Tuesday, 29 April 2025
ECONBIZ

ทช. ดัน 2 สะพานข้ามทะเล ‘เกาะลันตา & สงขลา’ รอเสนอ ครม.สัญจร อนุมัติงบก่อสร้าง 6.2 พันลบ.

รายงานข่าวจากกรมทางหลวงชนบท (ทช.) แจ้งว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เตรียมลงพื้นที่ จ.พัทลุง และ กระบี่ เพื่อตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันและติดตามโครงการในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคมรวมทั้งเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.กระบี่ ระหว่างวันที่ 15-16 พ.ย. นี้

ในส่วนของ ทช.จะเสนอความคืบหน้าการดำเนินงาน 2 โครงการ งบประมาณรวม 6,283 ล้านบาท ได้แก่ 

1.) โครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะลันตา ต.เกาะกลาง - ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ระยะทาง 2.200 กม. วงเงิน 1,648 ล้านบาท โดยออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จ ผ่านการรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชนเรียบร้อย อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อขอความเห็นชอบรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนม.ค. 65 รวมทั้งเสนอ ครม. ขอยกเว้นมติห้ามใช้ป่าชายเลนในเดือนก.พ. 65 และเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณค่าก่อสร้างโครงการเงินกู้ หากได้รับอนุมัติจะประกวดราคาหาผู้รับจ้าง คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปี 66 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี แล้วเสร็จปี 69

ลักษณะโครงการก่อสร้างสะพานแห่งใหม่เชื่อมต่อเกาะลันตากับแผ่นดินใหญ่ จุดเริ่มต้นบนทางหลวงหมายเลข 4206 ต.เกาะกลางสิ้นสุดเชื่อมต่อกับทางหลวงชนบทสาย กบ.5035 ต.เกาะลันตาน้อย ความยาวรวม 2.200 กม. ช่วงสะพานยาว 1.920 กม. และทางเชื่อมยาว 280 เมตร สะพานมีขนาด 2 ช่องไปกลับ กว้างช่องละ 3.75 เมตร ไหล่ทางกว้างด้านละ 2.50 เมตร สามารถจัดให้เป็น 4 ช่องได้ในอนาคต 

ส่วนรูปแบบสะพานมีความกว้างช่องลอด 110 เมตร ความสูงช่องลอด 15.40 เมตร เพื่อใช้เดินเรือ ประกอบด้วย สะพานคานขึง (Extradosed Bridge) และสะพานคานยื่น (Balance Cantilever Bridge) เมื่อแล้วเสร็จจะลดเวลาการเดินทางเพียง 2 นาที ตลอด 24 ชม. จากปัจจุบันข้ามแพขนานยนต์จากท่าเรือบ้านหัวหิน ต.เกาะกลาง ไปเกาะลันตาน้อยประมาณ 2 ชม. รวมทั้งมีข้อจำกัดให้บริการ 06.00 น. - 22.00 น.

ธุรกิจโรงแรมที่พักเดือนต.ค.เริ่มฟื้น ทยอยปัดฝุ่นเปิดให้บริการแล้ว 67%

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า สมาคมฯ ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการโรงแรมที่พัก ประจำเดือนตุลาคม 2564 ระหว่างวันที่ 11-28 ตุลาคมที่ผ่านมา จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 189 แห่งทั่วประเทศ พบว่า ผู้ประกอบการโรงแรมที่พักแรมได้รับอานิสงส์จากการผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด-19 รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย ทำให้เห็นโรงแรมทั่วประเทศกลับมาเปิดกิจการตามปกติ 67% เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน อยู่ที่ 51%

จากภาพรวม โรงแรมในทุกภูมิภาคกลับมาเปิดกิจการปกติเพิ่มขึ้น แต่ยังคงมีโรงแรมที่ยังไม่กลับมาเปิดกิจการปกติ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มองว่า ต้นทุนในการเปิดดำเนินการ อาทิ ค่าสาธารณูปโภค และค่าจ้างพนักงาน อยู่ในระดับสูง และนักท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับต่ำเป็นสำคัญ โดยมีโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราว ประมาณ 8% ส่วนอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 23.5% เพิ่มขึ้นประมาณ 51.6% จากเดือนกันยายน ที่มีอัตราเข้าพัก 15.5% โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นของโรงแรมในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในภาคตะวันออก เป็นเพราะรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน และผลของมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ รวมถึงโรงแรมส่วนใหญ่คาดว่าอัตราการเข้าพักในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 6.38% จากเดือนตุลาคม อยู่ที่ 25% ซึ่งเป็นเดือนที่โรงแรมส่วนใหญ่ยังมีรายได้อยู่ในระดับต่ำ แต่ปรับดีขึ้นจากเดือนกันยายน ที่ผ่านมา

‘สสว.’ ชู ‘SME Restart’ ขานรับเปิดประเทศ ดัน 5 องค์ความรู้ท่องเที่ยววิถีใหม่

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า ปลายปีงบประมาณ 2564 ที่ผ่านมา สสว. ได้ดำเนินการโครงการเพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจรายย่อย กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวสู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ (SME Restart) ปีงบประมาณ 2564 หรือโครงการ SME Restart ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สสว. และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการขานรับแผนการเปิดประเทศ 120 วัน ซึ่งประกาศโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ผอ.สสว. เผยอีกว่า วัตถุประสงค์โครงการดังกล่าว เพื่อเพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจรายย่อย ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งระบบ ทั้งนี้เพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาเข้มแข็งขึ้นและสร้างรายได้ให้ประเทศ เป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรี โดยโครงการดังกล่าว ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวสู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ และสามารถดำเนินการได้ใน 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี และพังงา ซึ่งมีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมโครงการกว่า 1,000 ราย

'กรณ์' มองกรณีศึกษา SCBS เทก Bitkub เพราะสุดท้ายดิจิทัล = ธุรกิจแบงก์ยุคต่อไป

"กรณ์" ชี้ 5 สัญญาณสำคัญ อนาคตการเงิน หลังกลุ่มธนาคาร ซื้อกิจการ Crypto Exchange 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงกรณี บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของธนาคารไทยพาณิชย์ ทำสัญญาซื้อหุ้นในบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) ว่า เห็นสัญญาณบางเรื่องจากดีล Bitkub x SCBx ซึ่งการที่กลุ่มธนาคารมาซื้อกิจการ Crypto Exchange ด้วยเงินมหาศาลส่งสัญญาณสำคัญหลายข้อ คือ 

1.) เป็นการยืนยันว่า นายธนาคารมองว่า crypto เป็นส่วนสำคัญใน "อนาคตการเงิน" แน่นอน ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ที่จะเกิดจากการ synergy ของผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคารปัจจุบันร่วมกับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อการบริหารการลงทุนของนักลงทุนไทยในสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะมีมากขึ้น ซึ่งต้องติดตามต่อว่าจะทำให้เงินทุนหมุนเวียนในตลาดทุน (ตลาดหลักทรัพย์) ได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน เมื่อนักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นหรือได้รับการชี้ชวนจากสถาบันการเงินเดิมที่ตนเชื่อมั่นและคุ้นเคย 

2.) แนวโน้มจากที่ในอดีตธนาคารพาณิชย์ขยายฐานธุรกิจด้วยการซื้อหรือควบรวมกันเอง จากนี้เราจะเห็นธนาคารพาณิชย์ซื้ออนาคตด้วยการลงทุนใน alternative finance (การเงินทางเลือกใหม่) ซึ่งแปลว่าธนาคารที่ขาดวิสัยทัศน์หรือขาดกำลังทุนมีแนวโน้มสูญพันธุ์สูง การตอบโต้ทางการแข่งขันระหว่างธนาคารพาณิชย์กันเองในเรื่องนี้ จะมีผลสำคัญในการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมการเงินไทยให้ชัดเจนยิ่งขึ้น 

กรอ. ประกาศพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศใหม่ ระยะที่ 2 รวม 15 พื้นที่ หลังระยะแรกไร้สะดุด

กรมโรงงานอุตสาหกรรมเดินหน้าประกาศพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระยะที่ 2 : 15 พื้นที่ใหม่ หลังประสบความสำเร็จ ระยะที่ 1 : 18 พื้นที่มาแล้ว พร้อมดันนโยบาย BCG เต็มที่

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการตามแผนงานยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมอบหมาย กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) จัดทำโครงการพัฒนาและยกระดับเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสู่เมืองสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย BCG ของกระทรวงอุตสาหกรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การใช้การหมุนเวียนทรัพยากร และการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้ดำเนินการกับพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศระยะที่ 1 : 15 จังหวัด 18 พื้นที่ ได้แก่ จังหวัดระยอง, ชลบุรี, ฉะเชิงเทรา, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นครปฐม, ปทุมธานี, ปราจีนบุรี, พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, นครราชสีมา, ขอนแก่น, ราชบุรี, สุราษฎร์ธานี และสงขลา 

พร้อมกันนี้ ได้เตรียมผลักดันให้เกิดเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศใน ระยะที่ 2 เพิ่มอีก 15 พื้นที่ใหม่ ใน 11 จังหวัดเดิม (จังหวัดระยอง, ชลบุรี, ฉะเชิงเทรา, สมุทรสาคร, นครปฐม, ปทุมธานี, ปราจีนบุรี, พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, นครราชสีมา และราชบุรี) และ 4 จังหวัดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนหรือ SEZ (จังหวัดมุกดาหาร, สระแก้ว, ตาก และตราด) 

ระยะที่ 3 เพิ่มอีก 20 พื้นที่ใหม่ 20 จังหวัดใหม่ (จังหวัดกาญจนบุรี, เพชรบุรี, สุพรรณบุรี, เชียงราย, เชียงใหม่, กำแพงเพชร, นครสวรรค์, ชุมพร, ลำปาง, ลำพูน, ชัยภูมิ, นครศรีธรรมราช, ภูเก็ต, พิษณุโลก, บุรีรัมย์, อุดรธานี, อุบลราชธานี, ประจวบคีรีขันธ์, กระบี่ และลพบุรี) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภายในปี 2579 

ข้าวหอมมะลิ-มันสำปะหลัง-ปาล์มน้ำมัน เตรียมราคาพุ่ง 

นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนพ.ย. 2564 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 10,237 - 10,462 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 5.02 - 7.32% เนื่องจากปัญหาอุทกภัยในแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง 

ส่วนมันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 2.17 - 2.22 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 4.85 - 7.25% เนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูกาลผลิตมันสำปะหลังปีการผลิต 2564/65 ทำให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดไม่มาก ขณะที่ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 7.62 - 7.72 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.24 - 2.30% เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ภาวะการค้าน้ำมันปาล์มภายในประเทศอาจชะลอตัวลงบางส่วนโดยเฉพาะการใช้พลังงานทดแทน 

ขณะที่ สุกร ราคาอยู่ที่ 67.67 - 68.14 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.09 - 2.53% เนื่องจากความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลาย มาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐในช่วงต้นเดือนพ.ย. 2564 ทำให้ร้านอาหาร โรงเรียน และสถานประกอบการอื่นๆ กลับมาเปิดให้บริการตามปกติ เช่นเดียวกับกุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 128.27 – 129.78 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.80 – 3% และโคเนื้อ ราคาอยู่ที่ 95.40 – 95.62 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.11 - 0.34%

‘สมอ.’ ลงพื้นที่หน้าด่าน สุ่มตรวจสินค้านำเข้า สกัดสินค้าไม่ได้มาตรฐานเข้าไทย 

สมอ. ยกระดับมาตรการคุมเข้ม ป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าควบคุมที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชน เตรียมลงพื้นที่หน้าด่าน สุ่มตรวจสินค้านำเข้า

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้กำชับให้ สมอ. ยกระดับความเข้มข้นของมาตรการเชิงรุกในการนำเข้าสินค้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศและการตรวจควบคุมการจำหน่ายสินค้าในท้องตลาดและทางออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่อยู่ในการควบคุมของ สมอ. ทั้ง 126 รายการ ที่มีการโฆษณาผ่านทางทีวีดิจิทัลและสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งหากไม่ได้มาตรฐานจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยให้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่มีภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภค เช่น กรมศุลกากร, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อร่วมกันทำงานเชิงรุกในการตรวจสอบคุณภาพสินค้าในท้องตลาดอย่างเข้มงวด 

นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ. ขานรับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) อย่างเคร่งครัด เดินหน้ามาตรการคุมเข้มป้องกันไม่ให้สินค้าด้อยคุณภาพเข้ามาในราชอาณาจักร โดยเฉพาะสินค้าที่ สมอ. ควบคุมทั้ง 126 รายการ เช่น ปลั๊กพ่วง, เตาปิ้งย่าง, กระทะไฟฟ้า, หม้ออบลมร้อน, ไดร์เป่าผม, ที่หนีบผม, พัดลม, หม้อหุงข้าว, หลอดไฟ, สปอตไลต์, หลอดไฟแอลอีดี, ภาชนะจานชามเมลามีน, ของเด็กเล่น, พาวเวอร์แบงก์ และ อะแด็ปเตอร์ เป็นต้น 

เกาะความคิด ‘ปอ-ณัฐภูมิ รัฐชยากร’ กรรมการผู้จัดการ นิวสเปคทีฟ กรุ๊ป | Game Changer เก่งพลิกเกม EP.6

เกาะความคิด ‘ปอ-ณัฐภูมิ รัฐชยากร’ กรรมการผู้จัดการ นิวสเปคทีฟ กรุ๊ป

ชายผู้คว้าทุกโอกาสทางธุรกิจ ด้วยแนวคิด ‘Make it Better’

พร้อมกับย่างก้าวสำคัญในการนำพา ‘นิวสเปคทีฟ กรุ๊ป’ รีแบรนด์ดิ้ง ปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจเพิ่มความหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์โลกธุรกิจยุค Next Normal ได้แบบไร้รอยต่อ

กลุ่มบริษัท ‘นิวสเปคทีฟ’ รีแบรนด์ดิ้ง ปรับโฉมธุรกิจใหม่หมดจด ตอบรับยุค Next Normal ภายใต้แนวคิด ‘Let’s Make it Better คิดจะทำ ต้องทำให้ดีสุดๆ’ ประเดิมสำนักข่าวออนไลน์สำหรับคนรุ่นใหม่ THE STATES TIMES, ธุรกิจช็อปปิ้งออนไลน์ THE SHOPS TIMES รวมถึงการได้รับการแต่งตั้งให้เป็น FORD Licensed Product ในประเทศไทยและอีก 4 ประเทศเอเชียแปซิฟิก การที่ KIT MUSIC เป็นผู้แต่งเพลง ‘เชียร์ยูโร แอโร่ซอฟ’ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงฟุตบอลยูโร 2020 ที่ผ่านมา ประกาศพร้อมหาโอกาสและรุกธุรกิจใหม่ที่หลากหลาย กระตุ้นรายได้ ฝ่ากระแสวิกฤตโควิด

“จุรินทร์” แจง ก.พาณิชย์เร่งช่วย ผักแพง ส่งรถขายถูกวิ่งในกทม.-ปริมณฑล

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีราคาข้าวตกต่ำจนกระทั่งมีเสียงวิจารณ์ว่าเวลานี้ข้าวถูกกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้ว ว่า ช่วงที่ผ่านมาราคาข้าวหย่อนลงมาพอสมควร ส่วนหนึ่งเพราะไม่สามารถส่งออกได้มากหนักเนื่องจากค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ไม่สามารถแข่งราคากับคู่แข่งได้ แต่ช่วงเวลานี้ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้น เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนลง ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าราคาของไทยแข่งกับคู่แข่งได้ดังนั้นครึ่งปีหลังจะเห็นตัวเลขการส่งออกดีขึ้น และจะมีส่วนช่วยในการระบายข้าว

แต่เนื่องจากสต๊อกข้าวมีมากพอสมควรจึงจะยังไม่มีผลในการทำให้สถานการณ์ราคาข้าวดีขึ้นมากนัก แต่ขณะเดียวกันกระทรวงฯมีมาตรการคู่ขนานช่วยให้โรงสี หรือสหกรณ์เกษตรกรได้เก็บข้าวไว้ในช่วงที่ราคาไม่ดี โดยมีเงินชดเชยให้ ตันละ 1,500 บาท เพื่อให้เก็บไว้ขายยามราคากระเตื้องขึ้น อย่างน้อยเกษตรกรจะได้มีหลักประกัน และในวันเดียวกันนี้จะแจ้งเพื่อทราบมาตรการรายละเอียดในภาคปฏิบัติของการประกันรายได้ ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว รวมทั้งมาตรการที่จะช่วยให้เก็บสต๊อกข้าวไว้ ที่จะให้มีเงินชดเชย เพื่อไม่ต้องดั้มข้าวสู่ตลาดมากเกินไป 

ผู้สื่อข่าวถามถึง มาตรการการช่วยเหลือผู้บริโภคช่วงที่ราคาผักแพง นายจุรินทร์ กล่าวว่า ราคาผักที่แพงขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์นี้ เพราะภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกผักถูกน้ำท่วม จึงทำให้ผักหายไปจากตลาด ราคาจึงพุ่งสูงขึ้น แต่ถ้าน้ำลดแล้วเกษตรกรคงเร่งปลูกผัก เพิ่มขึ้นได้และผักนั้นเป็นพืชอายุสั้นโตเร็วก็จะมีผักเข้ามาชดเชยในตลาด ราคาก็คงกลับมาปกติในเวลาที่คาดว่าไม่นานนัก และในช่วงนี้ที่ผักยังราคาสูงอยู่ทางกระทรวงฯ ได้จัดคาราวานผักราคาถูก เพื่อตะเวนขายในกรุงเทพและปริมณฑลระยะเวลา 30 วัน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะกิจ

รมว.เฮ้ง เตรียมหารือ 4 หน่วยงาน หลัง ศปก.ศบค. เห็นชอบหลักการนำเข้า MOU แก้ปัญหาแรงงานข้ามชาติทะลักชายแดน

ที่ประชุมศปก.ศบค. เห็นชอบแนวทางการนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานตาม MOU ในสถานการณ์โควิดตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ  โดยให้เร่งหารือร่วมกับ สตม.  กต. สธ. และกอ.รมน. เพื่อดำเนินการนำเข้าโดยเร็ว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล. อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ห่วงใยปัญหาแรงงานข้ามชาติลักลอบเข้าเมืองตามเส้นทางธรรมชาติและการเคลื่อนย้ายแรงงานผิดกฎหมาย หลังพบสถานประกอบการในประเทศจำนวนมากขาดแคลนแรงงาน จึงได้มอบหมายกระทรวงแรงงาน แก้ปัญหาดังกล่าวและวางแนวทางการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตาม MOU ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ซึ่งวิธีนี้จะแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างตรงจุด ส่งผลให้ปัญหาลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายเพื่อทำงานลดน้อยลง 

“สำหรับแนวทางเบื้องต้นยังคงจัดกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่อนุญาตให้เข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสีเขียว ที่ฉีดวัคชีนครบ 2 เข็ม เป็นระยะเวลา 1 เดือนขึ้นไป จะได้พิจารณาเป็นลำดับแรก โดยต้องแสดงวัคซีนพาสปอร์ต กลุ่มสีเหลือง ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม แต่ยังไม่ครบกำหนดระยะเวลา 1 เดือน และ กลุ่มสีแดงที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็มหรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย โดยให้นายจ้าง/สถานประกอบการ รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งประกอบด้วยค่าสถานที่กักกัน ค่าตรวจหาเชื้อ COVID-19 ค่ารักษา (กรณีคนต่างด้าวติดเชื้อ COVID-19) หากอยู่ในกิจการที่อยู่ในระบบประกันสังคม และเป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 หลังครบกำหนดระยะเวลากักตัวจะได้รับวัคซีนตามสิทธิผู้ประกันตน กรณีไม่ได้เป็นผู้ประกันตนม.33 นายจ้างจะเป็นผู้จัดหาวัคซีนทางเลือกให้แก่คนต่างด้าว ซึ่งการอนุญาตให้นำเข้า จะอนุญาตตามจำนวนสถานที่รองรับในการกักตัว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

นายสุชาติ กล่าวต่อไปถึงมาตรการที่กระทรวงแรงงานดูแลแรงงาน 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว เมียนมา) ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาว่า  กระทรวงแรงงานดำเนินการปรับเปลี่ยนระเบียบ นโยบาย หรือมาตรการต่างๆ เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนนายจ้าง/สถานประกอบการ ที่ขาดแคลนแรงงาน พร้อมกับควบคุมป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ โดยเสนอครม.เพื่อมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา อยู่ในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษภายใต้สถานการณ์ โควิดระลอกใหม่ โดยให้นายจ้างที่จ้างแรงงานข้ามชาติ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการจ้างคนต่างด้าวผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งทำให้แรงงาน 3 สัญชาติ กว่า 4 แสนรายได้รับอนุญาตทำงาน

ต่อมาเสนอครม.เพื่อมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงานอยู่แล้วหรือเคยได้รับอนุญาตทำงาน แต่ไม่สามารถดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานตามขั้นตอนปกติเนื่องจากมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด -19 สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อการทำงานได้ต่อไปถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 หรือ 2 ปี นับแต่วันที่การอนุญาตเดิมสิ้นสุด รวมทั้งขยายเวลาการหานายจ้างจาก 30 วัน เป็น 60 วัน ซึ่งทำให้แรงงานต่างด้าวได้รับอนุญาตทำงานกว่า 1 แสนคน ช่วยแก้ปัญหาให้นายจ้างที่ขาดแคลนแรงงาน และลดภาระค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก และล่าสุดมติครม.เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา เห็นชอบให้กระทรวงแรงงานดำเนินการตรวจสถานที่ก่อสร้าง สถานประกอบการ โรงงาน และสถานที่ทำงาน เพื่อให้คำแนะนำการปฏิบัติตนตามมาตรการทางสาธารณสุขแก่นายจ้างและแรงงานต่างด้าว เป็นระยะเวลา 30 วัน เก็บตกแรงงาน 3 สัญชาติ ที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

 

‘จุรินทร์’ ชมเปาะ ‘ทูตจีนคนใหม่’ ลึกล้ำ แค่เห็นของฝาก มองขาดขอช่วยส่งออกผลไม้

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ท่านทูตจีนคนใหม่ “หาน จื้อเฉียง” เข้าพบที่กระทรวงพาณิชย์เมื่อวันก่อน…

หลังจากท่านรับข้อเสนอที่ผมขอให้จีนช่วยเปิดด่านทางบกจาก “เชียงของ” เข้าจีนที่ด่าน “โมฮั่น” และด่านเชียงแสนของไทยผ่านแม่น้ำโขง เข้าจีนที่ “ท่าเรือกวนเล่ย” ทางตอนใต้ของ “ยูนนาน” ทั้งคู่

เพื่อจะได้ “เชื่อมเหนือ-เชื่อมโลก” ต่อไปในอนาคต 

พร้อมทั้งผมได้ขอให้ท่านทูตช่วยสนับสนุนการส่งออก “ไก่ รังนก ข้าวและผลไม้” ของไทยไปจีนได้สะดวกคล่องตัวมากขึ้นด้วย 

หลังการเจรจา ท่านมีของที่ระลึกมาฝาก…

เป็นแจกันจีนเพนต์ภาพเขียนรูปกวางและนกกระเรียนงดงามมาก 

'สุพัฒนพงษ์' หวังเศรษฐกิจไทยปีหน้าโตพรวด 6%

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยในงานสัมมนาบูสอัพไทยแลนด์ 2022 เรื่องบูสอัพทุบโจทย์ใหม่เศรษฐกิจไทย ว่า เศราฐกิจไทยในปี 65 มีโอกาสขยายตัวได้ถึง 5-6% หากไม่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่เกิดขึ้น โดยเชื่อว่าหากทุกคนร่วมไม้ร่วมมือกันรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นภายในประเทศ โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็วก็เป็นไปได้ แต่อาจจะกลับไปไม่เหมือนเดิม เพราะจะกลายเป็นเศรษฐกิจในวิถีใหม่ ซึ่งจะมีความเข็มแข็งมากกว่าเดิม

ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามสร้างระบบนิเวศน์ให้เอื้อกับการลงทุน และสร้างรายได้ใหม่ทางเศรษฐกิจเพื่อพลิกโฉมเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งบางอย่างต้องใช้เวลา แต่เชื่อมั่นว่าจะเริ่มเห็นผลที่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น เรื่องของการลงทุนที่เกิดจากนโยบายในการกระจายการลงทุนไปยังภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในพื้นที่สำคัญของเศรษฐกิจ ทั้งสนามบิน และท่าเรือ ซึ่งเริ่มเห็นผลอย่างชัดเจนจากตัวเลขการลงทุน 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.64) พบว่า การขอส่งเสริมการลงทุนมีวงเงินสูงถึง 5.2 แสนล้านบาท มากกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนและคาดว่าทั้งปีจะถึง 6 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19

ภาคเอกชนประเมินเศรษฐกิจกำลังดีขึ้น หวังส่งออกฟื้น

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. ประเมินว่าสถานกาณ์ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ พร้อมกับมาตรการภาครัฐที่มีเสริมขึ้นมาจะทำให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวในกรอบ 0.5 % ถึง 1.5%ส่วนการส่งออก กกร. ยังคงคาดว่ามีแนวโน้มจะขยายตัว 12.0% ถึง 14.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 1.0% ถึง 1.2% ซึ่งมองว่าตัวเลขนี้อยู่ในเงื่อนไขที่ไม่มีการระบาดซ้ำเพิ่มเติมและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 

ทั้งนี้กกร.ยังมองว่า การเปิดประเทศเมื่อ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี การเปิดประเทศและการคลายล็อกดาวน์ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ และประชาชน โดยมีการคาดการณ์จากผู้ประกอบการโรงแรมว่า อัตราการเข้าพักน่าจะขยับขึ้นไปที่ระดับ 25% ในเดือนพ.ย. จากเดือนก.ย.ที่มี 15% ประกอบกับการจับจ่ายใช้สอยในภูมิภาคดีขึ้น ส่วนภาคการค้าปลีกมองว่า ผ่านจุดต่ำสุดที่ไตรมาส 3 มาแล้ว สอดคล้องกับมุมมองของนักธุรกิจต่างชาติในประเทศไทยก็เชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4 

‘SCB x’ ควัก 1.7 หมื่นล้าน ซื้อหุ้น ‘Bitkub’ เดินหน้ายุทธศาสตร์ยานแม่ มุ่งสู่โลกการเงินอนาคต

“กลุ่มเอสซีบี เอกซ์” เดินหน้ายุทธศาสตร์ยานแม่ ควัก 17,850 ล้านบาท ส่ง SCBS เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน “บิทคับ ออนไลน์” พร้อมร่วมเป็นพันธมิตรวางรากฐานธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มุ่งสร้างการเติบโตระยะยาว เตรียมพร้อมสู่โลกการเงินอนาคต

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหนึ่งในธุรกิจการเงินแห่งโลกอนาคตมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสเติบโตในระยะยาว การที่ “กลุ่มเอสซีบี เอกซ์” เข้าไปลงทุนใน “บิทคับ ออนไลน์” (Bitkub Online Co., Ltd.) ซึ่งให้บริการแพลตฟอร์มด้านการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทยที่มีความน่าเชื่อถือ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา จะช่วยให้ “กลุ่มเอสซีบี เอกซ์” สามารถสร้างคุณค่าใหม่ที่สามารถเติบโตในระยะยาวไปกับโลกใหม่ได้ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ยานแม่ SCBX ในการยกระดับสู่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงิน สามารถตอบสนองความต้องการใหม่ของผู้บริโภค และสามารถเข้าสู่สนามการแข่งขันแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยเร็วในอีก 3-5 ปีข้างหน้า”

ทั้งนี้ การเข้าลงทุนใน Bitkub “กลุ่มเอสซีบี เอกซ์” ได้ขับเคลื่อนผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS ในการเข้าซื้อหุ้นสามัญและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ “บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด” (Bitkub Online Co., Ltd.) ผู้นำด้านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทย (Digital Asset Exchange) จาก “บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด” ในสัดส่วนร้อยละ 51 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 17,850 ล้านบาท นอกจากการลงทุนแล้วยังมีแผนที่จะพัฒนาธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลด้านต่าง ๆ ผ่านโมเดลทางธุรกิจรูปแบบใหม่ร่วมกับ Bitkub ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว และวางรากฐานในการเข้าสู่โลกการเงินแห่งอนาคตต่อไป

สสว. จับมือพันธมิตรภาคเอกชน เสริมแกร่ง SME ดันองค์กรที่มีความหลากหลาย เป็นคู่ค้ายูนิลีเวอร์

สสว. จับมือ SME D Bank และภาคเอกชน ได้แก่ ยูนิลีเวอร์ กูเกิล ประเทศไทย และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ร่วมสร้างโครงการส่งเสริมธุรกิจ SME ที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นเกิน 51% มีความหลากหลายในองค์กร ผลักดันให้เป็นซัพพลายเออร์ของยูนิลีเวอร์ในอนาคต

สสว. จับมือ ธพว. และภาคเอกชน ได้แก่ ยูนิลีเวอร์ กูเกิล ประเทศไทย และ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme หรือ UNDP) ร่วมเป็นพันธมิตรเพื่อส่งเสริมธุรกิจ SME ที่มีสัดส่วนผู้ประกอบการผู้หญิง กลุ่ม LGBTQI+ ผู้พิการ หรือกลุ่มชาติพันธุ์เป็นเจ้าของ หรือถือหุ้นร้อยละเกิน 51 ของผู้ถือหุ้นหลัก เพื่อพัฒนาขีดความสามารถ โดยให้โอกาสในการมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาซัพพลายเออร์ 

โดยมีผู้ประกอบการมากกว่า 100 ราย ตอบรับเพื่อเข้าร่วมโครงการ และได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับผู้ประกอบการ SME ที่เข้าร่วมโครงการสู่การฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างทักษะและศักยภาพการทำธุรกิจ ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ความรู้ในเรื่องของวัฒนธรรมองค์กรเพื่อความหลากหลาย ความรู้ทางด้านดิจิทัล และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเตรียมผู้ประกอบการสำหรับโลกแห่งการทำงานในอนาคต ตลอดช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 นี้ ผ่านช่องทางการอบรมออนไลน์ และเมื่อผ่านการอบรม จะสามารถเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเพื่อเป็นซัพพลายเออร์ของยูนิลีเวอร์ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top