ศบค.ยกเลิกเคอร์ฟิวทุกพื้นที่ เว้น 7 จังหวัดแดงเข้ม หวั่นปลดล็อกดื่มเหล้า อาจทำระบาดรอบใหม่
ศบค. ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวทุกพื้นที่ ยกเว้น 7 จังหวัดสีแดงเข้ม แต่ยังหวั่นปลดล็อกดื่มแอลกอฮอล์ ในจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดอีกรอบ โดยเฉพาะ กทม. เหตุเป็นพื้นที่ที่มีความซับซ้อน
วันที่ 29 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) มีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. เป็นประธาน
ที่ประชุมมีมติปรับพื้นที่ควบคุมและเข้มงวดสูงสุด (สีแดงเข้ม) 23 จังหวัด เหลือ 7 ได้แก่ จันทบุรี ตาก นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา
พื้นที่ควบคุมสูงสุด 30 จังหวัด เป็น 38 จังหวัด และ พื้นที่ควบคุม 24 จังหวัด เป็น 23 จังหวัด
พื้นที่เฝ้าระวังสูง 5 จังหวัด ได้แก่ นครพนม น่าน บึงกาฬ มุกดาหาร สกลนคร
นอกเหนือมติการปรับพื้นที่สี เพื่อรองรับการเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายน 2564 การยกเลิกการออกนอกเคหสถาน (ยกเว้นพื้นที่สีแดงเข้ม 7 จังหวัดที่ยังคงเวลา 23.00 - 03.00 น.) การผ่อนคลายให้ดื่มแอลกอฮอล์ในบางพื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กระบี่ พังงา ภูเก็ต
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงรายละเอียดเพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่องการผ่อนคลายให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ว่า สำหรับพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 4 จังหวัดที่ประกอบไปด้วย กรุงเทพมหานคร กระบี่ พังงา และภูเก็ต นั้น โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวย้ำว่า ที่ประชุมมีการพิจารณาเรื่องนี้กันพอสมควร มีความห่วงใยในส่วนของผู้บริหาร ผู้อาวุโส รวมถึงที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของ ผอ.ศบค. ที่ได้พูดถึงความห่วงใยในประเด็นมาตรการที่ต้องออกมากำกับอย่างเต็มที่
“เพราะถ้าพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวตรงนี้ สามารถที่จะใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยเฉพาะการดื่มสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย จะปล่อยให้เกิดขึ้นแบบวิถีปกติไม่ได้ เพราะจะเป็นเหตุของการติดเชื้อและเกิดการแพร่ระบาดกลับคืนมาได้ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครที่มีความซับซ้อนในเชิงของการจัดการควบคุมโรค” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว
ที่ประชุมแจ้งว่า ในเมื่อตรงนี้ต้องการเปิดประเทศ ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ ผอ.ศบค. ได้สั่งการให้กรุงเทพมหานครไปประชุมโดยนำข้อกังวลของที่ประชุมไปประชุมร่วมกันโดยคณะกรรมการโรคติดต่อของ กทม. จะต้องออกมาตรการเฉพาะในเรื่องของการให้บริการการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. (พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง) ได้กล่าวถึงพื้นฐานเดิมคือ มีระบบของการจัดการเรื่องของ SHA+ ที่ให้สถานที่ต่าง ๆ ได้ประเมินตนเอง หรือประเมินผ่านคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. อันนี้ก็จะให้ แต่จะมีประเด็นอื่น ๆ
“ในที่ประชุมก็ยังบอกด้วยว่า องค์กร สถานประกอบการ หรือสมาคม ที่มีส่วนรับผิดชอบการเปิดในด้านนี้ ขอให้เข้ามามีส่วนร่วมในการรับผิดชอบในการดำเนินกิจการ กิจกรรมให้กลับไปเหมือนเดิม เมื่อมีภาวะที่สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือการแพร่ระบาดจะต้องรับผิดชอบร่วมกันเพื่อที่จะคงพื้นที่สีฟ้านี้ให้อยู่ต่อไป” โฆษก ศบค.กล่าวย้ำ
นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการคาดการณ์ผลจากมาตรการป้องกันควบคุมโรค หรือฉากทัศน์หลังเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้ หรือการ Reopening คาดว่า หลังเปิดประเทศจะทำให้เศรษฐกิจและสังคมของเราก้าวหน้าไปพร้อมกับการอยู่กับโควิดไปให้ได้ โดยมีการพยากรณ์ออกมาว่า เราจะเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นี้ จากการประเมินในหนึ่งสัปดาห์ หรือสัปดาห์แรกจะมีทางแยกไป 3 ทาง
ทางปลัดกระทรวงสาธารณสุขอยากเห็นทางแยกคือสีเขียว ทุกท่านการ์ดไม่ตก ทำหน้าที่เต็มที่ และควบคุมกันอย่างเต็มที่ เราจะอยู่เส้นสีเขียว และจะพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้ แต่ถ้าเรา การ์ดตกนิดหน่อย ทำอะไรที่ไม่เข้มพอยังเป็นสีส้มอยู่ แต่ถ้าการ์ดตกมาก ไม่คำนึงเรื่องอื่น ๆ เลย ทั้งเรื่องความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว กราฟจะขึ้นเป็นสีเทาสูงสุดเป็นหลักหมื่นหรือหลายหมื่น
“อาทิตย์หน้าเราจะเข้าสู่ทางแยกนี้แล้ว นี่คือการพยากรณ์แค่เปิดประเทศ 1 สัปดาห์สามารถที่จะทำให้เรารู้กำหนดชีวิต อนาคต ได้ภายใน 1 สัปดาห์ ถ้าเราผ่านกันไปได้ เราจะนำเม็ดเงิน และความเป็นอยู่กลับมาคืนสู่ชีวิตวิถีใหม่ ตามที่เราต้องการ ก็ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนทุกท่านด้วย” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวในตอนท้าย