Saturday, 10 May 2025
NEWS FEED

‘กรมการปกครอง’ มีคำสั่งห้ามจนท.เรียกประชาชนผู้มาใช้บริการว่า ‘ลุง’ หรือ ‘ป้า’ หวั่นกระทบความรู้สึก! แนะใช้คำว่า ‘คุณลูกค้า’ เพื่อยกระดับงานบริการของภาครัฐ

(9 พ.ค. 68) ชาวเน็ตแห่แชร์เอกสารจากกรมการปกครองที่มีเนื้อหาระบุให้เจ้าหน้าที่รัฐเรียกประชาชนที่มาใช้บริการว่า 'คุณ' หรือ 'คุณลูกค้า' แทนการใช้คำว่า 'ลุง' หรือ 'ป้า' หลังมีประชาชนร้องเรียนว่าการใช้คำดังกล่าวไม่เหมาะสมและกระทบความรู้สึก

เอกสารดังกล่าวอ้างถึงข้อเสนอของผู้รับบริการที่ศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จในห้างสรรพสินค้า ซึ่งสะท้อนความต้องการให้เจ้าหน้าที่ใช้ถ้อยคำสุภาพและเหมาะสมมากขึ้น โดยเฉพาะในการเรียกสรรพนามลูกค้า เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีของหน่วยงานรัฐและข้าราชการไทย

กรมการปกครองจึงมีหนังสือเวียนไปยังจังหวัดต่าง ๆ ให้แจ้งกำชับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในจุดบริการต้องยึดหลักมารยาทสากลในการสื่อสาร โดยใช้ถ้อยคำที่สุภาพทั้งทางวาจาและกิริยา เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน

ทั้งนี้แนวทางดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการยกระดับคุณภาพบริการภาครัฐ ให้มีความทันสมัย และใส่ใจต่อความรู้สึกของประชาชนมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายการบริการด้วยหัวใจแบบมืออาชีพในยุคปัจจุบัน

ชมรมลูกเสือรัฐสภาไทยประชุมพิจารณาแต่งตั้งที่ปรึกษา พร้อมเดินหน้าขยายสมาชิกและจัดกิจกรรมส่งเสริมความสามัคคี

เมื่อวันที่ (7 พ.ค.68) ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ CB 402 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ประธานกรรมการบริหารชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย ครั้งที่ 2/2568 โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณาแต่งตั้งที่ปรึกษาชมรมฯ จำนวน 10 ท่าน เพื่อร่วมสนับสนุนภารกิจของชมรมฯ

ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งที่ปรึกษาชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย ได้แก่ รองศาสตราจารย์อาณัฐชัย รัตตกุล, นายไตรรัตน์ ฉัตรแก้ว, นายอนิรุทธ์ สิงหศิริ, ว่าที่ร้อยตรี บุญชัย ดำรงโภคภัณฑ์, นายพงศ์เดช วิบูลย์ธนสาร, นายเกรียงไกร จันทร์หงษ์, นายสมชาย จรรยา, นายสามารถ ทับศรีนวล, พันตำรวจเอก อธิการ อัครกุล และว่าที่พันตำรวจตรีหญิงวรัญญา รอดวิไล

ในการประชุมยังได้หารือแนวทางการขยายจำนวนสมาชิกชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกสามัญที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียง 22 คน และสมาชิกวุฒิสภา 13 คน ถือว่ายังมีจำนวนน้อย จึงเห็นควรมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนทั้งสมาชิกรัฐสภาและเจ้าหน้าที่สมัครเข้าร่วมชมรม เพื่อร่วมขับเคลื่อนภารกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้านแนวทางการดำเนินกิจกรรมของชมรมฯ ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการวางแผนจัดโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ โดยจัดทำร่างโครงการพร้อมกำหนดงบประมาณ เพื่อส่งเสริมความสามัคคีและความปรองดองระหว่างสมาชิกรัฐสภาเดิม ปัจจุบัน และบุคคลทั่วไป พร้อมสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ผ่านกิจกรรมในแนวทางลูกเสือเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ

ที่ประชุมยังได้เสนอแนวคิดจัดอบรมความรู้ทางการลูกเสือให้กับสมาชิกรัฐสภาที่สนใจ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตและสังคม อีกทั้งส่งเสริมการเผยแพร่กิจการลูกเสือให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรลูกเสือ และแสวงหาการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมชมรมอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือเรื่องการแต่งกายด้วยเครื่องแบบลูกเสือ โดยยึดตามกฎกระทรวงว่าด้วยเครื่องแบบลูกเสือ พ.ศ. 2510 ซึ่งระบุว่าผู้ที่จะสวมเครื่องแบบลูกเสือได้ต้องผ่านการอบรมที่สำนักงานลูกเสือแห่งชาติรับรอง โดยมีมติเห็นชอบให้ออกแบบและจัดทำแบดจ์ติดแขนเสื้อด้านซ้าย สำหรับผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรลูกเสือจากชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นลูกเสือรัฐสภาไทย

ผู้สื่อข่าวรายงาน สำรับบรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมตั้งเป้าขับเคลื่อนชมรมให้มีบทบาทมากขึ้นทั้งในระดับรัฐสภาและสังคมส่วนรวม

'อ.เจษฎ์' ค้านรัฐขึ้นภาษีน้ำมัน-ลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน แนะควรขึ้นภาษีเหล้าเบียร์ บุหรี่ หาเงินทดแทนดีกว่า

ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า 

น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสินค้าจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันของประชาชน และเป็นต้นทุนในด้านการขนส่งของเศรษฐกิจประเทศ ..

จึงไม่ควรแค่จะขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน (เพื่อหาเงินเติมคลัง) แต่ควรจะหาทางลด เพื่อช่วยเหลือประชาชน ด้วยซ้ำครับ

อย่างน้อย ช่วงที่ราคาน้ำมันโลกลดลงต่อเนื่องแบบนี้ ก็ควรจะตรึงค่าภาษีสรรพสามิตไว้ จะได้ทำให้ราคาน้ำมันของผู้บริโภคในประเทศลดตามไปด้วย (ไม่ใช่ทำมาเป็นโม้ว่า ช่วยตรึงค่าน้ำมันให้คงที่ไว้ แต่จริงๆ คือเก็บภาษีเพิ่ม)

ไปขึ้นภาษีสรรพสามิตสินค้าฟุ่มเฟือยอื่นๆ อย่าง เหล้า เบียร์ไวน์ บุหรี่ ฯลฯ ดีกว่าครับ .. ถ้าจะหาเงินโปะ แก้รัฐถังแตก

นอกจากนี้ ดร.เจษฎา ยังระบุด้วยว่า (จากท้ายประกาศฯ) "เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง สมควรเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล เพื่อให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น อันเป็นการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศและเสถียรภาพทางการคลังของรัฐ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้"

ดังนั้น มันไม่ได้ 'ปรับสมดุลรายรับ' อะไรหรอกครับ จริงๆ มันก็คือแอบเนียนๆ หาเงินภาษี มาโปะคลังเพิ่ม เพราะรัฐขาดรายได้ไปมาก (จากการไปสนับสนุนราคารถอีวีนั่นแหละ)

หรือพูดง่ายๆ คือ เทคนิคโยกเงินที่กองทุนน้ำมันควรจะได้ ไปเข้ากระเป๋ารัฐ เอาไปใช้อย่างอื่นแทน

ปิดฉากความสำเร็จ 'ผู้นำเมืองรุ่น 10' ม.นวมินทราธิราช มอบเข็มเกียรติยศอย่างชื่นมื่น

เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.68) ที่ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ชั้น B2 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรพร้อมเข็มวิทยฐานะแก่ผู้สำเร็จการศึกษาอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง ( ผู้นำเมือง รุ่น 10 ) โดยมี รศ.มนูธรรม มานวธงชัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัย กล่าวรายงานผลการศึกษาอบรมหลักสูตร พร้อมด้วย นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ผู้สำเร็จการศึกษาอบรม และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี 

ทั้งนี้ นายพินิจ จารุสมบัติ ตัวแทนหลักสูตรผู้นำเมือง รุ่น 10 มอบทุนการศึกษาให้แก่มหาวิทยาลัย เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท

สำหรับโครงการศึกษาอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง จัดโดยมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ระหว่างวันที่ 13 ธันวาคม 2567 - 8 พฤษภาคม 2568 ผู้เข้ารับการศึกษาอบรม ประกอบด้วย ข้าราชการประจำสังกัดหน่วยงานภาครัฐและกรุงเทพมหานคร ข้าราชการการเมืองของกรุงเทพมหานครและระดับประเทศ ผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน

ซึ่งการศึกษาอบรมหลักสูตร ผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นให้ผู้บริหารระดับสูงที่มาจากทุกภาคส่วน ได้รับการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการบริหารจัดการเมือง ในทุกมิติพร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อร่วมกันพัฒนากรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างบูรณาการและยังยืน

สำหรับผู้ที่จบหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมืองรุ่นที่ 10 จะนำความรู้ ประสบการณ์ และข้อคิดเห็น จากการอบรม อันจะนำไปสู่การเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการทำงาน ตลอดจนสร้างเครือข่ายในการบูรณาการความร่วมมือด้านต่างๆ เพื่อการพัฒนาเมือง สร้างคุณประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ โดยผู้นำเมือง รุ่นที่ 10 รุ่นนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า 'ผู้นำเมืองรุ่นแผ่นดินไหว'

ภายหลังพิธีมอบประกาศนียบัตรและเข็มวิทยฐานะแก่ผู้สำเร็จการศึกษาอบรม หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง (ผู้นำเมือง รุ่นที่ 10) ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ในช่วงค่ำของวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการรุ่นได้จัดงานเลี้ยงแสดงความยินดี ณ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์

ภายในงานเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพและความอบอุ่น ผู้เข้าอบรมต่างร่วมแสดงความยินดี แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเก็บเกี่ยวความทรงจำร่วมกันอีกครั้ง ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเอง พร้อมการแสดงและกิจกรรมที่สร้างสีสันและรอยยิ้มตลอดค่ำคืน

งานเลี้ยงครั้งนี้ถือเป็นการปิดฉากการเดินทางของ 'ผู้นำเมือง รุ่นที่ 10' อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมเปิดประตูสู่การเดินหน้าของเหล่าผู้นำในภารกิจร่วมพัฒนาเมืองไทยให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป

พี่ทหารพาน้องนักเรียนเที่ยว 'One Day Trip' ที่ ‘ปราสาทตาเมือนธม’ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ซึมซับความพอเพียงและศรัทธา เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ

(9 พ.ค. 68) กองกำลังสุรนารีจัดกิจกรรม 'One Day Trip' นำคณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนดงรักวิทยา และโรงเรียนจันทน์หอมตาเสก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เดินทางทัศนศึกษายังแหล่งสำคัญใน จ.สุรินทร์ และ จ.อุบลราชธานี โดยจุดแรกได้พาเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย เพื่อศึกษาอารยธรรมโบราณที่เปี่ยมด้วยคุณค่าและความงดงามทางประวัติศาสตร์

จากนั้นคณะได้เดินทางต่อไปยังโครงการทหารพันธุ์ดี ร.6 พัน.3 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เพื่อเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางศาสตร์พระราชาในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปิดท้ายทริปด้วยการเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดพระธาตุหนองบัว เพื่อเสริมสิริมงคลในชีวิต

กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้นอกห้องเรียน เสริมสร้างประสบการณ์ตรงจากแหล่งเรียนรู้จริง และเข้าใจบทบาทของกองทัพในพื้นที่ชายแดน อีกทั้งยังช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจและความตระหนักรู้ในหน้าที่พลเมืองที่ดีของชาติ

ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เคยกล่าวถึงประเด็นพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมว่า ไทยยังคงรักษาอธิปไตยตามกรอบ MOU 43 พร้อมย้ำแนวทางหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญลุกลามเป็นความขัดแย้ง พร้อมยืนยันว่าการลดกำลังทหารต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมกำลังเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติอย่างมั่นคง

'กฟผ.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 ฝ่าย' นำสื่อมวลชนภาคอีสาน เยี่ยมชมการผลิตกระแสไฟฟ้า พร้อมส่งต่อข้อมูลข่าวสารให้ ปชช

กฟผ. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 ฝ่าย ร่วมกับ กฟผ. กชส-ย. จัดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ ประจำปี 2568 นำสื่อมวลชนจากจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา จำนวน 42 คน เข้าเยี่ยมชมการผลิตกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา, ศูนย์เรียนรู้ กฟผ. ลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา และโรงไฟฟ้าศรีราชา (GSRC) จ.ชลบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อสานสัมพันธ์ร่วมกับสื่อมวลชนที่มีการจัดกิจกรรมขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการนำเสนอภารกิจ กฟผ. ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย เพื่อส่งต่อไปยังประชาชนต่อไป

เมื่อวันที่ (7 พ.ค.68) ที่ สฟ. นครราชสีมา 1 นายสหชาติ พิลาออน ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อปอ. ) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประธาน ในพิธีเปิดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปี 2568 และบรรยายเรื่อง 'กฟผ. ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง' โดยโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปี 2568 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-10 พฤษภาคม 2568  นำสื่อมวลชนจากจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา จำนวน 42 คน เข้าเยี่ยมชมการผลิตกระแสไฟฟ้าจาก โรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา, ศูนย์เรียนรู้ กฟผ. ลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา และโรงไฟฟ้าศรีราชา (GSRC) จ.ชลบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อสานสัมพันธ์ร่วมกับสื่อมวลชนที่มีการจัดกิจกรรมขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการนำเสนอภารกิจ กฟผ. ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย เพื่อส่งต่อไปยังประชาชนต่อไป, สถานการณ์ ระบบไฟฟ้าของประเทศไทย

ปัจจุบันและอนาคต สาธิตการบำรุงรักษาเสาและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และขอความร่วมมือในการเผยแพร่ข้อมูล กฟผ. ที่เกี่ยวข้องกับประชาชนให้ช่วยดูแลรักษาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ป้องกันไฟฟ้าดับจากการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาทิ ข้อกำหนดความปลอดภัยในเขตเดินสายส่งไฟฟ้าแรงสูง การงดปลูกต้นไม้ยืนต้น และบ้านเรือนใกล้แนวสายส่งฯ, งดเผาหญ้าไร่อ้อยใต้สายส่งฯ, การระมัดระวังอันตรายต่อชีวิตในการขับรถแม็คโคร รถขุด รถตัก ต้องลดระดับลงเมื่อลอดสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ฯลฯ 

ในโอกาสนี้มี คณะผู้บริหาร และคณะทีมงาน กฟผ. ร่วมให้การต้อนรับและร่วมเดินทางไปกับคณะสื่อมวลชน อาทิ นายวิษณุ วัฒนเวชรัตน์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 (ช.อปอ.2), นางสาวเกษณภา มหารัตนวงศ์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ความยั่งยืน 1, นายพลากร บุญห่อ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ระบบส่ง (กชส-ย.), นายอนุพงษ์  เมืองครุธ หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์โรงไฟฟ้าน้ำพอง(หชฟพ-ย.), นายจีราวัฒน์ กมลวิศาล หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์โรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หชฟอ-ย.) และ น.ส. อภิสราธรณ์ ปัณณะมณีธนโชติ วิทยากรระดับ 8  แผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ระบบส่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หชสอ-ย.) ฝ่ายปฏิบัติการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  (อปอ.) ร่วมด้วย คณะ กฟผ. จาก สถานีไฟฟ้าแรงสูงนครราชสีมา 1 คือ นายวิโรจน์ มณีเนตร หัวหน้าสำนักงานนครราชสีมา และ หัวหน้าแผนกบำรุงรักษาสถานีไฟฟ้าแรงสูง 2 , นายปรีชา สุขสวาท หัวหน้าแผนกบำรุงรักษาสายส่ง 2, นายมานพ หิรัญพิศ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการและบำรุงรักษาสายส่งนครราชสีมา 1, นายบุญเชิด กระจายกลาง หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการและบำรุงรักษาสายส่งชัยภูมิ พร้อมทีมงาน

การจัดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ประจำปี 2568 ดำเนินการโดย แผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ระบบส่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หชสอ-ย.), แผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์โรงไฟฟัาน้ำพอง (หชฟพ-ย.) และ แผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์โรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หชฟอ-ย.) ร่วมกับ กองประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ระบบส่ง (กชส-ย.) ฝ่ายกลยุทธ์ความยั่งยืน (อกย.) ซึ่งสื่อมวลชนที่ร่วมโครงการฯ ได้ให้ความสนใจ มีความเข้าใจตามวัตถุประสงค์โครงการฯ และยินดีจะนำข้อมูลของ กฟผ.ไปเผยแพร่ต่อประชาชนผ่านสื่อในสังกัดตนเองต่อไป

ด้าน นายสหชาติ พิลาออน ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.มีหน้าที่ผลิต และส่งจ่ายไฟฟ้า เพราะส่วนมากโรงไฟฟ้าหลักๆ จะอยู่ห่างไกลจากผู้ใช้ไฟฟ้า ต้องอาศัยสายส่งไฟฟ้าเป็นตัวเชื่อมในการทำงานที่นี้ใช้ส่งไฟฟ้าแรงสูง เพราะกว่าจะได้มาต้องอาศัย การใช้รอนสิทธิ์จากพี่น้องประชาชน กว่าจะได้ใช้ส่งไฟฟ้าแรงสูงมา เพราะสายส่งเราเชื่อมโยงรับไฟมา และเชื่อมโยงระหว่างกัน จากสถานีไฟฟ้าเชื่อมโยงไปยังสถานีจังหวัด และอำเภอ ต่างๆและส่งให้ไฟฟ้าไปจำหน่าย ส่วนในการดูแลสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เราต้องอาศัยในการดูแลจากพี่น้องประชาชนในชุมชนใกล้ๆ เพื่อช่วยเหลือสายส่งในการทำหน้าที่ ขนส่งไฟฟ้า เพื่อหลีกเลี่ยงในการทำให้สายส่งไฟฟ้าทำงานไม่ได้ เช่นไปจุดไฟใต้สายส่งไฟฟ้าแรงสูง การเผาอ้อย หรือแม้แต่ไปปลูกต้นไม้ใกล้เกินไป ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชนช่วยดูแล สายส่งไฟฟ้าแรงสูงของกฟผ.ด้วยกัน

นายสหชาติ  กล่าวอีกว่า ส่วนความต้องการในการใช้ไฟฟ้าถ้ามองตาม GDP แล้ว ซึ่งจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จากการนับ ณ ปัจจุบัน การสร้างโรงงานไฟฟ้า นั้นจะกระจุกอยู่ในตัวในพื้นที่ที่เหมาะสม กับเชื้อเพลิงที่จะผลิตไฟฟ้านั้น โดยการส่งไฟฟ้าแรงสูงอีกมาก ซึ่งสายส่งไฟฟ้าแรงสูงถ้าจะส่งไฟฟ้าได้จำนวนมาก จะต้องใช้แรงดันไฟฟ้าสูง ๆ เพื่อเชื่อมโยงให้เกิดความมั่นคง ตอนนี้มีสายส่งทีเชื่อมโยงใกล้ที่จะมั่นคงมาก ๆ แล้ว  โดยมีการเชื่อมโยงกับ สปป.ลาว เชื่อมโยงกับ ภาคเหนือ ภาคกลาง เมื่อได้สายส่งที่เชื่อมโยงอย่างนี้แล้วจะมีความมั่นคงอย่างมาก 

นายสหชาติ กล่าวท้ายสุดว่า จากสถานการณ์ไฟฟ้าดับในยุโรป คือโปรตุเกส และสเปน นั้นส่วนหนึ่งมากจากการใช้พลังงานหมุนเวียนที่มาก เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าหลักและประเทศนั้น ๆ มีสายส่งเชื่อมโยงกับประเทศฝรั่งเศส แต่เผอิญว่าพลังงานที่มันหายไปมันเยอะ กว่าพลังงานที่อื่นจะส่งผ่านสายส่งไฟฟ้าเข้ามาได้ ในส่วนของ กฟผ.เรามีสายส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงกันที่แข็งแกร่ง ค่อนข้างมาก มันทำให้สามารถที่จะส่งไฟอีกภาคหนึ่งมาช่วยอีกภาคหนึ่งได้ เช่น ถ้าภาคอีสานมีฟ้าจากโรงไฟฟ้าใหญ่ ๆ หายไปแต่เรายังสามารถรับไฟจากภาคเหนือ หรือภาคกลาง มาช่วยเสริมความมั่นคงในภาคอีสานได้

ลำปาง-มทบ.32 รวมพลังจิตอาสา ร่วมบริจาคโลหิตในโครงการ '70 พรรษา 70 ล้านซีซี' เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย และถวายเป็นพระราชกุศล

เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.68) เวลา 08.30 น. พลตรีวิชาญ ศรีภัทรางกูร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 พร้อมด้วย พันเอกสุกิจ ภิญโญ เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 32 นำกำลังพลจิตอาสาพระราชทาน จำนวน 22 นาย เข้าร่วมบริจาคโลหิต ณ ห้องรับบริจาคโลหิต โรงพยาบาลลำปาง

การบริจาคในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีความต้องการโลหิตในการรักษาพยาบาล และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 70 พรรษา ภายใต้โครงการ '70 พรรษา 70 ล้านซีซี'

ทั้งนี้ มณฑลทหารบกที่ 32 ได้ร่วมกันบริจาคโลหิตได้รวมทั้งสิ้น 6,750 ซีซี สะท้อนถึงความเสียสละและจิตสาธารณะของกำลังพล ที่ร่วมกันสร้างคุณประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง

เชียงใหม่-ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 2 คดี

เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.68) เวลา 10.30 น. ณ ลานแถลงข่าว อาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ตามนโยบายรัฐบาล สั่งการให้หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ ได้รับบัญชาและข้อสั่งการนำไปสู่การปฏิบัติ

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงผลการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสําคัญ จำนวน  2 คดี ดังนี้ 1.สภ.แม่พริก จ.ลำปาง จับกุมผู้ต้องหา 7 คน รถยนต์ 2 คัน พร้อมของกลาง ไอซ์ จำนวน 305 กก. 2.สภ.แม่สรวย จ.เชียงราย จับกุมผู้ต้องหา 2 คน  รถยนต์บรรทุก 1 คัน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1,576,000 เม็ด 

โดยมี นายปฤษปฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่สรวย, นายกองตรีปิยะวุฒิ พิทักษ์บริบาล นายอำเภอแม่พริก, พ.ต.อ.ชาญชัยวัฒน์ เปล่งสันเทียะ เสนาธิการ กอ.รมน.ภ.3 สย.2, พล.ต.ต.วรพงศ์  คำลือ ผบก.สส.ภ.5, รอง ผบก.สส.ภ.5, รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง, รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย, ผู้แทน เสธ.นบ.ยส.35, ผู้แทน ปปส.ภ.5 ร่วมแถลงผลการจับกุม

คดีที่ 1วันที่จับกุม วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 06.30 น. สถานที่เกิดเหตุ อุโมงค์เอกซเรย์ด่านตรวจแม่พริก ม.5 ต.พระบาทวังตวง อ.แม่พริก จว.ลำปาง ผู้ต้องหา 7 คน ขณะทำการตรวจสอบ ได้แสดงอาการพิรุธหน้าซีดตัวสันคล้ายกับคนมีสิ่งของ ผิดกฎหมายซุกซ่อน ก่อนการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้บุคคล ทั้ง 7 คน ดูจนเป็นที่พอใจและยินยอมให้ตรวจสอบด้วยความสมัครใจ ตรวจค้นบุคคลทั้ง 4 คน ที่มากับรถนำ ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายตรวจค้นบุคคลทั้ง 3 คน และรถยนต์ (รถตู้นั่งสี่ตอน) พบกระสอบต้องสงสัยว่า อาจจะซุกซ่อนยาเสพติดหรือสิ่งของผิดกฎหมาย จึงได้เชิญตัวทั้ง 7 คน พร้อมรถยนต์ทั้ง 2 คัน มายังด่านตรวจแม่พริก 

ผลการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์หรือไอซ์) จำนวน 13 กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ 305 กิโลกรัม จึงได้จับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาให้ทั้ง 7 คนทราบ และทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่พริก จว.ลำปาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2 วันที่จับกุมวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 07.30 น.สถานที่เกิดเหตุ ด่านตรวจยาเสพติดท่าก๊อ ม.14 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จว.เชียงราย (ผู้ต้องหาที่ 1) ต่อเนื่อง จุดตรวจยาเสพติดถ้ำปลา ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จว.เชียงราย (ผู้ต้องหาที่ 2) ผู้ต้องหา 2 คน ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน 8 กระสอบ เป็นยาบ้าจำนวนประมาณ 1,576,000 เม็ด และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการขยายผลการจับกุม จนสามารถจับกุมนายณรงค์ชัยได้ที่บริเวณจุดตรวจยาเสพติดถ้ำปลา ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จว.เชียงราย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ. แม่สรวย จว.เชียงราย

ตำรวจภูธรภาค 5 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้ง ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และนำบัญชาข้อสั่งการของรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดไม่ให้เข้าไปสู่พื้นที่ตอนในอย่างเข้มข้นและจริงจัง และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

สรุปผลการจับกุมยาเสพติด ของ ตำรวจภูธรภาค 5 ห้วงตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 - 7 พฤษภาคม  2568  จับกุมคดียาเสพติด จำนวน 13,357 คดี คดียาเสพติดรายสำคัญ 140 คดี  ตรวจยึดของกลางยาเสพติด ยาบ้า 131 ล้านเม็ดเศษ ไอซ์ 8,450 กิโลกรัมเศษ เฮโรอีน 148 กิโลกรัม เคตามีน 1,100 กิโลกรัมเศษ ฝิ่น 64 กิโลกรัมเศษ ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับยาเสพติด มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 392 ล้านบาทเศษ

ประกันสังคมปรับเพิ่มสิทธิ 'ว่างงานจากการเลิกจ้าง' รับเงินทดแทนเป็น 60% จากเดิม 50% ของค่าจ้าง

(8 พ.ค. 68) นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม ได้เสนอร่างกฎกระทรวง ปรับเพิ่มอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเหตุเพราะถูกเลิกจ้าง จากอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน เป็นร้อยละ 60 ของค่าจ้างรายวัน โดยได้รับครั้งละไม่เกิน 180 วันต่อปีปฏิทิน เพื่อให้ผู้ประกันตนที่ว่างงานจากการถูกเลิกจ้างได้รับประโยชน์ทดแทนเพียงพอต่อการดำรงชีวิตจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 68 ได้มีมติเห็นชอบ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว อยู่ในขั้นตอนตามกฎหมายของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการส่งกลับมาให้สำนักงานประกันสังคมเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนามในร่างกฎกระทรวง และส่งประกาศราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันถัดจากวันประกาศ

นางมารศรี กล่าวต่อไปว่า ประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานนั้น นอกจากจะให้การดูแลลูกจ้างที่สิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกรณีถูกเลิกจ้างแล้ว ยังครอบคลุมถึงการว่างงานจากกรณีลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้างอีกด้วย โดยผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างรายวัน ครั้งละไม่เกิน 90 วันต่อปีปฏิทิน ซึ่งการรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานของผู้ประกันตนมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข คือ จะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างงาน โดยมีระยะเวลาการว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป พร้อมทั้งต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านเว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน https://unemploy.doe.go.th และรายงานตัวผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดกิจกรรมวันพยาบาลสากล ปี 68 เพื่อรำลึกและสดุดี มิสฟลอเรนช์ ไนติงเกล สุภาพสตรี แห่งดวงประทีป ผู้ก่อกำเนิดวิชาชีพพยาบาล 

(8 พ.ค.68) พลเรือตรีพัฒนชัย เฉลิมวรรณ์ ผอ.โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ เป็นประธานเปิดการจัดกิจกรรมวันพยาบาลสากล ประจำปี 2568 ณ ห้องประชุมคลองไผ่ หอประชุม รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดย นาวาเอกหญิง อรัญญา เชยดี รองผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล รพ. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ฯ และในนามคณะกรรมการจัดกิจกรรมวันพยาบาลสากล ประจำปี 2568 นำคณะฝ่ายการพยาบาลและข้าราชการพยาบาลฯ ร่วมให้การต้อนรับ โดยมีรองผู้อำนวยการ รพ.ฯ พลเรือตรีหญิง อำไพวัลย์ สวยสม และนาวาเอกหญิง เรืองรอง วิยาภรณ์ อดีตข้าราชการพยาบาล รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ฯ ร่วมในพิธี 

นาวาเอกหญิง อรัญญา เชยดี กล่าวรายงานถึงความเป็นมาว่า ตามที่ สภาพยาบาลระหว่างประเทศ ได้กำหนดให้ วันที่ 12 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันพยาบาลสากล และเป็นวันเกิดของ มิสฟลอเรนซ์ ไนติงเกล ผู้ก่อกำเนิดวิชาชีพการพยาบาล และเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์ตั้งใจบำเพ็ญ สาธารณประโยชน์ เพื่อมวลมนุษย์อย่างแท้จริง จนได้รับการยกย่องและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ฝ่ายการพยาบาลฯ จึงได้จัดกิจกรรมเพื่อรำลึกและสดุดีคุณงามความดี อีกทั้งเพื่อเป็นการยกย่องให้เกียรติและยึดถือเป็นแบบอย่างที่ดีของพยาบาล ภายใต้คำขวัญวันพยาบาลสากล ปี 2568 ที่ว่า "พยาบาลคืออนาคต ใส่ใจพยาบาล พัฒนาสุขภาพสู่เศรษฐกิจ" หรือ "Our Nurses. Our Future. Care for nurses strengthens economies" ขึ้น ในวันนี้ 8 พ.ค.68 รวมทั้งมอบโล่รางวัลและช่อดอกไม้แสดงความยินดีกับพยาบาล ผู้ได้รับรางวัลเกียรติคุณต่างๆ สร้างชื่อเสียงให้กับองค์กรพยาบาล และโรงพยาบาลฯ ในปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน 

พล.ร.ต.พัฒนชัย เฉลิมวรรณ์ กล่าวว่า ตามที่ สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย ประกาศเป้าหมายรณรงค์ "พยาบาลคืออนาคต ใส่ใจพยาบาล พัฒนาสุขภาพสู่เศรษฐกิจ" ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของพยาบาล ในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ 

ในทุกๆ วัน พยาบาล เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลและส่งเสริมสุขภาพของประชาชน ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่รักษาโรค แต่ยังมีส่วนในการสนับสนุนให้ชุมชนมีสุขภาวะที่ดี ตลอดจนเป็นแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กัน ความใส่ใจต่อพยาบาลนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคปัจจุบัน ที่พยาบาลต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงการแพทย์และสาธารณสุข การสนับสนุนและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีให้กับพยาบาล จึงเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากพวกเขาคือ บุคลากรที่มีบทบาทสำคัญ ในการสร้างอนาคตและระบบสุขภาพ ดังนั้นพยาบาลที่มีความสุขและมีสุขภาพที่ดี จะสามารถให้บริการที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

นอกจากนี้แล้ว ยังได้จัดประชุมวิชาการ เรื่อง กฎหมายและจริยธรรมทางการพยาบาล เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับกฎหมายและจริยธรรม ที่มีผลต่อการปฏิบัติงานของพยาบาล รวมทั้งส่งเสริมความเข้าใจในการปฏิบัติงานตามหลักจริยธรรมทางการพยาบาล เพื่อยกระดับคุณภาพการดูแลผู้ป่วยในระบบสุขภาพ ให้มีประสิทธิภาพ

โดยได้รับเกียรติจาก วิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิในด้านกฎหมายและ จริยธรรมด้านการพยาบาล มาร่วมแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และแนวทางปฏิบัติที่ดีในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและจริยธรรม ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top