ครอบครัวชาวกัมพูชาประมาณ 3,000 ครอบครัวทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนักในกัมพูชา ซึ่งครอบครัวเหล่านั้นถูกบังคับให้อาศัยอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวและเต๊นท์ เพื่อรอให้ระดับน้ำลดลงตามถนนและบ้านเรือนของพวกเขา ผู้อยู่อาศัยยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้เห็นน้ำท่วมใหญ่เช่นนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว น้ำท่วมในประเทศตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมได้คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเมือง

เสียงจาก (ชาวบ้าน) “เราอยู่ในเต็นท์ (หนึ่งสัปดาห์) เราไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านของเรา บ้านบางหลังถูกน้ำพัดพัดพาไป น้ำเกือบถึงหลังคาบ้านแล้ว ฉันอาศัยอยู่ที่นี่มากว่า 20 ปี และไม่เคยเห็นน้ำท่วมแบบนี้มาก่อน อยู่กับน้ำท่วมลำบาก เราไม่มีไฟฟ้าและไม่มีน้ำสะอาด ลูกๆ ของเรากำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่น โรค แมลง และงู ดังนั้นเราจึงพยายามปกป้องเด็กๆ ของเรา เราไม่สามารถไปทำงานหรือทำธุรกิจใด ๆ ได้เพราะน้ำขึ้นสามครั้งต่อวัน อยากจะขอให้รัฐบาลจัดระบบการเบี่ยงน้ำให้ดีกว่านี้ จะได้ไม่โดนน้ำท่วมอีก เราเสียเวลาของเราเพราะเราไม่สามารถไปทำงานหรือทำธุรกิจได้”

เฮง โสภณ – คนขายอาหาร บอกว่า “เจ้าพนักงานท้องถิ่นเตือนเรื่องอุทกภัยครั้งนี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าน้ำจะขึ้นเร็วขนาดนี้ เราคิดว่ามันจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเหมือนปีที่แล้ว มีมากกว่า 50 ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเต็นท์ที่นี่”

ศรี มุจ– คนงานในโรงงาน บอกว่า “จู่ๆ น้ำก็ขึ้นมาเร็ว เราเลยไม่ได้เตรียมตัวไว้ อย่างแรก น้ำอยู่ในระดับต่ำแต่ก็มาถึงคอฉันอย่างรวดเร็ว”

ศรี นิน – นักศึกษามหาวิทยาลัย บอกนักข่าวว่า“หลานสาวของฉันมาอยู่กับฉันเพราะบ้านพ่อแม่ของเธอถูกน้ำท่วมและเธอไม่มีไฟฟ้าใช้ เรากลัวว่าจะมีงูหรืออะไรปีนเข้ามาในบ้าน ปีที่แล้วเห็นแต่น้ำท่วมถนนแต่ปีนี้ขึ้นบ้านไป ฉันจะขอให้ผู้ว่าการภาคสร้างถนนที่ดีขึ้น แต่ต้องระบายน้ำที่เหมาะสมเพื่อเปลี่ยนเส้นทางน้ำ”

ศุน หาจ – ชาวบ้าน เล่าว่า“เมื่อวานน้ำท่วมถึงคอผมแล้วท่วมถนนใหญ่ คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านข้างหลังฉันถูกน้ำท่วมทั้งหมด ผู้ที่อาศัยอยู่ในห้องเช่าได้รับการอพยพไปยังดินแดนที่สูงขึ้น ไฟฟ้าดับและเราไม่สามารถใช้น้ำในเมืองได้เช่นกันเพราะเราต้องการไฟฟ้าเพื่อสูบน้ำสะอาด ฉันไปขายน้ำอ้อยกับภรรยา แล้วไปเรากลับบ้าน เราเห็นบ้านของเราถูกน้ำท่วม เราพยายามรวบรวมสิ่งของในบ้าน แต่เราเห็นที่เก็บอาหารของเราถูกน้ำท่วม สองปีมาแล้วที่เราประสบอุทกภัย แต่ปีนี้น้ำท่วมหนักกว่าเดิม”