Tuesday, 13 May 2025
NEWS FEED

‘สาว’ โพสต์คลิปขณะกำลังซื้อ ‘ชาไทย’ รถเข็นแยกอโศก ช็อก!! แก้วละ 100 บาท ด้านชาวเน็ตโอดโดนเหมือนกัน

(14 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดคลิปไวรัลในโซเชียล ผู้ใช้ติ๊กต็อก @natty.waya โพสต์คลิปวิดีโอขณะซื้อชาไทยแก้วละ 100 บาท กับลุงที่กำลังชงชา ตามรถเข็นขายน้ำ กลางสี่แยกอโศก โดยระบุว่าข้อความว่า…

“ชานมข้างทาง แก้วละ 100 อืมมม #พูดไม่ออก #รสชาติ #เฮ้ยยยยยย #sukumvit #bangkokthailand”

พร้อมถามชาวเน็ตว่า “แก้วละร้อย แยกอโศก ทุกคนว่าไง” จนทำให้มีคนเข้าแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

โดยส่วนใหญ่ต่างบอกว่า… 

‘เคยไปซื้อเหมือนกัน 100 บาท แบบห๊ะอยู่ 2 รอบ สำคัญคือชาเย็นหวานล้วน TT' เศร้าสุด 60 ยังว่าแพงเลย’

‘ร้านเดียวกันเลยครับ คือเอาจริง ๆ ไม่คิดว่าราคามันจะแพงขนาดนั้น ตอนนั้นคืออยากกินอะไรหวานมาก ๆ พอเจอราคานี้ไปก็แอบอึ้ง แต่ก็ผิดเองที่ไม่ได้ถามราคาก่อน คิดว่าราคาปกติทั่วไป’

‘ค่าเช่าที่แพงอาจจะต่างชาติชงด้วยส่วนนึง’

‘ราคากรี๊ดมาก เคยซื้อแถวแบบเซ็นทรัลชิดลม หลังสวน เพลินจิต แก้วละ 25-30 บาท’

ร.อ.ศิรส ฉายโอภาส (ซูม) นายทหารหนุ่มเลือดใหม่แห่งกองทัพอากาศ

​“ความมานะพยายามไม่เคยทำให้ใครต้องผิดหวัง” เหมือนนายทหารอากาศหนุ่มผู้นี้ “น้องซูม-ร.อ.ศิรส ฉายโอภาส” วัย 32 ปี ผู้มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็น “รั้วของชาติ” มาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะมีแรงบันดาลใจจากการศึกษาที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย (รุ่นที่ 81) ซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วนและเป็นสถาบันที่ปลูกฝังเรื่องระเบียบวินัยและความเป็นสุภาพบุรุษ อีกทั้งรุ่นพี่และคุณพ่อรุ่นพี่เป็นทหารกันหลายคนด้วย จึงมองว่าการเป็นทหารน่าจะตอบโจทย์กับการที่ผมถูกฝึกแบบสไตล์ทหารแต่ทว่าโอกาสยังมาไม่ถึง หลังจากที่พลาดการสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว 

เขาจึงตัดสินใจเบนเข็มสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยสอบติดที่คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา (การวิจัยทางสังคม) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

​น้องซูม เปิดเผยว่า ระหว่างนั้นได้หาประสบการณ์จากการทำงานที่หลากหลาย อาทิ บริษัทเอเยนซี่ และ ธนาคาร จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่คณะบริหารธุรกิจ (การตลาด) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ช่วงนั้นทางผมและครอบครัวได้ช่วยกันหาข้อมูลว่า มีสอบคัดเลือกเป็นข้าราชการที่ไหนบ้าง ซึ่งเป้าหมายไม่เน้นที่ทหาร แต่เป็นอะไรก็ได้ ขอให้เป็นข้าราชการ เนื่องจากทุกคนมีความคิดเห็นตรงกันว่า เป็นอาชีพมั่นคงและมีสวัสดิการดี สามารถดูแลพ่อแม่และครอบครัวได้ แต่ด้วยความบังเอิญที่การสอบคัดเลือกราชการที่เราเจอคือ กองทัพบก เขาประกาศรับและสอบเลย จึงไม่ทันได้เตรียมตัวดีเท่าที่ควร ก็อกหักตามระเบียบ แต่ก็ทำให้ปลุกจิตวิญญาณการอยากเป็นทหารขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ต่อมากองทัพอากาศเปิดรับสมัคร คราวนี้มีเวลามากขึ้นจึงไปสมัครเรียนที่โรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง สุดท้ายสมหวังดั่งตั้งใจได้เข้าไปทำงานเป็นทหารรับใช้ชาติในสังกัดกรมยุทธศึกษาทหารอากาศ และ กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในตำแหน่งนายทหารสื่อสารมวลชน แผนกสื่อสารมวลชน กองประชาสัมพันธ์ สำนักกิจการพลเรือนและประชาสัมพันธ์ตามลำดับโดยได้ทำงานที่ใจรักเรื่อยมาถึงปัจจุบันก้าวเข้าสู่ปีที่ 7  

​น้องซูม กล่าวว่า จากการทำงานเป็นทหารอากาศนั้น ได้ใช้ความรู้ความวสามารถที่มีอยู่ โดยมีหน้าที่คือ การรวบรวมข้อมูล ตรวจสอบข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับกองทัพอากาศ บุคคลในกองทัพอากาศ หรือที่เห็นควร จัดทำข่าวสาร บทความ คำชี้แจง ดำเนินการประสานงาน ชี้แจงข้อเท็จจริง ให้คำแนะนำ อำนวยความสะดวกสื่อมวลชนร่วมทำข่าวกิจการของกองทัพอากาศ กำกับและดูแล ในกรณีรับส่งบุคคลสำคัญ ณ ท่าอากาศยานทหาร รวมทั้งการจัดอีเว้นท์ออกไปช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ ซึ่งเราเข้าใจความรู้สึกของเขานะ เพราะตัวเราคิดอยู่เสมอว่า เราเป็นทั้งทหารที่ต้องให้ความช่วยเหลือประชาชน และเป็นทั้งประชาชนที่รู้ว่า มีความคาดหวังอยากให้ทหารช่วยเหลือเรื่องอะไรบ้าง ทำให้การสื่อสารออกไปได้ง่าย เขาเข้าใจทหาร

​“สำหรับความประทับใจในอาชีพทหารคือ เป็นหนึ่งในอาชีพที่มีเกียรติ ประชาชนให้การยอมรับ เพราะทุกครั้งที่มีเรื่องเดือดร้อนอะไร ทหารจะเป็นหน่วยงานและที่พึ่งแรก ๆ ที่เข้าไปถึงและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ส่วนในหลักการทำงานนั้น คุณพ่อสุนทร ฉายโอภาส จะสอนลูกอยู่เสมอว่า เวลาได้รับผิดชอบให้ทำงานอะไรไม่มีคำว่าเดี๋ยว ต้องลงมือทำทันที อย่าทำตัวเป็นดินพอกหางหมู ทั้งนี้เราจะได้มีเวลาทำงานมากขึ้นและรู้ว่าปัญหาอุปสรรคมีอะไรบ้าง ข้อดีข้อเสียเป็นอย่างไร แล้วรีบนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นก่อนที่จะส่งหรือนำเสนอผลงาน”

น้องซูมได้พูดถึงเป้าหมายในชีวิตว่า จะมีการวางแผนชีวิตการทำงาน หากเราอายุในช่วงนี้ควรจะทำอะไรเพื่อพัฒนาศักยภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มในตำแหน่งและหน้าที่การงานให้กับตนเอง โดยเฉพาะความรู้ทางด้านกองทัพอากาศ เคยผ่านหลักสูตรการอบรม อาทิ หลักสูตรนายทหารชั้นผู้บังคับหมวด รุ่นที่ 78, หลักสูตรนายทหารประชาสัมพันธ์ รุ่น 37 โรงเรียนกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหารบก, หลักสูตรพัฒนาการสื่อสารยุคดิจิทัล รุ่นที่ 7 สถาบันการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ และ หลักสูตรนายทหารกิจการพลเรือนและประชาสัมพันธ์ รุ่นที่ 7 กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ทั้งนี้เราต้องเตรียมความตัวและตื่นตัวอยู่ตัวเวลา พร้อมที่จะรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายอย่างสุดความสามารถ ตอนนี้ผมสมัครเข้าเรียนโรงเรียนนายทหารชั้นผู้บังคับฝูง (ระดับนายพัน) และเรียนต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงโรงเรียนเสนาธิการทหาร

​“สิ่งอยากจะฝากกับน้อง ๆ ที่สนใจอยากจะเป็นทหารคือ ให้วางแผนและเตรียมความพร้อมไว้เนิ่น ๆ เอาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ๆ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เวลาไม่เคยรอใคร  ให้เลือกโรงเรียนทหารที่อยากจะสอบเข้าซึ่งมีหลายแห่ง อาจมีที่สำรองไว้เผื่อกันพลาด สำหรับมุมมองต่อคนรุ่นใหม่นั้นเก่งกว่าคนรุ่นก่อน ๆเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีและความคิดความอ่านแบบก้าวกระโดด ปรับตัวได้ดี อยากเรียนอยากรู้อะไรในอินเทอร์เน็ตมีให้ค้นหาหมด ผมอยากให้รุ่นใหม่ได้นำความรู้มาใช้อย่างสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าครับ”

จากมุมมองและวิสัยทัศน์ของนายทหารหนุ่มผู้นี้สะท้อนให้เห็น่วา อนาคตไกลเป็นดาวประดับวงการทหารอากาศอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน!!

'พงศ์พรหม' ชี้!! สถานการณ์ 'ห้าง-คอมมูนิตี้มอลล์' โซนดัง น่าห่วง 'พื้นที่ปล่อยเช่าไม่ปัง-ร้านค้าเปลี่ยนรายถี่-ยอดจองออฟฟิศหด'

(14 มิ.ย. 67) นายพงศ์พรหม ยามะรัต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Pongprom Yamarat' ระบุว่า...

สังเกตว่าปีนี้ไปเดินตามห้าง หรือ Community Mall เห็นสัญญาณไม่ดี 2 อย่าง...

1. Community Mall จะกลาง CBD หรือใกล้หมู่บ้านชานเมือง คนเดินน้อย ร้านปิดเยอะ

2. ร้านค้าในห้างเปลี่ยนผู้เช่าถี่ขึ้น จะเห็นได้ตามห้างจะเป็นไม้อัดตีผนังทาสีสวย ๆ รอเปลี่ยนผู้เช่าอย่างหนาตา

เพื่อนที่ทำอสังหาฯ มาเล่าให้ฟัง 4 เคส...

>> เคสแรกโครงการใหญ่ Developer ระดับประเทศ เปิดแล้วไม่ปังเหมือนเคย เพราะ Demand หด...ผู้เช่าใช้วิธีคือ เจรจาให้ยึดมัดจำ และยอมเสียค่าเช่าล่วงหน้าไปเลย แต่ขอไม่เข้าไปตกแต่ง เพราะบอกว่าเข้าไปแต่งก็ไม่คุ้ม กระแสเงินสดยิ่งขาด

>> อีกเจ้าทำเล Prime มาก แต่เปิดมาแล้วคนเดินน้อย ยอดซื้อแทบไม่มี ก็ใช้วิธียอมเปิดไปก่อน แต่หั่นคน หั่นการให้บริการ เปิดไปทั้ง ๆ ที่ขาดทุน แต่ลดการขาดทุนลง และเดาว่าอาจไม่ไหวภายในปลายปีนี้

>> ร้านกาแฟที่เปิดภายใน 3 ปีที่ผ่านมา เจ๊งไปแล้วกว่า 40% (ใครมีข้อมูลรบกวนแบ่งปันหน่อยครับ)

>> สุดท้ายคือ อาคารสำนักงานให้เช่าที่เปิดใหม่ ๆ ตอนนี้ยอดจองอย่างมากก็ 60% ต้องออกโปรหนัก และซื้อทีมขายในราคาสูงลิ่ว

4 ตัวอย่างนี้ Prime Location หมด

'ตำรวจ' บุกทลายเครือข่ายนายทุนเวียดนาม ขาย ‘8 นมผงชื่อดัง’ ด้วยสรรพคุณเกินจริง

เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายนายทุนชาวเวียดนาม โฆษณาขายนมผง อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง พร้อมจับกุมแรงงานต่างด้าว 6 ราย พร้อมของกลาง 41 รายการ รวมกว่า 20,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 18,000,000 บาท

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ปัจจุบันค่านิยมผู้บริโภคได้สนใจสุขภาพมากขึ้น ผลิตภัณฑ์สุขภาพจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของการดูแลสุขภาพ จึงทำให้ปัญหาการแพร่ระบาดของผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีการลักลอบนำเข้า, ผลิตภัณฑ์สุขภาพปลอมที่ด้อยคุณภาพในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

โดยเมื่อประมาณเดือน พ.ย.2566 กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ร่วมกับ อย. ได้กวาดล้างเครือข่ายกลุ่มผู้กระทำความผิดชาวเวียดนามที่โฆษณาสรรพคุณนมผงเกินจริง และมีมาตรการเฝ้าระวังการขายผลิตภัณฑ์สุขภาพในลักษณะเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่น...

การอวดอ้างสรรพคุณในการรักษาโรคและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางร่างกายในระยะเวลาสั้นๆ แอบอ้างใช้ภาพ-ชื่อบุคลากรทางการแพทย์ บุคคลที่มีชื่อเสียง นำมาตัดต่อ สร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่สินค้าอ้างว่าผลิตภัณฑ์มีผลวิจัยจากต่างประเทศรองรับ ฯลฯ แล้วขายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบมาตรฐาน โดยเมื่อผู้บริโภคหลงเชื่อซื้อสินค้า ปรากฏว่าสินค้าไม่ได้คุณภาพ ไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง บางรายเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ และไม่สามารถขอคืนเงินได้

ต่อมา กก.4 บก.ปคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก อย. จึงได้ทำการสืบสวนพบมีเว็บไซต์ที่มีการตัดต่อภาพ วิดีโอเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ และปรากฏมีการโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นวงกว้าง มีเนื้อหาที่มีการบรรยายสรรพคุณผลิตภัณฑ์อาหารอันเป็นเท็จ จำนวน 11 เว็บไซต์ ได้แก่...

1. https://enzosureth.com/
2. www.enzosure-official.com
3.https://www.youtube.com/channel/UCU4NSuv7whiL6BzP68JCwvg
4. https://www.sicasure.asia/
5. https://www.faligold-thailand.com/oder
6. https://www.faligold.store/diabetes1
7. https://www.faligold.store/sakit-lutut
8. https://www.amesure.asia/
9.https://www.mirakidsthai.store/searchwuang
10.https://www.matticare.com/
11.https://www.hiup-thailand.asia/

จากการตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว พบว่า มีการโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับผู้มีภาวะโรคที่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ผู้สูงอายุ และเด็ก โดยโอ้อวดสรรพคุณนมที่เกินจริง เช่น เมื่อบริโภคผลิตภัณฑ์แล้ว ส่งผลให้ลดระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับคงที่ กระตุ้นการทำงานของอินซูลิน ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายมากกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ 26 เท่า เสริมสมรรถภาพทางเพศ 

โดยมีการกล่าวอ้างว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง จาก FDA (องค์การอาหารและยา) สหรัฐอเมริกา นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา และขายดีเป็นอันดับ 1 ในประเทศนิวซีแลนด์ ฯลฯ ซึ่งผลิตภัณฑ์นมผงยี่ห้อ ENZO SURE และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมผงดังกล่าว อย. ได้มีประกาศผ่านสื่อออนไลน์ ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. และโฆษณาสรรพคุณที่เกินจริง

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนทราบถึงแหล่งจัดเก็บ และกระจายสินค้า โดยเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ อย. นำหมายค้นของศาลเข้าตรวจค้น โกดังเก็บสินค้า ในพื้นที่ ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ตรวจยึดผลิตภัณฑ์อาหาร, ยา และบรรจุภัณฑ์อื่นๆ รวมจำนวน 41 รายการ จำนวนกว่า 20,000 ชิ้น โดยเป็นผลิตภัณฑ์นมผง ยี่ห้อต่างๆ 12,625 กระปุก, ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับเด็ก 1,776 ชิ้น, วิตามินที่ไม่มีเลขสารบบอาหาร 95 ชิ้น, ยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา 3,660 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 18 ล้านบาท พร้อมจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติลาว และสัญชาติเมียนมา รวม 6 ราย

สำหรับ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ตรวจยึดเป็นนมผงยี่ห้อต่างๆ และยา รวม 8 ยี่ห้อ ได้แก่...

- ผลิตภัณฑ์ FALIGOLD อ้างสรรพคุณ ช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

- ผลิตภัณฑ์ Amesure Diabest Nut Milk อ้างสรรพคุณ หลังรับประทาน 40 วัน ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ถึง 70 -90 มก. ลดอาการชาแขนขา ตาพร่ามัว และปวดตา

- ผลิตภัณฑ์ Faligold Canxi อ้างสรรพคุณ ต้านการอักเสบ ลดอาการปวดกระดูกและข้อ เพิ่มความสามารถในการฟื้นตัวจากกล้ามเนื้อที่เสียหาย

- ผลิตภัณฑ์ Colostrum Mirakids อ้างสรรพคุณ ช่วยให้เด็ก เพิ่มการดูดซึม เพิ่มน้ำหนักสม่ำเสมอตามมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์ เสริมสร้างภูมิต้านทาน พัฒนาสมอง สติปัญญา และความคล่องตัว

- ผลิตภัณฑ์ Matti Mum อ้างสรรพคุณปรับปรุงการทำงานของต่อมน้ำนม กระตุ้นให้มีน้ำนมมากขึ้นหลังผ่านไป 24 ชม.

- ผลิตภัณฑ์ Sica SURE canxi wemee อ้างสรรพคุณ ช่วยให้เด็กสูงขึ้น 3 – 5 เซนติเมตร ภายใน 3 เดือน เสริมสมอง เพิ่มภูมิต้านทาน

- ผลิตภัณฑ์ HIUP – นมเพิ่มความสูง อ้างสรรพคุณ เพิ่มความสูง 3-5 ซม. ภายใน 3 เดือน มีสรรพคุณสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป 10 เท่า

- ผลิตภัณฑ์ยา Boca spray, Boca (เม็ดฟู่), Boca Premier โฆษณาสรรพคุณรักษาอาการปวดเข่า

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวเสริมว่า ขณะตรวจค้น พบชาวต่างชาติผู้ต้องหา สัญชาติลาว และเมียนมา รวม 6 ราย กำลังแพ็กบรรจุผลิตภัณฑ์เพื่อรอจำหน่าย เมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางพบมีเอกสารการเดินทางเข้าออกถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่มีใบอนุญาตการทำงาน

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี ในข้อหา 1.ร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง 2.ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา 4.เป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 5.เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน

จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า กลุ่มผู้กระทำผิดมีกลุ่มนายทุนชาวเวียดนาม โดยนำเข้าสินค้ามาจากประเทศเวียดนาม แล้วนำมาเก็บไว้ตามอาคารให้เช่าต่างๆ เพื่อรอการจำหน่าย โดยทำการกระจายโดยการเปิดเว็บไซต์เป็นจำนวนมากเพื่อโฆษณาจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อยู่ต่างประเทศ และหลบเลี่ยงการขายผ่านแพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada

โดยใช้วิธีการชำระเงินค่าสินค้าด้วยการเก็บเงินปลายทางเพื่อป้องกันการถูกตรวจสอบ โดยจะโฆษณาสรรพคุณพร้อมกับเสนอโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้ลูกค้ารีบตัดสินใจซื้อ เช่น ซื้อภายในเวลาโปรโมชั่น หรือซื้อครั้งละจำนวนมากๆ จะได้รับราคาที่ถูกกว่า เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจจะต้องกรอกข้อมูลชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ลงไปในเว็บไซต์ จากนั้นผู้ขายจะโทรศัพท์ติดต่อกลับมาเพื่อโน้มน้าวสรรพคุณ และให้ลูกค้าซื้อสินค้าปริมาณมากขึ้น

อีกทั้งเมื่อได้รับผลิตภัณฑ์แล้ว 2-3 สัปดาห์ จะมีการติดตามสอบถามผลการใช้ผลิตภัณฑ์ และเสนอขายผลิตภัณฑ์ต่อไปอีกด้วย โดยขายกระปุกละ 1,090-1,190 บาท และมียอดขายเดือนละ 3,000-6,000 ออเดอร์

เมื่อมีการสั่งซื้อสินค้า กลุ่มเครือข่ายดังกล่าว จะส่งข้อมูลการสั่งซื้อ ให้ผู้ดูแลโกดังในประเทศไทย ทำการบรรจุ และส่งให้กับลูกค้า โดยกลุ่มเครือข่ายชาวเวียดนามจะสั่งการอยู่ต่างประเทศ และเดินทางมายังประเทศไทยเพียงเดือนละ 1 ครั้ง

โดยกลุ่มนายทุนชาวเวียดนาม มีการติดตามสื่อประชาสัมพันธ์ของไทยอยู่ตลอด โดยเมื่อมีการประชาสัมพันธ์เตือนภัยเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์นม ที่ไม่ผ่านการรับรองจากอย. หรือ มีความเสี่ยง ที่จะสืบสวนพบแหล่งเก็บและกระจายสินค้า จะย้ายแหล่งที่เก็บ และกระจายสินค้า เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจพบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เบื้องต้นการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน

- พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 6 (10) ฐาน ‘จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง’ ระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท

- พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 ฐาน ‘ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต’ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

- พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 มาตรา 72 (4) ฐาน ‘ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา’ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

- พ.ร. บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ฐาน ‘เป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต’ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

- พ.ร.ก.การบริหารจัดการทำงานของบุคคลต่างด้าว พ.ศ. 2560 ฐาน ‘เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน’ ระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000 -10,000 บาท

- กรณีการนำเข้าข้อมูลเท็จและโฆษณาสินค้าดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ฐาน ‘นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ’ ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ด้าน ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ อย. ขอขอบคุณตำรวจ บก.ปคบ. ที่สืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ค้าตรวจยึดผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายได้จำนวนมาก

ผลิตภัณฑ์ที่ตรวจพบในครั้งนี้เป็น ยา อาหารที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. ไม่มีฉลากภาษาไทย ลักลอบนำเข้า และพบการโฆษณาหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร ไม่มีหลักฐาน หรือผลการทดสอบประสิทธิภาพทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุน

จึงขอเตือนผู้บริโภคว่า ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง ควรพบแพทย์หรือปรึกษาเภสัชกร ก่อนซื้อก่อนใช้ให้สังเกตยาต้องมีเลขทะเบียนตำรับ สำหรับอาหารต้องมีเลขสารบบอาหารหรือเครื่องหมาย อย.

และ อย.ขอย้ำไม่มีอาหารหรืออาหารเสริมชนิดใดที่มีสรรพคุณบำบัด บรรเทา รักษาโรค ขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จ โฆษณาเกินจริง

ขณะที่ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าว เป็นผลมาจาก อย. ได้ประกาศเตือนให้ระมัดระวังการบริโภคผลิตภัณฑ์นมผง ที่ไม่มีเลข อย. ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงได้รับอันตราย โดยหลังจากประกาศแล้ว ยังพบเห็นว่า ทางออนไลน์มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อยู่ จึงนำมาสู่การกวาดล้างแหล่งเก็บและกระจายสินค้า

และขอฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า ผลิตภัณฑ์อาหารนมผง จะต้องขออนุญาตเลขสารบบอาหาร จาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้ถูกต้อง เพื่อเป็นหลักประกันเบื้องต้น ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีแหล่วงผลิตมาจากที่ใด มีมาตรฐานหรือไม่ มีส่วนประกอบ

และการจัดทำฉลากตรงตามที่กำหนดหรือไม่ เมื่อออกสู่ท้องตลาด ผู้บริโภคจะได้ทราบถึงข้อมูลที่ถูกต้อง และมีความปลอดภัยจากการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้บริโภคที่มีภาวะของโรคเบาหวาน หรือ โรคอื่นการจะรับประทานผลิตภัณฑ์ใด ต้องใส่ใจเป็นการเฉพาะ

‘ไทย’ ลงนามเจ้าภาพ ‘ซีเกมส์ 2025’ อย่างเป็นทางการ เตรียมยกระดับมาตรฐานเท่า ‘เอเชียนเกมส์-โอลิมปิกเกมส์’

(14 มิ.ย.67) ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิกปิกแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์กีฬาซีเกมส์, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ร่วมพิธีลงนามในเซ็นสัญญาการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ของประเทศไทย ที่ห้องประชุม 1 คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ฯ ถ.ศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน โดยมีผู้แทนชาติในสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ ทั้งหมด 10 ประเทศ ร่วมเป็นสักขีพยาน

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย กล่าวในพิธีลงนามว่า การดำเนินงานดังกล่าว นับเป็นการลงนามครั้งแรกตั้งแต่กีฬาซีเกมส์เคยมีการจัดการแข่งขันมา ซึ่งก็ถือเป็นการเน้นย้ำในการยกระดับและมาตรฐานการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ให้สูงขึ้น ใกล้เคียงกับการแข่งขันมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ และอยากขอให้ทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อชื่อเสียงและเกียรติยศของประเทศไทย และให้เป็นไปตามข้อบังคับของธรรมนูญซีเกมส์ ฉบับลงวันที่ 4 พ.ค.2566 ส่วนการที่ 3 จังหวัด ร่วมกันเป็นเจ้าภาพหนนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ประชาสัมพันธ์จังหวัดของตัวเอง รวมถึงมีโอกาส แสดงศักยภาพในการจัดการแข่งขัน รวมไปถึงบริหารจัดการ และต้อนรับคณะนักกีฬาจากทั่วอาเซียนที่เข้าร่วมชิงชัย

ด้านนายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ เปิดเผยหลังพิธีการลงนามว่า ในวันนี้เป็นการจัดพิธีลงนามระหว่างสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ กับ ประเทศไทย ในฐานะเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ปี ค.ศ.2025 ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 64 ปี ตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันซีเกมส์มา ที่มีการจัดลงนาม ทั้งนี้ก็เพื่อยืนยันและสร้างมาตรฐานในการจัดการแข่งขันให้อยู่ในระดับเดียวกับกีฬาเอเชียนเกมส์ และเป็นบรรทัดฐานในการจัดการแข่งขันครั้งต่อ ๆ ไป

“ซีเกมส์ 2025 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพเจ้าสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ ตั้งใจจะใช้การแข่งขันครั้งนี้เริ่มต้นยกระดับและสร้างมาตรฐานการแข่งขันซีเกมส์ให้สูงขึ้น ไม่ให้ถูกด้อยค่า ดูแคลน เหมือนหลาย ๆครั้งที่ผ่านมา ที่กีฬาพื้นบ้านหลายชนิดที่เคยถูกบรรจุชิงทีละหลาย ๆ เหรียญทอง ก็จะไม่เกิดขึ้นอีกในครั้งนี้ ส่วนหนนี้ จะมีการจัดกี่ชนิดกีฬา จะมีการประชุมและเปิดเผยในสุดสัปดาห์นี้ เบื้องต้นได้รับการเสนอมา 40 ชนิดกีฬา ส่วนจะเพิ่มหรือลด จะให้เวลาอีก 2 เดือน ในการนำเสนอและพิจารณา ซึ่ง 3 จังหวัด ก็พร้อมทำหน้าที่ ด้านสนามหลักในการจัดแข่งขัน ที่วางกันเอาไว้จะอยู่ที่กรุงเทพฯ และชลบุรี ส่วนสงขลา จะจัดแข่งขันกีฬาฟุตบอล ในรอบแบ่งกลุ่ม”

ส่วน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่ากกท. เผยว่า การลงนามในครั้งนี้ ถือเป็นการยืนยันความพร้อมของประเทศไทย และเจ้าภาพ 3 จังหวัด ที่จะจัดการแข่งขัน ซึ่งหนนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดของทั้งกรุงเทพมหานคร, ชลบุรี และสงขลา ได้เดินทางมาลงนาม และยืนยันความพร้อมด้วยตัวเอง ในส่วนของประเทศไทยซึ่งเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ในครั้งนี้ ก็จะเริ่มต้นเป็นต้นแบบในการสร้างมาตรฐานการแข่งขันให้สูงขึ้น โดยเจ้าภาพครั้งต่อไป อย่างมาเลเซีย ในปี 2027 และ สิงคโปร์ ในปี 2029 ก็พร้อมจะดำเนินรอยตามการแข่งขันอย่างเป็นสากลในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะการชิงชัยเหรียญทอง ซึ่งก็จะเน้นหนักไปที่กลุ่มกีฬาสากล ที่มีในกีฬาเอเชียนเกมส์ และกีฬาโอลิมปิกเกมส์

“ส่วนเรื่องงบประมาณในการจัดการแข่งขัน เวลานี้อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอให้ท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณา และรอการลงนามเพื่ออนุมัติ สำหรับใช้ในการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์และอาเชียนเกมส์พาราเกมส์ ซึ่งหากได้รับการลงนาม ก็จะมีการประชุม เตรียมงานกับคณะทำงานทุก ๆ ฝ่าย เพื่อเดินหน้าแผนงานที่วางไว้ ในระยะเวลาที่เหลืออีกราว 1 ปีกว่า ๆ”

สำหรับประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์มาแล้ว 6 ครั้ง โดยทำหน้าที่เจ้าภาพซีเกมส์ครั้งแรก สมัยที่เรียกว่ากีฬาแหลมทอง เมื่อปี ค.ศ.1959 ต่อด้วยปี 1967, 1975, 1985, 1995 และครั้งล่าสุดปี 2007 ที่นครราชสีมา โดยในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค.2568 (ค.ศ.2025) โดย 3 จังหวัด กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี และสงขลา ร่วมเป็นเจ้าภาพ ส่วนกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 จะจัดแข่งขันระหว่าง 20-26 ม.ค.2569 (ค.ศ.2026) 

“มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ CEO คิงส์ แพ็ค อินดัสเตรียล สานฝัน มอบทุนการศึกษา เยาวชนนนทบุรี

วันที่ 14 มิถุนายน 2567  นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วย นายสมชาติ  สุภารี  ผู้ตรวจราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และ นายทวี จุลศักดิ์ศรีสกุล ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท คิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ถุงพลาสติกชนิดอ่อนแบรนด์ “ฮีโร่” ลงพื้นที่มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อ หลังจากการศึกษาภาคบังคับ และมีฐานะทางครอบครัวยากจน จ.นนทบุรี  โดยมีนายสัญชัย ภัทราวรากุล  ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 26 จ.นนทบุรี ให้การต้อนรับ นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า ดิฉันในนามมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ รู้สึกยินดีและขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บริหารบริษัท คิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล จำกัด  ได้เห็นความสำคัญของการฝึกอาชีพของเยาวชนไทย โดยได้ร่วมมอบทุนการศึกษา ทุนละ 6,000 บาท จำนวน 5 ทุน  รวมเป็นเงิน 30,000บาท ให้กับ เยาวชนที่เป็นผู้เข้ารับการฝึกเตรียมเข้าทำงานโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อ หลังจากการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ 2537 จำนวน 5 รายประกอบด้วย นายภาณุวัฒน์  คงราช  อายุ 15 ปี ฝึกอบรมสาขาช่างเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก  นายศุภโชค ทองเอี่ยม  อายุ 15 ปี  ฝึกอบรมสาขา ช่างเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก  นายวันเกิด  อยู่สุข  อายุ  17 ปี  ฝึกอบรมสาขา  ช่างเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก นายพิสิษฐ์  มงคลแก้ว  อายุ 25 ปี  ฝึกอบรมสาขา ช่างเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก  และนายณัฎฐกิตติ์  แตงประดิษฐ์  อายุ 16 ปี ซึ่งเยาวชนทั้ง5คน มีฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน แต่มีความตั้งใจที่จะฝึกทักษะฝีมือเพื่อนำไปใช้ประกอบอาชีพ เลี้ยงตนเองและครอบครัวต่อไป ซึ่ง กิจกรรมในวันนี้ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับเด็กนักเรียนและเยาวชน ซึ่งเขาเหล่านี้จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป 

ตำรวจ ปส. รวบคาด่าน เครือข่ายยาเสพติดหัวใส หลังลอบขนยาบ้า 12 ล้านเม็ด ซุกในกล่องเลี้ยงผึ้ง

สืบเนื่องจากการสืบสวนของตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 เกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายของ นายชาญณรงค์ พบว่ากลุ่มเครือข่ายดังกล่าวจะมีการเคลื่อนไหวในช่วงวันที่ 12-13 มิ.ย.67 โดยการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ อ.ปาย จว.เชียงใหม่ เขามายังพื้นที่ กทม. ด้วยการใช้เส้นทางระหว่างหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้าน เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของตำรวจ จนเวลา 01.58 น. ของวันที่ 13 มิ.ย.67 ตำรวจพบรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ยจ 5143 เชียงใหม่ ซึ่งเป็นรถที่นายชาญณรงค์ ขับผ่านเส้นทางที่กำลังซุ่มอยู่ จึงติดตาม และพบว่ามีการขับรถยนต์ที่แปลกไปจากปกติ คือการจอดหยุดพักหลายครั้ง ลักษณะเหมือนขับรอใคร  จากนั้นตำรวจพบรถอีกคันคือ หมายเลขทะเบียน ผต 2508 นครปฐม ในเส้นทางเดียวกับรถของนายชาญณรงค์ จึงแบ่งกำลังติดตาม ต่อมา เวลาประมาณ 07.00 น. พบว่ารถทะเบียนนครปฐม ขับแซงขึ้นไปอยู่ด้านหน้า ส่วนรถของนายชาญณรงค์ ก็มีการลดความเร็วลงเพื่อจะตรวจสอบว่ามีรถตำรวจติดตามมาหรือไม่  กระทั่งใกล้ถึง ด่านตรวจวังดิน หมู่ 3 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จว.ลำพูน รถยนต์ที่นายชาญณรงค์ เป็นผู้ขับขี่มาได้ทำการเร่งความเร็ว ก่อนจะแซงหน้ารถยนต์  ผต 2508 นครปฐม เพื่อจะนำทางเข้าด้านตรวจ ระหว่างนั้นตำรวจ ปส. ได้ประสานงานกับตำรวจด่านตรวจวังดิน เพื่อทำการหยุดรถยนต์ทั้ง 2 คัน จากการสกัดจับกุมรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ผต 2508 นครปฐม โดยมีนายศราวุธ เป็นผู้ขับขี่ ตรวจค้นรถพบยาบ้า จำนวน 12,000,000 เม็ด ถูกซุกซ่อนมากับกล่องเลี้ยงผึ้งสีขาว ซึ่งถูกดัดแปลงเพื่อบรรจุยาเสพติดจำนวนมาก ส่วนรถหมายเลขทะเบียน ยจ 5143 เชียงใหม่ ที่มีนายชาญณรงค์ เป็นผู้ขับขี่ทำหน้าที่ขับนำทาง เพื่อตรวจสอบด่านตรวจ และคอยเฝ้าระวังการติดตามจากตำรวจ เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชนอันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” วันที่13มิ.ย.67 เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวชัย ผบช.ปส. ได้เดินทางไปร่วมตรวจดูของกลางและซักถามผู้ต้องหาด้วยตนเอง เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นการขยายจากกลุ่มเครือข่ายผู้ค้าในจังหวัดสิงห์บุรี ที่ว่าจ้างกลุ่มนักบินมาลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่อ.ปาย จ.เชียงใหม่ เพื่อนำลงไปส่งกลุ่มผู้ค้าในพื้นที่กรุงเทพฯและภาคกลาง ขณะนี้ผู้ตัวผู้สั่งการแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดจับกุมจะได้ขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับต่อไป

‘รพ.ศรีนครินทร์ฯ’ แจง ปมหลอดเก็บเลือด ‘หลวงพ่อคูณ’ แชร์ว่อน ชี้!! ตามหลักการนำออกมาไม่ได้ หลังชาวเน็ตสงสัยหลุดมาได้ยังไง

(14 มิ.ย.67) จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพหลอดเก็บตัวอย่างเลือด มีสติกเกอร์แปะข้อความชื่อระบุว่า หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ 87 ปี และมีรหัสระบุอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลข AN : 543333

โดยผู้โพสต์ได้มีการโพสต์ลงในกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ ‘หลวงปู่ศิลา สิริจันโท รุ่นยอดเศรษฐี’ ซึ่งระบุข้อความเอาไว้ด้วยว่า “โลหิตธาตุ หลวงพ่อคูณ น้ำตาจะไหล กราบขอบพระคุณครับ #รุ่นยอดเศรษฐี”

ซึ่งมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ทั้งสาธุที่ได้เห็นเป็นบุญตา และบางคนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นอีกแง่มุมที่กรณีนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นได้ และอาจจะไม่ใช่ของจริงเป็นการทำมาหากินบนความเชื่อความศรัทธาประชาชน 

พร้อมอยากให้ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตรวจสอบว่าหลอดเก็บตัวอย่างโลหิตดังกล่าวนั้นออกมาสู่ภายนอกได้อย่างไร เพราะจะต้องผ่านกระบวนการเก็บหรือทำลายที่ถูกต้องในโรงพยาบาลเท่านั้น

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบได้ถามไปยังโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่หลวงพ่อคูณ ระบุในพินัยกรรมว่า มอบสรีรสังขารให้ทางคณะแพทย์ได้ใช้เป็นครูใหญ่ ให้นักศึกษาแพทย์ได้หาความรู้จากสรีรสังขารหลังมรณภาพ

จากการสอบถามถึงกรณีโลหิตธาตุของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ทราบว่า หลอดเก็บตัวอย่างเลือดดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และก็ไม่ใช่ของโรงพยาบาลมหาราชที่จังหวัดนครราชสีมาด้วยเช่นกัน

ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลศรีนครินทร์นั้น รับสรีรสังขารหลวงพ่อคูณ ในขณะที่ท่านมรณภาพไปแล้ว จึงจะไม่มีในส่วนของขั้นตอนการเก็บตัวอย่างตรวจโลหิต รวมทั้งข้อมูลรหัสที่ติดอยู่หลอดเก็บตัวอย่างโลหิตก็ไม่ใช่ของทั้งสองโรงพยาบาล และจะไม่ใช้ชื่อที่เป็นฉายาพระ โดยจะใช้ชื่อตามบัตรประชาชนเท่านั้น

แต่ตามหลักการแล้วนั้นจะไม่สามารถนำออกมาได้อย่างเด็ดขาด แต่ก็ไม่สามารถที่จะระบุได้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม หรือใครเป็นคนเอาออกมา และรหัส AN คือรหัสที่ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เข้าร่วมพิธีมอบพันธุ์ไม้ตามโครงการ 72 ล้านต้นพลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

วันที่ 14 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00 น. นายณรงวิทย์ ชดช้อย ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว มอบหมายให้ นายสมชาย ส่งเสริม หัวหน้าฝ่ายรายได้ ธุรกิจและสารสนเทศ  เข้าร่วมในพิธีรับมอบพันธุ์ไม้ต้นประดู่ป่า ตามโครงการ 72 ล้านต้นพลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  โดยมีนายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธี ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดชลบุรี 

ภายในงานมีการมอบพันธุ์ต้นประดู่ป่า ให้กับตัวแทนส่วนราชการต่างๆเพื่อนำไปปลูกไว้ในพื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งทางสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรีและสำนักงานจังหวัดชลบุรี  ร่วมกับทุกภาคส่วนในการดำเนินโครงการ ดังกล่าวขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ทั้งยังเพื่อเป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชปณิธาน การพัฒนางาน ด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ สนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน รวมพลังร่วมใจปลูกต้นไม้ และปลูกป่า พร้อมทั้งบำรุงรักษาต้นไม้ให้เจริญเติบโตงอกงาม ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้มีความอุดมสมบูรณ์ช่วยป้องกันและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดฝุ่นและหมอกควัน อีกทั้งลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 'สร้างอาชีพ สร้างชีวิต' มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และสงขลา

วันนี้ (วันที่ 14 มิถุนายน 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดสงชลา มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม จำนวน 8 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 153,800 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นสามพันแปดร้อยบาทถ้วน) เพื่อให้สตรีได้นำวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว อันเป็นการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยมี  นางณิชาพัชฌ์ เพ็ชรพันธุ์ ผู้อํานวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคใต้ จังหวัดสงขลา และ นายสรัณยศ บุญไข่ ผู้อำนวยการกลุ่มคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ์ ร่วมในพิธี พร้อมกันนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชน ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น และบริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคใต้ จังหวัดสงขลา

วานนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ลงพื้นที่มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีของสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 6 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 112,085 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสองพันแปดสิบห้าบาทถ้วน) ณ นิคมสร้างตนเองท้ายเหมือง จังหวัดพังงา

โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ โดยมูลนิธิฯ มุ่งหวังในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างชีวิต ให้กับสตรีได้นำวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูนลำปาง เชียงราย และจังหวัดพิษณุโลก 

โดยตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีไปแล้ว 4 แห่ง จำนวน 24 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 620,299 บาท (หกแสนสองหมื่นสองร้อยเก้าสิบเก้าบาทถ้วน)

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสารและกิจกรรมด้านสาธารณกุศลช่วยเหลือสังคมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เพจเฟซบุ๊กมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง www.facebook.com/atpohtecktung


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top