Friday, 16 May 2025
NEWS FEED

‘อิตาเลียนไทย’ รับ!! ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทำจ่ายเงินเดือน พนง.ไม่ครบ ขอเวลา 2-3 เดือน

(13 มี.ค. 67) บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ชี้แจงข้อเท็จจริงจากกระแสข่าวประสบปัญหาสภาพคล่องว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ยังขาดสภาพคล่องทางการเงินจริง ทำให้การจ่ายเงินเดือนพนักงานไม่ครบถ้วน และมีแรงงานบางส่วนลาออก บางส่วนหยุดงาน ซึ่งบริษัทฯ ได้เจรจากับพนักงานเหล่านั้นทำความเข้าใจและจ่ายเงินบางส่วนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายไปก่อน และธนาคารที่สนับสนุนโครงการต่าง ๆ ก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือบ้างแล้ว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรายรับจากโครงการยังน้อยกว่าค่าใช้จ่ายบริษัทฯ ทางบริษัทฯ จึงต้องขอกู้ยืมเงินจากธนาคารเพิ่มเติมเพื่อนำเงินมาบริหารกิจการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอสินเชื่อและเจรจากับธนาคารที่เกี่ยวข้อง และคาดว่าภายหลังจากที่ได้รับสินเชื่อใหม่แล้ว อีกประมาณ 2-3 เดือน สถานการณ์ของบริษัทฯ จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ


 

“พล.ต.ท.นิธิธร ฯ” เยี่ยมและมอบสิ่งของบำรุงขวัญ “ร.ต.ท.มานะ ฯ” ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ซึ่งเคยทำคลอดให้กับหญิงคลอดบุตร 109 คน ถูกรถเก๋งเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ ขณะอำนวยความสะดวกการจราจรให้กับผู้ป่วยสูงอายุที่จะไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช

วานนี้ (12 มี.ค. 67) เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. /หัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร เดินทางไปยังอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจเพื่อเยี่ยมและมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับ ร.ต.ท.มานะ จอกโคกสูง รอง สว.งานปฏิบัติการจราจรตามโครงการพระราชดำริ 1 กก.6 บก.จร.  ที่ได้รับบาดเจ็บถูกรถยนต์เก๋งเฉี่ยวชนระหว่างการปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรให้กับผู้ป่วยสูงอายุที่จะไปรับการรักษาที่ รพ.ศิริราช โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 มี.ค.67 เวลาประมาณ 12.40 น. ที่ ถ.หลานหลวง หน้าโรงแรมรอยัลปริ้นเซส หลานหลวง กรุงเทพมหานคร หลังจาก ร.ต.ท.มานะ ฯได้รับแจ้งได้นำกำลังเพื่อออกให้การช่วยเหลือ โดย ร.ต.ท.มานะ ฯ  ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทางราชการ โดยใช้เส้นทาง ถ.หลานหลวง เมื่อถึงบริเวณหน้าโรงแรมรอยัลปริ้นเซส ได้เฉี่ยวชนกับรถกระบะตู้ทึบ ทำให้รถจักรยานยนต์ของ ร.ต.ท.มานะ ฯ เสียหลักและล้มลงบริเวณทางเท้า เจ้าหน้าที่นำส่ง รพ.ตำรวจ เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บกระดูกหัวแม่มือซ้ายหัก และมีบาดแผลถลอกบริเวณมือข้างขวา ปากและใบหน้าเล็กน้อย 

ร.ต.ท.มานะฯ ปฏิบัติหน้าที่ในสังกัดตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ มาตั้งแต่ปี 2540 มีความชำนาญในการช่วยเหลือการทำคลอดฉุกเฉินให้กับประชาชนที่ประสบปัญหาการจราจรติดขัด และต้องการความช่วยเหลือในการทำการคลอดบุตรบนท้องถนน ร.ต.ท.มานะฯ จะเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วในการเดินทางไปให้ความช่วยเหลือ ซึ่งที่ผ่านมา ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้ให้ความช่วยเหลือการทำคลอดบุตรฉุกเฉินมาแล้วเป็นจำนวนถึง 281 ราย เป็นการช่วยทำคลอดด้วยฝีมือของ ร.ต.ท.มานะฯ เอง ถึง 109 ครั้ง 

พล.ต.ท.นิธิธร ฯ กล่าวว่า ในวันนี้ต้องขอขอบคุณแพทย์ รพ.ตร. ที่ทำการผ่าตัดซ่อมแซมรักษา และจัดเรียงกระดูกข้อมือที่หักของ ร.ต.ท.มานะฯ ให้เข้ารูปและเข้าที่ เพื่อให้ข้อมือข้างซ้ายของ ร.ต.ท.มานะฯ ที่หักนั้นกลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว เพื่อมือทั้งสองข้างจะได้หายดี และสามารถไปช่วยเหลือประชาชนจำนวนมากได้ดังเดิม

โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมสนับสนุนทีมแพทย์ พยาบาล ปฏิบัติภารกิจจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลกเพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก

พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่(สบ 8)โรงพยาบาลตำรวจ มอบหมายให้ พล.ต.ท.ไพบูลย์ เจียมอนุกูลกิจ นายแพทย์ (สบ 8)โรงพยาบาลตำรวจ/กรรมการและประธานฝ่ายแพทย์/คณะกรรมการการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลก เพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก จัดการประชุมคณะทำงานฝ่ายแพทย์ คณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลก

โดยมี พล.ต.ต. ภาณุเดช บุญเรือง กรรมการและรองเลขานุการ คณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลก เพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก, พล.ต.นายแพทย์ ภูษิต เฟื่องฟู กรรมการคณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลก เพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก, อาจารย์ ณรงค์ สุขมะโน กรรมการคณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลกเพื่อคัดเลือกไป
โอลิมปิก, พล.ต.ต.เอกลักษณ์ ดีรุ่งโรจน์ นายแพทย์ (สบ 6) หัวหน้าศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ , ทีมแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ เข้าร่วมประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมทีมแพทย์ พยาบาลในการดูแลนักกีฬา

พล.ต.ต. ภาณุเดช บุญเรือง กรรมการและรองเลขานุการ คณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลก เพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่จะทำให้นักกีฬามวยสากลทั่วโลกได้ไปแข่งขันกันที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยจัดการแข่งขันที่สนามกีฬาอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน มากกว่า 600 คน จาก 40 ประเทศ ถือเป็นโอกาสดีที่จะประชาสัมพันธ์ความพร้อมของประเทศไทย ซึ่งครั้งนี้ได้รับเกียรติจากโรงพยาบาลตำรวจ ให้การสนับสนุนด้านการแพทย์ ที่จะร่วมกันสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ

พล.ต.ท.ไพบูลย์ เจียมอนุกูลกิจ นายแพทย์ (สบ 8)โรงพยาบาลตำรวจ/กรรมการและประธานฝ่ายแพทย์/คณะกรรมการการจัดการแข่งขันมวยสากลระดับโลก เพื่อคัดเลือกไปโอลิมปิก กล่าวว่า ภารกิจครั้งนี้เป็นภารกิจครั้งยิ่งใหญ่ ที่มีความสำคัญระดับโลก โรงพยาบาลตำรวจขอบคุณผู้จัดการแข่งขัน ที่ให้ทางโรงพยาบาลตำรวจ ร่วมภารกิจครั้งนี้ ซึ่งทางโรงพยาบาลตำรวจ มีความพร้อมให้การสนับสนุน โดยจัดทีมแพทย์ พยาบาล ประจำการแข่งขัน เพื่อดูแลนักกีฬา ตลอดระยะเวลาการแข่งขันทั้ง 11 วัน ซึ่งจัดทีมแพทย์ 3 ทีม ต่อวัน รวมทั้งรถพยาบาล จากศูนย์ส่งกลับโรงพยาบาลตำรวจ ในการนำส่งนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาดูแลต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ขออนุญาตเผยแพร่ภาพและข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีภาพบุคคลในกิจกรรมดังกล่าว

"ศูนย์กลางข่าวสาร ประสานฉับไว ใส่ใจบริการ เพื่อตำรวจและประชาชน"

#PGH
#โรงพยาบาลตำรวจ
#ศูนย์ประชาสัมพันธ์สื่อสารองค์กรและโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ

'โจ-มณฑานี' ปลื้ม!! ช่องยูทูบดังด้านดนตรีบำบัดจิตใจ หลังพบภาพวิวสวยเมืองไทย ถูกนำมาประกอบคอนเทนต์เพียบ

(13 มี.ค.67) จากเฟซบุ๊ก 'Jo Montanee' โดยคุณโจ มณฑานี ตันติสุข ดีเจ พิธีกร นักวิจารณ์ นักเขียนและวิทยากรชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ช่องยูทูบ 'Sceneric Relaxation' ที่มีผู้ติดตามทั่วโลกกว่าล้านคน เป็นช่องดนตรีเวิลด์มิวสิคแนวบำบัดใจ ที่นำเอาดนตรีมาประกอบภาพภูมิประเทศอันงดงามระดับ 4K

Thailand เราอยู่ในเพลย์ลิสต์ของช่องด้วย ซึ่งประเทศแถบอาเชียน พี่โจไล่ดูภายใน 1 ปี ไม่มีเลยค่ะ มีแต่ไทย! 

คลิปวิดิโอยาวสะใจ ภาพฉ่ำๆ ตระการตา เหมาะกับการเปิดคลอดูเพลินยาวๆ ไปได้เลยค่ะ 🇹🇭❤️

https://youtu.be/SadzfrxVuF0?si=0pPhlxGh9m1pFw6X

'อัษฎางค์' เหน็บ 'นายกฯ' เดินสายเล่นตลกไปทั่วโลก หวังจะสร้างอิมแพคผู้นำแฟชัน เอาอะไรคิด?

(13 มี.ค. 67) เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า.. “ใคร….? ใคร… สามารถสร้างอิมแพค เกิดอิทธิพลเป็นผู้นำแฟชั่นกับโลกได้

เศรษฐา Vs ลิซ่า !
ใคร….สามารถสร้างกระแส จนกระแสกลายเป็น soft power ได้

เศรษฐา Vs ลิซ่า !
ผู้นำรัฐบาลอย่างนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดี กับ ผู้นำแฟชั่น มันคนละคนกัน

น้องลิซ่า สวมเสื้อผ้ารองเท้าตัวไหน ถือกระเป๋าอะไร ของแทบจะขายหมดในวันรุ่งขึ้น

แต่คุณเคยเห็นคนแต่งตัวตามนายกรัฐมนตรีหรือผู้นำทางการเมืองประเทศไหนบ้าง ?

คิดว่า นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนักการเมือง ที่เคยเป็นนักธุรกิจ คือผู้นำแฟชั่นของโลกหรือ? เอาอะไรคิด? คิดว่า นายกรัฐมนตรี ที่มีรสนิยมสวมถุงเท้าสีฉูดฉาดข้างละสี คือผู้มีรสนิยมที่จะเป็นผู้นำแฟชั่นระดับโลกได้ด้วยหรือ? เอาอะไรคิด?

นี่หรือนักการเมืองจากพรรคที่สาวกเชิดชูว่า เก่งเศรษฐกิจการค้า!

เสนอนโยบาย Soft power ก็ผิดตั้งแต่ความเข้าใจเรื่องคำนิยามของ Soft power แล้ว

นี่ก็คงฝันว่า จะให้นายกรัฐมนตรีไทยไปเยือนต่างประเทศแล้วเกิดกระแสจนกลายเป็น Soft power ที่ทำให้คนหันมาสนใจผ้าขาวม้าของไทย

เลือก Presenter ก็ผิดตัวแล้ว
ยังเลือกผลิตภัณฑ์ผิดอีก
หนำซ้ำ ผิดกาลเทศะ อีกต่างหาก

เวลาคุณขายบ้าน คุณให้เซลส์แมน แต่งตัวยังไง

คุณว่า ถ้าเซลส์แมนของคุณแต่งตัวเสร่อ ๆ ไปขายบ้านระดับ 100 ล้าน จะมีใครซื้อบ้านหรือคุยกับเซลแมนของคุณหรือไม่?

ยกเว้นว่าขายทาวน์เฮาส์ไม่เกินล้านต้นๆ คนเขาจะมองข้ามรสนิยมเสร่อ ๆ ของเซลส์แมนของคุณอย่างแน่นอน

ทำการบ้านให้เยอะ ๆ เปลี่ยนทีมที่ปรึกษาและทีมทำงานใหม่ทั้งหมด อาจช่วยอะไรๆ ให้ดีขึ้น

แต่ถ้าให้ดี ต้องเปลี่ยน CEO และ Executive board ที่พากันหลงทิศหลงทางเข้ารกเข้าพง คือสิ่งที่ดีที่สุด

เดินสายเล่นตลกไปทั่วโลก ด้วยเงินภาษีกู สมเพชตัวเองกันบ้างมั้ย

อัษฎางค์ ยมนาค

'พงศ์พรหม' วอน!! หยุดหนุนวัฒนธรรม VIP หลังพบเคสรถหรู ไปจอดในที่คนพิการ

(13 มี.ค.67) นายพงศ์พรหม ยามะรัต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Pongprom Yamarat' ระบุว่า...

คงต้องขอฝากหละครับ

การจอดรถไม่ว่าในกรณีใดๆ เราต้องไม่ละเมิดคนป่วย คนพิการ คนสูงอายุ เพราะพวกเขาไม่สะดวกอย่างเรา

ไม่ใช่เอา Ferrari และ Porsche ไปจอดในที่คนพิการแบบนี้

หรือแม้แต่หากรู้ว่าจอดผิด เข้าไปละเมิดคนพิการ ก็อย่าถ่ายรูปให้สาธารณะเค้าดู เพราะมันคือการสนับสนุนการกระทำที่ผิด

ผมเองสมัยทำการเมือง นั่งรถตู้ยุโรป ไปตามงานฝ่ายการเมืองตามโรงแรม หรือศูนย์ประชุม

มักมี รปภ.อำนวยความสะดวกให้ไปจอดตามที่จอดคนพิการ

ผมกับคนขับรถจะปฏิเสธ 100% ครับ

เรายอมไม่จอด และเราจะยอมเสียเวลาเป็นครึ่งชั่วโมงวนหาที่จอดรถ

ดีกว่าคิดเข้าข้างตัวเองว่า “อ้าว ก็รปภ.อนุญาตหนิ” แล้วก็จอดแบบละเมิดสิทธิคนพิการอย่างสบายใจ

ผิดคือผิด

ไม่ใช่สนับสนุนวัฒนธรรม VIP อยู่เหนือกฎหมาย และคนที่ชนชั้นต่ำกว่าไปกันหมด

ฝากด้วยครับ

'นายกฯ เศรษฐา' ขึ้นปกนิตยสาร TIME ฉบับเผยแพร่ 25 มีนาคมนี้

(13 มี.ค. 67) ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา เว็บไซต์นิตยสารดังอย่าง ไทม์ (TIME) เผยแพร่ภาพหน้าปกนิตยสารลงวันที่ 25 มีนาคม ซึ่งปรากฎภาพของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมข้อความระบุว่า “เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย เดอะ เซลส์แมน ที่เปิดกว้างสำหรับธุรกิจในประเทศ”

โดยในเว็บไซต์ยังได้เผยแพร่บทความการให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐาซึ่งให้สัมภาษณ์ถึงชีวิตการเมือง และการพัฒนาเศรษฐกิจในไทย ทั้งนี้ สามารถอ่านบทสัมภาษณ์ ได้ที่ >> https://time.com/6899782/thailand-prime-minister-srettha-thavisin-business-hub/ 

ชื่นชม!! ‘นศ.เทคนิคท่าหลวงฯ’ คิดค้นนวัตกรรม ‘เครื่องอุ่นน้ำยาล้างไต’ ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วย แถมลดค่าใช้จ่ายนำเข้าจากต่างประเทศ

เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.67) ‘น้องแก้ว’ หรือ นางสาวแก้วทิพย์ศิริ พรมหงษ์ นักศึกษาชั้น ปวช.3 สาขาไฟฟ้ากำลัง วิทยาลัยเทคนิคท่าหลวงซิเมนต์ไทยอนุสรณ์ จังหวัดสระบุรี เล่าถึงเเรงบันดาลใจที่ประดิษฐ์เครื่องอุ่นน้ำยาล้างไต แบบการล้างไตทางช่องท้องว่า เพื่อนสนิทของตน มีคุณตาที่ป่วยเป็นโรคไตและมีอาการหนาวสั่นเกร็งเวลาล้างไต

พอถามแพทย์ที่รักษาคุณตาว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แพทย์อธิบายว่าเกิดจากน้ำยาล้างไตมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าร่างกาย ทำให้คุณตามีอาการดังกล่าว ซึ่งการล้างไต มีข้อสำคัญคือห้องที่ทำการล้างไต จะต้องเป็นห้องปลอดเชื้อปิดมิดชิด ซึ่งส่วนมากจะมีการเปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อช่วยทำให้ห้องอุณหภูมิเย็น

ส่งผลให้น้ำยาล้างไตก็มีอุณหภูมิเย็นลงไปด้วย เมื่อนำเข้าไปในร่างกายของผู้ป่วยเพื่อทำหน้าที่ล้างของเสียที่สะสม น้ำยาจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกายของผู้ป่วย มีผลกระทบให้ผู้ป่วยที่ได้รับน้ำยาเข้าไปแล้ว จะมีอาการหนาวสั่น จึงจำเป็นจะต้องมีการอุ่นน้ำยาล้างไตเพื่อให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสมกับร่างกายของผู้ป่วยก่อนนำน้ำยาล้างไตเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งการอุ่นน้ำยาล้างไต ไม่สามารถใช้วิธีการที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อน เช่น การนำไปต้มในน้ำเดือด การนำไปนึ่ง

ตนและเพื่อนๆ จึงได้คิดค้น เครื่องอุ่นน้ำยาล้างไตทางช่องท้องแบบใช้ไฟฟ้า โดยวิธีการใช้งานเครื่องฯ เริ่มจากนำน้ำยาล้างไตมาวางด้านในของเครื่องฯ ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ ถุงประคบร้อนที่ห่อผ้า กดปุ่มสวิตช์เพื่อเริ่มการทำงาน ปุ่มของเครื่องอุ่นถุงน้ำยาล้างไตจะเป็นสีแดง และจะทำการอุ่นน้ำยาฯ ให้มีอุณหภูมิที่ระบบตั้งไว้คือ  5 ถึง 37 องศาเซลเซียส และถ้าน้ำยาฯ พร้อมใช้งาน เครื่องอุ่นน้ำยาล้างไตจะเป็นสีเขียว และระบบจะตัดการทำงานทุกครั้ง

จากนั้นจึงนำน้ำยาฯ ไปใช้งานได้ โดยเครื่องอุ่นน้ำยาล้างไตทางช่องท้องไฟฟ้า จะช่วยทำให้คนไข้รู้สึกสบายตัวและอยากล้างไตมากขึ้นเมื่ออุณหภูมิของน้ำยาเท่ากับร่างกาย จึงทำให้คนไข้ไม่มีอาการหนาวสั่นเกร็งหรือปวดหน้าท้อง เพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วย และที่สำคัญช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องดังกล่าวที่มีราคาแพงจากต่างประเทศ

นวัตกรรมชิ้นนี้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 ระดับภาค ภาคกลาง และรางวัลชมเชย ระดับชาติ ในการประกวดสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ ประจำปีการศึกษา 2566

ทั้งนี้ เครื่องอุ่นน้ำยาล้างไตทางช่องท้องไฟฟ้า ราคา 1,800 บาท สนใจติดต่อได้ที่ ไอดีไลน์ Krissada1 หรือ เบอร์ติดต่อ 0874896052 หรือ Facebook :ช่างไฟฟ้ากำลัง วท.ท่าหลวงฯ

‘พี่หม่ำ’ แจ้งความอดีตลูกน้อง ยึดเพจเฟซบุ๊ก 1.7 ล้านผู้ติดตาม หวั่น!! เอาไปทำเรื่องไม่ดี หลังดีดภรรยาตนออกจากแอดมิน

(12 มี.ค.67) นายเพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือหม่ำ จ๊กมก นักแสดงตลกชื่อดัง เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.สุรศักดิ์ สังข์แก้ว สว.สอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังเพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ หม่ำ มด จ๊กมก แฟนคลับ ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 1.7 ล้านคน ของภรรยา ถูกอดีตลูกน้องคนสนิท ซึ่งเป็นแอดมินเพจร่วมกับภรรยายึดเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวไป พร้อมเปลี่ยนแปลงด้วยการดีดชื่อภรรยาของตน ซึ่งเป็นเจ้าของเพจร่วมออกจากการเป็นแอดมินเพจด้วย ทำให้ตนกับภรรยาเกรงว่า จะถูกอดีตลูกน้องรายนี้นำเพจไปใช้หลอกประชาชน หรือนำไปสร้างความเสียหายประเภทชักชวนเล่นการพนัน ชวนขายของออนไลน์ หรือไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย จึงมาเข้าแจ้งความเป็นหลักฐานไว้ก่อนในเบื้องต้น

หม่ำ จ๊กมก กล่าวว่า ตนกลัวว่าอดีตลูกน้องคนนี้จะเอาเพจดังกล่าว ซึ่งมียอดผู้ติดตามถึง 1.7 ล้านคน ไปแอบอ้างทำอย่างอื่น กลัวจะเอาไปชักชวนเล่นการพนัน ชวนขายของออนไลน์ หรือเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ตนกับภรรยาเดือดร้อนในวันข้างหน้า จึงต้องป้องกันตัวเองด้วยการมาแจ้งความไว้ก่อน โดยอดีตลูกน้องรายนี้เคยเป็นลูกน้องมาก่อน ก่อนจะไปเป็นแอดมินเพจให้กับภรรยา ต่อมาเขาเปลี่ยนแปลงเพจด้วย แถมยังดีดภรรยาตนออกจากการเป็นแอดมินร่วมกัน แล้วนำเพจดังกล่าวไปทำเองเป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้ว ทั้งๆ ที่ภรรยาเป็นเจ้าของเครื่องที่ใช้ตั้งเพจนี้

แม้ว่าตนจะเคยบอกให้อดีตลูกน้องลบเพจเฟซบุ๊กนี้ออกไป แต่อดีตลูกน้องรายนี้ก็ไม่ยอมลบเพจทิ้ง ทั้งที่ตนได้ตักเตือนไปแล้ว จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อป้องกันตัวเองกับภรรยาเอาไว้ก่อน แม้ว่าในตอนนี้อดีตลูกน้องจะยังไม่ได้ทำอะไรให้เสียหายก็ตาม

ระยะหลังมีคนมาแจ้งข่าวให้ทราบว่า อดีตลูกน้องรายนี้ไปโพสต์อะไรของเขาไม่รู้ จนทำให้มีคนเข้าผิดว่าเป็นภรรยาของตนเป็นคนโพสต์ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า อดีตลูกน้องยึดเพจดังกล่าวไปดูแลเอง และทำการเปลี่ยนแปลงเพจด้วยการดีดภรรยาออกจากการเป็นแอดมินเพจร่วมกันมานานเกือบปี

'สรวุฒิ' รับฟัง 'ผู้พิการ' หาทางแก้ปัญหาการเดินทาง 'เครื่องบิน-รถสาธารณะ' ส่งสัญญาณสายการบินไม่สามารถปฏิเสธผู้โดยสาร ไม่ว่าจะกรณีใดทั้งสิ้น

'เลขานุการ รมว.คมนาคม' รับฟังความคิดเห็นกลุ่มคนพิการ พร้อมจัดตั้งคณะทำงานร่วมหาแนวทางแก้ปัญหาการเดินทางโดยเครื่องบิน-รถสาธารณะ หวังให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางสัญจรได้สะดวก

(12 มี.ค. 67) นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่สายการบินไทยเวียตเจ็ทปฏิเสธกลุ่มคนพิการขึ้นเครื่องบิน ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกหนังสือตักเตือนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้นั้น

ในวันนี้ (12 มี.ค. 67) ได้มีการประชุม และรับฟังความคิดเห็นกับกลุ่มคนพิการ นำโดย นายกฤษนะ ละไล พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายต่างๆ เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะสั้น-ยาว โดยขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานกระทรวงคมนาคม จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด ซึ่งจะประกอบไปด้วย...

1. บุคลากรระดับสูงจากกระทรวงคมนาคมจำนวน 9 ท่าน 
2. บุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 12 ท่าน และ ตัวแทนกลุ่มผู้พิการจำนวน 5 ท่าน เพื่อร่วมบูรณาการแผนงานร่วมกันให้เกิดประสิทธิผลที่ควรจะเป็นในระดับสูงสุด 

ทั้งนี้เตรียมสั่งการให้สายการบินแจ้งรายละเอียดและประชาสัมพันธ์ถึงกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ต่อผู้โดยสารที่เป็นกลุ่มเปราะบางทางด้านร่างกาย ซึ่งหากกฎมีความก้ำกึ่ง สายการบินไม่สามารถปฏิเสธ ผู้โดยสารได้ไม่ว่าจะกรณีใดทั้งสิ้น แต่หากมีความเข้าข่ายและจะส่งผลกระทบระหว่างการบิน ต้องแจ้งรายละเอียดให้ชัดเจนต่อไป 

นายสรวุฒิ กล่าวต่อว่า โดยแนวทางเบื้องต้นนั้นต้องการให้ทุกสายการบิน เพิ่มช่องทางให้ใส่รายละเอียด ของกลุ่มเปราะบางทางด้านร่างกาย ในการจองตั๋วเดินทาง เพื่อให้สายการบินสามารถเตรียมการได้อย่างเหมาะสม 

ขณะที่ทาง นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม และโฆษกกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากการเพิ่มแนวทางอำนวยความสะดวกในการเดินทางด้านอากาศ สำหรับกลุ่มผู้เปราะบางแล้ว ยังมองว่าการขนส่งทางบก มีความสำคัญอย่างมาก ต่อกลุ่มดังกล่าวนี้ โดยล่าสุดได้เตรียมหารือกับทางกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อหาแนวทางในการลดหย่อนภาษี รถขนส่งมวลชนสาธารณะที่มีการดัดแปลงสำหรับผู้พิการ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเดินทางสัญจรได้สะดวกมากยิ่งขึ้น 

นอกจากนั้นยังเตรียมเข้าปรึกษาหารือกับทางหน่วยงาน กทม. เพื่อผลักดันให้กลุ่มผู้เปราะบางมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top