติได้ต่อไปในอนาคต 

นายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ ประธานกรรมการบริหาร 'บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด' กล่าวว่า 'เดอะ เจ็นซ์' ได้สร้างทัวร์นี้ขึ้นมาให้เป็นทัวร์เยาวชนของคนรุ่นใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนานักกอล์ฟเยาวชนของไทยให้มีศักยภาพทัดเทียมนานาชาติ ในปีนี้เราก้าวเข้าสู่ปีที่ 4…'เดอะ เจ็นซ์' ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาวงการกอล์ฟเยาวชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยังคงรักษามาตรฐานการจัดการแข่งขันตามกฎกติกาสากล รวมถึงมีการนับคะแนนสะสมอันดับนักกอล์ฟสมัครเล่นโลก (WAGR - World Amateur Golf Ranking) และ Junior Golf Scoreboard (JGS) ในปีนี้เราจัดการแข่งขันรวมทั้งสิ้น 8 รายการ ซึ่งทุกรายการแข่งขันได้รับการรับรองจาก JGS และมี 4 รายการที่ได้รับการรับรองจาก WAGR...

โดยในปีนี้เราได้เพิ่มรุ่นการแข่งขันอีก 1 รุ่น รวมเป็น 4 รุ่นการแข่งขัน คือ Special GENZ (ชายและหญิง) อายุ 19-23 ปี, Super GENZ (ชายและหญิง) อายุ 15-18 ปี, รุ่น Junior GENZ (ชายและหญิง)  อายุ 11-14 ปี และรุ่น Rookie GENZ (ชายและหญิง) อายุ 8-10 ปี ทำการแข่งขันแบบเก็บคะแนนสะสมตลอดฤดูกาล เพื่อคัดเลือกนักกอล์ฟในรุ่น Super GENZ และรุ่น Junior GENZ เข้าร่วมทีม GENZ CREW  จำนวน 12 คน โดยนักกอล์ฟที่มีคะแนนสะสม (สนามที่ 1-8) อันดับ 1, 2 และ 3 ในสองรุ่นดังกล่าวทั้งชายและหญิง จะได้รับการดูแลและสนับสนุนทุนเพื่อพัฒนาฝีมือจากทาง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และยังคัดเลือกนักกอล์ฟ ฝีมือดีในรุ่น Super GENZ และ Junior GENZ (ชายและหญิง) จำนวน 8 คน ร่วมแข่งขันในรายการ Yonex Junior Golf Champioship 2025 ที่ประเทศญี่ปุ่น และอีก 1 รายการคือ Singapore Junior World Masters 2025 ที่ประเทศสิงคโปร์ และในปีนี้พิเศษกับ Genz Golf Camp ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ซึ่ง เดอะ เจ็นซ์ ได้ร่วมมือกับ Golfing Ground และ FlowCode โดยมี Dr. Rick Sessinghaus (ดอกเตอร์ริก เซสซิงฮาว) โค้ชของ Collin Morikawa (คอลิน โมริกาวา) รวมถึงคุณ Hallam Morgan (ฮาลัม มอร์แกน) และทีม Flow Code มาร่วมสอนเรื่อง Mental อีกด้วย

การแข่งขัน 'ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์ 2025' จัดแข่งขันรวม 8 รายการ ดังนี้ 
รายการที่ 1 'ช้าง โอเพ่น' วันที่ 8-9 มี.ค.2568  สนามพานอราม่า กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ จ.นครราชสีมา
รายการที่ 2 'บางจาก แชมเปี้ยนชิพ' (WAGR) วันที่ 18-20 เม.ย.2568 สนามกบินทร์บุรี สปอร์ต คลับ จ.ปราจีนบุรี  
รายการที่ 3 'ช้าง แชมเปี้ยนชิพ' วันที่ 10-11 พ.ค.2568 สนามปัตตาเวีย เซ็นจูรี่ กอล์ฟ คลับ จ.ชลบุรี
รายการที่ 4  'ดิทโต้ Super 6 Match Play' วันที่ 7-8 มิ.ย.2568 สนามเขาใหญ่ คันทรี คลับ จ.นครราชสีมา
รายการที่ 5 'ดิทโต้ แชมเปี้ยนชิพ' (WAGR) วันที่ 4-6 ก.ค.2568  (To Be Announced)    
รายการที่ 6 'บางจาก มาสเตอร์ส' วันที่ 2-3 ส.ค.2568 สนามเขาใหญ่ คันทรี คลับ จ.นครราชสีมา
รายการที่ 7 'ช้าง คลาสสิค' (WAGR)  วันที่ 5-7 ก.ย.2568 สนามเลควิว รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟ คลับ จ.เพชรบุรี  
รายการที่ 8 'บางจาก แชมเปี้ยนส์ คัพ' (WAGR) วันที่ 3-5 ต.ค.2568 สนามแรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ จ.นครราชสีมา  

สำหรับผู้ปกครองและนักกอล์ฟที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Official Line : @genzgolf  หรือโทร. 065 696 2229

นครพนม​ -​ตชด.235 ธาตุพนม ไล่ล่ายึดยาบ้ากลางงานพระธาตุพนม 1 ล้านเม็ด

(14 ก.พ.68​) ที่ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พ.ต.อ.คณิต กลิ่นศรีสุข รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2, พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 พร้อมด้วย นายปรีชา มณีสร้อย นายอำเภอธาตุพนมพ.ต.ท.ณัฐวุฒิ ใจสุข ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235  แถลงข่าว ตรวจยึดยาบ้ากว่า 1,00,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.ธาตุพน จ.นครพนม

สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 10.00 นวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 สืบทราบว่า จะมีการลำเลียงยาเสพติด เข้ามาในพื้นที่ อ.ธาตุพนม โดยใช้รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่น ไทรทัน สีขาว หมายเลขทะเบียน กจ 3446 กระบี่ เป็นพาหนะ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมประชุมวางแผนเพื่อตรวจค้นจับกุม 

โดยเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกเป็นชุดเฝ้าสังเกตการณ์และสะกดรอยติดตาม ตามเส้นทางที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางที่ใช้ลำเลียงยาเสพติดผ่าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่พบ รถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งตรงตามที่ได้รับแจ้ง กำลังขับมาตามเส้นทางถนนชยางกูร หมายเลข 212 มุ่งหน้าไปในเขตเทศบาล ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งให้รถคันดังกล่าวหยุดรถเพื่อขอตรวจค้น แต่คนขับรถ ได้แสดงท่าทีพิรุธ ไม่ยอมหยุดรถ พร้อมเร่งเครื่องยนต์เพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามไปด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากในห้วงนี้มีการจัดงานนมัสการพระธาตุพนม ในบริเวณเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม ทำให้มีรถบนท้องถนนหนาแน่น และเกรงจะเป็นอันตรายต่อประชาชนผู้มาเที่ยวงาน  

จนกระทั่งรถของเจ้าหน้าที่ขับมาถึงภายในซอยบ้านดอนกลาง หมู่ที่ 9 ต.ธาตุพนม พบรถยนต์คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้อยู่ในบริเวณชายป่าริมถนน และพบห่อวัตถุต้องสงสัยขนาดใหญ่บรรจุอยู่ท้ายกระบะรถจำนวน 4 ห่อ แต่ไม่พบผู้ใด เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจสอบห่อวัตถุต้องสงสัย ปรากฏว่าเป็นห่อบรรจุยาบ้าจำนวน 101ก้อน ภายในบรรจุยาบ้าจำนวนประมาณ 1,090,000 เม็ด ซึ่งเชื่อว่าเป็นของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดได้นำมาทิ้งไว้เพื่อหลบหนีความผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน  สภ.ธาตุพนม ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top