Saturday, 10 May 2025
NEWS FEED

"หมวดเทนนิส" ร่วมคณะ "ผบ.ทอ." ช่วยน้ำท่วม จ.อยุธยา ด้าน "บิ๊กป้อง" ระบุ ห่วงประชาชน หลังเครื่องบินจับภาพน้ำท่วมเป็นวงกว้าง เตรียมส่งกำลังฟื้นฟู หลังน้ำลด 

ที่องค์การบริการส่วนตำบลรางจรเข้ อ. จ.พระนครศรีอยุธยา พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พร้อมนางปัญญดาว ธูปะเตมีย์ นายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ และ คณะ อาทิ เสนาธิการทหารอากาศ และ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีมอบถุงยังชีพ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ จากภาวะน้ำท่วม ที่ อบต.รางจรเข้ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  โดยมี  นายวีระชัย นาคมาศผู้ว่าราชการจังหวัด ให้การต้อนรับ 

นอกจากนี้มี เรืออากาศตรี พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือ น้องเทนนิส นักกีฬาเทควันโด้ เหรียญทอง โอลิมปิค สังกัดกองทัพอากาศ ได้มาร่วมคณะเดินทางมาให้กำลังใจกับประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ด้วย

โดย นายวีระชัย กล่าวถึงสถานการณ์ ภาพรวมว่า ปัจจุบันมีประชาชน กว่า 4 หมื่น ครัวเรือน กำลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ขณะเดียวกัน ยังต้องป้องกันโบราณสถาน 11 แห่ง ด้วย  อย่างไรก็ตามปัจจุบัน เขื่อนใหญ่ระบายน้ำลดลง ทำให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ซึ่งหากไม่มีพายุเข้ามาอีก สถานการณ์น่าจะคลี่คลายภายในสิ้นเดือน ตุลาคม นี้ 

ขณะ พล.อ.อ.นภาเดช  ได้กล่าวกับประชาชน ว่ากองทัพอากาศทราบสถานการณ์ดี เพราะได้ส่งเครื่องบิน ขึ้นบินสำรวจ พร้อมระบุ ตนก็ เป็นคนอยุธยา เพราะบิดา เป็นคนอำเภอบางปะหัน ภายในถุงยังชีพ ก็น่าจะช่วยปะทัง และ เป็นตัวแทนความห่วงใย จากกองทัพอากาส รวมถึงปัจจัยที่ใส่ซองมอบให้ พร้อมถุงยังชีพ ซึ่งอาจไม่มาก แต่ก็เป็นตัวแทนน้ำใจ เพราะมาจากการบริจาคของกพลังพลของดองทัพอากาศ 

ทั้งนี้ นอกจากมอบถุงยังชีพแล้ว คณะของผู้บังคับบัญชาการทหารอากาศ ยังได้ลงเรือไปตามคลองเพื่อมอบถุงยังชีพให้ประชาชน ที่ติดอยู่ตามบ้านเรือน และยังได้ขึ้นมอบปัจจัย และถุงยังชีพให้คณะสงฆ์วัดกระโดงทองด้วย 

สื่อทีวีอังกฤษรายงานไทยใช้ “ฟ้าทะลายโจร” รักษาโควิด-19 รับรองผล 99% หายป่วยในเคสไม่แสดงอาการ-ป่วยน้อยชะงัก ไม่ต้องรอ WHO รับรอง

สื่อทีวีอังกฤษรายงานไทยใช้ “ฟ้าทะลายโจร” รักษาโควิด-19 รับรองผล 99% หายป่วยในเคสไม่แสดงอาการ-ป่วยน้อยชะงัก ไม่ต้องรอ WHO รับรอง

รัฐบาลไทยซุ่มเงียบใช้ยาฟ้าทะลายโจรที่ปลูกเองได้ในประเทศเป็นยารักษาโควิด-19 สำหรับนักโทษในเรือนจำแบบ พบ 99% ของผู้ป่วยที่ใช้สามารถหายดีในเคสที่ไม่แสดงอาการ หรือเป็นการป่วยระยะเริ่มแรก แต่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนยังกังขาต้องการผลวิจัยเพิ่มเติมพิสูจน์ประสิทธิภาพการรักษาที่แท้จริง รวมองค์การอนามัยโลกยังไม่รับรองให้ฟ้าทะลายโจรเป็นยาแนะนำให้สำหรับการรักษาโควิด-19

สกายนิวส์ สื่ออังกฤษ รายงาน ว่า ยาฟ้าทะลายโจรซึ่งมีชื่อในภาษาวิทยาศาสตร์คือ Andrographis paniculate นั้นถือเป็นยาแผนโบราณของไทยที่แต่เดิมใช้เพื่อรักษาอาการป่วยโรคหวัด และในเวลานี้ "ยาฟ้าทะลายโจร" ถูกใช้อย่างแพร่หลายในการใช้เพื่อรักษาโรคโควิด-19 ผู้ป่วยอาการเบื้องต้นในเรือนจำโดยรัฐบาลไทยได้ให้ไฟเขียวในเรื่องนี้

หนึ่งในนักโทษชายวัย 31 ปี ความผิดด้านยาเสพติดได้รับคำสั่งให้ดูแลพื้นที่การปลูกทะลายโจรสำหรับเรือนจำแสดงความเห็นกับสกายนิวส์ว่า

“ประสิทธิภาพของมันคือการช่วยลดไข้และบรรเทาอาการไอ” และเขากล่าวต่อว่า “ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยดูแลสมุนไพรไทยเหล่านี้ที่ถูกใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยคนอื่นๆ ในเรือนจำสำหรับโรคโควิด-19”

สื่ออังกฤษชี้ว่า มาจนถึงเวลานี้ทางการไทยใช้ฟ้าทะลายโจรรักษานักโทษในเรือนจำไปแล้วไม่ต่ำกว่า 69,000 ราย

เดอะสกายนิวส์ได้ตามไปตั้งแต่แหล่งปลูกไปจนถึงกรรมวิธีการผลิตจนเป็นยาแคปซูลที่สามารถถูกส่งไปตามเรือนจำต่างๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง

คณะ ครม.ของนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อนุมัติในเดือนกรกฎาคมให้ยาฟ้าทะลายโจรสามารถใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในไทยที่ป่วยแต่ยังไม่แสดงอาการหรือเป็นการป่วยเบื้องต้น หลังจากผลการทดลองในการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยในเรือนจำประสบความสำเร็จด้วยดี

รัฐบาลไทยอ้างว่า จากจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 11,800 คนที่ใช้ยาฟ้าทะลายโจร มีจำนวน 99.02% หายป่วย

ซึ่งไม่กี่ไมล์ห่างจากถนนที่พื้นที่แหล่งปลูกฟ้าทะลายโจร เรือนจำจังหวัดชัยนาทเป็นอีกหนึ่งเรือนจำที่ใช้ยาฟ้าทะลายโจรรักษาคนไข้ในเรือนจำของตัวเอง โดยเจ้าหน้าที่เรือนจำให้ข้อมูลกับสกายนิวส์ว่า

ระหว่างการระบาดเมื่อสิงหาคม มีนักโทษไม่ต่ำกว่า 700 คนใช้ฟ้าทะลายโจร 15 แคปซูล/วัน เป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน เจ้าหน้าที่กล่าวว่า นักโทษทั้งหมดล้วนหายป่วยจากโรคโควิด-19

ซึ่งเจ้าหน้าที่แพทย์ประจำเรือนจำ Chitsanuphong Saublaongiw เชื่อว่ายาฟ้าทะลายโจรนั้นมีประสิทธิภาพในการบรรเทาสำหรับการป่วยโควิด-19 เบื้องต้น

“จากการวิจัยยาฟ้าทะลายโจรมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ คือ แอนโดรกราโฟไลด์ (andrographolide) มีประสิทธิภาพในการจำกัดการแพร่ของไวรัส”

และชี้ว่า “หลังจากได้รับยาฟ้าทะลายโจรไปแล้ว พบว่าผู้ต้องขังมีผลการเอกซเรย์ปอดดีขึ้นและมีอาการป่วยลดลง โรคมีความร้ายแรงลดลง และพวกเขาฟื้นตัวเร็วขึ้น”

เจ้าหน้าที่การแพทย์เรือนจำยังชี้ว่า “ในกรณีของผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการไม่มีอาการเพิ่มเติม”

ซึ่งภายในเรือนจำที่มักแน่นขนัดทำให้ไวรัสโควิด-19 สามารถระบาดรวดเร็วในเรือนจำ พจ (Poj) ซึ่งเป็นนามแฝงของหนึ่งในผู้ป่วยโควิด-19 ภายในเรือนจำจังหวัดชัยนาทออกความเห็นว่า “ในเรือนจำพวกเรานอนใกล้กันมาก ดังนั้น พวกเราจึงไม่สามารถใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้”

และเสริมต่อว่า “ผมมีไข้สูงและหลังจากได้รับยาฟ้าทะลายโจรแล้วพบว่าไข้ลดลง” โดยอธิบายว่า “อาการเจ็บคอและไข้ลดลงเมื่อผมได้รับยาฟ้าทะลายโจรมาเป็นระยะเวลา 5 วัน”

ดีเดย์ 1 พ.ย. 64 เตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศความเสี่ยงต่ำอย่างน้อย 10 ประเทศ เบื้องต้นมี อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และสหรัฐอเมริกา จะสามารถเดินทางเข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่ 1 พ.ย. นี้ บนเงื่อนไขต้องฉีดวัคซีนครบโดสและมีผลการตรวจโควิดเป็นลบ หลังจากนั้น จะทยอยเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้น

‘หมอแล็บฯ’ ชี้วัคซีนล็อตใหม่สู้ ‘เดลตา’ ได้ดี ส่วนสายพันธุ์อื่นรอทยอยสูญพันธุ์

เพจเฟซบุ๊ก "หมอแล็บแพนด้า" โดย ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า... 

จากการตรวจสายพันธุ์โควิดของผู้ป่วย 4.2 ล้านตัวอย่างทั่วโลก

ตอนนี้ข้อมูลค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใหม่ตัวไหนที่เรากังวล เช่น สายพันธุ์มิว แลมบ์ดา อีตา ไอโอตา แคปปา เอปซีลอน ไม่มีตัวไหนแพร่เชื้อแซงสายพันธุ์เดลตาได้ และสายพันธุ์พวกนี้ก็น่าจะค่อยๆ สูญพันธุ์ไปในที่สุด

ทบ. น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.9  เร่งช่วยปชช.น้ำท่วมทุกพื้นที่ พร้อมย้ำรักษาระดับป้องกันโควิด-19 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การประชุมสรุปสถานการณ์ประจำวันกองทัพบกด้วยระบบออนไลน์เช้าวันนี้ ทางพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้กล่าวถึงห้วงเวลาความสำคัญ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งทุกภาคส่วนได้ร่วมใจน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน โดยทุกหน่วยทหารของกองทัพบกจะจัดกิจกรรมน้อมรำลึก เผยแพร่พระราชกรณียกิจอันยังประโยชน์ให้กับพสกนิกรชาวไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่มุ่งสู่การปฏิบัติตามพระราชปณิธาน “สืบสาน รักษา ต่อยอด” โดยเฉพาะกิจกรรมช่วยเหลือประชาชน จิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์, บริจาคโลหิต การแบ่งปันสิ่งของเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์น้ำท่วม น้อมนำพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อส่วนรวม

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์ภัยพิบัติที่ยังคงมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ผู้บัญชาการทหารบกกำชับให้ทุกหน่วยดำรงการดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึงในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมแล้วกับพื้นที่ที่น้ำกำลังจะไปถึง ควบคู่ไปกับการพิจารณานำยุทโธปกรณ์พิเศษเข้าเสริมการปฏิบัติงาน และหน่วยทหาร ในพื้นที่สามารถร้องขอการสนับสนุนมายังกองทัพบกส่วนกลางหรือกรมการทหารช่าง เพื่อนำยุทโธปกรณ์พิเศษสนับสนุนการปฏิบัติได้ตลอดเวลา ตลอดจนให้ประชาสัมพันธ์ช่องทางการติดต่อที่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของหน่วยงานในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

ตำรวจห่วง!! เยาวชนติดซีรีส์ดัง 'Squid Game' เลียนแบบพฤติกรรมรุนแรง

11 ต.ค. 64 - ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ออกมาเตือนการเลียนแบบพฤติกรรมความรุนแรงจากซีรีส์ชื่อดัง Squid Game อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาชญากรรมได้ โดยยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องเฉพาะภาพยนตร์ แต่เป็นนโยบายการสร้างการรับรู้ เพื่อให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลาน 

"หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธ์" ทรงประทานมาลัยกร 9 พวง ในพิธีงานสัตตนาคารำลึก ๒๕๖๔ จังหวัดนครพนม

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธ์ ทรงมีความเลื่อมใสต่อองค์พระพุทธศาสนาเป็นแก่นเเท้ในงานสัตนาคารำลึก ประจำปี ๒๕๖๕ (จัดการภายใน) ทรงประทาน "มาลัยกร  9 พวง" เพื่อถวายบูชาองค์สัตตนาคา/นาโคทั้ง 7 ที่สถิตย์รักษาองค์พระธาตุพนม เเละพร้อมด้วยเชิญผ้าไตรประทานถวายเเด่ "พระเทพวรมุนี" เจ้าอาวาส วัดพระธาตุพนม ที่ปรึกษาเจ้าคณะตภาค 10 โดยทรงโปรดให้ "ดร.พนธ์พันธ์เลิศจันทรางกูร" (ผู้ช่วยเลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธ์) เป็นผู้แทนองค์เชิญไปในการพิธี งาน "สัตตนาคารำลึก 2564"  เพื่อนำเชิญถวาย ณ พระตำหนักสัตตนาคา วัดพระธาตุพนม ตำบาลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ในวันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2564 โดยมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธาน และหัวหน้าส่วราชการในจังหวัดประชาชนเข้าร่วมในพิธีอันเป็นมหามงคลยิ่งนี้ด้วย 

ชาวบ้านปลื้ม นายก สั่ง รมว.เฮ้ง จัดโครงการ DSD จิตอาสาเพื่อสังคม สร้างสุขาลอยน้ำ บรรเทาทุกข์อุทกภัยทั่วไทย

กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดโครงการ DSD จิตอาสาเพื่อสังคม สร้างสุขาลอยน้ำ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทยอยส่งช่วยในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ลพบุรี จ.ชัยนาท จ.ขอนแก่น จ.อ่างทอง และ จ.นครปฐม

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีส่งมอบ สุขาลอยน้ำเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 5 หลัง จังหวัดลพบุรี จำนวน 1 หลัง จังหวัดชัยนาท จำนวน 2 หลัง และจังหวัดนครปฐม ณ บริเวณชั้น 1 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีดังกล่าว โดยนายสุชาติ กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยและได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานช่วยเหลือแรงงานและพี่น้องประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน และร่องมรสุมทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง เป็นการเร่งด่วน

จากสถานการณ์อุทกภัยดังกล่าว กระทรวงแรงงานได้มีมาตรการ ฟื้นฟูเยียวยาภายหลังน้ำลดแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงาน และผู้ประสบภัย จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจัดกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน จัดโครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือ สนับสนุนค่าตอบแทน รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ฝึกอาชีพเพื่อให้ประชาชนมีรายได้อย่างต่อเนื่อง กรมการจัดหางาน ให้บริการจัดหางานและส่งเสริมการประกอบอาชีพ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ให้คำปรึกษาด้านสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน สำนักงานประกันสังคม ดูแลสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประสบภัยเรื่องสิทธิประกันสังคม จัดทีมแพทย์และพยาบาลร่วมกับโรงพยาบาลในเครือข่ายให้บริการตรวจสุขภาพในเบื้องต้น และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดโรงครัวจิตอาสาจัดท้ำข้าวกล่อง ตรวจสอบความปลอดภัยของสายไฟภายในบ้าน บริการซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ และเครื่องมือทางการเกษตร

ทั้งนี้ หน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้แก่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สนพ.) จัดกิจกรรมโครงการ DSD จิตอาสาเพื่อสังคม สร้างสุขาลอยน้ำเพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย จำนวนทิ้งสิ้น 77 หลัง ซึ่งในวันนี้จะส่งมอบไปช่วยเหลือในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และชัยนาท รวมจำนวน 10 หลัง นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จากเครือข่ายพัฒนาฝีมือแรงงาน อาทิ บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด มูลนิธิเอสซีจี ได้มอบ สุขภัณฑ์เคลื่อนที่ จ้านวน 300 ชุด บริษัท หิรัญ เอส เสวี จำกัด บริษัท แวนด้าแพค จำกัด มอบเรืออเนกประสงค์ ไฟเบอร์กลาส จำนวน 50 ลำ และบริษัท บุญถาวรเซรามิค จำกัด มอบสุขภัณฑ์เพื่อนำไปจัดทำสุขาลอยน้ำ จำนวน 60 ชิ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ด้วย

อดีตรองอธิการมธ. โต้เฟกนิวส์ 3 นิ้ว! ร่ายยาวเปิดความจริงกรณีสวรรคต 'ร.8'

11 ต.ค. 64 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วันที่ 13 ตุลาคมที่จะถึงนี้ จะเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวง ร.9 ของปวงชนชาวไทย

ไม่ทราบว่ารัฐบาลจะจัดพิธีรำลึกถึงพระองค์ท่านอย่างไรบ้าง ส่วนประชาชนทั่วไปก็คงจะทำบุญ ตักบาตร ถวายเป็นพระราชกุศล ใน social media ก็คงจะมีการโพสต์พระบรมฉายาลักษณ์ และข้อความเทิดพระเกียรติกันอย่างเนืองแน่น และแน่นอนว่าในเพจของสำนักข่าวต่างๆ ก็จะโพสต์เรื่องราวของพระองค์กันแทบทุกเพจ

เพจของสำนักข่าวต่างๆ ที่อยู่ในค่ายของกลุ่ม 3 นิ้ว ที่ผูกขาดเรียกตัวเองว่าเป็นสื่อประชาธิปไตย ก็คงจะโพสต์พระบรมฉายาลักษณ์และเรื่องราวของพระองค์กันทุกสำนัก แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าสำนักข่าวเหล่านี้ ในโอกาสทำนองนี้ทุกครั้ง มักเลือกมุมที่เหมือนกับเป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้ติดตามเข้ามาแสดงความเห็นที่เป็นลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

กระนั้น การแสดงความเห็นที่เป็นลบต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ก็มักจะวนเวียนอยู่กับเรื่อง 2 เรื่อง เรื่องแรกคือกรณีสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เรื่องที่ 2 คือเรื่องพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่ก่อให้เกิดโครงการตามพระราชดำริต่างๆ ว่าเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินเพียงเพื่อเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ และไม่ได้ประโยชน์จริงต่อประชาชนที่เดือดร้อนแต่อย่างใด และยังมีการกล่าวหาว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อหรือ propaganda อีกด้วย

ในโอกาสนี้จึงใคร่ขอนำไปสำรวจข้อกล่าวหาเหล่านี้ โดยขอเริ่มที่ กรณีสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลก่อน

การสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 ขณะนั้นเป็นรัฐบาลของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือนายปรีดี พนมยงค์ ในวันสวรรคต รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์ฉบับแรกว่าสาเหตุของการสวรรคตเป็นอุบัติเหตุ จากอาวุธปืน

ในการสอบสวนชันสูตรพระบรมศพในชั้นแรกมิได้ทำอย่างละเอียด แพทย์ประจำพระองค์ หลวงนิตย์เวชวิศิษฐ์ เป็นแพทย์ที่ถูกตามมาเป็นคนแรก ได้ทำความสะอาด เช็ดพระโลหิต และได้พบบาดแผลเหนือคิ้วซ้าย และได้ทำความสะอาดบาดแผล ซึ่งลักษณะเป็นรอยแฉก 4 แฉก จึงทำความสะอาดบาดแผล และเย็บแผลให้ติดกัน โดยไม่พบรอยกระสุนออกแต่อย่างใด 

ต่อมา รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนพฤติการณ์สวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลขึ้น เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2489 มีประธานศาลฏีกาเป็นประธาน และมีนายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นเลขานุการ คณะกรรมการได้อนุญาตให้ประชาชนเข้าฟังการสอบสวนได้ ชาวบ้านจึงเรียกคณะกรรมการสอบสวนชุดนี้ว่า "ศาลกลางเมือง"

ในวันเดียวกัน อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น ได้เชิญคณะแพทย์มาร่วมเป็นกรรมการชันสูตรพระบรมศพ มีพลตรี พระยาดำรงแพทยาคุณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เป็นประธาน

ก่อนหน้านั้น ในวันที่ 10 มิถุนายน ขณะทำการเช็ดพระวรกาย นายแพทย์ หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ ได้พบรูกระสุนขนาด 1 นิ้ว ที่พระปฤษฎางค์ (ท้ายทอย) ซึ่งพิสูจน์ได้ในภายหลังว่าเป็นรูกระสุนออกจริง และต่อมาคณะกรรมการแพทย์กับคณะกรรมการสอบสวนจึงได้ทำการตรวจ และชันสูตรพระบรมศพอย่างละเอียดในวันที่ 21 มิถุนายน 2489 และได้มีการทดลองยิงศพต่างๆ ณ ห้องตรวจศพ โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 22 มิถุนายน

ในการประชุมวันที่ 23 มิถุนายน คณะแพทย์ลงความเห็นว่า สาเหตุของการสวรรคตเป็นไปได้ 3 ประการคือ 1.) อุบัติเหตุ 2.) ปลงพระชนม์เอง 3.) ถูกลอบปลงพระชนม์

จากการสอบปากคำของผู้ที่เกี่ยวข้อง และอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดของศาลกลางเมือง สรุปพอสังเขปได้ว่า

1.) หลังจากเสด็จประพาสสมุทรสาคร จังหวัดถวายเลี้ยงอาหารทะเล ผู้ที่กินปูทะเลมีอาการท้องเดินทุกคนพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลก็เช่นกัน ทรงประชวรพระนาภี (ท้อง) มาก วันที่ 8 มิถุนายน แพทย์จึงถวายน้ำมันละหุ่ง และพระโอสถออบตาลิดอน

2.) เช้าวันที่ 9 มิถุนายน เวลาประมาณ 5 น.เศษ สมเด็จพระราชชนนี พร้อมด้วยมหาดเล็กรับใช้อีก 2 คน เสด็จไปยังห้องบรรทม ทรงปลุกและถวายน้ำมันละหุ่ง นมสด และน้ำอุ่น จากนั้นบรรทมต่อ 

3.) เวลาประมาณ 8 น. นายบุศย์ ปัทมศริน มหาดเล็กเฝ้าหน้าห้อง เห็นว่าทรงตื่นบรรทม เสด็จออกจากห้องสรง จึงนำน้ำส้มคั้นไปถวาย พระเจ้าอยู่หัวโบกพระหัตถ์ไม่เสวย แล้วเสด็จขึ้นแท่นบรรทม

4.) เวลาประมาณ 9 น. สมเด็จพระอนุชาเสด็จมาหน้าห้องแต่งพระองค์ พระเจ้าอยู่หัว รับสั่งถามอาการจากนายบุศย์ ปัทมศริน และนายชิต สิงหเสนี มหาดเล็กหน้าห้อง ทั้งคู่ทูลตอบว่าทรงสบายขึ้น ขณะนี้บรรทมต่อ สมเด็จพระอนุชาจึงเสด็จไปที่ห้องพระราชชนนี จากนั้นเสด็จประทับอยู่ที่ห้องเครื่องเล่น ซึ่งอยู่ติดกับห้องบรรทมของพระองค์

5.) เวลาประมาณ 9.30 น. มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด นายชิตได้ยินแต่ไม่แน่ใจว่าเสียงมาจากไหน ประมาณ 2 นาทีจึงเข้าไปในห้องบรรทม นายบุศย์คงรออยู่หน้าห้อง นายชิตให้การว่า เห็นพระเจ้าอยู่หัวบรรทมเหมือนปกติ แต่เห็นโลหิตเปื้อนพระศอและพระอังสา (ไหล่) ซ้าย นายชิตวิ่งไปที่ห้องพระบรรทมสมเด็จพระราชชนนี กราบทูลว่า ในหลวงยิงพระองค์ แต่ปรากฏความจริงในภายหลังว่า นายชิตเองไม่ได้เห็นเหตุการณ์เนื่องจากเข้าไปหลังได้ยินเสียงปืน 

6.) นางสาวจรูญ ตะละภัฏ ข้าหลวงของสมเด็จพระราชชนนี กำลังทำงานให้ห้องบรรทมของสมเด็จพระอนุชา ได้ยินเสียงปืน เสียงวิ่งและเสียงกราบทูลของนายชิต จึงวิ่งออกมาผ่านห้องเครื่องเล่น สมเด็จพระอนุชาประทับอยู่ห้องเครื่องเล่น ได้ยินเสียงคนวิ่ง เสียงสมเด็จพระราชชนนีกรรแสง จึงเสด็จออกจากห้องเครื่องเล่น พอดีได้พบกับนางสาวจรูญ จึงรับสั่งถามว่า "เกิดอะไรกัน" นางสาวจรูญกราบทูลไปตามที่ได้ยินจากนายชิต สมเด็จพระอนุชาจึงทรงรีบเสด็จตามไปยังห้องพระบรรทม

7.) สมเด็จพระราชชนนีเสด็จถึงก่อน นายชิตแหวกพระวิสูตร (มุ้ง) เห็นพระเจ้าอยู่หัวบรรทมหงายอยู่ในท่าหลับธรรมดา นางสาวเนื่อง จินตดุลย์ พระพี่เลี้ยง ตามเข้าไป เห็นสมเด็จพระราชชนนีอยู่ปลายพระแท่น โถมกอดสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เห็นพระเจ้าอยู่หัวบรรทมหงายอยู่บนพระยี่ภู่ (ที่นอน) พระเศียรหนุนพระเขนยเอียงไปทางขวาเล็กน้อย มีผ้าคลุมจากพระบาทถึงพระอุระ พระกรทั้ง 2 ข้างเหยียดไปอย่างธรรมดา พระหัตถ์ไม่งอ พระพักตร์มีพระโลหิตไหลเปื้อนเปรอะ พระเนตรปิดสนิท ไม่ได้ทรงฉลองพระเนตร นางสาวเนื่อง เป็นผู้ที่เห็นปืนวางอยู่บนบนผ้าคลุมบริเวณข้อศอกซ้าย ใกล้ๆ พระกร หันปากกระบอกปืนไปยังปลายพระบาท จึงใช้นิ้วชี้มือขวา กับนิ้วหัวแม่มือ จับกลางตัวปืนไปวางไว้บนตู้ด้านซ้ายมือ

8 ความสำเร็จ สะท้อนพฤติกรรมมุ่งมั่นแบบจีน 'ก่อนเขาจะรวย' ทำตัวกันแบบไหน? 

คนไทยจำนวนมากยังมีค่านิยม “เจ้าคนนายคน” อยากรวยง่าย รวยเร็ว มีชีวิตหรูหรา แต่ไม่ทำชีวิตให้ไปถึงจุดนั้น ต่างกับอุปนิสัย และพฤติกรรมตอน “ก่อนจะรวย” ของคนจีน ข้อความจาก 'นายพงศ์พรหม ยามะรัต' ที่ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก และยังกล่าวต่ออีกว่า... 

เกือบๆ 5 ปีก่อน ผมบอกว่า mi หรือ Xiaomi (เสี่ยวมี่) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีมาก และวันนึงจะมาครองตลาดไทย

มีแต่คนหัวเราะเยาะผม!! 

หลายๆ คนพูดเยาะเย้ยว่า “เสี่ยวเอ้อราคาถูกๆ นั่นหนะเหรอ?”

ผมพูดเสมอว่าจีนเจริญได้เพราะขยัน หมั่นศึกษา หมั่นพัฒนา “ตนเอง”

แต่ไทยเรามักจะติดกับตัวเองในการ “วิจารณ์คนอื่น” ไปเรื่อย แต่ไม่พัฒนาตัวเอง ไม่ลงมือทำ

จนผมได้พบกับรองประธาน Xiaomi ตัวเป็นๆ ตั้งแต่พูดคุย จนถึงทานข้าว ผมพบวัฒนธรรม... 

“ขยันเพื่อทำสินค้าให้ดีที่สุดเพื่อลูกค้า” 

ผมมั่นใจเลยว่าเขาจะครองโลก!! 

คนจีนมีความอยากรวยเหมือนคนไทย

แต่สิ่งที่ต่างกันคืออุปนิสัย และพฤติกรรมตอน “ก่อนจะรวย”

นิสัย “ก่อนจะรวย” นี่แหละครับ ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในไทย

คนจีนไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นเก่า หรือรุ่นใหม่ ก่อนจะรวยนั้นมีนิสัยคล้ายๆ กันหลายอย่าง ดังนี้... 

1.) ประหยัด แต่ไม่ขี้เหนียวในการพัฒนาตัวเอง

2.) จัดการการเงินดี มี 10 บาท ใช้ 2 บาท 

ชื่นชอบของแบรนด์เนม แต่ไม่ซื้อของแบรนด์เนมมาแข่งกัน เพราะมองว่าต้องประสบความสำเร็จซะก่อน 

เด็ก Startup ในจีนที่ผมรู้จักเยอะมาก จะไม่กิน Starbucks ก่อนจะรวยเด็ดขาด พวกเค้าจะเลือกทานกาแฟดีของท้องถิ่นที่ราคาไม่ต้องแพง แล้วเก็บเงินเพื่อลงทุนในการพัฒนาตัวเอง หรือหุ้น หรือลงทุนกิจการในอนาคต

3.) ใครซื้อของแบรนด์เนม เห่อซื้อรถราคาแพง โดยยังไม่ประสบความสำเร็จในการทำกิจการ จะไม่ได้รับการยอมรับ

4.) สังคมจีนให้ความสำคัญกับความสำเร็จที่จับต้องได้ ไม่ใช่เขียนอะไรสวยๆ พูดดูดีๆ ขับรถแพงๆ แต่ต้องเปิดร้านบะหมี่ที่อร่อยจริง มีลูกค้ามาต่อคิว ไปจนถึงทำ Startup คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

5.) สังคมจีนไม่ยึดติด และฝันอยู่กับความสำเร็จในอดีตหรือปัจจุบัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top