Thursday, 2 May 2024
NEWS FEED

นายกฯ เปิดการใช้งานระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล และระบบเปรียบเทียบภาพใบหน้า โดยใช้งานผ่านแอปฯ ไทยดี (ThaID) อย่างเป็นทางการ ย้ำรัฐบาลมุ่งมั่นนำพาประเทศสู่การเป็นดิจิทัลไทยแลนด์

วันที่ (30 มิ.ย. 66) ณ ลาน Promotion ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าเซ็ลทรัล ปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการใช้งานระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) และระบบเปรียบเทียบภาพใบหน้า (Face Verification System) โดยใช้งานผ่านแอปพลิเคชันไทยดี (ThaID) อย่างเป็นทางการ เพื่อยืนยันตัวตน โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลให้เสียเวลา ถือเป็นการสร้างมิติใหม่ของการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลที่มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการดำเนินโครงการระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล และระบบเปรียบเทียบภาพใบหน้า โดยการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันไทยดี ว่า วันนี้ถือเป็นการเปิดตัวในการใช้งานอย่างเป็นทางการ พร้อมย้ำว่าปัจจุบันเทคโนโลยีถือเป็นสิ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ รัฐบาลมุ่งมั่นนำพาประเทศไปสู่การเป็นดิจิทัลไทยแลนด์ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นองค์ประกอบหลักในการเพิ่มศักยภาพการให้บริการประชาชนของหน่วยงานภาครัฐ ให้มีความเป็นเลิศ ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างทั่ว ถึงด้วยเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย ทำให้ผู้รับบริการทุกคนสามารถเข้าถึงงานบริการภาครัฐได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และมีความปลอดภัย

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า วันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความสำเร็จ ในการพัฒนาระบบดิจิทัลของภาครัฐเพื่อประชาชน โดยขอชื่นชมกระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ผนึกกำลังร่วมกันดำเนินโครงการระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล และระบบเปรียบเทียบภาพใบหน้าโดยการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันไทยดี จนสำเร็จและสามารถเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการได้ในครั้งนี้ ถือเป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงพัฒนาและบูรณาการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของภาครัฐให้มีความเท่าเทียมกับระดับมาตรฐานสากล และหวังว่าหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน จะได้นำแอปพลิเคชันไทยดีไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อการให้บริการประชาชนอย่างแท้จริง

นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจขับเคลื่อนโครงการนี้ และต่อยอดไปสู่การพัฒนาระบบการให้บริการภาครัฐที่ครอบคลุมในทุกหน่วยงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ระบบราชการไทย รวมถึงช่วยอำนวยความสะดวกในการให้บริการ และสนองต่อความต้องการให้กับประชาชนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น โดยประชาชนสามารถยืนยันตัวตนทำธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสะดวก รวดเร็วและปลอดภัย สามารถลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องเดินทางไปลงทะเบียนที่สำนักทะเบียนแต่อย่างใด พร้อมขออวยพรให้การดำเนินการดังกล่าว สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลต่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังย้ำถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในปัจจุบันว่าต้องใช้อย่างรู้เท่าทัน ให้เกิดความปลอดภัย และเกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ต้องมีการพิจารณาคิดวิเคราะห์และตรวจสอบความถูกต้องให้ชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเชื่อหรือเผยแพร่ข้อมูลออกไป เพื่อร่วมกันป้องกันในการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือไม่ถูกต้องที่จะส่งผลกระทบต่อสังคมทำให้เกิดความเสียหายต่อตนเองและบุคคลอื่นด้วย
 

ตำรวจไซเบอร์จับหนุ่มตัณหากลับ ลวงเด็ก 13 ถ่ายคลิปหวิว ปล่อยขายออนไลน์ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้มีการกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บนสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีผู้ใช้บัญชีไลน์ “pakkapon” ได้อยู่ใน
ไลน์กลุ่มชื่อ “คั่นเวลา” มีสมาชิก 167 คน ได้ลงสื่อลามกอนาจารเด็ก โดยประกาศขายในราคา 200 บาท ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2566  สายลับจึงติดต่อขอซื้อคลิป ซึ่งมีการแจ้งช่องทางการชำระเงินโดยการโอนไปยังบัญชีทรูมันนี่วอลเล็ท เมื่อโอนเงินสำเร็จ บุคคลดังกล่าวได้ส่งภาพสื่อลามกอนาจารให้แก่สายลับ ผ่านทางโปรแกรม messenger จากการตรวจสอบสามารถยืนยันตัวบุคคลที่อยู่ในวิดีโอดังกล่าวคือ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) ซึ่งมีอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น

ต่อมากลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้ติดตามสืบสวนจนทราบว่าบุคคลดังกล่าวคือ นายภัคพล อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นแอดมินกลุ่ม “คั่นเวลา” ได้พักอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ในตำบลหนองไข่นก อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดอุบลราชธานี และร่วมกับเจ้าหน้าที่ตํารวจ สภ.ม่วงสามสิบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุด ศพดส.ตร.ชป.
ภ.3 เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว

เมื่อไปถึงที่บ้าน พบนายภัคพล ผู้ต้องหา จึงเข้าทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นของนายภัคพล ทั้ง 2 เครื่อง พบสื่อลามกอนาจารทั้งเด็กและผู้ใหญ่จํานวนมาก และมีหลักฐานยืนยันว่านายภัคพล ได้สร้างโปรไฟล์ปลอมเป็นหนุ่มหน้าตาดี เพื่อล่อลวงให้เด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ส่งภาพและวิดิโอลามกอนาจารมาให้ตน และยังบันทึกวิดิโอหน้าจอขณะที่กำลังสำเร็จความใคร่ เพื่อเตรียมจำหน่ายให้สมาชิกในกลุ่มไลน์ ซึ่งมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก และที่สามารถระบุตัวตนได้แล้วจำนวน 4 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน “ครอบครองและส่งต่อซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก , เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดย การค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทํา ผลิต มีไว้ หรือทําให้แพร่หลายโดยประการ

ใด ๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก และ ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์” หลังจากนั้นได้ทำบันทึกการจับกุม และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท., พ.ต.อ. สุวัฒน์ เกิดแก้ว รอง ผบก.ตอท. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทาง อินเทอร์เน็ต บก.ตอท. พร้อม พ.ต.ท.วิเชียร คําชุมภู สว.ฯ, พ.ต.ท.ธนพงศ์ธัช อ่อนชูเหมรัต สว.ฯ,
พ.ต.ต.เขมอธิษฐ์ ทองคำ สว.ฯ ,พ.ต.ต.ธีวรา บุญรักชาติ สว.ฯ พร้อมชุดสืบสวนเข้าดำเนินการจับกุม

สุดยิ่งใหญ่ เทศกาลปลูกป่าลอยฟ้า 2023 ผาเก็บตะวัน วังน้ำเขียว ยิงหนังสติ๊กมากที่สุดในประเทศไทย มุ่งสร้างจิตสำนึกเยาวชนคนรุ่นใหม่ หวังช่วยดูแลผืนป่ามรดกโลก

วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ที่ผาเก็บตะวัน อุทยานแห่งชาติทับลาน ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจโท สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับ นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว นายสมภพ มุกดาสนิท นายอำเภอวังน้ำเขียว นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน นายสุรชิต แวงโสธรณ์ ผอ.สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน กรมการท่องเที่ยว ฝ่ายปกครอง ชมรมจักรยานเพื่อการท่องเที่ยววังน้ำเขียว ชมรมฮักเขาใหญ่ ตำรวจท่องเที่ยวนครราชสีมา ตำรวจวังน้ำเขียว ตำรวจอุดมทรัพย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนในอำเภอวังน้ำเขียว กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านสุขสมบูรณ์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า และสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช รวมประมาณ 1,000 คน 

โดยทั้งหมด ร่วมเปิดงาน เทศกาลปลูกป่าลอยฟ้า 2023 ปีที่ 2 ซึ่งอำเภอวังน้ำเขียว ได้สร้างปรากฏการณ์ของโลกเป็นปีที่ 2 ด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร คือ การยิงหนังสติ๊กมากที่สุดในประเทศไทยและของโลก โดยการชวนเด็กเยาวชน นักเรียน ชาวบ้าน มุ่งสร้างจิตสำนึกคนรุ่นใหม่ช่วยกันดูแลธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ปลูกป่ามรดกโลกทับลาน และพื้นที่สงวนชีวมณฑล ป่าสะแกราช 

พลตำรวจโท สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า สำหรับกิจกรรมปีนี้ เป็นปีที่ 2 แล้ว ที่ได้รับความร่วมมือของภาครัฐ และภาคเอกชน ชมรมฯ เครือข่าย จัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อร่วมกันดูแลผืนป่าทับลาน สองดินแดนมรดกโลก คือเขาใหญ่-ดงพญาเย็น และพื้นที่สงวนชีวมณฑล ที่โคราชพึ่งได้รับการประกาศจากยูเนสโก ให้เป็นพื้นที่อุทยานธรณีวิทยาโลก เพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ในช่วงหน้าฝน ปลูกฝั่งให้เด็กเยาวชนดูแลพื้นป่า อีกด้วย

ด้าน นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าว เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนเชิงนิเวศ ด้วยการใช้กิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติ และดูแลผืนป่า ปลูกฝังให้เด็กเยาวชนตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะชุมชนบ้านสุขสมบูรณ์ คือ ต้นแบบของการท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืนเชิงนิเวศ ที่สำคัญเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวชุมชน ในช่วงหน้าฝน อีกด้วย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ แถลงความคืบหน้าคดี “แอม ไซยาไนต์” ดำเนินคดี 15 คดีพร้อมดำเนินคดีเพิ่มอีก 2 ราย

จากกรณีเมื่อวันที่ 14 เม.ย.66 พบผู้เสียชีวิตคือ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ เสียชีวิตในพื้นที่ สภ.บ้านโป่ง ภ.จว.ราชบุรี ซึ่งต่อมาสามารถจับกุม นางสรารัตน์ หรือแอม ดำเนินคดีในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะขยายผลจนทราบว่า นางสรารัตน์ฯ ได้มีพฤติกรรมในการวางแผนฆ่าเหยื่อจำนวนหลายราย โดยประสงค์ต่อทรัพย์สินและหวังปลดหนี้ที่เอามาจากผู้ตาย ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น  

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สืบสวนขยายผลการก่อเหตุของ นางสรารัตน์ฯ ทั้งหมด ซึ่งต่อมาได้มีการตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนร่วมกันระหว่าง น., ภ.4, ภ.7 และ บก.ป. เพื่อร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานในการสืบสวนคดีการฆาตกรรมเหยื่อทั้งหมด  ซึ่งขณะนี้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนสามารถสรุปเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของ นางสรารัตน์ฯ ได้ทั้งหมด 15 คดี มีรายละเอียดดังนี้

รายที่ 1 น.ส.มณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ก.ค.58 ภายในคอนโดพื้นที่ สน.ทองหล่อ รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ ตั้งแต่ช่วงที่อยู่ อ.สามพราน จ.นครปฐม โดย นางสรารัตน์ฯ เสนอตัวช่วยดูแลอาคารปล่อยเช่าให้ในระหว่างที่ผู้ตายเดินทางไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ และจะขับรถไปรับที่สนามบินทุกครั้งที่กลับไทย ในวันเกิดเหตุ    นางสรารัตน์ฯ ได้ขับรถไปรับผู้ตายที่สนามบิน แล้วนำมาส่งที่คอนโดที่พัก ก่อนจะพบเสียชีวิตในวันต่อมา นอกจากนี้พบว่า นางสรารัตน์ฯมีการเอาเงินจากผู้ตายไป รวมถึงทรัพย์สินภายในอาคารปล่อยเช่าได้สูญหายไปหลังจากผู้ตายเสียชีวิต

รายที่ 2 น.ส.นิตยา แก้วบุบผา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ส.ค.63 ภายในห้องพักพื้นที่ สภ.โพรงมะเดื่อ ภ.จว.นครปฐม ก่อนเสียชีวิต ผู้ตายกับ นางสรารัตน์ฯ ได้มีการนำรถยนต์ไปจำนำจนได้เงินมาจำนวน 150,000 บาท จากนั้นนางสรารัตน์ฯ ได้ขับรถมารับผู้ตายออกไปรับประทานอาหาร แล้วกลับมาส่งที่ห้องพัก และพบผู้ตายเสียชีวิตในบ้านพักในวันต่อมา โดยเงินจากการจำนำรถดังกล่าวได้สูญหายไป หลังเกิดเหตุ นางสรารัตน์ฯ ยังให้สามีของผู้ตายนำเงินจำนวน 150,000 บาท ไปไถ่รถคืนและเอารถยนต์คันที่ผู้ตายใช้สอยไปเป็นของตนเอง

รายที่ 3 น.ส.สาวิตรี บุตรศรีรักษ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พ.ย.63 ที่บ้านพักในพื้นที่ สภ.เมืองมุกดาหาร รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ เนื่องจากเล่นแชร์วงเดียวกัน และเป็นภรรยาตำรวจเหมือนกัน ก่อนเสียชีวิต ผู้ตายได้ทวงเงินค่าแชร์จำนวน 600,000 บาทจาก นางสรารัตน์ฯ แต่ไม่ได้รับการชำระแต่อย่างใด ต่อมา นางสรารัตน์ฯ ได้ส่งยาลดความอ้วนซึ่งปลอมปนสารพิษไซยาไนด์มาให้ผู้ตายทางไปรษณีย์ ผู้ตายทานยาดังกล่าวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

รายที่ 4 น.ส.ดาริณี เทพทวี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.63 ภายในบ้านพักพื้นที่ สภ.สามพราน ภ.จว.นครปฐม รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ จากการที่พักอาศัยอยู่ใกล้กัน เนื่องจากสามีเป็นข้าราชการตำรวจด้วยกัน และเล่นวงแชร์รวมถึงมีการกู้ยืมเงินด้วยกัน ซึ่ง นางสรารัตน์ฯ เป็นหนี้ผู้ตายอยู่ 60,000 บาท ก่อนเสียชีวิต นางสรารัตน์ฯ ขับรถมารับผู้ตายไปรับประทานข้าวมันไก่ที่ตลาดสามพราน ต่อมาผู้ตายมีอาการแน่นหน้าอก นางสรารัตน์ฯ จึงพามาส่งบ้าน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

รายที่ 5 นายสุรัตน์ ทรพับ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 ม.ค.64 ที่บ้านพักในพื้นที่ สภ.ลูกแก ภ.จว.กาญจนบุรี รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ เนื่องจากเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ก่อนเสียชีวิต นางสรารัตน์ฯ ได้ยืมเงินของผู้ตายไป 60,000 บาท จากนั้นนางสรารัตน์ฯ ได้ขับรถยนต์มารับผู้ตายออกไปรับประทานอาหารที่ร้านกาแฟ ก่อนจะพากลับมาส่งที่บ้าน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

รายที่ 6 ร.ต.อ.หญิง กานดา โตไร่ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 ส.ค.65 นอนเสียชีวิตอยู่ภายในรถยนต์ของตนเองบนถนนในพื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ จากการเล่นวงแชร์วงเดียวกัน และมีการยืมเงินจากผู้ตาย ก่อนเสียชีวิต ผู้ตายได้มีการโอนเงินให้กับ นางสรารัตน์ฯ จำนวน 150,000 บาท จากนั้นนางสรารัตน์ฯ ได้พาผู้ตายไปดูดวงที่ จ.สมุทรสาคร และรับประทานอาหารด้วยกัน ก่อนที่ผู้ตายจะขับรถไปส่งนางสรารัตน์ฯ ที่บ้านพัก และพบผู้ตายเสียชีวิตในรถในเวลาต่อมา 

รายที่ 7 น.ส.รสจรินทร์ นิลน้อย เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 ที่ร้านขายผักในตลาดสดมหาชัย พื้นที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ เนื่องจากอยุ่ในวงแชร์ของ นางสรารัตน์ และถูกนางสรารัตน์ฯ กู้ยืมเงินบ่อยครั้ง ก่อนเสียชีวิต นางสรารัตน์ฯ ได้ยืมเงินผู้ตายอีกจำนวน 60,000 บาท จากนั้น นางสรารัตน์ฯ ได้ขับรถมาหาผู้ตายที่ตลาด และซื้อสลัดมาให้ จากนั้นผู้ตายได้นั่งกินสลัดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

รายที่ 8 นางจันทร์รัตน์ วงศ์ไกรสิน เสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ส.ค.65 ที่บ้านพักในพื้นที่ สภ.ชะอำ เพชรบุรี รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ เนื่องจาก นางสรารัตน์ฯ ได้หลอกลวงให้ผู้ตายเอาเงินมาปล่อยกู้ ก่อนเสียชีวิต ผู้ตายได้มีการนัดพบกับ นางสรารัตน์ฯ ที่ปั๊มน้ำมันใกล้บ้าน และได้ทานยาจาก นางสรารัตน์ฯ อ้างว่าช่วยรักษาอาการลองโควิด จากนั้นจึงได้กลับมาที่บ้านและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

รายที่ 9 นางมณีรัตน์ พจนารถ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ก.ย.65 ที่ตลาดนครปฐมในพื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ มาประมาณ 3-4 ปี เนื่องจาก นางสรารัตน์ฯ เป็นญาติของคนรู้จัก และได้มายืมเงินของผู้ตายไปปล่อยกู้ต่อ โดยจะได้ดอกเบี้ยในอัตราสูง ก่อนเสียชีวิต นางสรารัตน์ฯ ได้นัดผู้ตายไปพบที่ตลาดนครปฐม ก่อนจะล้มหมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

รายที่ 10 น.ส.กะณิกา ตุลาเดชารัตน์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 ก.ย.65 ที่ร้านกาแฟภายในปั๊มน้ำมัน พื้นที่ สภ.โพธาราม ภ.จว.ราชบุรี รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ เนื่องจาก นางสรารัตน์ฯ ได้หลอกลวงให้ผู้ตายนำเงินไปไถ่ทองจากโรงรับจำนำ เพื่อนำไปขายต่อทำกำไรจำนวน 650,000 บาท วันเกิดเหตุ นางสรารัตน์ฯ ได้ชวนผู้ตายไปไถ่ทองจากโรงรับจำนำ จากนั้นได้พาผู้ตายมาที่ร้านกาแฟที่เกิดเหตุ ก่อนจะล้มลงหมดสติและเสียชีวิต โดยที่ทองที่ไปไถ่มานั้นสูญหายไปด้วยพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย

รายที่ 11 น.ส.กานติมา แพสะอาด มีอาการเจ็บป่วยเมื่อวันที่ 23 ก.ย.65 ที่หน้าร้านหมูกระทะ พื้นที่  สภ.เมืองกาญจนบุรี โดยเกิดอาการหลังจากพบกับ นางสรารัตน์ฯ ที่ห้างโรบินสัน จ.กาญจนบุรี โดย นางสรารัตน์ฯ ได้นำยาแคปซูลมาให้กินอ้างว่าเป็นยาแก้ไอพร้อมกับน้ำส้ม 1 ขวด หลังดื่มกินแล้ว ได้ขับรถออกจากห้าง แต่ไม่นานก็เกิดอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก จนต้องโทรเรียกรถพยาบาล และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจนหายดี รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ เนื่องจากสามีของทั้งสองคนเป็นตำรวจจบ นรต.รุ่นเดียวกัน และกู้ยืมเงินอีกจำนวน 250,000 บาท หลังเกิดเหตุ นางสรารัตน์ฯ ยังได้นำยาแคปซูลซึ่งอ้างว่าเป็นยาลดน้ำหนักมาให้ตนอีก 1 กล่อง แต่ยังไม่ได้ทาน ต่อมาได้มีการตรวจพบสารพิษไซยาไนด์ปลอมปนอยู่ในแคปซูลยาดังกล่าว

รายที่ 12 น.ส.ผุสดี สามบุญมี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 พ.ย.65 ที่บ้านพักในพื้นที่ สภ.ดอนตูม ภ.จว.นครปฐม รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ เนื่องจาก นางสรารัตน์ฯ เล่นแชร์วงเดียวกัน และได้กู้ยืมเงินของผู้ตายนำไปปล่อยกู้ต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งนางสรารัตน์ฯ ยังค้างชำระหนี้ให้กับผู้ตาย คืนก่อนเสียชีวิต ผู้ตายได้มีการนัดพบกับ นางสรารัตน์ฯ ก่อนจะกลับบ้าน และพบนอนเสียชีวิตในเช้าวันต่อมา

รายที่ 13 นายสุทธิศักดิ์ พูนขวัญ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มี.ค.66 ภายในห้องพักพื้นที่ สภ.เมืองอุดรธานี รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ เนื่องจากทั้งสองได้คบหาในเชิงชู้สาวกัน และได้มีการร่วมลงทุนปล่อยเงินกู้ที่ จ.อุดรธานี ก่อนเกิดเหตุ นางสรารัตน์ฯ ได้เดินทางมานอนค้างคืนกับผู้ตาย เพื่อเดินทางไปทำบุญวันเกิดของ นางสรารัตน์ฯ ในวันเกิดเหตุ และได้มีการแวะปั๊มน้ำมัน จากนั้น นางสรารัตน์ฯ ได้มีการให้ผู้ตายทานยาอ้างว่าเป็นยารักษาริดสีดวง จนผู้ตายเกิดอาการแน่นหน้าอก และล้มลง นำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ นางสรารัตน์ฯ ยืนยันจะนำตัวผู้ตายออกจากโรงพยาบาลกลับไปดูแลที่บ้าน จนผู้ตายเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดย นางสรารัตน์ฯ ซึ่งอ้างตัวเป็นภรรยาไม่อนุญาตให้มีการผ่าชันสูตรศพในเวลานั้น นอกจากนี้ ทรัพย์สินต่างๆของผู้ตาย เช่น สร้อยคอทองคำ, สร้อยข้อมือทองคำ, รถยนต์ และทรัพย์สินอื่นถูกผู้ต้องหาเอาไป

รายที่ 14 พ.ต.ต.หญิง นิภา แสงจันทร์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 เม.ย.66 พบเสียชีวิตอยู่ที่องค์พระปฐมเจดีย์ พื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ เนื่องจากมีบ้านพักอยู่ใกล้กันที่ จ.นครปฐม และ นางสรารัตน์ฯ ได้ยืมเงินผู้ตายหลายครั้ง ก่อนวันเกิดเหตุ ผู้ตายได้มีการเบิกเงินสดจำนวน 140,000 บาท ออกมาและนำมามอบให้ นางสรารัตน์ฯ เพื่อวิ่งเต้นโยกย้ายตำแหน่ง และไปทานข้าวด้วยกันที่องค์พระปฐมเจดีย์ ก่อนจะพบหมดสติเสียชีวิตโดยเงินจำนวนดังกล่าวหายไป

รายที่ 15 น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เม.ย.66 พบเสียชีวิตที่ศาลาประชาคมบ้านโป่ง พื้นที่     สภ.บ้านโป่ง ภ.จว.ราชบุรี รู้จักกับ นางสรารัตน์ฯ โดย นางสรารัตน์ฯ ได้มีการชักชวนมาเล่นแชร์ โดยมีการโอนเงินให้ นางสรารัตน์ เป็นเงิน 20,000 บาท ก่อนเสียชีวิต นางสรารัตน์ฯ ได้ขับรถพาผู้ตายไปที่ท่าน้ำบ้านโป่ง เพื่อไปปล่อยปลา ก่อนจะล้มลงหมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยหลังเกิดเหตุ นางสรารัตน์ฯ ได้นำกระเป๋าถือพร้อมเงินสด 50,000 บาทของผู้ตายไปด้วย
สำนวนคดีทั้ง 15 คดีนั้น ได้มีการสอบปากคำพยานมากกว่า 900 ปาก มีเอกสารเกี่ยวกับคดีทั้งหมดมากถึง 26,500 แผ่น 

โดยมีการดำเนินคดีผู้ต้องหารวมจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย

1. นางสรารัตน์ (15 คดี)
ความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นฯ และฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอื่น เพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภค บริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพ หรือใช้ และการปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายฯ

2. พ.ต.ท.วิฑูรย์ (1 คดี)
ความผิดฐาน เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด

3. น.ส.ธันย์นิชา (1 คดี)
ความผิดฐาน เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
นอกจากนี้ ในส่วนของผู้จัดจำหน่ายสารไซยาไนต์ในล็อตที่นางสรารัตน์ฯ ได้สั่งซื้อออนไลน์และนำไปก่อเหตุดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดของกลางดังกล่าวไว้ได้นั้น เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนขยายผลหาผู้ที่จัดจำหน่ายสารอันตรายดังกล่าว เพื่อจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า คดีดังกล่าว ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยอีกคดีหนึ่ง ที่ผู้ต้องหามีการวางแผนฆาตกรรมเหยื่อมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายปี ใช้การวางยาพิษเพื่อให้เหยื่อเสียชีวิตในลักษณะเหมือนการเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย ด้วยภาวะการทำงานของหัวใจล้มเหลว เพื่อมิให้ญาติผู้ตายพบข้อพิรุธสงสัย โดยหวังเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ หรือเพื่อประโยชน์ในการล้างหนี้ที่เคยหยิบยืมกันมา ในคดีนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐาน กระทำด้วยความละเอียดรอบคอบและพยายามแสวงหาพยานหลักฐานมาให้ได้มากที่สุด เนื่องจากหลายเหตุการณ์ผ่านมาเป็นระยะเวลาหลายปี อาจมีความยากลำบากในการรวบรวมพยานหลักฐาน    แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ได้ทำอย่างเต็มที่จนมีพยานหลักฐานมากพอ สามารถสั่งฟ้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้

‘โชติวุฒิ’ ส.ส.พปชร.เผย ได้งบซ่อมบำรุงเขื่อนกั้นน้ำวัดปราสาท พร้อมจัดรอบเวรสูบน้ำแจกจ่ายให้เกษตรกรสิงห์บุรีอย่างทั่วถึง

(29 มิ.ย. 66) นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.สิงห์บุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ตนได้รับเกียรติจากเทศบาลตำบลอินทร์บุรี เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม ‘เทศบาลเคลื่อนที่’ ซึ่งต้องขอชื่นชมเทศบาลตำบลอินทร์บุรีที่จัดกิจกรรมดีๆ เพื่อให้บริการประชาชนในด้านต่างๆ เป็นการอำนวยความสะดวก การมีส่วนร่วม และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน

นายโชติวุฒิ กล่าวต่อถึงความคืบหน้าในการซ่อมแซมเขื่อนกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ชำรุดเสียหายบริเวณวัดปราสาทว่า ขณะนี้ได้รับงบประมาณการซ่อมแซมมาแล้ว และจะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนแผนงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบที่ได้กำหนดไว้

นอกจากนี้ นายโชติวุฒิ ยังกล่าวถึงปัญหาของเกษตรในพื้นที่ว่า ตนได้ไปร่วมประชุมกับพี่น้องเกษตรกรตำบลห้วยชัน รวมถึงผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำฯ ชันสูตร หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำฯ ที่ 2 บรมธาตุ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชัน และผู้นำหมู่บ้าน ในเรื่องการจัดรอบเวรการสูบน้ำหลังจากที่ทางชลประทานได้นำเครื่องจักรสูบน้ำมาติดตั้งแล้ว เพื่อเป็นการแจกจ่ายน้ำให้แก่เกษตรกรอย่างทั่วถึง จึงต้องมีการจัดรอบเวร พร้อมกำหนดกติกาการสูบน้ำของเกษตรกรผู้ใช้น้ำให้เข้าใจตรงกันและเกิดเท่าเทียมกันด้วย

🔍 ตัวแม่ตัวมัม!!

🔍 ตัวแม่ตัวมัม!! ไม่ว่าจะขยับหรือจับอะไรก็กลายเป็นกระแสฟีเวอร์ไปซะหมด นับว่าเป็นอีกคนที่มีอิทธิพลสูงเป็นอย่างมากในวงการโซเชียล และวันนี้เราจะมาเปิด 8 Soft Power ของไทยที่ ‘ลิซ่า BlackPink’ เข้ามาเอี่ยว จนปลุกกระแสให้ขายดิบขายดีชั่วข้ามคืนได้!!
 

กรมการแพทย์แผนไทยฯ นำร่อง “นับหนึ่ง” คลินิกบำบัดยาเสพติดด้วยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมเปิดมิติใหม่ “สุขสำราญนิทราคลินิก” เน้นการรักษาแบบองค์รวมครบวงจร


กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  เปิดตัว “นับหนึ่ง” คลินิกบำบัดยาเสพติดด้วยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หวังใช้การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในการบำบัดรักษา ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจของผู้เสพยาเสพติดให้กลับคืนสู่สภาพปกติ โดยมีระบบการติดตามหลังการบำบัดรักษา เพื่อติดตามพฤติกรรมและป้องกันการเสพติดซ้ำพร้อมเปิดมิติใหม่ในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรังและนอนไม่หลับ“สุขสำราญนิทราคลินิก” เน้นการรักษา แบบองค์รวมครบวงจรในที่เดียว 

นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า  โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน มีการให้บริการคลินิกนำร่องด้านการบำบัดยาเสพติดด้วยการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก โดยใช้ชื่อ “นับหนึ่งคลินิก” ซึ่งคลินิกนี้ จะบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดกลุ่มฝิ่น เฮโรอีน หรือมอร์ฟีน โดยจะมีการใช้ยาแผนไทย ตำรับที่สามารถใช้ทดแทนอาการอยากยา และลดอันตรายจากการติดยากลุ่มดังกล่าว คือ “ตำรับยา ทำให้อดฝิ่น”  ซึ่งใกล้เคียงกับยาเมทธาโดนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน สำหรับกลุ่มยาบ้าและยาไอซ์ ยังมีการนำน้ำมันกัญชาตำรับที่มีสาร CBD เด่น ที่ผลิตจากกองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร คือ “ตำรับยาการุณย์โอสถ” เพื่อลดอันตรายจากการใช้ยาบ้าหรือยาไอซ์ และยังมีการใช้ตำรับยาแผนไทยและยาสมุนไพรอื่นๆ อีกด้วย

นอกจากการใช้กลุ่มยาสมุนไพรในการรักษาแล้ว กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ยังได้นำหัตถการทางการแพทย์แผนไทย มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน เช่น การนวดไทย การอบไอน้ำสมุนไพร และการประคบสมุนไพร  ช่วยลดอาการตึงของกล้ามเนื้อ ทำให้เพิ่มการไหลเวียนเลือด บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ สำหรับ นับหนึ่งคลินิก เริ่มนำร่องให้บริการ ในโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน ผู้สนใจสามารถรับคำปรึกษาในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 20  หรือที่โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน ยศเส กทม.

ทางด้าน ดร.ภก.ปรีชา หนูทิม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลจัดให้มีบริการ "สุขสำราญนิทราคลินิก" คลินิกรักษาอาการปวดเรื้อรังและนอนไม่หลับด้วยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน (Chronic Pain and Insomnia TT & CM Clinic) ครบวงจร ซึ่งเปิดให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยตามแนวเวชปฏิบัติการรักษาอาการปวดเรื้อรังและนอนไม่หลับด้วยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดที่มีระยะเวลาต่อเนื่องมากกว่า 3 เดือน ตั้งแต่ผู้ป่วยที่มีอาการปวดในระดับยอมรับได้ ไปจนถึงระดับปวดมาก รวมถึงผู้ป่วยที่มีอาการนอนไม่หลับ ทำให้สุขลักษณะการนอนไม่ดี ซึ่งเป็นการรักษาแบบองค์รวมร่วมกันระหว่างการแพทย์แผนไทยและการแพทย์บูรณาการ

"สุขสำราญนิทราคลินิก มีการรักษาทั้งแบบใช้ยาและไม่ใช้ยา มีทั้งยาสมุนไพรทั่วไปและที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ ส่วนการรักษาอาการปวดเรื้อรัง และ นอนไม่หลับ แบบใช้ยา โดยจะใช้ตำรับแผนไทยและยาสมุนไพร ในบัญชียาหลักแห่งชาติ หรือที่อยู่ในเภสัชตำรับของโรงพยาบาล ยากัญชาทางการแพทย์แผนไทย/การแพทย์ทางเลือก ส่วนการรักษา แบบไม่ใช้ยา เช่น การนวดรักษา ประคบสมุนไพร การพอกยาสมุนไพร การแช่สมุนไพร การกักน้ำมัน การอบสมุนไพร การฝังเข็มโดยแพทย์แผนจีน และการใช้หลักธรรมานามัย เป็นต้น

สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถร่วมงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯ ครั้งที่ 20  ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน - 2  กรกฎาคม 2566  เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 11-12  ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี  พบกับกิจกรรมต่างๆในงาน อาทิ งานสัมมนาวิชาการนานาชาติเรื่องกัญชากัญชง , การประชุมวิชาการประจำปี ในหัวข้อต่างๆ ,  การประกวดผลงานวิชาการประจำปีฯ , ตลาดความรู้ 15 หลักสูตรฟรี มีโซนจัดแสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ สมุนไพรไทย ที่มีมาตรฐานกว่า 300 บูธ แจกกล้าไม้ กล้าไม้ยืนต้น สมุนไพรไม้ใช้สอยไม้กินได้ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และลุ้นรางวัลฟรีมากมาย สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Facebook Fanpage มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ หรือ Website: https://natherbexpo.dtam.moph.go.th  และ โทรศัพท์  0-2149-5649

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

ผบ.ตร. ลงพื้นที่ค่ายพระรามหก จ.เพชรบุรี ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาบุคลิกภาพและคุณภาพชีวิตตำรวจ นำร่อง โดยมีตัวแทนจากตำรวจทั่วประเทศ เพื่อสร้างตำรวจยุคใหม่ ปรับเปลี่ยนทัศนคติ สร้างภาพลักษณ์องค์กร เน้นเสริมบุคลิกภาพ สร้างจิตสำนึกที่ดี มีหลักธรรมนำการทำงาน ภาพรว

วานนี้ (29 มิ.ย.66) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ณัฐ สิงห์อุดม ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.), พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) , คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ และคณะ ลงพื้นที่ จว.เพชรบุรี รับฟังและขับเคลื่อนโครงการพัฒนาบุคลิกภาพและคุณภาพชีวิตของข้าราชการตำรวจ โดยมีผู้เข้ารับการฝึกอบรมฯ จำนวน 100 นาย ซึ่งเป็นผู้แทนจากทุกหน่วยในสังกัด ตร. กำหนดระยะเวลาอบรม 8 วัน (26 มิ.ย. - 3 ก.ค.66) 

ทั้งนี้ ก่อนฝึกอบรมจะมีการประเมินผู้เข้ารับการอบรม เพื่อประเมินผลการดำเนินการก่อนและหลังการอบรม จากนั้นจะเข้าสู่การอบรมโดยมีพระอาจารย์เอกชัย สิริญาโน เจ้าอาวาสวัดใหม่ศรีร่มเย็น จว.เชียงราย เทศนาธรรมให้กับข้าราชการตำรวจในหัวข้อที่สำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต จริยธรรม คุณธรรม มีหลักธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ เช่น การปรับทัศนคติการใช้ชีวิตอย่างมีคุณธรรม อุดมคติ 9 ข้อของตำรวจ และสอนการปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาให้ผู้เข้ารับการอบรมด้วย นอกจากนี้ ยังมีผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ รศ.ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ นักวิชาการสุขภาพจิตการสื่อสารและศาสนาปรัชญา , นพ.พิเชษฐ พัวพันกิจเจริญ ผอ.รพ.พระจอมเกล้า, นายอธิษฐาน วงศ์ใหญ่ รอง ผอ.ฝ่ายบริหาร รพ.ลำปาง และคณะ ร่วมเป็นวิทยากรตามโครงการ ให้ความรู้ในหัวข้อ การดูแลสุขภาพร่างกายแบบมืออาชีพ คุณค่าความฉลาดทางอารมณ์ ความฉลาดทางสังคม การดูแลสุขภาพจิต การสร้างความสุขและความสำเร็จในชีวิต  อันจะเป็นการเสริมสร้างคุณลักษณะที่เหมาะสมในการทำงาน มีสุขภาพกายใจ บุคลิกภาพและสภาพจิตใจที่ดี มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ ดูแลประชาชน  ครอบครัว ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือผู้ร่วมงาน ในยุคสังคมออนไลน์ต่อไป

โครงการพัฒนาบุคลิกภาพและคุณภาพชีวิตของข้าราชการตำรวจ เป็นดำริของ ผบ.ตร.ที่ต้องการพัฒนาบุคลิกภาพและคุณภาพชีวิตของตำรวจ สร้างจริยธรรม คุณธรรม สร้างทัศนคติ และจิตสำนึกที่ดีให้แก่ข้าราชการตำรวจในยุคปัจจุบัน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร ตอบสนองต่อการดูแลพี่น้องประชาชน 
 
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า “ในยุคสังคมออนไลน์ปัจจุบัน ตำรวจจำเป็นต้องมีการเสริมสร้าง พัฒนาบุคลิกภาพ ปรับเปลี่ยนทัศนคติ สร้างจิตสำนึกภาพลักษณ์ที่ดี มีจิตการให้บริการ ช่วยเหลือประชาชน ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเกิดการฝึกอบรมโครงการนี้ขึ้น โดยผลการฝึกอบรม การประเมินเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ได้รับความร่วมมือและการตอบรับจากผู้เข้ารับการอบรมเป็นอย่างดียิ่ง เชื่อว่าผู้ที่ผ่านการอบรมจะมีการพัฒนาคุณภาพชีวิต บุคลิกภาพด้านต่างๆ ได้ดี จึงเห็นว่าควรจะต่อยอดการฝึกอบรมฯ กระจายไปยังศูนย์ฝึกอบรมฯ ของทุกกองบัญชาการต่าง ๆ ทั่วประเทศต่อไป เพื่อพัฒนาตำรวจท้้งประเทศให้มีความพร้อมในทุกๆมิติ ในการดูแลพี่น้องประชาชนในสังคมยุคปัจจุบัน” 

จากนั้นคณะ ผบ.ตร. ได้เดินทางไปตรวจพื้นที่การก่อสร้างร้านกาแฟ ปันรักษ์ (PunRak) และร้านค้าสวัสดิการตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมถนนเพชรเกษม หน้าค่ายนเรศวร (บริเวณเครื่องบินจำลองขนาดใหญ่) ใกล้สนามยิงปืนฯ โดยมีพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ เพื่อเป็นจุดพักผ่อน เช็คอิน ถ่ายรูป สำหรับประชาชนและข้าราชการตำรวจในการเดินทาง คาดว่าจะเปิดทำการได้ในห้วงเดือนสิงหาคม 2566 นี้

มุกดาหาร-ผู้ว่าฯ มุกดาหารร่วมการประชุม Forum on China ความร่วมมือด้านการขนส่งข้ามพรมเเดนสำหรับเมืองด่านชายเเดนสำคัญระหว่างจีน-คาบมหาสมุทรอินโดจีน

วันที่ 28 มิถุนายน 2566  นายวรญาณ  บุญณราช  ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง โดยสำนักเลขาธิการงานแสดงสินค้าจีน - อาเซียน ได้เชิญ จังหวัดมุกดาหารร่วมการประชุม Forum on China - Mainland Southeast Asia Key Port City Cooperation in Cross-border Lagistics ระหว่างวันที่ 27 - 29 มิถุนายน 2566  ณ เมืองฉงจั่ว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี ประธานหอการค้า ,สภาอุตสาหรกรรม,และสมาคมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหารเข้าร่วมประชุม
ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารได้กล่าวคำปราศรัย เสนอข้อคิดริเริ่ม แถลงตัวเลข/ดัชนี สำคัญ และลงนามในโครงการ ฯ พร้อมทั้ง ชม งานแสดงสินค้านำเข้าและส่งออกระหว่างจีน-อาเซียนและยังได้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เข้าร่วมประชุมฯ
การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นครั้งแรก มีหัวข้อหลัก ของการประชุม คือ ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ระหว่างเมืองท่าที่มีประสิทธิภาพไร้อุปสรรค และช่วยอำนวยความสะดวก มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลและหารือแนวทางร่วมมือเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทั้งด้านกายภาพและกฎระเบียบ ใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่

(1) ความเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน
(2) ด่านอิเล็กทรอนิกส์และการอำนวยความสะดวกด้านพิธีศุลกากร และ
(3) การบูรณาการระหว่างเมืองอุตสาหกรรมและการสร้าง
เมืองอัจฉริยะตามแนวชายแดน

ทั้งนี้ จังหวัดมุกดาหารจะได้รับประโยชน์ในการเชื่อมโยงระบบโสจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานผ่านเส้นทาง R9 และ R12 ซึ่งเป็นช่องทางการขนส่งสินค้าทางบกที่สำคัญจากประเทศไทยไปสาธารณรัฐประชาชนจีน

เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259-777
 

แฟนกีฬาถล่มยับ หลัง ‘พิธา’ ร่วมเชียร์วอลเลย์บอลหญิงไทย ซัด!! ควรมีมารยาท-วางตัวให้เป็น อย่าเอาการเมืองมาปนกับกีฬา .

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 66 ในการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่พบกับทีมชาติตุรกี ในศึกวอลเลย์บอลหญิง เนชันส์ลีก 2023 คนไทยส่งแรงใจเชียร์นักตบสาวไทยอย่างเนืองแน่นเต็มสนาม และหนึ่งในนั้น คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย

แต่หลังจากที่ทางเพจเฟสบุ๊ก ‘Volleyballthailand’ ได้ลงภาพนายพิธา ขณะที่มาร่วมเชียร์วอลเลย์หญิงไทย ได้เกิดเป็นกระแสดรามาขึ้น เนื่องจากมีกลุ่มแฟนคลับกีฬาจำนวนมาก ได้เข้ามาคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์ถึงการวางตัวที่ ‘ไม่เหมาะสม’ ของหัวหน้าพรรคก้าวไกล และขอให้อย่าเอาการเมืองมาปนกับกีฬา เพราะคนที่ไม่ชอบนักการเมืองก็มีไม่น้อย โดยคอมเมนต์บางส่วนระบุว่า…

“ฝากบอกพิธาเว้นกีฬาไว้อย่างเหอะ สงสารน้องๆ นักกีฬาวอลเลย์บอลจะโดนเกลียดไปด้วยทำอะไรคิดถึงคนอื่นบ้างค่า แฟนวอลเลย์บอลที่ไม่ชอบพิธาก็ไม่น้อยค่า”

“เรื่องมารยาท เรื่องจิตสำนึกที่ดี เป็นหนึ่งในเรื่องที่เงินซื้อไม่ได้ คนมีมารยาทและนิสัยดีจะรู้ว่า อะไรควรทำ ต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ในบทบาท หรือสถานะอะไร ถ้าเป็นนักการเมือง ถ้าทั้งปีทั้งชาติ ไม่เคยไปเชียร์ แต่วันนี้โผล่ไป ถ้าคนมีมารยาท คิดเป็น และไม่ฉวยโอกาส จะบอกตัวเองว่า เราอย่าไปเลย… ไปในฐานะอะไร? มันดูหิวแสง ดูสร้างภาพ ดูปลอม ดูไม่ดี การเชียร์นักกีฬาไทย มันเป็นความสุขของคนไทย คนไทยมี 70 กว่าล้านคน คนไม่ชอบเราก็เยอะ อย่าทำให้คนไทยหมดสนุกเพราะเราเลย อย่าทำให้คนไทยต้องมาทะเลาะแตกแยกไปทุกวงการเลย เว้นสักเรื่องเถอะ”

“กีฬา โดยเฉพาะวอลเลย์หญิง เป็นสิ่งเดียวที่คนไทยไม่น้อยร่วมใจกันเชียร์ ต้องแตกแยกเพราะคนแบบนี้ ที่วางตัวไม่เป็น ไม้รู้อะไรควร ไม่ควร เห่ออออ”

“เลิกเชียร์เลิกติดตาม เชียร์มาตลอด เสียแรงจริงๆ”

“การเมืองเข้ามายุ่งกับกีฬาบรรลัยแน่นอน คอนเฟิร์ม”

“เสียใจ เป็น FC มาตั่งแต่รุ่น 7 เซียน ทำให้หมดใจกับวอลเลย์ขนาดแพ้ทุกนัดยังเชียร์”

“ปิดทีวีแทบไม่ทัน คุณพิธา/คุณปิยะบุตรมาเชียร์วอลเลย์บอลนี่นะ ขำตายล่ะ กระแสวอลเลย์บอลฟีเวอร์มากี่ชาติ ไม่เห็นได้ข่าวว่าไปเชียร์ มาตอนนี้เลยดูแปลก แต่ก็โอเค เป็นสิทธิ ของใครของเราไม่ว่ากัน”
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top