Thursday, 15 May 2025
NEWS FEED

'WAVE' แต่งตั้ง 'อรรถวิชช์' นั่งแท่นประธานกรรมการบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป

(18 มี.ค.67) นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชน) หรือ WAVE ดำเนินธุรกิจโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ ธุรกิจเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่สนับสนุนให้องค์กรบรรลุเป้าหมายด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ได้อย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า...

ทางบริษัทฯ ได้ทำหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2567 โดยมีมติแต่งตั้ง 'นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี' เป็นกรรมการใหม่ และประธานกรรมการบริษัทแทนนายแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ที่ได้ลาออกไป โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป

สำหรับ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี นอกจากเป็นนักการเมือง อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตเลขาธิการพรรคกล้า อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตจตุจักร หลักสี่ บางซื่อพญาไท พรรคประชาธิปัตย์ ประธานกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย กรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ขณะที่ตำแหน่งในบริษัทจดทะเบียน ปัจจุบันยังเป็นกรรมการอิสระ กรรมการตรวจสอบ บมจ. เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN ) 

กฟผ. ปรับดีไซน์ใหม่ ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ดึงแน็ก-ชาลี และศิลปิน “พาราด็อกซ์” เป็นพรีเซนเตอร์ หวังปลุกพลังคนรุ่นใหม่ประหยัดไฟ ผ่านเพลง “ฤดูเซฟ”

กรุงเทพมหานคร - เข้าสู่ฤดูร้อน ความต้องการใช้ไฟฟ้าของคนไทย ก็เข้าสู่ช่วงพีคด้วยเช่นกัน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หนึ่งในหน่วยงานหลักที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รู้คุณค่า ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 จึงเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคนไทยมากกว่า 30 ปี มีการเปลี่ยนรูปแบบดีไซน์ให้เข้ากับยุคสมัยและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย จนถึงทุกวันนี้ 

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เผยถึงความเป็นมาของฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ว่า “กฟผ. ต้องการให้คนไทยใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพมาตั้งแต่ ปี 2536 ได้เปิดตัว “โครงการประชาร่วมใจ ประหยัดไฟฟ้า” (Together Conservation) ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5” กฟผ. ได้ผลักดันให้เกิดมาตรฐานระดับประสิทธิภาพพลังงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงด้วยการติดฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงาน ในปี 2538 ได้ดำเนินการรับรองฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงานผลิตภัณฑ์แรกและได้ขยายขอบข่ายผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และปี 2567 กฟผ.ได้พัฒนารูปแบบฉลากฯ ใหม่ และปรับระดับประสิทธิภาพสูงสุดเป็นเบอร์ 5 ห้าดาว โดยผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกซื้อ, การใช้งาน และหมดช่วงอายุการใช้งาน ผ่านการสแกน QR Code ซึ่งเป็นการพัฒนาฉลากฯ ให้สอดคล้องกับแนวโน้มการบริโภคสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในยุคเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น เพื่อสนับสนุนนโยบายและเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่า และมีประสิทธิภาพด้านผู้ผลิตและผู้นำเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงในราคาที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับสร้างทัศนคติการประหยัดไฟฟ้าแก่ประชาชน ให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้พลังงานไฟฟ้า พร้อมเสนอทางเลือกในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงแสวงหาเทคโนโลยีการประหยัดไฟฟ้า  การบริหารการใช้ไฟฟ้าเพื่อนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภคและประเทศชาติโดยรวม”

สำหรับการเปลี่ยนดีไซนใหม่ครั้งนี้ ถือเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ นอกจากจะมีการเปิดตัวพรีเซนเตอร์แล้ว ยังดึงเอา Music Marketing เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการรุกตลาดด้วย “ กฟผ.เล็งเห็นความสำคัญของการตลาดผ่านเพลง ที่สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาจากเพลงที่เป็นที่นิยม ติดหูคนฟังหลายเจนเนอเรชันอยู่แล้ว มาใช้ในการสื่อสารสามารถสร้างการจดจำ และช่วยสร้างภาพจำให้กับแคมเปญได้เป็นอย่างดีในระยะเวลาสั้น เราจึงเลือกใช้กลยุทธ์แบบ Music Marketing เราทำการคัดเลือกเพลงดังอยู่หลายเพลง จนได้เพลงคุ้นหู ฤดูร้อน ของวงพาราด็อกซ์ (Paradox) ซึ่งตรงกับช่วงหน้าร้อนที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง จึงมองว่าการนำเพลงมาดัดแปลงเนื้อร้อง ให้เป็น ฤดูเซฟ จะสร้างการจดจำได้เป็นอย่างดี พร้อมทำมิวสิควิดีโอ หลังจากที่ปล่อยซิงเกิลนี้ออกไป ก็ได้รับผลตอบรับที่ดี มียอดรับชมทั้งมิวสิค วิดีโอ และหนังโฆษณา รวมแล้วกว่า 10,000,000 ครั้ง และเป็นไวรัล ในโซเชียลได้เป็นอย่างมาก ทำให้ยอดผู้ติดตามโซเชียลมีเดียของ กฟผ. เพิ่มขึ้นและถูกแชร์ออกไปเป็นวงกว้าง 

และอย่างที่ทราบกันแล้วว่า พรีเซนเตอร์คนใหม่ล่าสุด คือ แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ เพราะว่ามีคาแรคเตอร์ชัดเจน คนไทยคุ้นเคย และตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เช่นเดียวกันกับศิลปินนักร้องวงพาราด็อกซ์ ที่มีเพลงติดหูอยู่หลายเพลง ซึ่งทั้งสองศิลปินดังกล่าว รู้จักทุกวัย จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสื่อสารเรื่องฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์แบบใหม่นี้ ให้เข้าถึงคนไทยทั้งประเทศได้ ผ่านแคมเปญการตลาดในรูปแบบ Music Marketing ที่กล่าวมาข้างต้น หลังจากนี้ เราวางแผนประชาสัมพันธ์ในสื่อทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก, ยูทูป, ติ๊กต๊อก และช่องทางออฟไลน์ เช่น สื่อโทรทัศน์ และสื่อนอกบ้าน ป้ายโฆษณา ควบคู่ไปกับแคมเปญและกิจกรรมต่างๆ ให้เข้าถึง ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เพราะเรามองว่า เรื่องการประหยัดพลังงานเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญร่วมกัน สำหรับแคมเปญปรับโฉมใหม่ ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เราคาดหวังว่า ประชาชนคนไทย จะใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 แบบใหม่ 5 ดาว เพื่อช่วยกันประหยัดไฟ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเข้าถึงข้อมูลด้านพลังงานให้มากขึ้น ส่วนภาคผู้ผลิต เราต้องการให้เกิดการแข่งขันด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมกำหนดข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม หากทั้งสองส่วนร่วมกัน ก็จะนำไปสู่เป้าหมายในภาพรวม คือ การลดการใช้พลังงานโดยรวมของประเทศ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมพาประเทศ มุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของเราด้วย” นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กล่าว

ด้าน 2 พรีเซนเตอร์ นำโดย แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ เล่าถึงการเข้ามามีส่วนร่วมในแคมเปญนี้ว่า “ผมเป็นคนชอบอยู่บ้าน ไม่ว่าพักผ่อน เลี้ยงสัตว์เลี้ยง ไลฟ์โซเชียล เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าตลอด เครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทั้งบ้านก็จะต้องติดฉลากเบอร์ 5 พอรู้ว่าได้มาทำงานตรงนี้ ผมและพี่ๆ รู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้เป็นตัวแทนจาก กฟผ. มารณรงค์ให้เพื่อนๆ ใส่ใจในการใช้ไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่า สำหรับฉลากฯใหม่ รู้สึกทันสมัยมากขึ้น เข้ากับคนรุ่นใหม่มากขึ้น มีความสดใส ไฉไลมากขึ้นครับ ผมอยากให้คนไทยได้ร่วมรักษ์โลกไปกับพวกเรา ผมแน็กชาลี และพี่ๆ พาราด็อกซ์ โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 รูปแบบใหม่ 5 ดาว รับรองว่า ประสิทธิภาพของการประหยัดไฟพลังงานดีแน่นอนครับ” 

ทางด้านศิลปินนักร้อง วงพาราด็อกซ์ กล่าวเสริมด้วยว่า “พวกเราจะใช้ชีวิตด้วยกันในห้องอัดอยู่บ่อยๆ ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จริงๆ ไม่ใช่แค่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ข้าวกล้อง เสื้อผ้า และผ้าม่าน ที่ได้รับการติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เช่นกัน พวกเรารู้สึกดีใจมากๆ ครับ ที่ได้มาเป็นพรีเซนเตอร์ แนะนำให้ทุกคนรู้จักกับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ อยากฝากถึงคนไทยทุกคน เวลาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า อยากให้มองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับติดฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ 5 ดาว เป็นอันดับแรก เพราะนอกจากจะช่วยชาติประหยัดพลังงานแล้วยังประหยัดเงินในกระเป๋าด้วยครับ” สองพรีเซนเตอร์ กล่าวทิ้งท้าย 

ติดตามความเคลื่อนไหวและอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/EGAT.Official

‘รมว.พีระพันธุ์’ ชื่นชมการแสดง ‘ปราการเวลา The Theatre’ สร้างความตระหนักรู้ ‘ความเสียสละ-รักชาติ’ ของบรรพบุรุษไทย

(18 มี.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga’ ระบุว่า…

“เมื่อวาน (16 มี.ค. 67) ผมมีโอกาสไปชมการแสดง ‘ปราการเวลา The Theatre’ ที่จัดโดย อบจ. สมุทรปราการ ที่มีคุณนันทิดา แก้วบัวสาย เป็นนายกฯ ร่วมกับกองทัพเรือ นำแสดงโดยคุณนพพล โกมารชุน ศิลปินแห่งชาติ กับคุณแพนเค้ก เขมนิจ ร่วมกับนักแสดงทุกรุ่นวัยจำนวนมาก

“ผมรู้สึกดีใจและยินดีเป็นอย่างมากที่มีโอกาสไปชมการแสดงครั้งนี้เพราะทำให้เราได้ย้อนนึกไปถึงอดีตที่ทำให้เรามีปัจจุบันในวันนี้ว่าชาติไทยของเราต้องฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคและวิกฤติการณ์มาเพียงใดถึงมาเป็นไทยที่เป็นปึกแผ่น ประชาชนอยู่ดีกินดีในทุกวันนี้

“การแสดงนี้ ไม่เพียงน่าตื่นตาตื่นใจ สวยงามตระการตา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำให้เราได้เห็นถึงความรักชาติ ความเสียสละ และความสามัคคี ของบรรพบุรุษทั้งพลเรือนและทหาร ได้ตระหนักรู้ซาบซึ้งในพระปรีชาสามารถและพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ในยุคที่ทั่วทั้งภูมิภาคกำลังเผชิญหน้ากับการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกที่มีแสนยานุภาพทางอาวุธและวิทยาการเหนือกว่า ทำให้เราสูญเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงตามที่ฝรั่งเศสเรียกร้องรวมถึงเงินค่าปรับสูงจนต้องนำเงินถุงแดง (เงินพระคลังข้างที่) ออกมาใช้

“พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แม้จะทรงโทมนัสยิ่งแต่ทรงไม่ท้อถอย ทรงทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักษาเอกราชของสยามเอาไว้ นำไปสู่การปฏิรูปประเทศในทุกด้าน จนสยามสามารถดำรงความเป็นไทยมาได้ลงจนถึงทุกวันนี้โดยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของพวกฝรั่งชาติตะวันตกนักล่าอาณานิคม
เหล่านี้ทำให้เราต้องคิดให้มากขึ้นว่าปัจจุบันและอนาคตเราคนไทยจะต้องรักชาติ รักสถาบัน ต้องสามัคคี และเอาประโยชน์ชาตินำหน้าเพื่อคงความเป็นชาติไทยของเราให้คงอยู่ตลอดไป 

“ผมอยากให้มีกิจกรรมหรือการแสดงแบบนี้ให้คนรุ่นหลังเด็กรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ถึงอดีตและความเป็นมาของชาติให้มากขึ้น และขอชมเชยผู้จัดงานและนักแสดงทุกคน ขอให้กำลังใจและขอบคุณที่ร่วมกันทำกิจกรรมรักชาติแบบนี้ครับ

เชียงใหม่-นายกฯ ใส่เสื้อลายผ้าขาวม้า เดินเซ็นทรัลเชียงใหม่ ชมงาน 'ฮักไทย เสน่ห์วิถีไทยสไตล์ใหม่ฯ' วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า

เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.67) คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปฎิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เข้าเยี่ยมศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส) โดยมี คุณบุษบา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร กลุ่มเซ็นทรัล , คุณอัจฉรา วิสุทธิวงศ์รัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดและสื่อองค์กร กลุ่มเซ็นทรัล, คุณพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส) และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ

โดยได้เยี่ยมชม โครงการ 'ฮักไทย เสน่ห์วิถีไทยสไตล์ใหม่ Thainess Station สินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน' จากกลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ นำร่องจำหน่ายผ้าขาวม้าจากชุมชน ต่อยอด และยกระดับสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ด้วยการรับซื้อสินค้าไทยจากชุมชน นำมาจัดแสดงและจำหน่าย อาทิ ผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า เครื่องจักสานจากกระจูด และผ้าคราม โดยเบื้องต้นได้มีการรับซื้อผ้าขาวม้าจาก 6 ชุมชนทั่วประเทศ ผลักดันและยกระดับสินค้าท้องถิ่นไทยสู่ตลาดโลก 

พบปะชมผลงานน้องนักศึกษา #𝗣𝗿𝗼𝗷𝗲𝗰𝘁𝗶𝗻𝗧𝗵𝗮𝗶𝗔𝗿𝘁𝗖𝗠𝗨𝟮𝟬𝟮𝟰 ศิวิ-𝗟𝗜𝗚𝗛𝗧 งานการแสดงผลงานศิลปนิพนธ์ ของ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 แขนงการจัดการศิลปะและวัฒนธรรม สาขาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมยังแวะช้อปโซน Lanna Souvenir อีกด้วย

หลักสูตรสืบสวนคดีอาญา ท๊อปจี สานตำนานสร้างนักสืบ ต่อสู้อาชญากรรมยุคใหม่

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.  เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ดูแลงานสืบสวน, และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้เกียรติเดินทางเป็นประธานพิธีเปิดหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา ขั้นพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ สืบสวน TOP G หลักสูตรสืบสวนที่มีความเข้มข้น และเฉพาะทาง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยมี พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น./ผู้อำนวยการฝึกอบรม, พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช. ประจำ สง.ผบ.ตร., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น./รองผู้อำนวยการฝึกอบรม, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./ผู้อำนวยการฝึกอบรม, พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง โฆษก ตร., คณะครูพี่เลี้ยง และผู้เข้ารับการฝึกอบรม 30 คน ณ ห้องประชุมอัจฉริยะ ชั้น 4 อาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล

ย้อนไปเมื่อปี 2540 พล.ต.ท.โสภณ วาราชนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในขณะนั้น ได้มีแนวคิดสร้าง “ปฐมบทของชีวิตนักสืบ” เมืองหลวง โดยมอบหมาย พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี อดีตรอง ผบช.สตม. ตำนานนักสืบระดับอาจารย์ โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปรมาจารย์นักสืบ เป็นหนึ่งในครูฝึก บ่มเพาะตำนาน 30 นักสืบ ซึ่งต่อมาในปัจจุบัน 30 นักสืบดังกล่าว ได้กลายมาเป็น นักสืบมือฉกาจคลี่คลายคดีสำคัญหลายคดี อย่าง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล
​ต่อมาในปัจจุบัน ตามวิสัยทัศน์ของ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คือ การมุ่งเน้นการสร้างองค์กรตำรวจให้เป็น “องค์กรปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมายในระดับมาตรฐานสากลที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา” และค่านิยมหลัก “พิทักษ์ราษฎร์ ปราบภัย รับใช้ประชาชน” เป็นการเน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องการพัฒนาบุคลากรให้เท่าทันกับรูปแบบอาชญากรรมใหม่ๆ  

โดยเฉพาะการสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงและการรวบรวมพยานหลักฐานของการกระทำความผิด  เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นศรัทธาในองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทว่าในปัจจุบัน ข้าราชการตำรวจฝ่ายสืบสวนระดับปฏิบัติการมีจำนวนไม่เพียงพอต่ออาชญากรรมที่เพิ่มมากขึ้น และมีรูปแบบการกระทำความผิดที่ซับซ้อนและทวีความรุนแรง ทำให้ต้องฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ด้านเทคโนโลยีการสืบสวน ที่ทันสมัยให้เท่าทันกับสังคมยุค 5G  ตลอดจนการปลูกฝังคุณธรรม อุดมการณ์ จิตวิญญาณ และการอุทิศตนของข้าราชการตำรวจฝ่ายสืบสวนให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ
​จึงได้มอบหมาย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จัดทัพ นำโดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล คัดสรรค์ข้าราชการตำรวจระดับรองสารวัตรหรือเทียบเท่า ชั้นยศ ร้อยตำรวจโท-ร้อยตำรวจเอก สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการ จำนวน 30 คน เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมเป็นยอดนักสืบ เป็นเวลา 20 สัปดาห์ ณ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายใต้โครงการฝึกอบรมหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา ขั้นพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (TOPG)

“ขยะทางการเกษตรเป็นเรื่องสำคัญ ผมจะเอาประสบการณ์มาช่วยเชียงใหม่  ให้สามารถมีจุดรับซื้อขยะทางการเกษตร ที่มีมาตรฐานในระดับสากล”

ดร.ก้องเกียรติ สุริเย ซีอีโอ เครือจีอาร์ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์บอนเครดิต 
กล่าวในโครงการ “หยุดเผา เรารับซื้อ”
 

‘บิ๊กโจ๊ก’ สั่งถอนวีซ่า-ห้ามเข้าประเทศ ‘2 ชาวต่างชาติ’ หลังทำร้าย-พยายามแย่งปืน ‘ตร.ภูเก็ต’ จนได้รับบาดเจ็บ

(18 มี.ค.67) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ‘สุรเชษฐ์ หักพาล’ เมื่อคืนวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า “วันนี้หลังจากผมได้ทราบเรื่อง ‘ตำรวจจราจร สภ.ฉลอง ถูกชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย’ จึงสั่งผู้การ ตม.6 เพิกถอนวีซ่า 2 ต่างชาติ ดำเนินคดีเฉียบขาด หลังจบคดี ให้สั่งห้ามเข้าประเทศอีก หลังพยายามชิงอาวุธปืนตำรวจ”

“จากเหตุการณ์เกิดที่บริเวณริมถนนหน้าร้านกิตติก๋วยเตี๋ยวเป็ด ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ฉลอง อ.เมือง จว.ภูเก็ต ผู้บาดเจ็บ ด.ต.สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ.หมู่ (จร.) สภ.ฉลอง (บาดเจ็บบริเวณนิ้วมือและขา) ถูกนำส่ง รพ.ฉลอง เหตุดังกล่าว จนท.ตร. ได้อำนวยความสะดวกจราจรและกวดขันวินัยจราจร ได้มีรถ จยย. จำนวน 2 คัน ขับขี่โดยชายชาวต่างชาติ ขับรถผ่านในลักษณะใช้ความเร็วไม่ใช้ความระมัดระวัง ด.ต.สมศักดิ์ฯ ได้เรียกให้ชายชาวต่างชาติหยุด”

“เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ชายต่างชาติทั้งสองมีท่าทีที่จะหลบหนี ด.ต.สมศักดิ์ ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเพื่อเก็บพยานหลักฐาน จากนั้นชาวต่างชาติได้ปัดโทรศัพท์มือถือและเข้าประชิดตัวกอดรัดฟัดเหวี่ยงจน ด.ต.สมศักดิ์ ล้มลงโดยมีชายต่างชาติ MR.OSCAR ขึ้นคร่อมตัวอยู่ จนด.ต.สมศักดิ์ฯ ได้รับบาดเจ็บ แล้ว MR.OSCAR ได้พยายามแย่งอาวุธปืนของ ด.ต.สมศักดิ์”

“โดย ด.ต.สมศักดิ์ ได้พยายามยามป้องกันไม่ให้ยื้อแย่งปืนไปได้ ขณะที่ยื้อแย่งกันนั้นอาวุธปืนได้ลั่นจำนวน 1 นัด ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ต่อมาได้มี จนท.ตร. ได้ขับรถมาจอดขวางและช่วยเข้าระงับเหตุ

เมื่อผมได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมสั่งการให้ดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างดี และยืนยันว่าจะลงไปเยี่ยมบำรุงขวัญอีกครั้งด้วยตัวเอง”

“ผมขอชื่นชมตำรวจที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ แม้ว่าคู่กรณีจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ก็สามารถป้องกันตัวและระงับเหตุโดยไม่หวั่นเกรงต่อชีวิต นอกจากนี้ ผมได้สั่งการให้เพิกถอนวีซ่า 2 ต่างชาติ ดำเนินคดีเฉียบขาด และหลังจบคดี ให้สั่งห้ามเข้าประเทศอีก”

เปิดไวรัลดัง!! ‘เจ้าอาวาสวัดฝายหิน’ ติง!! ‘พิธา’ เรื่องนโยบายอิงสถาบัน ด้านเจ้าตัว ยัน!! ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น ท่ามกลางชาวเน็ตแห่วิจารณ์สนั่น

พาไปรู้จักกับ ‘วัดฝายหิน’ อีกหนึ่งวัดงามเมืองเชียงใหม่ ที่กำลังเป็นไวรัลโด่งดัง หลังเจ้าอาวาสวัดติงนายพิธาเรื่องนโยบายสถาบัน งานนี้ทำชาวเน็ตเสียงแตก โดยฝั่งด้อมส้มต่างเม้นต์ตำหนิเจ้าอาวาสว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวการเมือง ขณะที่ชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างออกมาชื่นชมท่านเจ้าอาวาส พร้อมตั้งข้อสงสัยในสิ่งที่นายพิธาตอบกลับเจ้าอาวาสว่าเชื่อได้หรือไม่?

เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.67) หลังนาย ‘นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ส.ส.บัญชีรายชื่อและที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางไปทำภารกิจดับไฟป่าที่จังหวัดเชียงใหม่ ท่ามกลางคำถามและข้อสงสัยมากมายจากชาวเน็ต ก่อนที่จะเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ ‘วัดฝายหิน’ พร้อมเข้ากราบนมัสการ ‘พระครูสมุห์ วิษุวัตร วรกิจจฺโจ’ เจ้าอาวาสวัดฝายหิน ซึ่งกลายเป็นไวรัลโด่งดัง

โดยท่านเจ้าอาวาสวัดฝายหินได้ติงนายพิธาเรื่องนโยบายสถาบัน ดังบทสนทนาที่ชาวเน็ตแชร์กันเป็นจำนวนมาก ดังนี้

เจ้าอาวาส : “เขาเป็นสมมติเทพ ชาวบ้านเขาเคารพนับถือแต่ไหนแต่ไรมา...ทำไมไปคิดถึงขั้นนั้น...แม้โยมจะบอกว่าไม่ได้คิด....แต่ถ้าบริวารคิด... แล้วโยมก็จะผิด”

พิธา : “ครับ พวกเราไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นครับ...เราอยากให้พระองค์ท่านมั่นคงสถาพร”

เจ้าอาวาส : “ถ้าคิดอย่างนี้ตั้งแต่แรก สมหวังแล้ว”

พิธา : “ก็คิดอย่างนี้มาโดยตลอด...ถ้ามีโอกาสคงต้องอธิบาย...แต่ว่าเจตนาไม่มีเป็นอื่นแน่นอน”

หลังคลิปบทสนทนานี้ถูกเผยแพร่ ได้กลายเป็นไวรัลที่คนแชร์และแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมากบนโลกโซเชียล งานนี้ทำชาวเน็ตเสียงแตก โดยฝั่งด้อมส้มต่างเม้นต์ตำหนิเจ้าอาวาสว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวการเมือง ขณะที่ชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างออกมาชื่นชมท่านเจ้าอาวาสวัดฝายหิน พร้อมตั้งข้อสงสัยในสิ่งที่นายพิธาตอบกลับเจ้าอาวาสว่าเชื่อได้หรือไม่?

นอกจากนี้ยังทำให้ชื่อของ #วัดฝายหิน กลายเป็นไวรัลและมีคนสนใจวัดแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงขอพาไปรู้จักกับวัดฝายหินที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังอยู่ในขณะนี้กัน

วัดฝายหิน (บ้านฝายหิน ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่) เป็นวัดราษฎร์ ที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งอยู่เชิงดอยสุเทพ ด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และถนนทางขึ้นสถานีส่งโทรทัศน์ช่อง 7 ทางเดียวกันกับทางขึ้นสวนสัตว์เชียงใหม่ด้านประตูหลัง

วัดฝายหิน เป็นวัดโบราณเก่าแก่อายุหลายร้อยปี มีหลักฐานปรากฏในสมัยพระเจ้าติโลกราช (พ.ศ.1985-2031) ว่าเดิมเคยเป็นอารามสำนักสงฆ์สาขา ของ ‘รตวนมหาวิหาร’ (วัดป่าแดงหลวง เชียงใหม่) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการศึกษาภาษาบาลีและพระไตรปิฎก ของคณะสงฆ์ลัทธิสิงหลใหม่ (พระพุทธศาสนาซึ่งรับมาจากประเทศศรีลังกา) คือ ฝ่ายป่าแดง (ฝ่ายอรัญญวาสี) ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอารามฝายหินไปประมาณ 1 กิโลเมตร

วัดฝายหิน เป็นที่รู้จักทั่วไปในสมัยรัชกาลที่ ๔ โดยมี ‘ครูบาหลวงมารวิชัย’ เป็นเจ้ารูปแรกของวัด ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ วัดฝายหินเจริญรุ่งเรืองและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในสมัย ‘พระอภัยสารทะ สังฆปาโมกข์’ (ครูบาอุ่นเรือน โสภโณ) หรือที่รู้จักกันดีในนาม ‘ครูบาฝ่ายหิน’ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส

ครูบาฝ่ายหิน ท่านมีความสามารถหลายด้านจนได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘พหูสูต’ และได้รับการเชิดชูจากพระเจ้าอินทวิชยานนท์ (ราชบิดาพระราชชายาเจ้าดารารัศมี) พระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 ขณะนั้น แต่งตั้งให้เป็น ‘ปฐมสังฆนายก’ องค์ที่ 1 ของล้านนาไทยโดยให้มีสมณะศักดิ์ตำแหน่งนามว่า ‘ปฐมสังฆนายะกะโสภา วัดฝายหิน สังฆราชาที่ 1 เชียงใหม่’ ในปี พ.ศ. 2438

นอกจากนี้ในการประชุมสังฆสมาคม ณ วัดเบญจมบพิตร ที่กรุงเทพฯ เพื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ทางพระพุทธศาสนาในเชียงใหม่ ต่อหน้าพระพักตร์ พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕ ครูบาฝายหิน ยังได้แสดงบารมีธรรม ถวายพระพรตอบกิจการพระศาสนาฝ่ายเหนืออย่างรอบรู้ เป็นที่พอพระทัยรัชกาลที่ ๕ ยิ่ง พระพุทธเจ้าหลวง จึงทรงแต่งตั้งครูบาฝายหิน เป็น ‘พระอภัยสารทะ สังฆปาโมกข์’ ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ รูปแรก

รมว.พิพัฒน์ สั่งขยายผล! ล้างรถด่วนเชียงราย เตรียมร่วมกับปั้มจ้างงานเพิ่มทั่วประเทศ พร้อมห่วงใยแรงงานเอาท์ดอร์ กำชับเครือข่ายแรงงานพบชาวบ้าน รณรงค์หยุดเผาป่าป้องกันมลพิษฝุ่นควัน จ.เชียงราย

เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.67) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่เยี่ยมพบปะให้กำลังใจแรงงานที่ได้รับการฝึกอาชีพตามโครงการคืนคนดีสู่สังคม ศูนย์ฝึกอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ และให้บริการล้างทำความสะอาดรถยนต์แก่ประชาชนที่มารับบริการ ณ
ศูนย์ฝึกอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ เมตตา...พระไพศาลประชาทร วิ. วัดห้วยปลากั้ง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โดยมี นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน20 เชียงราย กับวัดห้วยปลากั้ง ที่ได้ฝึกอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังที่พ้นโทษ ได้นำความรู้จากการฝึก มาต่อยอดในการประกอบอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในวันนี้ผมพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงานลงพื้นที่เชียงรายมาเยี่ยมพบปะกับแรงงานที่ได้รับการฝึกอาชีพตามโครงการคืนคนดีสู่สังคม ที่ศูนย์ฝึกอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ เมตตา...พระไพศาลประชาทร วิ. ซึ่งที่นี่ให้บริการล้างทำความสะอาดรถยนต์แก่ประชาชนที่มารับบริการคันละ 50 บาท ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงานกับวัดห้วยปลากั้ง ที่จะเปิดโอกาสให้แรงงานชั้นดีที่พ้นโทษได้มีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้ สามารถประกอบอาชีพหลังจากออกมาสู่สังคม โดยการล้างรถ ฝุ่น โคลน

ซึ่งในส่วนนี้ผมจะนำโมเดลดังกล่าวไปต่อยอดขยายผล พร้อมหารือสถานีบริการน้ำมันเอกชนทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มการจ้างงาน สร้างอาชีพ พร้อมสร้างคุณค่าคืนคนดีสู่สังคมต่อไป

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่เชียงรายในครั้งนี้ ผมยังพบว่าปัจจุบันเชียงรายยังพบปัญหาฝุ่นควันในปริมาณที่สูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่สำคัญมีความห่วงใยต่อแรงงานที่ทำงานอยู่ในพื้นที่โดยเฉพาะแรงงานที่ต้องทำงานอยู่ในกลางแจ้ง ผมจึงได้กำชับให้แรงงานจังหวัด ร่วมมือกับอาสาสมัครแรงงาน (อสร.) จังหวัดเชียงราย 124 คน พบปะกับชาวบ้านในพื้นที่เพื่อรณรงค์ให้ชาวบ้านช่วยกันหยุดเผาป่า ป้องกันฝุ่นควันลดปัญหามลพิษทางอากาศ อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ เพื่อร่วมสร้างทัศนียภาพให้กลับมาสวยงามเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ หน่วยงานกระทรวงแรงงาน จ.เชียงใหม่ ลงพื้นที่ ส่งน้ำใจ มอบรถเข็นวีลแชร์และอุปกรณ์ให้ผู้พิการและผู้ยากไร้

วันที่ 18 มีนาคม 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อม จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ และประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงรายการร้องทุกข์ลงป้ายนี้ สถานีข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ จำนวน 2 ราย ในพื้นที่ อ.เมือง และ พื้นที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ 

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้ร่วมมือกับ จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ ประกันสังคม จ.เชียงใหม่ และรายการร้องทุกข์ลงป้ายนี้ สถานีข่าวไทยพีบีเอส นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้พิการและผู้ยากไร้ ประกอบไปด้วย รถเข็นวีลแชร์ 2 คัน วอร์คเกอร์ช่วยเดิน 2 ชิ้น และ ไม้เท้าสามขา ช่วยพยุง 2 ชิ้น โดยได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) มามอบให้กับ ผู้สูงอายุและผู้พิการ ตามที่ได้รับการประสานจาก นายเอกลักษณ์  อุ่นภักดิ์ จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่และ นางกำไร บุ้งเงิน ประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายประพันธ์ กล้วยหอม อายุ 48 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่  27 หมู่ 4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และ นางจันทร์ ปันอ้าย อายุ 85 ปี บ้านเลขที่ 39 หมู่ 11 ตำบลทุ่งต้อม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ 50120 

ซึ่งทั้งสองราย เป็นกลุ่มเปราะบาง มีฐานะยากจน และประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ยากไร้ มามอบในครั้งนี้ เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมขวัญและกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือดังกล่าวมากกว่าบุคคลทั่วไป ทำให้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยกันจัดหาอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นลำดับแรก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top