Friday, 9 May 2025
NEWS

ง้างดาบแต่ไม่ฟัน สหรัฐสั่งคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ระดับสูงซาอุฯ เซ่นคดี Khashoggi แต่ไม่กล้าแตะ 'มกุฎราชกุมารMbS'

ตัดบัวอย่างไรให้เหลือใย ต้องยกให้รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของโจ ไบเดน ซึ่งได้ตัดสินใจเดินหน้าสอบสวนคดีฆาตกรรม Jamal Khashoggi นักข่าวซาอุดิอาระเบีย ประจำสำนักพิมพ์ Washington Post ที่ถูกฆาตกรรมหั่นศพภายในสถานทูตซาอุดิอารเบีย ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2018 และกลายเป็นคดีฉาวสนั่นไปทั้งโลก

โดยบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงอย่างมาก ที่เชื่อว่าเป็นผู้ออกคำสั่งเก็บนักข่าวซาอุฯ คนนี้ก็คือ มกุฏราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย ที่รู้จักในชื่อรหัส MbS และกลุ่มหน่วยลับที่อยู่ในสังกัดเจ้าชายเบอร์หนึ่งแห่งบัลลังก์ซาอุดิอาระเบีย

คดีค้างเติ่งมานานกว่า 3 ปี แม้แต่ศพสักชิ้นยังหาหลักฐานไม่ได้ แต่ทางซาอุดิอาระเบียได้จับกุมตัวผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อผู้ต้องหา และก็ได้ตัดสินปิดคดีไปอย่างเงียบๆเมื่อปีที่แล้ว

จนกระทั่งมาเมื่อวันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐได้ยอมเปิดเผยรายงานของหน่วยข่าวกรองที่ชี้ว่ามีกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่อยู่วงในของ MbS หลายสิบคนเกี่ยวข้องกับแผนการฆาตกรรม Khashoggi อย่างโหดเหี้ยม และในจำนวนนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ในหน่วยลับเคลื่อนที่เร็ว ที่รับภารกิจเฉพาะกิจและรายงานตรงกับท่าน MbS เท่านั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางสหรัฐจึงตัดสินใจคว่ำบาตรกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่ปรากฏหลักฐานตามรายงานของหน่วยข่าวกรองสหรัฐว่าเกี่ยวข้องกับคดีของ Khashoggi กว่า 76 คน โดยการขึ้นบัญชีดำ เป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา ยึดบัญชีและทรัพย์สินที่ได้ลงทุน หรือฝากไว้ในสหรัฐ และยังตรวจสอบธุรกรรมการเงินว่าเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่

แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐวางแผนที่จะผ่านร่างกฎหมายใหม่ที่เรียกกว่า Khashoggi Act ที่มอบอำนาจให้รัฐบาลสหรัฐสามารถสั่งแบน หรือเพิกถอนวีซ่าเข้าประเทศต่อบุคคลใดก็ตามที่มีพฤติกรรมข่มขู่ คุกคาม และใช้ความรุนแรงกับสื่อมวลชน หรือนักเคลื่อนไหว และครอบครัว ที่สหรัฐเห็นว่าขัดหลักสิทธิเสรีภาพ ไม่ให้เข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้

ซึ่งกฎหมายใหม่นี้ก็ได้ถูกนำมาใช้กับเจ้าหน้าที่รัฐ และหน่วยสายลับพิเศษประจำตัวของท่าน MbS ที่โดนขึ้นบัญชีดำนั่นเอง

แต่พอนักข่าวได้ถามนายบลินเคนว่า ถ้าลูกน้อง บริวารใกล้ชิดของท่าน MbS โดนรัฐบาลสหรัฐคว่ำบาตร ยึดทรัพย์สินไปแล้ว จะเหลือยานพ่อไว้ทำไมหล่ะท่าน ?

เมื่อเจอนักข่าวจี้ถามว่าเช่นนี้ แอนโทนี บลินเคน กลับบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามว่ารัฐบาลสหรัฐจะคว่ำบาตร MbS ด้วยเลยหรือไม่

แต่นายบลินเคน ได้ตอบนักข่าวว่า เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน และท่านประธานาธิบดีไบเดน ก็พยายามที่จะรักษาความสัมพันธ์ไม่ให้แตกร้าว

อันเนื่องจากซาอุดิอาระเบียเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับอเมริกามาแสนนาน แม้ที่ซาอุฯ จะหาสระบัวไม่ค่อยได้ แต่ยังไงทางเราก็ต้องรู้จักถนอมน้ำใจกันแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น

แต่คำพูดประโยคถัดมาของท่านรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ เชื้อสายยิวของสหรัฐต่างหากที่ต้องย้ำเส้นใต้หนักๆก็คือ ถึงจะอย่างไรก็ตาม ทางไบเดนต้องการให้มีการ "ปรับจูน" แนวทางกันใหม่ ให้เข้ากับสิ่งที่เราต้องการ และค่านิยมตามแบบของฝ่ายเรา (อเมริกัน)

ดังนั้นหากโจ ไบเดน เปิดหน้าไพ่ออกมาแล้วว่า มีหลักฐานที่พร้อมเปิดเผยในคดีฆาตกรรม Khashoggi และสามารถระบุตัวคนวงในของ MbS ได้ถึง 76 คน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่สหรัฐจะไม่รู้ทะลุถึงผู้ออกคำสั่งตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด

จะหักก้านบัวจนถึงรากก็ทำได้ แต่เด็ดบัวให้เหลือใยไว้น่าจะดีกว่า หากเส้นใยนั้นอาจเป็นราคาแสนแพงที่ซาอุดิอาระเบียที่ต้องยอมจ่าย ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใดก็ตาม


ที่มา : https://web.facebook.com/HunsaraByJeansAroonrat/photos/a.104144281210799/253296609628898/

แหล่งข้อมูล

https://www.channelnewsasia.com/.../us-slaps-sanctions-on...

https://www.france24.com/.../20210227-us-will-not...

https://www.dailysabah.com/.../khashoggi-murder-us-slaps...

https://uk.news.yahoo.com/us-not-sanction-saudi-prince...

‘บิ๊กตู่’ วอนหยุดดราม่าวัคซีน ชี้บ้านเมืองวุ่นวายพอแล้ว หวังชาติสงบ-การเมืองมีเสถียรภาพ ย้ำไทยมีประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ลั่นไม่กลัวเข็ม พร้อมฉีดวัคซีนโควิดทันทีที่หมออนุญาต

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า การฉีดวัคซีนวันนี้เป็นเรื่องของทางการแพทย์ อย่าคิดว่ามีประเด็นนั้นประเด็นนี้กันอีก ขอให้เขียนข่าวในลักษณะการสร้างการมีส่วนร่วมในการโควิด-19 และวันนี้ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของประเทศไทย ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขหมอพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะมีขึ้นมีลง แต่ก็แก้ปัญหาได้ ประเทศไทยมีประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดเป็นอันดับต้นของโลก ขอให้ช่วยกันเขียนอย่างนี้ในข้อเท็จจริง หากจะเขียนให้เสียหายก็เขียนได้ แต่ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับใครเลย อย่างไรก็ตามหลังผู้รับวัคซีนผ่านไประยะเวลาหนึ่งหลังจากที่หลังจากที่ตนเฝ้าระวังดูอาการยังไม่เห็นมีใครเป็นอะไร ซึ่งทางการแพทย์บอกว่าหลังฉีด 15 นาทีจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรหรือไม่ แต่ก็ไม่มีใครเวียนหัวหรือเจ็บแผล ขอให้เชื่อมั่น สำหรับตนเมื่อถึงเวลาแพทย์แจ้งให้ฉีด ตนก็พร้อมจะฉีด เพราะชินอยู่แล้วเรื่องการฉีดยา เวลาไม่สบายทานยาไม่ทันใจก็ฉีดเอา ไม่เช่นนั้นจะทำงานไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นไข้ธรรมดา

เมื่อถามว่าการที่นายกฯ ยังไม่ฉีดเป็นเพราะไม่สบายอยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันเลย ถ้าตนไม่สบายก็ฉีดยาแก้ไข้ วันนี้ที่แพทย์ไม่ฉีดให้ตน เพราะอะไร ไหนลองตอบมา ฟังไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร ไปฟังแพทย์ชี้แจงเอาแล้วกัน ตนไม่อยากพูด

เมื่อถามต่อว่าหลังจากวัคซีนเข้ามาประเทศไทยแล้วมีความหวังอย่างไรหลังจากนี้ นายกฯ กล่าวว่า ก็หวังให้โควิด-19 หมดไปโดยเร็วและได้วัคซีนมาอย่างเพียงพอ หวังให้บ้านเมืองสงบ และการเมืองมีเสถียรภาพ ถ้าไม่หวังกับฉันแบบนี้แล้วใครจะหวัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการฉีดวัคซีนครั้งนี้ ปรากฎว่านายเฉลิมชัย ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามที่ตั้งใจไว้ เนื่องจากมีภาวะความดันขึ้นสูง 180/90 ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยง โดยนายเฉลิมชัย กล่าวว่า วันนี้ยังไม่ได้ฉีด เพราะความดันขึ้น หมอจึงแนะนำให้ฉีดครั้งหน้า สงสัยตนคงตื่นเต้น ปกติเป็นคนนอนดึก ตี1-2 แล้ววันนี้ต้องตื่นตี 5 เลยทำให้ความดันขึ้นเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่รู้สึกผิดหวัง ที่มาวันนี้ เพราะต้องการให้ทุกคนเห็นว่าเรามีความพร้อมและปลอดภัย ทั้งนี้ ตนความดันขึ้นหมอก็แนะนำว่าไม่ควรฉีด ซึ่งหากนั่งพักแล้วสบายดี ก็อาจจะฉีด

‘นิด้าโพล’ เผยคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ลงโทษ ส.ส. แหกมติพรรค มองเป็นสิทธิแต่ละคน แนะ ปรับ ครม. บางตำแหน่ง

#เป็นสิทธิส่วนบุคคล

#นิด้าโพลเผยคนส่วนใหญ่ค้านลงโทษสสแหกมติ

#ชี้ทุกคนมีความเห็นที่แตกต่างได้

“นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง “ลงโทษผู้โหวต สวนมติพรรคอย่างไรดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24 – 26 กุมภาพันธ์ 2564 เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการลงโทษ ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล ที่โหวตไม่เป็นไปตามมติพรรคร่วมรัฐบาลพบว่า ร้อยละ 52.67 ระบุว่า ไม่ควรมีการลงโทษ เพราะ เป็นสิทธิของแต่ละบุคคลในการเเสดงความคิดเห็นที่เเตกต่าง ไม่จำเป็นต้องตามมติของพรรคเสมอไป รองลงมา ร้อยละ 45.80 ระบุว่า ควรมีการลงโทษ เพราะ ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ตนเอง ส.ส. มีหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนต้องออกเสียงหรือทำตามมติพรรค

เมื่อถามถึงรูปแบบการลงโทษ จากผู้ที่ระบุว่าควรมีการลงโทษ พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 34.34 ระบุว่า ไม่ส่งลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรค ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

รองลงมา ร้อยละ 26.00 ระบุว่า ห้ามไม่ให้ทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกับพรรค หรือรัฐบาลอีกต่อไป ร้อยละ 17.33 ระบุ ว่า ปลดออกจากทุกตำแหน่งในพรรคและรัฐบาล

ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการลงโทษ ส.ส. พรรคฝ่ายค้าน ที่โหวตไม่เป็นไปตามมติพรรคฝ่ายค้าน พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.82 ระบุว่า ไม่ควรมีการลงโทษ เพราะ ต้องเคารพความคิดเห็นของแต่ละบุคคล สิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันสามารถมีความคิดเห็นที่แตกต่าง กันได้ รองลงมา ร้อยละ 43.82 ระบุว่า ควรมีการลงโทษ เพราะ เป็นการไม่ปฏิบัติตามมติพรรคและไม่ยุติธรรมต่อพรรคที่ตนเองสังกัด เปรียบเสมือนเป็นงูเห่าของพรรค

เมื่อถามถึงรูปแบบการลงโทษ จากผู้ที่ระบุว่าควรมีการลงโทษ พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 33.45 ระบุว่า ไม่ส่งลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรค ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

รองลงมา ร้อยละ 27.70 ระบุว่า ห้ามไม่ให้ทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกับพรรคอีกต่อไป ร้อยละ 17.07 ระบุว่า ไล่ออกจากพรรค

ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 49.24 ระบุว่า ควรมีการปรับ ครม. เพียงแค่บางตำแหน่ง รองลงมา ร้อยละ 33.66 ระบุว่า ควรมีการปรับ ครม. ครั้งใหญ่ ร้อยละ 11.68 ระบุว่า ไม่ควร มีการปรับ ครม.

'อนุทิน' ประเดิมฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรกของประเทศ ย้ำไม่ต้องกังวลวัคซีนมีผลข้างเคียงแต่น้อย 'บิ๊กตู่' รอฉีดของแอสตร้าฯ คาด2สัปดาห์ถึงไทย

‘อนุทิน’ ประเดิมฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรกของประเทศ ‘หมอยง’ ลงมือฉีดให้ด้วยตัวเอง ย้ำไม่ต้องกังวลวัคซีน มีผลข้างเคียงแต่น้อย พร้อมเผย ‘บิ๊กตู่’ รอฉีดของแอสตร้าเซนเนก้า คาดอีก 2 สัปดาห์ถึงไทย

เมื่อเวลา 07.10 น. วันที่ 28 ก.พ. ที่สถาบันบำราศนราดูร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ว่า ไม่ต้องกังวลกลัววัคซีน แม้จะมีผลข้างเคียง แต่ก็น้อยมีการทดสอบมาแล้วว่ามีความปลอดภัย ส่วนวันเดียวกันนี้ตนก็พร้อมที่จะมารับวัคซีน พร้อมรัฐมนตรีอีก 4 ท่าน ส่วนนายกรัฐมนตรีก็รอการฉีดวัคซีน ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำกัด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จะส่งมอบให้กับประเทศไทยได้ โดยไม่ถือว่าล่าช้า

ดังนั้น วัคซีนที่มีอยู่ 2 แสนโดส จะเริ่มฉีดในพื้นที่เป้าหมาย ถือเป็นส่วนหนึ่งของการซักซ้อม และเตรียมแผนการฉีดระหว่างรอวัคซีนจากแอสตร้าฯ ที่จะเข้ามาจำนวนมาก โดยภายในสิ้นปี จะฉีดได้ครบ ระหว่างนี้เราก็ไม่หยุด แต่มีการพยายามหาวัคซีนตัวอื่นๆ มาเพิ่มด้วย

“บิ๊กป้อม” เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค หารือการปรับคณะรัฐมนตรี พร้อมถือโอกาสเคลียร์ปม สลายกลุ่มก๊วนภายในพรรค

แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 2 มีนาคม นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพื่อหารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)

หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งสัญญาณให้ พรรคพลังประชารัฐ คุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ในเรื่องดังกล่าว เพื่อส่งชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ให้กับนายกรัฐมนตรี หากจะมีการปรับเปลี่ยน นอกเหนือจาก 3 ตำแหน่งที่ว่างลงในตอนนี้

ที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐจะถือโอกาสเคลียร์และทำความเข้าใจปัญหาความขัดแย้งภายในต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เพื่อให้พรรคมีความเป็นเอกภาพซึ่งพล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค ไม่ต้องการให้มีการแบ่งกลุ่มก๊วนหรือมีการต่อรองในเรื่องของการปรับ ครม.อย่างที่มีข่าวออกมารายวัน โดยจะต้องเคลียร์ปัญหาภายในพรรคให้เรียบร้อยก่อนที่จะนัดคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต่อไปถึงเรื่องการปรับ ครม.

ดีเดย์! ปลัดกระทรวงสาธารณะสุข เตรียมปักเข็มวัคซีนโควิดรายแรก! มีนายกฯ-อนุทินร่วมให้กำลังใจ ลั่น!ไม่ได้จิ้มเข็มคนแรกเป็นดุลพินิจของแพทย์

รายงานล่าสุดจากทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเป็นประธานการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สถาบันบำราศนราดูร โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ไปร่วมด้วยโดยนายกฯ และนายอนุทิน ยังไม่เข้ารับวัคซีนในวันที่ 28 นี้ ส่วนผู้ที่รับการฉีดวัคซีนเป็นเข็มแรกคือ นพ.เกียรติภูมิ วงค์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้กล่าวถึงความพร้อมในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า การฉีดวัคซีนโควิดยังมีในวันที่ 28 ก.พ.ตามกำหนดเดิม แต่เป็นการฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงค์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นคนแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยมี นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน รองนายกฯ เดินทางไปให้กำลังใจและเป็นสักขีพยานที่สถาบันบำราศนราดูร หลังจากนั้นจึงเป็นการฉีดให้กับบุคลากรหน้าด่านที่ทำงานควบคุมป้องกันโรค รวมถึงคนที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด เนื่องจากเป็นดุลพินิจของแพทย์ และต้องการรอการตรวจรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เนื่องจากบริษัทแอสตราเซเนกา ผู้นำเข้า ยังไม่ได้ยื่นเอกสารหรือตัวอย่างนำส่ง สำหรับการฉีดวัคซีนของตนนั้น ขอให้เป็นดุลพินิจของแพทย์ ไม่มีการขโมยซีนท่านนายกฯ ตามที่มีข่าวลือ

เนื่องจากวัคซีนแต่ละชนิดมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน โดยวัคซินซิโนแวค ฉีดให้กับคนที่มีอายุระหว่าง 18-59 ปี ส่วน แอสตราเซเนกา ฉีดให้กับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ดังนั้นไม่ใช่เรื่องใครฉีดก่อนฉีดหลัง การฉีดต้องคำนึงถึงความปลอดภัย จึงต้องให้แพทย์เป็นคนตัดสินใจ ส่วนหลังการรับวัคซีนในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์เกิดขึ้น เชื่อว่า ผลลัพธ์ของวัคซีนจะเป็นคำตอบ และหลังการฉีดยังต้องรอดูผลด้วย

สถานการณ์โควิด - 19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด - 19 ประเทศไทยและอาเซียน  

ประจำวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564

เชียงรายน้ำโขงแห้ง! ดอนทราย - โขดหินโผล่ MRC ร้องจีนปล่อยน้ำจากเขื่อน - ปันข้อมูลน้ำ

จากสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดดอนทราย และโขดหินโผล่พ้นน้ำมาเป็นจำนวนมากในแม่น้ำโขง ทั้งในพื้นที่ อ.เชียงของ และ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ทำให้การเดินเรือในแม่น้ำโขงเป็นไปได้อย่างยากลำบาก รวมไปถึงการทำการประมงในท้องถิ่น ซึ่งชาวประมงไม่สามารถนำเรือออกหาตามแหล่งน้ำที่เคยไปได้เพราะปริมาณน้ำลดระดับลง ทำให้แหล่งที่อยู่อาศัยของปลาเปลี่ยนแปลงไป

นอกจากนี้ยังพบว่าเรือสินค้าในแม่น้ำโขง ทั้งฝั่งประเทศไทย และสปป.ลาว เกยตื้นอยู่บนฝั่งหลายลำ เนื่องจากน้ำที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบการที่ท่าเรือต่างๆปิดตัวลงเพราะสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้เรือในแม่น้ำโขงหยุดเดินเรือในช่วงนี้ และทำให้การท่องเที่ยวในแม่น้ำโขงลดลงด้วย

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือครูตี๋ กลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุจากเขื่อนในประเทศจีนปล่อยน้ำออกมาในปริมาณน้อย ส่งผลให้ประเทศที่อยู่ท้ายเขื่อนได้รับผลกระทบ ซึ่งในช่วง 2 ปีมานี้จะเห็นว่าหลายฝ่ายได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งด้านการเกษตรริมแม่น้ำ ระบบนิเวศ การประมง วิถีของชาวบ้านริมแม่น้ำโขงต่างได้รับผลกระทบทั้งหมด อยากให้ทางการจีนมาศึกษาถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำที่ไม่เป็นธรรมชาติ เพราะการที่เขื่อนปล่อยน้ำตามใจไม่ได้ทำให้เกิดผลกระทบเฉพาะการเดินเรือเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบทุกด้าน

ในส่วนความร่วมมือของกลุ่มนักอนุรักษ์ในลุ่มแม่น้ำโขง ทั้ง 8 จังหวัดที่ติดกับแม่น้ำโขงได้มีการยื่นหนังสือร่วมกับกลุ่ม กรรมาธิการแม่น้ำโขง หรือ MRC ซึ่งเป็นหน่วยงานของทางราชการแต่ละประเทศลุ่มแม่น้ำโขงได้รวมตัวกันเพื่อทำหนังสือถึงทางการจีนเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยน้ำจากเขื่อนเพื่อให้แม่น้ำโขงกลับมามีระบบนิเวศที่ดีเช่นเดิม

ทางด้าน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงเมื่อวันที่ 23 ก.พ.64 ที่ผ่านมาว่าสหรัฐ จะใช้ความร่วมมือในกรอบ Mekong- U.S. Partnership เพื่อส่งเสริมให้รัฐบาลและชุมชนท้องถิ่นในอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขงให้มีการพัฒนาอยางโปร่งใสตรวจสอบได้ โดยจะดำเนินการ Mekong Water Data Intiative และMekong Dam Monitor พร้อมกันนี้สหรัฐมีความกังวล เกี่ยวกับระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ลดลงอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับประเทศในอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง และกรรมาธิการแม่น้ำโขง หรือ MRC ร่วมกันเรียกร้องให้รัฐบาลจีนแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับน้ำในแม่น้ำโขงอย่างต่อเนื่อง และทันสมัย รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการน้ำของจีน ตลอดจนกระตุ้นให้จีนร่วมมือกับประเทศในอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขงมากขึ้น

นายจุรินทร์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าหมายการดำเนินงาน 3 ด้าน ของทูตพาณิชย์ทั้ง58 แห่งทั่วโลก หวังดันส่งออกไทยโต 4% ปี64

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าจากการที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์จัดทำเป้าหมายการดำเนินงานของทูตพาณิชย์ในการผลักดันการส่งออกปี 2564 ทั้งนี้มีเป้าหมายการดำเนินงานของทูตพาณิชย์ 3 ด้านเพื่อเร่งรัดการส่งออกให้เติบโต 4% ในปีนี้นั้น 

นายจุรินทร์ เห็นชอบให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้นำนโยบาย 14 แผนงานและทิศทางกระทรวงพาณิชย์ปี 2564 ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มาเป็นกรอบการกำหนดเป้าหมายของทูตพาณิชย์ 3 เป้าหมาย คือ 

เป้าหมายที่ 1 ด้านอัตราขยายตัวการส่งออกรายประเทศและรายสินค้าให้ขยายตัว 4% โดยทั่ว ทั้ง 58 แห่งใน 43 ประเทศทั่วโลก โดยประเมินเป้าหมายการส่งออกปี 2564 เป็นรายประเทศและรายสินค้าและหาหรือภาคเอกชนโดยเฉพาะสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมประเมินสถานการณ์การส่งออกของไทยทั้งนี้ภายหลังการหารือได้กำหนดเป้าหมายที่ร้อยละ4 สอดคล้องกับนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

เป้าหมายที่ 2 จำนวนผู้นำเข้าร่วมกิจกรรมของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สินค้าประเภทเกษตรและอาหาร เป้าหมาย 6.64% สินค้า New normal เป้าหมาย 6.81% กลุ่มแฟชั่น 2.36% กลุ่มอุตสาหกรรมหนัก 3. 76% ด้านธุรกิจและบริการ 103 ครั้ง 

เป้าหมายที่ 3 จำนวนกิจกรรมที่ร่วมกับแพลตฟอร์มพันธมิตรออนไลน์ E-Commetce Platform ในต่างประเทศรวม 65 ครั้ง เน้นตลาดอินเดีย สหรัฐอเมริกา อาเซียน และจีน โดยให้เป็นไปตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ภายใต้วิสัยทัศน์ "เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด" ที่ต้องการผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก 

"ทั้งนี้ให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เน้นเป้าหมายที่2 และ3ในการประเมินการดำเนินงานของทูตพาณิชย์ในปี 2564 เนื่องจากเห็นว่าเป็นปัจจัยสำเร็จในการขับเคลื่อนการขยายตัวการส่งออกนอกจากนี้ยังให้ทูตพาณิชย์และภาคเอกชนกำหนดเป้าหมายขับเคลื่อนการส่งออกของไทย Working Target ปี 2564 ขยายตัวที่ 4% อย่างไรก็ตามรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความเห็นชอบเป้าหมายการดำเนินงานทั้ง 3 ข้อพร้อมสั่งการให้เร่งรัดดำเนินงานให้ได้ประสิทธิภาพต่อไป " นางมัลลิกา กล่าว

‘ราเมศ’ ย้ำ! มติประชาธิปัตย์ เห็นชอบแก้รัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ทั้งพร้อมปฏิบัติตามศาลหากขัดรัฐธรรมนูญ ยืนยันมีข้อมูลครบถ้วน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค แถลงข่าวกรณีการพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านในวาระ 2 ไปแล้วว่า พรรคปชป.มีหลักในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มต้น ขอบคุณสมาชิกรัฐสภาได้มีมติให้ผ่านญัตติรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในวาระที่ 2 ซึ่งจะเห็นว่าในรายละเอียดแต่ละมาตราในการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 ได้มีการกลับไปใช้ร่างเดิม เช่น การใช้คะแนนเสียง 3 ใน 5 

ส่วนกรณีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร) ที่เพิ่มเติมมาเป็นหมวด 15/1 มีส.ส.ร 200 คนที่มาจากการเเลือกตั้งประชาชนโดยตรง ก็เป็นเรื่องดีที่ประชาชนได้มีส่วนร่วม เมื่อเข้าสู่วาระ 3 ที่จะมีการพิจารณาในวันที่ 17-18 มี.ค. พรรคปชป.ยังมีมติเห็นชอบในวาระ 3 ตามมติเดิมของพรรค 

ส่วนที่มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าการแก้ไขเพิ่มเติมขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น เราไม่กังวล หากศาลมีคำวินิจฉัยอย่างไรก็พร้อมปฏิบัติตาม ทั้งนี้ ในส่วนของการยื่นแก้ไขรายมาตรานั้น พรรคได้มีการเก็บข้อมูลว่ามาตราไหนไม่มีความเป็นประชาธิปไตย เรามีข้อมูลครบ ซึ่งต้องคุยกันในพรรครวมทั้งหารือกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อผลักดันต่อไป

ราเมศ ย้ำ! อำนาจปรับ ครม.เป็นของนายกฯ กรณี ถาวรหลุดเก้าอี้ รมช. คมนาคม ยันยังเป็นโควต้าของประชาธิปัตย์

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป.แถลงถึงกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า หลังจากที่นายถาวร เสนเนียม หลุดจาก รมช.คมนาคม ซึ่งอำนาจในการปรับ ครม.เป็นของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ซึ่งในขณะนี้นายกฯ ยังไม่มีการส่งสัญญาณมายังนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค โดยในส่วนของพรรคยังไม่ได้มีการหารือกันในเรื่องนี้ เพราะขณะนี้สมาชิกส่วนใหญ่ลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช จึงยังไม่ได้มีการพูดคุยกันว่าจะให้ใครมาแทนนายถาวร 

เมื่อถามว่ายังยืนยันว่าเป็นโควต้าของพรรค ปชป.หรือไม่ นายราเมศ กล่าวว่า หลักการยังเป็นไปตามเดิมที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) วางกรอบไว้ตั้งแต่ตั้งรัฐบาล ส่วนที่มี 3 ส.ส.ของพรรค โดยนายถาวรถูกพิพากษาจำคุกนั้น ยืนยันว่านายถาวรยังคงเป็นส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ ไม่เข้าลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 101 (13) เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เราก็จะสู้ข้อกฎหมายเต็มที่ ส่วนนายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร และนายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ถูกพิพากษาจำคุกและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี กระบวนการเดินไปตามรัฐธรรมนูญ เมื่อสภาฯ ส่งหนังสือไปให้กกต. ต้องรอให้กกต.วินิจฉัยความเป็นส.ส. หากมีสมาชิกล่ารายชื่อตามมาตรา 82 ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีดังกล่าวก็ถือเป็นสิทธิของสมาชิก

ศาลอุทธรณ์ยัน! ยังไม่ให้ประกันตัว 4 แกนนำม็อบราษฎร หลังทนายยื่นอุทธรณ์ เทียบเคียงคดี กปปส. ได้ประกันตัว

จากกรณีที่นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความได้ไปยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวกลุ่มแกนนำม็อบฯ ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม 4 แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร ที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่ได้รับการประกันตัว หลังถูกยื่นฟ้องคดีชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ในความผิดตาม ป.อาญา ม.112 ม.116 และข้อหาอื่น

ภายหลังจากที่อดีตอธิบดีการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยื่นขอปล่อยชั่วคราวไปเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เเละศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ประกันแกนนำ กปปส.จำนวน 8 คน ทำให้ทางทีมทนายความ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ กับพวก ไปยังศาลอุทธรณ์ เทียบเคียงในแต่ละประเด็นตามเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ประกันตัวคดีแกนนำ กปปส.นั้น

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์เฟซบุ๊กข้อความพร้อมภาพคำสั่งศาลอุทธรณ์ระบุว่า เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ศาลอุทธรณ์ได้พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับศาลอุทธรณ์เคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1-4 ในระหว่างพิจารณามาแล้วอีกครั้งเหตุตามคำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1-4 ในระหว่างพิจารณาคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

รองโฆษกรัฐบาล ยันวัคซีนโควิดถึงไทยตามกำหนดแน่! แต่ต้องผ่านการรับรองจากไทยก่อนนำไปฉีด พร้อมย้ำแม้ได้รับวัคซีนแล้วแต่ยังคงต้องปฏิบัติตมาตราการของ สธ.อยู่

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านไทยคู่ฟ้าพอดแคสต์เรื่องวัคซีนโควิด-19 ว่า เป็นข่าวดีที่ประเทศไทยได้รับวัคซีนล็อตแรกเร็วกว่ากำหนด เพื่อให้ทันต่อการระบาดของไทย โดยยืนยันว่าวัคซีนที่เหลือของแอสตร้าเซนเนก้า จะทยอยจัดส่งจากการผลิตของสยามไบโอไซน์ตามกำหนดการเดิมอย่างแน่นอน ทั้งนี้วัคซีนที่มาถึงประเทศไทยจะต้องผ่านการตรวจรับคุณภาพผ่านการรับรองรุ่นผลิตจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงจะสามารถกระจายวัคซีนไปยังประชาชนกลุ่มเป้าหมายแรกได้

รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า จากข้อมูลการศึกษาในปัจจุบัน รวมทั้งจากผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน ระบุตรงกันว่าแม้การฉีดวัคซีนจะเป็นการลดอาการรุนแรงของผู้ป่วยติดเชื้อ แต่ยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนว่าวัคซีนป้องกันการติดเชื้อและลดแพร่กระจายของเชื้อได้ดังนั้นประชาชนยังมีความจำเป็นจึงต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดต่อไป

กรมสรรพสามิต เล็งชะลอขึ้นภาษีน้ำหวาน จากเดิมกำหนดขึ้น 1 ตุลาคม 64 หวังช่วยผู้ประกอบการในยุคโควิด-19

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมชะลอการปรับขึ้นภาษีเครื่องดื่มที่มีความหวาน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากในวันที่ 1 ต.ค. 2564 จะครบกำหนดเวลาที่ต้องมีการปรับขึ้นภาษีความหวานรอบใหม่ จากระยะที่ 2 ไปสู่ระยะที่ 3 ซึ่งจะมีอัตราภาษีที่เพิ่มแบบก้าวกระโดด จนอาจกลายเป็นภาระให้กับผู้ประกอบการ และผู้บริโภค โดยที่ผ่านมาการเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีสารความหวาน ได้กำหนดอัตราภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 4 ระยะ ซึ่งปัจจุบันกำลังเก็บภาษีระยะที่ 2 ถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้

สำหรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มที่มีความหวาน ที่มีกำหนดเพิ่มขึ้นวันที่ 1 ต.ค.64 เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลไม่เกิน 6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร จะยังได้รับยกเว้นเก็บภาษีเหมือนเดิม ส่วนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 6 - 8 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจาก 0.10 บาทต่อลิตร เป็น 0.30 บาทต่อลิตร เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 8 - 10 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีเพิ่มขึ้นจาก 0.30บาทต่อลิตร เป็น 1 บาทต่อลิตร

เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 10-14 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีเพิ่มขึ้นจาก 1 บาทต่อลิตร เป็น 3 บาทต่อลิตร เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 14 - 18 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีเพิ่มขึ้นจาก 3 บาทต่อลิตร เป็น 5 บาทต่อลิตร ขณะที่เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเกิน18 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีเท่าเดิมที่ 5 บาทต่อลิตร

“กรมจะทบทวนดูว่าจะมีการชะลอขึ้นภาษีออกไปหรือไม่ โดยจะนำข้อมูลนำมาพิจารณารายละเอียดดูความเหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งยังไม่ได้ยืนยันว่าจะมีการเลื่อนออกไป หรือเลื่อนออกไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา”

รมว.แรงงาน จัดโครงการฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงาน ช่วยลดสถิติการประสบอันตรายจากการทำงาน เผยผลตอบรับดี นายจ้าง ลูกจ้างแห่ร่วมอบรมหวังสร้างการรับรู้มาตรการเชิงป้องกันความปลอดภัยในการทำงาน

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกคนทุกกลุ่มต้องได้รับสวัสดิการและการคุ้มครองตามกฎหมาย เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งมีความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

จึงได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานดำเนินการจัดฝึกอบรมให้แก่หน่วยงานฝึกอบรมที่ได้รับอนุญาตจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นผู้จัดฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานให้แก่ผู้ใช้แรงงานโดยไม่เรียกเก็บค่าบริการ ระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม 2564 หลักสูตรความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตามกฎหมาย ซึ่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน รับผิดชอบดำเนินการภายใต้แนวคิดชื่อ “ฝึกฟรี มีทักษะ ชนะอุบัติภัย ใส่ใจแรงงาน”

สำหรับหลักสูตรดังกล่าว ได้แก่ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับบริหาร ระดับหัวหน้างาน ระดับเทคนิค คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน  การทำงานในที่อับอากาศ ดับเพลิงขั้นต้น ฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ เป็นต้น ซึ่งมีหน่วยงานฝึกอบรมสมัครเข้าร่วมจำนวน 207 หน่วยงาน แบ่งเป็น หน่วยงานภาคเอกชน จำนวน 70 หน่วยงาน และหน่วยงานภาคราชการ จำนวน 137 หน่วยงาน อบรมให้แก่ผู้ใช้แรงงาน จำนวน 15,007 คน โดยไม่เรียกเก็บค่าบริการ สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการอบรมหลักสูตรตามที่กฎหมายกำหนด จำนวน 17,597,500 บาท

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากรายงานของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานถึงความคืบหน้าการจัดฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานให้แก่ผู้ใช้แรงงานปรากฎว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 64 มีหน่วยฝึกอบรมดำเนินการจัดฝึกอบรมแล้ว จำนวน 36 หน่วยงาน ประกอบด้วย หน่วยงานภาคเอกชน จำนวน 14 หน่วยงาน และหน่วยงานภาคราชการ จำนวน 22 หน่วยงานให้แก่ผู้ใช้แรงงาน จำนวน 2,880 คน โดยไม่เรียกเก็บค่าบริการ สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการอบรมหลักสูตรตามกฎหมายกำหนด จำนวน 611,000 บาท

นายรุจน์ เฉลยไตร เครือข่ายชมรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานพระนคร ร่วมกับบริษัท เพอร์เฟค เซฟตี้เทรนนิ่ง แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด เป็นหน่วยฝึกอบรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการอบรม หลักสูตรเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน และระดับบริหาร เห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้แรงงาน ซึ่งทางบริษัทฯ ยินดีที่จะร่วมโครงการฯ โดยไม่คิดค่าบริการ เพื่อร่วมกันลดสถิติการประสบอันตรายจากการทำงาน และเพื่อสร้างการรับรู้มาตรการเชิงป้องกันความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งโครงการนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้แรงงาน

ด้าน นายไชยา ใจบำรุง รองผู้จัดการบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกหาดใหญ่ ในนามตัวแทนผู้บริหารของสถานประกอบกิจการในจังหวัดสงขลา จำนวน 30 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการฯ หลักสูตร “ความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ” รุ่นที่ 1 สำหรับผู้อนุญาต กล่าวว่า เห็นด้วยกับการจัดโครงการฯ ฝึกอบรมด้านความปลอดภัยในการทำงาน ให้แก่ผู้ใช้แรงงาน ต้องขอขอบคุณรัฐบาล กระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และบริษัท เซ้าเทอร์น เซฟตี้ จำกัด ที่เล็งเห็นความสำคัญของงานด้านความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ ซึ่งแต่ละปีมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก อีกทั้งบริษัทฯ จัดฝึกอบรมยังสละเวลาพร้อมทรัพยากรอันมีค่าต่างๆ ที่ใช้สำหรับฝึกอบรมโดยไม่คิดค่าบริการ และถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสถานประกอบกิจการที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้ ผมหวังว่ากระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จะมีโครงการดีๆ ในรูปแบบนี้อีกในปีต่อๆ ไป

ขณะที่ นายธนยศ สว่างไสว พนักงาน บริษัท รักษาความปลอดภัย ดีเอสเอส จำกัด ในนามตัวแทนผู้เข้าฝึกอบรมหลักสูตร “การอบรมดับเพลิงขั้นต้น” และหลักสูตร “การฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ” กล่าวว่า ขอขอบคุณ รัฐบาลกระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และห้างหุ้นส่วนจำกัด เอที เซล เซอร์วิส แอนด์ เทรนนิ่ง ที่ร่วมกันจัดฝึกอบรม ฟรี แก่ผู้ใช้แรงงาน เพื่อนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไปใช้ในการป้องกันและระงับอัคคีภัยกรณีที่เกิดขึ้นในสถานประกอบกิจการ ผู้ใช้แรงงานไม่บาดเจ็บและเสียชีวิต ทรัพย์สินของสถานประกอบกิจการไม่เสียหาย ทั้งนี้ ผมในนามตัวแทน ผู้เข้าฝึกอบรมขอสัญญาว่า จะนำความรู้ที่ได้จากท่านวิทยากรไปใช้ในการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความปลอดภัยในการทำงานให้กับสถานประกอบกิจการของตนเองต่อไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาล และกระทรวงแรงงาน จะจัดโครงการฝึกอบรมที่เป็นประโยชน์เช่นนี้ให้แก่ผู้ใช้แรงงานในปีต่อไปอีก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top