Saturday, 10 May 2025
NEWS

โฆษกพรรคกล้าเตือน!! หื่นกระหายแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกัน ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลเสื่อม แนะลุงตู่ 'ปรับ ครม.'​ ให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่านักการเมือง

ธันวา ไกรฤกษ์ โฆษกพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊ก Thanva Krairiksh - ธันวา ไกรฤกษ์ แสดงความเห็นถึงเรื่องการ 'ปรับ ครม.'​ ว่า...

เห็นข่าวการเตรียมเสนอชื่อรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างลง จึงขอแสดงความคิดเห็นในฐานะอดีตสมาชิกพรรค ซึ่งเคยได้เสียงกว่า 3 หมื่นคะแนนในการเลือกตั้ง “เพราะลุงตู่” สักหน่อยครับ

แม้ฐานคะแนนเดิมของส.ส.จากหลายกลุ่มหลายก๊วนจะมีจำนวนไม่น้อย แต่ต้องยอมรับว่ากระแสความมั่นใจต่อความเข้มแข็งในการปกป้องสถาบัน รวมไปถึงความเด็ดขาดในการแก้ปัญหาต่างๆ สมัยรัฐบาล คสช. ของลุงตู่ เป็นปัจจัยหลักให้พลังประชารัฐสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้​ ซึ่งผมเองเคยลงเลือกตั้งมาหลายครั้ง ไม่เคยได้คะแนนถึงหมื่น แต่คราวนี้ได้เกือบ 3 หมื่น ก็เพราะลุงตู่เช่นกัน โดยสัมผัสได้ถึงความคาดหวังของประชาชนที่อยากเห็นลุงตู่นำพาประเทศไปสู่การปฏิรูปตามที่ตั้งใจและสัญญาไว้

แต่ปรากฏว่าตั้งแต่ตั้งรัฐบาลจนถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยมีการปฏิรูปด้านใดที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย มีแต่ข่าวการขัดแข้งขัดขา แย่งเก้าอี้รัฐมนตรี จนมาถึงวันนี้มีรัฐมนตรีหลุดไป เพราะคำพิพากษาในคดี กปปส. ก็ยังไม่วายแสดงท่าทียื้อแย่งตำแหน่งกันอยู่เช่นเดิม... ราวกับไม่เห็นหัวผู้ที่เคยลงคะแนนให้จริงๆ

แล้วการพิจารณาตัวบุคคลที่จะมารับตำแหน่ง ควรเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ส่วนสมาชิกพรรคควรจะรู้จักการสงวนท่าทีบ้าง เพื่อให้รัฐบาลยังคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือ ไม่ทำเหมือนหื่นกระหายใคร่อยาก จนทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลดูเสื่อมอย่างนี้

เขียนยาวไปก็เวิ่นเว้อ ขอฝากไว้ให้พิจารณากันเพียงเท่านี้ และหวังว่าจะเห็นความเด็ดขาดในการตัดสินใจ คัดกรองตัวบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นรัฐมนตรี เพื่อให้ประชาชนยังรู้สึกว่า "นายกให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่านักการเมือง"

#เก็บอาการบ้างก็ได้!!


ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/politics/470192

ด่วน!! สหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการแรกภายใต้ 'ไบเดน' โจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายในซีเรีย

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ได้สั่งการให้กองทัพอเมริกาโจมตีทางอากาศทางภาคตะวันออกของซีเรีย ถล่มสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่ทางเพนตากอนระบุว่า​ เป็นฐานของกลุ่มนักรบที่อิหร่านหนุนหลัง เพื่อตอบโต้เหตุยิงจรวดโจมตีฐานที่มั่นต่างๆ​ ของสหรัฐฯ​ ในอิรักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

โดยการโจมตีสถานที่ต่างๆ ของสหรัฐในอิรักก่อนหน้า​ ซึ่งรวมถึงสถานทูตอเมริกันนั้น​ เกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐและอิหร่านกำลังหาทางที่จะกลับเข้าร่วมข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ซึ่งได้ถูกยกเลิกไปในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เจ้าหน้าที่ของอิรักและชาติตะวันตก​ ระบุว่า การโจมตีสหรัฐฯ​ ในอิรักนั้นเป็นฝีมือของกองกำลังติดอาวุธกาตาอิบ เฮสบอลเลาะห์ (Kataib Hezbollah) และกลุ่มกาตาอิบ ซัยยิด อัล-ชูฮาดาอฺ​ ที่ได้รับการสนับสนุนโดยอิหร่าน

เหตุโจมตีดังกล่าว ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเป็นแห่งแรก ดูเหมือนจะดำเนินการในขอบเขตจำกัด มีความเสี่ยงระดับต่ำที่จะก่อให้เกิดสถานการณ์ลุกลามบานปลาย​ โดยสหรัฐฯ​ ได้ตัดสินใจโจมตีกองกำลังอิหร่านเฉพาะในซีเรียเท่านั้น และไม่ได้ทำการโจมตีในอิรักแต่อย่างใด 

อย่างไรก็ตามการโจมตีทางอากาศในซีเรียครั้งนี้ได้มีพลเรือนเสียชีวิต 1 ราย ขณะที่ทหารของสหรัฐและของกองกำลังพันธมิตรบาดเจ็บหลายนาย


ที่มา: รอสเตอร์ส
https://mgronline.com/around/detail/9640000019103
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/924681

'เยาวชนปลดแอก'​ นัดชุมนุมรอบใหม่ รวมพลอนุสาวรีย์ชัยฯ เคลื่อนไปบ้านพักนายกฯ ค่ายกรมทหารราบที่ 1 วันที่ 28 ก.พ.นี้

เฟซบุ๊กกลุ่มเยาวชนปลดแอก ประกาศจัดชุมนุมอีกครั้ง โดยนัดหมายเดินขบวนในวันอาทิตย์ที่ 28 ก.พ. เวลา​ 15.00 น. จากอนุสาวรีย์ชัยสมาภูมิ ไปยังบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการระทรวงกลาโหมภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์

ทั้งนี้ ในเฟซบุ๊กเยาวชนปลดแอกยังได้ระบุว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ มวลชนจะเป็นผู้ตัดสินใจร่วมกัน ไม่มีแกนนำ ไม่มีรถห้องน้ำ ไม่มีการ์ด ไม่มีรถเวที มีเพียงมวลชนที่ไม่ใครอาจหยุดกั้น


ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/924667
 

รับจ้างทำบุญ รีวิวรูปถ่ายและวีดีโอรายงานผล เหมือนทำบุญด้วยตัวเอง 

เดี๋ยวนี้ธุรกิจบุญแตกหน่อไปไกล​ ล่าสุดเพจ​ 'บุญบังใบ​ สังฆภัณฑ์'​ ได้เปิดรับบริการใหม่​ สำหรับสายบุญที่ไม่มีเวลา​ โดยโพสต์ว่า... 

•• รับจ้างตื่นมาตักบาตร ••

อยากตักบาตรแต่ไม่ชอบตื่น อยากตักบาตรแต่อยู่ต่างประเทศ อยากตักบาตรแต่ตื่นไม่ไหวเพราะเมาค้าง อยากตักบาตรแต่ธุรกิจรัดตัว อยากตักบาตรแต่แถวบ้านไม่มีวัด
อยากตักบาตรแต่ยังอยากหลับตาอยู่อย่างนั้น ทำอยู่อย่างนั้น ฝันถึงเทอเรื่อยปัยยย เพราะว่าความจริงไม่มีทางใด ทำให้เราได้รักกัน เอ้า!!! ร้องได้ช่วยกันร้องหน่อยค้าาาา ทางซ้ายหละ เอ้า ทางขวาบ้างงงง 

เพียงแค่คุณลูกค้าโอนเงินมา พร้อมแจ้งชื่อนามสกุล เรามีทีมงานที่พร้อมทำทุกอย่างให้
พร้อมรูปถ่ายและวีดีโอรายงานผล เห็นทุกสิ่งเหมือนไปตักด้วยตัวเอง เหลือแค่ตื่นมากรวดน้ำ 

ถ้าตื่นเองได้ ไปตักเองดีที่สุด
แต่ถ้าไม่สะดวกตื่น ทักค่อฟฟฟฟฟฟ !!!!

????ราคา : ชุดละ99บาท???? 
(อาหาร1อย่าง+ข้าวสวย+ขนม+น้ำ)
* เพิ่มดอกไม้ชุดละ9บาท เป็นชุดละ108บาท 
** ไม่มีขั้นต่ำ หนึ่งชุดก็รับ
*** แพคเกจ​ 3​ วัน​ 5​ วัน​ 10​ วันได้หมดค้าาา


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=190101016208436&id=100362425182296
 

สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันมาฆบูชา ปี​ 2564 ให้ยึดหลักขันติธรรม

เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เผยแพร่คติธรรม สมเด็จพระสังฆราช เนื่องในวันมาฆบูชา 26 กุมภาพันธ์ 2564 ความว่า... 



เนื่องในวันมาฆบูชา 26 กุมภาพันธ์ 2564 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม ความว่า 

“ดิถีมาฆบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ดิถีเช่นนี้ชวนให้พุทธบริษัททุกหมู่เหล่าน้อมระลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ อันมีหลักการสำคัญเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ 1. การไม่ทำบาปทั้งปวง 2. การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม และ 3. การชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ประทานแก่พระอรหันตสาวก 1,250 รูป ซึ่งล้วนอุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ ดิถีเพ็ญเดือน 3 เมื่อกว่า 2,600 ปีล่วงมาแล้ว อย่างไรก็ดี หากปีใดเป็นปีอธิกมาส วันมาฆบูชาจะตรงกับดิถีเพ็ญเดือน 4 ดังเช่นที่เกิดขึ้นปีนี้

สารัตถะประการหนึ่งในโอวาทปาติโมกข์นั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนหลักการแห่ง ‘ขันติธรรม’ เพื่อเป็นหลักเผยแผ่พระศาสนา และการดำรงตนของพุทธบริษัท ดังพระพุทธภาษิตที่ว่า ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา แปลว่า ‘ขันติ เป็นเครื่องเผาผลาญบาปธรรมอย่างยิ่ง’
‘ขันติ’ หมายถึง ‘ความอดทนอดกลั้น’ มีลักษณะ คือความข่ม มีรส คือความอดทนต่อสิ่งที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ มีสภาพที่ปรากฏ คือความอดกลั้นหรือความไม่โกรธ มีพื้นฐานคือความเข้าใจสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง

ทุกชีวิตที่เกิดมาในโลกต่างมีสัญชาตญาณรักสุขเกลียดทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น และก็เป็นธรรมดาที่ทุกชีวิตจำต้องเผชิญความทุกข์โทมนัส สลับกับความสุขโสมนัส หมุนเวียนเปลี่ยนไปอยู่เสมอ จะหาบุคคลผู้มิต้องประสบกับ ‘โลกธรรม 8’ กล่าวคือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข และทุกข์ ในโลกนี้ เป็นอันมิมีเลย ผู้ตระหนักรู้ในความจริงเช่นนี้ จึงพึงสั่งสมบ่มเพาะกำลังแห่งขันติไว้สำหรับใช้ระงับยับยั้ง และต้านทานโลกธรรม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในท่ามกลางวิกฤติการณ์ ซึ่งรุมเร้าเข้าสู่บ้านเมืองและโลกของเราทุกวันนี้ ทั้งนี้ ก็เพื่อจะได้รักษาร่างกายและจิตใจให้ยังคงความผาสุก สามารถอดทนอดกลั้นต่อทุกขเวทนาทางกาย ถ้อยคำจาบจ้วงล่วงเกิน คำติฉินนินทาว่าร้าย และความเสื่อมลาภเสื่อมยศ ซึ่งหลงยึดถือไว้ว่าเป็นตัวเราของเราเสียได้ อย่างน้อยแม้จะเจ็บใจเพียงใด แต่ก็ไม่เผลอแสดงอาการหุนหันพลันแล่นออกมาทางกายหรือทางวาจาจนเสียกิริยาอาการอันดี

บุคคลผู้สามารถดำรงขันติธรรม คือความอดทนอดกลั้นไว้ได้ ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้เสงี่ยมงดงาม ถือธรรมะเป็นใหญ่ กิเลสตัณหาไม่อาจทำอันตราย เมื่อเป็นได้ดังนี้แล้ว ย่อมประสบความสงบร่มเย็น ระงับความดิ้นรนทะยานอยาก การที่สามารถดับเพลิงทุกข์เป็นคราวๆ ได้ เสมือนว่าได้ถึงพระนิพพานเป็นคราวๆ เป็นบทพิสูจน์ให้พุทธบริษัทรู้เห็นตามความเป็นจริงว่า พระนิพพานมิใช่ธรรมะอันสุดเอื้อม

แม้ว่าพระนิพพานจริงๆ คือความดับเพลิงทุกข์ได้โดยสิ้นเชิงอาจยังอยู่ไกล แต่พระนิพพานในปัจจุบันคือความดับกิเลสตัณหา ซึ่งบังเกิดขึ้นครอบงำจิตใจในขณะนี้ จึงอาจใช้ ‘ขันติธรรม’ คือความอดทนอดกลั้นนี้เอง เป็นเครื่องช่วยระงับดับได้ แม้เพียงคราวหนึ่ง ๆ ก็ยังดี ไม่เกินความสามารถที่ทุกคนจะปฏิบัติและเข้าถึงได้ เพื่อความสงบร่มเย็นซึ่งพึงบังเกิดมีขึ้นแก่ตนและแก่สังคมส่วนรวม สมความปรารถนาอันดีงามของคนไทย ที่ต่างหวังใจมุ่งหมายจะได้ประสบสันติสุขด้วยกันทุกคน

ขอพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงดำรงมั่นคงอยู่ในโลกนี้ตลอดกาลนาน และขอพุทธบริษัททั้งหลาย จงพร้อมเพรียงกันศึกษาพระสัทธรรมนั้น เพื่อบรรลุถึงความรุ่งเรืองไพบูลย์ยิ่งๆ ขึ้นสืบไป เทอญ


ที่มา: https://www.facebook.com/1739953572982206/posts/2751286205182266/
 

รฟม.เตรียมเปิดประมูลรถไฟฟ้าสีส้มรอบใหม่ เปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อประกอบการจัดทำร่างเอกสารยื่นข้อเสนอโครงการ (RFP) 1 มี.ค. นี้

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ที่ประชุมได้สอบถามถึงความคืบหน้าของการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม งานโยธาช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ - บางขุนนนท์ และงานติดตั้งระบบเดินรถทั้งเส้นทางมีนบุรี - บางขุนนนท์ ซึ่ง รฟม.ได้ชี้แจงถึงเหตุผลของการยกเลิกประกวดราคา เพื่อต้องการเร่งรัดให้โครงการสามารถเปิดบริการตามเป้าหมาย 

อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ที่ 1 มี.ค.นี้ รฟม.จะเริ่มดำเนินการเปิดประกวดราคารอบใหม่ โดยจะประกาศเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อประกอบการจัดทำร่างเอกสารยื่นข้อเสนอโครงการ (RFP) โดยจะรับฟังความคิดเห็นเป็นการทั่วไป ในประเด็นอาทิ เงื่อนไขประมูล การแบ่งซองประมูล รวมไปถึงการคำนวณคะแนนเพื่อพิจารณาข้อเสนอคควรเป็นอย่างไร โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็น 15 วัน หลังจากนั้นจะเปิดให้เอกชนเสนอความเห็นอีก 3 วัน 

ทั้งนี้เบื้องต้นประเมินว่ากระบวนการรับฟังความคิดเห็นเพื่อประกอบการจัดทำ RFP จะแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค.นี้ หากไม่มีปัญหาติดขัด คาดว่าจะสามารถประกาศขายซองข้อเสนอได้ภายในเดือน เม.ย.2564 เข้าสู่กระบวนการพิจารณาข้อเสนอ แล้วเสร็จเพื่อเสนอผลประมูลให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในเดือน ส.ค.นี้ โดยหากการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้วเสร็จ รฟม.คาดว่าจะสามารถเร่งรัดให้เอกชนเริ่มงานก่อสร้างทันทีภายในปีนี้ 

นายภคพงศ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้รฟม.ดำเนินการให้เช่าหรือให้สิทธิใดๆอสังหาริมทรัพย์ในโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณสถานีพระนั่งเกล้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อรถ ราง เรือ รวมทั้งเป็นการพัฒนาท่าเรือพระนั่งเกล้าฯโดยจะเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณา และเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 1 เดือน 

"ส่วนรูปแบบการให้เอกชนลงทุนโครงการฯ ขอดูรายละเอียดเพื่อให้เกิดความชัดเจนก่อนว่าเป็นอย่างไร ขณะที่อายุสัญญาขึ้นอยู่กับเอกชนที่ให้ความสนใจ คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนเม.ย.นี้ หลังจากนั้นจะเปิดให้บริการปลายเดือนเม.ย. - ต้นเดือน พ.ค.2564 หาก ครม.เห็นชอบในช่วงแรกจะเปิดให้บริการท่าเรือพระนั่งเกล้าไปก่อน หลังจากนั้นค่อยให้สิทธิเอกชนเข้ามาบริหารอาคารผู้โดยสารและพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อดำเนินการจัดทำสัญญาเช่าต่อไป"นายภคพงศ์ กล่าว 

สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ดังกล่าว จำนวน 2,100 ตารางเมตร มูลค่า 33 ล้านบาท ประกอบด้วย ท่าเรือสะพานพระนั่งเกล้าฯ และพื้นที่บริเวณไทรม้า ทั้งนี้ตามพรบ.รฟม. มาตรา 75 (6) กำหนดว่าการให้เช่าหรือให้สิทธิใดๆ ของโครงการที่มีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท จำเป็นต้องเสนอให้ครม.เห็นชอบ 

ในส่วนของความคืบหน้าผลการเจรจาโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเหลือง ช่วงแยกรัชดา - ลาดพร้าว ถึงแยกรัชโยธิน ระหว่าง รฟม. กับบริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด หรือ EBM ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนโดยกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (บีทีเอส-ซิโนไทยฯ-ราชกรุ๊ป) เป็นผู้รับสัมปทานให้ที่ประชุมรับทราบ เนื่องจากทาง EBM ได้ทำหนังสือถึง รฟม. โดยยืนยันชัดเจนว่า ไม่สามารถรับภาระค่าชดเชยรายได้จากผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย ช่วงแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึงแยกรัชโยธิน ตามที่บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BEM ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ทำหนังสือถึง รฟม. ขอให้เจรจากับ EBM 

"ที่ประชุมได้มอบหมายให้รฟม.ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องชดเชยเพิ่มเติมให้แก่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน MRT เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมบอร์ดในครั้งถัดไป. เราต้องประมาณการในส่วนที่ต้องรับภาระค่าชดเชยตามที่ BEM เรียกร้อง เพื่อประกอบการพิจารณา ส่วนจะมีการเจรจาเพิ่มเติมกับ EBM หรือไม่ขึ้นอยู่กับมติบอร์ดรฟม.เป็นผู้พิจารณา" นายภคพงศ กล่าว 

สำหรับความคืบหน้าทำทางเชื่อมระหว่างสถานีกลางบางซื่อกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีบางซื่อ​ (สายสีแดง) โดยภายในเดือน มีนาคม นี้จะมีการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ซึ่งเป็นการทุบทางเชื่อม​ 2 จุด จุดละ 10 ล้านบาท รวม 20 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้  โดยรฟม.จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายก่อน จากนั้น รฟท. จะจัดหางบประมาณมาชำระคืนภายหลัง 

รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับการก่อสร้างและเจาะกำแพงเชื่อมต่อโครงการดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 6 เดือน และแล้วเสร็จทันต่อการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต และช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน มีกำหนดจะเปิดรอบปฐมฤกษ์ วันที่ 26 มี.ค. 64 ให้ประชาชนร่วมใช้บริการเป็นบางสถานีเป็นรอบ จากนั้นจะทดสอบเดินรถเสมือนจริง (trail run) และเปิดทดลองใช้ฟรี วันที่ 28 ก.ค.ถึงปลายเดือน พ.ย.64 
 

ลุงกำนันพร้อมแกนนำกปปส.รอดนอนคุก​ หลังศาลมีคำสั่งพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้ง 8 คนได้ ชี้ที่ผ่านมาในศาลชั้นต้น จำเลยทุกคนไม่มีพฤติการณ์หลบหนี

ลุงกำนันพร้อมแกนนำกปปส.รอดนอนคุก​ หลังศาลมีคำสั่งพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้ง 8 คนได้ ชี้ที่ผ่านมาในศาลชั้นต้น จำเลยทุกคนไม่มีพฤติการณ์หลบหนี

26 ก.พ. เวลา 9.15 น.ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสวัสดิ์ เจริญผล ทีมทนายความกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังขึ้นฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ในกรณีที่ทางทนายขอยื่นประกันตัวชั่วคราวกับนายสุเทพ และพวกแกนนำ กปปส.รวม​ 8 คน 

นายสวัสดิ์ กล่าวว่า​ ศาลมีคำสั่งพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้ง 8 คนได้ เพราะที่ผ่านมาในศาลชั้นต้น จำเลยทุกคนไม่มีพฤติการณ์หลบหนีและเคยได้รับการประกันตัว​ ซึ่งเงื่อนไขที่เพิ่มเติม คือราคาประกัน ที่เพิ่มขึ้นเป็น 800,000 บาท และห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาต จากที่ศาลชั้นต้นตีราคาประกัน 600,000 บาท 

หลังจากนี้ศาลอาญาจะมีการออกหมายปล่อยตัวหลังจากที่มีการวางเงินประกันเพิ่มซึ่งทางราชทัณฑ์ก็จะมีการถือหมายการปล่อยตัวไปที่เรือนจำตามขั้นตอนต่อไป

สุดท้ายนายสวัสดิ์ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ศาลมีคำสั่งให้มีการประกันตัวชั่วคราว ขอขอบคุณพี่น้องที่คอยให้กำลังใจมาโดยตลอด

ทำไม 'กปปส.' ได้ประกันวันหยุด ? ระเบียบตีตราชัดไม่มีเส้นใหญ่ เพื่อคุ้มครองสิทธิ ผู้ต้องหา จำเลยได้รวดเร็ว

ไม่นานมานี้​ เจ้าของเฟซบุ๊ก​ Tanakorn​ Wongpanya ได้โพสต์ข้อมูลกรณีการได้ประกันตัวในช่วงวันหยุดของกลุ่มแกนนำ​ กปปส.​ ซึ่งอาจจะเกิดข้อสงสัยจากสังคมว่าสามารถทำได้ด้วยหรือไม่นั้นว่า... 

ทำไมได้ประกันวันหยุด

เรื่องนี้ ประธานศาลฎีกา สมัยไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ได้ลงนามออกประกาศ "ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยการเปิดทำการศาลและพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในวันหยุดราชการ พ.ศ.​ 2562 

กล่าวคือ ให้ศาลชั้นต้น-อุทธรณ์-ฎีกา เปิดสั่งประกันวันหยุดเพื่อประโยชน์ยุติธรรมที่โดนคดี 

เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหา/จำเลยให้ได้รับการพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยเร็ว จึงวางระเบียบเกี่ยวกับการเปิดทำการศาลในวันหยุดราชการ 

1) กรณีที่มีวันหยุดราชการติดต่อกัน 2 วันให้เปิดทำการในวันหยุดราชการวันแรกเป็นอย่างน้อย 

(2) กรณีที่มีวันหยุดราชการติดต่อกัน 3 วัน ให้เปิดทำการในวันหยุดราชการวันที่ 2 เป็นหนึ่งวันเป็นอย่างน้อย 

(3) กรณีที่มีวันหยุดราชการติดต่อกันตั้งแต่ 4 วันขึ้นไป ให้เปิดทำการในวันหยุดราชการวันแรกและวันที่สามเป็นอย่างน้อย แต่ต้องมีให้ศาลปิดทำการติดต่อกันถึง 2 วัน 

กับให้ศาลชั้นต้นเปิดทำการศาลในวันหยุดราชการทุกวันเพื่อพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งการพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนั้นให้หมายความรวมถึงการรับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งและการอ่านคำสั่ง 

นอกจากนี้ยังให้ศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกาเปิดทำการศาลในวันหยุดราชการทุกวันด้วยเพื่อพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นอุทธรณ์หรือชั้นฎีกา หรือคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว 

วันนี้ 8 กปปส. ได้ประกัน โดยยื่นขอประกันตั้งแต่วันแรก และยื่นอีกครั้งเมื่อวาน แต่ศาลสั่งลงมาในวันหยุด

ส่วนเรื่องมาตรฐานในทางปฏิบัติ กับระเบียบก็ควรเป็นธรรมกับทุกเคส เช่นนั้นเอง


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10219748318165507&id=1445075492

'Bitcoin' หลบไป! 'ดิจิทัลรูปี' กำลังมา

ต้องยอมรับถึงความร้อนแรงของตลาดการเงินดิจิทัลตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยิ่งมีข่าวการกระโดดเข้ามาร่วมทุนอย่างเต็มตัวของเจ้าพ่อ Tesla อย่าง อีลอน มัสก์ ที่ยอมเทกระเป๋าลงทุนใน Bitcoin ไปแล้วถึง 45,000 ล้านบาท ก็ยิ่งทำให้ Botcoin กลายเป็นที่สนใจ และทำราคาพุ่งทะลุ 5 หมื่นดอลลาร์/ บิทคอยน์ เพิ่มขึ้นเท่าตัวในเวลาเพียง 2 เดือน

ด้วยความคึกคักของตลาดเงินดิจิทัล ทางรัฐบาลอินเดียยอมรับว่า มีนักลงทุนอินเดียจำนวนไม่น้อยออกไปลงทุนในตลาดเงินดิจิทอล ที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของเงินสกุลรูปีของประเทศในระยะยาว

แต่หากทิศทางของการทำธุรกรรมในอนาคตมีแนวโน้มไปทางโลกดิจิทัล รัฐบาลอินเดียคงไม่สามารถเพิกเฉยต่อกระแสของเศรษฐกิจยุคใหม่ได้ และได้มีการพูดคุยกันถึงการผ่านร่างกฏหมายว่าด้วยเรื่องข้อกำหนดของเงินดิจิทัล และอีกประเด็นที่กำลังเป็นที่น่าจับตาก็คือ การออกเงินสกุล ดิจิทัล รูปี ของอินเดีย

แม้ตอนนี้เพิ่งอยู่ในขั้นตอนการถกประเด็นในสภา แต่การออกดิจิทัล รูปี เริ่มมีเสียงตอบรับและสนับสนุนจากภาคเอกชนบางส่วนในอินเดียที่เห็นด้วยว่า อินเดียควรมีเงินสกุลดิจิทัลเป็นของตัวเอง

นาย ราเคช จุนยุนวาลา อภิมหาเศรษฐีอินเดียที่ได้รับฉายาว่าเป็น วอเรน บัฟเฟตแห่งอินเดียให้ความเห็นว่า รัฐบาลอินเดียควรแบน Bitcoin เพื่อสร้างเงินสกุลดิจิทัล รูปีให้เกิดด้วยซ้ำไป

แต่ทั้งนี้รัฐบาลอินเดียยังไม่ได้พิจารณาถึงขั้นที่จะแบนเงินสกุลดิจิทัลอื่นๆ หรือไม่รับรองการซื้อขายเงินดิจิทอลในตลาดเงินอินเดีย แต่การสร้างเงิน ดิจิทัล รูปี มีโอกาสเกิดขึ้นจริงในเร็วๆ​ นี้ และอาจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งด้วย หากพิจารณาจากศักยภาพของอินเดีย ประเทศที่มี GDP ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก

นอกจากจะมีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ใหญ่มากๆ​ แล้ว อินเดียยังสามารถพัฒนาระบบและเทคโนโลยีเป็นของตัวเองได้ และประสบความสำเร็จมากๆ อย่างเช่น ระบบ UPI หรือ Unified Payments Interface ซึ่งเป็นระบบการโอนเงินแบบเรียลไทม์ ที่พัฒนาโดยทีมนักพัฒนาระบบของอินเดียปี 2016 และอยู่ภายใต้การดูแลโดยธนาคารกลางอินเดีย

หลังจากที่ใช้ระบบ UPI ผ่านมาแล้ว 4 ปี ก็พบว่ามีธนาคารมากถึง 207 แห่ง รวมทั้ง Amazon เว็บไซท์ e-Commerce ชื่อดังได้ใช้ระบบ UPI เป็นช่องทางการทำธุรกรรมการเงิน และมีปริมาณการใช้งานต่อเดือนมากกว่า 2,330 ล้านครั้ง คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ยมากถึง 57,800 ล้านเหรียญสหรัฐในแต่ละเดือน

และหากธุรกรรมการเงินเหล่านี้ใช้เป็นเงินดิจิทัล รูปี ในการซื้อขาย สกุลเงินนี้จะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน

แต่การสร้างระบบเงินดิจิทัล รูปี ของอินเดีย รัฐบาลจะต้องสร้างระบบบันทึกรายการธุรกรรมดิจิทัลเป็นของตัวเอง ที่จะเป็นคนละระบบกับเงินดิจิทัลต่างชาติ เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมและตรวจสอบ แม้ว่าจะเป็นสิ่งจำเป็นในเรื่องเกี่ยวกับระบบจัดเก็บภาษี ที่อาจมีประเด็นตามมาในเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ที่คงไม่อยากให้รัฐบาลรู้เรื่องเงินทุกบาท ทุกสตางค์ที่เรามีในกระเป๋า

และมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่อาจเป็นอุปสรรคของการสร้างเงินดิจิทัล รูปี ก็คือการเข้าถึงเทคโนโลยีเงินดิจิทอลในประเทศ

แม้ในอินเดียจะมีประชากรมากถึง 1,360 ล้านคน แต่ยังมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนไม่ถึง 40% ของประชากร หรือราวๆ 600 ล้านเครื่อง และในจำนวนนี้ มีบัญชีผู้ใช้งานในระบบ UPI หรือระบบโอนเงินดิจิทัลของอินเดียเพียง 100 ล้านบัญชีเท่านั้น การเข้าถึงระบบธุรกรรมดิจิทัลในอินเดียตามสัดส่วนของประชากรทั้งหมดยังถือว่าน้อย

หากต้องการให้เงินดิจิทัล รูปี กลายเป็นอีกหนึ่งเงินสกุลหลักสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ รัฐบาลอินเดียจะต้องพยายามให้ชาวอินเดียเข้าถึงการใช้งานได้ทุกกลุ่ม ในอุปกรณ์ที่หลากหลายกว่าสมาร์ทโฟน เช่น คอมพิวเตอร์แล็บท็อปทั่วไป หรือ บัตรสมาร์ทการ์ด เพื่อผลักดันการใช้เงินดิจิทอล รูปี ในระบบเงินของอินเดียให้ได้อย่างน้อย 12% ของ GDP จึงจะเรียกว่า "ติดตลาด" ได้

และเมื่อพูดถึงโครงการดิจิทัล รูปี ก็อดเทียบกับเงินดิจิทัลของอีกประเทศที่ได้เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ นั่นก็คือ ดิจิทัล หยวน

ในเวลานี้ ทางจีนได้มีการปล่อยเงินดิจิทัล หยวน ทดลองใช้ในตลาดจริงแล้วในบางเมือง เช่น เสิ่นเจิ้น และ ซูโจว ซึ่งชาวจีนก็มีความคุ้นเคยกับการใช้เงินดิจิทอลมาแล้วอย่างแพร่หลาย หากนับจากประชากรจีนที่มีพลเมืองใกล้เคียงกับอินเดีย แต่มีสัดส่วนของผู้ใช้สมาร์ทโฟนมากถึง 64% ในปี 2020 และมีแนวโน้มว่าจะมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนสูงเกิน 75% ในอีก 5 ปีข้างหน้า

ซึ่งสกุลเงินดิจิทัล หยวน ก็ยังอยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารกลางจีน ที่ทำให้เงินมีความเสถียรสูง และมีความเสี่ยงต่ำ

แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคของการเติบโตของดิจิทอล หยวน ของจีน ไม่ใช่คู่แข่งจากเงินดิจิทอลจากต่างประเทศอย่าง Bitcoin แต่กลับเป็นบริษัทผู้ให้บริการทางการเงินเอกชนในประเทศ อย่าง Alipay ของ Alibaba และ WeChat ของ Tencent ที่กินส่วนแบ่งในตลาดธุรกรรมการเงินดิจิทอลในจีนมากถึง 95% ซึ่งกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลจีนว่า จะทำอย่างไรให้คนจีนหันมาใช้ ดิจิทอล หยวน ให้แพร่หลายกว่านี้ และจะแข่งกับบริษัทเอกชนที่ครองตลาดอย่างเหนียวแน่น และเข้าถึงผู้ใช้ชาวจีนได้มากกว่าอย่างไร

นับเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ระหว่าง 2 ประเทศ ที่โอกาสของ ดิจิทัล รูปี ยังดูสดใสมากในแง่ของผู้แข่งขันในประเทศยังไม่เด่นชัด และชาวอินเดียเพิ่งเริ่มเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทอล

ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจับตามองมาก หากอินเดียผลักดัน ดิจิทัล รูปี ของตนเองจนประสบความสำเร็จ ก็อาจใช้เป็นโมเดลการสร้างเงินดิจิทัลของประเทศอื่นๆได้เลย


อ้างอิง

https://theprint.in/opinion/govt-can-ban-bitcoin-but-for-digital-rupee-to-succeed-india-has-to-do-a-lot/608542/

https://news.bitcoin.com/indias-warren-buffett-ban-bitcoin-digital-rupee/

https://en.wikipedia.org/wiki/Unified_Payments_Interface

https://www.cnbc.com/2021/02/17/chinas-digital-yuan-needs-to-beat-alipay-wechat-pay-first-piie.html

https://www.statista.com/statistics/309015/china-mobile-phone-internet-user-penetration/

ศาลอาญาเตรียมพร้อมอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้ประกันสุเทพกับพวกหรือไม่ เช้านี้ ทนายรุดติดตาม

เมื่อเวลาเวลา 8.30 น.วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 64 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสวัสดิ์ เจริญผล ทีมทนายความ เดินทางมาติดตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภายหลังศาบอาญามีคำพิพากษาจำคุกเเกนนำ กปปส.เเละส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาประกัน ว่าในวันนี้ทางทนายจะไม่มีการดำเนินการยื่นเอกสารใดๆแล้วเพียงแต่อยู่ในขั้นของการรอฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่จะมีการปล่อยตัวจำเลยทั้ง 8​ คน ซึ่งมีการถูกควบคุมตัวมาแล้ว 2 วัน

นายสวัสดิ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สมควรแล้วที่ทางศาลจะมีคำสั่งปล่อยตัวจำเลยทั้ง 8 คน เพราะการถูกพิพากษาในครั้งนี้เป็นผลจากการชุมนุมตั้งแต่ปีพ.ศ 2556 และสิ้นสุดการชุมนุมเมื่อปีพ.ศ.2557 พฤติการณ์ทั้งหมดของผู้ที่ถูกตัดสินถือเป็นการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง มาโดยตลอดจนกระทั่งวันที่ศาลมีคำสั่งพิพากษาตัดสินให้จำเลยมีความผิด

สำหรับหลักการที่จะไม่มีการปล่อยตัวศาลจะพิจารณาจากหลัก​ 4​ ข้อประกอบด้วย

1.) จำเลยมีการพยายามหลบหนีหรือไม่

2.) มีการยุ่งเกี่ยวกับพยานหรือไม่

3.) มีการทำผิดในเรื่องอื่นหรือไม่

และ 4.) หลักประกันมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ซึ่งที่ผ่านมาหลักประกันที่ทางทนายยื่นไปประกอบไปด้วยเงินสด

ซึ่งจากที่ทีมทนายได้มีการวิเคราะห์ร่วมกันกับจำเลยทั้ง 8 คน สรุปว่าที่ผ่านมาทั้งหมดไม่เคยมีใครมีพฤติการณ์หลบหนี ทุกคนมีการมาพบเจ้าหน้าที่ตามนัด ทำตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดมีหลักประกันที่น่าเชื่อถือและไม่เคยมีใครปฏิเสธอำนาจของศาล

ฉะนั้นแล้วทั้งหมดจึงอยู่ในข่ายที่สมควรได้รับการประกันตัว ถึงแม้วันนี้จะยังไม่ทราบว่าศาลจะพิจารณาคำสั่งอนุญาตประกันเมื่อใด แต่ถ้าศาลมีการอนุญาตให้ประกันแล้วขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นในส่วนของ การให้หมายปล่อยและราชทัณฑ์จะมีการตรวจสอบ การใช้เวลาน้อยหรือมากขึ้นอยู่ที่ขั้นตอนของทั้งสองส่วนซึ่งทางทนายไม่อาจละเมิดได้ ส่วนคำตอบจะเป็นอย่างไร ทนายและจำเลยก็ยินดีน้อมรับ

ส่วนเหตุการณ์เมื่อวานนี้​ (25 ก.พ.) ที่ศาลไม่มีคำสั่งให้ประกันทางทนายไม่ มีการพูดคุยกับจำเลยทั้ง 8 คนเนื่องจากเลยเวลาเข้าเยี่ยมของราชทัณฑ์แล้วเพียงแต่โทรศัพท์แจ้งทางญาติที่เฝ้ารออย่างมีความหวัง

ส่วนเรื่องของโรคประจำตัวทางราชทัณฑ์การแจ้งผ่านทนายว่าสามารถมีการฝากยาไว้ให้จำเลยทั้ง 8 คนได้ แต่อย่างไรก็ตามในเรือนจำเองมีโรงพยาบาลที่จะคอยอำนวยความสะดวกในอาการเจ็บป่วยอยู่แล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า โดยเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาทางศาลอาญาได้มีการประสานทำความเข้าใจว่ากรณีการจำคุกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกว่าที่ผ่านมาทางศาลอาญายังไม่มีคำสั่ง​ "ไม่ให้ประกันตัว" แต่มีคำสั่งว่า เห็นควรส่งศาลอุทธรณ์พิจารณาว่าจะให้ปล่อยตัวหรือไม่ ดังนั้นจะไม่ใช่การยื่นขอประกันใหม่ แต่เป็นการรอฟังผลการพิจารณาจากทางศาลอุทธรณ์เท่านั้น โดยขณะนี้มีรายงานว่าทางศาลอาญาเตรียมความพร้อมที่จะอ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในช่วงเช้านี้

อุทยานแห่งชาติ แก่งกระจาน เปิดโต๊ะเจรจา 5 ตัวแทนชาวกระหร่าง กรณี ยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร ด้านชาวกระหร่างยื่น 7 ข้อเสนอ พร้อมยืนยันขออยู่ที่เดิม

นายจงคล้าย วรพงศธร ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายณัฐวุฒิ เพ็ชร์พรหมศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย นายพิชัย วัชรวงษ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่3 และ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี​ ตั้งโต๊ะเจรจาและรับฟังปัญหาการบุกรุกป่าจากชาวกระหร่างบางกลอยบน - ใจแผ่นดิน ที่บริเวณศาลาพอละจี บ้านบางกลอย หมู่ที่​ 1 ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

ทั้งนี้​ มีนายประเสริฐ พร้อมด้วยตัวแทนชาวหร่างอีก 4 คน และ มีนายนิรันด์ พงษ์เทศ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่​ 1 บ้านบางกลอง และชาวบ้าน ร่วมเจรจา โดยมีฝ่ายปกครอง ภาคีเครือข่าย และสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายจงคล้าย เผยว่า จากการที่คณะทำงานแก้ไขปัญหากรณีบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน ที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ตั้งขึ้น ลงพื้นที่ทำงานหาข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสอบพื้นที่จากทางอากาศและได้บันทึกภาพไว้ และเมื่อนำมาประเมินเบื้องต้นพบว่า มีการบุกรุกป่าบริเวณ บ้านบางกลอยบน - ใจแผ่นดิน เพิ่มมากขึ้น ทั้งที่มีการลงนามบันทึกข้อตกลง เพื่อแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวกันแล้ว

แต่พบว่า มีพื้นที่ป่าถูกบุกรุกป่าด้วยการแผ้วถาง และเผาป่า กว่า 120 ไร่ และเห็นที่ชัดที่สุดคือ ตามซอกเขา หลายจุด จุดละประมาณ 15 ไร่เศษ จากนั้นเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้เปิดยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร ระหว่างวันที่ 22 - 24 ก.พ. โดยเจ้าหน้าที่สนธิกำลังกว่า 80 นาย ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปลงจุดบุกรุกป่าต้นน้ำบางกลอยบน - ใจแผ่นดิน พร้อมเข้าร่วมเจรจาโดยใช้หลักละมุนละม่อม ปราศจากความรุนแรงโน้มน้าวให้ชาวกระหร่างลงมาที่บริเวณบ้านบางกลอยล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐจัดสรรพื้นที่ไว้ให้ชาวกระหร่างทำกิน เพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่า

นายจงคล้าย วรพงศธร ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ เผยว่า การเดินทางมาเจรจาในครั้งนี้ เบื้องต้นเพื่อมารับฟังปัญหาและความต้องการที่ชาวกระหร่าง ร้องขอ หากการร้องขอนั้นสามารถทำได้เลยก็จะทำ แต่สิ่งไหนที่ไม่สามารถรับปากในวันนี้ได้ก็จะนำไปรายงานให้คณะทำงานได้ประชุมหาทางแก้ไขเพื่อให้ปัญหายุติลง ขณะที่ ตัวแทนชาวกระหร่าง ได้ยื่นหนังสือข้อเจรจาให้กับเจ้าหน้าที่โดยมีวัตถุประสงค์ 7 ข้อ คือ

1.) พวกเราชาวบ้านบางกลอยขอยืนยันที่จะอยู่พื้นที่เดิมที่เคยอยู่มาก่อน

2.) คนที่ไม่มีความประสงค์จะกลับขึ้นไป ขอให้ช่วยเหลือเรื่องพื้นที่ทำกิน

3.) การปฏิบัติยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชรที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการเมื่อวันที่ 22 - 23 ก.พ.ที่ผ่านมา สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเนื่องจากอุปกรณ์ส่องสว่างได้รับความเสียหาย

4.) ขอให้เจ้าหน้าที่หยุดปฏิบัติการในช่วงนี้ จนกว่ากระทรวงทรัพยากรฯจะส่งคณะทำงานมา

5.) ขอให้เจ้าหน้าที่ และบางสื่อเสนอข่าว กล่าวหาว่า พวกเราไม่ใช่คนไทย

6.) ให้มีกระบวนการพิสูจน์สิทธิทั้งภาครัฐและนักวิชาการ กรณี เรื่องการทำไร่หมุนเวียน

7.) จะรอจนกว่าคณะทำงานที่ส่งมาจากกระทรวง ซึ่งอาจจะได้ข้อยุติ

ข้อเรียกร้องดังกล่าว นายจงคล้าย ยืนยันว่า จะนำเสนอให้กับคณะทำงานได้รับทราบและนำไปปฏิบัติเพื่อลดปัญหาการบุกรุกป่าต้นน้ำเพชร ต่อไป

ขณะเดียวกันประธานองค์กรอนาคตเพชรบุรี และภาคีเซฟแก่งกระจานป่าของโลกได้เดินทางไปยื่นร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ. แก่งกระจานกล่าวหาว่า...

พบเห็นการกระทำความผิดอาญาโดยมีนายนอแอ๊ มีมิลูก นายคออี้ พร้อมพวก กลับขึ้นไปบุกรุกพื้นที่พิพาท ณ.ปัจจุบันซึ่งเป็นพื้นที่ที่ศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาแล้วว่า เป็นพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติ แก่งกระจาน อาจเป็นการละเมิดมาตรา 16 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2504

ซึ่งถือเป็นการกระทำความผิดทางอาญา จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนและ ดำเนินคดีต่อ กลุ่มบุคคลดังกล่าวซึ่งมีทั้งตัวการและ ผู้สนับสนุน การกระทำความผิด โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำอันเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ 2562


ที่มา: https://mgronline.com/local/detail/9640000019019

ภาพแห่งความประทับใจ 'ตู่ นันทิดา' ก้มกราบมารดาหลังการประชุมสภาเสร็จสิ้น

หลายท่านคงรู้จัก “ตู่ นันทิดา” แก้วบัวสาย ในฐานะอดีตนักร้องและนักแสดง แต่ในวันนี้ อดีตนักร้องได้ผันตัวเข้ามาสู่การเป็นนักการเมืองอย่างเต็มตัว ด้วยตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ที่นอกจากจะเป็นครั้งแรกในการรับตำแหน่งนี้แล้วยังเป็นนายก อบจ. สมุทรปราการ หญิง คนแรกอีกด้วย ที่ก้าวเข้ามารับตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้นจากพี่น้อง ชาวสมุทรปราการ

ซึ่งในวันนี้ได้เกิดภาพแห่งความประทับใจ ของ “ตู่ นันทิดา” หลังจากการเข้าประชุมสภาสามัญ สมัยที่ 1 ประจำปี 2564 เสร็จสิ้นลง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ หรือ “ตู่ นันทิดา” ในชุดเครื่องแบบข้าราชการเต็มยศ ได้ก้มลงกราบ นางประทุมมาศ แก้วบัวสาย ผู้เป็นมารดา ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับข้าราชการ อบจ. สมุทรปราการ ที่ได้เห็นภาพ อบจ. ป้ายแดงท่านนี้ ได้แสดงความกตัญญู กับผู้เป็นมารดา

นอกจากนี้ทั้งทางด้านข้าราชการ อบจ.สมุทรปราการพร้อมด้วยนายสราวุธ แก้วบัวสาย พี่ชาย และนางสิรยา ธนาพรพล พี่สาว ยังได้มาร่วมแสดงความยินดี ภายในห้องทำงาน และร่วมอวยพรให้ “ตู่ นันทิดา” กับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย

สถานการณ์โควิด - 19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด - 19 ประเทศไทยและอาเซียน

ประจำวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564

"โฆษกพรรคกล้า" ชี้ ภาพการเมือง พปชร. เปลี่ยนไป หลังอดีตแกนนำ กปปส. ถูกพิพากษา ยอมรับหัวใจน้อมรับกระบวนการยุติธรรม แวดล้อมนายกฯ จากนี้สาย “ทหาร - ไทยรักไทยเก่า” ยึดอำนาจ

นายธันวา ไกรฤกษ์ โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีศาลอาญาชั้นต้นพิพากษาจำคุกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ อดีตแกนนำ กปปส. คือนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ , นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ต้องพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องที่น่าใจหาย เพราะหากมองย้อนกลับไปในอดีต โครงสร้างของพรรคพลังประชารัฐเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่การเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจยกชุด เปลี่ยนหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคที่มาจากพลเรือนออก แทนที่ด้วยผู้บริหารจาก คสช. จนวันนี้รัฐมนตรีสาย กปปส. ขุนพลหลักใน กทม. ก็ต้องมาสิ้นสภาพไป

โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า วันนี้ภูมิทัศน์ทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐเปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นแกนนำพรรคระดับรัฐมนตรี ก็เคยอยู่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทยกันทั้งนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังคงอยู่ในเส้นทางอำนาจต่อไป ส่วนพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ออกมาบอกกับสื่อมวลชนว่า ปรับ ครม. เที่ยวนี้ ไม่มีโควต้า กปปส. มีแต่โควต้า พปชร.เท่านั้น

“โครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ จากวันเลือกตั้งถึงวันนี้ เปลี่ยนไปมาก ภาพหลักของพรรค รอบตัวนายกฯ กลายเป็นแค่สายทหาร-ไทยรักไทยเดิม” นายธันวา กล่าว

คมนาคมดันรถยนต์ส่วนบุคคล 7 ที่นั่งวิ่งไม่เกิน 120 ไม่ผิดกฎหมาย รถอื่น ๆ ปรับกำหนดความเร็วขึ้นตามความเหมาะสม เผยยังอยู่ในขั้นตอนรอกฤษฎีกา

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมณตรีกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถึงร่างกฎกระทรวงกำหนดความเร็วยานพาหนะ ซึ่งจะปรับเพิ่มอัตราความเร็วสูงสุดของรถยนต์บนถนนทางหลวงให้สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ 120 กม./ชม. เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการจราจรในปัจจุบัน โดยขั้นตอนจากนี้จะต้องรอให้ทางกฤษฎีกาสรุปความเห็น ก่อนเสนอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

สำหรับกฎหมายฉบับนี้ กำหนดเพิ่มอัตราความเร็วสูงสุดของรถยนต์ส่วนบุคคลขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 90 กม./ชม. เป็นความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. เฉพาะพื้นที่ที่มีความปลอดภัยทางกายภาพ ซึ่งจะต้องเป็นถนนที่มีมาตรฐานสูงขนาด 4 ช่องจราจรขึ้นไป ไม่มีจุดตัดหรือจุดกลับรถเสมอระดับถนน มีการแบ่งทิศทางจราจรอย่างชัดเจน และมีเกาะกลางถนนเฉพาะแบบกำแพงกั้น โดยกำหนดความเร็วขั้นต่ำสำหรับช่องจราจรขวาสุดไว้ไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุชนท้ายกันในช่องทางที่รถวิ่งด้วยความเร็ว

พร้อมทำการปักป้ายกำกับความเร็วตลอดแนวเส้นทางโดยวิศวกรของหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น ป้ายจำกัดความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. ในเขตชุมชนหรือเขตโรงเรียน ป้ายจำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ในบริเวณทางโค้ง ทางแยก หรือทางกลับรถ ป้ายจำกัดความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. บริเวณทางตรงซึ่งสามารถทำความเร็วได้ แต่ต้องไม่เกินตามที่ป้ายกำหนด โดยผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรและขับขี่ด้วยความเร็วตามที่กำหนดไว้ เพื่อความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนตลอดการเดินทาง

สำหรับรถประเภทอื่น ๆ ได้ปรับกำหนดความเร็วขึ้นตามความเหมาะสม ทั้งรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือบรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน สามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. ส่วนรถในขณะลากจูงรถอื่น รถสี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กม./ชม. รถจักรยานยนต์ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ส่วนรถจักรยานยนต์กำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ หรือกระบอกลูกสูบรวม 400 CC ขึ้นไป ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม. รถโรงเรียนใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. และรถโดยสารเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top