Friday, 16 May 2025
NEWS FEED

‘ครม.’ ไฟเขียว!! ประกาศแต่งตั้ง ‘ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล’ นั่ง ‘ผู้ทรงคุณวุฒิ’ คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 ได้แต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ตามที่พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ แทนศาสตราจารย์อุดม รัฐอมฤต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายที่ได้มีหนังสือลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2566 เนื่องจากที่ประชุมวุฒิสภาลงมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2565

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญา ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และยังเป็นแคนดิเดตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คนใหม่

โดยผลการหยั่งเสียงในเบื้องต้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ศาสตราจารย์ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ คณะรัฐศาสตร์ ได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับที่ 1 ใน 26 ส่วนงาน รองศาสตราจารย์พิภพ อุดร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับที่ 1 ใน 12 ส่วนงาน ส่วนผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญาได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับที่ 1 ใน 5 หน่วยงาน จากทั้งหมด 51 หน่วยงาน

‘ฝรั่งเศส’ เสนอร่าง กม.ห้ามคนวิจารณ์ ‘วัคซีนโควิด mRNA’ เพราะจะกลายเป็นความผิดทางอาญา มีโทษทั้งจำ-ปรับ

เมื่อไม่นานมานี้ สื่อต่างประเทศรายงานว่า มีการเสนอร่างกฎหมายใหม่ในฝรั่งเศสที่อาจทำให้การวิพากษ์วิจารณ์วัคซีนโควิด mRNA กลายเป็นความผิดทางอาญา มีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี และปรับเงิน 45,000 ยูโร สถานการณ์นี้เป็นบททดสอบสมดุลระหว่างเรื่องสาธารณสุขและเสรีภาพการแสดงออก โหมกระพือประเด็นถกเถียงทั่วโลกเกี่ยวกับค่านิยมประชาธิปไตยและอำนาจของรัฐบาลในยุคศตวรรษที่ 21

โดยข้อเสนอร่างกฎหมายใหม่นี้ กระพือเสียงอึกทึกครึกโครมบนท้องถนนของฝรั่งเศส ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความกังวลในหมู่พลเมือง โดยเวลานี้บรรดาสมาชิกรัฐสภาฝรั่งเศสกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างดังกล่าว ที่อาจเปลี่ยนภูมิทัศน์ด้านสาธารณสุขในประเทศแห่งอย่างรุนแรง

รายงานข่าวระบุว่า ข้อเสนอร่างกฎหมายนี้มีเป้าหมายทำให้การวิพากษ์วิจารณ์วัคซีนโควิด mRNA เป็นความผิดทางอาญา ความเคลื่อนไหวที่มีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี และปรับเงินอย่างหนักหน่วง 45,000 ยูโร (ประมาณ 1,750,000 บาท) อย่างไรก็ตาม แก่นกลางในประเด็นนี้ไม่ใช่แค่การคลอดกฎหมายฉบับหนึ่ง แต่มันเป็นช่วงเวลาสำคัญแห่งการทดสอบสมดุลระหว่างการปกป้องระบบสาธารณสุขกับการธำรงไว้ซึ่งข้อเท็จจริงตามระบอบประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพการแสดงออก

ปมคำสัญญาของประเด็นโต้เถียงนี้ก็คือท่าทีของรัฐบาลฝรั่งเศสที่สนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว พวกผู้เสนออ้างว่ายามที่กำลังเผชิญโรคระบาดใหญ่ระดับโลก ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับวัคซีนอาจเป็นอันตราย และเป็นไปได้ที่อาจนำไปสู่ความลังเลใจของประชาชนในการเข้ารับวัคซีน และบ่อนทำลายความพยายามสกัดการแพร่ระบาดของไว้รัส พวกเขามองว่ากฎหมายเช่นนี้เป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องความผาสุกโดยรวม

อย่างไรก็ตาม พวกวิพากษ์วิจารณ์มองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการบุกรุกเสรีภาพส่วนบุคคลอย่างน่าเป็นกังวล พวกเขาเกรงว่าการลงโทษพวกที่วิพากษ์วิจารณ์วัคซีนโควิด mRNA อาจกลายเป็นแบบอย่างของการกัดเซาะเสรีภาพการแสดงออก ต่อข้อสงสัยเกี่ยวกับเส้นแบ่งใดๆ ในอนาคตเกี่ยวกับประเด็นสาธารณสุขกับเสรีภาพการแสดงออก

ฝรั่งเศสไม่ได้เป็นประเทศเดียวที่กำลังหาทางจัดการเกี่ยวกับสมดุลระหว่างความจำเป็นด้านสาธารณสุขกับสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล โดยหลายชาติทั่วโลกได้บังคับใช้มาตรการต่างๆ ในการต่อสู้กับข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับโรคระบาดใหญ่ บางส่วนเลือกใช้ยุทธการมอบการศึกษาแก่ประชาชน ขณะที่อื่นๆ ใช้มาตรการทางกฎหมายอันเข้มข้น

อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสถูกจับตามองเป็นพิเศษเพราะว่าพวกเขาเล็งเป้าเล่นงานพวกวิพากษ์วิจารณ์วัคซีน mRNA โดยเฉพาะ และกำหนดบทลงโทษรุนแรง

ท่ามกลางการถกเถียงทั้งในแง่ของกฎหมายและในทางการเมือง ผู้คนชาวฝรั่งเศสมีความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างผสมผสานและมีหลายมุมมอง ไล่ตั้งแต่สนับสนุนรัฐบาลใช้มาตรการเข้มงวดกับการบิดเบือนข้อมูล ไปจนถึงแสดงความกังวลใหญ่หลวงต่อผลกระทบที่น่าตกใจต่อสิทธิเสรีภาพการแสดงออก

‘นศ.หนุ่ม’ ตัดสินใจ!! ลาออกจาก ‘ม.ธรรมศาสตร์’ มาเรียน ‘ม.ราม’ แทน ชี้ เพราะเบื่อสังคม หลังพยายามเอาแต่พูดเรื่อง ‘สถาบัน-การเมือง’

(11 มี.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความแชร์เรื่องราวของนักศึกษาหนุ่มรายหนึ่ง หลังตัดสินใจลาออกจาก ‘ม.ธรรมศาสตร์’ แล้วย้ายมาเรียนที่ ‘ม.รามคำแหง’ แทน โดยระบุว่า…

วันนี้เมื่อปีที่แล้ว มีโอกาสได้เจอเด็กวัยรุ่นแถวบ้านคนหนึ่ง ที่สนามบินนครศรีฯ 

น้องบอกว่าจะเดินทางไปรายงานตัวและหาหอพัก น้องสอบติดคณะวิศวะฯ ม.ธรรมศาสตร์

เขาเป็นลูกชาวสวนยาง พ่อกับแม่กรีดยางส่งให้เรียน และน้องก็เป็นเด็กดี ผลการเรียนระดับมัธยมดีมากๆ

วันนั้น…ก็ได้แต่ยิ้ม (แม้ในใจมีเป็นหมื่นล้านคำที่อยากจะพูด…) และอวยพรให้น้องเดินทางปลอดภัย ให้ตั้งใจเรียน มุ่งมั่นเอาวิชาความรู้ อย่าไปยุ่งกับกิจกรรมและการเมืองให้มาก

วันนี้…ได้พบน้องคนนั้นอีกครั้ง น้องปิดเทอมกลับมาบ้านและน้องตั้งใจมาหาโดยตรง (มาซื้อมันหนึบ🍠) น้องยกมือไหว้ แล้วเล่าให้ฟังว่า…

#ผมลาออกจาก ม.ธรรมศาสตร์ แล้วนะครับ ตอนนี้ผมไปเรียนที่ ม.รามคำแหง

ด้วยความห่วงใย ก็ถามน้องไปว่า เรียนหนักหรือคะ หรือค้นพบว่า คณะที่เรียนมันไม่ใช่ที่น้องชอบ

น้องตอบว่า ผมเรียนคณะเดิมครับ ผมชอบและเรียนได้ดี แต่ผมเบื่อสังคมที่นั้น เบื่อสิ่งที่เขาพยายามให้ผมรับรู้ เรื่อง #สถาบัน #เรื่องการเมือง ซึ่งมันแตกต่างจากที่ผมเห็น และที่ปู่ย่าตายายพ่อแม่บอกเล่าตลอดมา...

วันนี้...ก็ได้แต่อวยพร ให้น้องประสบความสำเร็จในการศึกษา 

แต่ในใจ...มั่นใจว่าน้องคนนี้ต่อไปในอนาคตข้างหน้า เขาจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้รับสิ่งดีๆ แน่นอน…

ไม่ใช่เพราะน้องเปลี่ยนมหาวิทยาลัยหรอกนะ แต่เขาเลือกที่จะคิดเอง และไม่ยอมให้ใครจูงจมูกง่ายๆต่างหาก!!

เด็กใต้มันแน่จริงๆ

นครพนม -หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 บูรณาการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดจับผู้ต้องหา พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 17 มัด จำนวนประมาณ 34,000 เม็ด

กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดย ร้อยโท  วันชาติ  เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแพง นำโดย ตำรวจเอก สุนันท์  สร้อยสุด ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านแพง เข้าทำการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติด ขยายผลต่อเนื่อง ต่อพื้นที่เป้าหมาย หน่วย ได้ทำการบังคับใช้กฎหมาย ต่อบ้านเป้าหมาย ที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติด และสามารถ ตรวจยึดจับกุมผู้กระทำผิดฯ ได้ คือ น.ส.ประภัสสร มะละ พร้อมพวกรวม 3 คน พร้อมของกลางยาเสพติดประเภทที่ 1 ยาบ้) จำนวน 6,000 เม็ด จึงได้ควบคุมตัวมาทำการสืบสวนขยายผล ที่ สภ.บ้านแพง ผลการสืบสวนขยายผล น.ส.ประภัสสร ฯ ได้ให้การเพิ่มเติมเพื่อหวังสิทธิลดอัตราโทษ โดยให้การว่า ยังมียาเสพติดเหลืออยู่ที่ โรงนาเก็บฟาง ของนายดรัญภพ โพธิคาร ทราบชื่อภายหลัง ซึ่งถูกจับกุมได้พร้อม กับ น.ส.ประภัสสรฯ  หน่วยจึงได้เข้าทำการบังคับใช้กฎหมาย ฯ ต่อพื้นที่เป้าหมาย เป็นโรงนาเก็บฟาง อยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 5 บ้านโนนสูง ตำบลหนองแวง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดประเภทที่ 1 ยาบ้า จำนวน 17 มัดห่อทับด้วยกระดาษไขพันทับด้วยเทปกาวบรรจุอยู่ในถุงกระสอบปุ๋ยสีฟ้า ซุกซ่อนอยู่ในกองฟางภายในโรงนา จึงได้ทำการสอบสวนเบื้องต้น นายดรัญภพ  โพธิคาร ให้การยอมรับว่ายาเสพติดที่ทั้งหมดเป็นของตนจริง จึงได้ควบคุมตัวเจ้าของยาเสพติดที่ตรวจพบ,ผลตรวจปัสสาวะพบสารเสพติดผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 17 มัด จำนวนประมาณ 34,000 เม็ด ทั้งหมด มาที่ สภ.บ้านแพง เพื่อทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม พร้อมบันทึกภาพและวิดีโอผู้ถูกควบคุมตัว ตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เดวิท โชคชัย รายงาน 092-5259-777 

สตูล  หนุน “เกาะหลีเป๊ะ” ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว “หมอชลน่าน” ยกระดับระบบบริการสุขภาพตามนโยบายนักท่องเที่ยวปลอดภัย 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ติดตามการยกระดับระบบบริการสุขภาพตามนโยบายนักท่องเที่ยวปลอดภัย พร้อมเปิดอาคารใหม่ รพ.สต.บ้านหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ชี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นภาคการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล เปิดรับแพทย์อาสาหมุนเวียนมา รพ.สต.บ้านเกาะหลีเป๊ะ เพิ่มโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่เฉพาะได้มีแพทย์ดูแลสุขภาพ ขณะที่บุคลากรได้ทำงานควบคู่การพักผ่อน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ติดตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ประเด็นนักท่องเที่ยวปลอดภัย พร้อมทั้งเปิดอาคารหลังใหม่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล และกล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งภาคการท่องเที่ยวถือเป็นจุดเด่นที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศจำนวนมาก โดยในปี 2567 คาดการว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยถึง 34.5 ล้านคน กระทรวงสาธารณสุข จึงสนับสนุนนโยบายรัฐบาล โดยกำหนดให้เรื่องนักท่องเที่ยวปลอดภัยเป็นนโยบายเร่งรัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยทางสุขภาพให้กับนักท่องเที่ยว ดำเนินการผ่าน 4 มาตรการหลัก คือ 1.ยกระดับเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพ 2.ยกระดับระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน/ระบบสาธารณสุขฉุกเฉิน 3.ยกระดับที่พักและอาหารปลอดภัย และ 4.ยกระดับสถานพยาบาลในพื้นที่ท่องเที่ยว 

นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง มีนักท่องเที่ยวมาเยือนปีละประมาณ 500,000 – 1,000,000 คน มีผู้ประกอบการและพนักงานประมาณ 3,000 คน มีสถานพยาบาลรองรับการดูแลสุขภาพประชาชนและนักท่องเที่ยว ได้แก่ คลินิกเอกชน 2 แห่ง และหน่วยบริการระดับปฐมภูมิของรัฐ 1 แห่ง คือ รพ.สต.บ้านเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ป่วยเข้ารับบริการประมาณ 10,000 ราย ต่อปี จึงมีการก่อสร้างอาคาร รพ.สต.บ้านเกาะหลีเป๊ะหลังใหม่ทดแทนหลังเดิม โดยใช้งบกลางจำนวน 80.7 ล้านบาท ตามโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมเกาะหลีเป๊ะ รองรับการท่องเที่ยวนานาชาติ จังหวัดสตูล และในส่วนของการให้บริการ ได้จัดบริการการแพทย์ทางไกลในรูปแบบ Virtual OPD กับโรงพยาบาลสตูล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย ด้วยระบบ Telemedicine ช่วยเพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น รพ.สต.บ้านเกาะหลีเป๊ะ ยังเป็นหน่วยปฏิบัติการแพทย์ขั้นสูง สามารถทำการส่งผู้ป่วยไปรับการรักษาต่ออย่างไร้รอยต่อ ทั้งการส่งต่อทางทะเลโดยเรือไปยังโรงพยาบาลสตูลและโรงพยาบาลละงู มีเรือที่ขึ้นทะเบียนในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 75 ลำ ตั้งแต่ ปี 2566 –มกราคม 2567 ส่งต่อผู้ป่วยแล้ว 199 ราย และการส่งต่อผู้ป่วยวิกฤติทางอากาศโดยเฮลิคอปเตอร์ (Sky doctor) ไปยังโรงพยาบาลสตูล ตั้งแต่ปี 2565 – พฤศจิกายน 2566 ส่งต่อผู้ป่วยแล้ว 17 ราย ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็วภายใต้มาตรฐานความปลอดภัย และยังมีโครงการแพทย์อาสา (Volunteer Doctor) หมุนเวียนให้บริการ ที่รพ.สต.บ้านเกาะหลีเป๊ะ ช่วยให้มีแพทย์ดูแลประชาชนในพื้นที่เฉพาะ สร้างความเชื่อมั่นด้านการรักษาพยาบาลให้กับนักท่องเที่ยวบนเกาะ ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค โดยเป็นการทำงานแบบ Workation คือ ทำงานควบคู่กับการพักผ่อน ได้รับความร่วมมือจากแพทย์สภา และได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากชมรมผู้ประกอบการบนเกาะ ในปี 2565 - 2566 มีแพทย์อาสาที่เข้ามาปฏิบัติงานถึง 80 คน โดยแพทย์ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขการปฏิบัติงานที่ได้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล หรือลงทะเบียนผ่าน https://www.facebook.com/doctorkohlipe “แพทย์อาสา เกาะหลีเป๊ะ” นอกจากนี้ รพ.สต.บ้านเกาะหลีเป๊ะ ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นพื้นที่ฝึกอบรมของศูนย์เรียนรู้ทางการแพทย์และสาธารณสุขชายแดนและพื้นที่เฉพาะ โรงพยาบาลสตูล ในหลักสูตรระบบ EMS/Referal System การท่องเที่ยวปลอดภัย การควบคุมโรคระบาด แพทย์อาสา และการจัดการภัยพิบัติในพื้นที่ชายแดน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล นักวิชาการสาธารณสุข และบุคลากรสาธารณสุขทั่วประเทศ ด้วยนอกจากนี้ยังได้ชมการแสดง รองแง็ง ของน้องๆเยาวชนชาวเลอุรักลาโว้ย พร้อมกันเชิญท่านมาร่วมเต้นงานนี้ท่านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  โชว์ลีลาการเต้นรองเง็งในเพลงตะแล๊กแต๊กของพี่น้องชาวเลอุลักลาโว้ยบนเกาะหลีเป๊ะหลังเดินงานมาเปิดตัวอาคารของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบนเกาะ สร้างสีสันเสียงหัวเราะแก่พี่น้องที่ร่วมเข้าชม
นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

เชียงใหม่-เลขาฯ รมว.สาธารณสุข ติดตามสถานการณ์ไฟป่า และผลกระทบ pm2.5 ความร่วมมือของทุกภาคส่วน​ในเขตสุขภาพที่​1

วันที่ 10 มีนาคม 2567 เวลา 13.00 น.นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขานุการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง​  นายสุรชาติ เทียนทอง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และผลกระทบด้านสุขภาพจากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก จังหวัดเชียงใหม่ ในครั้งนี้ ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข รักษาการผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 มอบหมายให้​ นพ.จตุชัย​ มณีรัตน์​  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พญ.นงนุช ภัทรอนันตนพ ผู้ช่วยอธิบดีกรมอนามัย และผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ และคณะ และ พญ.เสาวนีย์ วิบูลสันติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันความคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ เข้าร่วมกิจกรรมและมอบสิ่งของสนับสนุนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานป้องกันและควบคุมไฟป่า อาสาสมัคร และประชาชน ณ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 

นายสุรชาติ เทียนทอง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  จากสถานการณ์ PM2.5 อยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) ในจังหวัดภาคเหนือตอนบนอย่างต่อเนื่องใน 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก โดยสถานการณ์มีค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดเท่ากับ 199.0  ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในพื้นที่ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน (ข้อมูลวันที่ 9 มีนาคม 2567) เนื่องมาจากสภาพอุตุนิยมวิทยาประกอบกับพบจุดความร้อนในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยจากการเฝ้าระวังการเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับการรับสัมผัสมลพิษทางอากาศ พบมีแนวโน้ม การกำเริบของโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจ โรคผิวหนังอักเสบ และโรคเยื่อบุตาขาวอักเสบ ที่เพิ่มขึ้น

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายดำเนินงาน 4 มาตรการ 10 กิจกรรม ได้แก่ ส่งเสริมการลดมลพิษทางอากาศ สื่อสารสร้างความรอบรู้ สร้างความเข้มแข็งของชุมชนและประชาชน ผ่านทุกช่องทาง จำนวน 29,736 ครั้ง ส่งเสริมองค์กรลดมลพิษ Green energy (รถยนต์ไฟฟ้า/พื้นที่สีเขียว/ลดขยะ) ลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ เฝ้าระวังสถานการณ์และแจ้งเตือนความเสี่ยงต่อสุขภาพ เฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพและรายงานผลกระทบด้านสุขภาพจากภาวะหมอกควันโดยเฉพาะ 4 กลุ่มโรคสำคัญ ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจ โรคผิวหนังอักเสบ และโรคเยื่อบุตาขาวอักเสบ โดยใช้ฐานข้อมูล smog-epinort  

จัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข จัดเตรียมห้องปลอดฝุ่นของเขตสุขภาพที่ 1 ทั้งสิ้น 2,095 แห่ง และห้องปลอดฝุ่นสำหรับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจำนวน 1,115 แห่งให้ความรู้เพื่อเป็นการป้องกันตนเองโดยแนะนำวิธีทำห้องปลอดฝุ่นหรืออาจใช้มุ้งสู้ฝุ่นเพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่น ให้บริการคลินิกมลพิษ 37 แห่งและคลินิกมลพิษออนไลน์ 48 แห่ง ลงพื้นที่บริการเชิงรุกเพื่อดูแลประชาชน รวมทั้งสิ้น 43,954 ครั้ง สนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลแก่กลุ่มเสี่ยงโดยมีหน้ากาก คงคลังของเขตสุขภาพที่ 1 จำนวน 748,346 ชิ้น หน้ากาก N95 จำนวน 110,629 ชิ้น

เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ เตรียมความพร้อมเพื่อเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Public health emergency operation center: PHEOC) เมื่อค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดของจังหวัด โดยอ้างอิงจากสถานี Air4Thai เท่ากับ 37.5 ติดต่อกัน 3 วัน หรือ มากกว่า 37.6 มคก. /ลบ.ม. 1 จุดตรวจขึ้นไป ปัจจุบันได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินแล้วทุกจังหวัด ส่งเสริมและขับเคลื่อนกฎหมาย พรบ. การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พรบ. โรคจากการประกอบอาชีพและโรคสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562

นายสุรชาติ กล่าวย้ำเตือน ขอให้ประชาชนตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ได้ที่ Application Air4Thai หรือ Life Dee   และปฏิบัติตนตามระดับสีค่าฝุ่นสูง ดังนี้ สีเหลือง ระดับปานกลาง (25.1 – 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) เลี่ยงการทำกิจกรรมที่ใช้แรงมาก สังเกตอาการตนเอง สีส้ม (37.6 – 75.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) และ สีแดง (75.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขึ้นไป)ควรลดเวลาการทำกิจกรรมนอกบ้าน ถ้าออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น และสังเกตตนเอง หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ และผู้มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น โดยอาจะใช้ หน้ากาก N95 ต้องเลือกที่มีขนาดเหมาะ แนบกระชับกับใบหน้า ครอบจมูกและใต้คางได้อย่างมิดชิด  หรือหน้ากากอนามัยเลี่ยงการไปในพื้นที่ที่มีฝุ่นสูง หรือลดระยะการอยู่นอกอาคารปิดประตูหน้า หน้าต่างให้มิดชิด หมั่นทำความสะอาด และอยู่ในห้องปลอดฝุ่น ลดกิจกรรมต่างๆ ที่ก่อให้เกิดฝุ่น
 
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถมาใช้บริการห้องปลอดฝุ่น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ให้หน่วยบริการสาธารณสุขจัดเตรียมห้องปลอดฝุ่นให้บริการเพื่อลดโอกาสรับสัมผัสมลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM 2.5 สนับสนุนให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานศึกษาและสถานที่เอกชนจัดเตรียมห้องปลอดฝุ่นร่วมด้วย 

หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ หรือ ค้นหาห้องปลอดฝุ่นใกล้บ้าน ได้ที่เวปไซต์ห้องปลอดฝุ่น https://podfoon.anamai.moph.go.th  

นภาพร/เชียงใหม่

‘ตาหลอย’ ดีใจได้ขึ้นเรือ โต้คลื่นลม ไปชมเกาะกูด   พรุ่งนี้ขี่ซาเล้งกลับ อย่างปลอดภัย เจ้าของร้านซ่อมให้ พร้อมออกเดินทาง

(10 มี.ค.67) นายพรชัย เขมะพรรค์พงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจ.ตราด ได้มอบหมายให้นางสาวพลับพลึง เพิ่มทรัพย์ กรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ตราด นำตาหลอย เดินทางจากโรงแรมที่พักแล้วเดินทางไปยังท่าเรือบางเบ้า ต.เกาะช้างใต้

เพื่อขึ้นเรือโดยสารบุญศิริ ที่เดินทางจากอำเภอเกาะช้าง ไปยังอำเภอเกาะกูด และผ่านเกาะหมาก ท่ามกลางคลื่นลมแรง ซึ่งเรือบุญศิริเดินทางถึงเกาะกูดในเวลา 10.30 น. และมีผู้ประกอบการเกาะกูดเดินทางมาต้อนรับและนำรถซาเล้ง 1 คันมาให้ตาหลอยใช้ขับเพื่อท่องเที่ยวในอำเภอเกาะกูดด้วย

ซึ่งมีนายเดชาธร จันทร์อบ นายกอบต.เกาะกูด และเจ้าของโรงแรมสวนย่ารีสอร์ทดูและให้ที่พักพร้อมอาหารให้กับตาหลอยทั้งหมด และยังพาไปเที่ยวเกาะกูดในสถานที่ต่างๆด้วย

ระหว่างทางที่เดินทางไปเกาะกูด ตาหลอยยังได้เข้าไปพบกัปตันเรือบุญศิริและพูดคุย และสอบถามถึงการขับเรือโดยสารจากกัปตันเรือด้วยความสนใจ

ตาหลอย ได้กล่าวกับเกาะกูดว่า ดีใจ และขอบคุณทุกคนมากที่ให้การต้อนรับและช่วยเหลือจนสามารถมาเที่ยวเกาะช้างและเกาะกูดได้

โดยในวันพรุ่งนี้ (11 มี.ค.67) ตาหลอย จะเดินทางกลับ จ.อุบลราชธานี ส่วน รถซาเล้งของตาหลอยที่มีสภาพที่ไม่สมบูรณ์ทั้งล้อ ทั้งยาง และอุปกรณ์บางส่วนนั้น ทางเจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ได้เปลี่ยนล้อ เปลี่ยนยางให้ทั้งหมด เพื่อให้อยู่ในสภาพดีและเดินทางไปยังภูมิลำเนาโดยปลอดภัยด้วย

พยาบาลเพิ่งออกเวร เจอคนเจ็บระหว่างทาง รีบลงรถ ช่วยปั๊มหัวใจ แม้สุดท้าย ไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้ แต่ก็ได้รับคำชมจากโลกโซเชียล 

(10 มี.ค.67) เมื่อเวลา 09.40 น. ร.ต.อ.นที ดวนพล รอง สว.ทล.1 กก.8 บก.ทล. (บางละมุง) พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมอเตอร์เวย์ และกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์บนถนนสาย 7 ตอน 5 ขาเข้าพัทยา ก่อนถึงแยกสุขุมวิทประมาณ 100 เมตร

มื่อไปถึงที่เกิดเหตุได้พบพยาบาลสาว และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมอเตอร์เวย์ กำลังช่วยกันปั๊มหัวใจยื้อชีวิตผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อคือ น.ส.ศิริกานต์ เศกกลาง อายุ 51 ปี เพื่อรอให้รถพยาบาลมารับตัวไปทำการรักษา แต่เนื่องจากผู้บาดเจ็บมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะจนทำให้มีเลือดไหลออกเป็นจำนวนมาก ส่วนขายังหักผิดรูปจนทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ห่างออกไปเล็กน้อยพบรถจักรยานยนต์ Retro 110 สีฟ้า ทะเบียน 3 กธ 4525 ชลบุรี สภาพพังยับ ส่วนในเลนขวาห่างออกไปประมาณ 30 เมตร พบรถยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ สีดำ หมายทะเบียน กข 9888 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าซ้ายพัง กระจกด้านซ้ายล่างมีรอยร้าว กระจกมองข้างซ้ายหัก โดยมี Mr.Peng Zhimin อายุ 46 ปี ชาวจีน เป็นคนขับ และมีลูกน้องชาวต่างชาติอีก 2 คน

ด้านคนขับรถสองแถวซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ขณะกำลังขับรถออกจากห้องน้ำจุดบริการตำรวจทางหลวง ได้เห็นรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตวิ่งอยู่เลนกลาง กระทั่งมีรถยนต์เก๋งของชาวต่างชาติที่ขับมาด้วยความเร็วสูงพุ่งชนอย่างจัง

ขณะที่พยาบาลสาวซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ บอกว่า ตนเพิ่งออกเวรจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และได้เดินทางมาเที่ยวพัทยากับแฟนหนุ่ม แต่มาถึงจุดเกิดเหตุได้เห็นว่ามีผู้บาดเจ็บอยู่กลางถนนจึงรีบลงมาช่วยเหลือและพยายามปั๊มหัวใจยื้อชีวิต แต่ไม่สำเร็จ

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ทางตำรวจทางหลวงบางละมุง ได้เชิญตัวคนขับรถเก๋งชาวจีนไปสอบสวนเพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ พร้อมจะได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

'ภูมิกิตติ์' กดลบ 4 ศึกแชมป์สวิง 'บางจาก โอเพ่น 2024' พร้อมคว้าสิทธิ์ ไปแข่งต่อที่ญี่ปุ่น ตามคาด

(10 มี.ค.67) 'บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด' ร่วมกับ 'บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)' ระเบิดศึกดวลสวิงกอล์ฟเยาวชนรายการ 'บางจาก โอเพ่น 2024' สนามแรกของ 'ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์ 2024' ซึ่งแข่งขันระหว่างวันที่ 9-10 มีนาคม 2567 ที่สนามสปริงฟิลด์ รอยัล คันทรี คลับ (คอร์สบี-ซี) จ.เพชรบุรี 

โดย ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ นักกอล์ฟเยาวชนในโครงการกอล์ฟบางจากฯ ในรุ่น Super GENZ (ชาย) โชว์ฟอร์มโหดจัดในรอบสองกดไป 4 อันเดอร์ คว้าแชมป์พร้อมสิทธิ์แข่งญี่ปุ่นไปตามคาดด้วยสกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 140 

ด้าน เขมณัฏฐ์ ศรลัมพ์ ชนะเพลย์ออฟที่หลุม 1 พาร์ 4 พัตต์เบอร์ดี้ลง คว้าแชมป์แรกของทัวร์นี้ไปครอง พร้อมกับสิทธิ์แข่งที่ญี่ปุ่น สกอร์รวม 5 โอเวอร์พาร์ 149  โดยมีนายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ (ที่ 2 จากขวา) ประธานจัดการแข่งขัน 'ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์' และนายพงษ์ศิริ ศิริมงคล (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายปรับปรุงและซ่อมบำรุงสถานีบริการ ประธานชมรมกอล์ฟ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติมอบรางวัลและร่วมแสดงความยินดี

‘มาดามแป้ง’ สุดปลื้ม ตั๋วดู ช้างศึก ปะทะ เกาหลีใต้ ขายหมดเกลี้ยง เหตุ แฟนบอลกลับมา รัก-ศรัทธา ทีมชาติไทย เหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน 

(10 มี.ค.67) ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ปลาบปลื้มใจหลังเห็นศรัทธาทีมชาติไทย กลับมา จากที่ล่าสุดบัตรถูกจำหน่ายหมดทุกโซนเป็นที่เรียบร้อย ในเกมที่เตรียมเปิดบ้านพบกับ เกาหลีใต้ ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 4

ก่อนหน้านี้ ในเกมคัดบอลโลก ที่ ช้างศึก ประเดิมเปิดบ้านพบกับ จีน มีแฟนบอลเข้าชม 35,009 คน แต่ล่าสุดในเกม ที่เตรียมเปิดบ้านพบกับ เกาหลีใต้ บัตรถูกจำหน่ายหมดเกลี้ยงแล้ว ในทุกโซน ภายใต้ความจุ 48,900 คน ของสนามราชมังคลากีฬาสถาน

มาดามแป้ง  นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ไม่มีอะไรสำคัญ และ ยิ่งใหญ่ไปกว่าพลังจากผู้เล่นคนที่ 12 แป้ง รู้สึกปลาบปลื้มใจ และ ภูมิใจที่วันนี้เห็น ศรัทธา ทีมชาติไทย กลับมา และ อยู่ในความสนใจของคนไทยอีกครั้ง เหมือนภาพบรรยากาศที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว”

“แน่นอนว่าการเปิดบ้านพบกับ เกาหลีใต้ เป็นเกมที่ยากมาก แต่ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แป้ง เชื่อว่าจะทำให้ทีมงานโค้ช และ น้อง ๆ นักฟุตบอลมีกำลังใจมากขึ้นก่อนเข้าแคมป์ วันที่ 14 มีนาคม และ เชื่อว่า เมื่อเรามาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันแบบนี้ ฟุตบอล 90 นาที อะไรก็เกิดขึ้นได้”

สำหรับ ทีมชาติไทย มีโปรแกรมเปิดบ้านพบกับ เกาหลีใต้ ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง นัดที่ 4 วันอังคารที่ 26 มีนาคม 2567 เวลา 19.30 น. ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ ทีวี หมายเลข 32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top