Wednesday, 3 July 2024
NEWS FEED

ผบ.ตร. ส่งชุดสืบ สตม. ไปจีนแก้ปัญหาคนจีนเข้ามาก่อเหตุกับคนจีนด้วยกันโดยใช้ไทยเป็นแหล่งก่อเหตุ ส่งชุดสืบ สตม. ไปจีนแก้ปัญหาคนจีนเข้ามาก่อเหตุกับคนจีนด้วยกันโดยใช้ไทยเป็นแหล่งก่อเหตุ

จากสถานการณ์ปัจจุบัน มีเหตุชาวจีนเข้ามากระทำความผิด ต่อชาวจีนด้วยกันในประเทศไทย แล้วหลบหนีออกนอกประเทศ รวมถึงมีบางส่วนเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อหลบหนีการกระทำความผิดมาจากประเทศจีน รวมถึงประเทศต่างๆ เข้ามาในประเทศไทย อีกทั้งบางส่วนมีพฤติกรรมเข้ามาก่อตั้งรกรากและประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการผ่าน พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธ์ุ ผบช.สตม.ให้หาแนวทาง มาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และคณะ เดินทางไปประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน ระหว่างวันที่ 5-11 พฤษภาคม 2566 เพื่อประชุม แสวงหาความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูล กับเจ้าหน้าที่ตำรวจมณฑลต่างๆที่สำคัญในประเทศจีน เพื่อหาแนวทางในการสกัดกั้น และป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีประวัติในการกระทำความผิด หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยผ่านตามช่องทางสนามบินและช่องทางด่านต่างๆทั่วประเทศ รวมถึงติดตามจับกุมผู้ที่มีหมายจับของประเทศจีน 
ผลการประชุมหารือได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมณฑลต่างๆ เป็นอย่างดี โดยทางตำรวจจีนได้ส่งข้อมูลผู้ต้องหาที่มีหมายจับที่สำคัญและมีข้อมูลว่าหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยให้ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทยช่วยติดตามจับกุมให้ จำนวนหลายเป้าหมายและมีการประสานงานร่วมกันผ่าน contact person เพื่อส่งข้อมูลผู้ต้องหาที่มีหมายจับในจีนเพื่อให้ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไทยลงข้อมูลในระบบเพื่อแจ้งเตือน เมื่อพบว่าผู้ต้องหาเหล่านี้เข้ามายังพรมแดนประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ในการสกัดกั้นไม่ให้คนจีนเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย ในลักษณะดังกล่าวได้

นอกจากนี้ทาง ตำรวจจีนได้ขอบคุณในความร่วมมือเป็นอย่างดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย รวมถึงสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในอดีตที่ผ่านมาที่ได้ช่วยจับกุมผู้ต้องหาที่มีหมายจับคดีสำคัญสำคัญในจีนมาดำเนินคดีได้เป็นจำนวนมาก

'ป๊อบ ปองกูล' กล่าว!! หลังรับรางวัลบนเวที THE GUITAR MAG AWARDS "การกระทำที่ผิด เกิดจาก Human Error ผมฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ กกต."

(10 พ.ค. 66) ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ไปเป็นที่เรียบร้อยกับงานประกาศรางวัลทางดนตรีระดับประเทศ THE GUITAR MAG AWARDS : REAL AWARDS FOR REAL ARTIST งานประกาศรางวัลทางดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ซึ่งเป็นงานเดียวที่รวมศิลปิน และคนดนตรีทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังมารวมตัวกันมากที่สุด จากทุกค่ายเพลง ทุกแนวดนตรี 

โดยงานนี้ได้ถูกจัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 และก็โอกาสร่วมฉลองครบรอบปีที่ 21 ของนิตยสาร นิตยสาร THE GUITAR MAG ในธีม 'MUSIC EXTRAVAGANZA : มหกรรมแห่งเสียงดนตรี' ไปในตัว

อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์เด็ดที่ถูกนำมาแชร์กันผ่านโลกออนไลน์ ก็ยังต้องเป็นของชายคนนี้ 'ป๊อบ ปองกูล' ซึ่งคว้ารางวัล BEST COLLABORATION SONG OF THE YEAR จากเพลง 'สลักจิต' ศิลปิน ป๊อบ ปองกูล X ดา เอ็นโดรฟิน และแน่นอน เขาย่อมมีข้อความสลักจิตมาฝากเสมอ ๆ

"ขอบคุณ THE GUITAR MAG ค่าย GMM White Music ตอนแรกไม่คิดว่าจะตื่นเต้น แต่ตื่นเต้นนี่หว่า ก่อนนี้ไม่คิดว่าเสียงของตัวเองจะทำงานกับคนฟังได้ แต่วันนี้พิสูจน์แล้ว ขอบคุณทีมที่ร่วมกันสร้างเพลง การกระทำที่ผิด เกิดจาก Human Error ผมฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ กกต.”

ตร.ไซเบอร์รวบเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างบริษัทไปรษณีย์ไทยหลอกโอนเงินกว่า 40 ล้าน

สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่ามีบุคคลแอบอ้างเป็นบริษัทไปรษณีย์ไทย โทรศัพท์มาหลอกผู้เสียหายว่ามีพัสดุผิดกฎหมายซึ่งตรวจพบเป็นกัญชาได้ถูกส่งไปที่ประเทศจีน ซึ่งผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด จากนั้นได้โอนสายไปยังบุคคลที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าผู้เสียหายยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการการฟอกเงิน ต้องโอนเงินไปให้ตรวจสอบทุกบัญชี ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปทุกบัญชีรวมจำนวน 40 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิด กระทั่งวันที่ 9 พ.ค. 2566 เวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ได้ร่วมจับกุมตัวนายอานนท์ อายุ 23 ปี ชาวอ่างทอง ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยควบคุมตัวได้บริเวณ ถนนอ่างทอง-ป่าโมก ต.บ้านแห อ.เมือง จ.อ่างทอง

เบื้องต้น นายอานนท์ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยจากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชีให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามา ก่อนที่กลุ่มมิจฉาชีพจะโอนเงินไปยังบัญชีอื่นต่อไป นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า นายอานนท์ ยังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับอีกจำนวน 3 หมายในความผิดลักษณะเดียวกันที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
 
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 สั่งการให้ พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง, พ.ต.ต.รังสรรค์ แสงรูจี และ พ.ต.ต.วัฒนชัย ธนกวินวงศ์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันดำเนินการจับกุม

ตำรวจไซเบอร์ เร่งตรวจสอบเพจ Facebook กปปค. แอบอ้างหน่วยงาน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอประชาสัมพันธ์ชี้แจงความคืบหน้ากรณีเพจ Facebook “กองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือ กปปค.” แอบอ้างใช้สัญลักษณ์ของ บช.สอท. ทำให้ประชาชนหลงเชื่อเข้าใจผิด สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง พร้อมแนะนำวิธีการตรวจสอบเพจปลอม ดังนี้

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์กรณีเพจ Facebook “กองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ - กปปค.” โพสต์ภาพพร้อมข้อความเกี่ยวกับการออกหมายจับไลฟ์โค้ชเข็มทิศชีวิตนั้น ได้รับรายงานจากกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) ว่าจากการตรวจสอบเพจ Facebook ดังกล่าว พบมีการคัดลอกภาพโปรไฟล์ และภาพหน้าปกของเพจ Facebook “กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. – CCIB มาแอบอ้างหลอกลวงให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิด หรือสร้างความน่าเชื่อถือในการกระทำผิดแสวงหาผลประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ ซึ่งอาจทำให้มีประชาชนหลงเชื่อว่าข้อความ หรือภาพที่นำเสนอผ่านเพจดังกล่าวเป็นเรื่องจริง หรือทำให้ประชาชนเข้าไปติดต่อกับเพจดังกล่าวสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้ ในเบื้องต้นได้มีการประสานไปยังผู้ให้บริการดำเนินการปิดเพจดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ทางคดีอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป

การกระทำดังกล่าวเบื้องต้นอาจจะเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน “ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนฯ” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ “ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1), 16 และความผิดฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาก็มีเพจ Facebook หรือเว็บไซต์ในลักษณะดังกล่าวของหน่วยงานต่างๆ ที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงประชาชน มีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ให้สิทธิพิเศษต่างๆ หรืออ้างว่าสามารถช่วยเหลือเร่งรัดติดตามคดีได้ มีการขอข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน รวมไปถึงหลักฐานทางคดีของเหยื่อนำไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ไม่ว่าจะเป็นการนำข้อมูลไปแฮ็กบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ หรือนำรหัสบัตรเครดิตไปรูดซื้อสินค้า หรือโอนเงินจากบัญชีธนาคาร หรือนำข้อมูลไปขายให้กับแก๊งมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ หรือนำไปแอบอ้างทำเรื่องที่ผิดกฎหมายต่างๆ

รัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้ หรือแอบอ้างหน่วยงานราชการต่างๆ มาหลอกลวงประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบในด้านงานป้องกันปราบปราม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ ที่ผ่านมา บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอยืนยันว่าเพจดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับ บช.สอท. แต่อย่างใด หากประชาชนท่านใดได้รับความเสียหายจากแอบอ้างของเพจดังกล่าวให้เตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กับสถานีตำรวจใกล้บ้านในทันที หรือแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ที่ https://thaipoliceonline.com ทั้งนี้ในปัจจุบันการเข้าถึงช่องทางหน่วยงานต่างๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ อย่าประมาท ควรตรวจสอบให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เพราะช่องทางดังกล่าวมิจฉาชีพ หรือผู้ไม่หวังดี อาจจะสร้างปลอมขึ้นมา โดยต้องระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลทางคดี ซึ่งมิจฉาชีพอาจฉวยโอกาสหลอกนำข้อมูลไปเเสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้ รวมถึงไม่หลงเชื่อเพียงเพราะมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงาน แอบอ้างสัญลักษณ์ของหน่วยงานนั้นๆ หรือมีการยิงโฆษณา หรือมีชื่อเพจ หรือเว็บไซต์ที่คิดว่าน่าจะเป็นของหน่วยงานนั้นจริง

จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงวิธีการหลีกเลี่ยงการเข้าสู่เว็บไซต์ปลอม และเพจ Facebook ปลอม ดังนี้

1. เพจ Facebook ที่ถูกต้องของตำรวจไซเบอร์ คือ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. – CCIB หรือ @CybercopTH และเว็บไซต์ตำรวจไซเบอร์ https://www.ccib.go.th เท่านั้น โดยหากท่านต้องการที่จะเข้าสู่เพจ หรือเว็บไซต์ ขอให้พิมพ์ชื่อด้วยตนเอง ป้องกันการเข้าสู่เพจ หรือเว็บไซต์ปลอม
2. เพจ Facebook จริงจะต้องมีเครื่องหมายยืนยันตัวตน (เครื่องหมายถูกสีฟ้า) หากไม่มีเครื่องหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นเพจปลอม
3.เพจ Facebook จริง จะมีส่วนร่วมในการโพสต์เนื้อหา รูปภาพ หรือกิจกรรมต่างๆ ต่อเนื่อง รวมถึงมีจำนวนผู้ติดตามที่ไม่น้อยจนเกินไป

4. เพจ Facebook ปลอม หรือเลียนแบบ มักจะเพิ่งสร้างขึ้นได้ไม่นาน
5. หมายเลขสายด่วนตำรวจไซเบอร์ คือ 1441 และหมายเลข 081-866-3000 และไม่มีช่องทางไลน์ในการติดต่อ มีเพียงแชตบอท @police1441 ที่เอาไว้ปรึกษาคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คอยให้บริการตอบคำถามประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง
6. การพิมพ์ชื่อหน่วยงานเพื่อค้นหาเว็บไซต์ของหน่วยงานใดๆ ไม่ได้มีความปลอดภัยเสมอไป ควรเพิ่มความระมัดระวังในการสังเกตชื่อเว็บไซต์ หรือสังเกต URL อย่างละเอียด และไม่หลงเชื่อเว็บไซต์ที่มีการยิงโฆษณาของมิจฉาชีพ
7. ไม่กรอก หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลทางคดี ผ่านสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น Line Facebook โดยเด็ดขาด
8. หากพบ หรือไม่แน่ใจว่าเป็นเพจ หรือเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้นๆ จริงหรือไม่ ให้ติดต่อไปยังหน่วยงานนั้นๆ โดยตรง เพื่อแจ้งให้ทำการตรวจสอบทันที

สะพานขึงพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก เสร็จแล้ว 100% ถือเป็นสะพานขึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่กว้างที่สุดในประเทศไทย

(10 พ.ค. 66) บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เป็นการก่อสร้างสะพานขึงคู่ขนานสะพานพระราม 9 ในสัญญาที่ 4 มูลค่าสัญญา กว่า 6,000 ล้านบาท โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ลงนามสัญญาจ้าง กับ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีระยะเวลาการก่อสร้าง 39 เดือน มีกำหนดแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2566 ถือเป็นสะพานขึงที่กว้างที่สุดในประเทศไทย

โครงการฯ มีจุดเริ่มต้นบริเวณเชิงลาดสะพานพระราม 9 ฝั่งธนุบรี เป็นสะพานซึ่งคู่ขนานสะพานพระราม 9 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ขนาด 8 ช่อง จราจร มีความยาวช่วงกลางสะพาน 450 เมตร และมีความยาวของสะพาน 780 เมตร ข้ามไปฝั่งกรุงเทพฯ สิ้นสุดโครงการฯ ที่บริเวณทางแยกต่างระดับบางโคล่ ระยะทางรวมประมาณ 2 กิโลเมตร โครงการทางพิเศษพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอก มีลักษณะเป็น Double Deck เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัช ทำให้เพิ่มพื้นผิวจราจรแก้ปัญหาจุดตัดจุดร่วม รองรับการเดินทางจากนอกเมืองเข้าในเมืองได้เป็นอย่างดี

โดยในการดำเนินโครงการได้จัดทำแบบจำลองสะพาน Full Model สำหรับทดสอบความแข็งแรงของสะพานต่อแรงลม ซึ่งสามารถรับแรงลมได้ถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือเทียบเท่าความแรงของพายุทอร์นาโด ดังนั้น สะพานจึงมีความมั่นคงแข็งแรงเป็นอย่างยิ่ง และตัวสะพานมีความลาดชันน้อยกว่าสะพานพระราม 9 เดิม ทำให้ไม่เกิดการชะลอตัวสะสมในช่วงขาขึ้นสะพาน

นอกจากสะพานคู่ขนานแห่งใหม่นี้ จะมีการออกแบบเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 แล้ว ยังได้ออกแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานงานไทยกับความงดงามด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ของการก่อสร้างทางวิศวกรรม และมีการประดับไฟเพื่อเพิ่มสีสันให้แก่สะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 ซึ่งไฟสามารถเปลี่ยนสีให้เข้ากับบรรยากาศเทศกาลต่าง ๆ ได้ โดยแต่ละสีมีความหมายดังนี้ สีเหลืองทอง แสดงถึง การตั้งมั่นในศีล การตั้งมั่นในธรรม, สีขาวแสดงถึงความมีตบะ, สีฟ้าแสดงถึงความอ่อนโยน, สีชมพูแสดงถึงการให้ การบริจาค และสีส้มแสดงถึงความซื่อตรง ความไม่เบียดเบียน

บมจ. ช.การช่าง ระบุว่า การก่อสร้างสะพานแห่งนี้ได้แล้วเสร็จตามกำหนดในสัญญาซึ่งเป็นส่วนหน้าของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอก ที่จะช่วยแก้ปัญหาจราจรติดขัดสะสมโดยเฉพาะช่วงสะพานพระราม 9 นับเป็นโครงการที่ช่วยแก้ปัญหาจราจรได้เป็นอย่างดีจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย

‘อัษฎางค์’ ติง!! อย่าเล่นของทำพิธีสาปแช่งใครเด็ดขาด ชี้!! มันจะเข้าตัว หากคนที่คิดเล่นงานนั้น มีบารมีสูงส่ง

(10 พ.ค.66) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ ระบุว่า...

ตอนผมเป็นเด็ก ๆ มีผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งผมเคยเห็นชีวิตเขารุ่งเรืองมาตลอด แต่ ณ เวลานั้นชีวิตเขาแย่มาก สภาพเขาก็แย่มาก ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับเขา ผมสงสัยแต่ไม่เคยถาม เพราะตัวเองก็ยังเด็ก

แต่อยู่มาวันหนึ่ง เขาคุยกับผม โดยบอกผมว่า เขา ‘เผาพริกเผาเกลือ’ สาปแช่งคู่อริคนหนึ่ง หลังจากนั้นชีวิตเขาก็พัง หน้าที่การงาน สุขภาพ ความรัก พังหมด

เขาย้ำกับผมว่า อย่าเล่นของทำพิธีสาปแช่งใครเด็ดขาด เพราะมันจะเข้าตัว

การกระทำของหนุ่มกู้ภัยคนนี้ อาจจะต้องถึงคราวที่ตัวเองจะเจอภัยเข้าแล้ว เพราะคนที่ตัวเองคิดจะเล่นงานนั้นมีบารมีสูงส่ง เป็นถึงอัครมหาเสนาบดี คนธรรมดาๆ คิดว่าการทำแบบนี้จะทำอะไรเขาได้หรือ

ผลของการกระทำในครั้งนี้ จะส่งผลให้ตัวได้หนุ่มคนนี้และพรรคที่หนุ่มกู้ภัยสนับสนุน เจอภัยย้อนกลับมาแน่นอน และมันกลับไปเพิ่มบารมีให้ลุงตู่

‘น้องดรีม’ กระโดดสูง ทำสถิติ 1.79 เมตร คว้าเหรียญทองสำเร็จ เผย สุดตื่นเต้น เพิ่งติดทีมชาติ ได้ลงแข่งซีเกมส์ครั้งแรก

(9 พ.ค. 66) การชิงชัยเหรียญรางวัลวันที่ 2 ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่สนามกีฬาแห่งชาติ มรดก เตโช กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

การแข่งขันกระโดดสูงหญิง น.ส.ธัญลดา ทองชมพูนุช หรือ ‘น้องดรีม’ นักกีฬากระโดดสูงทีมชาติไทย วัย 19 ปี ที่เพิ่งติดทีมชาติมาครั้งแรก ลงแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ปรากฎว่า น.ส.ธัญลดา ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม กระโดดทำสถิติ 1.79 เมตร คว้าเหรียญทองไปครองได้สำเร็จ

หลังจบการแข่งขัน น.ส.ธัญลดา เผยว่า ตื่นเต้นมาก เนื่องจากเป็นการแข่งขันซีเกมส์ครั้งแรก ก่อนมาตั้งเป้าไว้เพียงแค่ติดเหรียญใดเหรียญหนึ่งกลับบ้านเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมาถึงเหรียญทอง แต่พอทำได้มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“ก่อนมาเพิ่งจะเข้ามาซ้อมกับสมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทยได้เพียง 3 เดือนเศษๆ ก่อนมาแข่งสถิติก็ไม่ดีนัก แต่ก็พยายามเต็มที่ วันนี้ทำได้แล้ว ก็จะตั้งใจซ้อมต่อไป อยากจะเก็บเงินสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ซักหลัง” น.ส.ธัญลดา กล่าว

กองรักษาความปลอดภัยฐานทัพเรือสัตหีบมอบเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตรข้าราชการ

วันนี้ 9 พ.ค.66 นาวาเอก ประเสริฐศิลป์ วรสิษฐ์ ผู้บังคับกองรักษาความปลอดภัยฐานทัพเรือสัตหีบ กรมรักษาความ ปลอดภัยหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือการศึกษา ให้กับบุตรข้าราชการในสังกัด ณ อาคารอเนกประสงค์ กองรักษาความปลอดภัยฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี คณะนายทหาร ตลอดจนบุตรข้าราชการ ผู้ปกครอง เข้าร่วมในพีธีอย่างพร้อมเพียง 
   

สำหรับ พิธีมอบเงินช่วยเหลือการศึกษาให้กับบุตรข้าราชกร ในสังกัดแบ่งทุนการศึกษาออกเป็น ระดับอนุบาล ทุนละ 2,000 บาท ระดับประถมศึกษา ทุนละ 2,500 บาทระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ทุนละ 3,000 บาท และระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่า ทุนละ 3,500 บาท
   

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ข้าราชการและครอบครัว ในเรื่องค่าใช้จ่าย สนับสนุนการศึกษาแก่บุตร ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาในระดับต่างๆ ให้ได้รับการศึกษาที่สูงขึ้นไปตามลำดับ สำหรับปีการศึกษา 2566 นี้ มีข้าราชการในสังกัดเสนอขอรับทุนการศึกษา จำนวน 52 ราย ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาผู้ที่สมควรได้รับทุนการศึกษาแล้วทั้ง 52 ราย ประกอบด้วย ระดับอนุบาลจำนวน 2 ราย ระดับประถมศึกษาจำนวน 21 ราย ระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่าจำนวน 13 ราย และระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่า จำนวน 13 ราย 
   

โดยทุนการศึกษาในปีนี้ ได้รับการสนับสนุนจากดอกผลเงินสวัสดิการข้าราชการ กองรักษาความปลอดภัยฐานทัพเรือสัตหีบ เพื่อการศึกษา จำนวน 147,000บาท
นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 0909535645,0945565622/086-3684323

คลิปหนุ่มขอลายเซ็น ‘บิ๊กตู่’ ลงสมุด ‘Death Note’ ดังชั่วข้ามคืน ยอดวิวพุ่งเกือบ 10 ล้าน ชาวเน็ตแห่แซว “ยิ้มนายมีพิรุธนะ”

(9 พ.ค. 66) กลายเป็นไวรัลเกือบ 10 ล้านวิว หนุ่มขอลายเซ็น ‘บิ๊กตู่’ ลงสมุด ‘Death Note’ ชาวเน็ตร้องเอ๊ะ แซว “ยิ้มนายมีพิรุธนะ” เป็นกระแสไวรัลใน TikTok จนมีคนเข้าไปชมแล้วกว่า 9.5 ล้านวิวเลยทีเดียว

โดยในคลิปวิดีโอนั้น เผยให้เห็นหนุ่มกู้ภัยรายหนึ่งที่เดินเข้าไปขอลายเซ็นกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระหว่างลงพื้นที่หาเสียงให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้เซ็นให้ แม้ว่าที่ข้อมือจะมีพันผ้าเอาไว้ก็ตาม

แต่คลิปวิดีโอก็มาถึงไฮไลต์ เมื่อสมุดเล่มดังกล่าวได้ปิดลง เผยให้เห็นหน้าปกก็คือ ‘Death Note’ เล่มดัง พร้อมยังซูมให้เห็นชัดๆ เข้าไปอีก โดยคลิปดังกล่าวมีคนเข้าไปกดไลค์กว่า 1.5 ล้านครั้ง และคอมเมนต์มากถึง 24,400 ครั้งด้วยกัน

เจ้าของคลิปก็โพสต์ไว้ว่า “ได้ยินว่าลุงมาหา #อ่ะขอลายเซ็นสะหน่อย #ลูงตู่”
.
หลังจากนั้นได้มีผู้คนเข้าไปคอมเมนต์กันแบบรัวๆ อาทิ

“ยิ้มนายมีพิรุธ”
“ใส่เสื้อกู้ภัยพร้อม รับจบคนเดียว555555”
“คนให้เซ็นคือหัวเราะมาแต่บ้านละอะ55555”
“ใจต้องถึงล้านล่ะป่ะ”
“เรียบร้อยฮะ สาธุขอให้สมหวังปรารถนา”
“แหม่ยิ้มไม่หุบเลยน้าาา”
“เรียบร้อย”
“นายคือความหวังของชาติ555”
“เนียนกว่าไซยาไนด์”

แถมเมื่อได้มีคนนำคลิปวิดีโอออกไปโพสต์ต่อที่เพจในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ก็มีคนเข้าไปชมกันพรึบเลยทีเดียว

สำหรับ ‘เดธโน้ต’ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังที่ได้สร้างเป็นภาพยนตร์ เรื่องราวของ ‘ยางามิ ไลท์’ นักเรียน ม.ปลายที่ได้บันทึกมรณะ หรือ ‘เดธโน้ต’ ของลุค ยมทูตรายหนึ่ง ที่สามารถฆ่าคนได้เพียงแค่เขียนชื่อลงไปในสมุธเดธโน้ต ผู้ที่ถูกเขียนชื่อจะหัวใจวาย เสียชีวิตในเวลาไม่นาน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ แถลงปิดคดีบังคับใช้แรงงานเมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีนายจ้าง-ผู้สนับสุนน-คนนำพาต่างด้าว รวม 9 ราย

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและพัฒนา ได้ร่วมกันเข้าช่วยเหลือแรงงานชาวเมียนมาจำนวน 14 ราย หลังแจ้งขอความช่วยเหลือกรณีถูกหลอกมาทำงานตัดอ้อย และถูกนายจ้างยึดเอกสารหนังสือเดินทางและโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งถูกทำร้ายร่างกายและบังคับให้ทำงาน โดยมีสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก เหตุเกิดที่ไร่อ้อยภายในพื้นที่หมู่ 5 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือแรงงานทั้งหมดได้พร้อมดำเนินคดีกับนายจ้าง ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น


​กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีในความผิดฐานค้ามนุษย์ รวมทั้งสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งกระบวนการให้ครบถ้วน จากการสืบสวนพบว่า นายจิรายุทธ เฉลิมศุภเศรษฐ์ นายจ้าง ได้รับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานจากผู้รับจ้างขนแรงงานผิดกฎหมาย จากนั้นได้บังคับให้ทำงานในไร่อ้อย โดยยึดเอกสารประจำตัวทั้งหมด และมีการข่มขู่โดยใช้ทั้งอาวุธมีดและอาวุธปืน ทำให้แรงงานหวาดกลัวและยอมทำงาน โดยต้องทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด และได้เงินสัปดาห์ละ 500 บาทต่อคน และต้องพักอาศัยด้วยกันอย่างแออัด

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ต้องหารวมจำนวน 9 คน แบ่งเป็นนายจ้าง 1 ราย ผู้สนับสนุน 2 ราย และคนนำพาต่างด้าวเขามาทำงานจำนวน 6 ราย ประกอบด้วย
​1. นายจิรายุทธ เฉลิมศุภเศรษฐ์ (นายจ้าง)
​ดำเนินคดีฐาน ค้ามนุษย์ และบังคับใช้แรงงานหรือบริการฯ
​2. นายเฉลิมชัย แบนดอนไพร (ผู้ใหญ่บ้าน)
​3. ร.ต.อ.วชิร ชยธวัช (ลูกเขยของนายจิรายุทธฯ)
​ดำเนินคดีฐาน เป็นผู้สนับสนุนค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงานหรือบริการฯ
​4. นายสรไกร ศรีนานา
​5. นายนัฐวุฒิ วินกล่อม
​6. นายมนัส ทองเถาว์
​7. นายเฉลิมชัย แบนดอนไพร
​8. นายรณชัย เกิดสนอง
​9. นายอะวิน ไม่มีนามสกุล (สัญชาติเมียนมา)
​ดำเนินคดีฐาน ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายนั้นพ้นจากการจับกุม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top