Sunday, 6 July 2025
NEWS FEED

สพฐ. ตื่น!! เล็งลดเนื้อหาจืด เด็กเรียนออนไลน์ เน้นมุ่งกิจกรรม ช่วยดึงเด็กกลับมาตั้งใจเรียน

สพฐ. เล็งลดเนื้อหาเรียนออนไลน์ มุ่งเน้นกิจกรรม ใน 1 ชั่วโมง เรียนวิชาการแค่ 10-15 นาที ที่เหลือเป็นภาคปฏิบัติ ที่นำไปเชื่อมโยงกับอีกหลายวิชาได้ มีพี่เลี้ยงคอยประกบ ยันไม่ได้ปล่อยให้เด็กโดดเดี่ยว 

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า ตามที่โรงเรียนในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เปิดเรียนภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 มาระยะหนึ่ง ขณะนี้มีโรงเรียนที่เปิดการเรียนการสอนในรูปแบบ On Site กว่า 1.3 หมื่นโรง ซึ่งการเปิดเรียน สพฐ.ดำเนินการในลักษณะกระจาย บางแห่งเปิดได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อของจังหวัดนั้น ๆ และการเปิดเรียนก็มีหลายรูปแบบทั้งสลับวันเรียนตามเลขที่นักเรียน หรือระดับชั้นเรียน เป็นต้น ตามบริบทความพร้อมของแต่ละพื้นที่

ส่วนในประเด็นเสียงสะท้อนของผู้ปกครองที่มองว่าการเรียนการสอนในรูปแบบ Online ยังคงเป็นการเรียนการสอนแบบเดิมเหมือนเรียนในห้องเรียน เพียงแต่สอนผ่านระบบ Online เท่านั้น ส่งผลให้ไม่สามารถดึงดูดนักเรียนให้สนใจกับการเรียนได้ เช่น นั่งเรียนไปด้วย ดูโทรศัพท์มือถือไปด้วย นั่งเรียนแต่ดูโทรทัศน์ไปด้วย เป็นต้น ซึ่งในเรื่องการเรียนการสอนที่จัดผ่านระบบ Online สพฐ.ได้มีการพัฒนาครู ให้ปรับกระบวนการ หรือ หลักคิดในการสอน เพราะการสอน Online ไม่ใช่การเรียนการสอนเหมือนในห้องเรียนปกติ โดยครูจะต้องปรับวิธีการสอน ไม่เน้นเนื้อหามากไป เน้นการปฏิบัติ เช่น ชั่วโมงเรียน 1 ชั่วโมง อาจจะเรียนเนื้อหาเพียง 10-15 นาที จากนั้นให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ เป็นต้น

พิมรี่พายงานงอก หลังนักมวยเด็กปั้นพ่าย ทีมงานเบรกนักข่าวสายมวยห้ามถ่าย

กระแสข่าว ‘พิมรี่ พาย’ ในช่วงนี้เรียกว่าร้อนแรงทะลุหนาว หลังจากกรณีกล่องสุ่มยังไม่จาง ล่าสุดมีประเด็นเพิ่มเติมอีกระลอก เมื่อเธอได้ก้าวขยับเข้าไปสู่แวดวงการมวย 

โดยข้อมูลจากเพจ ‘คุยเฟื่องเรื่องมวย by กุมารดำ’ และ ‘มวยเด็ด 789’ ได้เผยถึงภาพคลิปการเชียร์มวยสุดสะใจของเจ๊พิม ในรายการใหญ่ของชลบุรี ‘ยอดไอ้แอ้ด’ ซึ่งถ่ายทอดสดทางเพจมวยไทยล้านนา

ทั้งนี้ พิมรี่พาย ได้สนับสนุนนักมวยเด็กคนหนึ่งของค่ายเพชรฉลูกันฑ์ โดยผลการชกนั้นฝ่ายน้องนักมวยที่พิมรี่เชียร์ได้พ่ายแพ้ไป และก็ดูเหมือนจะไม่มีประเด็นอะไรให้จับต้อง 

พิธีอฐิษฐานจิตปลุกเสก "มหาสังข์ " ครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี 2564 

"แม่กำไล" อภิมหาเศรษฐี เจ้าแม่แห่งมหาสังข์ ได้จัดงานอภิมหาสังข์รวมตัวกันมากที่สุดในโลก จำนวน 9,999 องค์ และขอน ครั้งแรกในภาคอีสาน ที่หอจดหมายเหตุ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ระหว่างวันที่ 5-15 ธันวาคม 2564 ในมหาพิธีเปิดมหาสังข์ หอยสังข์ ได้รับความเมตตาจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังใต้ฟ้าเมืองไทย นั่งปรก อธิษฐานจิตปลุกเสกพระมหาสังข์ หอยสังข์ เช่น หลวงปู่กลม วัดโพธิ์ไทร / หลวงปู่บุญยอ วัดเทพปนัดดา / หลวงปู่มหาสังข์วัดโพธิ์ศรี / หลวงปู่อุดมทรัพย์ วัดเวฬุวันธรรมาราม / หลวงปู่บุญหลาย วัดปุดเนียม / พระอาจารย์แก้ว วัดหัวดอน ฯ / หลวงดอน วัดวังตะวันออก จ.นครศรีธรรมราชและได้รับความเมตตาสูงสุดจาก "พระเทพวรมุนี" เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร เป็นประธานในพิธีฯ

 

ในการนี้ พระครูพนมปรีชากร  ประธานดำเนินงาน และได้รับเกียรติจาก "นายดำรงค์ สิริวิชย อิ่มวิเศษ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ประธานเปิดงาน  พร้อมทั้งยังได้รับเกียรติจาก คุณกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงาน นครพนม / นายวรวิทย์ พิมพะนิตย์ นายอำเภอพระธาตุพนม / นายพิเชฏฐ์ หลั่งทรัพย์ ประธานชมรมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม พุทธศิลปและการท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม / ดร.พนธ์พันธ์ เสิศจันทรางกูล ผู้ช่วยเลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภานุพันธ์ พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) /อาจารย์ วันชัย สุพรรณ เจ้าของรายการคุยเฟื่องเรื่องพระเครื่อง

 

WHO ไม่แนะนำใช้พลาสมารักษาผู้ป่วยโควิด ชี้ ควรใช้เฉพาะการทดลองทางคลินิกเท่านั้น

การรักษาโควิด-19 โดยใช้พลาสมาจากเลือดของคนไข้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หายป่วยแล้ว ไม่ควรใช้กับผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยหรือปานกลาง จากคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในวันอังคาร (7 ธ.ค.) และกระทั่งกับผู้มีอาการหนัก ก็ควรใช้เฉพาะในการทดลองทางคลินิก

“คอนวาเลสเซนต์ พลาสมา” (Convalescent Plasma) หรือพลาสมาจากเลือดที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน แสดงสัญญาณในด้านดีในเบื้องต้น ครั้งที่ถ่ายพลาสมาแก่ผู้ป่วยโควิด-19

เชียงใหม่เปิดงาน “เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2564 Chiang Mai Design Week 2021”เทศกาลยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี!!

“เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2564 :Chiang Mai Design Week 2021” ภายใต้ธีม “Co-Forward เชื่อมโยง ฟื้นฟู ก้าวไปด้วยกัน” มาร่วมพลิกฟื้นและสร้างสีสันให้กับเมืองเชียงใหม่ ส่งท้ายปีไปพร้อมกัน...กับย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ขึ้นชื่อทั่วเมืองเชียงใหม่ 4-12 ธันวาคม นี้!เทศกาลยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมมือกับจังหวัดเชียงใหม่ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรระหว่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจสร้างสรรค์ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และภายในประเทศ มากกว่า 200 ราย และหน่วยงานจากต่างประเทศกว่า 11 หน่วยงาน ในการจัด “เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2564 หรือ Chiang Mai Design Week 2021” เพื่อเป็นการผลักดันและสนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และเศรษฐกิจท้องถิ่นภาคเหนือ ที่จะแสดงถึงศักยภาพในการทํางานของทุกภาคส่วน เช่น ชุมชน นักออกแบบ ช่างฝีมือ ศิลปิน ผู้ประกอบการธุรกิจในภาคเหนือ ให้ได้มีพื้นที่ในการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ จําหน่ายสินค้า และทดลองตลาด ที่จะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของคน ชุมชน รวมทั้งเป็นกำลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ร่วมสร้างสรรค์ท้องถิ่นให้เข้มแข็ง

โดยได้จัดพิธีเปิด “เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2564 หรือ Chiang Mai Design Week 2021” ในวันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2564 เวลา 17.30 น. ณ หอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ โดยได้รับเกียรติจาก นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิด“เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่2564” พร้อมด้วย นายนาวิน สินธุสะอาด รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่, นายจิโรจน์ โรจนเสาวภาคย์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เป็นผู้แทนนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่, นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทนองค์กรภาคีเครือข่ายต่าง เข้าร่วมในพิธี ณ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่

ในการนี้นายชูชีพ พงษ์ไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าร่วมพิธีเปิดงานเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2564 หรือ Chiang Mai Design Week 2021 จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นเมืองที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นทางด้านดนตรี และเป็นแหล่งกำเนิดของศิลปินดนตรีเกิดขึ้นมากมาย ขณะนี้กำลังขับเคลื่อนและพัฒนาเมือง เพื่อก้าวสู่การเป็นสมาชิกของเมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรีขององค์การยูเนสโก อีกด้วย

นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “ทางจังหวัดเชียงใหม่ มีความสอดคล้องการทำงานกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน เมือง และเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านการส่งเสริมศักยภาพที่จะผลักดันให้มีการพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจให้ได้มาตรฐาน โดยเน้นไปที่กลุ่มประชาชน ชุมชน สถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ไปจนถึงการพัฒนาย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น รวมไปถึงการส่งเสริมผู้ประกอบการให้มีกระบวนการคิดเชิงออกแบบในการนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ โดยจะเป็นหน่วยงานที่ช่วยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้าน ความคิดสร้างสรรค์ที่จะนำไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเชียงใหม่ให้เข้มแข็งอีกครั้ง”

นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่า “ประเทศไทย และกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ทั่วประเทศต่างได้รับผลกระทบ ทำให้ทุกภาคส่วนเร่งปรับตัวเพื่อพัฒนาให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เทศกาลฯ จึงให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงและสร้างเครือข่าย ระหว่างนักทํางานสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ และชุมชน ภายใต้ธีม “Co-Forward เชื่อมโยง ฟื้นฟู ก้าวไปด้วยกัน”

ระหว่างวันที่ 4-12 ธันวาคม 2564 ณ ย่านอนุสาวรีย์สามกษัตริย์, ย่านล่ามช้าง, ย่านวัดเกตุ, ย่านช้างม่อย, ย่านสันกำแพง และทั่วเมืองเชียงใหม่ ภายใต้ธีม  “Co-Forward เชื่อมโยง ฟื้นฟู ก้าวไปด้วยกัน” กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการสร้างมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงช่วยผลักดันและส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในภูมิภาคเหนือมากขึ้น

อีกทั้งเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และทรัพยากร อันจะนำไปสู่การพัฒนาต่อยอด การปรับตัวของธุรกิจสร้างสรรค์ทั้งผลิตภัณฑ์และบริการ ให้ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้และเกิดการจ้างงานใหม่ ผ่านการจัดกิจกรรมกว่า 185 กิจกรรม เพื่อสร้างการเติบโตของเครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบการ  นักออกแบบ ศิลปิน ช่างฝีมือ ให้มีมาตรฐานและคุณภาพ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการสร้างมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ช่วยผลักดันและส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในภูมิภาคมากขึ้น”

โดยไฮไลต์สำคัญของ “เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2564” (Chiang Mai Design Week 2021) เช่น

1.    DESIGNING DAILY CRAFT โดย Ratthee Phaisanchotsiri

นิทรรศการนำเสนอการต่อยอดงานฝีมือ และวัสดุพื้นถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างสรรค์เป็นงานฝีมือชิ้นใหม่ที่ยังคง "เก็บจิตวิญญาณและแก่นแท้" ของสิ่งดั้งเดิมนั้นๆเอาไว้ ผ่านแนวคิดที่เรียบง่ายแต่งดงาม สถานที่ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ เชียงใหม่

2.    CHIANG MAI STREET JAZZ FESTIVAL 2021

เทศกาลดนตรี Chiang Mai Street Jazz 2021 ภายใต้คอนเซปต์ “Music in the Metaverse”และพบกับศิลปินผู้สร้างสรรค์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ได้แก่ Moment's Notice Jazz Club, The Mellowship, Thapae East และ The North Gate Jazz Co-op

3.    เทศกาลกาแฟถิ่นไทย 2564 โดย Friends Trade

พื้นที่สำหรับกลุ่มคนรักกาแฟ ที่ส่งเสริมความยั่งยืนของทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุตสาหกรรมกาแฟ สถานที่  หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่

4.    Chang Moi Creative District Tour โดย โรงแรมแทมมาริน วิลเลจ

ทัวร์ค้นหาร่องรอยและวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนย่านช้างม่อยที่ยังคงเสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหล ปลุกชุมชนที่คิดถึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง

5.    LABBFest. โดย Minimal Studio

งานบันทึกภาพการเล่นแสดงสดผสมผสานระหว่าง Music Showcase กับ Visual Art จากศิลปินเชียงใหม่ สถานที่ อาคารธนาคารกสิกร (เก่า) ถนนราชวงศ์

6.    POP Market ตลาดสินค้าดีไซน์สุดสร้างสรรค์กว่า 60 แบรนด์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่นเหนือ

ทั้งงานหัตกรรม สินค้าแฮนด์เมด สินค้าไลฟ์สไตล์ ของตกแต่งบ้าน เครื่องประดับ อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงตลาดชุมชนช้างม่อย อยู่ม่วนขายหมาน กาดข่วงวัด กาดกิ๋นหอมตอมม่วน กาดฉำฉาและกาดบ้านฮ้อ

7.    Sound Connect 2021 โดย Everlong

หนึ่งในอีเวนท์ที่จัดในเทศกาลฯ โดยใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงศิลปิน ผู้คนและชุมชน เป็นกลไกขับเคลื่อนและสร้างสีสันให้กับย่านสร้างสรรค์ โดยมีศิลปินรับเชิญเป็น สุเทพการบันเทิง คณะเชิญยู๊ด Yonlapa และ Common People Like You

8.    กาด แป๊ป-แป๊ป โดย CEA x Cloud-floor

โปรเจกต์ทดลองร่วมกันระหว่าง CEA Chiang Mai x Cloud-floor ร่วมกับ "ป้าน้อย" เจ้าของรถพุ่มพวงเจ้าประจำของชุมชนช้างม่อยที่จะชวนติดตามการทดลองระบบการให้บริการของรถพุ่มพวง ตามเส้นทางซอกซอยของชุมชนในเขตเมือง เพื่อออกแบบกลไกที่จะช่วยเพิ่มโอกาสของการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน การเข้าถึงอาหารและบริการด้านสุขภาวะทั้งกายและใจในชีวิตประจำวันของกลุ่มผู้ใช้บริการโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชน

9.    Chang Moi Art Village โดย Navin Rawanchaikul

โปรเจกต์ศิลปะที่เปิดให้นักสร้างสรรค์มืออาชีพและสมัครเล่น ได้ออกแบบผลงานสร้างสรรค์ให้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่พัฒนาย่าน โดยผลงานต่างๆ จะถูกนำมาเสนอในรูปแบบที่ต่างกันออกไป และตั้งอยู่กระจายภายในพื้นที่ชุมชนช้างม่อย

 

สธ. ยัน ยังไม่มีคนติดโอไมครอนแล้วดับ ชี้ โควิดเริ่มคล้ายไข้หวัดใหญ่ ใกล้เป็นโรคประจำถิ่น

สธ. ชี้ยังไม่มีติดโอไมครอนแล้วดับ แต่แพร่เร็วกว่าสายพันธุ์อื่น 2-5 เท่า ไทยถือเป็นประเทศที่ 47 ที่เจอ ระบุโควิดเริ่มเหมือนไข้หวัดใหญ่ ใกล้เป็นโรคประจำถิ่น

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 และสายพันธุ์โอไมครอน เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 64 ว่า สถานการณ์ทั่วโลกยอดติดเชื้อหลังระบาดใหญ่มาเกือบ 2 ปี มีผู้ป่วยยืนยัน 266 ล้านคน ติดเชื้อใหม่ยังสูง 4-5 แสนคน ทวีปอเมริกาและยุโรปเป็นจุดใหญ่ระบาดช่วงธ.ค. นี้ ส่วนผู้เสียชีวิต 5.27 ล้านคน อัตราเสียชีวิตลดลงจาก 2% กว่า เหลือ 1.98% เพราะมีความรู้ดูแลรักษาดีขึ้น มียารักษาดีขึ้น และวัคซีนทำให้ลดอาการรุนแรง

ส่วนเอเชียแนวโน้มลดลง ยกเว้นเวียดนามและเกาหลีใต้ ที่มีแนวโน้มสูงอยู่ ส่วนไทยติดเชื้อใหม่ 4,000 คน มาจากต่างประเทศ 7 คน ติดเชื้อในประเทศ 3,993 คน หายป่วย 6,450 คน ถือว่าหายมากกว่าติดเชื้อใหม่มาเกือบเดือน อาการหนักเหลือ 1,259 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 330 คน แนวโน้มลดลง

ส่วนเสียชีวิตลดลงเรื่อย ๆ วันนี้รายงาน 22 คน การฉีดวัคซีนช่วยลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิต แม้ส่วนใหญ่คนรับวัคซีนแล้ว แต่มีคนไม่น้อยกังวลผลข้างเคียง ทั้งนี้ เรามีวัคซีนมากพอ บูสเตอร์เข็ม 3 มาเกือบ 4 ล้านคนแล้ว คนที่ยังลังเลใจ ขอมาช่วยกันฉีดวัคซีนจะได้ปลอดภัย อัตราเสียชีวิตจะได้ลดน้อยลงมากที่สุด

นพ.โอภาสกล่าวว่า สถานการณ์การระบาดในยุโรปและอเมริกามีมาก ดังนั้น การเปิดประเทศเราจึงคัดกรองผู้เดินทางค่อนข้างรัดกุม ผ่าน 3 ระบบ คือ Test&Go ในผู้เดินทาง 63 ประเทศ หากไม่พบเชื้อเดินทางได้ภายใต้การติดตาม เงื่อนไขคือฉีดวัคซีนครบ มีผลตรวจ RT-PCR 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ระบบแซนด์บ็อกซ์ และระบบกักตัว ซึ่งระบบ Test&Go และแซนด์บ็อกซ์ เราตรวจพบอัตราติดเชื้อ 0.02% ซึ่งจากความร่วมมือของแต่ละหน่วยงาน จึงช่วยกันควบคุมการเกิดโรคไม่ให้เกิดการระบาดในไทยได้ดี

ทั้งนี้ การกลายพันธุ์ของโควิดเราพบตลอดเวลา สิ่งสำคัญคือกลายพันธุ์แล้วทำให้แพร่เร็วขึ้น รุนแรงมากขึ้น ดื้อต่อยารักษายา และวัคซีนประสิทธิภาพลดลงหรือไม่ ที่ผ่านมามีการกลายพันธุ์ที่สำคัญ 4 ตัว คือ อัลฟา เบตา แกมมา และเดลตา ซึ่งไทยเจอ 3 สายพันธุ์ ตอนนี้คือเดลตาเป็นสายพันธุ์หลัก ที่ระบาดเร็ว อาการรุนแรงมากขึ้น วัคซีนลดประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ แต่ยังป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิต

ส่วนที่ประกาศล่าสุด คือ โอไมครอน ซึ่งเรียกได้ทั้ง โอมิครอน หรือ โอไมครอน ถือว่าผ่านไป 1 ปีเพิ่งมีสายพันธุ์ที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรม

นพ.โอภาสกล่าวว่า ขณะนี้รูปแบบการระบาดของโควิดจะใกล้เคียงหวัดใหญ่ในอดีต ที่เมื่อระบาดเยอะ ๆ จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ความรุนแรงดูลดน้อยลง อย่างโอไมครอน เมื่อติดตามทั่วโลก องค์การอนามัยโลกรายงานว่ายังไม่มีเสียชีวิตจากสายพันธุ์นี้แม้แต่รายเดียว ซึ่งตรงกับหลายหน่วยงานที่ระบุว่า ความรุนแรงของสายพันธุ์โอไมครอน น้อยกว่าเดลตามาก

สำหรับต้นกำเนิดโอไมครอนเกิดที่แถบแอฟริกาใต้ เมื่อปลายต.ค. - ต้นพ.ย. มีการพุ่งขึ้นของผู้ป่วย จึงไปดูรหัสพันธุกรรมพบมีการกลายพันธุ์ จึงรายงานองค์การอนามัยโลก เพื่อเตือนประชาชนทั่วโลกว่าพบสายพันธุ์ใหม่ มีการประกาศจับตาใกล้ชิด

ซึ่ง 1 เดือนทั่วโลกมีการหาสายพันธุ์นี้ ขณะนี้พบ 46 ประเทศ ล่าสุดเติมประเทศไทยเป็นประเทศที่ 47 แต่ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ติดเชื้อภายในประเทศ ซึ่งมีในแถวแอฟริกาใต้ กับการติดเชื้อจากผู้เดินทางเข้าประเทศ ซึ่งไทยเป็นการติดเชื้อจากผู้เดินทางเข้ามา และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโอไมครอน

“หลังรับทราบสายพันธุ์โอไมครอน ประเทศไทยเพิ่มมาตรการห้ามผู้เดินทางจาก 8 ประเทศแถบแอฟริกาใต้ งดการเดินทางผู้มาจากแอฟริกาทั้งทวีป และคนเข้ามาแล้วจากต่างประเทศให้ตรวจหาเชื้อโอไมครอนทุกราย เพื่อหาผู้ป่วยรวดเร็ว ส่วนกรณีข่าวผู้ป่วยที่สถาบันบำราศนราดูรมีสายพันธุ์โอไมครอน เป็นหญิงแอฟริกัน ตรวจพบสายพันธุ์เดลตา อาการปกติดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” นพ.โอภาสกล่าว

ส่วนเคสยืนยันสายพันธุ์โอไมครอนรายแรก เป็นชาวอเมริกัน อายุ 35 ปี อาศัยอยู่สเปน 1 ปี เป็นนักธุรกิจ ไม่มีอาการ มีผลตรวจ RT-PCR วันที่ 28 พ.ย.ไม่พบ จึงเดินทางมาไทยวันที่ 29 พ.ย. มาถึงตรวจอีกครั้งโดยพบเชื้อวันที่ 1 ธ.ค. ส่งยืนยันกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเข้ารับการรักษา รพ.แห่งหนึ่ง พบว่าอาการน้อยมาก แทบไม่มีอาการ ซึ่งคนนี้ไม่มีอาการ ปฏิเสธโรคประจำตัว และไม่เคยติดเชื้อมาก่อน

ตอนแรกรับอาการทุกอย่างปกติ ทั้งผลเอกซเรย์ ผลเลือดปกติ แต่ตรวจเจอเชื้อ จากการไปตรวจสอบบุคคลนี้ระวังตัวเองสูง ใส่หน้ากากตลอดเวลา จึงไม่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ขณะนั่งเครื่องบินก็นั่งคนเดียว ไม่ได้นั่งติดกับคนข้าง ๆ อยู่โรงแรมในระบบ Test&Go ก็ใส่หน้ากากตลอดเวลา
 

“ปิดล้อมกว่า 6 ชั่วโมงจับกุมหนุ่มคลั่งไล่ยิงตำรวจสายตรวจ ขณะออกตรวจพื้นที่ สุดท้ายจนมุม”

ขณะที่ ด.ต ณรงค์ ลงสุวรรณ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.บางน้ำเปรี้ยว และ ส.ต.ต.นัฐพล ธรรมปัต ผบ.หมู่ (ป.) สภ.บางน้ำเปรี้ยว กำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่สายตรวจ ระหว่างออกตรวจพื้นระงับเหตุทะลาะวิวาทเสร็จโดยขณะเดินทางกลับที่ได้มีคนร้ายทราบชื่อภายหลังว่า นายณัฐวิทย์ วิกิจคำมี ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ตำรวจสายตรวจทำให้ ด.ต.ณรงค์ ลงสุวรรณ ถูกกระสุนยิงที่ต้นขาขวาได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่ง โรงพยาบาล   และต.ต.นัฐพล ธรรมปัต ถูกยิงบริเวณสะโพก แต่กระสุนได้ถูกซองอาวุธปืนทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ    ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไปพร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา  บูรณาการกำลังกับ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 , พ.ต.อ.นเรวิช สุคนธวิท รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา, พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา , พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น รอง ผบก.สส.บช.ภ.2 , พ.ต.อ.ธนเสฏฐ์ ประชาชัยศรี ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.2  พ.ต.อ.ประสาทพร ศรีสุขโข ผกก.สภ.บางน้ำเปรี้ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางน้ำเปรี้ยว , เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา และ บก.สส.ภ.2 พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ บูรพา 914 ได้ร่วมปิดล้อมบ้านที่คนร้ายได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ คือบ้านเลขที่ 6/12 หมู่ที่ 8 ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ปิดล้อม ปากซอยถนนศาลาแดง 11 ซอย 8 ไว้และใช้เวลาเจรจากับญาติของคนร้ายเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมง คนร้ายยังไม่ยอมออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่งวันที่ 7 ธ.ค. 64 เวลา 03.00 น. พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็น ผบ.เหตุการณ์ จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 เป็นผู้เจรจากับญาติคนร้ายว่ามีอาวุธก่อเหตุ เกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นจนเป็นที่เข้าใจ

จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.ปพ.บก.สส.ภ.2  (บูรพา 914 ) และ นปพ.ภ.จว.ฉะเชิงเทราเข้าปฏิบัติการบุกจับตัวคนร้ายในบ้านพัก และสามารถจับกุมตัว นายณัฐวิทย์ วิกิจคำมี ผู้ต้องหา อายุ 28 ปี อยู่ที่ บ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ 2 ตำบลสัมพันตา อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรีได้พร้อมของกลาง
1.อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ยี่ห้อ MAUSER โดยปืนมีการขึ้นลำไว้พร้อมใช้งาน 
2.เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน    16 นัด   พบอยู่ในรังเพลิงของอาวุธปืนของกลางลำดับที่  1 จำนวน 1 นัด 
3.กางเกงขาสั้นสีเทา  จำนวน  1 ตัว  
4. เสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินจำนวน  1 ตัว 
5. รถยนต์กระบะแบบสี่ประตูสีดำ ยี่ห้อ อีซุซุ  จำนวน  1 คัน
6. ซองบรรจุกรรสุนปืน จำนวน   1 อัน
7. กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน   1 ลูก
8. ปลอกกระสุนปืนขนาด  9 มม. สีดำ จำนวน   2 ปลอก
9. ปลอกกระสุนปืนขนาด  9 มม. สีเงิน จำนวน  1  ปลอก
10. ซองพกหนังสีน้ำตาล จำนวน  1 ซอง

โดยกล่าวว่า “พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ , พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนฯ ,ยิงปืนในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร ,เป็นผู้ขับขี่รถในขณะมีสารเสพติดให้โทษประเภทที่ ๑(เมทเอมเฟตามีนในร่างกายโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ ๑(เมทแอมเฟตามีน)โดยผิดกฎหมาย”

"สาธิต" เผย​ พบ 1ใน17 จากกลุ่มเสี่ยงสูง เคส​ นนท.สหรัฐฯ​ มีผลเป็นบวก​ 1​ ราย​ รอผลตรวจเชิงลึก 3-4วัน รู้ว่าใช่ 'โอไมครอน' หรือไม่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต​ ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีตรวจพบเชื้อโอไมครอนในนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกา​ 1​ ราย​ และมีผู้เสี่ยงสูง 17 ราย ว่า สถานการณ์ล่าสุดยังเป็นข้อมูลเดิม คือพบผู้ติดเชื้อเพียง 1 ราย​ ต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง โดยจากการสอบสวนโรคมีผู้เสี่ยงสูงทั้งหมด 17 ราย และจากการตรวจหาเชื้อโควิด-19​ มีผลเป็นลบ 16 ราย และมีผลเป็นบวก 1 ราย ซึ่ง​ 1​ รายที่มีผลเป็นบวก​เป็นเจ้าหน้าที่โรงแรม ที่เป็นผู้ส่งอาหารให้นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐฯคนดังกล่าว โดยได้มีการดำเนินการสอบสวนโรคกับเจ้าหน้าที่โรงแรมรายนี้แล้ว​

พร้อมกับนำผลบวกนั้นไปตรวจสอบว่าเป็นเชื้อโอไมครอนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม​ ได้ให้เจ้าหน้าที่โรงแรมรายดังกล่าวเข้ารักษาตัวที่สถาบันบําราศนราดูรแล้ว​ ทั้งนี้ ในส่วนการสอบสวนโรคจะต้องแยกเป็น 2 ประเด็นคือ ดูว่าเขาติดเชื้อโควิดจากการเดินทางกลับต่างจังหวัด ที่​ จ.อุบลราชธานีหรือไม่ หรือติดเชื้อโควิดมาจากนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐฯ โดยต้องรอผลการตรวจเชื้อว่าเป็นโอไมครอนหรือไม่ประมาณ 3-4 วัน

นายสาธิต​ กล่าวว่า​ การเดินทางเข้าประเทศไทยยังคงต้องให้เข้มมาตรการป้องกัน แต่อย่างไรก็ตาม​ การพบโรคโควิด-19 กับการพบเชื้อกลายพันธุ์นั้นถือเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะโรคระบาดเราไม่สามารถปิดกั้นได้ ซึ่งขณะนี้ตามข้อมูลยังไม่พบว่าเชื้อโอไมครอนมีอาการรุนแรง และตามมาตรการของสาธารณสุขไทย หากผู้ติดเชื้อมีอาการไม่รุนแรง 80% เราสามารถใช้วิธี โฮมไอโซลูชั่นได้ เราเชื่อว่าศักยภาพของระบบสาธารณสุขไทยดูแลได้ 

กรมทางหลวง เตรียมจุดเช็คอินรับปีใหม่ ทำถนน-ต้นไม้สวย 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชื่นชมโครงการเตรียมความพร้อมจุดเช็คอินรองรับการเดินทางท่องเที่ยวของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ตามนโยบาย “คมนาคมสีสัน สร้างสรรค์ประเทศไทย” ที่ได้ให้หน่วยงานในสังกัดพิจารณาพื้นที่เพื่อพัฒนาเป็นจุดพักรถและให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ตามนโยบายของรัฐบาล ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวปลายปี อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชน ส่งเสริมทัศนียภาพระหว่างการเดินทาง กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

ปัจจุบันกรมทางหลวง ได้เริ่มตกแต่ง ปรับปรุงป้ายและจัดเตรียมจุดเช็คอินให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยวของประชาชนในช่วงฤดูหนาวและเทศกาลปีใหม่ 2565 แล้ว 11 จังหวัด จำนวน 11 จุด เช่น ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ บนทางหลวงหมายเลข 1009 ตอน จอมทอง – ดอยอินทนนท์ บริเวณ กม.ที่ 30 – 31 , แยกไดโนเสาร์ จ.ขอนแก่น บนทางหลวงหมายเลข 12 ตอน ขอนแก่น – พรหมนิมิตร บริเวณ กม.ที่ 562 , จุดพักสูดอากาศบริสุทธ์เขาช้างสี จ.นครศรีธรรมราช บนทางหลวงหมายเลข 4238 ตอน ลานสกา – ไม้หลา บริเวณ กม.ที่ 10 เป็นต้น

'รมว.เฮ้ง' สลด 'สาวก่อสร้าง' พลัดตกอาคารเสียชีวิต แสดงความเสียใจส่งเจ้าหน้าที่รุดช่วยเหลือตรวจสอบ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต กรณีคนงานก่อสร้างหญิงพลัดตกจากที่สูงซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างบริษัทแห่งหนึ่ง ถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ จากรายงานในเบื้องตนพบว่าผู้เสียชีวิตชื่อนางสาวบุญออน ทาสีฟู อายุ 40 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ก่อนเสียชีวิตปฏิบัติหน้าที่ผูกเหล็ก ซึ่งการก่อสร้างอยู่ระหว่างการเทคานด้านบน

ช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นเวลาที่คนงานส่วนใหญ่เลิกงานแล้ว แต่จะมีบางคนยังทำงานล่วงเวลา ผู้เสียชีวิตกำลังเดินลงจากอาคารเพื่อจะกลับที่พัก ได้เดินเหยียบแผ่นไม้ที่วางแบบไว้ด้านบนและพลัดตกลงมาถูกเหล็กเสียบที่ลำคอ และตามลำตัว 5 แห่ง เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ  ตนเองรู้สึกกังวลใจและห่วงใยจึงได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคม เข้าตรวจสอบดูแลให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิประโยชน์ที่ญาติผู้เสียชีวิตพึงได้กรณีเสียชีวิตเนื่องจากการทำงาน จากกองทุนเงินทดแทนอย่างเต็มที่ อันได้แก่ เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต ค่าทำศพ 50,000 บาท และเงินบำเหน็จชราภาพ พร้อมทั้งมอบให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเข้าตรวจสอบการดำเนินงานตามกฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ว่านายจ้างปฏิบัติถูกต้องหรือไม่อย่างไร

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top