Thursday, 15 May 2025
NEWS FEED

ส่องความนิยม 'สอบเตรียมทหาร' ยังร้อนแรง หลายหมื่นเด็กไทยแห่สอบไม่แพ้ 'เตรียมอุดม'

เมื่อ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา คงได้เห็นข่าวนักเรียนแห่สอบเข้า ‘เตรียมอุดมศึกษา’ ซึ่งในปี 67 นี้มีผู้เข้าสอบ 11,607 คน บางคนเดินทางมาจากต่างจังหวัด บางคนต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเข้าร่วมสอบ ทำให้สนามสอบ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เต็มไปด้วยนักเรียน และผู้ปกครองที่มาให้กำลังใจบุตรหลาน

แต่นอกจากการสอบเข้าเตรียมอุดมที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกการสอบสำคัญ อย่างการสอบเข้า ‘เตรียมทหาร’ ที่ดุเดือดไม่แพ้กัน โดยมีจำนวนผู้เข้าสมัครสอบในแต่ละหลักสูตรมากมาย ดังนี้...

- หลักสูตร 'นายเรือ' มีผู้สมัคร 5,736 รับจริง 100 คน สอบวันที่ 23 มี.ค.67 เวลา 09.00-12.00 น.
- หลักสูตร 'นายเรืออากาศ' มีผู้สมัคร 7,917 รับจริง 137 คน สอบวันที่ 24 มี.ค.67 เวลา 09.00-12.00 น
- หลักสูตร 'จปร.' มีผู้สมัคร 14,603 คน รับจริง 239 คน สอบวันที่ 30 มี.ค.67 เวลา 13.00-17.00 น.
- หลักสูตร 'นายร้อยตำรวจ' มีผู้สมัคร 10,266 คน รับจริง 315 คน สอบวันที่ 31 มี.ค.67 เวลา 13.00-17.00 น.

สำหรับสถานที่สอบ ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) โดยน้องๆ ทุกคนต้องสวมใส่ชุดนักเรียน-รองเท้านักเรียน (ชุดวอร์ม-รองเท้าผ้าใบ กรณีสอบนายร้อยตำรวจ)

*** ทั้งนี้ในแต่ละหลักสูตรยังมีการแบ่งย่อยโควตาผู้สมัคร สามารถคลิกชมรายละเอียดได้ตามลิงก์นี้ >> https://www.facebook.com/share/p/Nr3fbj2F7VapA4Fy/?mibextid=oFDknk 

'บิ๊กโจ๊ก' แตกหัก!! ส่งทนายฟ้อง 'บิ๊กเต่า' ขู่!! ถ้าแฉเส้นทางเงินทั้งหมด 'ตายหมู่' แน่นอน

(13 มี.ค. 67) นายณัฐกร โตสกุล ทนายผู้รับมอบอำนาจจากพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เดินทางไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อนำเอกสารไปยื่นฟ้องพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีเมื่อวันที่ 21 และ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ หรือ ‘รองเต่า’ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าว โดยมีการนำข้อมูลที่อยู่ในสำนวนคดีเว็บพนันของ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน ไปเปิดเผย ซึ่งข้อความดังกล่าวมีลักษณะเกินเลยความเป็นจริง ทำให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ได้รับความเสียหาย จึงจำเป็นต้องมายื่นฟ้องในวันนี้ และหากที่ผ่านมามีบุคคลใดที่ทำให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ได้รับความเสียหายอีก ทีมทนายก็จะดำเนินการฟ้องร้องทั้งหมด

ทนายความของบิ๊กโจ๊ก ยังระบุว่า กรณีที่ตำรวจไปขอศาลอนุมัติหมายจับเมื่อวานนี้ เมื่อศาลยกคำร้องการขอออกหมายจับไปแล้ว พนักงานสอบสวนก็สามารถออกหมายเรียกได้ตามอำนาจหน้าที่ แต่คดีนี้พนักงานสอบสวนไม่น่าจะมีอำนาจแล้ว เพราะ ป.ป.ช. รับเรื่องแล้ว จึงอยู่ในอำนาจของป.ป.ช. ดำเนินการ ซึ่งพฤติกรรมของคดี ทั้ง สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน เป็นเส้นทางการเงินเดียวกันหมด แม้จะต่างเว็บไซต์ แต่ก็ถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวกัน และเป็นคดีเดียวกัน ซึ่งทีมทนายได้ข้อมูลมาจากพยานหลักฐานบัญชีและเส้นทางการเงินที่พันตำรวจโทคริษฐ์ ปริยะเกตุ ลูกน้องมือขวาของบิ๊กโจ๊ก ที่บันทึกเส้นทางการเงินเข้าและออกไว้ทั้งหมด แต่พนักงานสอบสวนมีความพยายามที่จะแยกสำนวนออกมา ซึ่งทีมทนายมองว่าการสอบสวนของป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ มีกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงที่แตกต่างจากพนักงานสอบสวน จึงเชื่อว่าจะให้ความเป็นธรรมได้ดีกว่าการสอบโดยตำรวจด้วยกัน

นอกจากนี้ ทนายความของบิ๊กโจ๊ก ยังกล่าวอีกว่า เส้นทางการเงินเหล่านี้เชื่อมโยงมาถึงบิ๊กโจ๊กเพียงส่วนหนึ่ง แต่ก็มีเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่นด้วย ซึ่งหากบิ๊กโจ๊กเข้าข่ายความผิด บุคคลท่านนั้นก็ต้องผิดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าพนักงานสอบสวนเพ่งเล็งจะสอบแค่เพียงเส้นเงินที่เชื่อมมาถึงบิ๊กโจ๊กหรือไม่ พร้อมแง้มว่า เร็ว ๆ นี้ทีมทนายความของบิ๊กโจ๊ก อาจจะตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงเส้นทางการเงินทั้งหมด และตอบคำถามในประเด็นต่าง ๆ กับสื่อมวลชน รวมถึงเปิดเส้นทางการเงินที่เชื่อมไปยังบุคคลอื่น ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลที่จะทำให้สะเทือนทั้งวงการ เหมือนที่บิ๊กโจ๊กเคยบอกไว้ว่า หากแฉออกมาจะมีการตายหมู่แน่นอน

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาต่างชาติ ขยายผลทลายเครือข่าย CHET CHEA เหมาทัวร์ซุกชาวบังกลาเทศ ส่งมาเลเซีย และจับกุมหมอรัสเซียเปิดคลินิกความงามเถื่อน

ตามนโยบายของ สานักงานตารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รวมทั้ง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิด กฎหมาย สานักงานตารวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจ ผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดาเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะ ที่พานักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทาผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชน ทาให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทาความผิด

ภายใต้การอานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

คดีแรก ขยายผลทลายเครือข่าย CHET CHEA เหมาทัวร์ซุก 43 บังกลาเทศ ส่งมาเลเซีย : 
ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม., กก.สส.บก.ตม.6, และ สน.พญาไท จับกุม นายเจต (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติกัมพูชา ตามหมายจับศาลจังหวัดไชยา ที่ จ.37/2567 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ต้องหาว่ากระทาความผิดฐาน รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ให้เข้าพัก อาศัยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม นาตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เสวียด จ.สุราษฎร์ธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจับกุมหน้าโรงแรมย่าน แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 ได้เกิดเหตุรถบัสโดยสารไม่ประจำทางประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ในพื้นที่ ต.เสวียด อ.ท่าฉาง จวสุราษฎร์ธานี ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายณัฐพลฯ และนายสำเภาฯ พร้อมด้วยคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติบังกลาเทศ จานวน 43 คน จากการสืบสวนขยายผลพบว่าคนขับรถบัสโดยสารคันเกิดเหตุได้รับการติดต่อว่าจ้างจากนายวิรัตน์ฯ และ น.ส.คำเตือนฯ ให้ไปรับคนต่างด้าวสัญชาติบังกลาเทศ จากปั้มน้ามันแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา ไปส่งยัง จ.สงขลา ตกลงค่าจ้างเหมา 50,000 บาท โดยมีนายวิรัตน์ฯ ทำหน้าที่เป็นรถนำทาง แจ้งด่านตรวจ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในปั๊มน้ามัน พบขบวนการขนคนต่างด้าวฯ มาเปลี่ยนถ่ายคนต่างด้าวฯ ไปยังรถบัส จำนวน 5 คัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ นายวิรัตน์ฯ และ น.ส.คำเตือนฯ และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2566 จากการสืบสวนขยายผล จากการจับกุม สามารถออกหมายจับ นายณัฐวัฒน์ฯ และแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเอนกฯ ซึ่งทั้ง 2 ราย ทำหน้าที่ขับรถขนคนต่างด้าวฯ จากพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อไปส่งที่ปั๊มน้ามันแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากการ จับกุมทั้ง 2 รายเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ได้สืบสวนขยายผลเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ร่วมกระทาผิดเพิ่มเติมอีก 3 ราย คือ นายเสือฯ ทำหน้าที่ว่าจ้างทีมรถขนคนต่างด้าวฯ , นายคะนองฯ และ นายเชาวลิตฯ ทำหน้าที่ขับรถขนคนต่างด้าวฯ ในเส้นทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไปยังปั๊มน้ามันแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา โดยสามารถติดตามจับกุมได้ทั้งหมดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 

จากการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมพบว่านายเสือฯ ได้รับการติดต่อประสานงานกับ นายเจตซึ่งเป็นนายหน้าระดับสั่งการเครือข่าย CHET CHEA ทำหน้าที่ประสานงานกับนายหน้าขนคนต่างด้าว ตามแนวชายแดนพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และนายหน้าขนคนต่างด้าวฝั่งประเทศกัมพูชา โดยหลังจากนายเสือฯ รับงานจากนายเจต ได้ติดต่อว่าจ้างนายวิรัตน์ฯ ให้จัดหารถขนคนต่างด้าวไปยังพื้นที่ จ.สงขลา โดยให้ค่าจ้าง 3,000 บาท/คน และประสานงานกับนายเชาวลิตฯ เพื่อจัดหารถยนต์ส่วนบุคคลรับคนต่างด้าว จากแนวชายแดน อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ไปส่งยังจุดพักคอย/จุดนัดรับส่ง ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา โดยกลุ่มรถขนคนต่างด้าว เส้นทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไปยังสถานีจ่ายน้ามันบางวัว ได้ค่าจ้าง 1,500 บาท/คน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ จึงรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับนายเจต และสามารถติดตามจับกุมได้ในที่สุด
จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่ากลุ่มรถขนคนต่างด้าวดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายขนคนบังกลาเทศ นายอัสราฟ (สัญชาติบังคลาเทศ) โดยนายวิรัตน์ฯ จะประสานงานกับนายอับบาส (สัญชาติปากีสถาน) ผู้ต้องหาหลบหนี หมายจับ 2 หมาย โดยนายอับบาส ทาหน้าที่ประสานงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และจัดหารถขนคนต่างด้าวเส้นทาง สงขลา - นราธิวาส เพื่อนาคนต่างด้าวลักลอบเดินทางออกไปยังประเทศมาเลเซีย
ผลการปฏิบัติในการสืบสวนจับกุมเครือข่าย CHET CHEA ดังกล่าว สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จานวน 10 ราย เป็นการจับกุมที่เกิดเหตุ3ราย, ขยายผลออกหมายจับ7รายและแจ้งข้อกล่าวหา1รายสามารถติดตามจับกุม เครือข่าย CHET CHEA ได้ทั้งหมด

คดีที่ 2 ตม.จว.สุราษฎร์ธานี รวบหมอรัสเซียเปิดคลินิกความงามเถื่อน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติรัสเซีย จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายอเล็กซานเดอร์ (นามสมมต) อายุ 35 ปี โดยกล่าวหาว่า ทางานนอกเหนือสิทธิที่จะทำได้ และ น.ส.ลิลเลีย (นามสมมต) อายุ 32 ปี โดยกล่าวหาว่า ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทางาน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด จ.สุราษฎร์ธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.บ่อผดุ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าท่ีสืบสวน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้สืบทราบว่ามีคนต่างชาติได้ลักลอบเปิดสถานประกอบการเสริมความงามในลักษณะเป็นสถานพยาบาลในพื้นที่ ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยได้เปิดให้บริการหลายประเภท รวมทั้งมีการรักษาด้วยวิธีการปั่นเกล็ดเลือดแล้วนากลับไปฉีดเข้าร่างกายของผู้รับบริการ ซึ่งมี ผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งการบริการประเภทนี้จะต้องได้รับการควบคุมจากเจ้าหน้าที่เฉพาะทาง ซึ่งถ้าไม่มีการควบคุมอาจจะเป็นอันตรายจนถึงชีวิตต่อผู้มาขอรับบริการได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี จึงได้สืบค้นข้อมูลสถานบริการดังกล่าวจากในโลกสังคมโซเชียล (SOCAIL) ปรากฏว่าชื่อ ALSPA BEUTY CLINIC มีการโฆษณาการให้บริการในแอปพลิเคชันในสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ จำนวนมาก ที่สามารถนาข้อมูลมาทาการสืบสวน เช่น ภาพการลงโฆษณาการให้บริการของ ALSPA BEUTY CLINIC ในแอปพลิเคชัน TIKTOK และอินสตราแกรม ที่ปรากฏให้เห็นการบริการในสถานประกอบการดังกล่าวและตัวคนต่างชาติที่ทาหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ

จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่าสถานบริการดังกล่าวได้เช่าพื้นที่ของโรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเป็นสถานประกอบการ โดยไม่ปรากฏว่ามีการจดทะเบียนหรือขึ้นทะเบียนเป็น สถานพยาบาลตามกฎหมาย จึงสืบสวนหาข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ทาหน้าที่ให้บริการและเจ้าของสถานประกอบการดังกล่าว จนทราบว่าเจ้าของสถานบริการดังกล่าวเป็นคนต่างชาติสัญชาติรัสเซียชื่อ น.ส.ยูเลีย (นามสมมติ) และมีคนต่างชาติทาหน้าที่เป็นหมอเสริมความงามที่ปรากฎในการลงโฆษณาจานวนหลายราย โดยวิธีการผลัดเปลี่ยนกันมา ให้บริการตามรายการจองเข้าใช้บริการของลูกค้า จนเป็นที่แน่ชัดว่าสถานประกอบการดังกล่าวเปิดโดยผิดกฎหมายและมีคนต่างชาติมาทางานโดยผิดกฎหมาย ตม.จว.สุราษฎร์ธานี จึงได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนเข้าทำการจับกุม โดยขณะเข้าทำการจับกุมได้พบ น.ส.ลิลเลีย (นามสมมติ) และนายอเล็กซานเดอร์ (นามสมมติ) กำลังให้บริการเสริมความงามใบหน้าและบริการนวดรักษาอาการอักเสบกล้ามเนื้อแก่ลูกค้าคนต่างชาติด้วยกัน จากการตรวจสอบเอกสารพบว่า น.ส.ลิลเลีย (นามสมมติ) ไม่มีใบอนุญาตทำงาน ส่วนนายอเล็กซานเดอร์ (นามสมมติ) ได้รับอนุญาตให้ทางานกับบริษัทแห่งหนึ่งในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ประเภทกิจการให้บริการที่พักอาศัย แต่มาทางานเสริมความงาม จึงเป็นการทางานนอกเหนือสิทธิ์ที่จะทำได้ นอกจากนี้ ยังพบยาอันตรายและยาควบคุมพิเศษ, ยาที่ไม่มีสลากภาษาไทย เข้าข่ายยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนในสถานพยาบาล, ผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ใช้ในการให้บริการกับผู้ที่ใช้บริการ เสริมความงามกับสถานพยาบาลดังกล่าวอีกจานวนหนึ่งไว้ จึงยึดไว้เพื่อตรวจสอบ และตรวจพบหัตถการ อุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ เครื่องปั่นพลาสมา (เครื่องแยกเกล็ดเลือด) เข็มฉีดยาที่ใช้แล้วจำนวนมาก ยาที่มีเข็มฉีดยาเสียบติดไว้ที่เพิ่งผ่านการให้บริการ เข็มฉีดยาหลายขนาด กระบอกฉีดยา ผลิตภัณฑ์เสริมความงามอยู่ในตู้เย็นและลิ้นชักซึ่งจัด ไว้ให้บริการแก่ลูกค้า ระเบียนการรักษาหรือ OPD การ์ดของลูกค้าผู้มาใช้บริการ และรายการอัตราค่าบริการมีอุปกรณ์ ทางการแพทย์ ซึ่งพยานหลักฐานเหล่านี้บ่งชี้ชัดว่าสถานประกอบการดังกล่าวเป็นสถานพยาบาลซึ่งไม่พบว่ามีการจดทะเบียนหรือขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาลตามกฎหมาย จึงได้ตรวจยึดสิ่งของเหล่านี้ไว้เป็นของกลางทางคดี และดำเนินคดีกับคนต่างชาติทั้ง 2 ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือสิทธิ์ที่จะทำได้ พร้อมทั้งร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ยูเลีย (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติรัสเซีย ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้จัดการตามคำให้การของผู้ถูกจับทั้ง 2 ราย ในความผิดฐานจัดตั้งกิจการสถานประกอบการพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 16 พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 และจำหน่ายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 12 และมียาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับ ตามมาตรา 72 (4) แห่ง พ.ร.บ.ยา 2510

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทาความผิด กรุณาแจ้งมายัง สานักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิม พระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ลำปาง-รมว.ทส.เปิดงานวันช้างไทย ประจำปี 2567

วันที่ 13 มีนาคม 2567 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงานวันช้างไทย ประจำปี 2567 โดยมีนายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวต้อนรับ นายสุกิจ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงฯ หน่วยงานองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด อำเภอ และนักท่องเที่ยว เข้าร่วมชมพิธีเปิดงานเป็นจำนวนมาก ณ สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง

เนื่องด้วยคณะกรรมการประสานงานการอนุรักษ์ช้างไทย ร่วมกับคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาเลือกวันที่ 13 มีนาคม เป็น “วันช้างไทย” ซึ่งคณะกรรมการได้คัดเลือกสัตว์ประจำชาติ โดยมีมติให้ “ช้างเผือก” เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย และคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบประกาศให้ วันที่ 13 มีนาคม เป็นวันช้างไทย และประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2541  

ในการนี้ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จ.ลำปาง หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดงาน “วันช้างไทย ประจำปี 2567” ขึ้น ระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม 2567 โดยมีกิจกรรมที่เล็งเห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของช้างไทย เช่น การบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในพื้นที่สถาบันฯ ฮ้องขวัญช้าง ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับช้างที่ล้มไปแล้ว ตักบาตรร่วมกับช้าง ฯลฯ ตลอดจนพิธีเปิดงาน “วันช้างไทย ประจำปี 2567” ในวันที่ 13 มีนาคม 2567 

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานในพิธีได้มอบรางวัลการจัดประกวดซุ้มอาหารช้าง และรางวัลควาญช้างดีเด่น ประจำปี 2567 พร้อมทั้งร่วมเลี้ยงอาหารช้างบนสะโตกใหญ่ ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุนการจัดงานวันช้างไทยในครั้งนี้ โดยมีช้างเข้าร่วมพิธีมากกว่า 100 เชือก

รอชม '2475 Dawn of Revolution' หนังประวัติศาสตร์ที่ทุกฝ่ายดูได้

(13 มี.ค. 67) บริษัท นาคราพิวัฒน์ จำกัด หรือนาคราสตูดิโอ จะมีการฉายภาพยนตร์แอนิเมชันประวัติศาสตร์เรื่อง '2475 Dawn of Revolution' ผลงานของผู้กำกับ ซัง-วิวัธน์ จิโรจน์กุล ความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง ผ่านออนไลน์ 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่ เฟซบุ๊ก '2475 Dawn of Revolution' ยูทูบ 2475 Animation และติ๊กต็อก @2475animation

โดยช่องทางยูทูบ 2475 Animation จะฉายรอบพรีเมียร์ในเวลา 20.00 น. จากนั้นเวลา 21.00 น. จะทยอยเผยแพร่แอนิเมชัน แบ่งเป็น 3 ตอน (ตอนละประมาณ 40 นาที) เพื่อให้คนที่ไม่ทันรอบพรีเมียร์ สามารถมารับชมตั้งแต่เริ่มได้ รวมทั้งจะทยอยอัพโหลด ลงในช่องทางอื่นๆ อย่างเฟซบุ๊ก และติ๊กต็อกด้วยเช่นกัน 

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง '2475 Dawn of Revolution' เป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าคณะราษฎร นำโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา ยึดพระราชอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ และเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2475 ก่อนจะนำไปสู่เหตุการณ์ต่างๆ ในกลุ่มคณะราษฎรตามมา

โดยมีทีมพากย์นำโดย อาวอ จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร พร้อมด้วยนักพากย์ เช่น นก ฉัตรชัย เปล่งพานิช, นก สินจัย เปล่งพานิช, สุเมธ องอาจ, เกลือ กิตติ เชี่ยววงศ์กุล และมี พ.อ.ประทีป สุพรรณโรจน์ ประพันธ์เพลงประกอบ ใช้หนังสืออ้างอิงประมาณ 4-5 ลัง โดยได้ หมู ปัณฑา สิริกุล เรียบเรียงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และเขียนบท พร้อมด้วย ปราชญ์ สามสี เป็นที่ปรึกษาด้านข้อมูลเกร็ดประวัติศาสตร์ มีทีมงานสตรีทอาร์ต คิง ภูมิพล นำโดย นายชวัส จำปาแสน มาช่วยงานภาพ

นายวิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวว่า ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้เป็นการนําเสนอประวัติศาสตร์ในยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพื่อให้คนไทยได้เข้าใจบริบทและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และให้ผู้ชมได้นําความผิดพลาดในอดีตมาเรียนรู้ เพื่อร่วมกันหาแนวทางที่จะก้าวต่อไปยังอนาคต เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องเป็นของทุกคน ไม่ใช่ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

สำหรับสิ่งที่อยากจะบอกกับผู้ชมก่อนชมภาพยนตร์นั้น เรื่องนี้เนื้อหาค่อนข้างแน่น พยายามที่จะย่อยให้เข้าใจง่ายที่สุด มองในมุมของแต่ละฝ่ายว่าสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์อะไรต่อประเทศชาติ ซึ่งตนเห็นว่าทุกคนมีมุมคิดในการพัฒนาประเทศในแบบของตนเองอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะเหมาะสมต่อเหตุการณ์หรือเหมาะสมต่อบ้านเมืองหรือเปล่าเท่านั้น

ผู้กำกับภาพยนตร์ 2475 ยืนยันว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ทุกฝ่ายดูได้ เพราะเล่าประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้แต่งข้อมูล และไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วบิดเบือน ตลอด 92 ปีที่ผ่านมาการเล่าประวัติศาสตร์ 2475 ไม่เคยเล่าตรงไปตรงมา ถ้าประวัติศาสตร์ตรงนี้ไม่ชัดเจน จะเป็นความขัดแย้งต่อไปไม่จบสิ้น ยืนยันว่าเรื่องราวในภาพยนตร์สืบค้นได้หมด มีหนังสือแนะนำและให้ไปหาอ่าน

"มีคนบอกว่าเราบิดเบือน สร้างขึ้นมาเอง แสดงว่าคุณไม่ได้อ่านประวัติศาสตร์ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ในอดีตไม่มีฝั่ง อยู่ที่ว่าเราจะรับได้แค่ไหน" นายวิวิวัธน์ ระบุ

อย. สานพลังเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมสื่อสารเตือนภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพ

อย. จับมือคณะทำงานภาคประชาชน 36 องค์กร เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานกับ อย. 
เพื่อสร้างความรอบรู้และสื่อสารเตือนภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพไปยังผู้บริโภค ให้รู้จักเลือกซื้อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างเหมาะสม ปลอดภัย

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จัดงานเสวนาสื่อสารเตือนภัยตอบโต้ความเสี่ยงด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ “คนไทยคิดได้ ใช้เป็น” โดยมีคณะทำงานภาคประชาชน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพในการเข้าถึงผู้บริโภคทั้งหมด 36 องค์กรเข้าร่วมงาน เพื่อสร้างความรอบรู้และสื่อสารเตือนภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพไปยังผู้บริโภค 

โดยนายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า อย. มีภารกิจในการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งนอกจากการกำกับดูแลคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ทั้งก่อนและหลังออกสู่ตลาดแล้ว อย. ยังมุ่งส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีความรอบรู้ในการเลือกซื้อ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างปลอดภัยสมประโยชน์โดย อย. มีการจัดทำองค์ความรู้เพื่อเผยแพร่ ข้อมูลที่ถูกต้อง ทันเหตุการณ์ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งแนวราบ เช่น เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th , www.oryor.com Facebook: FDAThai Line @FDAThai คลังความรู้ออนไลน์ FDA Center และแนวดิ่ง โดยผ่านการทำงาน ร่วมกับเครือข่าย ได้แก่ บวร.ร. (บ้าน วัด โรงเรียน โรงพยาบาล) และภาคประชาชน

ทั้งนี้ ในปัจจุบันกระแสการดูแลสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์สุขภาพมีเพิ่มมากขึ้น มีการใช้กลยุทธ์ทางการตลาด
และการโฆษณาทั้งที่ถูกกฎหมายและอวดอ้างเกินจริง ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจคลาดเคลื่อน และหากผู้บริโภคไม่มีความรู้เท่าทัน อาจส่งผลต่อการเลือกซื้อหรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัยได้ อย. จึงร่วมกับเครือข่าย คณะทำงานภาคประชาชน 36 องค์กรจัดเสวนาเตือนภัย ตอบโต้ความเสี่ยงด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ 

โดยมีวัตถุประสงค์สร้างความรอบรู้ในการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ รู้เท่าทันโฆษณาหลอกลวงให้แก่เครือข่าย
คณะทำงานภาคประชาชน เพื่อให้เครือข่ายสามารถนำความรู้ไปสื่อสาร เตือนภัย และกระตุ้นให้ผู้บริโภค
ในพื้นที่ต่าง ๆ เห็นความสำคัญและรู้จักเลือกซื้อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างถูกต้องเหมาะสม ส่งผลให้มีสุขภาพและคุณชีวิตที่ดีต่อไป

เจนกิจ นัดไธสง สวทท.68 รายงาน 

'ผอ. ภูวดล มิ่งขวัญ' เทคนิคบุรีรัมย์ ศึกษาพลังงานนำล้ำอาเซียน สอนทำจริง บริหารพร้อมวิจัย การจัดการพลังงานสะอาดและอนุรักษ์พลังงาน ก้าวสู่ Smart College Energy Real Time Net Zero Energy Real Time (IoT) College

นายภูวดล มิ่งขวัญ  ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ กล่าว ขอขอบคุณ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด มอบ platform สื่อการสอน ระบบไฟฟ้าและค่าพลังงานไฟฟ้าด้วยกราฟ แบบ Online และ Real Time เป็นสื่อการเรียนการสอนทันสมัยที่สุดในอาเซียน จาก นาย ประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ ตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ณ ห้องประชุมบุรีรายา วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ 

จากที่รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงศึกษาธิการแถลงนโยบายการศึกษา และแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ทางวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ ได้ตะหนักถึงนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการการปรับปรุงโครงสร้าง ปรับปรุงองค์กร พร้อมทำตึกอนุรักษ์พลังงาน และนำหม้อแปลง Low Carbon ลงดิน โดยมีโซล่าเซลล์ Solar Cell, Energy Storage สอนพร้อม ปฏิบัติจริง และอนาคตสนามฟุตบอล, สนามบาสเกตบอล และสนามกีฬาจะเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าเล่นกีฬาทุกชนิด ตั้งแต่เวลา 18.00 – 20.00 น. โดยจะใช้ไฟจากพลังงานสะอาด 100% จึงนับว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อทางวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ และเป็นสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยแบบ Real Time นำโปรแกรม Energy Management System Smart Building ในด้าน Net Zero & Near Zero, Peak Demand และ Demand Response พร้อมคาดการว่าจะประหยัดพลังงานถึง 10% และโครงการดังกล่าว 3 สถานบัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะมาให้ความร่วมมือในอนาคต 

โดยโมเดลที่กล่าวมาข้างต้นจะเหมือนกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้วิจัยพัฒนาเกี่ยวกับการตรวจเช็ค วิเคราะห์พลังงาน บำรุงรักษา ด้านความปลอดภัย อัคคีภัย แบบ IoT ในการให้ความรู้ด้านการจัดการพลังงานแบบเรียลไทม์ (IoT)  และบริหาร Green Energy Low Carbon ส่งเสริมหลักสูตร สื่อการเรียนการสอนทันสมัยสุดในอาเซียนเรื่องบำรุงรักษาและมาตรฐานความปลอดภัย อัคคีภัย ของหม้อแปลงไฟฟ้า สามารถลดการใช้พลังงาน ลดต้นทุนค่าไฟฟ้า สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาด้านการประหยัดพลังงาน เพื่อเป็นประโยชน์และตรงต่อความต้องการของ ภาคประกอบการ เป็นกำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูงเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรม เศรษฐกิจของประเทศต่อไป

หม้อแปลงดังกล่าวได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ (NiA) และได้รับการยอมรับจากหน่วยงานรัฐ และสถาบันมากมาย เป็นเครื่องหมายการันตีคุณภาพของนวัตกรรม ด้วยรางวัล และประกาศเกียรติคุณ อาทิ Thailand energy awards 2023, ASEAN ENERGY AWARDS 2023, กระทรวงพลังงาน, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) TGO, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), กรมบัญชีกลาง, สำนักงบประมาณ, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และรางวัลประหยัดพลังงาน ลดคาร์บอน อีกทั้งยังตีพิมพ์วรสารระดับโลก IEEE journal  ด้านการประหยัดพลังงานอีกด้วย

“ธรรมนัส” หนุน วกส.5 สร้างเครือข่ายรัฐ-เอกชนพัฒนาชีวิตเกษตรกรไทย

“รมว.เกษตรฯ” แถลงเปิดหลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง รุ่นที่ 5 หลักสูตรอันดับหนึ่งด้านการเกษตรของประเทศ​ พร้อมสร้างเครือข่ายธุรกิจด้านการเกษตรระยะยาว เพื่อยกระดับพัฒนาชีวิตเกษตรกรไทย หนุน เป็นผู้ผลิต-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารชั้นนำของโลก 

เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 67 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ร้อยเอกธรรมนัส  พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์   นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิทยาการเกษตรระดังสูง (วกส.) และดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. ร่วมแถลงข่าวเปิดหลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) รุ่นที่ 5 

โดย รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า กระทรวงฯได้จัดทำหลักสูตรเพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยให้เป็นผู้นำในระดับนานาชาติ ด้วยวิทยาการเกษตรเทคโนโลยี และนวัตกรรมสมัยใหม่ ภายใต้หลักการตลาดนำการผลิตและเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างความสมดุล มั่นคง และยั่งยืน เพื่อพัฒนาศักยภาพและสร้างผู้นำระดับสูงให้มีความรู้ ความสามารถในการพัฒนา การเกษตรรวมทั้งก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้วิสัยทัศน์ และประสบการณ์ระหว่างผู้นำภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนในรูปแบบ “ประชารัฐ” เพื่อมุ่งสู่การทำเกษตรวิถีใหม่  หลักสูตร วกส.จึงเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันระหว่างเกษตรกร ผู้บริหารระดับสูงทั้งจากภาครัฐ และเอกชน เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจด้านการเกษตรในระยะยาว และการยกระดับและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้น ตามนโยบายนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง คือ ใช้การตลาดนำนวัตกรรมเสริม เพื่อนำภาคการเกษตรที่เป็นเรื่องสำคัญของประเทศ ขับเคลื่อนให้เกิดความยั่งยืน 

ขณะที่ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับมูลนิธิเกษตราธิการ และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ในการจัดทำหลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) โดยมีกำหนดการจัดฝึกอบรมหลักสูตร วกส. รุ่นที่ 5 ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม - 6 กันยายน 2567 เพื่อการขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทย ให้เป็นผู้นำในด้านการเกษตรและอาหารในระดับนานาชาติ ที่จะส่งผลในการสร้างรายได้เพิ่มให้กับประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป

นายอนันต์  ระบุว่า  ที่ผ่านมา วกส. ได้รับผลสำเร็จของหลักสูตรตั้งแต่รุ่นที่ 1 ถึง รุ่นที่ 4 มาแล้ว  เป็นการเชื่อมโยงบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร ทั้งภาครัฐและเอกชน Smart Farmer เกษตรกรรุ่นใหม่ เข้ามาเรียนรู้เทคโนโลยี นวัตกรรมและวิทยาศาสตร์ด้านการเกษตรเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆให้สามารถนำไปต่อยอดการเกษตรยุคใหม่ที่ทันสมัยได้ดีมากยิ่งขึ้น 

ดร.วิชาญ กล่าวว่า หลักสูตรดังกล่าวก่อให้เกิดความร่วมมือกันระหว่าง  สวก. หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เพื่อสร้างความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันการศึกษาหรือสถาบันอื่นของรัฐและเอกชนในการผลิตและพัฒนางานวิจัยและนักวิจัยการเกษตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ  มั่นใจว่า สวก. และ หลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.)” จะสามารถขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยให้เป็นผู้นำในระดับนานาชาติด้วยวิทยาการเกษตรเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ ได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้หลักสูตร วกส. รุ่นที่ 5 ได้รับความกรุณาจาก ดร.จรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรม ในวันที่ 29 มีนาคม 2567 นี้ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร

อีกมุม!! 'อดีตนักมวยเก่า' โพสต์ 'ข้อดี-เสีย' รายการ ONE ลุมพินี ค่าเหนื่อยดีที่มาพร้อมกับความเสี่ยง บนกรอบที่เริ่มหลุดศิลปะมวยไทย

(13 มี.ค.67) จากเพจ 'วิศวะนักเดินทาง' ได้โพสต์ข้อความถึงอีกด้านของเวที ONE ลุมพินี โดยอ้างอิงมุมมองของ ศิลาแดง 'ตะคร้อเล็ก เดชรัตน์' อดีตนักมวยเก่า ที่โพสต์เดือดถึง 'ข้อดี-ข้อเสีย' รายการ ONE 

เหตุจาก 'เพชรชาติชาย ชาวไร่อ้อย' (หลานชาย) พ่ายแพ้คะแนน 'จีตัว ยีปู' นักชกชาวจีน ไปแบบหน้ายับเยิน เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา

“ผมไม่อยากเขียนมันยาว ขนาดหลานตัวเอง ยังห้ามไม่ให้ชกไม่ได้ ทั้งที่มันก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินขนาดนั้น มันบอกมันเท่ ที่ได้ต่อยรายการ ONE วันชกเป็นครั้งแรกที่ผมไม่ไปดูมันชกในเวที ผมแกล้งโพสต์บอกไม่มีบัตร แต่ผมสั่งให้ภรรยาผมไปนั่งรอน่าเวทีลุมพินี เพื่อให้ไปดูแลเรื่องการพาไปโรงพยาบาล และก็เป็นจริงอย่างที่ผมคิด”

“ดีแฟนผมละเอียด จับเข้า อุโมงค์ TT สแกน ทำให้ละเอียด เห็นความผิดปกติทุกจุดในร่างกาย มีเลือดซึมในสมอง จมูกหัก โครงกระดูกแก้มแตก เส้นประสาทตาผิดปกติ โชคดีเป็นโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน หมอเก่ง ให้ยาดี แค่ลองคิดเล่น ๆ ค่ารักษา 350,000 บาท (นี่คือข้อดี ที่เขาดูแลอย่างดี ขอชมเชย) คนต้องเจ็บขนาดไหน (จากการชกมวย)”

“ที่เขียนมาผมไม่ได้โทษรายการ ONE นะครับ ผมโทษตัวผมเองที่ไม่สามารถห้ามหลานได้ !!! และผมโทษการกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกีฬามวย ที่อนุญาตให้ ใส่นวมที่ผิดกฎหมาย ทำการแข่งขันในเวทีที่ได้มาตรฐานที่สุดของประเทศไทย ได้อย่างไร (ลุมพินี) การไม่อนุญาตให้ใช้น้ำมันมวย และวัสลีน เพื่อหล่อลื่นร่างกาย ก่อให้เกิดอันตราย โดนตรงไหนแตก หรือหักตรงนั้น”

“จุดขาย คือ ความโหด และซาดิสม์ จุดดี คือ เงิน ที่ใช้เข้ามาล่อนักมวย และนี่แหละ คือตัวแปรสำคัญ ของคนที่ชกมวย หรือ ทุก ๆ คนในโลกใบนี้ ใครว่าง ก็ลองไปยืนดูหลังเวที ต่อยเสร็จรถวิ่งพาไปโรงพยาบาล เกือบทุกคน กีฬาชนิดไหนก็แล้วแต่ในโลกใบนี้ ที่เล่นแล้วเข้าโรงพยาบาล ถือว่าเป็นความผิดพลาดของผู้จัดการแข่งขัน”

“หรือ ผมเข้าใจผิด ว่า มวยไทย ไม่ใช่กีฬา แล้ว !!! ที่เขียนมาแค่อยากฝาก ท่านผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกีฬามวยทั้งหลายในประเทศไทย !!! ช่วยตอบหน่อย มวย ONE ใช่กีฬามวยไทยตามพระราชบัญญัติกีฬา 2542 หรือไม่ เพราะอะไร และหากสมมติ นักมวยที่ชกพิการ พรบ.มวยจะคุ้มครอง และจ่ายค่าทุพพลภาพได้หรือไม่”

“เพราะเป็นการจัดการแข่งขัน ที่ไม่ตรงตามกฎหมายมวยกำหนด ??? อย่าลืมว่า มวย คือกีฬาชนิดเดียว ในประเทศไทย ที่มีกฎหมายมากำหนด แต่ไม่ทำตามกฎหมาย เราจะเรียกว่ามวยไทยหรือไม่”

“แค่อยากสื่อให้คนมวย คนรักในศิลปะมวยไทย จริง ๆ เข้าถึงบริบทของคำว่า ศิลปะมวยไทย !!! มวยไทยเป็นกีฬามหรสพ เพื่อความบันเทิง ไม่ใช่เพื่อความเจ็บปวด ความซาดิสม์ อย่าขายความเจ็บปวด ให้ขายคำว่าศิลปะ มันดูมีค่ามากกว่าเงิน”

“ฝากถึง น้อง ๆ ลูก ๆ หลาน ๆ ในสังคมมวย ถ้าคุณไม่เก่ง และแน่จริง เหมือน รถถัง, ตะวันฉาย, ซุปเปอร์เล็ก คิดดี ๆ ที่จะฝันไปต่อยในเวที ONE ไม่ได้ห้ามนะครับ ใครอยากได้เงินเยอะ ๆ ก็ไปเสี่ยงดวงดู”

หมายเหตุ: ไปอ่านเจอโพสต์ของ พี่ตะคร้อเล็ก เลยนำมาฝาก แฟนมวยพิจารณาแล้วคอมเมนต์หน่อยนะครับ

#วิศวะนักเดินทาง

พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นประธานมอบโล่เชิดชูเกียรติ ชูพลังสตรี ร่วมแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ หวังปลดล็อกกีดกันทางการค้าถาวร เนื่องในวันสตรีสากล (International Women’s Day)

พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานมอบโล่เชิดชูเกียรติ ให้กับสตรีที่มีผลการปฏิบัติงานช่วยเหลือเด็ก  สตรี ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และงานจราจรเนื่องในวันสตรีสากล (International Women’s Day)

วันพุธที่ 13 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 น. พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจโท กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,  พลตำรวจโท ภาคภูมิภิภัทฒ์  สัจจพันธุ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/รองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจโท ธนายุตม์  วุฒิจรัสธำรงค์  ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/คณะทำงาน ศพดส.ตร., พลตำรวจโท สันติ์ สุขวัจน์,  พลตำรวจโท วันไชย เอกพรพิชญ์, พลตำรวจโท พนัญชัย  ชื่นใจธรรม,พลตำรวจตรี นิพนธ์ เจริญผล และ พลตำรวจตรี ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ คณะที่ปรึกษา ศพดส.ตร. รวมถึง นายพงษ์วาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม, นายอนุกูล  ปีดแก้ว รองปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นางมารศรี  ใจรังษี รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผู้แทนกระทรวงแรงงาน, นางจตุพร แสงหิรัญ  อธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ ร่วมพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติ ให้กับสตรีที่มีผลการปฏิบัติงานช่วยเหลือเด็ก สตรี ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และงานจราจรเนื่องในวันสตรีสากล (International Women’s Day) ณ ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  

วันสตรีสากล (International Women’s Day) ตรงกับวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี วันสตรีสากลนี้เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นในการขจัดการแบ่งแยกและการเหยียดเพศให้หมดไป เปิดโอกาสให้ผู้หญิงทุกคนได้แสดงความสามารถ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความทัดเทียมกัน ในประเทศไทยทุกวันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อฉลองเนื่องในวันสตรีสากล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดนิทรรศการต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้จักและเห็นความสำคัญของวันสตรีสากล และยังได้จัดให้มีการประกาศเกียรติคุณแก่สตรีดีเด่นประจำปี เนื่องในวันสตรีสากล ทั้งนี้ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติสตรีผู้สร้างประโยชน์ในสาขาอาชีพต่าง ๆ อีกด้วย

พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์  หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ได้เล็งเห็นความสำคัญ ถึงบทบาท หน้าที่ของสตรี ในยุคปัจจุบัน ที่มีความรู้ความสามารถ ในการปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี จึงมีแนวคิดที่จะมอบโล่เชิดชูเกียรติ ให้กับข้าราชการตำรวจหญิงที่ปฏิบัติงานด้านการปกป้อง คุ้มครองเด็กและสตรีดีเด่น ,ข้าราชการตำรวจหญิงที่ปฏิบัติงานจราจรดีเด่น และสตรีผู้ปฏิบัติงานในองค์การนอกภาครัฐ (NGOs) ซึ่งมีผลงานด้านการปกป้อง คุ้มครองเด็ก  และสตรีดีเด่น เพื่อเชิดชูเกียรติ และสร้างขวัญกำลังใจให้กับสตรี เนื่องในวันสตรีสากล (International Women’s Day) ผ่านการเสนอชื่อจากสายการบังคับบัญชา เสนอคณะกรรมการคัดเลือกพิจารณา โดยมี พลตำรวจโท ภาคภูมิภิภัทฒ์  สัจจพันธุ์  ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/รองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ซึ่งได้มีการคัดเลือกสุภาพสตรีที่ได้รับรางวัล 3 สาขา จำนวน 31 ท่าน 

พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า ที่ผ่านมาการค้ามนุษย์ในประเทศไทยกลายเป็นปัญหาระดับชาติเนื่องจากไทยถูกลดระดับและกีดกันทางการค้าจากความไม่เอาใจใส่ในการปราบปรามการค้ามนุษย์  กระทั่งสามปีที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังทำให้สหรัฐอเมริกา มองเห็นถึงความจริงจังในการดำเนินการจึงปรับระดับจาก 2.5 มาเป็น 2 และในปีนี้ผลงานด้านการปราบปรามที่ไปนำเสนอในเวที ทิป ออฟฟิศ ก็ยังคงได้รับคำชื่นชมจากวุฒิสภาสมาชิกของรัฐสภาสหรัฐอเมริกา ทำให้ไทยมีสิทธิ์ลุ้นที่จะได้รับการปรับระดับอีกครั้ง  ทั้งนี้ความสำเร็จที่เกิดขึ้นก็ล้วนเป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนโดยเฉพาะกลุ่มสตรีซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการร่วมกันแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และการกระทำอนาจารต่อเด็กและสตรี  และในวันนี้ยังมีสุภาพสตรีจำนวนนึงที่รับราชการตำรวจและเลือกปฏิบัติหน้าที่งานด้านจราจร ให้บริการประชาชนบนท้องถนน ซึ่งเป็นงานที่มีความเสี่ยงภัย แต่ตำรวจจราจรหญิงเหล่านี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ทัดเทียมกับตำรวจจราจรชาย ในฐานะที่ผมกำกับดูแลงานจราจรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญ และขอชื่นชมสุภาพสตรีเหล่านี้  นี่จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในวันสตรีแห่งชาติ ศูนย์พิทักษ์เด็กสตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอมอบโล่เชิดชูเกียรติให้กับสุภาพสตรีทุกท่าน เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนในการร่วมแก้ปัญหาต่อไปในอนาคต และหวังว่าความร่วมมือที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังเหล่านี้จะนำไปสู่การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างถาวร ซึ่งจะทำให้ไทยไม่ถูกกีดกันทางการค้าอีกต่อไป

เอกสารแนบท้าย
(รายชื่อผู้ได้รับโล่เชิดชูเกียรติ จำนวน 31 ท่าน)

ข้าราชการตำรวจหญิงที่ปฏิบัติงานด้านการปกป้อง คุ้มครองเด็กและสตรีดีเด่น จำนวน 14 ท่าน ได้แก่
พ.ต.อ.หญิง กษิรานิษฐ์  เตชิตวรเศรษฐ์  รอง ผบก.สก.สกพ.(ฝอ.ศพดส.ตร.)
พ.ต.อ.หญิง จรีย์วรรณ  พุทธานุรักษ์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.ภ.5
พ.ต.ท.หญิง จารุวรรณ  มากยงค์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองระนอง ภ.จว.ระนอง
พ.ต.ท.หญิง ชมภูนุช  อนันตญากุล  รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ป่าตอง ภ.จว.ภูเก็ต
พ.ต.ท.หญิง ฐิติพร  เรืองรอด รอง ผกก.วป.ผอ.
พ.ต.ท.หญิง เมธาวรินทร์  เอี่ยมชู    รอง ผกก.ปพ.ผอ.
พ.ต.ท.หญิง ชนัญชิดา ตุ่ยสิมา สว.(สอบสวน) กก.6 บก.ปคม.
พ.ต.ท.หญิง พรรัมภา  พัฒนาวาท  สว.กก.ดส.
ว่าที่ พ.ต.ต.หญิง ภูษณิศา  จันทรัชภ์  สว.(สอบสวน) สภ.ราชบุรีเพชรบุรี ภ.จว.ราชบุรี
ร.ต.อ.หญิง ขวัญดาว  หิรัญ รอง สว.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต บก.ตอท.
ร.ต.อ.หญิง พิสมัย  วิชัยศร  รอง สว.กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.4 
(ชป.TICAC ภ.4)
ร.ต.อ.หญิง พรรณวดี  เกษร  รอง สว.(สอบสวน) กตค.บก.กค.ภ.4
ร.ต.ท.หญิง ณัฐวดี  ศรีคำสุข รอง สว.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศ
ต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต บก.ตอท.
จ.ส.ต.หญิง ทิพยรัตน์ สมสวัสดิ์ ผบ.หมู่ 1 กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.4
(ชป.TICAC ภ.4)    

ข้าราชการตำรวจหญิงที่ปฏิบัติงานจราจรดีเด่น จำนวน 8 ท่าน ได้แก่
พ.ต.ต.หญิง ปวีณา ชุมฤทธิ์ สว.จร.สภ.เมืองภูเก็ต
ร.ต.อ.หญิง เนตรนฤมนต์ ปล้องใหม่ รอง สว.ป.สภ.กงหรา ภ.จว.พัทลุง
ร.ต.อ.หญิง สุชิรา ยะโกะ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เบตง ภ.จว.ยะลา
ร.ต.อ.หญิง ธวัลรัตน์ เอี่ยววิบูลธนกิจ รอง สว.จร.สภ.บางละมุง ภ.จว.ชลบุรี
ร.ต.ท.หญิง กุลภัสสร์สรณ์  นิลวรรณ รอง สว.(ป.) สน.บางรัก
จ.ส.ต.หญิง มัลลิกา รามบุตรดี ผบ.หมู่ (ป.) สภ.โนนศิลา ภ.จว.ขอนแก่น
จ.ส.ต.หญิง บุษบา กำเลิศภู ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองอุดรธานี ภ.จว.อุดรธานี
จ.ส.ต.หญิง สิริยุพา ศิริวัจนพร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.หนองสองห้อง ภ.จว.ขอนแก่น

สตรีผู้ปฏิบัติงานในองค์การนอกภาครัฐ (NGOs) ซึ่งมีผลงานด้านการปกป้อง คุ้มครองเด็ก และสตรีดีเด่น จำนวน 9 ท่าน ได้แก่
คุณปวีณา หงสกุล มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี
นางอภิญญา ทาจิตต์  Stella Maris
น.ส.ณัฐกานต์ โนรี โครงการสปริง มูลนิธิการศึกษาเพื่อชีวิตและสังคม
น.ส.รำไพพรรณ จิตต์ธรรม มูลนิธิเพื่ออิสรภาพ (The Exsodus Road)
นางวีรวรรณ มอสบี้ โครงการฮัก ภายใต้มูลนิธิสานสัมพันธ์ครอบครัว
น.ส.พรนิภา  คำสม มูลนิธิเพื่อความเข้าใจเด็ก (FOCUS)
น.ส.พรรณรัชฏ์ ยุทธวารีชัย  องค์การ โอ ยู อาร์ ประเทศไทย (O.U.R.)
น.ส.พชรลิตา  หรรษคุณาฒัย องค์การ โอ ยู อาร์ ประเทศไทย (O.U.R.)
น.ส.นันท์นารี  หลวงมอย  มูลนิธิศูนย์เพื่อน้องหญิง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top