Sunday, 6 July 2025
NEWS FEED

สมุทรปราการ-“อำนวย บุญริ้ว”นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่” รวมพลังประชาชนน้อมรำลึก ทำความดีเพื่อพ่อ ถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 

นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่  พร้อมด้วย นางสาวศิริพร ทับคล้าย รองนายกเทศมนตรี นายไพรัตน์ จั่นมุ้ย รองประธานสภา สมาชิกสภา เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ตลอดจนพี่น้องประชาชนร่วมลงพื้นที่ทำความสะอาดภายในซอยศรีสัมพันธ์ หมู่ที่ 6 ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ  เพื่อร่วมทำกิจกรรมจิตอาสา น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 5 ธันวาคม วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ

ด้าน นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ กล่าวว่า ในวันนี้ทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ได้นำรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นล้างทำความสะอาด โดยได้ร่วมกับพี่น้องประชาชน หมู่ที่ 6 จัดกิจกรรมจิตอาสา ทำความดีเพื่อพ่อ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อีกทั้ง ยังเป็นวันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ จึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรมพัฒนาล้างทำความสะอาดภายในซอยศรีสัมพันธ์ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 

มูลนิธิ มิราเคิล ออฟไลฟ์ฯ ร่วม สวนนงนุชพัทยา ถวายต้นพระศรีมหาโพธิ์ จากอินเดีย 999 ต้น ปลูกเป็นพุทธบูชา ทุกวัดทั่วแผ่นดิน

ดร.มนัส โนนุช ประธานมูลนิธิ มิราเคิล ออฟไลฟ์ ฯพร้อมด้วย นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้นำต้นพระศรีมหาโพธิ์ จากประเทศอินเดีย ในโครงการ “หนึ่งใจ..ให้ธรรมะ” ปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นพุทธบูชาทุกวัดทั่วแผ่นดิน 999 ต้น ขึ้นถวายเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ตำหนักอรุณ วัดราชบพิชสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

ตามที่มูลนิธิ มิราเคิล ออฟไลฟ์ฯ  ร่วมกับ สวนนงนุชพัทยา และองค์กรภาคีเครือข่ายขอประทานพระอนุญาตถวายเสนอ โครงการ “หนึ่งใจ..ให้ธรรมะ” ถวายต้นพระศรีมหาโพธิ์ 999 ต้น ปลูกเป็นพุทธบูชาทุกวัดทั่วแผ่นดิน ซึ่งสวนนงนุชพัทยา ได้ทำการขยายพันธุ์จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ สถานที่ตรัสรู้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย เพื่อน้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ อีกทั้ง เป็นการขับเคลื่อนโครงการ “หนึ่งใจ..ให้ธรรมะ” ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทั่วประเทศไทย เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ดังกล่าว 

สำนักงานเลขานุการใน "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ " ร่วมพิธีถวายพานพุ่มเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และ วันชาติ วันพ่อแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๔

ณ โรงเรียนเทศบาลเมืองท่าโขลง 1 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี "นายุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย" เลขานุการในหม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) / นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล ผู้ช่วยเลขานุการฯ / นางสาวอรอนงค์ สุดใจ ผู้ช่วยเลขานุการในฯ / นายมนตรี สังข์วิสิทธิ์ เจ้าหน้าที่สำนักงานเลขานุการฯ พร้อมคณะ เข้าร่วมกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ

โดยกิจกรรมในช่วงเช้า เวลา 07.00 น. ได้จัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร พระภิกษุสงฆ์ และสามเณรจำนวน 89 รูป เพื่อบำเพ็ญถวายเป็นพระราชกุศล จากนั้นใน เวลา 09.00 น. "นายนิติชัย วิริยานนท์ " นายอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นประธานในพิธีฯ วางพานพุ่มดอกไม้หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร  

โพลชี้นักธุรกิจชั้นนำเชียร์​ ‘จุรินทร์’ นั่งนายกฯ พร้อมเลือกผู้สมัครปชป.เป็นผู้ว่าฯกทม. ปลื้ม​ ”ประชาธิปัตย์” ซื่อสัตย์สุจริต-มีจุดยืนแก้รธน.ให้เป็นประชาธิปไตย 

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. อินไซท์เอเชีย รีเสิร์ช กรุ๊ป (ประเทศไทย) ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้สำรวจความคิดเห็นกลุ่มนักธุรกิจชั้นนำในประเทศไทย จำนวน 444 ราย ที่มีต่อรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลในกรณีถ้าต้องมีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรี ตามระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตย และมุมมองต่อการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน ซึ่งคำถามที่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดมีจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด ซึ่งผลสำรวจชี้ชัดว่านักธุรกิจชั้นนำเลือกพรรคประชาธิปัตย์ คิดเป็น 47.7 เปอร์เซ็นต์ มากสุดในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด และเมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลใดมีความซื่อสัตย์สุจริตมากที่สุด พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 40.6 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีความคิดเห็น หรือไม่ทราบ ขณะที่ 35.1 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์

ต่อคำถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดมีความน่าเชื่อมั่นต่อการบริหารงานที่รับผิดชอบมากที่สุด พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 38.8 เปอร์เซ็นต์ ไม่เชื่อมั่นพรรคใด แต่ 27 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความน่าเชื่อมั่นมากที่สุด เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลใด สามารถทำตามนโยบายหาเสียงได้มากที่สุด พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 34.4 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าไม่มีความเห็นและไม่ทราบ ขณะที่ 20.7 เปอร์เซ็นต์ เลือกพรรคประชาธิปัตย์ และโพลนี้สอบถามว่าถ้าสามารถเลือกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรีได้ คิดว่าหัวหน้าพรรคใดควรเป็นนายกฯ ซึ่งนักธุรกิจชั้นนำ 45.05 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ตัดสินใจหรือไม่เลือกใคร แต่ 27.48 เปอร์เซ็นต์ เลือกนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ตามด้วย 15.32 เปอร์เซ็นต์ เลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และเมื่อสอบถามเพิ่มเติมถึงสาเหตุ พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 22.17 เปอร์เซ็นต์ เลือกเพราะเล็งเห็นถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน

'โบว์ ณัฏฐา' ลั่น 'Cancel Culture' ไม่ต่างจากการล่าแม่มด ย้ำ บ่อยครั้งเหยื่อเป็นผู้บริสุทธิ์ แนะ ควรสร้างสังคมที่เป็นเหตุเป็นผล

จากกระแสดราม่า ‘น้องลูกหนัง ศีตลา’ ลูกสาวคนเล็กของนักแสดง ‘ตั้ว ศรัณยู’ กับ ‘เปิ้ล หัทยา วงษ์กระจ่าง’ ที่เกิดดราม่าในโลกโซเชียลแห่คว่ำบาตร ไม่สนับสนุน พร้อมใจติด #SITALA เนื่องจากอดีตเคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองพร้อมกับครอบครัว

จากกรณีดังกล่าว ‘คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง THE STATES TIMES ในรายการ Click On Clear THE TOPIC ถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน โดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมาบริบททางการเมืองกลายมาเป็นกระแสที่มีการแบ่งขั้วทางการเมืองอย่างรุนแรง 

จึงทำให้เกิดการละเมิดพื้นหลังทางครอบครัว หรือไซเบอร์บุลลี โดยเฉพาะในประเด็นของ ‘Cancel Culture’ และการรุมแบนให้ออกมา ‘Call Out’ จนสังคมเกิดความเคยชินและมองว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้

อย่างในกรณี ‘น้องลูกหนัง’ เป็นประเด็นที่ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกหลานนักการเมือง นักเคลื่อนไหว หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงต้องรับแรงกดดันจากการกระทำของพ่อ-แม่ ไม่ว่าจะผิดหรือจะถูก ถ้าทุกคนพูดได้หรือยอมรับให้เกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นแล้วสังคมจะเป็นยังไง นี่คือสิ่งที่เรากังวล 

ถ้าหากถามว่าการโดน ‘Cancel Culture’ ครั้งนี้ คือราคาที่ต้องจ่าย เปรียบเทียบกับศาลที่ต้องดูว่าความได้ส่วนกับเหตุ เหมือนกับศาลตัดสินแล้วลงโทษก็ต้องดูความได้ส่วนกับเหตุ ถ้าเกิดว่าลงโทษหนักกว่าเหตุ นี่คือความไม่ยุติธรรม

เช่นกันกับในโลกออนไลน์เมื่อคุณจะทำตัวเป็นผู้พิพากษาตัดสินใคร ก็อยากให้พิจารณาความได้ส่วนกับเหตุนั้น ถ้าคนคนหนึ่งจะมีแอ็กชันทางการเมืองที่คุณไม่เห็นด้วย คุณก็พูดในประเด็นนั้นดีไหมว่ามันเลวร้ายยังไง  

มาเลเซีย พบผู้ติดเชื้อ Omicron รายแรก เผยเดินทางมาจากแอฟริกาใต้ 2 สัปดาห์ก่อน

กัวลาลัมเปอร์ 3 ธ.ค. - มาเลเซียพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกเป็นนักเรียนต่างชาติที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน และออกจากสถานที่กักตัวเพื่อดูอาการเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนหลังกักตัวครบ 10 วัน

นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย เผยวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่มาเลเซียได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิดซ้ำอีกครั้งในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อช่วงก่อนหน้านี้ หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวลเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 

นายจามาลุดดินระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของมาเลเซียเป็นนักเรียนหญิงวัย 19 ปีที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ เป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ไม่แสดงอาการ และได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดส โดยมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกเมื่อเดินทางถึงมาเลเซียในวันที่ 19 พฤศจิกายน หลังแวะเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ จากนั้น นักเรียนคนดังกล่าวได้เข้าสู่มาตรการกักตัวเป็นเวลา 10 วัน และครบกำหนดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน

เครือข่ายผู้ใช้ฯ โวยสสส. ออกข่าวบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายเพิ่มขึ้น ไม่ถูกต้อง!

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโวย สสส. ออกข่าวบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายเพิ่มจาก 5% เป็น 67% ไม่ถูกต้อง ชี้สองงานวิจัยที่ทำการศึกษาคนละวิธีเอามาเทียบกันไม่ได้ พร้อมแนะ สสส. และ NGO สายสุขภาพอย่านำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนเพราะจะสร้างความกังวลให้กับสังคมได้ ย้ำประเทศไทยต้องรีบทำบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมายเพื่อป้องกันปัญหาการให้ข้อมูลผิดๆ แบบในปัจจุบัน และช่วยชีวิตคนไทยที่เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ปีละกว่า 70,000 คน


 
นายมาริษ กรัณยวัตน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “เครือข่ายลาขาดควันยาสูบ” และแอดมินเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน กล่าวถึงการนำข้อมูลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอทาโก ประเทศนิวซีแลนด์ ไปเปรียบเทียบกับสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England) ว่า “การนำผลการศึกษานี้ไปเปรียบเทียบกับรายงานของ PHE แล้วสรุปว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 67% เป็นการสรุปที่ไม่ถูกต้อง เพราะรายงานของ PHE ที่บอกว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่นั้น เป็นการวัดปริมาณสารเคมี โดยรายงานระบุว่าสารประกอบในควันบุหรี่รวมทั้งสารก่อมะเร็งซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แทบจะไม่เจอเลยในไอละอองของบุหรี่ไฟฟ้า หรือถ้าเจอก็จะอยู่ในระดับที่ต่ำเพียง 5% เมื่อเทียบกับที่เจอในควันบุหรี่ ขณะที่การศึกษาของ ม. โอทาโก เป็นการสะท้อนถึงการเกิดโรค เมื่อตัวชี้วัดทางกายภายได้รับสารเคมีจากไอละอองเข้าไป ซึ่งการศึกษาสรุปชัดเจนว่าอันตรายต่อสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ที่ 33.2% เทียบกับบุหรี่”  

นายมาริษยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แสดงให้เห็นว่า สสส. และ NGO สายสุขภาพยังคงพยายามใช้เทคนิคเดิมๆ โดยการให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน และดิสเครดิสงานวิจัยที่ผ่านการรวบรวมข้อมูลอย่างมีมาตรฐาน โดยบอกว่ามี 2 งานที่เป็นงานที่สนับสนุนโดยบริษัทยาสูบ โดยไม่พิจารณาผลการวิจัยและความน่าเชื่อถือของการทำวิจัย แสดงถึงอคติที่มีต่อบุหรี่ไฟฟ้า จนทำให้ละเลยข้อเท็จจริงที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ ซึ่งคนที่เป็นแพทย์และต้องการรักษาชีวิตของผู้สูบบุหรี่ ไม่ควรเพิกเฉยกับข้อมูลที่มีประโยชน์และน่าจะช่วยลดอันตรายหรือรักษาชีวิตผู้สูบบุหรี่ได้”
 
งานวิจัยซึ่งจัดทำโดยมหาวิทยาลัยโอทาโกดังกล่าวเป็นการรวบรวมการศึกษา 5 ชิ้นที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจาก 584 ชิ้นโดยดูตัวชี้วัดทางกายภาพ (biomarker) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าจะก่อให้เกิดโรคในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ที่เปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อเป็นการสะท้อนถึงการรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย โดยจะทำการศึกษาว่าเมื่อร่างกายได้รับสารเคมีจากไอละอองของบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว ตัวชี้วัดเหล่านั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ก่อนจะนำผลจากตัวชี้วัดทางกายภาพดังกล่าว มาคำนวณความสูญเสียทางสุขภาพที่ทำให้เกิดโรคที่จำเพาะกับการสูบบุหรี่เทียบกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ซึ่งพบว่าอันตรายต่อสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้าอยู่เพียงแค่ 33.2% เทียบกับบุหรี่
 

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” ยืนหยัดทำความดีครบ 110 ปี!! เชิญชวนคนไทยร่วมสร้างสังคมความดีที่ยั่งยืน บันทึกเรื่องราวความดี สร้างแรงบันดาลใจ ลงบนเว็บไซต์ “ต้นไม้แห่งความดี”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง องค์กรสาธารณกุศล ที่มุ่งมั่นบรรเทาทุกข์ และบำรุงสุขโดยไม่เลือกชั้น วรรณะ และศาสนา อย่างครบวงจรชีวิต ทั้งเกิด แก่ เจ็บ และตาย ภายใต้ปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” อยู่เคียงคู่ชีวิตคนไทยมา ยาวนานกว่า 110 ปี เดินหน้าปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผ่านโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

พร้อมสร้างสังคมแห่งความดีที่ยั่งยืนให้แก่ประเทศชาติ ในรูปแบบดิจิทัล ภายใต้แคมเปญ “110 ปี ล้านความดี ป่อเต็กตึ๊ง” ให้ทุกคนได้ร่วมกันสืบสานความดีลงบนเว็บไซต์ “ต้นไม้แห่งความดี.com” ให้ครบ 1,100,000 ความดี เพื่อรวมกันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยต่อไป           

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่มุ่งมั่นช่วยเหลือบรรเทาทุกข์และบำรุงสุขโดยไม่เลือกชั้น วรรณะ และศาสนา อย่างครบวงจรชีวิต ภายใต้ปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” และเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมาในโอกาส “ครบรอบ 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” มูลนิธิฯได้จัดกิจกรรมพิเศษตลอดทั้งปี เพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ให้กับสังคมไทย ภายใต้แนวคิด “ความดีที่ยั่งยืน”

โดยได้มอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์รวมมูลค่า 110 ล้านบาทให้แก่โรงพยาบาลของส่วนราชการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวม 37 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ การตั้งโรงครัวบริการอาหารและน้ำดื่ม การบริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตามชุมชนต่าง ๆ การก่อสร้างอาคารที่จอดรถที่โรงพยาบาลหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ วิทยาเขตยศเส เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย 

นอกจากนี้ยังมีโครงการใหญ่อีก 2 โครงการ ที่จะเกิดขึ้นในโอกาสฉลองการครบรอบ 110 ปี คือ การเปิดหอประวัติมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และ การสร้างศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร) ถนนเจริญราษฎร์ เขตสาทร  ที่สำคัญมูลนิธิได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปทรงเปิดงานฉลอง “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 110 ปี ความดีที่ยั่งยืน” และทรงเปิด “หอประวัติมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ในวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม นี้

และในโอกาสฉลองวันดังกล่าว องค์กรในเครือของมูลนิธิฯยังได้ร่วมกันจัดกิจกรรมประกอบด้วย โรงพยาบาลหัวเฉียว มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ  คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว ซึ่งจะมีทั้งการให้บริการตรวจสุขภาพฟรี และ การบริการในอัตราพิเศษ  ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

และในโอกาสครบรอบ 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญชวนคนไทยมาร่วมบันทึกเรื่องราวการทำความดีลงบนเว็บไซต์ https://www.ต้นไม้แห่งความดี.com หนึ่งในกิจกรรมสืบสานปณิธานความดีของมูลนิธิฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสะสมความดีทีละเล็กทีละน้อย หลอมรวมให้กลายเป็นพลังความดีที่ยิ่งใหญ่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความดีที่ยั่งยืนต่อไป  โดยผู้ที่ต้องการเข้าไปร่วมส่งต่อปณิธานความดี สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงคลิกเข้าไปที่ www.ต้นไม้แห่งความดี.com  เพื่อทำการสะสมความดีซึ่งสามารถเลือกหมวดสะสมความดี “11 รากแก้วแห่งความดี” ที่มีอยู่ทั้งหมด 11 หมวด

หลังผ่านครบรอบ 110 ปีแล้ว มูลนิธิฯ จะยังคงเดินหน้าพัฒนาการปฏิบัติภารกิจทำงานช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ เอื้ออำนวยประโยชน์สุขแก่เพื่อนมนุษย์ ผู้ตกทุกข์ได้ยากจากภัยพิบัติ จนครบวงจรชีวิต คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย โดยไม่จำกัดชนชั้น วรรณะ เชื้อชาติ ศาสนา เพศ และวัย ภายใต้ปณิธาน ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต  รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชัน และศูนย์ฝึกอบรม ซึ่งจะช่วยให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่เพื่อนมนุษย์ของมูลนิธิฯ เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ

ดร.นิว สงสัยใครใช้วิธีสกปรกปิดกั้นเฟซบุ๊ก หลังโดนทักไม่เห็นความเคลื่อนไหว ทั้งที่โพสต์ปกติ

เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ระบุว่า ใครกันแน่ที่ปิดกั้นเสรีภาพด้วยวิธีการที่สกปรก?

ช่วงนี้เฟซบุ๊กของผมเหมือนกำลังถูกปิดกั้นการมองเห็นครับ มีหลาย ๆ ท่านหลังไมค์เข้ามาบ่นว่าไม่ค่อยเห็นความเคลื่อนไหวเลย จนต้องตามเข้ามาดูที่หน้าเฟซบุ๊กของผมโดยตรง แล้วจึงได้เห็นว่าผมยังมีการโพสต์เฟซบุ๊กตามปกติ

ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ร่วมงาน"วันคนพิการสากล" 3 ธันวาคม ของทุกปี

ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) "อาจารย์ชูศักดิ์ จันทยานนท์ " เป็นตัวแทนคนพิการประเทศไทย อ่านสาสน์งาน "วันคนพิการสากล" ประจำปี 2564 มีใจความว่า

ขอขอบคุณ  "นายจุติ ไกรฤกษ์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะที่มุ่งมั่นตั้งใจ ขับเคลื่อนงานคนพิการโดยเฉพาะในช่วงภาวะวิกฤติโควิต เราทำงานเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นจุดเน้นที่ "องค์การสหประชาติ" กำหนดว่างานด้านคนพิการขอให้คนพิการร่วมนำการเปลี่ยนแปลงเพื่อการเข้าถึงโดยสะดวกถ้วนหน้า หลังโลกใหม่หลัง โควิด 19   โดยเฉพาะประเด็น ร่วมนำ (leadership ) การมีส่วนร่วม (paticipation) การเป็นหุ้นส่วน (Inclusive) การเข้าถึง (acceibility)และความยั่งยืน ( substanable)ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับประเทศไทย เพราะ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กับองค์กรคนพิการทำงานร่วมมือกันเป็นอย่างดี มีการออกมาตราต่างๆในการช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาคนพิการอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี “สวัสดิการเบี้ยความพิการถ้วนหน้า” อีกด้วย

ขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้
ชูศักดิ์ จันทยานนท์
นายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top