Friday, 25 April 2025
NEWS FEED

‘จิราพร’ ย้ำตู้คีบตุ๊กตาเข้าข่ายผิดกฎหมาย หากไม่มีใบอนุญาต ชี้ สคบ.พร้อมรับเรื่องร้องเรียน ด้านนครนายกยึดแล้ว 77 ตู้

(25 เม.ย. 68) น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พร้อมรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ 'ตู้คีบตุ๊กตา' ที่ไม่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจเข้าข่ายการพนัน และย้ำว่าหากพบเห็นสามารถแจ้งเข้ามาได้ทันที พร้อมระบุว่า สคบ. มีการมอนิเตอร์ประเด็นที่ส่งผลกระทบผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง แม้ยังไม่มีการร้องเรียนอย่างเป็นทางการ

กรณีที่ผู้ปกครองเสนอให้ใช้มาตรการเด็ดขาดกับตู้คีบตุ๊กตาเหมือนกับบุหรี่ไฟฟ้า เพราะหวั่นมอมเมาเยาวชน น.ส.จิราพร ย้ำว่า หากมีข้อมูลหรือหลักฐานสามารถส่งมาให้ สคบ. ดำเนินการได้ทันที และหน่วยงานมีความพร้อมที่จะดำเนินการเชิงรุกหากพบประเด็นผ่านสื่อหรือโซเชียลมีเดีย

ด้านจังหวัดนครนายก ได้มีการกวาดล้างตู้คีบตุ๊กตาที่ผิดกฎหมายไปแล้ว 77 ตู้ จากห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และปั๊มน้ำมันใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.บ้านนา และ อ.องครักษ์ หลังได้รับร้องเรียนจากผู้ปกครองว่าตู้เหล่านี้เป็นการมอมเมาเยาวชน และถือเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า การเล่นตู้คีบตุ๊กตามีลักษณะของการพนัน เนื่องจากมีการเสี่ยงดวงและไม่สามารถรับประกันผลได้ทุกครั้ง จึงเข้าข่ายเป็นกิจกรรมที่ต้องมีใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยจะดำเนินการตรวจสอบและกวาดล้างต่อเนื่องเพื่อป้องกันผลกระทบต่อเยาวชนและประชาชนทั่วไป

ผบ.ตร.ลงพื้นที่เหตุเครื่องบินตกที่ อ.หัวหิน สดุดีทุกคนที่อยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าว บังคับเครื่องตกลงทะเลเพื่อไม่ให้ตกในเขตบ้านเรือนประชาชน

(25 เม.ย.68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุเครื่องบินของกองบินตำรวจตกบริเวณทะเลใกล้กับสนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทันทีที่ได้รับรายงาน พร้อมด้วย นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน , พล.ต.ต.ศิริกุล บุญอิ้ง ผู้บังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และผู้แทนหน่วยต่างๆ ได้แก่ การท่าอากาศยานหัวหิน , หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน กองทัพอากาศ , พิสูจน์หลักฐานตำรวจ

ทั้งนี้ เมื่อถึงพื้นที่ ผบ.ตร. แสดงความเคารพร่างตำรวจผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมยกย่องสดุดีนักบิน วิศวกร และช่างเครื่องทุกคน เพราะจากการตรวจสอบเบื้องต้นในขณะเกิดเหตุเครื่องบินจะเสียหลักทิศทางมุ่งไปยังบ้านเรือนประชาชน แต่นักบินบังคับเครื่องให้มาทางทะเลเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียกับพี่น้องประชาชน นับเป็นความสูญเสียบุคลากรที่มากความสามารถทั้ง 5 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย ที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวหิน

ผบ.ตร.ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการและทีมสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนการเก็บกู้มอบหมายให้กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจน้ำ ร่วมกับกองบินตำรวจ ดำเนินการนำเครื่องบินดังกล่าวขึ้นมาจากทะเล คาดว่าใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด และไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพยานหลักฐานต่างๆ และกำชับดูแลการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตเพื่อชันสูตร ประสานญาติเพื่อนำร่างไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างใกล้ชิด และจัดพิธีอย่างสมเกียรติ ดูแลสวัสดิการอย่างเต็มที่ พร้อมกำชับให้เร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำในอนาคต ทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมาย สมเกียรติ 

จากนั้น ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไป เพื่อเยี่ยมอาการ “ร้อยตำรวจเอก จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์” นักบินที่รอดชีวิต ซึ่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวหิน ล่าสุดมีอาการกระดูกใบหน้าหัก เจาะปอดใส่ท่อระบายของเสียออกจากทรวงอก ไม่พบว่าได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองแต่อย่างใด ล่าสุดได้ประสานกับทางโรงพยาบาลตำรวจ หากต้องมีการเคลื่อนย้ายไปรักษา ยืนยันดูแลรักษาอย่างเต็มที่

ผบ.ตร. พบปะสื่อมวลชน พูดคุยอย่างเป็นกันเอง ตอบทุกคำถามอย่างเปิดใจ

เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.68) เวลา 12.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้เกียรติพบปะสื่อมวลชน ณ ห้องกระจก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในบรรยากาศเป็นกันเอง พร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับผู้สื่อข่าวจากหลากหลายสำนักข่าว

ภายหลังการรับประทานอาหาร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถามอย่างเต็มที่ พร้อมตอบคำถามในประเด็นต่าง ๆ อย่างเปิดใจ โดยเฉพาะเรื่องภารกิจสำคัญและนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งล้วนแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยความโปร่งใส และพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน

ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงอินโดนีเซียพร้อมลูกเรือ 5  คน ลุกล้ำเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทย

เมื่อวันที่ 23 เม.ย.68  พลเรือโทสุวัจ ดอนสกุล ผอ.ศรชล.ภาค 3 สั่งการให้ นาวาเอกแสนย์ไท บัวเนียม รอง ศรชล.จว.สตูล, นป.สอ.รฝ.491 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกปฏิบัติการจับกุมเรือประมงอินโดนีเซีย หลังจากที่ได้รับการรายงานจาก ศคท.จว.สตูล ว่า มีเครือข่ายเรือประมงไทยพบเห็นเรือประมงต่างชาติคาดว่าเป็นเรือประมงของอินโดนีเซียลักลอบทำการประมงบริเวณทางทิศตะวันตกของเกาะหลีเป๊ะ ห่างออกไปประมาณ 13.75 ไมล์

นป.สอ.รฝ.491 จึงได้นำเรือยาง พร้อมเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ และ ศคท.จว.สตูล ได้นำเรือปฏิบัติการความเร็วสูง ศรชล.4006 พร้อมกำลังพล ออกตามไปสมทบ จนกระทั่งสามารถควบคุมเรือลำดังกล่าวและคนบนเรือรวม 5 คน ไว้ได้ ประกอบด้วยไต๋เรือ 1 คน ลูกเรือ 4 คน ทั้งหมดเป็นชาวอินโดนีเซีย พร้อมกับได้ควบคุมทั้งหมดมาที่เกาะหลีเป๊ะ เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ทาง ศรชล.ภาค 3 ขอขอบคุณเครือข่ายเรือประมง ที่พบเห็นเรือต่างชาติ, เรือที่ไม่คุ้นตา ไม่เคยพบเห็นในพื้นที่ แล้วแจ้งมายัง ศรชล.ภาค 3, ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ต้องชื่นชม ทุกคนต้องช่วยกันหวงแหน และรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรของชาติ

เหตุด่วน เหตุร้าย ภัยทางทะเล ต้องการความช่วยเหลือทางทะเล โทร  1465 แจ้ง ศรชล.ภาค 3 ตลอด 24 ชั่วโมง

'สมศักดิ์' เปิดอาคารนิทรรศการไทย ในงาน Expo 2025 Osaka สุดยิ่งใหญ่ เชื่อ จะช่วยนำเสนอความเป็นไทย-ศักยภาพ-ความพร้อมเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ปลื้ม ให้งานเกรดเอ

'สมศักดิ์' เปิดอาคารนิทรรศการไทย ในงาน Expo 2025 Osaka สุดยิ่งใหญ่ เชื่อ จะช่วยนำเสนอความเป็นไทย-ศักยภาพ-ความพร้อมเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ปลื้ม ให้งานเกรดเอ แต่ยอมรับต้องปรับให้ว้าวขึ้น ชี้ หมอส่วนใหญ่จากสายวิทย์ อาจมีมุมมองไม่เหมือนสายศิลป์ แนะ บริษัท-ผู้ตรวจรับงาน ระดมสมองปรับแก้ เพื่อให้เกิดความพึ่งพอใจ ย้ำ สามารถปรับแก้ได้ ไม่ได้สายเกินไป

เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.68) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) โดยมี นายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย นายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว นายอัครพงศ์ เฉลิมนนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข น.ส.ณัฐธิดา เทพสุทิน นายวินิจ เลิศรัตนชัย นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้บริหารสมาคมญี่ปุ่นสำหรับงานนิทรรศการโลกปี 2025 และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม ณ เวทีการแสดง อาคารนิทรรศการไทย ในงาน Expo 2025 Osaka Kansai นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเปิด อาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงาน Expo 2025 ที่นครโอซากา ในวันนี้ โดยเชื่อว่า อาคารนิทรรศการแห่งนี้ จะช่วยประชาสัมพันธ์ นำเสนอความเป็นไทย แสดงให้เห็นศักยภาพ และความพร้อมของไทย ในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ Medical and Wellness Hub สู่สายตาประชาคมโลก ผ่านจุดแข็งที่สำคัญหลายประการ เช่น มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มีความพร้อมของสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานในระดับโลก มีแพทย์และบุคลากรที่มีความรู้และเชี่ยวชาญ มีอัตราค่าบริการการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม คนไทยมีเซอร์วิสมายด์ของการบริการที่ดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วน รวมถึงมีความโดดเด่นด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เช่น ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย และการนวดแผนไทย ซึ่งได้รับการยกย่อง ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก

“ผมขอขอบคุณทุกท่าน ที่ช่วยกันขับเคลื่อนงานที่สำคัญในครั้งนี้ ผมเชื่อมั่นว่า อาคารนิทรรศการไทยพร้อมแล้ว ที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุน ทั้งชาวญี่ปุ่น และทุกประเทศทั่วโลก ให้เข้ามาเรียนรู้ สัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจ ช่วยสร้างความเชื่อมั่น และขยายโอกาสการลงทุน ทำให้ประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพของคนทั้งโลกต่อไป” รมว.สาธารณสุข กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายสมศักดิ์ กล่าวเปิดงาน ได้มีการแสดงสะท้อนความเป็นไทยอย่างยิ่งใหญ่ มีการแสดงรำวง ที่นายสมศักดิ์ ได้ร่วมรำด้วย ก่อนจะมีการแสดงเต้นจากโครงการ TO BE NUMBER ONE โดยบรรยากาศ เป็นไปด้วยความคึกคัก มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต่างให้ความสนใจ มาร่วมดูกิจกรรมด้วย

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า วันนี้ ตนได้มาดู พาวิลเลียนไทย ในงาน Expo 2025 Osaka โดยจากคำวิพากษ์วิจารณ์ ตนก็ได้พบได้เห็นหลายๆอย่าง และพยายามทำความเข้าใจในเนื้องานทั้งหมด ซึ่งคำว่า Expo คือ งานแสดงสินค้า และการบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ ดังนั้น ในคอนเซ็ปต์คือ การเชื่อมโยงภูมิปัญญาไทย ที่เริ่มตั้งแต่ 1 หมุดหมายสุขภาพ ไปจนถึง 1 ล้านรอยยิ้ม โดยสรุปแล้วคือ การกินดี อยู่ดี ด้วยภูมิปัญญาไทย และจากที่ตนได้เดินดูทั้งหมดแล้ว ต้องบอกว่า ในความเข้าใจ ความรู้สึกของคนมาดู มองว่า เราอาจแบ่งสายการศึกษาเป็น 2 สาย คือ สายวิทย์ และสายศิลป์ ซึ่งคนในกระทรวงสาธารณสุข ส่วนใหญ่เป็นสายวิทยาศาตร์ ก็อาจจะมองในสิ่งที่สายศิลป์มองอย่างชัดเจนและเก่งกล้า ไม่ออกทั้งหมด 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การนำเสนอที่ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยเฉพาะเรื่องต้นไม้ หรือ สิ่งต่างๆที่สามารถเพิ่มเติมได้ตามแนวทางของสัญญา ก็สามารถปรับแก้ได้ ตนคิดว่า ไม่ได้สายเกินไป โดยในช่วงหลังเปิด 10 วันที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งก็มีวิพากษ์วิจารณ์ออกมา ดังนั้น ตนคิดว่า ทางบริษัท และผู้ตรวจงาน ต้องดูคอมเมนต์ต่างๆที่ออกมาด้วย โดยเรามีความเป็นไทยที่มีภูมิปัญญาจากอดีตถึงปัจจุบัน และอนาคต ในเรื่องสุขสมบูรณ์ จึงอยากให้มองตรงนี้ ส่วนจะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไร ก็พร้อมรับคำวิจารณ์ และแก้ไข

เมื่อถามว่า จากการดูงานแล้ว อยากให้ปรับตรงไหนเพิ่มหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มีปรับในห้อง แต่ตนในฐานะสายวิทย์ มองว่า ให้เกรดเอ 80 คะแนน โดยในกระทรวงสาธารณสุข ส่วนใหญ่เป็นสายวิทยาศาสตร์ ก็มองดูแล้ว มาบ่นฉันทำไม แต่คนที่มาวิพากษ์วิจารณ์คือ สายศิลป์ โดยให้คะแนนถึงครึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ โดยบางคนให้คะแนน 2 เต็ม 10 ก็ไปว่าเขาไม่ได้ เพราะในมุมมองของคนมันต่างกัน แต่เราก็ต้องทำให้เกิดความพึ่งพอใจ เนื่องจากเม็ดเงิน 800 กว่าล้านบาท ก็ต้องทำให้เกิดความพึ่งพอใจของคนที่มองอยู่ ซึ่งมีทั้งพอใจ และไม่พอใจ ดังนั้น เราก็ต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการนำเสนอให้ว้าวขึ้น ตนจึงอยากให้บริษัท และผู้ตรวจรับงาน ได้ระดมสมองกัน ส่วนสำหรับตน ก็จะมีที่ปรึกษา ที่ขอให้ช่วยดู ทั้งในเนื้องาน และการทำงานของเม็ดเงินต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่ประมาณ 40% ด้วย

เมื่อถามว่า ในส่วนของเนื้อหา มีความพอใจที่ตอบสนองกับธีมของงานอยู่แล้วใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ถูก เพราะธีมของงาน ตนก็พยายามดูว่า ผิดอะไรหรือไม่ แต่ของเราอยู่ในมุม ความเชื่อมโยงของวัฒธรรมสังคม ที่ต่อเนื่องสุขสมบูรณ์ โดยของที่เอามาโชว์ทั้งหมด ก็ใช้ได้ แต่ก็ต้องปรับให้ว้าวขึ้น ส่วนตัวเลขคนเข้ามาดู ก็ต้องปรับการบริหาร เพราะตามแนวทางคาดว่า 1-2 ล้านคน ซึ่งถ้าอยากได้ตัวเลขนี้ ก็ต้องมีคนชมวันละ 1 หมื่นคน โดยที่ผ่านมา นับแค่คนเข้าอาคาร แต่งานของเรามีนอกตัวอาคารด้วย ก็ต้องมีการปรับแก้ตรงนี้ด้วย

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดโครงการ SRK Innovation Day 2025 

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์กรมแพทย์ทหารเรือ โดยสำนักงานวิจัยและการจัดการความรู้ รพ.ฯ ได้จัดโครงการ SRK Innovation Day 2025  ณ ห้องภูหลวง หอประชุม รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดย พล.ร.ต.พัฒนชัย เฉลิมวรรณ์ ผู้อำนวยการ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. มาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ และร่วมชมโปสเตอร์นำเสนอผลงานนวัตกรรมของหน่วยงานฝ่ายการรักษาและฝ่ายสนับสนุนของ รพ.ฯ จำนวน ทั้งสิ้น 27 ผลงาน

โครงการฯ นี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดบรรยากาศการเรียนรู้โดย ผลงานนวัตกรรมที่ดีเหล่านี้ ยังสามารถต่อยอดเพื่อเป็นประโยชน์กับหน่วยงานภายในและขยายผลสู่หน่วยงานภายนอก รพ.ฯ ได้ต่อไป อีกด้วย

เครื่องบินลำเลียง DHC6-400 ตกหน้ารีสอร์ทชะอำ เสียชีวิต 5 ราย เจ็บ 1 ราย เป็นเครื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

(25 เม.ย. 2568) เวลาประมาณ 08.15 น. ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 เพชรบุรี ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเครื่องบินเล็กตกในทะเล บริเวณหน้ารีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ชะอำ จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะอำ และทีมกู้ชีพได้รุดเข้าตรวจสอบทันที

จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทีมกู้ภัยรายงานว่าพบผู้เสียชีวิต 5 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ซึ่งได้นำส่งโรงพยาบาลหัวหินแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการกู้ร่างผู้เสียชีวิตและตรวจสอบสาเหตุของอุบัติเหตุ

สำหรับเครื่องบินที่ประสบเหตุดังกล่าว เป็นแบบ DHC6-400 Twin Otter ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเริ่มเข้าประจำการตั้งแต่ปี 2563 โดยเป็นเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีที่สามารถใช้งานได้หลากหลายภารกิจ รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางอากาศ

เชียงใหม่-ภ.5 แถลงผลการจับกุมการลักลอบค้าอาวุธปืนสงคราม จำนวนมาก เตรียมส่งชายแดนแม่ฮ่องสอน

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการปฏิบัติคดีอาชญากรรมรายสำคัญ "สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่จับกุมการลักลอบค้าอาวุธปืนสงคราม ผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมาก เตรียมส่งชายแดนแม่ฮ่องสอน"

เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.68) เวลา 11.00 น.พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงผลการปฏิบัติคดีอาชญากรรมรายสำคัญในพื้นที่ ภ.5 โดยมี พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, รอง ผบก.สส.ภ.5, รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ร่วมแถลงผลการจับกุม ณ ห้องประชุม สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์  ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่

กรณีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 สภ.ภูพิงคราช นิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งจุดตรวจแยกเกษตรอินทรีย์ เลียบคลองชลประทาน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ สกัดจับผู้ต้องหา 2 ราย รับจ้างขนอาวุธปืนสงคราม M4A1 จำนวน 10 กระบอก, M79 จำนวน 14 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก เตรียมนำส่งชายแดนพื้นที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และต่อมา ขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการค้าอาวุธสงครามอีก 2 ราย ได้ในท้องที่ ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ และ จว.กำแพงเพชร

ผลการตรวจค้นพบ สิ่งของที่สำคัญหลายรายการ ได้ทำการจับกุมในข้อกล่าวหา ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ พร้อมทั้งตรวจยึดสิ่งของต่างๆ เพื่อดำเนินการต่อไป

โดยของกลาง ประกอบด้วย อาวุธปืนเล็กขาว ทรง AR ขนาด 5.56 มม. ไม่ปรากฏเลข/เครื่องหมายประจำปืน จำนวน 10 กระบอก ซองกระสุนขนาด 5.56 มม. ขนาดบรรจุ 30 นัด จำนวน 10 ซอง เครื่องยิงลูกระเบิด ความกว้างปากลำกล้อง 40 มม. จำนวน 14 กระบอก ของกลางเพิ่มเติม (จว.กำแพงเพชร) อาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก เงินสด 2 ล้านบาท เสื้อเกาะกันกระสุน จำนวน 1 ตัว วิทยุสื่อสาร จำนวน 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง 

Zus Coffee รุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเต็มสูบ เตรียมเปิดสาขาใหม่เกือบ 200 แห่งภายในปี 2568 พร้อมเปิดตัวสาขาแรกในไทย

(24 เม.ย. 68) Zus Coffee (ซุส คอฟฟี่) แบรนด์กาแฟชื่อดังจากมาเลเซีย เตรียมเปิดร้านใหม่เกือบ 200 แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2568 โดยแบ่งเป็น 107 สาขาในมาเลเซีย 80 สาขาในฟิลิปปินส์ 6 สาขาในสิงคโปร์ และอีกหนึ่งสาขาแรกในประเทศไทยและอินโดนีเซีย

เมื่อไม่นานมานี้ Zus Coffee ได้แซงหน้าสตาร์บัคส์ขึ้นเป็นเชนร้านกาแฟที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในมาเลเซีย โดยมีสาขาทั้งหมด 743 แห่ง เทียบกับสตาร์บัคส์ที่มีเพียง 320 แห่ง

การเติบโตของ Zus Coffee เกิดขึ้นในช่วงที่สตาร์บัคส์ในมาเลเซียเผชิญกับผลกระทบจากการคว่ำบาตรทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการในประเทศ

Zus Coffee เริ่มต้นจากร้านเล็กๆ ในปี 2019 และสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยรายงานรายได้สุทธิในปี 2024 เพิ่มขึ้นถึงสามเท่า เป็น 37 ล้านริงกิต (ราว 281 ล้านบาท) ซึ่งกว่า 70% ของยอดขายมาจากการสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ สะท้อนถึงความสำเร็จของโมเดลธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

อดีตคณบดีนิติฯ จุฬาฯ หนุนเพิกถอนปริญญาบัณฑิตหากพบทุจริตสอบนิติฯ มั่นใจคณะดำเนินการรอบคอบ ตรงไปตรงมาเพื่อรักษาศักดิ์ศรีสถาบัน

(24 เม.ย. 68) จากกรณีที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ดำเนินคดีจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำข้อสอบของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกไปให้บุคคลอื่นทำก่อน แล้วส่งต่อให้กับอดีตนายตำรวจระดับสูงเพื่อคัดลอกข้อสอบ : ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปี 2566 และได้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของหลักสูตรอย่างมาก 

กระทั่งคณะนิติศาสตร์ต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไม่ใช่ศิษย์เก่าและไม่ใช่บุคลากรของมหาวิทยาลัย แต่สามารถเข้าถึงข้อสอบได้จากการอาศัยโอกาสเข้ามาติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของหลักสูตร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในประเด็นนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อถึงเวลาที่ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานปรากฏอย่างแน่ชัด หากพบว่ามีบัณฑิตคนใดได้รับปริญญาจากการกระทำอันเป็นการทุจริต การเพิกถอนปริญญาควรเป็นผลที่ตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งนี้เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของวุฒิการศึกษา และยืนยันว่ามหาวิทยาลัยไม่ยอมให้มีการใช้เส้นสายหรือกลวิธีที่ไม่ชอบธรรมในการเข้าสู่ระบบการศึกษา

ศาสตราจารย์ธงทองยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนมั่นใจว่าคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา รอบคอบ และอยู่ภายใต้กรอบของความยุติธรรม เพื่อพิทักษ์หลักนิติธรรมและจริยธรรมทางวิชาการ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษาด้านกฎหมายในสังคมไทย

ทั้งนี้ ศ.ธงทอง ยังได้ฝากกำลังใจมายังคณะผู้บริหาร คณาจารย์ และชาวจุฬาฯ ทุกคน ให้ยืนหยัดรักษาความน่าเชื่อถือของหลักสูตรและสถาบันต่อไป พร้อมทั้งย้ำว่า ความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและความถูกต้องจะเป็นพลังสำคัญในการฝ่าฟันวิกฤตในครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top