Sunday, 16 February 2025
NEWS FEED

‘เอกนัฏ’ สั่ง!! ‘ทีมตรวจสุดซอย’ ลุยต่อเนื่องตรวจ 2 โรงงาน เชื่อมโยง!! ไฟไหม้โรงงานพลาสติกเถื่อน จ.สมุทรสาคร

(12 ก.พ. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ส่งทีมตรวจสุดซอยลุยตรวจต่อเนื่อง นำโดย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ขยายผลเหตุเพลิงไหม้โกดังทลายเครือข่ายที่เคยพบเศษพลาสติกกว่า 6,900 ตัน พร้อมตรวจค้น 2 โรงงานที่มีความเชื่อมโยงกับโรงงานพลาสติกเถื่อน จ.สมุทรสาคร ที่ถูกสั่งปิด เมื่อวันที่ 1 ก.พ.68 ที่ผ่านมา

น.ส.ฐิติภัสร์กล่าวว่า ในที่เกิดเหตุเพลิงไหม้พบป้ายชื่อบริษัทที่ติดอยู่ คือ บริษัทเถิงฟา พลาสติก แอนด์ เมทเทิล จำกัด ตั้งอยู่ที่ 288/6 หมู่ที่ 4 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีนายฟู่ซิน หลัว เป็นหนึ่งในกรรมการจากการขยายผลพบอีก 2 บริษัทที่มีความเชื่อมโยงกัน คือ 1) บริษัท ยูนิโบร เมทัล (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งอยู่ที่ 288/6 หมู่ที่ 4 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีนายฟูควน ลัว และนายฟู่ซิน หลัว เป็นกรรมการ ประกอบกิจการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นอันตราย 2) บริษัทเถิงต๋า พลาสติก แอนด์ เมทเทิล จำกัด ตั้งอยู่ที่ 288/12 หมู่ที่ 4 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีนายฟูควน ลัว เป็นกรรมการ ประกอบกิจการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต

จากการตรวจค้นทั้ง 2 บริษัท พบเศษพลาสติกสายไฟนำเข้าจากต่างประเทศ บางส่วนมีลักษณะคล้ายกับเศษพลาสติกสายไฟในโกดังที่เกิดเหตุไฟไหม้ โดยนายฟูควน ลัว กรรมการบริษัท ยูนิโบร เมทัล (ไทยแลนด์) จำกัด รับสารภาพเป็นเจ้าของ นอกจากนี้ ยังตรวจพบขยะอิเล็กทรอนิกส์และแผ่น PCB ถูกบดย่อยกองอยู่และในถุง big bags เป็นจำนวนมากในพื้นที่ ซึ่งมีบริษัท บี เค รีไซเคิล จำกัด เป็นเจ้าของ ส่วนการตรวจค้นบริษัท เถิงต๋า ที่ตั้งอยู่ติดกัน พบมีการลักลอบประกอบการโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนกกฎหมายไม่ปฏิบัติตามประกาศเรื่องสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว

พนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมและส่งตัวนายฟูควน ลัว กรรมการบริษัท ยูนิโบร เมทัล (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทเถิงต๋า พลาสติก แอนด์ เมทเทิล จำกัด และบริษัทเถิงฟา พลาสติก แอนด์ เมทเทิล จำกัด ส่งตัวไปดำเนินคดีที่ บก.ปทส. พร้อมทั้งดำเนินคดีกับผู้มีส่วนกระทำความผิดทั้งหมดอย่างถึงที่สุด

“หากประชาชนพบเห็นปัญหาหรือเหตุต้องสงสัยเกี่ยวกับการประกอบการอุตสาหกรรมที่ไม่ถูกต้องหรือสินค้าที่ไม่ผ่านมาตรฐาน มอก. สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่าน ‘แจ้งอุต’ หรือไลน์ไอดี ‘traffyfondue’ เพื่อกระทรวงฯ จะเร่งส่งทีมสุดซอยลงพื้นที่จัดการกับปัญหาให้ประชาชนในทันที” น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวทิ้งท้าย

นาโอมิ โพสต์อินสตาแกรม ขอบคุณ ‘นายกฯ อิ๊งค์-ทักษิณ’ เผย!! รู้สึกตื่นเต้น ที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ในการร่วมผลักดัน แฟชั่นไทย ก้าวไกลสู่เวทีโลก

(12 ก.พ. 68) นาโอมิ เอเลน แคมป์เบลล์ (Ms. Naomi Elaine Campbell) นางแบบชื่อดังระดับโลก โพสต์อินสตาแกรมระบุว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เยือนประเทศไทยตามคำเชิญของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

การใช้พลังแห่งแฟชั่นในเชิงวัฒนธรรม เพื่อนำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ฉันให้ความสำคัญมาโดยตลอด และฉันรู้สึกยินดีที่ได้เห็นว่า สิ่งเหล่านี้เป็นวิสัยทัศน์ร่วมกันกับประเทศไทย

ขอขอบคุณ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกฯ และประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย สำหรับการพูดคุยอันมีคุณค่าเกี่ยวกับการนำเสนอเสน่ห์และพรสวรรค์อันโดดเด่นของไทยบนเวทีแฟชั่นระดับโลก

ด้วยประสบการณ์ในแวดวงแฟชั่นระดับนานาชาติของฉัน ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีส่วนร่วมในการสร้างเส้นทางที่เอื้อให้ความคิดสร้างสรรค์ของไทยก้าวไกลสู่เวทีโลก

‘รถยนต์ฝ่าไฟแดง’ ชน!! ม.3 ข้ามทางม้าลาย หน้าโรงเรียนสวนกุหลาบ ขณะ!! ‘ไฟเขียว’ ให้คนข้ามถนน ทั้งที่คนถือธงแดง โบกธงแล้ว

เผยว่า เมื่อช่วงหลังเลิกเรียนวันนี้ ผู้ปกครองแจ้งว่าเกิดเหตุนักเรียนสวนกุหลาบ (ม.310) โดนรถที่ขับฝ่าไฟแดงคนข้าม ชนบริเวณหน้าโรงเรียน เบื้องต้นน้องขึ้นรถพยาบาลไปกับครูประจำชั้นแล้ว หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป

นักเรียนที่อยู่ในจุดเกิดเหตุให้ข้อมูลว่า ไฟเขียวให้คนข้ามถนนและคนถือธงแดงโบกธงแล้ว จังหวะนั้นน้องกำลังจะพุ่งไปขึ้นรถเมล์ แต่รถยนต์คันสีแดงกลับเร่งความเร็วฝ่าไฟแดงเข้ามาชน เพื่อนน้องหลบทัน น้องหลบไม่ทัน จุดที่ถูกชนยังอยู่บนพื้นที่ทางม้าลายคนข้ามถนน และเป็นสัญญาณไฟเขียวให้คนข้าม

และรายงานล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. ตอนนี้น้องปลอดภัย มีสติ พูดคุยรู้เรื่อง กำลังรอผลเอกซเรย์ และในเวลา 18.00 น. ผลเอกซเรย์ทุกอย่างไม่มีแตกหัก รวมถึงสแกนสมองเรียบร้อย คาดว่าไม่ต้องนอน รพ. วันนี้น้องเรียนวันสุดท้าย มีสอบอีก 2 วัน ก็จบ ม.3

‘เนติวิทย์’ โอด!! ไม่รู้ว่าควรขำหรือเศร้า วัฒนธรรมการลงโทษในจุฬาฯ ที่ยังคงอยู่

(12 ก.พ. 68) จากกรณี คณะกรรมการจัดงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์ – จุฬาฯ ครั้งที่ 75 ได้ประชุมร่วมกันทั้งธรรมศาสตร์และจุฬาฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงาน ที่สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยครั้งนี้สมาคมธรรมศาสตร์ฯ เป็นเจ้าภาพ ซึ่งการแข่งขันจะมีขึ้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ ทั้งนี้ นับเป็นการจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากห่างหายไปตั้งแต่ปี 2563 และกิจกรรที่เป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งของงานครั้งนี้คือเชียร์ลีดเดอร์ ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างสีสันให้กับงานบอลประเพณีมาตลอด

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 ก.พ. นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล อดีตนายกสโมสรนิสิตจุฬา ออกมาโพสต์ข้อความ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในการฝึกซ้อมของหลีดและคฑากรจุฬาฯที่ยังคงมีการลงโทษที่ไม่เหมาะสมและระบบอาวุโสที่ควรจะหมดไปได้แล้ว พร้อมวอนไปถึงผู้บริหารของมหาวิทยาลัยควรเข้ามาจัดการและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Netiwit Chotiphatphaisal’ ว่า

"ไม่รู้ว่าควรขำหรือเศร้า ช่วงนี้เดินไปศาลเจ้าแม่ฯ บ่อยๆ ลัดหน้าจาม9 ไปทะลุออกประตูตลาดสามย่าน ก็จะเห็นพวกคฑากรและหลีดซ้อมอยู่ตรงหนัาจาม9 ตลอด วันนึงน้องที่เดินไปด้วยชวนหยุดยืนดูเขาซ้อม เราก็คิดว่าคงไม่มีอะไร สักพักรุ่นพี่ก็สั่งรุ่นน้องวิดพื้น หรือกระโดด เพราะทำคฑาตก ไม่น่าเชื่อว่ามีคนกำลังยืนอยู่และพื้นที่สาธารณะด้วย เขาก็กล้าทำโทษรุ่นน้อง เลยเอากล้องขึ้นมาถ่ายคลิปเป็นหลักฐาน พวกเขาเห็นคนถ่ายคลิป (โดยเฉพาะจากตัวร้ายอย่างผม) แทนที่จะหยุดก็ยังคงใส่ทำโทษท่าทางต่างๆต่อไป เหมือนจะโชว์ให้เราเห็นด้วยซ้ำ

อีกวันนึงก็เจอพวกรุ่นพี่สั่งหลีดจุฬาฯวิ่งรอบสนามจุ๊บ 3 รอบ ท่ามกลางคนมากมาย นี่มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วหรือไง ก็เลยเดินเข้าไปถามพวกรุ่นพี่ คิดว่าพวกนี้มันต้องเด็กกว่าเราแน่ ก็เราเรียนถึง 8ปีเลยนี่ ผมบอกเขาว่าผมรหัส 59 น่ะ คุณรหัสอะไร รุ่นพี่ตอบกลับว่าผมรหัส 52 (คือเข้าจุฬาฯปี 2552) แค่นั้นผมก็อึ้งไปเลย ไม่ใช่ว่ากลัวอาวุโสอะไร แต่โอ้โหคิดเล่นๆน่ะ ยังมีคนเป็นบ้ากับมหาลัยได้มากกว่าผมอีกหรือ แหม คนก็มาด่าแต่เราเป็นมาเฟียสามย่าน หรือ เสี้ยนหนามของจุฬาฯก็ไม่รู้ (น่าให้รางวัลเชิดชูเกียรติพวกนี้จริงๆ) และอีกความคิดนึงที่ซีเรียสก็คือ ทำไมนิสิตรุ่นใหม่ถึงสยบยอมกับรุ่นพี่พวกนี้ได้ขนาดนี้ โอ้ บางคนเรียนคณะรัฐศาสตร์ด้วย โอ้ ระบบการศึกษาสิบกว่าปีที่ผ่านมา โอ้ อาจารย์ในมหาวิทยาลัยสอนอะไร โอ้ human agency โอ้ human dignity นิสิตไม่ตั้งคำถามกับพวกเขาเลยหรือไงที่สั่งวิ่งสั่งลุกนั่ง จนหลายๆคนหอบกินก็ยังทำตามคำสั่งต่อไป

กลับมาอีกประเด็นเชิงเทคนิคหน่อยก็คือ หลีดจุฬาฯ คฑากร มันจะโทษรุ่นพี่พวกนี้ไปเสียทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะระบบมันเลิกไปแล้ว 3-4 ปี และระบบมันฟังก์ชั่นนี้อยู่แล้วที่จะต้องทำตามคำสั่งอย่างเสียมิได้ เลยถูกกดดันให้ยกเลิกไปดีกว่าจะมาปรับปรุงที่ไม่มีทางเปลี่ยนได้จริงๆ

ที่มันกลับมาก็เพราะผู้บริหารจุฬาฯชุดปัจจุบันอยากให้มี (แบรนดิ้งไงล่ะ หลีดคฑากรคือแบรนด์ที่มหาลัยอยากให้สังคมรับรู้ ไม่ใช่คนอย่างพิรงรองหรือนักวิชาการเก่งๆ) ไม่งั้นมันจะซ้อมแบบนี้ได้หรือ ถ้าผมหรือใครไปขอซ้อมทำม๊อบประท้วง รปภ ไม่มาจับตาดูทุกวินาทีแล้วหรือ รวมถึงอาจไม่ให้พื้นที่ด้วย มันจะระดมรุ่นพี่กลับมาได้ยังไงถ้าไม่ถูกขอร้อง และผู้บริหารมหาลัยก็มีส่วนร่วมคัดตัวหลีดและคฑากรด้วยนี่ ผู้บริหารบางคนยิ้มแกล้มปรี่้เลยว่านี่คือการรื้อฟื้นสิ่งสำคัญที่หายไปกลับมา ดังนั้น ผู้บริหารนี่แหละที่เปิดพื้นที่อยากให้พวกนี้กลับมา และต้องรับผิดชอบด้วย

สุดท้าย ไม่อยากให้ใครสิ้นหวัง มันไม่มีอะไรเลย! ระบบมันยกเลิกไม่ยากเลย ผู้บริหารจุฬาฯบอกให้ยกเลิกได้ ออกมาพูดได้เลย อย่าลอยตัว พูดได้ไม่เอาแบบนี้แล้วในงานบอล นิสิตจุฬาฯทุกคนก็ช่วยกันผลักดันได้ เห็นลงโทษแบบนี่ก็ร้องเรียน ออกมาพูดเลย องค์กรนิสิตต่างๆก็กดดันอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้พื้นที่ในสื่อ/หรือไปร่วมคัดเลือก อาจารย์ก็บอกนิสิตให้ตั้งคำถามในห้องเรียน - ผมไม่เชื่อว่ามันยากจะเปลี่ยนจะเลิก- เพราะมันเคยยกเลิกไปแล้วด้วย - ถ้าเราไม่ทำให้มันเป็นเรื่องธรรมดา normalization ถูกจับตาเฝ้ามองตลอด หลีดคฑากรอันแสนโหดนี่ก็จะเป็นเรื่องอดีตอีกครั้ง"

‘อรพินทร์ เพชรทัต’ เลขาฯ รมว.พลังงาน แจงด่วน!! หลังถูกแอบอ้าง!! ขอยืมเงิน ชวนลงทุน ‘หุ้น-ทองคำ’

(12 ก.พ. 68) นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความ ระบุว่า

เรียนประชาชนทุกท่าน

ขณะนี้มีบุคคล-กลุ่มบุคคลได้แอบอ้าง ปลอมแปลง Facebook-TikTok และ Line ของข้าพเจ้า นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต ทำให้ข้าพเจ้าฯ เสื่อมเสียชื่อเสียง และสร้างความเสียหาย เดือดร้อนให้กับประชาชนที่หลงเชื่อในเรื่อง ดังนี้ 

ใช้ชื่อข้าพเจ้าฯ แอบอ้างเพื่อเชิญชวนลงทุนเรื่องทองคำ หุ้น และเรื่องต่างๆ

ใช้ชื่อข้าพเจ้าฯ แอบอ้างเพื่อการขอยืมเงิน

ข้าพเจ้าฯ ขอปฏิเสธในทุกเรื่องที่กล่าวมาข้างต้น 

และขอแจ้งยืนยันสื่อโซเชียลมีเดียที่เป็นของข้าพเจ้าฯ จริงในปัจจุบัน โดยมีรายละเอียดปรากฎตามรูปภาพด้านล่างนี้ 

รบกวนทุกท่านช่วยกันแชร์ข้อความนี้ เพื่อช่วยปกป้องประชาชนบริสุทธิ์ และช่วยกำจัดมิจฉาชีพ

นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต

เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

‘เจือ ราชสีห์’ เตรียมเสนอ!! ‘นายกฯ อิ๊งค์’ ให้เร่งพัฒนาภาคใต้ ให้เจริญ ดันงบ!! ‘สร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา – สร้างโรงพยาบาลเมืองสงขลา’

(12 ก.พ. 68) นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรีและของ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ในโอกาสที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดสงขลา วันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ นี้ ตนขอให้ นายกรัฐมนตรี ช่วยนำงบประมาณลงมาพัฒนาภาคใต้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะจังหวัดสงขลา ซึ่งตนได้รับการร้องเรียนจากชาวจังหวัดสงขลา อยากให้มีการพัฒนาหลายๆ ด้าน จึงขอฝากให้นายกรัฐมนตรีช่วยแก้ไขปัญหาให้ คือ

1. โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา จากฝั่งเทศบาลนครสงขลา จังหวัดสงขลา ไปยังฝั่งอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา โครงการนี้เป็นความหวังของชาวสงขลามานาน โดยเฉพาะการเชื่อมต่อเทศบาลนครสงขลา จังหวัดสงขลา ไปยังฝั่งอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการจราจร ลดระยะทางการเดินทาง และส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันการเดินทางระหว่างจากฝั่งเทศบาลนครสงขลา จังหวัดสงขลา ไปยังฝั่งอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ยังคงต้องใช้เส้นทางอ้อมเป็นระยะทางไกล หรือใช้บริการแพขนานยนต์ข้ามฟาก ซึ่งไม่สามารถรองรับปริมาณการเดินทางที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งแพขนานยนต์ข้ามฟากสามารถใช้ได้จนถึง 22.00 น. เท่านั้น ซึ่งในช่วงเช้า-ช่วงเย็น ส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด ไม่สะดวกในการเดินทาง และกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา โดยตนเคยยื่นเรื่องนี้ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาไปแล้ว และขณะนี้มีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง กรมทางหลวงชนบท ได้ตั้งงบประมาณในปี พ.ศ. 2569 เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ถ้าการศึกษาของกรมทางหลวงชนบทผ่าน ขอให้นายกรัฐมนตรีช่วยอนุมัติงบประมาณ ด้วย

2. สร้างโรงพยาบาลอำเภอเมืองสงขลา หรือโรงพยาบาลจังหวัดสงขลา2 เป็นการคืนโรงพยาบาลให้กับพี่น้องในเขตเทศบาลนครสงขลา และตำบลใกล้เคียงด้วย หลังจากที่โรงพยาบาลจังหวัดสงขลา ได้ย้ายออกจากเทศบาลนครสงขลา ไปตั้งอยู่ในตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ทำให้พี่น้องในเขตเทศบาลนครสงขลา และตำบลใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อน ซึ่งพี่น้องในเขตเทศบาลนครสงขลาและตำบลใกล้เคียง อยากได้โรงพยาบาลที่มีศักยภาพ มีความพร้อมเพื่อดูแลผู้ป่วยในได้ และเพื่อให้พี่น้องได้เข้าถึงสิทธิในการบริการสาธารณสุขอย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพ

‘ธนกร’ เตรียมจูงมือ ‘แคทลีน มาลีนนท์’ เข้าห้องหอ พร้อมลั่นระฆังวิวาห์ 22 ก.พ. หลังคบหาดูใจมา 5 ปี

เมื่อวันที่ (9 ก.พ.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เวลาสละโสด สำหรับ ‘ดร.แด๊ก’ ธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรค และสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ปลูกต้นรักอยู่ในห้วงอินเลิฟกับ ‘แคตตี้’ แคทลีน มาลีนนท์ ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลมาลีนนท์ ประธานกรรมการ บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (Thai Solar Energy PLC.) หลังเป็นเพื่อนกัน 5 ปี และดูใจกันอีก 5 ปี ในที่สุดก็ตกลงปลงใจร่วมใช้ชีวิตคู่

สำหรับ พิธีมงคลสมรสจัดขึ้น 18.00 น. วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 4 เดอะ ริทซ์ – คาร์ลตัน บางกอก สุขุมวิท งานนี้ เชื่อว่า คงเต็มไปด้วยคนดังจากหลากหลายวงการ ทั้งแวดวงการเมือง สังคม ธุรกิจ และบันเทิง ที่ต่างมาร่วมแสดงความยินดีกับทั้งคู่ ในพิธีมงคลสมรสครั้งนี้ ที่มี วรวิทย์ กังศศิเทียม อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธานในพิธี

สำหรับ ดร. ธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรค และ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ อายุ 52 ปี เป็นชาวนครศรีธรรมราช

ขณะที่ ดร. แคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการ บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (Thai Solar Energy PLC.) อายุ 50 ปี มีบุตรแล้วหนึ่งคนคือ เบรธ-ณนนท์ กิจโอธาน

ครบรอบ 420 ปีความสัมพันธ์ไทย-อิหร่านและ 70 ปีการทูต ย้ำมิตรภาพยาวนานและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์

(11 ก.พ.68) สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจัดพิธีเฉลิมฉลองวันชาติ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 46 ปีของชัยชนะการปฏิวัติอิสลาม พร้อมกับรำลึกถึงสายสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ระหว่างอิหร่านและไทยที่มีมายาวนานถึง 420 ปี และเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 70 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ

แถลงการณ์ในโอกาสพิเศษนี้เน้นย้ำถึงมิตรภาพและความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างอิหร่านและไทย โดยย้อนรอยความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นเมื่อ 420 ปีก่อน ผ่านนักปราชญ์ศาสนาและพ่อค้าชาวเปอร์เซีย 'ชีคอาหมัด กุมี' ผู้มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและศาสนาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ความสัมพันธ์ดังกล่าวสะท้อนถึงอิทธิพลของอารยธรรมเปอร์เซียในไทย ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างรากฐานแห่งมิตรภาพระหว่างสองชาติ

การศึกษาประวัติศาสตร์ของอารยธรรมอิหร่านเผยให้เห็นถึงการส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง และการเคารพซึ่งกันและกัน โดยชาวอิหร่านมักเลือกใช้การเจรจาและความอดทนแทนการครอบงำหรือการใช้อำนาจฝ่ายเดียว ความสัมพันธ์ของอิหร่านและไทยมีรากฐานยาวนานตั้งแต่ 420 ปีก่อน เมื่อชีคอาหมัด กุมี นักปราชญ์และพ่อค้าเปอร์เซียได้เดินทางมายังสยามและเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างอารยธรรมโบราณทั้งสอง

ในปีนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลอง 46 ปีของชัยชนะในการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งสาธารณรัฐอิสลามและการยุติการปกครองของราชวงศ์ปาห์ลาวี การปฏิวัติครั้งนี้มีความสำคัญทั้งในเชิงสังคมและการเมือง และเป็นสัญลักษณ์ของความพยายามในการฟื้นฟูประเทศให้เป็นอิสระจากอิทธิพลของมหาอำนาจ

การปฏิวัติอิสลามซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชาชนด้วยศรัทธาและการเสียสละ ได้สร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของอิหร่าน แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบากและอุปสรรค แต่ประเทศก็สามารถเติบโตและเจริญรุ่งเรืองในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี

อิหร่านยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งการผลิตดาวเทียมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การผลิตไอโซโทปทางการแพทย์สำหรับรักษามะเร็งและโรคทางระบบประสาท นักวิทยาศาสตร์ชาวอิหร่านได้ส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรอย่างน้อย 10 ดวงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศในด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ปัจจุบัน อิหร่านมีนักศึกษาประมาณ 3.2 ล้านคนในมหาวิทยาลัย ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นสตรี การพัฒนาทางการศึกษาและการเสริมสร้างความเท่าเทียมทางเพศในระดับอุดมศึกษายังคงเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของประเทศ ขณะเดียวกัน การพัฒนาภาคพื้นฐานในชนบทและพื้นที่ที่พัฒนาน้อยกว่าได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ในการกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและประเทศไทยในปัจจุบัน ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวอิหร่าน โดยมีนักท่องเที่ยวกว่า 50,000 คนเดินทางมาไทยในปี 2024 การเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศถือเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

การเฉลิมฉลองในครั้งนี้ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐอิสลาม อิหม่ามโคมัยนี และผู้พลีชีพที่เสียสละเพื่อการปฏิวัติอิสลาม โดยหวังว่าความสัมพันธ์อันดีระหว่างอิหร่านและไทยจะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยความเต็มใจและการสนับสนุนจากรัฐบาลของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านและราชอาณาจักรไทย เราจะได้เห็นการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่เจริญรุ่งเรืองในทุกมิติต่อไป

บางภาคส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศได้มีการพัฒนาและยังคงมีศักยภาพมหาศาลที่จะนำมาซึ่งประโยชน์ร่วมกัน เป้าหมายหลักของนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลอิหร่านคือ การปกป้องผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติ รวมถึงการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับสากล ในขณะที่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านและรัฐบาลไทยกำลังก้าวสู่การเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 70 ปี พร้อมกับการเฉลิมพระชนมายุ 72 พรรษาและมหามงคล 6 รอบของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐบาลอิหร่านขอใช้โอกาสนี้ในการยืนยันคำมั่นที่จะรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีงามนี้ให้ยั่งยืนตลอดไปแก่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐบาลไทย และประชาชนชาวไทย ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

นครพนม-ตชด.ที่235 ซีลเข้ม นักบินโยนยาทิ้งกว่า 900,000 เม็ด ตามแนวชายแดน ตามนโยบาย 'Seal Stop Safe' 

ตามนโยบายการป้องกัน สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน Seal Stop Safe ของรัฐบาล และนโยบายเน้นหนักด้านปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร ผบ.ตร.,พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด. กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 โดย พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค 2 ได้เปิดยุทธการพิทักษ์ริมน้ำโขง ซึ่งมีกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 – 24 เป็นหน่วยปฏิบัติ เพื่อปราบปราม สกัดกั้นยาเสพติดที่จะเข้ามาทางชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง

(11 ก.พ.68) ที่ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 (สอง-สาม-ห้า) อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 พร้อมด้วย ร.ต.อ.สมควร เบญจมาตร รักษาการแทนผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 ธาตุพนม ได้แถลงข่าวตรวจยึดยาบ้ากว่า 900,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.เซกา จ.บึงกาฬ

โดยเมื่อวันที่ 9 ก.พ.68 เวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่ ชุดปราบปรามยาเสพติด ร้อย ตชด.235 ได้รับแจ้งว่า พบห่อวัตถุต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นยาเสพติดหรือสิ่งของผิดกฎหมาย ถูกทิ้งไว้กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ บริเวณริมถนนสาธารณะทางหลวงชนบท บ.โนนยางคำ ต.บ้านต้อง อ.เซกา  จ.บึงกาฬ  ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดนำมาทิ้งไว้ ให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจสอบ  เจ้าหน้าที่ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และประสานไปยังเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด ร้อย ตชด.237 และ ร้อย ตชด.244  บูรณาการร่วมกันออกตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุไปถึงที่เกิดเหตุพบห่อวัตถุต้องสงสัยจำนวนมาก คาดว่าจะเป็นยาเสพติด จึงได้วางกำลังดักซุ่มรอ จนกระทั่งถึงเวลา 06.00 น. ไม่พบผู้ใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้เข้าตรวจสอบพบ ถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ 3 ถุง ซึ่งมีรอยฉีกขาด ด้านในบรรจุห่อยาบ้าจำนวนหนึ่ง และกระสอบปุ๋ยสีขาวซึ่งบรรจุห่อยาบ้าไว้ โดยในบริเวณเดียวกันยังพบห่อยาบ้าอีกบางส่วนกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นตามริมถนน ในพงหญ้า และตกอยู่ในหนองน้ำในจุดที่เกิดเหตุ  ลักษณะคล้ายกับมีคนนำมาโยนทิ้งไว้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดนำมาทิ้งไว้เพื่อหลบหนีความผิด  เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง แจ้งข้อกล่าวหาว่ามีความผิดในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” จากนั้นได้นำของกลางทั้งหมดมาตรวจนับที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 ธาตุพนม ผลการตรวจนับ รวมจำนวนประมาณ 900,000 เม็ด จึงได้นำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.โสกก่าม อ.เซกา จ.บึงกาฬ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 กล่าวว่า ตามที่ รัฐบาล ได้เปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน Seal Stop Safe และนโยบายเน้นหนักด้านปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผบช.ตชด.ทางกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 ก็ได้เปิดปฏิบัติการพิทักษ์ริมน้ำโขง ป้องกันปราบปรามยาเสพติดจากแนวชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งดำเดินการใน 3 ด้าน คือ ด้านการข่าว การลาดตระเวนเฝ้าตรวจชายแดน และการตั้งจุดตรวจจุดสกัดในจุดเสี่ยงต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ค้ายาไม่สามารถขนส่งยาเสพติดได้โดยสะดวก จึงนำมาโยนทิ้งไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน และการตั้งจุดตรวจจุดสกัด โดยตำรวจตระเวนชายแดนก็จะทำงานกันอย่างเข้มแข็ง และมุ่งมั่น เพื่อสกัดกั้น และป้องกันไม่ให้มีการนำเข้ายาเสพติด สู่พื้นที่ตอนในประเทศต่อไป

คณะบัญชี จุฬาฯ จัดสัมมนาหนุนเอกชนไทย จับเทรนด์อนาคต สร้างผู้ประกอบโตแกร่งยั่งยืนในเวทีโลก

(11 ก.พ.68) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดสัมมนาวิชาการ 'CBS: Boost Your Business Wisdom' มุ่งเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านธุรกิจที่ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาและผู้ประกอบการรับมือกับเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและแนวคิดความยั่งยืน

ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวบรรยายในหัวข้อ 'Regenerative Marketing: New Generation of Marketing' โดยเน้นย้ำว่าธุรกิจยุคใหม่ควรให้ความสำคัญกับการตลาดเชิงฟื้นฟู (Regenerative Marketing) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่ได้มุ่งแค่สร้างแบรนด์ แต่ยังคำนึงถึงการฟื้นฟูทรัพยากร ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย (Stakeholders) ทั้งภาคธุรกิจและสังคมในระยะยาว

โดยแนวทางดังกล่าวถูกเปรียบเสมือน 'วิตามิน' ที่ช่วยฟื้นฟูและเสริมแกร่งให้องค์กรใน 5 ด้าน ได้แก่

Vitamin A (Awareness & Activism) - สร้างความตระหนักรู้และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมผ่านกลยุทธ์ทางการตลาด

Vitamin B (Beyond Sustainability) - ก้าวข้ามแนวคิดความยั่งยืนไปสู่การสร้างผลกระทบเชิงบวกที่แท้จริง

Vitamin C (Consumer Empowerment) - ส่งเสริมให้ผู้บริโภคสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น

Vitamin D (Design for Circularity) - ออกแบบธุรกิจให้มีระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดของเสีย และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

Vitamin E (Ecosystem Restoration) - ฟื้นฟูระบบนิเวศและสังคม โดยให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม

ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ เน้นว่าการตลาดแนวใหม่นี้จะช่วยให้ธุรกิจปรับตัวเข้าสู่ยุคแห่งเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า ไม่ใช่เพียงผลกำไร โดยองค์กรควรมองว่า "ความยั่งยืน" เป็นการลงทุน ไม่ใช่ต้นทุน เพื่อสร้างความผูกพัน (Heart Share) กับผู้บริโภค และนำไปสู่การเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว

ในการสัมมนาหัวข้อ 'Thailand Ahead: The Outlook in Business Strategy, Technology, and Sustainability' นักวิชาการจากภาควิชาพาณิชยศาสตร์ได้กล่าวถึงแนวโน้มสำคัญที่ภาคธุรกิจต้องเตรียมพร้อม ได้แก่ ESG (Environmental, Social, and Governance), Regionalization และเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทย โดยเฉพาะการขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียน (ASEAN) และการรับมือนโยบายการค้าระหว่างประเทศจากมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ 'Beyond Financial Metrics: ESG and SDG Reporting' ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่นักบัญชีต้องปรับตัวเพื่อนำเสนอข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ควบคู่ไปกับตัวชี้วัดทางการเงินแบบดั้งเดิม การรายงานดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนและผู้บริโภคสามารถประเมินศักยภาพขององค์กรได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น พร้อมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของธุรกิจ

ในหัวข้อ 'ESG and Digital Society' คณะวิทยากรจากภาควิชาการธนาคารและการเงินได้กล่าวถึงผลกระทบของการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมดิจิทัล โดยชี้ว่าการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI และ Blockchain อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในภาคธุรกิจ แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายด้านพลังงาน ความเป็นธรรมทางสังคม และการกำกับดูแล เช่น การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน

สำหรับหัวข้อ 'Sustainability in Digital World' ได้มีการพูดถึงปัญหาสำคัญที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ปริมาณพลังงานที่เพิ่มขึ้นและการสะสมของขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) การแก้ปัญหานี้ต้องอาศัยแนวทางแบบองค์รวม เช่น นโยบาย Thailand 4.0 และเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

รองศาสตราจารย์ ดร.ธารทัศน์ โมกขมรรคกุล คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวสรุปว่า การสัมมนาครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านธุรกิจ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้แนวคิดและกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ในองค์กรของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตของเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามเนื้อหาฉบับเต็มของการสัมมนา 'CBS: Boost Your Business Wisdom' ได้ที่เว็บไซต์ของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top