Thursday, 2 May 2024
NEWS FEED

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จับมือกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ร่วมลงนาม MOU สนับสนุนอุปกรณ์การประกอบอาชีพ สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ในโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

วันนี้ (วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่องการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพ ระหว่าง กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวกับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับ นางจินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมี นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมด้วย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ และนางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เป็นผู้กล่าวรายงาน

ซึ่งมูลนิธิฯ ได้ให้การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพ แก่สตรีที่มีฐานะยากจนมีภาระหน้าที่ต้องดูแลบุคคลในครอบครัว สตรีที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและด้อยโอกาสทางสังคม สตรีที่ได้รับประกาศนียบัตรจากศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาสตรีและสถาบันครอบครัว สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพฯ รวมถึงการฝึกอาชีพในชุมชนและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องภายใต้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวฯ เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างชีวิต ให้กับสตรีผู้ยากไร้ ในโครงการ “ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี” เพื่อให้สตรีได้นำวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว  ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขความเข้มแข็งสู่ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยมี คณะกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยผู้บริหาร จากกรมกิจการสตรีและครอบครัว ร่วมในพิธี ณ ห้องประชุม ชั้น 2  อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

'ในหลวง - พระราชินี' ทรงเปิดประชุมรัฐสภา มีพระราชดำรัสให้ยึดถือประโยชน์ประเทศชาติ-ประชาชน

(3 ก.ค.66) เมื่อเวลา 17.26 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดประชุมรัฐสภา ณ ห้องประชุมอาคารรัฐสภา เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา และนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เฝ้าฯ รับเสด็จ

จากนั้น เสด็จเข้าห้องประชุมฯ เสด็จขึ้นบนเวที ทรงยืนหน้าพระราชอาสน์ มีพระราชดำรัสเปิดประชุมรัฐสภา ความว่า บัดนี้ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เสร็จสิ้นลง และมีการเรียกประชุมรัฐสภา พุทธศักราช 2566 แล้ว ข้าพเจ้าขอเปิดประชุมรัฐสภาตั้งแต่วาระนี้เป็นต้นไป ขอให้ท่านทั้งหลายผู้เป็นสมาชิกของสภาแห่งนี้ ได้ระลึกไว้เสมอว่า ท่านได้เป็นผู้ได้รับมอบหมายจากประชาชนให้มาเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ ในการใช้อำนาจนิติบัญญัติเพื่อดำเนินการปกครองและพิจารณาออกกฎหมายต่างๆ ให้รัฐบาลถือเป็นหลักในการบริหารราชการแผ่นดิน

ดังนั้น ประเทศชาติจะมีความเจริญเพียงไร ย่อมขึ้นอยู่สติปัญญา ความสามารถ และความสุจริตบริสุทธิ์ของท่านที่จะปฏิบัติหน้าที่ทั้งปวง โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด หากทุกท่านสำนึกตระหนักเช่นนี้อยู่เสมอก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้สำเร็จลุล่วงเป็นประโยชน์เป็นความเจริญมั่นคงของอาณาประชาราษฎร์และชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง

ขออำนวยพรให้การดำเนินงานของรัฐสภาเป็นไปโดยเรียบร้อย สำเร็จผลที่พึงประสงค์ทุกประการ ทั้งขอให้ทุกท่านมีความสุข ความเจริญทุกเมื่อไป

สาวมาเลฯ แชร์ประสบการณ์ใช้ถนนเมืองไทยเลี่ยงรถติด ชี้ สภาพถนนดีแถมใช้ฟรี ประหยัดน้ำมัน ย่นเวลาเดินทาง

(3 ก.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘World Forum ข่าวสารต่างประเทศ’ ได้เผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางกลับบ้านโดยใช้ถนนประเทศไทยเพื่อเลี่ยงรถติด โดยระบุว่า…

🚗 สาวมาเลเซีย 🇲🇾 รีวิวการกลับบ้านโดยใช้ถนนเพื่อนบ้าน ประเทศไทย หลบรถติดจากเมืองอลอร์สตาร์ รัฐเคดาห์ ไปยังสุไหงโก-ลก เข้าชายแดนกลันตัน ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองด่านทุเรียนบูรุง
การเดินทางไปชายแดนสุไหงโก-ลก รัฐกลันตัน ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาที จากชายแดนบ้านประกอบประเทศไทย 

เธอโพสต์ลงติ๊กต็อก ปัจจุบันมีคนเข้าชมมากกว่า 7 แสนคน เพราะใช้เวลาเดินทางไวกว่าเส้นทางปกติที่ต้องขึ้นภูเขาหลายลูก รถติด เธอยังรีวิวเส้นทางน่าสนใจ ขับง่าย มีของหลายอย่างขายตามข้างถนน เรื่องราวสื่อหลายสำนักในท้องถิ่นนำไปลงข่าวหลายสำนัก 

🚗โดยปกติผู้คนฝั่งเคดาห์ ผ่านประเทศไทย เข้ากลันตัน ด้วยเหตุผล 5 อย่าง (รีวิวผู้ใช้ก่อนหน้า) 
1.ใกล้กว่าเส้นทางปกติ 100 กม.
2.คุณภาพถนนไทย เหมือนทางหลวงมาเลเซียเสียเงิน
3.ระยะเวลาไวกว่า 2 ชม. หากเทศกาลอาจมากกว่า 
4.ถนนฟรี ไม่ต้องเสียเงิน 
5.ประหยัดน้ำมัน 50%

**หมายเหตุ 
-มีค่าผ่านแดน ตม. / ค่าประกันรถยนต์ 
-แต่รวมแล้วคุ้มกว่าเวลาปกติไวกว่า 2 ชม. หากเทศกาลในความเห็นบอก 12-24 ชม. ก็เคยมี

‘ประชาชน’ พร้อมใจปักหลักรอรับเสด็จในหลวง-พระราชินี ทรงเป็นประธานในพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ณ สัปปายะสภาสถาน

วันนี้ (3 ก.ค. 66) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดประชุมรัฐสภา ครั้งแรก ณ ห้องประชุมอาคารรัฐสภา ในเวลา 17.00 น. 

สำหรับบรรยากาศโดยรอบอาคารรัฐสภา สื่อมวลชนทยอยมารออยู่บริเวณรอบนอก ส่วนทางด้านหน้ามีประชาชนสวมเสื้อสีเหลืองทยอยจับจองพื้นที่เพื่อรอรับเสด็จ แม้ช่วง 10.15 น. จะมีฝนโปรยปรายลงมาบ้าง แต่ก็ยังคงปักหลักไม่ลุกหนีไปไหน

หนึ่งในประชาชนที่มารอรับเสด็จฯ ‘นายธีรพงษ์ กองฉันทะ’ เดินทางมาจากเชียงรายตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม หลังได้ทราบข่าวจากกลุ่มจิตอาสาภาคประชาชน ตั้งใจมารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

ในขณะที่ ‘นางดวงใจ ตั้งตระกูล’ เดินทางผ่าฝนมาจากเขตหนองจอก โดยได้พายเรือออกจากบ้านตั้งแต่ตี 3 ต่อรถ ต่อเรือ เพื่อมารอรับเสด็จฯ เช่นกัน โดยนางดวงใจกล่าวว่า “ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก ก็ไม่ถอย เพราะต้องการมาเป็นกำลังใจให้กับในหลวง ตนตื้นตันทุกครั้งที่ได้กล่าวคำว่าทรงพระเจริญ”

รมว.พิพัฒน์ เป็นประธานเปิดงานวันเกษตรและของดีอำเภอปลายพระยา ประจำปี 2566

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดงานวันเกษตรและของดีอำเภอปลายพระยา ประจำปี 2566 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และประชาสัมพันธ์ผลผลิตทางการเกษตรและของดีอำเภอปลายพระยา ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและเชิงวัฒนธรรมของอำเภอปลายพระยาให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย สร้างโอกาสให้เกษตรกรได้นำผลผลิต สินค้าเกษตร และผลิตภัณฑ์ชุมชนต่างๆ มาวางจำหน่าย เป็นการเสริมสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชน เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าทางการเกษตร และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยมี นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการ อพท. , นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายสุรัตน์ จรณโยธิน  ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และหน่วยงานพันธมิตรเข้าร่วม ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่

รมว.พิพัฒน์ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ ทำให้ทราบถึงการบูรณาการของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อมุ่งมั่นและมีเจตนคติที่ดีต่อการพัฒนาความอยู่ดี กินดีของประชาชนอำเภอปลายพระยา ในการส่งเสริมอาชีพทางการเกษตรให้มีคุณภาพ และประชาสัมพันธ์ผลผลิตทางการเกษตร และของดีอำเภอปลายพระยา ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย สร้างโอกาสให้เกษตรกรได้นำผลผลิตสินค้าเกษตร และผลิตภัณฑ์ชุมชนต่างๆ มาวางจำหน่าย เสริมสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชน เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าทางการเกษตร และกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน และเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและเชิงวัฒนธรรมของอำเภอปลายพระยา อันสะท้อนให้เห็นถึงความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่นของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดียิ่ง

สำหรับการจัดงานครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตร โดยเฉพาะปาล์มน้ำมัน ทุเรียน และผลไม้อื่นๆ ของอำเภอปลายพระยา อีกทั้ง ในงานมีกิจกรรมหลากหลายทั้งด้านวิชาการและการบันเทิง ซึ่งเกิดจากการบูรณาการของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้ของดีอำเภอปลายพระยาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้ร่วมงานและประชาชนทั่วไป

ซึ่งก่อนหน้านี้ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาและคณะได้เดินทางไปเยี่ยมชมไร่กาแฟภูตะวัน ซึ่งมีกาแฟสายพันธ์โรบัสต้า เป็นสายพันธุ์ที่เกษตรกรชาวสวนกาแฟนิยมปลูก เนื่องจากให้ผลผลิตดี มีรสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอมกรุ่น ฉบับกาแฟสายพันธุ์ใต้ นิยมปลูกมากในแถบ อ.คลองท่อม อ.ลำทับ และ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่

จากนั้นคณะเดินทางไปที่สวนทุเรียนแปลงใหญ่บ้านทะเลหอย หมู่ที่ 10 บ้านทะเลหอย เพื่อเยี่ยมชม “สวนทุเรียนทะเลหอย” “สวนทุเรียนไทรงาม” ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดกระบี่ 

ก.แรงงาน ติวเข้มเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หวังไทยขยับเทียร์ 1

วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.30 น. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ 

นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงานและโฆษกกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีกล่าวเปิดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับปี พ.ศ.2565) รุ่นที่ 6 (พนักงานเจ้าหน้าที่รุ่นที่ 65) ซึ่งฝึกอบรมระหว่างวันที่ 3 - 8 กรกฎาคม 2566 โดยมี นางสาวโสภณา บุญ-หลง ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การฝึกอบรม ณ ห้องแกรนด์พาโนรามา ชั้น 14 โรงแรม ดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร  

นายวรรณรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานสำคัญและเป็นหน่วยงานหลักในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปี ด้านความมั่นคง โดยรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพหลักในการป้องกันการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ในการยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองดูแลและป้องกันไม่ให้แรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กำหนดนโยบายกระทรวงแรงงาน “MOL พลิกโฉมตลาดแรงงานไทย” ได้กำหนดให้ “เร่งรัดการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและป้องกันการค้ามนุษย์ เพื่อมุ่งสู่การเป็น Tier 1” และได้มอบหมายให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคนำมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) ในการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการบังคับใช้แรงงาน และการนำแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติฯ (NRM) นำไปใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบังคับใช้แรงงานหรือบริการและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ซึ่งการปฏิบัติงานดังกล่าว มีความจำเป็นที่จะต้องมีการเพิ่มศักยภาพด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ให้แก่เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทีมสหวิชาชีพ ให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงาน และได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น    

นายวรรณรัตน์ กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงาน พร้อมที่จะร่วมผนึกกำลังกับทีมสหวิชาชีพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ในการยกระดับการขับเคลื่อนการต่อต้านการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และการค้ามนุษย์ในประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำของสหรัฐฯ และได้รับการจัดอันดับในรายงานการค้ามนุษย์ให้อยู่ในระดับ Tier 1 ต่อไป

พล.เอก เสริมศักดิ์ ประธานมอบรางวัล คนดีศรีแผ่นดิน แห่งชาติปี 2566 ผอ.ฟ้า รับ 2 รางวัล

วันนี้ 2 ก.ค.  2566 เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมอมารีดอนเมืองแอร์พอร์ต  ห้องดอนเมืองบอลรูม ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ 

พล.อ.เสริมศักดิ์ วิเศษไชยศรี อดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม นายกสมาคมธุรกิจอาเซียน เป็นประธานพิธีประกาศเกียรติคุณ คนดีของแผ่นดินเดินตามรอยพระยุคลบาท ครั้งที่ 12 พ.ศ.2566 รางวัล ญาณสังวร 'คนดีศรีแผ่นดิน' 

โดยมี ดร.อำนาจ หมัดสดาย ประธานสมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (สว.นท)ร่วมแจกรางวัล วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรณรงค์และส่งเสริมให้เกิดการทำดีในสังคมอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นขวัญกำลังใจและยกย่องบุคคลที่ทำความดีจากหลากหลายสาขาอาชีพทั่วประเทศ ทั้งข้าราชการ พระภิกษุ นักธุรกิจ ประชาชนทั่วไปตลอดจนเด็กเยาวชนเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีต่อบุคคลและวงศ์ตระกูลสืบต่อไป

ในงานนี้  ทาง ผอ.ฟ้า พรทิพา สุพัฒนุกูล เจ้าของสถานีทีวีดาวเทียมจานดำช่อง 160 สายบุญ ได้เข้ารับ 2 รางวัล ด้วยกันประกอบด้วย 1.รางวัลแห่งแผ่นดิน 'ปรัชญานิยม' สาขาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อศาสนาและสังคมดีเด่น บุคคลตัวอย่าง 2.รางวัล 'อัครบุคคลไทย' สาขาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อศาสนาและสังคมดีเด่น พร้อมด้วยพระครูกิตติปทุมากร เจ้าคณะตำบลหนองเสือ เจ้าอาวาสวัดป่าคลอง 11 

นอกจากนั้นแล้วยังมี ดร.ประชา เทศพานิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วีชายน์ เทเลคอม จำกัด ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ดาวเทียมในประเทศ และต่างประเทศ พร้อม คุณ อุรารัตน์ ไชยรังษี คุณเล็ก ภรรยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท วีชายน์ เทเลคอม จำกัด ร่วมรับรางวัลในครั้งนี้อีกด้วย

ดร.อำนาจ กล่าวว่า การจัดงานนี้ก็จัดมาอย่างต่อเนื่อง แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเป้าหมายที่เรามุ่งมั่นในการที่จะส่งเสริมบุคคลและส่งเสริมสังคมที่เป็นแบบอย่างและเป็นผู้นำที่ดี และประชาสัมพันธ์ได้ดีมีแรงขับเคลื่อนพัฒนาสังคมและประเทศชาติ 

สำหรับการให้รางวัลแก่บุคคลหลากหลายอาชีพ ทั้งบุคคลมีความรู้ความสามารถประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้วหลายท่านก็ยังทำคุณประโยชน์ต่อสังคม รวมไปถึงในส่วนของการส่งเสริมธุระกิจและเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีพี่น้องชาวกัมพูชาและประเทศลาว เพื่อนบ้านมารับรางวัลนี้หลายท่าน เป็นการรณรงค์ในการทำดีและเพื่อเป็นกำลังใจในทุกด้านที่ทำดีและเป็นตัวอย่างที่ดี ให้ประสบความสำเร็จ 

การที่จะมาถึงจุดนี้ได้ก็ต้องมีการบริหารการจัดการที่ดี อย่างน้อยก็ต้องมีหลักศีลธรรมคุณธรรมหลักธรรมภิบาลในการบริหารจัดการ สมควรที่จะเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นใหม่และบางคนที่อาจจะท้อแท้ จะได้มีกำลังใจว่าอาจจะมีบางคนที่เขาเล็งเห็นและให้กำลังใจอยู่

ด้าน ผอ.ฟ้า กล่าวว่า จริงๆแล้ววันนี้ก็เหมือนทุกครั้งที่บอกว่าภูมิใจ เพราะว่าท่าน ดร.ท่านทำจริง เพราะว่าเวลาที่แจกรางวัลเสร็จแล้ว ก็จะมีการแจกผ้าห่มลงพื้นที่ในการที่จะส่งตัวแทนหรือไปเองบ้าง ก็ถือว่าบุญที่ยิ่งใหญ่ที่เราเองได้เป็นสะพานบุญที่มาร่วม ก็ถือว่าเป็นโครงการที่น่าสนับสนุน จริงๆท่าน ดร.อำนาจท่านทำรางวัลนานมากแล้ว ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่16 แต่ว่ามีเยอะหลายองค์กร 233 องค์กร ที่เป็นมูลนิธิและชมรมต่างๆ 

สิ่งที่สำคัญที่สุดท่าน ดร.ท่านจะเก่งหลายด้านโดยเฉพาะสายบุญในด้านธรรมะธัมโม ถ้าท่านไม่ได้อยู่ในงานท่านก็จะใส่แต่ชุดขาว เหมือนกับคุณประชาและก็คุณเล็ก มีความรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ถ้าบังเกิดว่าเราไม่ได้สร้างบุญหรือว่าอดีตชาติไม่ได้สร้างบุญกันสิ่งเหล่านี้ก็จะไม่เกิด 

ถือว่าบุคคลที่อยู่ตรงนี้เป็นคนที่ปฏิบัติโดยเฉพาะคนที่อยู่ในศีล ผอ.ฟ้าก็ดีใจในการที่ได้สนับสนุนท่าน ดร. และท่านดร.ก็เป็นท่านหนึ่งที่อยู่ในการคร่ำหวอดของวงการในประเทศไทยที่มีชื่อเสียง 

คุณ ประชา  และ คุณเล็กภรรยา กล่าวว่า ตนมาร่วมงานวันนี้ก็เป็นงานที่ทรงเกียรติ เป็นงานที่เราภาคภูมิใจ และเป็นการชื่นชมบุคคลตัวอย่าง บุคคลที่มีคุณสมบัติที่ควรจะยกย่องเชิดชูและให้กำลังใจกับหลายๆหน่วยงาน หลายๆบุคคล หลายๆองค์กร งานนี้ถือว่าจัดแล้วเกิดประโยชน์สร้างสรรค์สังคม และให้กำลังใจกับคนในสังคม และเป็นการเฟ้นหาคนดีแบบอย่างให้กับคนในสังคม และให้กับทั้งผู้ใหญ่ เด็กและเยาวชนให้เห็นแบบอย่างที่ดีว่าในสังคมไทยก็ยังมีคนที่เป็นต้นแบบเป็นแบบอย่างทำคงามดีความงาม ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ

ขอกราบขอบคุณท่าน ดร.อำนาจ และ ผอ.ฟ้า ที่ให้มีกิจกรรมดีๆแบบนี้ขึ้นมา ช่วยส่งเสริมและให้กำลังใจกับคนที่ทำดีในสังคม และตอนนี้คนก็จะได้เห็นว่าการทำดีก็ได้ดี และเป็นขวัญและกำลังใจให้คนที่ทำดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

‘กัญจนา ศิลปอาชา’ ช่วยปันทุนทรัพย์ พา ‘พลายศักดิ์สุรินทร์’ กลับบ้าน

(3 ก.ค.66) จากเฟซบุ๊ก 'เรารักสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธรฯ สยามบรมราชกุมารี' ได้โพสต์ข้อความเชิดชู คุณหนูนา-กัญจนา ศิลปอาชา ระบุว่า...

ผู้หญิงคนนี้หัวใจเธอคือที่สุดในเรื่องสัตว์จริงๆ ค่ะ 

สละทรัพย์สินส่วนตัวเยอะมากกกกกก มากกกกก มากกกกกกก เพื่อนำ #พลายศักดิ์สุรินทร์ กลับมาติภูมิ 

แม้จะมีหลากหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือร่วมกัน แต่คีย์แมนคนสำคัญของเรื่องนี้คือ คุณหนูนา กาญจนา ศิลปอาชา จริๆ ค่ะ 

'พลายศักดิ์สุรินทร์' หรือ 'บิลลี่' คืนสู่มาตุภูมิหลังทุกข์ทรมานนานกว่าสองทศวรรษในศรีลังกาจนขาแข้งงอไม่ได้ การขนย้ายใช้เครื่องบินชนิดพิเศษ ใส่กรงพิเศษ ส่งควาญช้างที่เก่งระดับประเทศไปปรับสภาพจิตใจกับช้างที่ศรีลังกา ก่อนนำมาเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจที่ลำปาง

คุณหนูนาออกเงินและทองคำหลายกิโล แลกมาเป็นพุทธบูชา

เธอรักสัตว์มากเหลือเกินค่ะ มีหลายร้อย หลายพันเคสมาก ๆ ที่คุณหนูนาเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งเป็นข่าวและไม่เป็นข่าว อย่างกรณีเสือโคร่งของกลาง ที่รวมๆ กันอยู่ที่ สวนสัตว์บึงฉวาก จังหวัดสุพรรณบุรี หลายสิบตัวไปแล้ว 

กินอาหารแต่ละมื้อ แต่ละวันค่าดูแลโหดมาก แต่สวนสัตว์เก็บค่าเข้าคนละ 20 หรือ 50 บาทนี่แหละ -“- ไปเที่ยวกันเยอะๆ นะคะ 😅🙏 

พวกหมาพิการจรจัด ช้างป่า หลายๆ ตัวคุณหนูนาก็อุปถัมภ์ 

ขอบพระคุณนางฟ้าคนสวยนะคะ

พ่อเจ้าสาว กล่าวสุนทรพจน์สุดซึ้ง  ทำคนทั้งงาน น้ำตาไหล จนกลายเป็นไวรัลบน TikTok

วันหนึ่งถ้าเปลี่ยนใจ ไม่รักลูกสาวของพ่อแล้ว ขออย่าทำร้ายเธอเลยนะ แค่พาเธอกลับมาหาพ่อ มาคืนให้พ่อก็พอ 

นี่คือเหตุการณ์จริงที่พึ่งจะเกิดขึ้นไปเมื่อไม่นานมานี้ ที่ประเทศสิงคโปร์ 

คุณพ่อรายหนึ่งในประเทศสิงคโปร์ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่น่าประทับใจ จนกลายเป็นไวรัลบน TikTok คำพูดของเขาทำเอาทั้งเจ้าสาวและเจ้าบ่าว และแม้แต่แขกที่มาร่วมงานยังน้ำตาซึม

คลิปเผยให้เห็นภาพคุณพ่อพาเธอเดินมาตามทางเดินเพื่อส่งตัวให้กับเจ้าบ่าว เมื่อไปถึงเจ้าบ่าว พ่อของเธอก็เริ่มกล่าวสุนทรพจน์ว่า

"ผมส่งลูกสาวที่มีค่าของผมไปให้คุณแล้ว ผมรู้ว่าคุณรักลูกสาวของผมมาก ผมจึงอยากให้คุณรักเธอ ดูแลเธอ ให้ความสำคัญกับเธอเสมอ ไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์ใด ขอให้รักลูกสาวผมตลอดไป ขอให้มีแต่ความสุข สุขภาพแข็งแรง ขอให้ทุกอย่างสมหวังดั่งที่ต้องการ ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง"

อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ทำเอาคนทั้งงานน้ำตาไหลไปตามๆ กัน เมื่อคุณพ่อของเจ้าสาว กล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า "ถ้าหากวันไหนคุณไม่รักลูกสาวของผมแล้ว ได้โปรดอย่าทำร้ายเธอ แค่พาเธอกลับมาคืนให้ผม"

ซึ่งเจ้าบ่าวตอบรับทั้งน้ำตาว่า "ตกลงครับ มันจะไม่เกิดขึ้น" คุณพ่อจึงตกลงประกาศว่า "โอเค ลูกสาวที่ล้ำค่าของผมเป็นของคุณแล้ว"

เจ้าบ่าวกล่าวว่า "ขอบคุณครับพ่อ" ก่อนที่จะร้องไห้โฮเข้าไปกอดคุณพ่อเจ้าสาวที่จังหวะนั้นก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ขณะที่แขกที่อยู่ในงานต่างพากันร้องไห้น้ำตาไหลตาม

‘อาจารย์นพนันท์’ ผู้เชี่ยวชาญชื่อดัง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ไม่ว่าจะมีความเชื่อทางการเมืองอย่างไร ให้คนไทยรักษาเทิดทูนชาติของเราไว้  

อาจารย์นพนันท์ อรุณวงศ์ ณ อยุธยา อาจารย์มหาวิทยาลัยจิงเม่า หรือ University of International Business and Economics (UIBE) ที่ประเทศจีน โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึง กรณีความเชื่อทางการเมือง โดยได้ระบุว่า ...

ช่วงกรณีพิพาทเขาพระวิหารเมื่อสิบกว่าปีก่อน ไทยกับเขมรรบกัน คนไทยบางส่วนกลับเชียร์เขมร เพียงเพราะเกลียดทหารไทยจากการเมืองไทย
ปัจจุบัน วอลเลย์บอลไทยแข่งกับต่างชาติ คนไทยส่วนหนึ่งเชียร์ต่างชาติ สะใจที่ไทยพ่ายแพ้ เพียงเพราะเกลียดนักวอลเลย์บอลจากการเมืองไทย

การเมืองเป็นเรื่องของความเชื่อ เดี๋ยวก็มา เดี๋ยวก็ไป เดี๋ยวก็แปรเปลี่ยน เพราะผูกยึดกับตัวบุคคล
แต่ชาติไทยไม่ใช่การเมือง ไม่ใช่ตัวบุคคล
ชาติไทยจะต้องดำรงอยู่ต่อไปอย่างน้อยตราบชั่วชีวิตของเรา ในฐานะที่เราเป็นคนไทยซึ่งมีหน้าที่โดยกำเนิดที่จะต้องรักษาเทิดทูนชาติของเรา ไม่ว่าเราจะมีความเชื่อทางการเมืองอย่างไรก็ตาม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top