Thursday, 15 May 2025
NEWS FEED

2 หนุ่มนิวซีแลนด์ กร่าง ล็อคคอทำร้าย-แย่งปืน เจ้าหน้าที่ เหตุไม่พอใจ ที่ตำรวจ เข้าตักเตือนเรื่อง แว้นมอไซซิ่ง ในเขตชุมชน 

(17 มี.ค.67) เวลาประมาณ 15.50 น. นักท่องเที่ยวต่างชาติเหิมเกริม ฝ่าฝืนกฎจราจร ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ซ้ำหนักเข้าแย่งอาวุธปืน ทำร้ายเจ้าพนักงาน ก่อนเกิดเหตุนั้น ด.ต.สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ.หมู่ (จร.) สภ.ฉลอง ขณะออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ และอำนวยความสะดวก ให้บริการแก่ประชาชน บริเวณถนนเจ้าฟ้าตะวันออก หน้าสภ.ฉลอง

พบชายต่างชาติ ขับขี่รถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน คือ 1. Mr.HAMISH DAY อายุ 36 ปี สัญชาตินิวซีแลนด์ 2. Mr.OSCAR MATTSON DAY อายุ 38 ปี สัญชาตินิวซีแลนด์ โดยผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้ายและใช้ความเร็วสูงในเขตชุมชน จึงเรียกให้หยุดรถแต่ทั้งสองไม่หยุดและได้หลบหนี

ด.ต.สมศักดิ์ฯ จึงได้ขับรถติดตามเมื่อทั้ง 2 คันจอดได้แสดงอาการโวยวายไม่พอใจเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ได้ทำการถ่ายคลิปเหตุการณ์ผู้ต้องหาทั้งสองคนได้เข้ามาปัดโทรศัพท์เจ้าหน้าที่ขณะถ่ายคลิปและทั้งสองคนได้เข้าทำร้ายและควบคุมตัว ด.ต.สมศักดิ์ฯ และ ได้ยื้อแย่งอาวุธปืนเป็นเหตุให้ปืนลั่นจำนวน 1 นัด เจ้าหน้าที่ในข่ายสภ.ฉลองได้เข้าช่วยเหลือเหตุการณ์ดังกล่าว

และทำการจับกุมผู้ต้องหา ทั้ง 2 ราย สถานที่จับกุม บริเวณริมถนนหน้าร้านกิตติก๋วยเตี๋ยวเป็ด ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

เจ้าหน้าที่ฯได้แจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดฐาน ร่วมกันชิงทรัพย์,ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่,ร่วมทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่,ร่วมกันพยายามให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำ อันมิชอบด้วยหน้าที่,ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ

จากนั้น เจ้าหน้าที่ฯควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ฉลองดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘เศรษฐา’ เผย คุยตัวแทนผู้บริหาร ‘ฟอร์มูล่าอี’ ได้จัดงานแน่ ไม่เกิน 15 ก.พ.68 เพื่อกระตุ้น การท่องเที่ยว ส่งเสริมภาพลักษณ์ การเป็นฮับ รถอีวี ของไทย  

(17 มี.ค.67) ที่โรงแรมอนันตรา เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังที่ได้พบพูดคุยกับ ตัวแทนผู้บริหารฟอร์มูล่าอี ว่า มีข่าวดี หลังได้พูดคุยและได้ก็มีการกำหนดขั้นตอนต่อไปอย่างชัดเจน ดูสถานที่ สถานที่ ว่าจุดไหนมีความเหมาะสม ซึ่งตอนนี้สถานที่ที่มีความเป็นไปได้สูง คือ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี หรือไม่ก็ที่ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ โดยทางฟอร์มูลล่าจะไปดูเรื่องทางเทคนิคว่าสถานที่ไหนจะเหมาะสมที่สุด

ส่วนเรื่องของเม็ดเงินที่จะตามมา นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้ดู คงต้องไปดูรายละเอียดทั้งหมดและหากจะมีการจัดงานก็คงประมาณต้นปี 2568 แต่คงไม่หลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวและยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย เรื่องของฟอร์มูลล่าอี ส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว ตนเชื่อว่าเรื่องของความเวลาและเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นมิตรกับธรรมชาติและเข้ากับธีมที่ว่ารัฐบาลสนับสนุนให้มีการลงทุนให้ประเทศไทยเป็นฮับของการผลิตรถอีวี และเป็นการส่งเสียงที่ชัดเจน กลับชาวโลกว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก คาดว่าอีกไม่เกิน 60 วัน น่าจะสรุปได้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และเป็นขั้นตอนเรื่องการต่อรองสัญญากัน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองถึงผล ที่จะตามมาหลังการจัดการแข่งขันอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มองถึงผลที่จะตามมาชัดเจนคือเรื่องของการท่องเที่ยวเพราะจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของจังหวัดเชียงใหม่จะได้เห็นเรื่องวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงใหม่และในอดีตคนที่มาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่มาดูเรื่องวัฒนธรรม ศิลปะทั่วไป แต่เรายังไม่สามารถดึงนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มนึงมาได้ดังนั้นนี่จึงเป็นการเปิดช่องทางใหม่และหวังว่าเมื่อเขามาดูเรื่องการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน และเขาก็จะมาดูเรื่องวัฒนธรรมของเราต่อไปได้

เมื่อถามถึงเรื่องการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้ขยายระยะเวลาเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะขยายไปทั่วประเทศหรือไม่นั้น ต้องดูเรื่องของโซนนิ่ง เรื่องความเหมาะสม และดูความต้องการของแต่ละพื้นที่ด้วย

'ฟอร์ด ทัตเทพ' เย้ย!! ได้เรียนต่อ ป.โท หลังหนีไปอยู่ต่างประเทศ ฟากสามนิ้วรายอื่น 'ชดใช้กรรม-ติดคุก-อดอาหาร' เรียกร้องต่อ

(17 มี.ค.67) วันนี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอีกครั้ง สำหรับนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือ ฟอร์ด ทัตเทพ อดีตแกนนำม็อบ 3 นิ้วรุ่นแรก ที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ โดยพบว่าเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าตัวได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เมื่อบ่ายวันนี้ ผมได้รับข่าวดีจากทางอีเมลล์ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญสู่ความฝันของผม ผมได้รับการตอบรับให้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์จากมหาลัยแห่งหนึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้ว รอมานานกว่าสามเดือนกว่าจะทราบผล

ความสำเร็จที่สำคัญครั้งนี้คงจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากการสนับสนุนจากคนที่ผมรัก ผมขอขอบคุณเจมส์ คู่ชีวิตผู้เคียงข้างฝ่าฟันทุกอุปสรรคปัญหา ขอขอบคุณคุณพ่อที่สนับสนุนในทุกๆ เส้นทางที่ผมเลือกเดิน และขอขอบคุณญาติสนิท มิตรสหายทุกท่านที่คอยให้กำลังใจผมอยู่เสมอมา และสุดท้าย ขอขอบคุณอาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬา และคุณครูจากโรงเรียนเก่าผม ผู้จุดประกายในการศึกษารัฐศาสตร์นี้

นับจากนี้ไป ผมจะขออุทิศตนมุ่งมั่นศึกษาและพัฒนากลไกทางการเมือง เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยและเชิดชูคุณค่าสิทธิมนุษยชน ในฐานะนักเรียนและนักรัฐศาสตร์ ผมยังคงยืนหยัดหลักการที่ว่า สังคมที่เปี่ยมด้วยเสรีภาพและความเท่าเทียมนั้นเป็นไปได้

อย่างไรก็ดีโพสต์ดังกล่าว ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งเข้ามาคอมเมนต์ว่า คุณไม่ได้พูดถึงคนที่ค้ำประกันคุณมาจากมาเลย์เซีย เอาวงเงินในบัญชีค้ำประกันร่วมล้านเหรียญกับ state department รอคอยวันที่คุณจะหนีออกจากมาเลย์เซียได้สำเร็จ จากเผด็จการไทยมาสู่แดนเสรีได้อย่างปลอดภัย รอต้อนรับและไปรับคุณมาจากสนามบินแอลเอเอ็กซ์ ให้ที่พักพิง มาอาศัยใต้ร่มชายคาที่ไม่เคยให้ใครมาพักพิง ให้อาหารมื้อแรก จนกระทั่งมื้อสุดท้ายทีซึ่งคุณและคู่ชีวิตคุณหนีออกจากบ้านไปในกลางดึกเมื่อคุณมีหนทางไป โดยไม่ทิ้งคำขอบคุณ

สำหรับฟอร์ด ทัตเทพ มีคดี 112 ติดตัว จากการจัดชุมนุมและปราศรัยในกิจกรรม “ไปสภาไล่ขี้ข้าศักดินา” ที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 พนักงานสอบสวน สน.บางโพ ได้นัดส่งตัวพร้อมสำนวนให้อัยการ ปรากฏว่าฟอร์ด ทัตเทพ ไม่เข้าพบอัยการตามนัด ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ฟอร์ด ทัตเทพลี้ภัยไปแล้ว ต่อมาพบว่าเจ้าตัวหนีไปแคนาดา

ทั้งนี้ฟอร์ดยังเป็นที่รู้จักของสังคมจากกรณีจูบปากกับแฟนหนุ่มโชว์สื่อกลางรัฐสภา ขณะเข้ายื่นกรรมาธิการเพื่อขอแก้กฎหมายคุ้มครองการสมรสในครอบครัวเพศหลากหลาย ช่วงปลายปี 2562 ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการแสดงออกดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ เพราะเป็นการแสดงออกภายในอาคารรัฐสภาซึ่งถือเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ

‘รร.เตรียมอุดมศึกษา’ ประกาศรายชื่อ นักเรียนที่ได้เข้า ม.4 แล้ว พร้อมให้รายงานตัว ทางระบบออนไลน์ ส่วน 18-19 มี.ค. 'วันติดบอร์ด-วันมอบตัว'

(17 มี.ค.67) ประกาศโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เรื่อง ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ปีการศึกษา ๒๕๖๗ 

ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๗ 

ดูผลส่วนตัว
https://admission.triamudom.ac.th/TMS/ValidateUser.aspx?dir=A&mode=N

รายชื่อผู้สอบได้ทั้งหมด
https://drive.google.com/drive/u/0/folders/1o26wwUcZ3yClm_T4aLW3sMttYqwJLoQo
 

ดร.'สามารถ' ลุ้น!! กทม. ล้างหนี้ BTS ก่อนหมดสัญญาปี 2572  หวั่น!! ชำระหนี้ไม่ครบ ต้องยืดสัญญาสัมปทาน

(17 มี.ค.67) ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีการชำระหนี้คืนของ กทม. ให้กับ BTS ระบุว่า...

ลุ้น ! กทม. ล้างหนี้ BTS ก่อนหมดสัญญาปี 2572
น่าดีใจที่ กทม. เตรียมจ่ายหนี้งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลให้ BTS ประมาณ 2.3 หมื่นล้าน จากหนี้ทั้งหมดถึงวันนี้ประมาณ 5.3 หมื่นล้าน ไม่รวมหนี้ค่าจ้างเดินรถที่จะเกิดขึ้นจากวันนี้ไปจนถึงวันสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 อีกก้อนใหญ่ หาก กทม. สามารถล้างหนี้ได้ก่อนหมดสัญญา หรือหาก กทม. ไม่สามารถล้างหนี้ได้ อะไรจะเกิดขึ้น ?

1. ถึงวันนี้ กทม. เป็นหนี้ BTS เท่าไหร่ ?
ถึงวันนี้ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นหนี้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย รวมดอกเบี้ยประมาณ 5.3 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยหนี้งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M หรือ Electrical and Mechanical) เช่น อาณัติสัญญาณ สื่อสาร ระบบตั๋ว และประตูกั้นชาลา เป็นต้น ประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท และหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา (O&M หรือ Operation and Maintenance) รวมค่าเช่าขบวนรถไฟฟ้า ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
หนี้ E&M เริ่มมีตั้งแต่ปี 2559 และได้เพิ่มมากขึ้นเมื่อขยายเส้นทางยาวขึ้น ส่วนหนี้ O&M เริ่มมีตั้งแต่ปี 2560 เมื่อเปิดเดินรถช่วงสถานีสำโรง-สถานีปู่เจ้าสมิงพราย ในวันที่ 3 เมษายน 2560 และหนี้ได้เพิ่มมากขึ้นเมื่อเปิดเดินรถจากสถานีปู่เจ้าสมิงพราย-สถานีเคหะสมุทรปราการ ในวันที่ 6 ธันวาคม 2561 ตามด้วยการเปิดเดินรถจากสถานีหมอชิต-สถานีห้าแยกลาดพร้าว ในวันที่ 9 สิงหาคม 2562 และจากห้าแยกลาดพร้าว-สถานีคูคต ในวันที่ 16 ธันวาคม 2563

2. ความเป็นไปได้ในการจ่ายหนี้โดย กทม.
เวลานี้ กทม. มีความพร้อมที่จะจ่ายหนี้ก้อนแรกค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท ส่วนหนี้ค่าจ้างเดินรถที่ถึงเวลานี้มีประมาณ 3 หมื่นล้านบาท กทม. ยังไม่จ่าย เนื่อง
จากยังมีคดีค้างอยู่ที่ศาลปกครอง นอกจากนี้ ยังมีหนี้ค่าจ้างเดินรถที่จะเกิดขึ้นจากวันนี้ไปจนถึงวันสิ้นสุดสัญญาในปี 2572 อีกก้อนใหญ่ ถ้า กทม. ไม่สามารถจ่ายได้ รัฐบาลจะช่วย กทม. หรือไม่ ? 
โอกาสที่จะเกิดขึ้นในการชำระหนี้มีดังนี้

(1) กทม. จะสามารถล้างหนี้ได้ก่อนหมดสัญญาปี 2572
หาก กทม. สามารถชำระหนี้ได้หมดโดย กทม. เอง หรือโดยความช่วยเหลือจากรัฐบาล กทม. ก็ไม่จำเป็นจะต้องขยายสัมปทานให้ BTS แต่ กทม. จะต้องจ้าง BTS ให้เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวรวมทั้งซ่อมบำรุงรักษาไปจนถึงปี 2585 ตามสัญญาจ้างระหว่าง กทม. กับ BTS ที่ทำกันมาหลายปีแล้ว การว่าจ้างส่วนต่อขยายบางช่วงเริ่มตั้งแต่ปี 2555-2585 บางช่วงเริ่มตั้งแต่ปี 2559-2585 และที่สำคัญ ได้ว่าจ้างให้เดินรถส่วนหลักด้วยหลังจากสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 จนถึงปี 2585
กรณี กทม. จ้าง BTS ให้เดินรถและซ่อมบำรุงรักษา กทม. จะสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารได้เอง เป็นอิสระจาก BTS ค่าโดยสารอาจจะถูกลงก็ได้ ทั้งนี้ กทม. ควรเก็บค่าโดยสารให้มีรายได้พอที่จะเลี้ยงตัวเอง นั่นคือพอเพียงกับค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา รวมทั้งค่าซ่อมบำรุงรักษาใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ค่าเปลี่ยนขบวนรถไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งใช้งานมานานหลายปี

(2) กทม. ไม่สามารถล้างหนี้ได้ก่อนหมดสัญญาปี 2572
ในกรณีที่ กทม. ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมดภายในปี 2572 กทม. จะต้องเจราจากับ BTS ให้รับหนี้ที่เหลือแทน ซึ่ง กทม. อาจจะต้องขยายสัมปทานให้ BTS ออกไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมกับมูลค่าหนี้ อัตราค่าโดยสาร รวมทั้งผลตอบแทนที่ กทม. จะได้รับจาก BTS

3. สรุป
การแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งยืดเยื้อมานานหลายปี ถึงเวลานี้พอจะมีความหวัง ไม่ว่า กทม. จะสามารถชำระหนี้ได้หมดก่อนสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 หรือไม่ BTS ก็จะยังคงมีบทบาทในรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อไป 
หาก กทม. สามารถชำระหนี้ได้หมด BTS ก็จะเป็นผู้รับจ้างเดินรถไปจนถึงปี 2585 กทม. จะสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารได้เอง รายได้ทั้งหมดจะเป็นของ โดย กทม. จะต้องแบกรับความเสี่ยงเองทั้งหมด 

หาก กทม. ไม่สามารถชำระหนี้ได้หมด กทม. อาจจะต้องขยายสัมปทานให้ BTS โดย BTS จะต้องรับภาระหนี้แทน กทม. และจะต้องแบกรับความเสี่ยงเองทั้งหมด
อีกไม่นานก็คงรู้ว่า BTS จะมีบทบาทในรถไฟฟ้าสายสีเขียวในฐานะผู้รับจ้างเดินรถ หรือผู้รับสัมปทานแบบเดิมต่อไป

คุณวิชัย ทองแตง ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ  กล่าวถึง งาน 'กวี คีตา อัมพวาเฟส'

คุณวิชัย ทองแตง ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ กล่าวถึง งาน 'กวี คีตา อัมพวาเฟส' อีเวนต์ใหญ่ที่สะท้อนถึงยุคทองของวรรณคดีไทย
 

‘พี่กลาง’ มาเฉลยให้ฟัง  ถึงระบบสมอง ของมนุษย์ เชื่อหรือไม่ ที่แท้ ‘ผ้าเน่า’ ไม่เคยหายไปไหน แต่ย้ายไปอยู่ในหัวของเรา

เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.67) ผู้เล่นTikTok ที่ชื่อว่า “d_klang พี่กลาง หอสมุดแห่งชาติ” ได้โพสต์คลิป เล่าถึงระบบสมองของมนุษย์ โดยมีใจความว่า ...

ทำไมเด็กต้องติดผ้าเน่า เห็นเก่ายังไงก็รัก ห้ามเอาไปซัก ด้วยนะ แล้วมันก็ไม่ได้เป็นแค่เฉพาะเด็กไทยเท่านั้น เด็กทั่วโลกก็ติดกันหมด แสดงว่าอันนี้ไม่ใช่วัฒนธรรมของชาติเราแต่มนุษย์เรา โดนวิวัฒนาการมาให้ติดของเน่าอย่างนั้นหรือ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น 

ที่มันเป็นอย่างนี้ ก็เพราะว่า คนเราตอนเด็กๆ ดูแลตัวเองไม่ได้ แต่พอโตขึ้นมา ต้องดูแลตัวเองให้ได้ ดูแลตัวเองไม่ได้ทำอย่างไร ก็ต้องอยู่กับพ่อแม่ จะได้มีบ้านอยู่ จะได้มีของกิน

แล้วเพื่อให้โตขึ้นไปแล้วสามารถอยู่ให้ได้ด้วยตัวเองได้เนี่ย ธรรมชาติก็ได้สร้างอีกสิ่งอย่างหนึ่งให้กับสิ่งมีชีวิตที่เป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกตัว นั่นก็คือการเล่น หมา แมว ช้างลิง เสือ ตอนเด็กๆมันก็เล่นหมด เพราะการเล่นมันก็คือการสำรวจโลกกว้าง อารมณ์เหมือนตอนเราเล่นทำกับข้าว เล่นกันเป็นผัวเมีย กันในวัยเด็ก อย่างนั้นแหละ 

ที่นี้เนี่ย การเล่นแบบสำรวจโลกกว้าง กับการอยู่กับพ่อแม่เนี่ย มันจะตรงข้ามกัน คือการเล่นสำรวจโลกกว้างอย่างเดียวเลยเนี่ย เราก็จะไม่มีอะไรกิน แต่ถ้าเราไป อยู่กับพ่อแม่อย่างเดียว โตขึ้นเราก็จะทำอะไรเองไม่เป็น ธรรมชาติก็เลยจัด Balance 2 สิ่งนี้ให้ เกิดเป็นความคิดระบบฐานที่มั่นขึ้นมานั่นก็คือพ่อแม่ เอาไว้สร้างความอุ่นใจ สร้างความมั่นใจ ถ้ารู้สึกว่ามั่นใจ มั่นคงแล้ว ก็ออกมาสำรวจโลก แต่ถ้ารู้สึกว่าแบตหมด ก็กลับมาที่ ฐานที่มั่นนั้น มันก็จะเป็นแบบนี้

รู้สึกไหมว่า มันขัดกับความเชื่อแบบโบราณ ที่ว่า เลี้ยงลูกดีเกิน เอาใจใส่ลูกมากเกิน ลูกจะทำอะไรไม่เป็น จริงๆแล้วมันตรงกันข้าม การเลี้ยงเขาดีๆทำให้เขารู้สึกมีความปลอดภัยแล้วเขาก็จะออกไปท่องโลกกว้าง ได้ดีมากขึ้น การเลี้ยงลูกแบบปล่อยปละละเลยนี่แหละทำให้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เมื่อลูกรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ส่งผลถึงการออกไปเล่นของเขา ส่งผลถึงอนาคตของเขา จริงๆเรื่องนี้ก็อธิบายเป็นพฤติกรรมได้เมื่อเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ บางคนโตไปชอบบังคับแฟน ชอบทำร้ายแฟน แต่บางคนเป็นคนที่นิสัยใจดี มีเมตตา

การที่ลูกนั้นมีฐานที่มั่นอยู่ที่พ่อแม่ มันก็จะมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือ เด็กๆก็จะสำรวจโลกได้แคบ เมื่อเขาโตขึ้น สมองมีการพัฒนามากขึ้น เขาก็จะย้ายฐานความคิด ฐานที่มั่นออกจากพ่อแม่ไปอยู่กับ อะไรที่มันนิ่มๆเหมือนกับอ้อมกอดของพ่อแม่นั่นก็คือ น้องผ้าเน่านี่เอง เป็นฐานที่มั่นที่สามารถพกพาไปได้ด้วย ทำให้สามารถสำรวจโลกกว้างได้มากขึ้น แล้วพอเมื่อโตขึ้นมาอีก ก็จะย้ายฐานที่มั่นจากไอ้น้องผ้าเน่านี่ มาอยู่ในสมอง แล้วเขาก็จะสามารถเติบโตได้อย่างมีอิสระ

ที่นี้มีอยู่เรื่องนึงน่าสนใจมาก ระบบฐานที่มั่น ไม่เคยออกไปจาก ระบบสมองของพวกเราเลย เวลาที่เรา อกหัก เวลาที่เราสอบตก เวลาที่เราโดนเจ้านายด่า เวลาที่เราโดนไล่ออกจากงาน เราทำอะไร เราโทรหาพ่อแม่ บางคนกลับ ไปต่างจังหวัด หรือไปอยู่ในบ้านที่เราเคยอยู่เมื่อตอนเด็กๆ บางคนก็หยิบรูปของครอบครัว สมัยเก่าๆ ขึ้นมาดูแล้วก็ร้องไห้ นี่แหละ คือระบบฐานที่มั่น มันไม่เคยหาย ไปไหนเลยมันฝังอยู่ในหัวสมองของพวกเราตลอดเวลา

ชาวเน็ตชื่นชม ‘แท็กซี่’ แปะข้อความไว้ข้างรถ ไม่ต้องถาม ไปทุกที่ โดยส่วนมาก ชอบปฏิเสธคนไทย เน้นรับต่างชาติ เพราะหลอกง่ายกว่า

(14 มี.ค.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Mod Dang' ได้โพสต์เรื่องราวน่าสนใจลงในกลุ่ม 'รวมพลคนขับแท็กซี่' โดยเป็นภาพของรถแท็กซี่คันหนึ่ง ที่มีข้อความติดอยู่บริเวณกระจกของคนนั่งข้างคนขับ ที่ได้ระบุข้อความว่า "ไม่ต้องถาม ไปทุกที่ โอนจ่ายได้" ซึ่ง ทำให้ได้รับคำชื่นชมจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในปัจจุบันแท็กซี่จำนวนมากมักจะปฏิเสธผู้โดยสารคนไทย จะเน้นรับแต่ต่างชาติ เพราะหลอกง่ายกว่าคนไทยเรื่องไม่กดมิเตอร์ จนทำให้การท่องเที่ยวของประเทศเสียหายไปช่วงหนึ่ง

ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกสู่โลกโซเชียลแล้วกว่า 3 พันครั้ง พร้อมกับคอมเมนต์ชื่นชมแท็กซี่คันนี้เป็นจำนวนมาก บ้างก็บอกว่า หายากแล้วแท็กซี่แบบนี้ , ขอให้เจริญๆ , แบบอย่างที่ดี , คนที่สังคมต้องการ บ้างก็เตือนให้เพิ่มความระมัดระวังมิจฉาชีพ หรือ ลูกค้าจะลวงไปปล้น

ก.ต่างประเทศ จัดกิจกรรม ‘เชฟตัวน้อยหัวใจใหญ่ เปิดโลกเชฟ’ เพื่อเสริมสร้างความรู้ เสน่ห์-ศาสตร์ การปรุงอาหารไทย

(16 มี.ค.67) กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับ The Food School Bangkok วิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี สถาบันการอาหารไทย (TCA) ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถานเอกอัครราชทูตเบลเยียมประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) 'Little Chefs, Big Hearts - เชฟตัวน้อยหัวใจใหญ่ เปิดโลกเชฟ' แก่เยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยร่วมมือกับสมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ (กลุ่มลูกเหรียง) ซึ่งเป็นเยาวชนไทยพุทธและไทยมุสลิมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ เสน่ห์และศาสตร์การปรุงอาหารไทยและอาหารนานาชาติ ตลอดจนเสริมสร้างโอกาสในการก้าวสู่สายวิชาชีพอาหารและการเป็นเชฟในระดับสากล

กิจกรรมในโครงการประกอบด้วยการฝึกปฏิบัติผ่านการถ่ายทอดทักษะและเทคนิคการปรุงอาหาร โดยนางสาวปิยภาณี โฉมงาม และนายลิขิต แสนบุญครอง เชฟจาก The Food School Bangkok นางชวนชม สงเคราะห์พันธุ์ นางสาวจุฑาภรณ์ ชะมด และนางวิภาทัย สินสุกิจ เชฟอาหารไทยจากวิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี นาย Marco Avesani เชฟชาวอิตาเลียนจากร้าน La Bottega ซึ่งแนะนำโดยสถานเอกอัครราชทูตอิตาลี การบรรยายและแลกเปลี่ยนความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับการจัดการสุขาภิบาลอาหารเบื้องต้น และการจัดเตรียมวัตถุดิบและการประกอบอาหารฮาลาล โดย ดร. อาณัฐ เด่นยิ่งโยชน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแนวทางการออกแบบเมนูอาหารไทยสู่สากล โดยนายชุมพล แจ้งไพร (เชฟชุมพล) จากสถาบันการอาหารไทย (TCA) การรับฟังเส้นทางอาชีพซึ่งจะช่วยเสริมทักษะและสร้างแรงบันดาลใจในการก้าวสู่การเป็นเชฟในอนาคตจากนางสาวศุภกร ขำศรีเมฆ ที่ได้เคยทำงานเป็นเชฟให้แก่เอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ รวมทั้งได้เข้าเยี่ยมคารวะนาง Sibille de Cartier d’Yves เอกอัครราชทูตเบลเยียมประจำประเทศไทย ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตฯ และร่วมกิจกรรมสาธิตการทำไอศกรีมและวอฟเฟิลต้นตำรับจากเบลเยียม และได้แลกเปลี่ยนรับฟังประสบการณ์การทำงานจากเชฟชาวไทย ผู้ดูแลทำเนียบ และเลขานุการเอกอัครราชทูตเบลเยียมด้วย

กิจกรรมสุดท้ายของโครงการ เยาวชนกลุ่มลูกเหรียงได้มีโอกาสปรุงอาหารสำหรับการจัดเลี้ยงคณะทูตต่างประเทศ ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และสื่อมวลชน โดยได้ใช้วัตถุดิบพื้นถิ่นภาคใต้นำเสนอในรูปแบบสร้างสรรค์ อาทิ ข้าวยำบก แตงโมและมะม่วงปลากุเลาแห้ง ตูปะชูตง หอยกอและ สะเต๊ะไก่เบตงขนมปังย่าง และซอสแกงถั่ว ไก่ย่างและปลากุเลากรอบเสิร์ฟพร้อมแกงจอแหร้ง กรานิต้ามะม่วงเบากับมะม่วงเบาเชื่อม และเฉาก๊วยชาชักมะพร้าวอ่อน เพื่อแสดงศักยภาพและยกระดับอาหารท้องถิ่น

โครงการ 'Little Chefs, Big Hearts - เชฟตัวน้อยหัวใจใหญ่ เปิดโลกเชฟ' เป็นการดำเนินการทูตสาธารณะ โดยใช้การทูตวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนและช่วยพัฒนาทักษะและนำเสนอศักยภาพของเยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างโอกาสและเปิดโลกให้แก่เยาวชนไทย เพื่อนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพ รวมทั้งเกื้อหนุนต่อการพัฒนาสังคมในจังหวัดชายแดนใต้ต่อไปด้วย

ไฟไหม้ คอนโดหรู 31 ชั้น นทท.แตกตื่น หนีตาย ก่อนจะคุมเพลิงไว้ได้ พบสาเหตุ เพลิงไหม้ มาจาก คอมเพรสเซอร์แอร์ ที่ชั้น 11

(16 มี.ค.67) เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้คอนโดหรู ริมถนนพัทยาสายสอง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบส่งนักดับเพลิง รถดับเพลิง 3 คัน รถกระเช้า 1 คัน พร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมือง พัทยา รีบรุดไปทำการตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดหรู 31 ชั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพัทยา ตรวจสอบเบื้องต้นพบกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาบริเวณระเบียงชั้นที่ 11 ทำให้ผู้ที่พักอยู่ในคอนโด รวมถึงชาวบ้านและนักท่องเที่ยวในละแวกดังกล่าว ต่างพากันแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่นักผจญเพลิงขึ้นไปใช้น้ำฉีดสกัดกั้นเพลิง เบื้องต้นพบว่าต้นเพลิงเกิดจากคอมเพรสเซอร์แอร์ ตั้งอยู่บริเวณนอกระเบียง ชั้น 11 โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้สำเร็จ

แม่บ้านของคอนโด เล่าว่า ภายในห้องดังกล่าวไม่มีผู้พักอาศัย โดยต้นเหตุเกิดจากคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านนอกระเบียง ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิด ก่อนจะมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมา จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการดับเพลิงดังกล่าว

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมทั้งจะประสานตำรวจกองวิทยาการเข้ามาทำการตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้เพิ่มเติมต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top