Monday, 6 May 2024
NEWS FEED

หนีร้อน แห่เที่ยวสระมรกตอันซีนกระบี่ คาดสงกรานต์นี้ยอดทะลุวันละไม่ต่ำกว่า 2 พันคนเตรียมเปิดพื้นที่เพิ่ม

วันที่ 29 มีค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากภาวะอากาศที่ร้อนอบอ้าวอย่างหนักและมีอุณหภูมิสูงกว่า 38 องศา ทำให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เลือกที่จะไปเที่ยวหนีร้อนไปแช่น้ำคลายร้อนตามสถานที่ต่างๆกันเป็นจำนวนมาก โดยที่สระมรกต ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประบางคราม ที่ ต.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนหลายร้อยคน เลือกที่จะเดินทางมาแช่น้ำเล่นน้ำตามสระน้ำต่างๆ ซึ่งน้ำในสระมรกตที่ไหลลงมาจากเขาประบางคราม เป็นน้ำสีใสแจ๋ว

นายปิยวัฒน์ สุคนธ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม เปิดเผยว่า ขณะนี้แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไม่ต่ำกว่าวันละ 600 คน ส่วนช่วงวันที่นักท่องเที่ยวเยอะสุดจะตรงกับช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ สำหรับช่วงวันหยุดยาวและช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้ทางเขตฯ ได้จัดเตรียมสถานที่อัตรากำลังเจ้าหน้าที่เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว มีการตรวจค้นบริเวณป้อมด้านหน้า เน้นเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวประมาณ 2,000 คนต่อวันซึ่งค่อนข้างแออัด แต่ถ้าอยู่ในช่วงประมาณ 1,000 คนต่อวันจะพอดีกับสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งนี้ทางอุทยานทำการเปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวได้กระจายเพื่อลดความแออัด เปิดสระน้ำผุดและจุดที่พักต่างๆเพื่อลดความแออัดของนักท่องเที่ยว

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจนำข้าราชการตำรวจร่วมฟังธรรมในโครงการ “ธรรมนำใจ” เพื่อตำรวจไทยมีคุณธรรม ฟังธรรมตามกาล คือมงคลอันประเสริฐ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยข้าราชการตำรวจทั่วประเทศในทุกมิติ ทั้งการทำงาน สุขภาพกาย และสุขภาพใจ ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่อาจทำให้ข้าราชการตำรวจและครอบครัวเกิดความเครียดและวิตกกังวล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ จึงได้จัดทำโครงการ “ธรรมนำใจ” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้น้อมนำคุณธรรม มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

วันนี้ (29 มี.ค.2566) เวลา 09.30-11.00 น. พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้เป็นประธานในโครงการ “ธรรมนำใจ” ครั้งที่ 1 ซึ่งได้กราบอาราธนานิมนต์ และรับเมตตาจากพระเดชพระคุณ “หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม” ประธานสงฆ์ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อ.วังน้ำเขียว จว.นครราชสีมา มาแสดงพระธรรมเทศนา เรื่อง “ครองตน ครองคน ครองงาน บริหารตามหลักธรรมาธิปไตย” ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข ชั้น 2 อาคาร ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร และสวัสดิการ  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ.พระราม 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยมี พลตำรวจโท กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พลตำรวจโท นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ,พลตำรวจโท ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล , พลตำรวจโท นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ , พลตำรวจโท อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ , พลตำรวจโท สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , คุณนิภาพรรณ สุขวิมล อุปนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ , พลตำรวจตรีหญิง วิรญา พรหมายน ,คุณรงรอง ภูริเดช , คุณชนาพร ไกรทอง กรรมการบริหารสมาคมฯ , คณะแม่บ้านฯ พร้อมข้าราชการตำรวจ เข้าร่วมพิธี

ทั้งนี้ โครงการ “ธรรมนำใจ” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กำหนดให้มีการฟังบรรยายธรรม เดือนละหนึ่งครั้ง ระหว่างเดือนมีนาคมถึงกันยายน 2566 และให้ข้าราชการตำรวจเข้าร่วมฟังบรรยายจำนวนคราวละ 350 นาย ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข ชั้น 2 อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งวันนี้เป็นการจัดกิจกรรมครั้งแรก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ สั่งทลายสมาคมเถื่อน “แก๊ง14K” เพื่อหลอกลวงทรัพย์สิน และหาผลประโยชน์จากคนไทยและจีน

จากกรณีสำนักข่าวและสื่อสังคมออนไลน์นำเสนอเกี่ยวกับกลุ่มแก๊งมาเฟียจีน ชื่อกลุ่ม 14K เข้ามาตั้งสมาคมที่ผิดกฎหมาย เพื่อมาประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ทุนจีนสีเทา นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว หากพบการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด


จากการสืบสวนทราบว่าได้มีกลุ่มคนจีนจัดตั้งสมาคมเชื่อได้ว่าขัดต่อกฎหมายจริง โดยตรวจพบสมาคมที่ใช้ชื่อ “หงเหมิน” ประกอบในชื่อสมาคมจำนวน 2 แห่ง คือ


1.สมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลกหงเหมิน มี “นายป๋าย จ้าวฮุย”(Mr.Bai Zhaohui / 白兆辉) ซึ่งแสดงตัวว่าได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสมาคม ประจำสาขาไทย มีที่ตั้งสมาคมอยู่ที่แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันเดินทาง ออกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 (ก่อนมีการนำเสนอข่าว)
2.สมาคมพันธมิตรหงเหมินโลก มีนายวุฒิ แซ่เหลียง แสดงตัวว่าได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสมาคม ประจำสาขาไทย  


เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจสอบสมาคมทั้ง 2 ดังกล่าวพบว่า สมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลกหงเหมินประจำสาขาประเทศไทยและ สมาคมพันธมิตรหงเหมินแห่งโลก สาขาประเทศไทย ไม่มีการขออนุญาตจัดตั้งสมาคมแต่อย่างใด อีกทั้งไม่พบว่ามีสมาคมใดใช้ชื่อ “หงเหมิน” หรือ “หงเมน” จดจัดตั้งสมาคมอีกด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมปกครองจึงยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาล

 
และเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่กรมปกครอง กระทรวงมหาดไทยนำกำลังเข้าค้นสมาคมทั้งสอง โดยผลการตรวจค้นปรากฏดังนี้


1.ที่อยู่แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร พบเป็นอาคารพาณิชย์ลักษณะภายในตกแต่งเป็นสมาคม มีตราสมาคม, ป้ายสมาคม และสุราต่างประเทศซึ่งไม่มีอากรแสตมป์ปิดไว้ อยู่ภายในอาคารดังกล่าว โดยมีนายป๋าย จ้าวฮุย เป็นผู้เช่า จึงตรวจยึดของกลาง รวบรวมพยานหลักฐานและร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และได้ออกหมายจับผู้กระทำความผิดแล้ว


2.ที่อยู่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พบเป็นอาคารพาณิชย์ ภายในตกแต่งเป็นห้องหรู มีป้ายสมาคมติดอยู่ภายใน สอบถามจากบุคคลผู้แสดงตัวเป็นนายกสมาคม รับว่าไม่เคยขออนุญาตตั้งสมาคมแต่อย่างใด จึงตรวจยึดของกลางและร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินคดีในความผิดฐาน 

ผบ.ฉก.นราธิวาส ออกลาดตระเวนทางอากาศ ตรวจเข้มพื้นที่ป่าในทุกมิติ บูรณาการปฎิบัติกับทุกภาคส่วน ติดตามสถานการณ์เตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร (ป่าพรุโต๊ะแดง) ตำบลปูโย๊ะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชากองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางลงพื้นที่ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ พร้อมเตรียมการหาแนวทางป้องกัน และ แก้ไขปัญหาไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดง โดยได้รับฟังบรรยายสรุปประวัติความเป็นมา การดำเนินงาน ของศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร (ป่าพรุโต๊ะแดง)  สอบถาม ปัญหา ข้อขัดข้องในการดำเนินงาน พร้อมทั้งสอบถามปัจจัย และสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ป่า เนื่องด้วยในบริเวณพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง อาจเป็นแหล่งหลบซ่อนพักพิงของ ผกร. รวมถึงเคยมีไฟไหม้ป่าบ่อยครั้ง สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ 

จากนั้น พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และคณะ ได้เดินทางขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ลาดตระเวนสำรวจทางอากาศพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง ร่วมบูรณาการปฎิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว กล่าวว่า ป่าพรุโต๊ะแดงเป็นป่าพรุแห่งสุดท้ายของประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ของ 3 อำเภอ คือ อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโกลก และอำเภอสุไหงปาดี มีพื้นที่ประมาณ 120,000 ไร่ เป็นป่าที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์ป่าและ พรรณไม้ พื้นที่ป่าพรุมีลำน้ำสำคัญหลายสายไหลผ่าน

EA-รามาฯ-EXAT ร่วมเปิดตัว “EV Smart Building” by EA Anywhere พร้อมหัวชาร์จมากที่สุดใน ASEAN

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า EA ยกระดับมิติใหม่ของระบบการจัดการพลังงานแบบเดิม สู่รูปแบบการก่อสร้างอาคารและติดตั้งระบบบริการชาร์จไฟที่ทันสมัย ในการเป็น EV Hub แห่งแรกในอาเซียน ภายใต้แนวคิด “EV Smart Building” by EA Anywhere บนอาคารจอดรถ รามาธิบดี – พลังงานบริสุทธิ์ สนับสนุนพื้นที่โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นอาคารต้นแบบแห่งแรกที่ติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้ามากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เป็นจำนวน 578 เครื่อง พร้อมให้บริการสถานีชาร์จทั้งระบบ AC Normal Charge ขนาด 7.3 kW จำนวน 576 เครื่อง ดำเนินการครอบคลุม 100% ทุกช่องจอดรถในอาคาร และระบบ DC Fast Charge 360 kW จำนวน 2 เครื่อง โดยคาดว่าจะพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนพฤษภาคมนี้

 

อาคารแห่งนี้ออกแบบเพื่อการ Sharing & Charging ที่ส่งเสริมผู้ใช้บริการยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมระบบการบริหารจัดการพลังงานที่ครบวงจรอย่างคุ้มค่า ด้วยนวัตกรรมการจัดการพลังงานไฟฟ้า แบบ Predictive และ Productive ให้สามารถรองรับจำนวนเครื่องชาร์จไฟฟ้าจำนวนมากได้ ไม่ต้องลงทุนในระบบโครงสร้างเพิ่มเติม และมีความสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานต่อจำนวนชั่วโมงการชาร์จ ใช้งานง่าย ควบคู่ไปกับ แอปพลิเคชันอัจฉริยะ EA Anywhere ที่สามารถ ค้นหา จอง ชาร์จ จ่าย จบได้ในแอปฯ เดียว

 

"โครงการอาคารจอดรถ รามาธิบดี - พลังงานบริสุทธิ์  นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะยกระดับประเทศสู่ EV Hub ด้วย Model  “EV Smart Building” by EA Anywhere สู่การพัฒนาพื้นที่สำหรับ อาคารชุด อาคารสำนักงาน และอาคารขนาดใหญ่ อาทิ ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม,  คอนโด, Mix Use และ Community Mall ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่เดิมให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้า ที่คุ้มค่า ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุด” นายสมโภชน์กล่าว

 

ทั้งนี้ ระบบ “EV Smart Building” by EA Anywhere ได้มีการออกแบบระบบการควบคุมกำลังไฟฟ้า โดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการพลังงาน ซึ่งในทุกเครื่องอัดประจุไฟฟ้า จะมีการเชื่อมโยงกับระบบ Smart Monitoring ของบริษัทฯ ผ่านระบบสื่อสารแบบ Real-Time เพื่อตรวจสอบสถานะการทำงาน และ ควบคุมการจ่ายพลังงาน มาพร้อมกับการจัดลำดับความสำคัญของการใช้พลังงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

 

ปัจจุบัน สถานีชาร์จในโครงข่าย EA Anywhere ดำเนินการโดยบริษัท พลังงานมหานคร จำกัด ให้บริการแล้วกว่า 490 สถานีทั่วประเทศ และตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จไปสู่ธุรกิจการจัดการพลังงาน “EV Smart Building” by EA Anywhere ภายในสิ้นปี 2566 เพื่อให้ผู้ใช้รถ EV โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้รถในอาคาร มีความมั่นใจในการเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น

HIGHLIGHT
- โรงพยาบาลรามาธิบดี และ บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ โดยรับการสนับสนุนพื้นที่โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย  ร่วมติดตั้ง การพลังงาน “EV Smart Building” by EA Anywhere ซึ่งเป็นอาคารที่มีหัวชาร์จมากที่สุดใน ASEAN 
- โดยจะให้บริการทั้งรูปแบบ AC Normal Charge ขนาด 7.3 kW จำนวน 576 เครื่อง ดำเนินการครอบคลุม 100% ทุกช่องจอดรถในอาคาร และ แบบ DC Fast Charge 360 kW จำนวน 2 เครื่อง 
- ออกแบบระบบการอัดประจุ ภายใต้หลักการ Sharing and Charging และมีระบบการบริหารจัดการพลังงานในอาคารที่สอดรับกับพฤติกรรมการจอดรถของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งดำเนินคดีบุคคลแอบอ้างเบื้องสูง และบุคคลสำคัญของไทยหลอกลวงผู้ประกอบการเกิดความเสียหาย

ตามที่ปรากฏในข่าวสื่อสังคมออนไลน์ว่ามีกลุ่มทุนจีนสีเทา ชื่อ นายหยู ซิน ฉี(Mr.Yu Xin Qi)  สัญชาติจีน บุคคลดังกล่าวได้จัดตั้งสมาคมชื่อ “มณฑลส่านซีสมาคมแห่งประเทศไทย”และเป็นเจ้าของสมาคมสมาคมดังกล่าวมีลักษณะประกอบการดำเนินงานให้คำแนะนำการลงทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมและสถาบันต่างๆ ในการจัดตั้งสำนักงานเครือข่ายในประเทศไทยเชิญนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลที่มีชื่อเสียงของไทยไปประเทศจีนเพื่อเข้าร่วมประชุม  จัดกิจกรรมขนาดใหญ่เช่นการประชุมส่งเสริมการลงทุนนิทรรศการตลอดจนให้บริการส่วนลดยานพาหนะในการเดินทางและบริการรับส่งสนามบินแบบวีไอพีแต่ นายหยู ซิน ฉี มีพฤติการณ์อันน่าสงสัยว่า ได้นำภาพถ่ายที่ตนเองถ่ายคู่กับบุคคลมีชื่อเสียงและบุคคลสำคัญ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำรูปถ่ายคู่ร่วมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เพื่อไปสร้างความน่าเชื่อถือ  รวมถึงมีการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงและบุคคลสำคัญระดับประเทศในการแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงผู้อื่นเข้ามาเป็นสมาชิกและเรียกเก็บเงินบริจาคเข้าสู่สมาคม มีผู้เสียหายที่ถูกแอบอ้างและถูกหลอกลวงจำนวนหลายราย


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว จากการสืบสวนพบว่านายหยู ซิ นฉี มีพฤติการณ์การแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงและบุคคลสำคัญระดับประเทศเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จริง  อีกทั้งมีการจัดตั้งสมาคมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีรายชื่อในสาระบบของกรมการปกครอง  ต่อมา วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566  เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นศาลอาญาที่ 198/2566 ลง 17 กุมภาพันธ์ 2566 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 77/525 หมู่บ้านภัสสร 19 ซอย 52 ถนนจตุโชติ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร  พบ นายหยู ซิน ฉี  (Mr.Yu Xin Qi) สัญชาติจีน  แสดงตัวเป็นเจ้าบ้านและนำตรวจค้น ผลการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดของกลางเพื่อตรวจพิสูจน์ จำนวน 11 รายการ ได้แก่


1.ป้ายไวนิลรูปและตราสมาคม จำนวน 2 ป้าย
2.ของชำร่วยที่ระลึกของสมาคม(กำไล) จำนวน 1 ชิ้น
3.ตราประทับ จำนวน 13 ชิ้น
4.ป้ายสมาคม จำนวน 1 ชิ้น
5.นามบัตรสมาคม จำนวน 2 กล่อง
6.บัตรประจำตัวสภาเครือข่าย จำนวน 1 ชิ้น
7.ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนสมาคมมิตรภาพไทย-ฉ่านซี จำนวน 1 ชิ้น
8.นามบัตรกิตติมศักดิ์ จำนวน 40 ชิ้น
9.เอกสารที่เกี่ยวข้องกับสมาคม จำนวน 1 ชุด
10.หนังสือรับรองบริษัทฯ จำนวน 1 ชุด
11.กระเป๋าถือสมาคมแต้จิ๋ว จำนวน 1 ใบ

'ท่านใหม่' กางกฎหมาย ม.32 จี้เอาผิด 3 นิ้วพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว

(29 มี.ค.66) จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้าจับกุมตัว นายศุทธวีร์ สร้อยคำ หรือบังเอิญ อายุ 24 ปี ชาว จ.ขอนแก่น โดยจับกุมตัวได้ขณะที่ผู้ต้องหา กำลังพ่นสีสเปรย์สีดำใส่กำแพงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.นั้น

ล่าสุด  หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล หรือ “ท่านใหม่” ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก  ระบุว่า ไม่ต้องใช้ ม 112 ให้แปดเปื้อนถึงพระองค์ท่านหรอกครับ

มาตรา 32 ผู้ใดบุกรุกโบราณสถาน หรือทําให้เสียหาย ทําลายทําให้เสื่อมค่าหรือทําให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินเจ็ดปีหรือปรับไม่เกินเจ็ดแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ม.จ. จุลเจิม ยุคล

อยากจะดูว่า อัยการ และ ศาลท่านจะว่าอย่างไร

ทีเส็บ จัดโรดโชว์โครงการ ‘ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย’ เยือนพิษณุโลก ชวนผู้ประกอบการไมซ์สมัคร Thai MICE Connect แพลตฟอร์มรวมบริการไมซ์ เชื่อมโยง Buyer-Seller ครบจบในที่เดียว

‘ทีเส็บ’ เปิดตัวโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” ให้งบสนับสนุนองค์กร จัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศจำนวน 1,000 กลุ่ม หวังสร้างรายได้กว่า 100 ล้านบาท จัดโรดโชว์ปลายทางเมืองไมซ์ซิตี้ทั่วประเทศ กระตุ้นตลาดไมซ์ในประเทศ ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย ณ โรงแรมดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ พิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก 


คุณสุวัชชัย นิมมานเทวินทร์ ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคกลาง กล่าวว่า “ทีเส็บได้ให้การสนับสนุนหน่วยงาน หรือองค์กรที่ดำเนินการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 โดยในปี 2566 นี้ ทีเส็บได้เดินหน้าให้การสนับสนุนต่อภายใต้ชื่อโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เพื่อเร่งกระตุ้นนักเดินทางไมซ์และสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยใช้กลไกการสนับสนุนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการจัดงานไมซ์ทั่วประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไมซ์ ชุมชน รวมถึงธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ได้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ก่อเกิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ 


สำหรับงานโรดโชว์ในครั้งนี้ที่จังหวัดพิษณุโลก ศูนย์กลางของภาคเหนือตอนล่าง เป็นเมืองไมซ์ซิตี้ที่มีทั้งสถานที่โรงแรม ที่พัก และสถานที่จัดงานมากมาย สามารถรองรับได้ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ รวมทั้งยังมีสถานที่จัดงานพิเศษที่อิงกับประวัติศาสตร์เมืองเก่าสมัยพระนเรศวร ศิลปวัฒนธรรมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย และพิษณุโลกยังเป็นแหล่งเพาะปลูกด้านการเกษตรและสมุนไพรที่สำคัญแบบทันสมัยและครบวงจรของประเทศไทยอีกด้วย ที่นี่จึงมีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้านที่ผู้ประกอบการสามารถเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานไมซ์ได้อย่างยอดเยี่ยม” คุณสุวัชชัยกล่าว 

เตือนภัย มิจฉาชีพสร้างเพจกรมการขนส่งทางบกปลอม หลอกเหยื่อโอนเงินค่าต่อและทำใบอนุญาตขับขี่

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัย มิจฉาชีพสร้างเพจเฟซบุ๊ก และไลน์ของกรมการขนส่งทางบกปลอม แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หลอกลวงให้ประชาชนโอนเงินค่าทำใบอนุญาตขับขี่ และต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะ ดังนี้

ที่ผ่านมาจากการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบการรับแจ้งความออนไลน์ พบว่ามีผู้เสียหายจำนวนหลายรายถูกมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อเป็นค่าทำใบอนุญาตขับขี่ใหม่ และค่าต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ที่สิ้นสุดการอนุญาตแล้ว ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก และไลน์ที่มิจฉาชีพสร้างปลอมขึ้นมาเพื่อให้คล้ายคลึงกับเพจเฟซบุ๊ก และไลน์ของกรมการขนส่งทางบกจริง โดยเพจปลอมดังกล่าวใช้บัญชีชื่อว่า “กรมการขนส่ง” ภายในเพจได้ใช้รูปภาพ และตราสัญลักษณ์ของกรมการขนส่งทางบก นำรูปภาพ และคัดลอกเนื้อหาจากเพจกรมการขนส่งทางบกจริงมาใช้หลอกลวงประชาชน โดยมีการประกาศเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปแอดไลน์ปลอมติดต่อกับเจ้าหน้าที่โดยตรง อ้างว่าสามารถต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ได้ทันที ไม่ต้องรอคิวนาน นอกจากนี้ยังตั้งรูปภาพโปรไฟล์เป็นรูปของผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถืออีกด้วย กระทั่งเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อติดต่อไปทางไลน์กรมการขนส่งปลอมแล้ว มิจฉาชีพจะให้ส่งข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ เช่น ภาพถ่ายบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ รูปถ่าย และหลอกให้ชำระค่าบริการ ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก  

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้ หรือแอบอ้างหน่วยงานราชการต่างๆ มาหลอกลวงประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบในด้านงานป้องกันปราบปราม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ

ที่ผ่านมา บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ทอดผ้าป่าสามัคคี 74 ปี เพื่อชีวิตผู้ป่วย " สืบสานธารน้ำใจ บุญใหญ่แห่งปี " เพื่อจัดซื้อเวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์

วันที่ 27 มีนาคม 2566  เวลา 13.29 น. - จก.พอ.พล.อ.ท.วรงค์ ลาภานันท์ เจ้ากรมแพทย์ทหารอากาศ พร้อมด้วย พล.อ.ต.อิศรญา สุขเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ภูมิพลอดุลยเดช ได้จัดให้มีการทอดผ้าป่าสามัคคี 74 ปี โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช พอ. เพื่อจัดซื้อเวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์

โดยพล.อ.ต.นภ ตู้จินดา ผู้อำนวยการ โรงพยาบาล จันทรุเบกษา ให้เกียรติเข้าร่วมงาน และนอ.หญิงนรีกุล จิตตบุณย์ อดีตผอ.กพย.โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ที่นำน้ำดื่มมาร่วมแจกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และคนไข้ที่มาโรงพยาบาลในวันนี้ ต้องขอขอบคุณท่านที่มาร่วมงาน ทอดผ้าป่าสามัคคีมา ณ โอกาสนี้


มีคณะแพทย์ และพยาบาล เข้าร่วมงานในครั้งนี้อย่างมากมาย ณ ห้องประชุม พล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ ชั้น 3 อาคารคุ้มเกล้าฯ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ

โดยคุณวรวุฒิ เค้าอุทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาล ไทยอินเตอร์เนชั่นแนล เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี โดยการมอบอาหาร และขนม จำนวน 400 กล่อง ให้กับคุณหมอ พยาบาล รวมถึงคนไข้ที่มาโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชวันนี้ด้วยเช่นกัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top