Tuesday, 1 July 2025
NEWS

ครม.อนุมัติร่างพรฎ.เวนคืนที่ดินใน จ.ศรีสะเกษ-ขยายทางหลวงแผ่นดิน เป็น 4 ช่องจราจร

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลจานใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ ตำบลเสียวและตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2085 และ 2178 สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24-อุบลราชธานี(บ้านน้ำเกลี้ยง) จังหวัดศรีสะเกษ รวมระยะทาง 10.815 กิโลเมตร วงเงินการก่อสร้าง 278 ล้านบาท  มีปริมาณทรัพย์สินที่ต้องจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินประกอบด้วย ที่ดินประมาณ 105 แปลง สิ่งปลูกสร้างประมาณ 94 ราย และต้นไม้ยืนต้นประมาณ 47 ราย และค่าเสียหายอื่น ๆ และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด รวมค่าทดแทนในการเวนคืนเป็นเงิน 52,428,250 บาท  ซึ่งกรมทางหลวงได้จัดรับฟังความคิดเห็นของผู้ได้รับผลกระทบกับโครงการดังกล่าวแล้ว ผลการรับฟังโดยรวมประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ระบุเหตุผลของการจัดทำโครงการขยายทางหลวงครั้งนี้ว่า เนื่องจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2085 และ 2178 สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24-อุบลราชธานี (บ้านน้ำเกลี้ยง) จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างอำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กับจังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันยังเป็นทางหลวงขนาด 2 ช่องจราจร ที่มีปริมาณจราจรหนาแน่น ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงจำเป็นต้องขยายให้เป็น 4 ช่องจราจร เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร ลดอุบัติเหตุ สนับสนุนการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ และเพิ่มศักยภาพขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืนเพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่ง

ครม.รับทราบ ทส. แจง คืบ ป้องกัน แก้ไขปัญหาฝุ่นละออง จากไฟป่า-เผาที่โล่ง ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากไฟป่าและการเผาในที่โล่ง ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือปี 2564 โดยสถานการณ์ในภาพรวมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-18เมษายน พ.ศ.2564 พบจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือจำนวน 58,769 จุด ลดลงจากปี 2563 ที่พบจุดความร้อนสะสมจำนวน 122,687 จุดในช่วงเวลาเดียวกัน หรือลดลงร้อยละ 52 

โดยจังหวัดที่พบจุดความร้อนสูงสุดได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน 11,376 จุด, เชียงใหม่ 7,620 จุด, ตาก 7,253 จุด, ลำปาง 5,716 จุดและเพชรบูรณ์ 4,355 จุด เมื่อแยกตามการใช้ประโยชน์ที่ดินพบจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ร้อยละ 43,ป่าสงวนแห่งชาติร้อยละ 37, พื้นที่เกษตรร้อยละ15, พื้นที่ชุมชนร้อยละ 4 พื้นที่ริมทางร้อยละ 1

สำหรับปริมาณฝุ่น PM2.5 พบว่าค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุดเท่ากับ 402 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่อยู่ที่ 366 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 โดยมีวันที่ฝุ่นPM2.5 เกินมาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรมีจำนวน 96 วัน ลดลงจากปี 2563 ที่มีจำนวน 105 วัน หรือลดลงร้อยละ 9  

ขณะที่สถานการณ์หมอกควันข้ามแดนพบจุดความร้อนสูงสุดในเมียนมา 577,562 จุด, กัมพูชา 307,319 จุด, ไทย 189,637 จุด, ลาว 180,073 จุด และเวียดนาม 61,702 จุด ซึ่งจากการที่พบจุดความร้อนจำนวนมากในเดือนมกราคม-เมษายน พ.ศ.2564 ทำให้จังหวัดภาคเหนือที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันข้ามแดน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน และตาก

ในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา จังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้เร่งดำเนินการตามแผนเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง 12 มาตรการ จัดทำและดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากไฟป่าและการเผาในที่โล่งพื้นที่ภาคเหนือปี 2564 ระดับจังหวัด จัดตั้งศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองและจัดประชุมอย่างต่อเนื่องเพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนในพื้นที่ในการรับมือสถานการณ์ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการสถานการณ์ จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบเพื่อรณรงค์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกและการรายงานข้อมูลผลการดำเนินงานให้สาธารณชนได้รับทราบเป็นประจำทุกวัน จัดฝึกอบรมเสริมบทบาทชุมชน เครือข่ายภาคประชาชนและจิตอาสาเพื่อร่วมเป็นชุดปฏิบัติการระดับหมู่บ้านในการลาดตระเวน เฝ้าระวัง และดับไฟป่า จัดทำแผนงานด้านสาธารณสุขเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ

ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร ประกอบด้วย โครงการบริหารจัดการเชื้อเพลิง “ชิงเก็บ ลดเผา” ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อเก็บขนเชื้อเพลิงจากป่าออกมาใช้ประโยชน์ เป็นการลดการเกิดไฟป่า และได้พัฒนาแอปพลิเคชันบริหารการเผาในที่โล่ง (Burn Check) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมทดสอบการใช้งาน 

และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันส่วนหน้าในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อกำกับการควบคุมและดับไฟป่า รวมทั้งได้ประสานงานประเทศเพื่อนบ้านและรายงานผลการดำเนินงานกับสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อขอให้เร่งรัดควบคุมการเผาในที่โล่งตามกลไกของข้อตกลงอาเซียน และได้ยกระดับการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกัน ฝุ่นละอองจากไฟป่าและการเผาในที่โล่ง โดยกำหนดให้เดือนเมษายนเป็นเดือนเฝ้าระวังพิเศษ โดยเฉพาะในจังหวัดที่พบจุดความร้อนสูง

รถไฟฟ้าสายสีแดงเตรียมเปิดบริการฟรี ก.ค.นี้ 

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. รับทราบความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อตลิ่งชันจะเปิดให้ประชาชนใช้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีเปิด ก่อนที่จะเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้  ซึ่งค่าโดยสารของรถไฟชานเมืองสายสีแดงเริ่มต้นที่ 12 บาท และสูงสุดราคา 42 บาท ถือเป็นราคาที่ถูกที่สุดในการเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้า

ทั้งนี้ในอนาคตโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง จะต่อขยายเส้นทางเพื่อเติมเต็มโครงข่ายทางรางยกระดับจากกรุงเทพฯ ไปสู่ปริมณฑล ด้วยส่วนต่อขยาย 4 เส้นทาง ประกอบด้วย

-โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

-โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา

-โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช

-โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ- หัวลำโพง และช่วงบางซื่อ-หัวหมาก 

โดยมีสถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์กลางระบบรางแห่งใหม่ของไทยที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายระบบรางทุกรูปแบบ ทั้งรถไฟชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน รถไฟทางไกล และรถไฟความเร็วสูง สู่ทุกภูมิภาคของประเทศ และพื้นที่รอบสถานีกลางบางซื่อ 2,325 ไร่ จะพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งหมด 9 แปลง โดยมี 5 แปลงที่มีความพร้อมและไม่เกี่ยวข้องกับการเดินรถ

ขณะที่สถานีหัวลำโพง การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ปรับลดจำนวนขบวนรถจาก 118 ขบวนเหลือ 22 ขบวนต่อวัน เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาจราจรในเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่าน โดยเมื่อดำเนินการช่วงต่อขยายเสร็จแล้ว จะทำให้ขบวนรถทั้งหมดวิ่งเข้าสู่สถานีบางซื่อได้ 100%  ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาจราจรติดขัดบริเวณจุดตัดเสมอระดับทางในเมืองได้

ประกันสังคม แจง ศาลพิพากษาดำเนินคดีเอาผิด Facebook รับแลก ม.33เรารักกัน เป็นเงินสด ลงโทษทั้งจำทั้งปรับ พร้อมรอลงอาญา 2 ปี

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 และนางสาวลัดดา แซ่ลี้ ผู้อำนวยการ สำนักสิทธิประโยชน์ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานประกันสังคม ร่วมแถลงข่าวผ่าน Facebook สำนักงานประกันสังคม เกี่ยวกับผลการดำเนินคดีของศาลพิพากษาผู้กระทำผิดเงื่อนไข โครงการ ม.33เรารักกัน จำนวน 7 ราย พร้อมลงโทษทั้งจำทั้งปรับ พร้อมรอลงอาญา 2 ปี

นางสาวลัดดา แซ่ลี้ ผู้อำนวยการสำนักสิทธิประโยชน์ ในฐานะรองโฆษกสำนักงาน ประกันสังคม เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงแรงงานภายใต้กำกับดูแลของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีนโยบายช่วยเหลือเยียวยา แบ่งเบาภาระค่าครองชีพ และลดผลกระทบของผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 รอบที่แล้ว และได้มอบหมายกระทรวงแรงงาน โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จัดทำโครงการ ม.33เรารักกัน ให้ผู้ประกันตน ได้รับสิทธิคนละ 4,000 บาทต่อคน ให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ด้วยวิธีการโอนวงเงินผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการกับผู้ประกอบการ/ร้านค้า/บริการ ที่ได้รับอนุญาตเข้าร่วมโครงการ ม33เรารักกัน ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม พ.ศ.2564 ซึ่งจากการตรวจสอบติดตามการใช้สิทธิดังกล่าวของสำนักงานประกันสังคม ซึ่งได้ตรวจสอบข้อมูลจากสื่อโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มต่าง ๆ กลับพบเบาะแสว่ามีผู้ใช้งานบัญชี ในแอปพลิเคชั่น ประกาศเชิญชวนรับซื้อขายสิทธิโครงการ ม.33เรารักกัน เป็นเงินสด โดยไม่มีการซื้อขายสินค้า หรือบริการกันจริง ซึ่งเป็นกระทำโดยทุจริตผิดเงื่อนไขของโครงการ ผมจึงได้มอบนโยบายให้สำนักงานประกันสังคมดำเนินคดีกับผู้ทุจริตผิดเงื่อนไขของโครงการ ม.33เรารักกัน อย่างเด็ดขาด
          
โดยเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมทีมกฎหมายสำนักงานประกันสังคม เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ณ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี อาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารพระชนมพรรษา 60 พรรษา จังหวัดนนทบุรี เพื่อดำเนินคดี กลุ่มผู้ต้องหาทุจริตโครงการ ม33เรารักกัน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้รับการประสานความร่วมมือจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการสั่งการ โดยพลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจโทปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจโทกรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และพลตำรวจตรีภาณุมาศ บุญญลักษม์ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยสั่งการให้ พลตำรวจตรีรณชัย จินดามุข ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1, พลตำรวจตรีออมสิน ตรารุ่งเรือง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด โดยประสาน .ความร่วมมือกับสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ได้ทำการสืบสวน ทางสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานการกระทำผิด และสามารถระบุตัวผู้กระทำความผิด
         
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2564 ทีมกฎหมายของสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้สืบสวนสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในการดำเนินคดีร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ ความรับผิดชอบของสถานีตำรวจนครบาลบางเขน และได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับบุคคล ซึ่งได้ประกาศโฆษณารับแลกเงินสด โครงการ ม.33เรารักกัน และดำเนินการรับซื้อขายสิทธิจากผู้ประกันตน ม.33 รับแลกเป็นเงินสดแต่ไม่มีการซื้อขายสินค้าหรือบริการกันจริง จำนวน 7 ราย วันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2564 สำนักงานประกันสังคม ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่กระทำการโดยทุจริตผิดเงื่อนไขของโครงการ ม.33เรารักกัน ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้รับแจ้งไว้แล้วตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ลำดับที่ 14 ลงวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2564 เวลา 14.30 น. โดยมีพันตำรวจโทอนิรุทธิ์ พูลสวัสดิ์ สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีผลการสืบสวน

ปรากฏว่า กลุ่มผู้กระทำผิดทั้ง 7 รายนี้ มีพฤติการณ์เป็นร้านค้าที่ร่วมโครงการฯ ประกาศชักชวนผ่านแอปพลิเคชั่น Facebook เชิญชวนผู้มีสิทธิให้นำสิทธิผู้ประกันตนมาแลกสิทธิเป็นเงินสดแทนการซื้อของจากร้านค้า ซึ่งเป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์ถือเป็นการทุจริตโครงการม.33เรารักกัน และมีผู้หลงเชื่อกลุ่มผู้ต้องหาจำนวนมาก ซึ่งเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา มีผู้ต้องหามาพบ 3 ราย ตามหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 2 พนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก ไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และโทษทางอาญาอื่น ๆ และในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2564 พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาซึ่งให้การรับสารภาพจำนวน 3 ราย ไปยังศาลแขวงพระนครเหนือเพื่อให้พนักงานอัยการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาต่อศาล ผลคดี ศาลพิพากษาลงโทษ จำคุก 1 เดือน ปรับ 1,000 บาท โดยให้รอลงอาญาโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ให้คืนเงิน 500 บาท แก่ผู้เสียหายส่วนผู้ต้องหาอีก 4 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
  
ในการนี้ นางสาวลัดดา กล่าวในตอนท้ายว่า นายสุชาติ ชมกลิ่ม รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงแรงงาน ยังได้ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกันตนที่มีสิทธิตามโครงการ ม.33เรารักกัน ขออย่าได้หลงเชื่อการประกาศเชิญชวนรับแลกสิทธิ โดยไม่ได้มีการซื้อสินค้าหรือบริการจริงในร้านค้า ที่ได้รับอนุญาต เพราะอาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการผิดวัตถุประสงค์ของโครงการฯ และอาจจะตกเป็นเหยื่อร้านค้า ที่เป็นมิจฉาชีพหลอกแลกสิทธิให้โอนเงินซื้อสิทธิ โดยอาจจะไม่ได้รับเงินจากร้านค้าที่เป็นมิจฉาชีพ ในกรณีร้านค้าที่กระทำผิดจะได้รับโทษ ทางอาญาจำคุกและปรับ ในส่วนของเจ้าของสิทธิที่นำสิทธิไปแลก ตามคำเชิญชวนของร้านค้า อาจเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” อีกด้วย

กระทรวงแรงงาน แนะนายจ้างและคนต่างด้าวอย่าตื่นตระหนก หมั่นติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างต่อเนื่อง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยผลการดำเนินการตามมติครม.วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2563 หลังขยายเวลาตรวจโควิด-19 และตรวจอัตลักษณ์ ถึง 16 มิ.ย. 64 พบต่างด้าวผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้ว 409,672 คน จัดเก็บอัตลักษณ์บุคคลแล้ว 480,366 คน พร้อมย้ำไม่ต้องกังวล ขอให้ติดตามข่าวสารจากกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำรัฐบาล ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าวในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างมาก ได้กำชับให้กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงหลักในการบริหารจัดการให้แรงงานต่างด้าวด้าว 3 สัญชาติตาม มติครม.วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2563 ดำเนินการขอรับใบอนุญาตทำงานและทำบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติให้ทันภายในกำหนด 

ซึ่งเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2564 ครม.ได้มีมติเห็นชอบขยายเวลา ตรวจโควิด-19 และตรวจอัตลักษณ์บุคคล จนถึงวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2564 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ พร้อมทั้งยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานกับกรมการจัดหางานตามกำหนดเดิม (วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2564) เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี กระทรวงแรงงานเข้าใจถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดปัจจุบันที่มีความรุนแรง และการระงับการให้บริการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ ขอให้นายจ้าง/สถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าว อย่าเพิ่งกังวลใจ และติดตามข่าวสารจากกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ลืมป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาด หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด

“ข้อมูล ณ วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2564 พบแรงงานต่างด้าวผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้ว 409,672 คน หรือร้อยละ 62.56 และผ่านการจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล (Biometrics) แล้ว 480,366 คน หรือร้อยละ 73.35 จากคนต่างด้าวที่ลงทะเบียนทั้งสิ้น จำนวน 654,864 คน อย่างไรก็ดีด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดปัจจุบัน บุคลากรทางการแพทย์ และโรงพยาบาลต้องทำงานอย่างหนัก จึงขอให้นายจ้าง/สถานประกอบการที่ต้องการพาคนต่างด้าวตรวจคัดกรองโควิด-19 และซื้อประกันสุขภาพกับสถานพยาบาลของรัฐ นัดหมายกับทางโรงพยาบาลก่อนเข้ารับบริการ เพื่อประหยัดเวลาเดินทาง หลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรค และทราบแนวทางการปฏิบัติที่โรงพยาบาลกำหนด ซึ่งอาจแตกต่างกันตามมาตรการควบคุมโรคของสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ล่าสุดกรมการจัดหางานได้รับการประสานว่า สถานพยาบาลในกรุงเทพมหานคร งดตรวจโควิด-19 แก่แรงงานต่างด้าว เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกที่ 3 และได้รับการประสานจากกรมการปกครองและกรุงเทพมหานคร แจ้งงดให้บริการจัดทำและปรับปรุงทะเบียนประวัติบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. 64 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จะคลี่คลายลง สำหรับการจัดเก็บอัตลักษณ์กับกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง สามารถจองคิวออนไลน์ที่ www.IMMBKKLABOUR.com และดำเนินการเก็บอัตลักษณ์บุคคลที่ศูนย์ตลาดสดสี่แยกหนอกจอก และยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานทางระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ e-workpermit.doe.go.th กับกรมการจัดหางานต่อไป

ในส่วนของจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ ขอให้นายจ้าง/สถานประกอบการ ติดตามข่าวสาร และปฏิบัติตามมาตรการที่หน่วยงานในพื้นที่กำหนด รวมถึงดูแลให้แรงงานต่างด้าวปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดในสถานประกอบการ และเพื่อความปลอดภัยของแรงงานต่างด้าวเอง เช่น สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่ทำงาน หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ หมั่นล้างมือ หรือทำความสะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่างระหว่างกัน หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกัน ทำความสะอาด เช็ดถูพื้นผิววัสดุอุปกรณ์ ที่มีการใช้ร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ

“ทั้งนี้หากนายจ้าง/สถานประกอบการ และคนต่างด้าว มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่ไลน์ @Service_Workpermit หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694 ซึ่งมีการจัดล่ามในภาษากัมพูชา เมียนมา และอังกฤษ ให้บริการข้อมูลข่าวสาร และแนะนำวิธีการดำเนินการ” นายไพโรจน์ฯ กล่าว

“เสกสกล" ได้ใจ ตะเพิด “รังสิมันต์-ปิยะบุตร” พ้นเมืองไทย อย่าอยู่ให้หนักแผ่นดินไทย

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อปรากฎการณ์ “ย้ายประเทศกันเถอะ” ว่า เป็นสิทธิ์ที่จะแสดงกิจกรรม และคงห้ามไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องคนที่ไม่อยากอยู่ในประเทศเกิดตัวเอง แต่เรื่องนี้จะไปเข้าทางนักการเมืองน้ำเน่าหรือพวกฝ่ายแค้นรัฐบาล ที่ชอบหากินทางการเมืองโดยการโหนกระแสโจมตีรัฐบาล หากใครมองว่าประเทศไทยอยู่ไม่ได้ อยากไปอยู่ต่างประเทศ ขอให้ประสบความสำเร็จ ส่วนคนที่อยากอยู่ในแผ่นดินไทยบ้านเกิดตนเองอย่างมีความสุขยังมีมหาศาล และมั่นใจว่าในประเทศไทยยังมีผู้มีความรู้ความสามารถ ที่รักบ้านเกิดรักประเทศ อยากทุ่มเททำงานขับเคลื่อนพัฒนาประเทศไปข้างหน้าให้เจริญรุ่งเรือง ขณะที่คนไม่เห็นคุณค่าแผ่นดินบ้านเกิด อกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และเป็นคนเนรคุณต่อแผ่นดินถิ่นเกิดคงพอรู้กันอยู่ว่ามีใครบ้าง ที่เป็นแกนนำหลักชอบสนับสนุนกลุ่มม็อบสามนิ้ว และสนับสนุนพวกม็อบจาบจ้วง ก้าวล่วงล้มล้างสถาบัน 

นายเสกกสกล กล่าวว่า แม้นายกรัฐมนตรี รัฐบาล มีเจตนาที่ดีบริหารงานได้ดีและพัฒนาประเทศมากเพียงใด ผู้ที่เห็นต่างก็ไม่ชอบและไม่สนับสนุน ดังนั้นให้ไปอยู่ที่ประเทศอื่น น่าจะเป็นทางออกที่ดีให้ผู้เห็นต่างจะได้สบายใจ และออกไปจริงๆไม่ใช่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น และมองว่าหากประเทศไทย ไม่ดีจริง คนที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศทั้งนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ คงไม่อยากกลับมาอยู่บ้านเกิดของตัวเอง ชาวต่างชาติหลายคนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย ไม่อยากจะกลับบ้านเมืองตัวเอง เช่น โค้ช เช ยอง ซอก ผู้ฝึกสอนเทควันโด้ชาวเกาหลี  ที่ยื่นขอเปลี่ยนสัญชาติเป็นชาวไทย

“นักการเมืองคนไทยบางคน อาทิ นายรังสิมันต์ นายปิยะบุตร แสงกนกกุล พวกชังชาติทั้งหลาย ที่มีภรรยาเป็นชาวต่างชาติ และอาศัยประเทศไทยอยู่ ไปสนับสนุนกิจกรรมนี้ คงอยากไปอยู่ต่างประเทศ หากไม่อยากอยู่จริง รับไม่ได้กับผู้นำประเทศ และประเทศไทย ให้ไปอยู่ที่อื่นและพาภรรยาชาวต่างชาติไปด้วย รีบไปเร็วๆยิ่งไปเร็ว จะทำให้คนไทยมีความสุขสบายใจแผ่นดินไทยจะได้สูงขึ้น ถ้านายรังสิมันต์ และนายปิยบุตร ยังอยู่ มีแต่จะคอยถ่วงความเจริญ  เพราะคนประเภทนี้ที่ชอบสร้างความเดือดร้อนสร้าง ความวุ่นวายให้บ้านเมือง มีแนวคิดสนับสนุนพวกม็อบสามนิ้วก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบัน"

หวั่นเจอทัวร์ตุ๋นหลอกพาไปฉีดวัคซีนเมืองนอก

กรมการท่องเที่ยว แจ้งว่า หลังพบข้อมูลข่าวเผยแพร่บนสื่อออนไลน์ กรณีบริษัทนำเที่ยวเปิดขายทัวร์พร้อมฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศ หรือเรียกว่า "วัคซีนทัวร์" ซึ่งนำเสนอรายการนำเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ แต่ดึงดูดความสนใจของประชาชนด้วยการพาไปฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยรายการนำเที่ยวลักษณะนี้เริ่มมีแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักเน้นไปที่ประชาชนที่มีกำลังซื้อสูง สามารถเดินทางไปฉีดวัคซีนในต่างประเทศได้ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากขึ้น เพราะต้องปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลไทยและข้อกำหนดของประเทศปลายทาง

ทั้งนี้กรมฯ มีความเป็นห่วงถึงเรื่องดังกล่าว โดยประชาชนที่สนใจรายการนำเที่ยวในรูปแบบวัคซีนทัวร์ขณะนี้ ควรตรวจสอบและพิจารณาข้อมูลให้ครอบคลุมทุกด้านก่อนตัดสินใจซื้อทัวร์ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยต้องตรวจสอบการมีใบอนุญาตของบริษัทนำเที่ยวที่เว็บไซต์กรมการท่องเที่ยว www.dot.go.th เช็กประวัติการร้องเรียนบริษัทนำเที่ยว การซื้อทัวร์เป็นการจ่ายเงินซื้อบริการล่วงหน้า ให้พิจารณาความเป็นไปได้ของการเดินทางทุกครั้ง และติดตามสถานการณ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งการซื้อทัวร์ที่ราคาต่ำกว่าทุน 

พร้อมทั้งเก็บหลักฐานต่าง ๆ เช่น ใบเสร็จรับเงิน แผนการเดินทาง หากมีกรณีร้องเรียน ตรวจสอบการอนุญาตเดินทางระหว่างประเทศว่า มีมาตรการกักตัวก่อนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศปลายทางอย่างไร สำหรับประเทศไทยยังคงมาตรการกักตัวผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ 14 วัน ติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในต่างประเทศก่อนตัดสินใจซื้อทัวร์ได้ที่ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

“จตุพร” ขยี้ “ประยุทธ์” ทุกดอกผิดพลาด ขย่มหนักเป็นผู้นำไม่เคยมีแววการบริหารจัดการ ยิ่งโควิดระบาดรุนแรงมองเห็นภาวะนักปกครองเลอะเทอะไปกันใหญ่ ตั้งตัวเองเป็น “ผอ.แก้ไขโควิด กทม-ปริมณฑล” แสดงถึงไม่เป็นงาน

“จตุพร” ขยี้ “ประยุทธ์” ทุกดอกผิดพลาด ขย่มหนักเป็นผู้นำไม่เคยมีแววการบริหารจัดการ ยิ่งโควิดระบาดรุนแรงมองเห็นภาวะนักปกครองเลอะเทอะไปกันใหญ่ ตั้งตัวเองเป็น “ผอ.แก้ไขโควิด กทม-ปริมณฑล” แสดงถึงไม่เป็นงาน ถามอีกจัดการโควิดไม่เป็นทำไมไม่เข้าเฝ้าฯ เผย “จาตุรนต์-หมอสุรพงษ์” ร่วมเวทีไทยไม่ทนออนไลน์วันอาทิตย์นี้

เมื่อ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk ในหัวข้อ “หนึ่งไป ล้านอยู่" ซึ่งสะท้อนถึงการรวมพลังไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากนายกรัฐมนตรี จะเหมาะสมและได้ประโยชน์กว่าการให้คนลงชื่อเฉียดล้านคน ที่แสดงอารมณ์ประชดประชันอยากย้ายประเทศต้องออกจากประเทศไทยไป 

นายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันกรณีการแพร่ระบาดโควิดเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงประยุทธ์ บริหารไม่เป็นอย่างได้รูปธรรมจริงๆ และไม่จำเป็นต้องตั้งตัวเองเป็น "ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 กรุงเทพฯ และปริมณฑล" ทั้งที่ได้เป็นผู้นำทั้งประเทศอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อต้องการคุมอำนาจทั้งมหภาคและจุลภาคแล้ว มันชักยิ่งเลอะเทอะไปใหญ่ และทำให้รู้ว่าบริหารไม่เป็น  

ส่วนการแพร่ระบาดโควิดในชุมชนคลองเตยนั้น การจัดการต้องมาพร้อมการเยียวยา แต่การฉีดวัคซีนควนเน้นเฉพาะคนที่ยังไม่ติดเชื้อ กรณีคนติดเชื้อโควิดแล้ว ต้องนำตัวไปรักษา อีกอย่าง การบริหาร ประเทศนั้น ประยุทธ์ ไม่ควรมาคิดเล็กคิดน้อย แต่ควรเป็นนักบริหารที่คิดสิ่งใหญ่ ๆ เช่นผู้นำต้องพึ่งจะเป็นในการบริหารประเทศ 

"ที่ผมต้องวิจารณ์ประยุทธ์ เพราะผมไม่มีหน้าที่ทำ จึงต้องพูด ส่วนประยุทธ์มีหน้าที่ทำ ก็ต้องทำ ถ้าไม่อยากทำก็ออกไป อีกทั้ง สิ่งที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ขณะนี้คือ กระแสการย้ายประเทศที่มีคนเฉียดล้านลงชื่อด้วยอารมณ์ประชดประชัน แต่การเอาคนหนึ่งคนออกไป มันง่ายกว่าคนล้านคนออกจาก ประเทศ แต่การเรียกร้องอะไรจากประยุทธ์ มันยากมาก เนื่องจากคนที่นั่งบริหารอย่างประยุทธ์ ไม่มีอะไรฉายแววออกมาในด้านดีเลย จึงสมควรต้องออกไป” 

นายจตุพร ย้ำว่า อาการแสดงออกอยากย้ายประทศนั้น เป็นเพียงต้องการบอกกล่าวถึงในสิ่งที่ประยุทธ์ ทำ ว่าทำให้ประเทศสิ้นอนาคตอย่างไร ซึ่งบ้านเมืองพินาศหมดแล้ว แล้วประยุทธ์ ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรบ้างในการทำให้ประเทศกลายเป็นรัฐล้มเหลว  

นอกจากนี้ การบริหารจัดการฉีดวัคซีนยังเป็นเรื่องอันยากลำบากของประยุทธ์ เลย แทนที่จะบริหารทำงานกันอย่างง่ายๆ ดูตัวอย่างของเมืองอูฮั่นแหล่งแพร่ระบาดเชื้อโควิด ยังคุมสถานการณ์ได้ และไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยด้วย แต่คนบริหารแบบกาก ๆ ในไทย กลับมานั่งขี้โม คุยโวไปวัน ๆ พร้อมโยนความผิดให้คนอื่น 

“เอาแค่เรื่องง่ายๆคือ ทำไมไม่เข้าเฝ้าถวายรายงานต่อในหลวง อธิบายเหตุผลมาสักข้อหน่อย ว่าทำไม ไม่กล้าหรืออย่างไร การไม่เข้าเฝ้าฯบางเรื่องยิ่งทำให้สถาบันเสียหาย ดังนั้นประยุทธ์ ทำไม่เข้าท่าเลย ซึ่งผมจะทวงทุกวัน จนกว่าประยุทธ์จะเข้าเฝ้าฯ” 

อีกทั้ง ในสถานการณ์ขณะนี้ ประยุทธ์ ต้องรู้ตัวเองดีที่สุด ถ้าฟังแต่พวกสอพลอแล้ว จะได้รับรายงานแต่สิ่งที่ประยุทธ์ อยากฟัง ซึ่งไม่ตรงความจริง ไม่ตรงกับความเดือดร้อนของประชาชนเลย 

“อย่าเอามือปิดแผ่นฟ้า เมื่อไม่ลาออก ไม่แสดงความรับผิดชอบ และยังแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วมันจะอย่างไงต่อดีละประยุทธ์ บอกมาหน่อย ผมอยากจะบอกว่า ถ้าบ้านเมืองไม่มีปัญหาแล้ว คุณจะคิดแบบเช้าชามเย็นชามไม่มีใครว่า แต่สถานการณ์มันวิกฤตกลับไม่มีความคิดทำอะไรเลย หลับหูหลับตาคุยโวถึงความสำเร็จ แล้วพวกสอพลอก็เอาแต่อวยกันหนักขึ้น” 

นายจตุพร สงสัยว่า ทำไมคนไทยทนกันได้มา 7 ปี ดังนั้น ตนจึงเรียกร้องว่า ประยุทธ์ ในสถานการณ์นี้เมื่อไม่ฉายแววแก้ปัญหาชาติอย่างเป็นรูปธรรมตามที่ควรจะเป็น ขณะเดียวกันกลับยิ่งทำให้วิกฤตโควิดหนักไปเรื่อย ๆ การบริหารของผู้นำที่ไม่มีบทเรียนจะยิ่งพาประเทศพัง จึงไม่สมควรจะได้ปกครองต่อไป 

บัดนี้ เราต้องทำความเห็นขับไล่ประยุท์ให้เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งประเทศ ดังนั้น เสาร์-อาทิตย์นี้ โดยเฉพาะวันอาทิตย์ จะมีพี่น้องมาร่วมหลายคน มีนายจาตุรนต์ ฉายแสง, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี มาร่วมเสวนาปัญหาสถานการณ์โควิด นอกจากนี้คนรุ่นใหม่จะมาร่วมด้วย 

นายจตุพร กล่าวว่า การออกมาไล่ประยุทธ์ นั้น ย่อมทำให้เห็นว่า ประยุทธ์ เป็นปัญหาชาติ และการไล่ออนำลน์อาจจะเพิ่มวันอีก เช่น เพิ่มเป็นพฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ก็ได้ โดยกำลังหารือกันอยู่ เมื่อผู้นำไร้ประสิทธิภาพแล้ว ยิ่งต้องเร่งให้ออกไป เพราะนำประเทศไทยเข้าสู่ยุคมืดมนอนธการ ดังนั้นการไล่ประยุทธ์ ออกไปจะเกิดแสงสว่างขึ้น ซึ่งจะมีทางออกของบ้านเมือง 

อย่างไรก็ตาม ตนหวังว่า ผู้มาใหม่จะเป็นใครก็ตาม ยังดีกว่าประยุทธ์ แน่ เพราะที่พิสูจน์มาแล้ว 7 ปีทำไม่ได้ ตนก็ไม่เชื่อว่าปีที่ 8 ประยุทธ์ จะทำดีขึ้น เพราะทั้งหมดทั้งปวงที่ปกครองมา ไม่ได้อธิบายศักยภาพผู้นำอะไรเลยว่า ผู้ปกครองจะนำไปสู่ความหวังของประชาชนอย่างไร

ส่วนวันพรุ่งนี้ (6 พ.ค.) จะมีการยื่นประกันตัวของเพนกวินและรุ้ง พร้อมแกนนำราษฎรคนอื่นๆ ด้วย ตนหวังว่า จะได้รับการปล่อยตัว เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองร้อนอยู่แล้ว และลำบากทางความรู้สึกกันมากอยู่แล้ว อะไรที่มันช่วยผ่อนคลายและได้ทะยอยปล่อยตัวกันตามลำดับแล้ว ดังนั้น จึงควรต้องปล่อยทุกคน เพราะเป็นสิทธิการประกันตัวของผู้ต้องหาในกระบวนการยุติธรรม

สนค.เผย  ปัจจัยสินค้ากลุ่มพลังงาน ทำเงินเฟ้อเพิ่มสูงสุดในรอบ 8 ปี

วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนเมษายน 2564 สูงขึ้น 3.41% เทียบเดือนเดียวกันปีก่อน เป็นการกลับมาขยายตัวอีกครั้งในรอบ 14 เดือน และขยายตัวสูงสุดในรอบ 8 ปี 4 เดือน (100 เดือน) สาเหตุสำคัญจากสินค้ากลุ่มพลังงานขยายตัวก้าวกระโดด 36.38% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานราคาน้ำมันที่ต่ำมากในปีก่อน และระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตามราคาตลาดโลก ประกอบกับมาตรการลดค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปาของรัฐได้สิ้นสุดลง 

นอกจากนั้น สินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะ เนื้อสุกร ผักและผลไม้ ขยายตัว 0.11% ผลจากสภาพอากาศแปรปรวนส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง สำหรับสินค้าในหมวดอื่นๆ ยังเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ สอดคล้องกับผลผลิต การส่งเสริมการขายและความต้องการ โดยในเดือนมีนาคม สินค้าที่ใช้ในการคำนวณเงินเฟ้อ ที่ราคาสูงขึ้น 224 รายการ ลดลง 140 รายการ สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักอาหารสดและพลังงาน) ขยายตัว 0.30%เป็นการปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 0.09%

“เดิมนั้นคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อมีทิศทางเป็นขาขึ้น จนถึงเดือนสิงหาคมจะทยอยลดลง เนื่องจากการอ่อนตัวของราคาอาหารสด และรัฐไม่ต่อมาตรการลดค่าครองชีพด้านสาธาณูปโภค แต่มีราคาพลังงานที่มีทิศทางสูงขึ้นเป็นการดันเงินเฟ้ออยู่ ขณะเดียวกันต้องติดตามแพคเกจมาตรการที่รัฐบาลจะออกมาเพื่อเยียวยาและลดค่าครองชีพอย่างไร หากมีการต่อมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งมีน้ำหนักที่สูงในเงินเฟ้อ จากที่คาดการณ์ว่าพฤษภาคม เงินเฟ้อสูง 3% ก็จะหายไป 2% เหลือ 1-1.5% เท่านั้น อีกทั้งหากต่อมาตรการยาวถึงครึ่งปีหลัง สนค.ก็จะทบทวนตัวเลขเงินเฟ้อใหม่” นายวิชานัน กล่าว

สำหรับคาดการณ์เงินเฟ้อ ณ เดือนเมษายน ไว้ว่า ไตรมาส 2 เงินเฟ้อจะขยายตัว 2.95% ไตรมาส 3 ขยายตัว 1.31% ไตรมาส 4 ขยายตัว 0.92% กรณีไม่มีมาตรการลดค่าสาธารณูปโภคเพิ่มเติมจากรัฐ และคาดเงินเฟ้อทั้งปี 2564 เคลื่อนไหวระหว่าง 0.7-1.7% ค่ากลางขยายตัว 1.2% แต่หากรัฐบาลขยายแพคเกจช่วยลดค่าครองชีพด้านสาธาณูปโภคยาวหลายเดือน ก็จะต้องทบทวนตัวเลขคาดการณ์ทั้งปีใหม่ ที่อาจลดลง 

'นายแพทย์ยง' โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Yong Poovorawan’ โดยระบุว่า...

นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Yong Poovorawan’ โดยระบุว่า โควิด 19 ในหลายประเทศ ยืดระยะเวลาในการให้ Vaccine เข็มที่ 2 เพราะผลศึกษาพบคนอายุน้อยกว่า 60 รับ ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ เข็มแรก ภูมิต้านทานตอบสนองได้ดีกว่าผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=5629636767078894&id=100000978797641

รุ่นพี่ฮ่องกง มาแชร์ประสบการณ์ถึงรุ่นน้องที่กำลังจะยกทีมย้ายประเทศจากฮ่องกง มาลงอังกฤษตามสิทธิ์การถือพาสปอร์ต British National (Overseas) หรือ BN(O) ว่า...

รุ่นพี่ฮ่องกง มาแชร์ประสบการณ์ถึงรุ่นน้องที่กำลังจะยกทีมย้ายประเทศจากฮ่องกง มาลงอังกฤษตามสิทธิ์การถือพาสปอร์ต British National (Overseas) หรือ BN(O) ว่า...

"จะมาแต่ตัว เสื่อผืนหมอนใบไม่ได้ ต้องมีทุนมาด้วย" โดยอย่างน้อย ๆ ก็ต้องพอที่จะสามารถจ่ายค่าเช่าบ้านล่วงหน้าได้ 1 ปี และรวมถึงค่าใช้จ่ายช่วงที่ต้องหางานทำ มิฉะนั้นคงหนีไม่พ้นที่จะต้องม้วนเสื่อกลับบ้านแบบหมดตัวได้!!

เรื่องนี้ เริ่มต้นจาก รัฐบาลอังกฤษ ที่นำโดยนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ได้ออกมาประกาศขยายสิทธิ์ให้ชาวฮ่องกง และครอบครัวที่เคยถือพาสปอร์ตรุ่น BN(O) หรือชาวฮ่องกงที่เกิดก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ.1997 ก่อนวันคืนเกาะให้จีน มากถึง 3 ล้านสิทธิ์ สามารถเดินทางมาอยู่ ทำงานในอังกฤษได้ 1 ปีเต็ม แล้วค่อยเปลี่ยนสถานะจาก BN(O) มาเป็นพลเมืองได้ในภายหลัง

โดย นายบอริส จอห์นสัน สัญญาว่าจะอัดฉีดงบให้ถึง 43 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มสวัสดิการจัดที่อยู่ ที่ทำงาน และที่เรียนไว้รองรับครอบครัวชาว BN(O) สู่เกาะอังกฤษได้อย่างสะดวกสบาย

หลังเปิดแคมเปญย้ายประเทศให้ชาวฮ่องกงมาอยู่อังกฤษตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 คาดกันว่าน่าจะมีหนุ่ม-สาวฮ่องกง แห่อพยพหนีฮ่องกง ที่เข้าสู่ยุคกฏหมายความมั่นคงใหม่ของจีน มาอังกฤษไม่น้อยกว่า 3 แสนคน

แต่ในความเป็นจริง หลังจากที่มีชาวฮ่องกงรุ่นบุกเบิกย้ายมาอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน ก็เจออุปสรรคที่ต้องออกปากเตือนรุ่นน้องที่กำลังจะตามมาว่า จะมาแต่ตัวไม่ได้ ต้องมีทุนสำรองติดตัวมาด้วยเผื่อไว้ 1 ปีจะดีกว่า

เนื่องจากธรรมเนียมการหาผู้เช่าบ้านของชาวอังกฤษ ค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องการตรวจสอบประวัติผู้เช่า ต้องไม่มีคดี ต้องมีผู้รับรองที่คนอังกฤษ ต้องเคยมีที่อยู่เดิมที่เป็นหลักแหล่งแน่นอนในอังกฤษมาก่อน พอที่จะย้อนสืบประวัติได้ แต่หากไม่มีเพราะเพิ่งย้ายประเทศมาอยู่ แล้วยังเป็นบุคคลว่างงาน หรือไม่มีงานประจำทำ ผู้เช่าก็จะลังเลที่จะให้เช่าบ้าน และมีจำนวนไม่น้อยที่ปฏิเสธ หรือ ไม่ก็ขอเรียกเก็บเงินค่าเช่าล่วงหน้าก่อนเลยตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปีเต็ม

สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าอพาร์ตเม้นท์เล็ก ๆ 1 ห้องนอนในลอนดอน เริ่มต้นที่ประมาณเดือนละ 1,100 ปอนด์ เท่ากับว่าต้องจ่ายล่วงหน้ารวมค่าประกันอย่างน้อย 7,000 ปอนด์สำหรับ 6 เดือน หรือ 14,000 ปอนด์ต่อปี หรือประมาณ 560,000 บาท ที่เป็นงบเฉพาะค่าบ้านเพียงอย่างเดียว

แล้วหากไม่มีงบขนาดนั้น ยังหางานที่ถูกใจไม่ได้ อยากจ่ายค่าเช่าแค่เดือนต่อเดือนก่อนทำได้หรือไม่

หนึ่งในรุ่นพี่ผู้บุกเบิกอย่าง 'ทอม เลา' ได้มาแชร์ประสบการณ์ผ่านสื่อฮ่องกงว่า ตัวเขา และเพื่อนชาวฮ่องกงหลายคนเจอเหตุการณ์อย่างเดียวกันคือ หาบ้านเช่าดี ๆ ไม่ได้ และการหาบ้านเช่าระยะยาวไม่ได้ก็จะทำให้มีปัญหาอื่นตามมาก็คือ เปิดบัญชีธนาคารไม่ได้ การหางานประจำ หรือหาโรงเรียนให้ลูกที่ติดตามมาก็จะลำบากตามไปด้วย

แต่ในช่วงที่ยังหางานไม่ได้ และเขามีงบติดตัวเป็นเงินสดในบัญชีเงินฝากที่ฮ่องกงเพียง 65,000 เหรียญฮ่องกง (ประมาณ 2.6 แสนบาท) ไม่พอจ่ายค่าเช่า และค่ากินอยู่ได้นานเกิน 6 เดือน เขาก็จำเป็นต้องเช่าบ้านในอพาร์ตเมนท์แบ่งเช่า ที่ยอมให้จ่ายเป็นรายเดือนโดยไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญาเช่า หรือซักถามประวัติใด ๆ

แน่นอนว่าบ้านเช่าลักษณะนี้มีอยู่ในอังกฤษ ที่ทอม เลา บอกว่าเหมือนกับหาบ้านเช่าในตลาดมืด ที่ไม่มีการสกรีนประวัติผู้เช่าใด ๆ และตัวเขาเองก็อาศัยหาเช่าบ้านลักษณะนี้ไปก่อน และชาวฮ่องกงย้ายถิ่นหลายคน ก็มักเลือกที่พักลักษณะนี้ ส่วนค่าใช้จ่ายอยู่ที่เดือนละ 585 ปอนด์ (ประมาณ 26,000 บาท) จะได้ห้องพัก 1 ห้องในอพาร์ตเมนท์ขนาด 3 ห้องนอน ที่แบ่งซอยออกเป็น 6 ห้องนอน แชร์อยู่รวมกับผู้เช่ารายอื่น ที่มาจากหลากหลายประเทศ บ้างเป็นชาวฮ่องกง บางคนก็เป็นผู้อพยพ บางคนก็เป็นผู้ลี้ภัย หรือลักลอบเข้าเมือง

และที่ตลกร้ายกว่านั้นคือ เจ้าของห้องพักเป็นครอบครัวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มาอยู่ทำธุรกิจบ้าน (แบ่งซอย) ให้เช่า และตอนนี้กำลังทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ จากหนุ่ม-สาวชาวฮ่องกงที่ตัดสินใจย้ายถิ่นมาอยู่อังกฤษ

ทอม เลา จึงเตือนว่า หากใครจะย้ายมา ให้เตรียมทุนสำรองมาด้วย ให้อยู่ให้ได้อย่างน้อย 6 เดือน และตัดใจเรื่องความสะดวกสบายที่เคยหาได้ในฮ่องกง เพราะที่นี่คืออังกฤษ ที่ไม่มีอะไรเหมือนฮ่องกง ซึ่งชาวฮ่องกงจำเป็นต้องอยู่ด้วยวีซ่า BN(O) ที่ให้สิทธิ์พำนักชั่วคราว 5 ปีก่อน แต่ก่อนที่จะได้วีซ่า 5 ปี ต้องถือวีซ่ารอชั่วคราวก่อน 6 เดือนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการของรัฐบาลอังกฤษได้

แล้วหลังจากอยู่ด้วยวีซ่า BN(O) 5 ปี มีงานทำมั่นคงแล้ว จึงได้สิทธิ์ยืนขอเป็นพลเมืองอังกฤษได้

แต่สำหรับ ทอม เลา เขามีเวลาเพียง 6 เดือนด้วยเงินทุนส่วนตัวของเขาในตอนนี้ที่ก็ต้องภาวนาให้เขาหางานประจำให้ได้ และกำลังมองหาเพื่อนชาวฮ่องกงมาช่วยแชร์อพาร์ตเมนท์ด้วยกัน

ส่วนกลุ่มชุมชนชาวฮ่องกงในอังกฤษ ก็เปิดเพจรวบรวมข้อมูลเรื่องที่พัก และงานไว้สำหรับชาวฮ่องกงที่กำลังย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ที่มีชาวฮ่องกงจำนวนมากเข้ามาสอบถาม ซึ่งมากกว่า 3 ใน 4 รู้สึกกังวลเรื่องที่พักมากที่สุด และอยากให้รัฐบาลอังกฤษเข้ามาช่วยเหลือ

แต่ด้วยสังคมอนุรักษ์นิยมของชาวอังกฤษ ซึ่งหลายคนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสถานะของพาสปอร์ต BN(O) ของชาวฮ่องกงสักเท่าไหร่ หรือพูดง่าย ๆ คือ ตราบใดที่ยังไม่ได้มีสถานะเป็นพลเมือง ไม่มีเอกสารรับรอง ไม่มีบุคคลอ้างอิง ไม่มีบัญชีธนาคาร และยังไม่มีงาน ก็เป็นเรื่องยากที่จะหาเช่าที่พักดี ๆ ที่สามารถผ่อนจ่ายรายเดือนได้เหมือนชาวอังกฤษทั่วไปนั่นเอง

ก็เป็นหนึ่งในคำแนะนำของรุ่นพี่ทีมย้ายประเทศรุ่นบุกเบิกของชาวฮ่องกงที่ยังต้องไปผจญภัยในอังกฤษอีกหลายปี กว่าจะกรุยทางสะดวกให้รุ่นน้องที่จะเดินทางตามไปได้ แต่ถ้าอยากได้ทิปดี ๆ ลองปรึกษากลุ่มรุ่นพี่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่ไปตั้งรกรากก่อนหน้านั้น จนตั้งตัวได้เป็นเจ้าของกิจการ และบ้านเช่าดู ก็อาจช่วยเปิดมุมมองใหม่ได้เร็วขึ้นก็เป็นได้


อ้างอิง:

https://www.scmp.com/news/hong-kong/society/article/3131795/house-hunting-hongkongers-hit-brick-wall-britain-landlords

https://securykid.com/new-arrivals-from-the-hong-kong-struggle-to-jobs-in-the-uk-and-rentals-without-a-bank-account/

ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมบลูเทคซิตี้ มอบเงิน 1 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนภารกิจโควิด-19 ของจังหวัดฉะเชิงเทรา

วันนี้ (4 พ.ค. 64) ที่โรงครัวลูกหลวงพ่อโสธรห่วงใยช่วยผู้ประสบภัยโควิด นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และนางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ผู้บริหารโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมบลูเทคซิตี้ มอบเงิน จำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาท) เพื่อสนับสนุนภารกิจ โควิด-19 ของจังหวัดฉะเชิงเทรา

โดยมีนายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นผู้แทนรับมอบ และในโอกาสเดียวกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมบลูเทคซิตี้ โชว์ฝีมือประกอบอาหารกล่อง เพื่อแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และเสริมสร้างกำลังใจการดำเนินชีวิตในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้ด้วย

หนุ่มไทยในแดนทิวลิป สละสิทธิ์ไม่รับวัคซีนจากภาษีคนไทย เหตุเบียดเบียนประเทศชาติ หลังตัวเองทำงานเสียภาษีให้เนเธอร์แลนด์

ไม่นานมานี้ คุณธามม์ ประวัติตรี เจ้าของเพจ Tham Prawattree เจ้าของร้านปลาร้าเด้อ และร้าน pad thai หนึ่งในคนไทยที่ประกอบธุรกิจและเสียภาษีให้ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้โพสต์ถึงเรื่องราวของตน หลังได้กลับมาเมืองไทย และเลือกปฏิเสธที่จะได้รับการฉีดวัคซีนในประเทศไทย เพราะตัวเองทำงานเสียภาษีให้ต่างประเทศ ไม่ต้องการเบียดเบียนภาษีคนไทยว่า...

ในที่สุด Finally Home!!

ถึงการเดินทางทริปนี้ ออกจะ สนุกสนาน วุ่นวายนิดๆ ตั้งแต่ ตั๋ว ไฟท์ เอกสาร วันเดินทาง

แต่ก็ดีใจที่ได้กลับบ้าน ถึงแม้ว่า อากาศที่ กทม. จะร้อนมาก จนแสบจมูก ตอนอยากจะจามก็กลัวคนมอง เดี๋ยวเค้าคิดว่าเราจะติดเชื้อ

จริงๆ ผมตรวจโควิด 2 รอบ ในรอบ 2 วัน

#คืองี้ครับ

ความเข้มงวด และระเบียบของแต่ละประเทศในยุโรปไม่เหมือนกัน ไม่มีใครบอกได้ สวิตเซอร์แลนด์อีกแบบ เนเธอร์แลนด์อีกอย่างหนึ่งเยอรมันนีอีกวิธี พูดละก็ขำ อะนะ ประเทศใครก็เลือกเอา ผมนี่ วิ่งตรวจโควิดตรงสนามบินนั่นเลย เพราะออกระเบียบใหม่ แบบ ใจระทึก

ในบรรดา 3 ประเทศที่ว่ามา เนเธอร์แลนด์นี่แหละสบายๆ ผ่อนคลายมากที่สุด

#คำถาม

ฉีดวัคซีนมารึยัง? = ยังครับ กำหนดฉีดตามตารางคือ เดือนนี้ (พฤษภาคม) เพราะเกิดปี 1971 เดี๋ยวค่อยไปฉีด เพราะกลับมาไทยก่อน อ้าว!! จะฉีดที่ไทยมั้ย (ถูกถาม)

คำตอบชัดเจนมาก “ไม่ครับ” ผมเป็น Dutch Taxpayer เสียภาษีให้ทางโน้นเต็มๆ ผมเสียภาษีที่โน่นเดือนละเกือบ €7000 ใช่ครับ (ไม่ผิด!!) "ผมจะใช้สิทธิ์ที่นั่น ผมไม่เอาเปรียบ เพราะผมไม่ได้ Contribute หรือ เสียภาษี ที่ไทย แม้แต่ บาทเดียว"

อย่าว่าแต่วัคซีนเลยครับ แม้กระทั่ง โรงแรมที่กักตัวผมก็เลือกที่จะเสียตังเอง

"เอาสิทธิ์นี้ ให้คนไทยที่มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับไทย เพราะวีซ่าหมด เลิกจ้าง หรือลำบากกว่าเรามาพักดีกว่า"

ภาษีก็ไม่ได้เสียซักบาท จะมาอยู่ฟรี กินฟรี ฉีดวัคซีนฟรี อันนี้ "ผมไม่นิยม ไม่ใช่ถือพาสปอร์ตไทย จะมาใช้สิทธิ์คนไทย แต่ภาษีไปเสียบำรุงประเทศอื่น"

#มาเรื่องของกินดีกว่า

Welcome home ด้วยอาหารพื้นเมืองคนอุบล คือส้มตำปลาร้า ลาบหมู และข้าวเหนียว ของโปรดที่ขาดไม่ได้

เออ ทริปนนี้มีน้องที่ Amsterdam ฝากกระเป๋าสะพายมา เจอสุ่มตรวจ ต้องเสียภาษี ตามระเบียบ 10,800 บาทไทยไป ก็โอเคครับ เค้ามีระบบ ระเบียบ น้อง ๆ เจ้าหน้าที่กรมศุลฯ ทำงานดี น่ารัก และดูท่าทางคล่องแคล่ว

น้องผู้หญิงคนนึง มาเรียกผมว่า “น้อง คะ กระเป๋าสวยและแพง ตีราคาให้ ใบละ 40,000 บาทนะคะ เสียภาษีเรทนี้ นะคะน้อง” ผมละดีใจมาก

ผมบอกไปว่า “น้องครับ พี่อายุ 50 ละ พี่ว่า น้องน่าจะอายุน้อยกว่าพี่นะ” น้องบอก หน้าพี่ดูเด็กมาก (อันนี้ขอชื่นชม น้องจะจริงใจมั้ยพี่ไม่ทราบ แต่พี่ชอบ)


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4087697224586825&id=100000397626019

“สิระ” บุก สน.บางขุนเทียน จี้ถามหาความยุติธรรมให้พริตตี้สาว เหยื่อบ้ากาม โมเดลลิ่ง ลวงโลก  ด้าน ผกก.รับปาก จับ “เด่นชัย” ให้ได้ใน 7 วัน

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร มาติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางขุนเทียน ในคดีที่พริตตี้สาว ถูกล่อลวงไปขืนใจ ให้เสพยาและถ่ายคลิป ซึ่งมีการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้แล้ว แต่มีการปล่อยให้หลบหนีไป โดยก่อนหน้านี้พริตตี้คนดังกล่าว ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางขุนเทียน ว่าถูกนายเด่นชัย วัฒนโชติภิญโญ อายุ 39 ปี ชาว จ.นนทบุรี อ้างตัวเป็นโมเดลลิ่ง ล่อลวงไปบังคับเสพยาและข่มขืนกระทำชำเรา ในห้องเช่าเลขที่ 157 อาคาร c3 ชั้น 7 อาคารเมโทรพาร์คสาทร ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ โดยผู้เสียหายที่มาทวงถามคดีในวันนี้ ระบุว่า มีความสงสัยว่า ทำไมสน.บางขุนเทียน ได้ปล่อยตัวนายเด่นชัยไป ทั้งที่วันที่ตนมาแจ้งความที่โรงพัก ยืนยันว่าถูกข่มขืน ซึ่งตำรวจได้พาตัวนายเด่นชัยมาคุยที่โรงพักแล้ว พอถามตำรวจกลับได้รับคำตอบว่า ปล่อยตัวนายเด่นชัยไปเติมเงินโทรศัพท์มือถือ โดยอ้างว่า การถูกข่มขืนยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ไม่มีสิทธิคุมตัวนายเด่นชัย

โดยนายสิระ กล่าวว่า ตนมาทำหน้าที่ ส.ส. เนื่องจากมีประชาชนผู้หญิงกลุ่มหนึ่งมาร้องเรียนว่า ถูกล่วงละเมิดทางเพศและกักขังหน่วงเหนี่ยว ถูกบังคับข่มขืนโดยไม่ได้มีการป้องกัน และบังคับให้เสพยาเสพติด แถมยังขโมยทรัพย์สินของผู้เสียหายไปด้วย โดยบางรายโดนเอาอาวุธปลายแหลมเสียบเข้าไปในอวัยวะเพศด้วย ซึ่งนายเด่นชัยถือว่าเป็นบุคคลอันตรายในสังคม ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ จะทำให้คนในสังคมไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งจับกุมบุคคลคน ๆ นี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้สังคมคลายข้อสงสัยว่า ตำรวจมีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาคนนี้หรือไม่ 

“วันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมมาขอคำชี้แจงว่า เหตุใดถึงมีการปล่อยตัวผู้ต้องหาไป ผู้เสียหายที่มาแจ้งความเป็นเพศหญิงที่ถูกกระทำ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ดำเนินการใด ๆ เพราะว่าเขาไม่ใช่ภรรยาหรือลูกของตัวเองใช่หรือไม่ หรือต้องเป็นเพียงลูกคนมีชื่อเสียง เงินทอง ถึงจะดำเนินคดีได้ ทั้งนี้หากผู้เสียหายรายอื่นไม่กล้าออกมาเปิดเผยขอให้ติดต่อมาที่ตน จากนี้ตนจะเดินทางไป สน.ประชาชื่น เพื่อทวงถามความคืบหน้าของคดีอีก 1 คดีที่ได้มีการแจ้งความนายเด่นชัยไปแล้ว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า”นายสิระ กล่าว 

ด้านพ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผู้กำกับการ สถานีตำรวจนครบาลบางขุนเขียน กล่าวว่ากรณีนี้ในวันที่ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความนั้น ผู้ที่กระทำความผิดยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหาและยังไม่ได้มีการจับกุม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่สามารถไปกักขังหน่วงเหนี่ยวตัวไว้ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีความผิดเสียเอง จึงต้องดำเนินการตามข้อเท็จจริงข้อกฎหมาย และหลังจากนี้เมื่อผู้ต้องหาได้หลบหนีไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องดำเนินการติดตามตัวอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการรวบรวมหลักฐานและขอออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว 

“ยืนยันว่าไม่มีการแลกเงิน 20,000 บาทกับการปล่อยตัวไปอย่างแน่นอน และกรณีนี้เพื่อให้คลายข้อสงสัยของประชาชนก็ได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเพื่อให้เกิดความกระจ่าง และหากมีความผิดจริงก็จะดำเนินการโดยจะไม่มีการปกป้อง แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”พ.ต.อ.วิศิษฐ์ กล่าว 

จากนั้นเวลา 10.45 น.นายสิระได้พาผู้เสียหายทั้งหมดขึ้นไปสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี โดยนายสิระ เปิดเผยว่า ผบ.ตร.ได้รับทราบเรื่องนี้แล้วและสั่งให้ติดตามคดีนี้ให้ถึงที่สุด ด้านผู้กำกับได้รับปากจะดำเนินจับกุมนายเด่นชัยให้เร็วที่สุด จะทำอย่างสุดความสามารถ ภายใน 7 วัน จะจับกุมให้ได้

"แรมโบ้" ซัดนายเก่า ขออย่าโหนกระแสตีกินบนความเดือดร้อนประชาชน “ชี้” ที่ผ่านมา 2 พี่น้อง ทำประเทศและคนไทยบอบช้ำมามากแล้ว

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซั่ม อดีตนายกรัฐมนตนี พูดผ่านรายการ CARE Talk : คิดเคลื่อนไทย พลิกฟื้นวิกฤติโควิด กับ Tony Woodsome ในคลับเฮาส์ว่า การออกมาเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ในช่วงนี้มองว่าไม่ใช่เพราะหวังดีต่อประเทศอย่างแน่นอน แต่อยากอาศัยช่องทางนี้เพื่อกล่าวโจมตี นายกรัฐมนตรี รัฐบาล มากกว่า เพราะรู้อยู่แล้วว่านายทักษิณ คงไม่ได้มีความหวังดีต่อประเทศจริงเหมือนที่พูด เพราะการพูดไม่ใช่เป็นการชี้แนะแต่หวังผลซ้ำเติมรัฐบาลมากกว่า หากนายทักษิณ มีความหวังดีจริงและเห็นแก่ชาติบ้านเมืองที่กำลังประสบปัญหาจากการระบาดเชื้อโควิด-19 และต้องการความร่วมมือจากคนทั้งประเทศ ก็ขอร้องอย่าออกมาเคลื่อนไหวใด ๆ ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งในประเทศเลย เพราะไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น ที่ผ่านมานายกฯ รัฐบาล ได้มีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา พัฒนาชาติบ้านเมือง แม้จะไม่เป็นที่พอใจของคนที่เห็นต่าง แต่ตนเองก็ยืนยันว่านายกฯคนนี้ทุ่มเทตั้งใจ อยากทำประโยชน์ให้กับประชาชน ประเทศชาติโดยแท้จริง ไม่เคยโกงกินบ้านเมือง ไม่คิดแสวงหาผลประโยชน์เหมือนผู้นำบางคน

"ถ้าคนอย่างแรมโบ้เป็นนายทักษิณเสียเองคงต้องตอบไปใน คลับเฮ้าส์ว่าถ้าได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง จะออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับใครหรือคนกลุ่มใดอีกบ้าง จะเสนอโครงการอภิมหาโปรเจ็คอีกหลายล้านล้านบาทแล้ว ให้คนมาตั้งโต๊ะเรียกบริษัทฯรับเหมารายใหญ่ที่ผูกขาดมาเขกกระบาล เอาเงินทอนส่วนต่างเข้ากระเป๋าส่วนตัว โดยอ้างว่าเตรียมค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งให้กับพรรคตนเอง หรือจะออกแบบโครงการรับจำนำข้าวแบบจีทูเจี๊ยะ ยอมเสียสละให้ลูกน้องที่เป็น รมต.ติดคุก 48 ปี แต่นายทักษิณกับน้องสาวหนีไปสุขสบายอยู่ต่างประเทศ นี่คือตัวอย่างวีรกรรมที่เคยสร้างไว้ ทำไมไม่คิดถึงเรื่องเก่า ๆ บ้าง อย่าคิดเพียงแค่โหนกระกระแสตีกิน ซ้ำเติมในยามที่ประเทศชาติ ประชาชนกำลังเจอมรสุม หวังเพื่อเหยียบย่ำซ้ำเติมให้จมดิ่งลงทะเลอย่างนั้นหรือ นี่หรือคือความหวังดีต่อบ้านเมือง หรือคิดได้เพียงแค่ประเทศนี้ข้าฯเคยเป็นผู้นำ ผลประโยชน์ของข้าและครอบครัวต้องมาก่อนประชาชนเสมอ ผู้นำอย่างข้าฯต้องคิดถึงประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก ข้าต้องมาก่อน ประชาชนต้องมาทีหลัง ถ้าถูกจับผิดได้ ข้าฯจะหนีไปก่อน ส่วนลูกน้องจะให้ติดคุกแทนข้าฯ น่าอัปยศอดสูที่สุด ถ้ามีผู้นำมีพฤติกรรมและแนวความคิดเช่นนี้ ตนคิดว่าอย่าว่าแต่จะดิ่งลงเหวลงทะเลเลย ประเทศไทยอาจจะดิ่งลงมหาสมุทรสุดลึกอย่างแน่นอนด้วยซ้ำ ถ้ามีผู้นำแบบนายทักษิณและน้องสาวกลับมาเป็นนายกฯอีก” นายเสกสกลกล่าว

นายเสกสกล กล่าวว่า ขอถามถึงกลุ่มแคร์ ที่เป็นสมุนเก่านายทักษิณว่า ต้องการซ้ำเติมทำลายประเทศร่วมกับนายทักษิณใช่ไหม ถึงได้เชิญคนที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศมาร่วมกิจกรรม และให้มากล่าวโจมตีคนในประเทศตัวเอง ตนเองจึงเรียกร้องไปยังกลุ่มแคร์ ที่มีสมาชิกเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีวุฒิภาวะ เป็นถึงอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ไม่ควรที่จะจัดกิจกรรมใดๆแบบนี้ ที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมได้ ควรมีจิตสำนึกต่อชาติบ้านเมืองมากกว่านี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top