Thursday, 15 May 2025
NEWS FEED

สิ้น ‘ดร.พีระพงศ์ ตริยเจริญ’ หนึ่งในผู้ก่อตั้งระบบทีแคส เกิดอาการหัวใจหยุดเต้น ระหว่างเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น

(20 มี.ค.67) รศ.ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายรับเข้าศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และผู้จัดการระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา (ทีแคส) เปิดเผยว่า ดร.พีระพงศ์ ตริยเจริญ หรือ อ.ก๊อง อดีตผู้จัดการระบบทีแคส ได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. ในวันนี้ ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง ดร.พีระพงศ์เสียชีวิตระหว่างเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเพิ่งเที่ยววันแรกก็เกิดหัวใจหยุดเต้น ระหว่างที่ ดร.พีระพงศ์หัวใจหยุดเต้นนั้น ทางไกด์และบริษัททัวร์ที่ทำการ CPR ดร.พีระพงศ์ก็ฟื้นขึ้นมา แต่ผ่านไป 1 ชั่วโมง ก็หัวใจหยุดเต้นอีกครั้งและเสียชีวิตไป

รศ.ดร.ชาลี กล่าวต่อว่า ดร.พีระพงศ์มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจอยู่แล้ว และยังมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ มีการหยุดหายใจระหว่างนอนบ้าง ที่ผ่านมา ดร.พีระพงศ์ก็รักษาตัวมาตลอด คาดว่าอาการนั้นอาจจะกำเริบจึงทำให้เสียชีวิต ขณะนี้ร่างของ ดร.พีระพงศ์ยังอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น อยู่ระหว่างประสานสถานทูตเพื่อนำร่างกลับประเทศไทยในเร็วๆ นี้

“ตอนนี้ทุกคนกำลังช็อกมาก ถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญ เพราะ ดร.พีระพงศ์เป็นหนึ่งในทีมที่ก่อตั้งระบบทีแคสด้วยกัน ช่วงปี 2561 ที่ก่อตั้งระบบทีแคสปีแรก ดร.พีระพงศ์เป็นผู้ดูแลระบบไอทีและระบบการรับสมัครต่างๆ พร้อมกับดูแลการบริหารจัดการสิทธิด้วย ต่อมาในปี 2562-2564 ดร.พีระพงศ์ขึ้นมาเป็นผู้จัดการระบบทีแคส จนผมมาเป็นผู้จัดการระบบทีแคสต่อในปี 2565 จนถึงปัจจุบัน

ในที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เสียใจที่ได้ยินข่าวนี้ เพราะถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญ ไม่น่าเชื่อว่า ดร.พีระพงศ์จะจากไปเร็วขนาดนี้ และทุกวันนี้ ดร.พีระพงศ์ยังคงเป็นวิทยากรใน ทปอ. ให้ความรู้เรื่องการพัฒนาคุณภาพหลักสูตร ทั้งยังเป็นคณะกรรมการที่ดูแลด้านวิชาการของ ทปอ. ทำงานประสานกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ในเรื่องกระบวนการอนุมัติหลักสูตรการประกันคุณภาพหลักสูตรอยู่ต่อเนื่อง” รศ.ดร.ชาลีกล่าว

‘ลุงจรูญ’ เผย!! ใครที่ทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับผลของกรรมนั้น หลังศาลชั้นต้นสั่งจำคุกครูปรีชา 2 ปี ไม่รอลงอาญาปมหวย 30 ล้าน

(20 มี.ค. 67) ที่หน้าศาลจังหวัดกาญจนบุรี ศาลอ่านคดี อ.2512/2562 เลขแดงที่ 2461/2564 โจทก์ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล จำเลย นายปรีชา ใคร่ครวญ กับพวกรวม 2 คน ความผิดต่อเจ้าพนักงานยุติธรรม โดยครูปรีชา เดินทางมาถึงก่อนและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก่อนจะเดินเข้าไปภายในศาลจังหวัดกาญจนบุรี ต่อมาทนายตั้ม หมวดจรูญ มาถึงศาลและให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าไปฟังคำพิพากษา

ต่อมาเวลา 09.50 น. วันเดียวกัน ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ร.ต.ท.จรูญ และทีมงานเดินออกมาจากศาลหลังฟังคำพิพากษาแล้วด้วยรอยยิ้ม พร้อมเปิดเผยผลคำพิพากษาของศาลจังหวัดกาญจนบุรีว่า ในคดีนี้ ศาลได้อ่านคำพิพากษา จำคุกครูปรีชาเป็นเวลา 3 ปี แต่เนื่องจากคำให้การบางส่วนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงลดโทษให้เหลือจำคุกครูปรีชาเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนทนายวรยุทธ ทนายความของครูปรีชานั้น ศาลเห็นว่า เป็นการทำหน้าที่ของทนายความไปตามข้อมูลที่ได้จากลูกความคือครูปรีชา จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องทนายวรยุทธ ซึ่งหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จเรียบร้อย ครูปรีชามีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะถูกตำรวจศาล ควบคุมตัวลงไป ที่ห้องควบคุมตัว ของศาลเพื่อรอยื่นประกันตัวต่อไป

ทนายตั้ม ยังกล่าวอีกว่า ในวันนี้ต้องขอบคุณศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ให้ความเป็นธรรมกับลุงจรูญ หลังจากถูกครูปรีชาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องมาหลายคดี กระทั่งวันนี้ มีคำพิพากษาออกมา ทำให้ลุงจรูญและครอบครัวได้รับความเป็นธรรมในที่สุด ขณะที่ในอีก 2 คดี ที่ลุงจรูญเป็นโจทก์ยื่นฟ้องครูปรีชาพร้อมด้วยเจ๊บ้าบิ่นและเจ๊พัช ในข้อหาเบิกความเท็จ เพื่อให้ศาลอายัดเงินของลุงจรูญนั้น ครูปรีชาได้รับสารภาพเรียบร้อยแล้ว ส่วนเจ๊พัชและเจ๊บ้าบิ่นยังให้การปฏิเสธและจะต่อสู้ในชั้นศาล ส่วนคดีที่พยานฝั่งครูปรีชาอีกมากกว่า 10 ปาก ถูกลุงจรูญฟ้องในข้อหาเบิกความเท็จนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างรอการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากฟังคำพิพากษาแล้ว ครูปรีชา ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการ เพื่อรอการประกันตัว เพื่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ ต่อไป โดยสื่อมวลชนได้ปักหลักรออยู่ที่บริเวณด้านหลังของศาลจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อจะรอพบครูปรีชาอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ทราบเวลาที่แน่นอน ในการประกันตัว

ด้านลุงจรูญ กล่าวหลังฟังคำพิพากษาศาลว่า ความจริงก็คือความจริง และใครที่ทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับผลของกรรมนั้นไปตามระเบียบ

'พิพัฒน์' รมว.แรงงาน รุกโรงงานอยุธยา สร้างต้นแบบสวัสดิการ ศูนย์กลางอุตฯ ภาคกลาง พร้อมแนะอาชีพอิสระเพิ่มรายได้ ให้กองทุนกู้รับงานดอก 0%

วันที่ 20 มีนาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านการจัดสวัสดิการต่างๆ ให้แก่ลูกจ้างในสถานประกอบกิจการ พบหน่วยงานภาคีภาคเครือข่าย ภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งบริษัท ข้าว ซี.พี.จำกัด โรงงานข้าวนครหลวง ประกอบกิจการผลิตข้าว โดยมี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้อนรับ นายชัยกฤต พุ่มเข็ม ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รายงานภาพรวมเศรษฐกิจในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายธรรมวิทย์ ศรีเกริกกริช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการผลิตและวิศวกรรม หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมให้การต้อนรับ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสันติ นันตสุวรรณ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน รักษาการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ว่าที่ร้อยตรี สมศักดิ์ พรหมดำ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ณ บริษัท ข้าว ซี.พี.จำกัด โรงงานข้าวนครหลวง ต.แม่ลา อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา  

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานมีภารกิจที่ดูแลแรงงานอย่างครบถ้วนในทุกมิติ การเดินทางมาจังหวัดอยุธยา ศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาคกลาง เข้าหารือ กับบริษัทภาคเอกชน 35  บริษัท แบ่งเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์, เทคโนโลยีดิจิตอล, ขนส่งโลจิสติกส์ และ หน่วยงานเครือข่ายแรงงาน 22 หน่วยงาน และชมสถานประกอบการที่อยุธยาในวันนี้ โรงงานข้าวนครหลวง เปิดให้เข้าเยี่ยมและนำเสนอโครงการด้านสวัสดิการและความปลอดภัยในการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องแรงงาน และชื่นชมผู้บริหารบริษัทข้าว ซี.พี.จำกัด และทุกภาคส่วนในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตพนักงานที่ดีขึ้นด้วยการจัดสวัสดิการให้กับลูกจ้าง เช่น บริษัทร่วมโครงการ สถานประกอบการต้นแบบด้านความปลอดภัยฯ 7 ปี Zero accident ระดับต้น  และโครงการสถานประกอบการดีเด่นด้านแรงงาน 10 ปีซ้อน พ.ศ. 2554 - 2564

จากนั้น นายพิพัฒน์ มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน   ตรวจเยี่ยมโครงการกระทรวงแรงงานพบปะกลุ่มแรงงานนอกระบบ และภาคีเครือข่ายด้านแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นายธนณัฏฐ์ รุ่งแจ้ง ประธานชมรมแรงงานนอกระบบจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รายงานการส่งเสริม สนับสนุนสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มแรงงานนอกระบบ โดยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย เลขานุการ รมว.แรงงาน ได้พบปะพูดคุยกับกลุ่มแรงงานนอกระบบและภาคีเครือข่ายด้านแรงงาน เยี่ยมบูธของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาทิ สำนักงานประกันสังคมได้เชิญชวนแรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เข้าสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองสิทธิประโยชน์จากประกันสังคม เช่น กรณีประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือ ทุพพลภาพ ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีเสียชีวิต ได้รับค่าทำศพ กรณีชราภาพ ได้รับบำเหน็จชราภาพ ทุกเดือน กรณีจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน รับเงินเพิ่ม 10,000 บาท และรับเงินสงเคราะห์บุตร ทุกเดือน เป็นต้น สำนักงานจัดหางานจังหวัดให้คำแนะนำแก่แรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระในการกู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนถูกกฎหมายดอกเบี้ยต่ำ สอดคล้องกับของขวัญปีใหม่ที่ท่านรัฐมนตรีพิพัฒน์ ได้มอบให้แรงงานนอกระบบที่เป็นผู้รับงานไปทำที่บ้าน สามารถกู้ยืมเงินจากกองทุนในอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 24 เดือน เพื่อทุนนำไปซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นในการผลิตสินค้าได้มากขึ้น

นอกจากนี้ นายอารี ยังมอบป้ายชมรมแรงงานนอกระบบจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและเครือข่ายแรงงานนอกระบบเข้มแข็ง และเยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแรงงานนอกระบบ โดยมี กลุ่มแรงงานนอกระบบ และภาคีเครือข่ายด้านแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมให้การต้อนรับ ณ เทศบาลเมืองบ้านกรูด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้ จ.พระนครศรีอยุธยา มีแรงงานนอกระบบทั้งสิ้น 132,346 คน ส่วนใหญ่ อยู่ในภาคการขายส่งขายปลีก รองลงมาภาคเกษตรกรรม ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร การผลิต และการขนส่ง การขายปลีก ตามลำดับ

นราธิวาส-กิจกรรมเพิ่มพูนความรู้ และทักษะการบริหารจัดการฟาร์มตัวอย่างตามโครงการพระราชดำริในพื้นที่ จชต. ประจำปี 2567

ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พันเอก ณัฐพล ชัยสุภา เสนาธิการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมเพิ่มพูนความรู้ และทักษะการบริหารจัดการฟาร์มตัวอย่างตามโครงการพระราชดำริในพื้นที่ จชต. ประจำปี 2567 ตามโครงการพัฒนาความสามารถในการพึ่งพาตนเองของฟาร์มตัวอย่างตามโครงการพระราชดำริในพื้นที่ จชต. เพื่อเป็นแนวทางการจัดการองค์ความรู้ ในการนำไปปฏิบัติให้เกิดเสถียรภาพในการดำเนินงานฟาร์มตัวอย่างฯต่อไปในอนาคต โดยมีผู้จัดการฟาร์มตัวอย่างฯผู้ช่วยผู้จัดการฟาร์มตัวอย่างฯ และเจ้าหน้าที่บัญชีฟาร์มตัวอย่างฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  เข้าร่วมทั้งหมด 16 แห่ง ฟาร์มตัวอย่างฯ ละ 3 คน รวมทั้งสิ้น 48 คน 

ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจะนำความรู้ที่ได้มาพัฒนา ต่อยอด มาปรับใช้ภายในฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงให้ฟาร์มตัวอย่างฯ สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ และสนับสนุนให้ผู้จัดการฟาร์มตัวอย่างฯ , ผู้ช่วยผู้จัดการ และเจ้าหน้าที่บัญชีฟาร์มตัวอย่างฯได้รับความรู้ทางด้านการบริหารจัดการองค์กร การเงินและบัญชี ได้รับแนวทางการพัฒนาฟาร์มตัวอย่างฯที่ถูกต้องตรงตามหลักเกณฑ์ นำมาประยุกต์ใช้กับฟาร์มตัวอย่างในแต่ละพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงเพื่อพัฒนารูปแบบฟาร์มตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้เป็นไปศูนย์การเรียนรู้ที่ได้มาตรฐาน ตลอดจนเพื่อขยายผลการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้เป็นไปอย่างกว้างขวาง สามารถปฏิบัติตามได้จริง และเห็นผลเป็นรูปธรรม สมาชิกฟาร์มสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมานุ จ.นราธิวาส

ขอนแก่น - Open House "มทร.อีสาน วข.ขอนแก่น" ร่วมพัฒนาขีดความสามารถกำลังพลกองทัพบก

เป็นความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกองทัพภาคที่ 2 และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานเพิ่มโอกาสในการพัฒนาขีดความสามารถกำลังพล สนับสนุนภารกิจของกองทัพบก โดยเฉพาะในทหารกองประจำการ และยังตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการสมัครใจเข้ามาเป็นทหารเพราะเมื่อปลดประจำการแล้วจะมีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น พร้อมที่จะออกไปประกอบอาชีพที่ตนเองถนัด สามารถเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คิด

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า ที่ สโมสรนายทหารค่ายศรีพัชรินทร ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น พลตรี ฉกาจพงษ์ หงษ์ทอง รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม Open House การประชาสัมพันธ์หลักสูตรปวช. ปวส. และปริญญาตรี สำหรับหน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น โดยมี พลตรี วรพินิจ ขันธุปัฏน์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ผศ.ดร.จารุวรรณ ธาระศัพท์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย มทร.อีสานวิทยาเขต ขอนแก่น พร้อมทั้งผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ร่วมกิจกรรม 

ซึ่งเป็นความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกองทัพภาคที่ 2 และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานเพิ่มโอกาสในการพัฒนาขีดความสามารถกำลังพล สนับสนุนภารกิจของกองทัพบก โดยเฉพาะในทหารกองประจำการ และยังตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการสมัครใจเข้ามาเป็นทหารเพราะเมื่อปลดประจำการแล้วจะมีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น พร้อมที่จะออกไปประกอบอาชีพที่ตนเองถนัด สามารถเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน โดยครั้งนี้มีกำลังพล ทหารกองประจำการ ของหน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ร่วมกิจกรรมจำนวน 150 นาย มีการแนะนำหลักสูตรระดับ ปวช. ปวส. และปริญญาตรี ทั้งสาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องจักรกล วิศวะจักรกลเกษตร วิศวะแปรรูปอาหารและผลผลิตการเกษตร วิศวะโลหะการเป็นต้น.

'2 สาวเกาหลี' ไม่ปลื้ม!! สิ่งที่คนเกาหลีมักมโนไกลทั้งที่ยังไม่เข้าใจในเมืองไทย  พอเห็นภาพช้าง-เห็นนา ก็คิดว่าประเทศนี้ไม่เจริญ-พร้อมเหยียด

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘DIY Review’ ได้แชร์วิดีโอการพูดคุยระหว่าง 2 สาวชาวเกาหลีใต้ คือ ‘ฮาน่า-ซอง ฮาอึน’ อินฟลูฯ และ ‘ซอ จียอน’ นักแสดง นักร้อง และนางแบบที่คนไทยรู้จักกันดี โดยทั้ง 2 ได้พูดถึงทัศนคติ มุมมองที่คนเกาหลีใต้มีต่อประเทศไทยและคนไทย 

โดยทั้งฮาน่าและจียอน เล่าว่าตนมักโดนถามคำถามที่คล้าย ๆ กัน เช่น คนไทยขี่ข้างเป็นปกติใช่ไหม? ประเทศไทยมีห้างสรรพสินค้าไหม? ปกติคนไทยผิวสีแทนไปทางดำใช่ไหม? โดยพวกเธอบอกว่าถ้าได้ยินคำถามพวกนี้ หรือได้ยินคนเกาหลีออกมาว่าคนไทย พวกเธอจะรู้สึกโกรธอย่างมาก เพราะพวกเธออยู่เมืองไทยมากกว่าอยู่เกาหลี พวกเธอรูดีว่าเมืองไทยเป็นอย่างไร

ทางด้านฮาน่า ระบุว่า “หนูสอนคนเกาหลีเลยนะว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นแบบนั้น ที่เห็นตามสื่อมีการขี่ช้าง มีท้องนา นั่นเพราะคือสื่อเพื่อการท่องเที่ยว จึงออกมาเป็นแบบนั้น ความจริงประเทศไทยไม่ได้เป็นเหมือนในโฆษณาไปทั้งหมด”

โดยจียอน เสริมว่า “เอาจริง ๆ คนไทยที่มีช้างคือคนรวยนะ” 

ฮาน่า กล่าวต่อว่า “ใช่ คนไทยที่มีช้างคือรวยมาก ๆ เพราะค่าใช้จ่ายเยอะ ต้องมีเงินถึงจะเลี้ยงช้างได้” และกล่าวต่อว่า “แต่เอาจริง ๆ อยากให้ทั้ง 2 ประเทศรักกัน อยากให้คนไทยและคนเกาหลีมองกับในแง่ดี ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ต้องประพฤติดีต่อกันด้วย”

นอกจากนี้ ทั้ง 2 สาวก็ได้แชร์ประสบการณ์ที่พบเจอในฐานะเป็นคนเกาหลีที่ใช้ชีวิตในประเทศไทยมากกว่าประเทศบ้านเกิด โดยจียอนได้เล่าว่า สมัยที่เธอเข้าวงการบันเทิงใหม่ ๆ เมื่อเกิดกรณีดรามาเกี่ยวกับเกาหลี เธอจะเป็นฝ่ายโดยโจมตีตลอด ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ผิดอะไร หรือบางครั้งที่กลับเกาหลี พอกลับมาไทยก็ระแวงว่าจะโดนต่อว่าจากคนอื่นๆ

ส่วนสาวฮาน่า ก็ได้เล่าเสริมว่า ตนก็เจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กับจียอนเช่นกัน จริง ๆ ก็เป็นมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อของตนแล้ว (คุณพ่ออยู่ในประเทศไทยมา 30 ปี) ตอนนั้นไม่มีใครช่วย เจอดรามาต่าง ๆ หนักมากจริง ๆ 

ทั้งนี้ ทั้ง 2 สาวก็ได้สรุปว่า ทั้งคนไทยและคนเกาหลี ต่างก็มีทั้งคนที่คิดดี ใจดี เข้าอกเข้าคนคนอื่น กลับกันก็จะมีคนที่คิดไม่ดี ใจร้าย และไม่เข้าใจอะไรเช่นกัน แต่คนที่คิดดี น่ารักมีเยอะกว่า เราควรโฟกัสและให้คุณค่ากับคนที่น่ารัก ๆ ดีกว่า

'ทบ.' โต้!! 'สส.ก้าวไกล' ปม 'พลทหารคมทัช' ผูกคอดับ เพราะเครียดตัดหญ้า ชี้!! มูลเหตุชั้นต้นมาจากปัญหาส่วนตัวกับแฟน หลังสอบถามญาติ-เพื่อน

(20 มี.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม. พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ภาพผู้ช่วยของตนเองผูกคอเสียชีวิตในค่ายทหารแห่งหนึ่ง พร้อมแชตข้อความระบายความในใจ ว่า เครียด ต้องไปตัดหญ้า กวาดบ้านผู้บังคับบัญชา ตอนดึกเพื่อนนั่งดูดกัญชา นอนแทบไม่ได้

ล่าสุดจากการตรวจสอบเบื้องต้นของกองทัพบก (ทบ.) พบว่า ผู้เสียชีวิต คือ พลทหารคมทัช พันฤทธิ์ ตำแหน่ง พลลูกมือ สังกัดกองร้อยบริการที่ 3 กองพันบริการ กองบริการ กรมการทหารช่าง ช่วยราชการ (พันบร.กบร.กช. ชรก.) ปฏิบัติงานที่โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์โยธินวิทยา (รร.ทบอ.โยธินวิทยา) ได้เสียชีวิตในวันที่ 19 มี.ค.67 ซึ่งจากการสอบถามญาติและเพื่อนพลทหารคมทัช ในชั้นต้นทราบว่า “สาเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ เกิดจากปัญหาส่วนตัวกับแฟน”

ต่อมาเวลา 22.41 น. คืนวันที่ 19 มี.ค.67 ทางกองทัพบก ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงว่า ได้รับแจ้งกรณี ทหารกองประจำการกระทำอัตวินิบาตกรรม (ผูกคอเสียชีวิต) โดยเป็นทหารในสังกัดของ กองพันบริการกองบริการ กรมการทหารช่าง ช่วยราชการปฏิบัติงานที่ โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์โยธินวิทยา 

โดยหลังจากเกิดเหตุหน่วยแจ้งไปทาง สภ.เมืองราชบุรี เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์นิติเวชร่วมในการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และชันสูตรพลิกศพ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า พลทหารคมทัช พันฤทธิ์ เสียชีวิตด้วยการผูกคอตายในห้องน้ำของโรงเรียน

ในวันเดียวกันผู้บังคับหน่วยต้นสังกัดได้เดินทางไปพบครอบครัวเพื่อแจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวและแสดงความเสียใจ ตลอดจนแจ้งสิทธิและสวัสดิการที่ผู้เสียชีวิตจะได้รับ และทางหน่วยต้นสังกัดจะช่วยดูแลอำนวยความสะดวกในด้านการจัดงานศพกับครอบครัว ทั้งนี้ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธิษะณา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘ธิษะณา ชุณหะวัณ - แก้วตา - Tisana Choonhavan’ ระบุว่า “อดีตผู้ช่วยแก้วได้ไปเกณฑ์ทหาร (จับได้ใบแดง) เมื่อวานนี้ตอนตีสามได้ข่าวมาจากผู้ช่วย สส.ที่สนิทกันอีกคนว่าน้องผูกคอตายในห้องน้ำในค่ายทหาร ก่อนอดีตผู้ช่วยแก้วจะเสียชีวิตในค่ายทหาร (ผูกคอตาย) ได้ส่งข้อความแบบนี้มาถึงชีวิตในค่ายทหาร”

“ขอเรียกร้องให้ค่าย 1.) แสดงความจริงใจและโปร่งใสโดยการเปิดเผยผลชันสูตรศพต่อสาธารณชน 2.) นโยบายทางจิตเวชให้กำลังพลไหม? 3.) ขอเรียกร้องความกล้าหาญจากผู้บังคับบัญชาที่จะกล้าเปิดเผยความจริง เหตุจูงใจหรือสิ่งที่กำลังพลต้องประสบพบเจอในค่าย 4.) การแสดงความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาต่อสิ่งที่เกิดขึ้น”

“ขอความเป็นธรรมให้เค้าด้วยค่ะ ขอให้ทุกคนช่วยกันส่งเสียงให้สภาผู้แทนราษฎรผ่านกฎหมาย #ยกเลิกเกณฑ์ทหาร #ค่ายทหารหรือคุก #คมทัชพันฤทธิ์”

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ หน่วยงานกระทรวงแรงงาน จ.ลำพูน พร้อมทั้งรายการร้องทุกข์ลงป้ายนี้ สถานีข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่ มอบรถเข็นวีลแชร์และอุปกรณ์ให้ผู้พิการและผู้ยากไร้ เติมกำลังใจให้ชีวิต

วันที่ 20 มีนาคม 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน จ.ลำพูน ลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ และอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ จำนวน 2 ราย ในพื้นที่ ต.บ้านกลาง และ ต.เหมืองง่า อ.เมือง จ.ลำพูน

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันในนามประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน จ. ลำพูน นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้พิการและผู้ยากไร้ ประกอบไปด้วย รถเข็นวีลแชร์ 2 คัน วอร์คเกอร์ช่วยเดิน 2 ชิ้น และ ไม้เท้าสามขา ช่วยพยุง 2 ชิ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มไทยสมายล์ (รถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้า) มามอบให้กับ ผู้สูงอายุและผู้พิการ ตามที่ได้รับการประสานจาก  น.ส.ศิริลักษณ์ ประศาสตร์อินทาระ แรงงานจังหวัดลำพูน  น.ส.พุทธชาติ อินทร์สวา จัดหางานจังหวัดลำพูน และ นายสมเกียรติ  เจษฎารมณ์  ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดลำพูน  จำนวน 2  ราย ได้แก่ นายติ๊บ สาวะธรรม อายุ 89 อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 59 ม.10 ต.บ้านกลาง อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน และนายรัตน์ ยะอนันต์ อายุ 62 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 99 ม.5 ต.เหมืองง่า อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง มีฐานะยากจน และประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ยากไร้ มามอบในครั้งนี้ เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมขวัญและกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ซึ่งมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือดังกล่าวมากกว่าบุคคลทั่วไป ทำให้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยกันจัดหาอุปกรณ์และสิ่งอำนวย ความสะดวกเป็นลำดับแรก

เชียงใหม่-คณะพยาบาลศาสตร์ มช. จัดกิจกรรม 'มหกรรมสุขภาพดี ประจำปี 2567'

เมื่อวันอังคารที่ 19 มีนาคม 2567 คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน จัดพิธีเปิดโครงการมหกรรมสุขภาพดี ประจำปี 2567 : การเฝ้าระวังสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากการทำงานของบุคลากรคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นประธาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรันธรณ์ จงรุ่งโรจน์สกุล ผู้ช่วยคณบดีในฐานะประธานคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน กล่าวรายงาน ณ ห้องศตวรรษที่ 21 อาคาร 2

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้อาจารย์และเจ้าหน้าที่ของคณะฯ ได้รับการตรวจคัดกรองสุขภาพตามความเสี่ยงของลักษณะงานที่ทำ ได้แก่ สมรรถภาพการมองเห็น สมรรถภาพการได้ยิน และสมรรถภาพทางกาย เพื่อเป็นการเฝ้าระวังสุขภาพจากการทำงาน ป้องกันการเกิดโรคหรือการบาดเจ็บที่เกี่ยวเนื่องจากการทำงาน นอกจากนี้ได้จัดกิจกรรมเสวนาให้ความรู้ด้านศาสตร์การแพทย์แผนไทยประยุกต์ในการดูแลสุขภาพ ประกอบด้วย การทำลูกประคบสมุนไพรเพื่อสุขภาพ การตอกเส้น การนวดจับเส้นเพื่อผ่อนคลายอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และการทำกัวซาเพื่อสุขภาพความงาม เป็นต้น

พิจิตร-อนุทิน มท.1 ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาบึงสีไฟพิจิตรเพื่อความพร้อมเตรียมการรับเสด็จ

ชาวจังหวัดพิจิตรสุดปลาบปลื้มปิติเร่งรัดพัฒนาบึงสีไฟเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีที่จะเสด็จเปิดสนามจักรยานสราญสุขมงคลจิต ซึ่งเป็นสนามจักรยาน BMX สนามจักรยานขาไถและสนามจักรยาน Pump Track และจะทรงปั่นจักรยานในพิธีเปิด 23 มีนาคม 2567 

วันที่ 20 มีนาคม 2567 ความคืบหน้าความพร้อมเพื่อเตรียมการรับเสด็จฯ ล่าสุดเมื่อวันวานที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะลงพื้นที่ จังหวัดพิจิตร เพื่อติดตามความพร้อมการเตรียมรับเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ที่จะเสด็จฯไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 ณ สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุขบึงสีไฟจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นชื่อสนามนามพระราชทาน

โดยการลงพื้นที่ติดตามความพร้อม การสร้างสนามจักรยาน BMX และสนามจักรยานขาไถและสนามจักรยาน Pump Track ในครั้งนี้พบว่าการก่อสร้างหรือการเตรียมความพร้อมต่างๆ ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์เกือบครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือแค่เพียงการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ให้สวยสมบูรณ์สมพระเกียรติเท่านั้นเองก็จะสมบูรณ์ครบถ้วนทุกอย่าง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้น้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นหลักในการส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่สู่การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของประชาชน 

สำหรับการพัฒนาบึงสีไฟที่ดำเนินการ โดย พ.ต.อ. กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ นายก อบจ.พิจิตร ที่เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก นายอดิเทพ กมลเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และส่วนราชการรวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งของพิจิตรที่ประสานพลังความร่วมมือกันดำเนินการจนสามารถพัฒนาบึงสีไฟให้เป็นสวนสาธารณะและสนามจักรยานดังกล่าวนี้อีกด้วย

ในการพัฒนาบึงสีไฟที่จะทำให้สวยสดงดงามอีกหน่วยงานหนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญให้เส้นทางจักรยานรอบบึงสีไฟระยะทาง 10.28 กม. คือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยในการนี้นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และผู้บริหาร ซึ่งได้ร่วมลงพื้นที่ติดตามงานการติดตั้งระบบแสงสว่างในฐานะที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) สังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้ดำเนินการติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างระยะทางจักรยานรอบบึงสีไฟ โดย PEA ดำเนินการปักเสาคอนกรีตอัดแรง ขนาด 8 เมตร จำนวน 609 ต้น และติดตั้ง Street Light LED 150 W จำนวน 609 ดวง ติดตั้งเสาโครงเหล็ก Solar Cell ขนาด 6 เมตร จำนวน 115 ต้น และเปลี่ยนโคม Solar Cell LED ขนาด 100 วัตต์ เป็น Street Light LED 150 W จำนวน 115 ดวง สามารถวัดค่าแสงสว่างได้ตามมาตรฐานการออกแบบการก่อสร้างทางจักรยานสำหรับประเทศไทย เพื่อให้ความสว่างแก่ประชาชนที่มาเยี่ยมชมความสวยงามของบึงสีไฟ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกาย ซึ่งบึงสีไฟเป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศและเป็นแหล่งเศรษฐกิจ แหล่งรายได้จากการทำประมงและค้าขาย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

สิทธิพจน์/พิจิตร/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top