Saturday, 27 April 2024
กัมพูชา

“มาดามแป้ง” ต้อนรับที่ปรึกษาส่วนตัว ‘สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซ็น’ และ ‘รมช.ท่องเที่ยว กัมพูชา’ ร่วมหารือการตั้งทีมฟุตบอลหญิงของกัมพูชา

“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ให้การต้อนรับ ดร.ซก กรัดทะยา (H.E. Dr. Sok Sokrethya) ที่ปรึกษาส่วนตัว สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และคณะ ซึ่งร่วมหารือและขอคำแนะนำในประเด็น การก่อตั้งทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติกัมพูชา

โดย “มาดามแป้ง” เผยถึงการหารือครั้งนี้ร่วมกับ รมช. ท่องเที่ยว กัมพูชา ว่า “ต้องขอขอบคุณที่ให้เกียรติกับแป้ง ในฐานะคนรักกีฬาเหมือนกัน จึงได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับฟุตบอลในหลากหลายแง่มุม เพราะฟุตบอลเป็นกีฬามหาชน ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวภายในประเทศ อันเป็นภารกิจหลักของท่าน ดร. ซก กรัดทะยา

 

ที่ปรึกษาส่วนตัว “สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซ็น” พบผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย สร้างเสริม เติมความพร้อมในเอเชียนเกมส์ที่กัมพูชา

Dr. Sok Sokrethya ที่ปรึกษาส่วนตัว สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ผู้แทนรัฐบาลกัมพูชา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และรศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา พร้อมคณะที่ปรึกษา ได้เข้าพบ ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ท่านผู้ว่าฯ อาทิ วิษณุ ไล่ชะพิษ รองผู้ว่าฝ่ายบริหารพร้อมคณะผู้บริหารการกีฬาแห่งประเทศไทย

บรรยากาศการต้อนรับอบอุ่น ได้นำเสนอ วีดีทัศน์ถึงการพัฒนาการกีฬาไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน โดยตั้งเป้าหมายให้ได้เหรียญทองโอลิมปิกในอีกสามปี ของการเข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศฝรั่งเศส และเพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลกัมพูชากับตัวแทนของภาคประชาสังคมไทย ด้านกีฬาประเภทต่าง รวมทั้งการเชิญเข้าร่วมการพัฒนาผู้บริหารด้านการกีฬาทั้งระดับกลางและระดับสูงให้เจริญมั่นคงยิ่งขึ้น

Dr. Sok Sokrethya ได้กล่าวชื่นชมถึงความก้าวหน้าของการพัฒนาด้านการกีฬาของไทยและปรารถนาที่จะขอความร่วมมือในการพัฒนาด้านการกีฬา โดยเฉพาะลู่จักรยานเพื่อการพัฒนากีฬาจักรยานที่ปัจจุบัน การขับขี่จักรยานเป็นที่แพร่หลายมากในประเทศกัมพูชา แต่ยังขาดเทคโนโลยีที่ถูกต้อง

"ดร.ซก" ที่ปรึกษาฮุนเซน เข้าหารือ "สุริยะ" ไทย - กัมพูชา พร้อมร่วมมือ!! ด้านพลังงาน - อุตสาหกรรมดิจิทัล - การท่องเที่ยว หลังจากโควิดผ่านไป

รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ได้ทำหน้าที่ประสานและนำ ดร.ซก ซกกรัดทะยา  (Dr.Sok Sokrethya) ที่ปรึกษาส่วนตัวของท่านนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซน ผู้แทนรัฐบาลกัมพูชา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เข้าพบนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ณ ห้องรับรอง 1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลของสองประเทศให้มั่นคงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักการเมืองรุ่นใหม่ของกัมพูชากับของประเทศไทย ตลอดจนเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแสวงหาความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ในช่วงที่ทั้งสองประเทศเกิดโควิดและหลังจากสถานการณ์โควิดผ่านไปแล้ว

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้กล่าวขอบคุณท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงท่องเที่ยวของกัมพูชาว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านได้มาเยือนกระทรวงอุตสาหกรรมในวันนี้ ทางไทยได้ทราบว่ารัฐบาลกัมพูชาให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการแปรรูปการเกษตรอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอุตสาหกรรมยานยนต์และประเทศกัมพูชากำลังอยู่ในกระบวนการสร้างอุตสาหกรรมดิจิตัล ท่านจึงมีความเชื่อมั่นว่าไทยและกัมพูชาสามารถจะทำงานร่วมกันได้

นอกจากนี้ นายสุริยะ ได้เสริมว่าการค้าชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ท่านจึงมีความปรารถนาที่จะเห็นการค้าชายแดนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งท่านยังไข้ขอให้รัฐบาลกัมพูชาจะให้การสนับสนุนให้นักธุรกิจไทยมีโอกาสจับคู่กับนักธุรกิจกัมพูชาเพื่อให้ความสัมพันธ์ด้านการค้าของสองประเทศมีความมั่นคงยิ่งขึ้นด้วย พร้อมกันนี้ ยังได้ ฝากความขอบคุณและความปรารถนาดีไปถึงนายกฮุนเชนผู้นำกัมพูชาในโอกาสนี้ด้วย

ทางด้าน ดร.ซก ซกกรัดทะยา รัฐมนตรีช่วยการท่องเที่ยวกัมพูชากล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชาสมเด็จฮุนเซน ได้ฝากความปรารถนาดีอย่างสูงสุดมายังรัฐบาลไทย ว่า ท่านปรารถนาที่จะเห็นนักการเมือง ข้าราชการ และประชาชนของกัมพูชาและไทยช่วยเหลือกัน ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดฉันท์ประเทศบ้านพี่เมืองน้อง  

อย่างไรก็ดีในสถานการณ์โควิดท่านนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซน ได้มีนโยบายเร่งให้สร้างถนนและระบบการขนส่งอย่างกว้างขวางเพื่อเป็นการตระเตรียมรองรับการท่องเที่ยวที่จะกลับมาอีกครั้งหนึ่งในเร็ววันนี้  ซึ่งไทยแบะกัมพูชาพร้อมจับมือกับพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไปพร้อมกัน

กัมพูชา – น้ำท่วมในพนมเปญส่งผลกระทบต่อ 3000 ครอบครัว

ครอบครัวชาวกัมพูชาประมาณ 3,000 ครอบครัวทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนักในกัมพูชา ซึ่งครอบครัวเหล่านั้นถูกบังคับให้อาศัยอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวและเต๊นท์ เพื่อรอให้ระดับน้ำลดลงตามถนนและบ้านเรือนของพวกเขา ผู้อยู่อาศัยยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้เห็นน้ำท่วมใหญ่เช่นนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว น้ำท่วมในประเทศตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมได้คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเมือง

เสียงจาก (ชาวบ้าน) “เราอยู่ในเต็นท์ (หนึ่งสัปดาห์) เราไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านของเรา บ้านบางหลังถูกน้ำพัดพัดพาไป น้ำเกือบถึงหลังคาบ้านแล้ว ฉันอาศัยอยู่ที่นี่มากว่า 20 ปี และไม่เคยเห็นน้ำท่วมแบบนี้มาก่อน อยู่กับน้ำท่วมลำบาก เราไม่มีไฟฟ้าและไม่มีน้ำสะอาด ลูกๆ ของเรากำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่น โรค แมลง และงู ดังนั้นเราจึงพยายามปกป้องเด็กๆ ของเรา เราไม่สามารถไปทำงานหรือทำธุรกิจใด ๆ ได้เพราะน้ำขึ้นสามครั้งต่อวัน อยากจะขอให้รัฐบาลจัดระบบการเบี่ยงน้ำให้ดีกว่านี้ จะได้ไม่โดนน้ำท่วมอีก เราเสียเวลาของเราเพราะเราไม่สามารถไปทำงานหรือทำธุรกิจได้”

เฮง โสภณ – คนขายอาหาร บอกว่า “เจ้าพนักงานท้องถิ่นเตือนเรื่องอุทกภัยครั้งนี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าน้ำจะขึ้นเร็วขนาดนี้ เราคิดว่ามันจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเหมือนปีที่แล้ว มีมากกว่า 50 ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเต็นท์ที่นี่”

ศรี มุจ– คนงานในโรงงาน บอกว่า “จู่ๆ น้ำก็ขึ้นมาเร็ว เราเลยไม่ได้เตรียมตัวไว้ อย่างแรก น้ำอยู่ในระดับต่ำแต่ก็มาถึงคอฉันอย่างรวดเร็ว”

กัมพูชาเปิดแดน ฉีดวัคซีนครบโดสไม่ต้องกักตัว ดีเดย์ เริ่ม 15 พ.ย. เป็นต้นไป

15 พ.ย. 64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ว่า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 15 พ.ย. เป็นต้นไป กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการกักตัวนักเดินทางที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ครบสองโดส และมีผลการตรวจเชื้อในช่วงเวลา 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางไม่พบการติดเชื้อไวรัส จะสามารถเดินทางในกัมพูชาได้ทั่วประเทศโดยไม่ต้องถูกกักตัวนาน 14 วันเมื่อมาถึง เป็นการยุติมาตรการกักกันของกัมพูชาที่ใช้มานานกว่า 18 เดือน

"ดร.ซก" ที่ปรึกษาส่วนตัวสมเด็จฮุนเซน ยืนยัน!ข่าวกัมพูชายกเลิกล็อกดาวน์จริง เผยยอดติดเชื้อลดลงวันละไม่ถึง 100 ราย พร้อม!เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ฉีดวัคซีน 2 เข็ม ทำ PCR Test เข้าได้

หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าวว่า ประเทศกัมพูชามีคำสั่งยกเลิกล็อกดาวน์พร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ โดยนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซนได้ประกาศข้อความเสียงผ่านโซเชียลมีเดียไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น

ทั้งนี้ เพื่อความชัดเจน นักข่าวได้สอบถามไปยัง (ดร.แซม) ดร.ซก ซกกรัดทะยา ที่ปรึกษาส่วนตัวสมเด็จฮุนเซนนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งกำลังทำหน้าที่เชื่อมความสัมพันธ์ ไทย - กัมพูชา อยู่ ณ เวลานี้ โดยไดัรับการยืนยันจากท่านที่ปรึกษาส่วนตัวสมเด็จฮุนเซนว่าข่าวดังกล่าวเป็นความจริงทุกประการ โดยท่านยังได้ยืนยันถึงมาตรการด้านการควบคุมการแพร่ระบาดไของเชื้อไวรัสโคโรน่าที่เข้มข้นของรัฐบาล พร้อมได้เชิญชวนประชาชนชาวไทยให้เดินทางไปท้องเที่ยวประเทศกัมพูชาด้วย

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 (ดร.แซม) ดร. ซก ซกกรัดทะยา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับข่าวยกเลิกล็อกดาวน์เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วเข้าประเทศกัมพูชาได้แล้วนั้น ผมขอยืนยันคือข่าวจริงทุกประการ โอกาสนี้ จึงอยากเชิญชวนชาวไทยทุกคนให้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศกัมพูชาได้ตามปกติ ขอยืนยันความปลอดภัย โดยเฉพาะมาตรการคุมเข้มเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 ตอนนี้กัมพูชาได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้ว 85% หรือกว่า 14 ล้านคน จึงอยากให้คนไทยและชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยได้มีความมั่นใจในการเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในกัมพูชา

ดร.ซก กล่าวอีกว่า “สำหรับประเทศกัมพูชา ณ เวลานี้ เราขอยืนยันความพร้อมที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวและกัมพูชาไม่ได้มีเพียงเมืองมรดกโลกอย่างเมืองเสียมเรียบที่มีนครวัดนครธมเท่านั้น เรายังมีเมืองสีหนุวิลล์เมืองตากอากาศ และพนมเปญ ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่อยากให้ทุกคนไปเยือน และการเดินทางจากประเทศไทยนั้นสะดวกสามารถเดินทางได้ทั้งทางรถยนต์ ทางเรือ หรือทางเครื่องบิน จึงอยากขอเชิญชวนคนไทยและชาวต่างชาติมาเที่ยวกัมพูชาได้แล้ว” ดร.ซก ที่ปรึกษาส่วนตัวสมเด็จฮุนเซน กล่าว  

 

กัมพูชา - ‘ศิลปินกัมพูชา’ โอด!!อยากกลับไปทำงานศิลปะ หลังวิกฤตโควิด-19

หลังจากหยุดไปเกือบสองปี รัฐบาลกัมพูชาได้ประกาศเปิดตัวอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นโอกาสสำหรับจิตรกรและผู้ค้างานศิลปะที่จะกลับมาฟื้นฟูช่วงที่ซบเซา ที่มาพร้อมกับการปิดเมืองอันเนื่องมาจากการระบาดของ ไวรัสโคโรน่า

ศิลปินหลายคนถูกบังคับให้ทำงานที่ยากซึ่งห่างไกลจากความสามารถเพื่อประกันการดำรงชีวิต ศิลปินและผู้ค้างานศิลปะหลายคน แสดงความหวังว่าชีวิตจะกลับคืนสู่สภาพเดิมก่อนเกิดโรคระบาด

จิตรกรและเจ้าของร้าน Yang Lita กล่าวว่าเธอสูญเสียเงินระหว่างการปิดร้านว่า “ร้านของฉันสูญเสียรายได้เกือบทั้งหมดเมื่อเกิดวิกฤต Covid-19

เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า สภาพที่ยากลำบากทำให้เธอต้องลดจำนวนพนักงาน โดยสั่งภาพวาดจากจิตรกรที่ใกล้ชิดเท่านั้นซึ่งทำให้จิตรกรเปลี่ยนงานจากช่างทาสีเป็นชาวนา โรงงาน หรือคนงานก่อสร้าง”

การเริ่มต้นใหม่ของภาคการท่องเที่ยวจุดประกายความหวังให้กับ Yong Leyta ซึ่งกล่าวว่า “ฉันหวังว่าร้านของฉันจะมีลูกค้า 70% เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต”

จิตรกร SeabKhorn เห็นด้วยและกล่าวว่า “ผมมีปัญหามากมายตั้งแต่เกิดการระบาดของ Covid-19 นักท่องเที่ยวก็ลดลง ตลาดปิด และฉันตกงานตั้งแต่เกิดโรคระบาด" เสริมว่าการเลี้ยงสัตว์ก็ไม่เป็นผลดีกับเขา

เมื่อได้รับข่าวการกลับมาเปิดภาคการท่องเที่ยวอีกครั้ง เซียบกรณ์ กล่าวอย่างมีความสุขว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับข่าวดีนี้ว่ารัฐบาลจะกลับมาเปิดการท่องเที่ยวอีกครั้ง เราจะสามารถกลับไปทำงานและมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ดังเดิม”

 

‘ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ’ กำชับทุกหน่วย!! เตรียมพร้อมขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ปราบปรามแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย มีโทษทั้งนายจ้างและลูกจ้าง

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจ แห่งชาติกำชับหน่วยงานในสังกัดขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามแรงงานต่างด้าว ตามมติ ครม. เมื่อ 28 ก.ย. 64 ให้นายจ้างและแรงงาน 3 สัญชาติ(ลาว กัมพูชา เมียนมา) ดำเนินการเข้าสู่กระบวนการจ้างงานตามกฎหมาย ภายในวันที่ 1-30 พ.ย.64 รวมถึงประสานงานกับหน่วยที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมกลุ่มแรงงาน MOU นั้น

เนื่องด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายให้บริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเป็นระบบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของนายจ้างและสถานประกอบการที่ขาดแคลนแรงงาน พร้อมกับควบคุมมิให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ อีกทั้งได้มีมติให้มีการตรวจสถานที่ประกอบการต่าง ๆ เพื่อให้คำแนะนำการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขแก่นายจ้างและแรงงานต่างด้าว รวมถึงให้นำแรงงานต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายเข้าสู่ระแบบการจ้างงานตามกฎหมายประเทศไทย เพื่อให้ได้รับการดูแลตามสิทธิที่พึงมี ภายในวันที่ 30 พ.ย. 64 หลังจากนั้นทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีกับแรงงานต่างด้าวทำงานผิดกฎหมายอย่างจริงจัง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สนองนโยบายรัฐบาลโดยได้กำชับและสั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง ให้ทำการประสานการปฎิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการประชาสัมพันธ์พร้อมสร้างการรับรู้ให้กับนายจ้างและแรงงาน 3 สัญชาติ( ลาว กัมพูชา เมียนมา) เพื่อให้มาดำเนินการภายในกำหนดตาม มติ ครม.  โดยหลังจาก 30 พ.ย.64 ให้ประสานการปฎิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการตรวจสอบสถานประกอบการ โรงงาน ที่พักคนงาน และพื้นที่สุมเสี่ยง ทำการสืบสวนปราบปราม จับกุมแรงงานต่างด้าวที่ทำงานโดยผิดกฎหมายและนายจ้างที่เกี่ยวข้อง  เพิ่มการกวดขันการตรวจตราการลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง โดยให้ปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยร่วมปฏิบัติต่าง ๆ ในพื้นที่อย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง ตลอดจนขยายผลไปยังเครือข่ายผู้ร่วมกระทำความผิดทุกราย  พร้อมให้เจ้าหน้าที่ทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังตามหลักยุทธวิธีตำรวจและถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ได้กำหนด

หากตรวจพบว่าพื้นที่ใดหย่อนยาน ปล่อยปละละเลย หรือมีความผิดพลาดเกิดขึ้น จะถือว่าเป็นความบกพร่อง ต่อหน้าที่ อีกทั้งเน้นย้ำให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ควบคุม กำกับดูแล การปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด ห้ามเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือเรียกรับผลประโยชน์ทุกกรณี ไม่ว่าจะโดยตรงหรือทางอ้อมก็ตาม หากพบจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาดทุกราย

ผู้ที่ให้การช่วยเหลือหรือนำพาบุคคลต่างด้าวลักลอบข้ามพรมแดน จะมีโทษฐานเป็นบุคคลที่นำพาบุคคลต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองซึ่งจะมีโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 100,000 บาท แต่ถ้าเกิดมีการช่วยเหลือซ่อนเร้นคือบุคคลต่างด้าวนั้นเข้ามาหลบอยู่ในบ้านท่านหรือมีการอำนวยความสะดวกให้ขึ้นรถหรือว่ามีการหลบหลีกด่านตรวจต่างๆ โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 50,000 บาท

 

กัมพูชา - ชาวนากัมพูชาทิ้งไร่นา!! เนื่องจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ทำพืชผลเสียหาย

สีหนุวิลล์/กัมพูชา - กลุ่มชาวนาในเขตเปรยนบ ประเทศกัมพูชา ถูกบังคับให้ขายที่ดินของตนเนื่องจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้พืชผลเสียหาย

พวกเขาเชื่อว่าการจัดตั้งบริษัทเอกชน โดยเฉพาะฟาร์มกุ้ง ใกล้ ๆ กับพวกเขาเป็นสาเหตุสำคัญของการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล เนื่องจากน้ำเค็มไหลจากฟาร์มกุ้งไปยังนาข้าว สร้างความเสียหายแก่พืชผล ส่งผลให้ชาวบ้านเพียง 40% ถึง 50% ยังคงปลูกข้าวในพื้นที่ ส่วนที่เหลือขายที่ดินให้บริษัทเอกชน

“หม่อง ริน” ชาวนาบอกว่าเขาปลูกข้าวมาตั้งแต่ปี 2527 และเมื่อน้ำทะเลเริ่มไหลเข้าสู่นาข้าว เขาถูกบังคับให้ขายที่ดินของเขา เขื่อนเก่ารั่วไหลทำให้น้ำทะเลเข้านาข้าว และสร้างความเสียหายให้กับพืชไร่และไร่ผัก ตามคำกล่าวของคุณรัน รองหัวหน้าชุมชนประมง

รัน ยังรับรองด้วยว่าฟาร์มกุ้งที่ตั้งขึ้นใกล้กับที่ดินของพวกเขา มีส่วนทำให้เกิดความเสียหา ยเนื่องจากน้ำล้นเข้าไปในนาข้าว ทำลายพืชผล นอกจากนี้ รองผู้อำนวยการยังระบุด้วยว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทุกปีทำให้น้ำทะเลไหลลงสู่พื้นที่น้ำจืดอย่างต่อเนื่อง

คุณรันกล่าวเสริมว่า “อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ของเรา เรามีป่าชายเลนที่สามารถช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ แต่พื้นที่ที่อยู่ไกลออกไปเล็กน้อยมักถูกน้ำทะเลท่วม กรมวิชาการเกษตรมาตรวจสอบน้ำท่วม เขื่อน และฝากดินอีกส่วนหนึ่งเพื่อทำให้ถนนสูงขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะเลไหลข้ามถนน แต่ถนนสายใหม่ถูกน้ำทะเลกิน”

“กรมวิชาการเกษตรมาตรวจสอบน้ำท่วม เขื่อน และฝากดินอีกส่วนหนึ่งเพื่อทำให้ถนนสูงขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะเลไหลข้ามถนน แต่ถนนสายใหม่ถูกน้ำทะเลกิน” เขากล่าว

หลังจากเหตุผลดังกล่าว เกษตรกรจำนวนมากจึงตัดสินใจลาออกจากอาชีพและเริ่มทำงานในสาขาอื่น เช่น การก่อสร้าง โดยอธิบายว่าการทำนาเป็น “งานที่ไร้ประโยชน์” หลังจากเหตุผลดังกล่าว เกษตรกรจำนวนมากจึงตัดสินใจลาออกจากอาชีพและเริ่มทำงานในสาขาอื่น เช่น การก่อสร้าง โดยอธิบายว่าการทำนาเป็น “งานที่ไร้ประโยชน์”

 

กัมพูชา - ชายฝั่งเขมร ขอให้นักลงทุนปิดการก่อสร้างในสีหนุวิลล์

สีหนุวิลล์/กัมพูชา – เมืองชายฝั่งหลักของกัมพูชา (สีหนุวิลล์) ได้เห็นการลงทุนและการก่อสร้างของจีนหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมากในช่วงปี 2258 และ 2559 ซึ่งผลักดันให้เมืองเฟื่องฟูด้วยอาคารอพาร์ตเมนต์และคาสิโนแห่งใหม่

อย่างไรก็ตาม ความเจริญรุ่งเรืองได้หยุดลงในปี 2019 เมื่อคนงานชาวจีนมากกว่า 100,000 คนเดินทางกลับบ้าน ทิ้งโครงการก่อสร้างที่ยังไม่เสร็จจำนวนมาก ซึ่งเกลื่อนเมืองด้วยบล็อกคอนกรีตที่บิดเบือนภูมิทัศน์ของเมือง

เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ใกล้จะสิ้นสุดลง ชาวเขมรในท้องถิ่นต่างหวังว่าชาวจีนจะเดินทางกลับสีหนุวิลล์เพื่อยุติโครงการที่พวกเขาได้เริ่มต้นขึ้นเพื่อฟื้นฟูความงามและความยิ่งใหญ่ของเมืองอีกครั้ง

คนงานก่อสร้างชาวกัมพูชาเรียกร้องให้ปักกิ่งดำเนินการตามโครงการที่พวกเขาเริ่มต้นขึ้น เพราะสิ่งก่อสร้าง "ดูภาพลักษณ์ที่เหมือนซากปรักหักพังในสมัยโบราณ" แม้ว่าสีหนุวิลล์จะเป็นเมืองที่ทันสมัยก็ตาม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top