Thursday, 23 January 2025
NEWS FEED

พังงา 'ความชำนาญมิได้เกิดขึ้นในวันเดียว ฝึกให้เชี่ยวเก็บเกี่ยวความรู้มาปรับปรุง' เปิดการฝึกปีงบประมาณ 2568 

(23 ม.ค.68) นาวาโท นพดล กิ่งเกตุ ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 เป็นประธานพิธีเปิดการฝึกบูรณการเป็นหน่วยกองร้อย กองพัน ประจำปีงบประมาณ 2568 ในส่วนของกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา 

พร้อมทั้งให้โอวาทเพื่อเป็นแนวทางในการฝึก "ให้กำลังพลทุกนายมุ่งมั่นในการฝึกโดยยึดถือความปลอดภัยขององค์บุคคลเป็นหลัก ยึดแนวทางตามเอกสารอ้างอิงของกองทัพเรือ เป็นแบบแผนของการฝึก ให้เป็นไปดั่งคำที่ว่า รบอย่างไร ฝึกอย่างนั้น ในคราวเดียวกันนี้กำลังพลฝึกทั้งหมดได้ดำเนินการทบทวนฝึกการตรวจความพร้อมรรบองค์บุคคลเพื่อตรวจสอบ อุปกรณ์ สัมภาระ สำหรับใช้ในการดำรงชีพ

ผบช.ภ.2 ให้ความมั่นใจ รองผู้ช่วยทูต สหรัฐฯ เตรียมพร้อมด้านความปลอดภัย รับ 5,400 ทหารเรืออเมริกัน ขึ้นฝั่งชลบุรี พักผ่อนพัทยา 27- 31 ม.ค.นี้ 

(23 ม.ค. 68) เวลา 10.00 น. ที่ตำรวจภูธรภาค 2 ( ภ.2 )  นายลู แฟม รองผู้ช่วยทูตหน่วยป้องกันกองกำลังสหรัฐอเมริกา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และคณะ เข้าพบ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ( ผบช.ภ.2 ) เพื่อหารือด้านการดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร กรณีเรือของกองทัพสหรัฐอเมริกา จำนวน 4 ลำ เทียบท่าในจังหวัดชลบุรี ในช่วงระหว่างพักการฝึก ระหว่างวันที่ 27 - 31 มกราคม 2568  โดยมีกำลังพลของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาประมาณ 5,400 นาย พักในพื้นที่พัทยา จว.ชลบุรี ขณะที่เรือเทียบท่าในพื้นที่ สภ.สัตหีบ และ สภ.แหลมฉบัง 

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เปิดเผยว่า การเข้าหารือวันนี้เป็นไปด้วยดี ได้ให้ความเชื่อมั่นแก่ทางรองผู้ช่วยทูตฯ ถึงแผน และมาตรการในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ซึ่งในการดูแลความปลอดภัยเรือรบทั้ง 4 ลำที่เทียบท่าในพื้นที่ นั้นตำรวจภูธรภาค 2 ประสานงานกับฐานทัพเรือสัตหีบมีมาตรการดูแลอย่างเข้มข้น ขณะที่ในส่วนของการอำนวยการจราจรนั้นตำรวจท้องที่ที่เกี่ยวข้องว่าแผนการจัดการไว้แล้ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ พร้อมประสานงานฝ่ายปกครอง และผู้ประกอบการต่าง ๆ ในพื้นที่เมืองพัทยา และพื้นที่ใกล้เคียงในการร่วมกันดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย เพื่อสร้างความประทับใจ

“กำลังพลของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ประมาณ 5,400 นาย จะเดินทางมาพักผ่อนในเขตพื้นที่เมืองพัทยา นั้นตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ก็ได้มีมาตรการในการดูเรื่องความปลอดภัย ได้มีการตั้งกลุ่มไลน์ และ แจ้งชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดที่มีหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อติดต่อประสานงาน ในการอำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในการพักผ่อน และดูแลความปลอดภัย แก่กำลังพลของกองทัพเรือสหรัฐ ด้วยความยินดีต้อนรับ ให้เกิดความประทับใจ โดย สภ.เมืองพัทยา ได้ประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการในพื้นที่ทราบ และได้เพิ่มกำลังสายตรวจในเครื่องแบบ และฝ่ายสืบสวนให้เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้ง ภ.จว.ชลบุรี ได้เพิ่มกำลังชุดสายตรวจไดนามิก และชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ของ ภ.จว.ชลบุรี ร่วมปฏิบัติหน้าที่โดยเพิ่มวงรอบในการตรวจในห้วงเวลาดังกล่าวด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น” ผบช.ภ.2 กล่าวว่า ขอเชิญชวนพี่น้องชาวชลบุรีร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากมีเบาะแส แจ้งเหตุด่วน ให้โทร.191 ตลอด 24 ชั่วโมง 

ตำรวจ-ทหารไทย จับมือลุยแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนให้สิ้นซาก

(23 ม.ค.68) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร.) เข้าพบ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อหารือเรื่องมาตรการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ณ กองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ปธ.คปษ.ทบ. , พล.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. , พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสธ.ทบ. และคณะ พร้อมด้วย พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และคณะ ร่วมหารือ

ด้วยปัจจุบัน ปัญหาการหลอกลวงบุคคลให้ไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการส่งแรงงานไปยังประเทศที่ 3 รวมถึงปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีการหลอกลวงคนไทยหรือชาวต่างชาติไปทำงาน โดยผ่านช่องทางตรวจคนเข้าเมือง หรือช่องทางธรรมชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เสียหายเป็นวงกว้าง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง และเล็งเห็นความสำคัญในการร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน จึงร่วมหารือในครั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้แก่ประชาชน

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองทัพบก โดยขอความร่วมมือปิดกั้นเส้นทางธรรมชาติทั้งหมด เพื่อป้องกันการเข้าออกโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมตรวจสอบเสาสัญญาณโทรคมนาคมที่ติดตั้งโดยที่จะรับอนุญาต หรือมีความผิดปกติตามแนวชายแดน พร้อมเฝ้าระวังบุคคลมีพฤติกรรมน่าสงสัยเดินทางเข้ามากดเงินที่ตู้ atm ในประเทศไทย แล้วกลับไปตามช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ชายแดน รวมทั้งหารือการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่

ทั้งนี้ ในที่ประชุมเห็นพ้องว่า ในระดับพื้นที่เห็นควรใช้กลไกของศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา ของจังหวัดตาก กำหนดให้ 5 อำเภอชายแดน จังหวัดตาก เป็นพื้นที่ควบคุมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาชาวต่างชาติถูกหลอกลวงและการค้ามนุษย์ ได้แก่ 

1. การคัดกรองเข้าพื้นที่ อ.แม่สอด ทั้งทางถนนและทางอากาศ รวมทั้งบริเวณด่านตรวจ ให้คัดกรองชาวต่างชาติที่เดินทางเข้า อ.แม่สอด อย่างเข้มข้น ซักถามวัตถุประสงค์ของการเดินทางเข้ามาในพื้นที่อย่างละเอียด หากไม่มีหนังสือรับรองจากสถานทูต หรือไม่สามารถชี้แจงวัตถุประสงค์ ไม่มีที่พัก หรือแผนการเดินทางกลับอย่างชัดเจน เห็นควรแจ้งสถานทูต และงดเว้นไม่ให้เดินทางเข้าในพื้นที่อำเภอแม่สอด และใช้มาตรการทางกฎหมายลงโทษ รถยนต์ที่รับจ้างนำพาบุคคลต่างชาติเข้าพื้นที่ 

2. การจำกัดการเข้าพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และผู้เกี่ยวข้อง ตั้งด่านตรวจร่วมเพิ่มเติม บริเวณเส้นทางที่จะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ อ.แม่ระมาด และ อ.พบพระ จ.ตาก

3. การตรวจสอบโรงแรมที่พัก โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบโรงแรมที่พักทุกแห่งใน อ.แม่สอด ที่ชาวต่างชาติเข้ามาพัก ว่าได้แจ้งข้อมูลการเข้าพักของบุคคลต่างชาติให้ทราบหรือไม่ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 หากไม่มีการแจ้งให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

4. การสกัดกั้น โดยบูรณาการกำลังร่วมระหว่างตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดตลอด 24 ชั่วโมง ในเส้นทางหลักและเส้นทางรองที่จะเข้าสู่ชายแดน เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวต่างชาติลักลอบข้ามแดน

ทั้งนี้ จะมีการประชุมประเมินและติดตามการดำเนินการร่วมในการแก้ปัญหาดังกล่าวเป็นระยะ เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ผบ.ตร.สั่งดำเนินคดีแก็งลูกตำรวจรุมทำร้ายเหยื่อพื้นที่ สน.ลาดพร้าว ตรวจค้นบ้านพบปืน 3 กระบอก ย้ำเป็นลูกตำรวจก็ต้องเคารพกฎหมาย และควรทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม หากทำผิดต้องถูกดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาด้วยเช่นกัน

(23 ม.ค. 68) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง กรณีมีผู้ร้องพาผู้เสียหายเดินทางมาพบตำรวจ สน.ลาดพร้าว ติดตามคดีที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นที่มีข่าวว่าเป็นแก๊งลูกตำรวจ รุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา ภายในซอยลาดพร้าว 101 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับรายงาน และสั่งการให้ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี พร้อมดูแลให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย 

ล่าสุดตำรวจชุดสืบสวนได้ติดตามจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว โดยในรายของนายมาตี้ ซึ่งเป็นลูกของตำรวจนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็นของลูกตำรวจจริง แต่พ่อแม่แยกทางกัน โดยนายมาตี้ได้อาศัยอยู่กับทางแม่ ซึ่งตำรวจได้นำกำลังไปตรวจค้นที่บ้านพักในพื้นที่ สน.บางชัน พบปืนไทยประดิษฐ์ 3 กระบอก บนฝ้าเพดานภายในบ้านพัก ได้ทำการตรวจยึด และดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ ตำรวจได้ดำเนินอย่างเต็มที่ทุกรายในแนวทางเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแก๊งวัยรุ่น เป็นเยาวชนที่จะต้องดำเนินการภายในกรอบของกฎหมายที่ให้อำนาจดำเนินการ 

นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผบ.ตร.สั่งการให้ดำเนินคดีนี้อย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา ไม่มีการช่วยเหลือกัน ไม่ว่าจะเป็นลูกตำรวจ หรือลูกใคร หากทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่มียกเว้น  ยิ่งเป็นลูกตำรวจ ยิ่งควรทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคมมากกว่าเด็กทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้ ผบ.ตร.ได้กำชับไปยังข้าราชการตำรวจในการสอดส่องดูแลบุตรหลาน รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชาลงไปสอดส่องดูแลอีกส่วนหนึ่งแล้ว

'มาริษ' ชี้นานาชาติชื่นชมไทย ย้ำคนไทยต่างแดนจดทะเบียนได้ที่สถานทูต

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้ (23 มกราคม) ว่า กระทรวงการต่างประเทศรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในวันนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนในประเทศไทยสามารถสร้างครอบครัวและออกแบบชีวิตได้อย่างเท่าเทียมกัน

นายมาริษกล่าวต่อไปว่า การมีผลบังคับใช้ของกฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับจากมิตรประเทศในโลกตะวันตก โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ในเอเชียที่ผ่านกฎหมายนี้ ซึ่งช่วยเสริมสร้างบทบาทสำคัญของไทยในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรอบสหประชาชาติ และแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการสร้างสังคมที่เปิดกว้างและเคารพสิทธิความเท่าเทียมของทุกคน

กระทรวงการต่างประเทศยังยินดีเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมให้แก่คนไทยในต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลกพร้อมให้บริการการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมในประเทศที่กฎหมายท้องถิ่นยอมรับ

สื่อญี่ปุ่น ตีข่าว ‘ พยาบาลสาวไทย’ ปั๊มหัวใจช่วยชายสูงวัยที่หมดสติ พร้อมขึ้นข้อความ “ขอบคุณ” ความมีน้ำใจของคนไทยตลอดเวลา

(23 ม.ค. 68) เพจ J-Doradic  ได้โพสต์ข้อความว่า ข่าวดังเช้านี้ที่ญี่ปุ่น!! รายการข่าวเช้าดังของญี่ปุ่น ได้ลงเรื่องราวน่าประทับใจของพยาบาลหญิงชาวไทยที่ได้ใช้วิชาชีพของตัวเอง เข้าช่วยเหลือชายสูงอายุชาวญี่ปุ่นที่ล้มลงระหว่างที่ตัวเองเที่ยวอยู่บริเวณรถไฟใต้ดิน ย่านอาซากุซะ 

พยายาลท่านนี้พยายามช่วยด้วยการ CPR (การช่วยคืนชีพ) และมีการขอเครื่อง AED (เครื่องช๊อคปั๊มหัวใจ) เพื่อช่วยคืนชีพให้ชาวญี่ปุ่นที่หมดสติ หลังจากที่เครื่อง AED มา เดชะบุญชายสูงอายุชาวญี่ปุ่นกลับมามีชีพจรอีกครั้ง ประกอบกับ จนท.กู้ชีพญี่ปุ่นถึงที่เกิดเหตุจึงนำส่งโรงพยาบาล

พยาบาลท่านนี้ คือ ว่าที่ ร.ต.ท.หญิง สุนารี เขียวสลับ พยาบาล (สบ 1) กลุ่มงานศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาลโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดกลุ่มงานพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ

ขอชื่นชมจริงๆครับ เพราะข่าวนี้ดังไปทั่วญี่ปุ่น และเลย

ที่ชอบคือ สื่อญี่ปุ่นมีลงมุมบนกรอบแดงของทุกรูปน้องพยาบาลและเรื่องราวตอนเสนอข่าวว่า "#感謝" ซึ่งหมายถึง "ขอบคุณ" ตลอด 

บุรีรัมย์ สส. เต้กราบขอโทษ 14 วันศักดิ์สยามให้อภัยถอนฟ้อง 4 คดีหมิ่น

อำเภอเมือง/เต้ มงคลกิตติ์ ยอมขอโทษศักดิ์สยาม ชิดชอบ หลังถูกแจ้งความดำเนินคดีหมิ่น 4 คดี เจ้าตัวรับพูดไปเพราะขาดข้อมูลที่แท้จริงจึงอยากขอโทษ  ขณะศักดิ์สยาม เผยให้อภัยและอยากให้เป็นกรณีตัวอย่าง แต่ให้ขอโทษผ่านช่องทางที่เคยหมิ่นประมาณเป็นเวลา 15 วัน ยังไม่คิดย้ายไปไหนหากมีใครมาทาบทาม

เมื่อวานนี้ (22 ม.ค.68) ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ นายมงคลกิตติ์ หรือ สส.เต้ สุขสินธารานนท์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (เฉลิมชัย ศรีอ่อน)พร้อมนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายเนวิน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อตกลงเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท กรณีนายศักดิ์สยาม แจ้งความดำเนินคดีกับนายมลคลกิตติ์ ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จำนวน 4 กำ

คือเมื่อวันที่ 17 เมษายน 64 ได้โพสต์ผ่าน Facebook ของนายมลคลกิตติ์ กล่าวหาในทำนองทำให้บุคคลภายนอกเข้าใจ กรณีไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อ แล้วทำให้เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 จนทำให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 11,000 คน

ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 นายมงคลกิตติ์ ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่าน Facebood มีภาพของนายศักดิ์สยาม ขณะเล่นเจ็ตสกี และทานอาหารและร้องเพลงอยู่ในคาราโอเกะ ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่านายศักดิ์สยาม เป็นตัวแพร่เชื้อโควิด-19 

ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 27 เมษายนต์ 2564 ได้มีการโพสต์ ว่านายศักดิ์สยาม มีสัมพันธ์ฉันชู้สาวและหญิงอื่นทได้รับสินจากนายศักดิ์สยาม 

และครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 นายมงคลกิตติ์ ได้ให้สัมภาษณ์ทีวี PPTV36ว่าให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรนัฐมนตรีในตอนนั้นดำเนินคดีกับนายศักดิ์สยาม ว่าเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดของโควิด-19

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ยอมรับว่า ทั้งหมดเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของตนเองที่โพสต์ไปเพราะไม่มีข้อมูลที่แท้จริง ทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของนายศักดิ์สยาม

โดยครั้งล่าสุดศาลจังหวัดบุรีรัมย์ อยากให้มีการพูดคุยกัน ส่วนตนก็พร้อมจะคุยและพร้อมที่จะขอโทษในกรณีที่ตนล่วงเกินไป ซึ่งท่านศักดิ์สยาม ก็ให้อภัย จากข้อตกลงที่ศาล ตนจะโพสต์ facebook และไลฟ์สด ผ่านช่องทางที่ตนเคยหมิ่นประมาทเป็นเวลา 15 วันต่อเนื่อง และบันทึกเทปใน Tik Tok เป็นเวลา 15 วันต่อเนื่องเช่นกัน

นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมันผ่านไปแล้วอะไรที่มันผิดผมยอมรับผิด ส่วนทางท่านศักดิ์สยาม ท่านก็ใจดียอมยกโทษให้ กรณีที่ตนเองยอมขอโทษไม่ได้มีใครแนะนำหรือบังคับ ตนรู้สำนึกมากกว่า หากถามว่าเมื่อมีความเข้าใจกันแล้วกับนายศักดิ์สยาม ซึ่งอยู่พรรคภูมิใจไทย ถ้ามีโอกาสจะมาร่วมกับพรรคหรือไม่นั้น นายมงคลกิตติ์ ตอบว่าตอนนี้ถือว่าคุยกันรู้เรื่องแล้ว ในอนาคตไม่รู้ แต่ตอนนี้ตนขอทำหน้าที่ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ที่ตนเป็นที่ปรึกษาให้ดีที่สุดก่อน

ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม กล่าวว่า การที่ศาลแนะนำให้พูดคุยกันนั้น ตนไม่ได้ขัดข้อง ประกอบกับนายมงคลกิตติ์ มีท่าทีอ่อนลงจึงรับขอโทษเพื่อให้เรื่องทุกอย่างยุติลง ที่สำคัญอยากให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดถึงแม้ตนจะเสียไปแล้วก็ตาม 

สิ่งที่ตนอยากจะสื่อคือการตอบโต้ทางการเมืองที่ไม่มีข้อมูลแท้จริง นำไปเสนออยากให้เป็นกรณีศึกษาให้กับนักการเมือง ใครจะกล่าวหาใครจะต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน เพราะเสียเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่าย ในการอภิปลายที่ผ่านมาถ้ามีการอภิปรายเนื้องานตนไม่มีปัญหา ไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวมานำเสนอจนกลายเป็นเรื่องในลักษณะนี้ จะทำให้บรรยากาศทางการเมืองไม่ดี

สวนนงนุชพัทยาคว้ารางวัลพระราชทานชนะเลิศยอดเยี่ยม การประกวดสับปะรดสี งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ พฤษภาตะวันออก ครั้งที่17

สวนนงนุชพัทยาโดยคุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา มีนโยบายในการเก็บรวมและทำการพัฒนาสายพันธุ์ต้นไม้จากทั่วทุกมุมโลกมากกว่า 18,000 ชนิด และในการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับภาคตะวันออก 'พฤกษาตะวันออก' ในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 17 ในชื่องานว่า 'Phruksa Flower Shop' ทางสวนนงนุชพัทยาได้ส่งต้นสับปะรดสีเข้าประกวดคว้ารางวัลพระราชทาน จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สำหรับรางวัลยอดเยี่ยมถ้วยพระราชทานฯ ที่ได้รับเป็นต้นสับปะรดสี สกุล Guzmania ice cream มีรูปทรงโดดเด่น สีสันสวยงาม ซึ่งเป็นการเก็บสายพันธุ์มาจากต่างประเทศ และเป็นต้นเดี๋ยวที่เรามี เรียกได้ว่าหายากมากๆ การขยายพันธุ์ใช้วิธีการแยกหน่อทำให้ต้องใช้เวลานานในการผลิตได้จำนวนมากเพื่อนำมาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม ปัจจุบันสวนนงนุชพัทยาขยายพันธุ์ได้มากกว่า 500 ต้นโดยใช้เวลาถึง10ปี

นอกจากนี้ทางสวนนงนุชพัทยาได้รับรางวัลในการประกวดไม้ดอกไม้ประดับ ประเภทต้นสับปะรดสีอีก 4 รางวัล สำหรับการจัดงานมีขึ้นระหว่างวันที่ 18-26 มกราคม 2568 ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี

พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงเมตตารับ 'หมูแดง' 'ฮาจิโกะแห่งเมืองโคราช' ไว้ในพระอุปถัมภ์

(23 ม.ค. 68) เรื่องราวของ "หมูแดง" สุนัขไทยผู้ภักดีที่เฝ้ารอเจ้าของซึ่งเป็นชายเร่ร่อนที่เสียชีวิตไปแล้ว ณ บริเวณหน้าเซเว่น ตลาดย่าโม อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล จนถึงขั้นถูกสื่อญี่ปุ่นนำเสนอเรื่องราวชีวิตของหมูแดง โดยเปรียบเทียบกับ 'ฮาจิโกะ' สุนัขยอดกตัญญูจากญี่ปุ่นที่รอเจ้าของผู้ล่วงลับจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์หน้าสถานีรถไฟชิบูยะ 

ประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าในตลาดต่างรักและดูแลหมูแดงอย่างดี ด้วยความซื่อสัตย์ที่หมูแดงแสดงให้เห็น ผู้คนในพื้นที่มอบอาหาร เสื้อผ้า และความอบอุ่นให้หมูแดงตลอดเวลา  

ล่าสุด พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับหมูแดงไว้ในพระอุปถัมภ์ โดยมีพระดำริให้นำหมูแดงไปตรวจสุขภาพที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ก่อนส่งต่อไปเลี้ยงดูอย่างดีที่ จ.เชียงใหม่  

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 เฟซบุ๊กเพจ Mari-Mo Photography ได้เผยภาพเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์นำรถกระบะมารับหมูแดง พร้อมเล่าเรื่องราวว่า  

20 มกราคม พระองค์ทรงโปรดให้ราชองครักษ์ติดต่อประสานงานผ่านปศุสัตว์จังหวัดและสัตวแพทย์ที่เคยรักษาหมูแดง เพื่อสอบถามความเห็นจากเจ้าของร้านสะดวกซื้อและกลุ่มแฟนคลับว่าพระองค์จะสามารถรับหมูแดงไปดูแลได้หรือไม่ พระองค์ทรงสัญญาว่าจะเลี้ยงดูหมูแดงอย่างดีที่สุด พร้อมอัปเดตข่าวสารให้ทุกฝ่ายที่รักหมูแดงรับทราบ  

ในช่วงเช้าของวันที่ 21 มกราคม  ขณะที่สื่อญี่ปุ่นกำลังถ่ายทำเรื่องราวของหมูแดง คณะปศุสัตว์จังหวัดได้เข้ามาสังเกตการณ์และพูดคุยกับเจ้าของร้านสะดวกซื้อ โดยมีการพาหมูแดงไปตรวจสุขภาพเบื้องต้นที่โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ ทิพย์พิมาน หลังการตรวจสุขภาพ หมูแดงถูกกักตัวเพื่อปรับสภาพ ก่อนเตรียมส่งตัวไปอยู่ภายใต้การดูแลในพระอุปถัมภ์ที่ จ.เชียงใหม่  

พระองค์ทรงมีพระเมตตาต่อหมูแดงอย่างยิ่ง โดยพระราชทานทางเลือกให้หมูแดงอยู่ต่อที่ร้านสะดวกซื้อได้ หากทางร้านประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น แต่เมื่อได้รับพระมหากรุณาธิคุณนี้ ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะทำให้หมูแดงมีชีวิตที่สุขสบาย  

ประชาชนที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาถ่ายภาพและร่วมส่งหมูแดงขึ้นรถด้วยความปลื้มปิติ ขณะที่เรื่องราวนี้ยังคงสร้างความประทับใจแก่ผู้คนในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง 

'มาริษ' ยินดี 'สมรสเท่าเทียม' มีผลใช้บังคับ เผย ตปท.ชื่นชมประเทศไทย – ย้ำคนไทยต่างแดนจดทะเบียนที่ สอท.-สกญ.ได้ 

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการมีผลบังคับการสมรสเท่าเทียม ตามกฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้ (23 ม.ค.) ว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง การมีผลบังคับใช้ของกฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้ (23 ม.ค.) ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยบนเวทีโลก ซึ่งได้รับความชื่นชมจากมิตรประเทศในโลกตะวันตก ทั้งในยุโรป และอเมริกา ในฐานะที่ประเทศไทย เป็นประเทศแรก ๆ ในทวีปเอเชียที่ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือเป็นการต่อยอดบทบาทสำคัญของไทยในเรื่องดังกล่าว บนเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรอบสหประชาชาติ และนิมิตหมายนี้ แสดงความมุ่งมั่นของประเทศไทย ต่อการปูรากฐานของสังคมที่เปิดกว้าง การเคารพในสิทธิและความเท่าเทียมของทุกคน 

นายมาริษ ยังย้ำว่า กระทรวงการต่างประเทศยินดีเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมแก่คนไทยในต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลก พร้อมให้บริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมในประเทศที่กฎหมายท้องถิ่นยอมรับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top