Monday, 28 April 2025
ECONBIZ

ได้เวลาคืนสู่สังคม! ‘NT’ จัดสัมมนา ‘Recharge & Comeback Stronger’ เผยเทคนิค เพิ่มพลังชีวิตรับมือยุค New Normal

NT กระชับมิตรกลุ่มลูกค้า จัดงานสัมมนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ ‘Recharge & Comeback Stronger’ เพิ่มพลังในการทำงานทั้งพลังสมองและพลังจิตใจ ในยุค New Normal

เมื่อวาน 17 พ.ย. 64 บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) ได้จัดงานโครงการ The Exclusive Webinar การสัมมนาออนไลน์ผ่านระบบ Zoom ภายใต้หัวข้อ ‘Recharge & Comeback Stronger’ โดยมี นายรังสรรค์ จันทร์นฤกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานขายลูกค้าองค์กร เป็นประธานในการเปิดงาน และร่วมงานสัมมนาออนไลน์ (Webinar) พร้อมด้วย นางรังสิมา ประดิษฐพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มขายและบริการลูกค้าองค์กร

โดยงานนี้ มีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มพูนความรู้ให้กับลูกค้า พร้อม ๆ ไปกับสานต่อความสัมพันธ์กับลูกค้าในยุค New Normal หลังจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ทำให้เกิดความห่างไกลกันไปพักใหญ่ โดยได้เชิญลูกค้าองค์กรกว่า 300 ท่าน เข้าร่วมสัมมนา พร้อมทีมผู้บริหาร, Key Account ของกลุ่มขาย และส่วนงานบริการลูกค้าองค์กรร่วมงานในครั้งนี้

"จากภาวะวิกฤตที่เกิดจาก Covid-19 นั้น ทำให้หลายองค์กร ต้องมีการปรับตัว ต้องมีการ Work From Home และมีโอกาสได้พบปะกันน้อยลง เช่นเดียวกันกับทาง บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ที่พบปะและจัดกิจกรรมกับลูกค้าได้น้อยลงด้วยเช่นกัน ฉะนั้นการจัดสัมมนาผ่านออนไลน์ในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างปฏิสัมพันธ์ พร้อมทั้ง Refresh ความรู้ รวมถึงสร้างพลังทางจิตใจ ให้ทุกท่านได้ก้าวเดินอย่างแข็งแกร่งต่อไป” นายรังสรรค์ กล่าว

สำหรับสาระสำคัญของงานสัมมนาออนไลน์ The Exclusive Webinar ภายใต้หัวข้อ ‘Recharge & Comeback Stronger’ นี้ ประกอบไปด้วยเนื้อหาหลักที่จะคืนชีวิตของผู้คนให้เผชิญยุค New Normal ได้อย่างราบรื่นผ่าน 2 Session 2 วิทยากรผู้เชี่ยวชาญ...

>> Recharge your brain
โดยในส่วนของ Session แรก : Recharge your brain ซึ่งมี ‘อาจารย์ฝน นรินทร์ฤทธิ์ เปรมอภิวัฒโนกุล’ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มาแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านหัวข้อ ‘Cybersecurity Trends To Know’ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาที่เกี่ยวกับ ‘ภัยไซเบอร์รูปแบบใหม่’ ที่คนยุคนี้ต้องเตรียมรับมือ

อาจารย์ฝน เผยว่า ภัยไซเบอร์ในยุค 2021 ที่สามารถจำแนกออกได้หลายระดับ ตั้งแต่ผู้ใช้งานทั่วไป ผู้ใช้งานระดับองค์กรธุรกิจ รวมไปถึงหน่วยงานระดับความมั่นคงของชาติ ซึ่งรูปแบบของภัยไซเบอร์ จะมีทั้งการแฮกบัญชีการใช้งานธุรกรรมต่าง ๆ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือ รหัส WiFi รวมไปถึง บัตรเครดิต/บัตรเดบิต เช่น เช่นกรณีการดูดเงินจากบัญชีธนาคาร โดยตัดออกไปในมูลค่าน้อย ๆ ขณะที่การผูกบัญชีกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ก็นับเป็นอีกช่องโหว่ ที่ทำให้มิจฉาชีพสามารถแฮกข้อมูลได้ด้วยเช่นกัน

สำหรับวิธีการป้องกันภัยไซเบอร์ อาจารย์ฝน ได้แนะนำไว้ดังนี้…

1.) ตั้งรหัสผ่านให้เดายาก หรือการตั้งรหัสผ่าน 2 ชั้น 
2.) ตั้งรหัสผ่านให้เป็นประโยคหรือตั้งรหัสผ่านจากคำ 3 คำ โดยใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตัวเลขใช้เครื่องหมายต่าง ๆ เข้ามาแทนเพื่อให้ยากขึ้นในการแฮกข้อมูล
3.) ในกรณีที่ใช้โมบาย แอปพลิเคชัน ก็ควรตั้งวงเงินบัตรในการกดเงิน โอนเงิน หรือรูดบัตรซื้อสินค้าให้เป็น 0 บาท

'โฆษกรัฐบาล' เผย การขนส่งสินค้าท่าเรือกลับมาคึกคักยอดการส่งออกไทย 9 เดือนแรกขยายตัว 15.5 % เป็นไปตามข้อสั่งการ ”นายก”

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้เผยแพร่ผลการดำเนินงานของในรอบปีงบประมาณ 2564  (ตุลาคม 2563 – กันยายน 2564) มีเรือเทียบท่าที่ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง รวม 13,840 เที่ยว เพิ่มขึ้น 1.9% สินค้าผ่านท่า 111.630 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.9% และตู้สินค้าผ่านท่า 9.857 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 8.6% รวมรายได้ 15,613 ล้านบาท กำไรสุทธิ  6,023 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.99% ซึ่งการเติบโตของตู้สินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น มาจากการที่ไทยสามารถส่งออกได้มากขึ้นต่อเนื่อง

อีกส่วนหนึ่งมาจากข้อสั่งการของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่สั่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้สินค้าในภาคธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลทันที ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านโดยรัฐบาลมีการมาตรการต่างๆ  อาทิ กรมเจ้าท่าออกประกาศให้เรือที่มีความยาวมากกว่า 300 เมตร แต่ไม่เกิน 400 เมตรเข้าเทียบท่า ปรับลดภาระตู้สินค้าเปล่าขาเข้าผ่านท่าเรือกรุงเทพ  ชดเชยค่ายกตู้ขนส่งสินค้าให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชนที่ท่าเรือแหลมฉบับ เป็นต้น ช่วยบรรเทาการขาดแคลนตู้สินค้า สนับสนุนให้ค่าระวางเรือขนส่งจากไทยลดลง ส่งผลให้บริการสินค้าและตู้สินค้าผ่านท่าสูงขึ้นด้วย

นายธนกร กล่าวว่า ที้งนี้ ผลการดำเนินงาน เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกับปีที่ผ่านมา ดังนี้ 
1) ท่าเรือกรุงเทพ เรือเทียบท่า 4,170 เที่ยว เพิ่มขึ้น 9.1%  ตู้สินค้าผ่านท่า 1.438 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 0.2%
2) ท่าเรือแหลมฉบัง เรือเทียบท่า ลดลง 1.0%   ตู้สินค้าผ่านท่า 8.419 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 10.2%
 3) ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เรือเทียบท่า 2,231 เที่ยว ลดลง 10.5% ตู้สินค้าผ่านท่า 5,064 ที.อี.ยู. ลดลง 32.3%
4) ท่าเรือเชียงของ เรือเทียบท่า ลดลง 96.6% สินค้าผ่านท่า ลดลง 98.9%
 5) ท่าเรือระนอง เรือเทียบท่า เพิ่มขึ้น 15.9% ตู้สินค้าผ่านท่า เพิ่มขึ้น 53.0%
โดยในปีงบประมาณ 2565  นี้ ยังประมาณการตู้สินค้าผ่านท่าที่ท่าเรือกรุงเทพ 1.43 ล้าน ที.อี.ยู. และท่าเรือแหลมฉบัง 8.243 ล้าน ที.อี.ยู. ด้วย 

 

‘อลงกรณ์’ ปลื้ม ผลงานประกันรายได้ชาวนา ดันเงินหมุนเวียนนับล้านล้านบาท 

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็น 1 ใน 5 พืชเศรษฐกิจหลัก ภายใต้นโยบายประกันรายได้เกษตรกร ได้แก่ ข้าว, มันสำปะหลัง, ยางพารา, ปาล์ม, น้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ “ไม่ใช่ภาระแต่เป็นธุระของรัฐบาล” ในการบริหารนโยบายให้สำเร็จตามที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นโครงการที่เกษตรกรพึงพอใจมากที่สุดโครงการหนึ่งของรัฐบาล

เพราะสามารถสร้างหลักประกันรายได้ (Universal basic income) จากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมในช่วงที่เกิดความผันผวนของราคาผลผลิตทางการเกษตร จากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจวิกฤตไปทั่วโลก ซึ่งนี่ถือเป็นนโยบายเรือธง (Flagship policy) ของพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาล

สำหรับโครงการประกันรายได้ชาวนาเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์แห่งอนาคตในช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transition period) ของการปฏิรูปภาคเกษตรเพื่อสร้างศักยภาพใหม่ของประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าว 5 ปี (2563-2567) ที่เริ่มมาแล้วตั้งแต่ปี 2563 ขับเคลื่อนด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ตั้งแต่… 

‘ต้นน้ำ’ การผลิตมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุนพัฒนาพันธ์ุสร้างมาตรฐานเชื่อมโยง 

‘กลางน้ำ’ การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม 

และ ‘ปลายน้ำ’ การตลาดแบบออนไลน์/ออฟไลน์ ทั้งตลาดในและต่างประเทศตามโมเดลเกษตรผลิตพาณิชย์ตลาดภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต

“โครงการนี้ได้ช่วยพัฒนาฐานะและชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรและครอบครัวเกือบ 30 ล้านคน ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีแรงงานและการจ้างงานมากที่สุด อีกทั้งเป็นฐานรากสำคัญของประเทศ ทำให้สามารถรักษาการผลิตสินค้าเกษตรสร้างรายได้ในการส่งออกให้กับประเทศของเราจนเป็นอันดับต้นของสินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (มองในมุมของการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและการนำรายได้เข้าประเทศ) ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่และภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยว มีตัวเลขการส่งออกที่ลดลง

“ประการสำคัญ คือ เงินประกันรายได้ที่เกษตรกรได้รับ เกิดจากการทำงานแบบหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน จากหยาดเหงื่อแรงกาย ไม่ใช่การแจกจ่ายแบบให้เปล่า (Free rider) จำนวนหลายแสนล้านบาทเหมือนโครงการอื่น ๆ ของรัฐ”

นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ภาคเกษตรในรัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ กำลังนำภาคเกษตรกรรมเข้าสู่มิติใหม่โดยเฉพาะเกษตรอัจฉริยะแนวทางเกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) ที่ใช้บิ๊กดาตา (Big Data) และดิจิทัลเทคโนโลยี (Digital Technology) รวมถึงการทำเกษตรแปลงใหญ่ซึ่งพัฒนาขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 5,000 แปลง รวมพื้นที่กว่า 6 ล้านไร่ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงและสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรรวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคเกษตรและประเทศในระยะยาวอย่างยั่งยืน เน้นการบูรณาการความร่วมมือทำงานเชิงรุกกับทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคเกษตรกร ด้วยการสร้างกลไกเชิงโครงสร้างและระบบเพื่อขับเคลื่อนด้วยแนวทางใหม่ ๆ ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ปฏิรูปภาคเกษตร...

ไฟเขียว! กรอบวงเงินกู้กองทุนพัฒนาสหกรณ์ ปี 65 จำนวน 4,700 ล้านบาท

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดคัดเลือกสหกรณ์ที่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ให้เข้าไปแนะนำ ส่งเสริมการดำเนินงาน เพื่อให้สหกรณ์ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าไปมีส่วนร่วมกับฝ่ายจัดการของสหกรณ์กับคณะกรรมการของสหกรณ์ ในการที่จะดูแลส่งเสริมให้ความรู้ทั้งด้านการบริหารจัดการ การบริหารสินเชื่อ การรวบรวมผลผลิต การแปรรูป รวมไปถึงการพัฒนาศักยภาพของสมาชิก ส่งเสริมให้สมาชิกเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ให้มากขึ้นด้วย 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กรมฯได้จัดสรรเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้สหกรณ์นำไปเป็นทุนในการดำเนินธุรกิจ และช่วยเหลือด้านการประกอบอาชีพให้กับสมาชิก จุดประสงค์หลักของกองทุนคือการเสริมสร้างสหกรณ์ในประเทศไทยให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ที่ผ่านมามีสหกรณ์หลายแห่งที่นำเงินกู้ กพส.ไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์ สามารถพัฒนาธุรกิจสหกรณ์จนเติบโตก้าวหน้า สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคงและทำให้สมาชิกสหกรณ์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งกองทุนพัฒนาสหกรณ์ หรือ กพส. เกิดจากพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2542 ใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ทุกประเภท ปัจจุบัน กพส. มีทุนดำเนินงานกว่า 6,400 ล้านบาท 

กพร. เปิดตัว ‘แบตเตอรี่โพแทสเซียมไอออน’ ต้นแบบครั้งแรกของไทย เล็งต่อยอดป้อนอุตฯ EV

กพร. เปิดตัวแบตเตอรี่โพแทสเซียมไอออนต้นแบบครั้งแรกของไทย หนุนห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
นายอดิทัต วะสีนนท์ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีส่งมอบแบตเตอรี่โพแทสเซียมไอออนต้นแบบว่า กพร. ได้ดำเนินโครงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตวัตถุดิบเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยเล็งเห็นความสำคัญของการเตรียมความพร้อมด้านวัตถุดิบเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ เนื่องจากเป็นปัจจัยการผลิตสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายหลักคือ อุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่แห่งอนาคต 

ด้วยปัจจุบันทั่วโลกหันมาให้ความสนใจในการปรับเปลี่ยนมาเป็นยานยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น และประเทศไทยก็ได้กำหนดนโยบาย 30@30 เพื่อก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก มีเป้าหมายในการเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาด (Zero Emission Vehicle : ZEV) อย่างน้อย 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ. 2030 โดยอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดของยานยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ แบตเตอรี่ คิดเป็นต้นทุนหลักประมาณ 40% ของรถยนต์ไฟฟ้า และมีผลต่อการพัฒนาสมรรถนะของยานยนต์ไฟฟ้ามากที่สุด 

อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และปัญหาด้านวัตถุดิบที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด เป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ทางเลือกโดยใช้วัตถุดิบชนิดอื่น จากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า มีวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับโลหะลิเทียมและมีศักยภาพนำมาผลิตเป็นแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ โพแทสเซียมคลอไรด์ (KCl) และโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) โดยสามารถนำมาใช้เป็นวัสดุในการทำขั้วไฟฟ้าและอิเล็กโทรไลต์ได้ อีกทั้งในปัจจุบันบริษัทต่าง ๆ ในต่างประเทศเริ่มมีการผลิตเซลล์ต้นแบบ ทำให้แบตเตอรี่ชนิดนี้มีศักยภาพที่จะถูกพัฒนามาเป็นแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าได้ 

‘บิ๊กตู่’ ยอมรับ ‘กองทุนน้ำมัน’ ติดลบ เตรียมกู้ 2 หมื่นล้าน ตรึงราคาดีเซลอีก 4 เดือน

“บิ๊กตู่” ยอมรับกองทุนน้ำมันติดลบ ครม. อนุมัติขอเงินกู้อีก 2 หมื่นล้าน คาดสำรองจ่ายได้อีก 4 เดือน “วอน” รถบรรทุกอย่ากดดัน เตรียมรถ “บขส.-รถทหาร” ขนสินค้าแทนรถบรรทุกประท้วงราคาดีเซลแพง

เมื่อเวลา 13.15 น. ที่โรงแรมโซฟิเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดกระบี่  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรนอกสถานที่ ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา หลังกลุ่มสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ทำกิจกรรมคาร์ม็อบ เคลื่อนขบวนรถบรรทุกในถนน 4 สายหลัก และมาชุมนุมบริเวณหน้ากระทรวงพลังงาน ว่า ยืนยันแล้วว่าเราต้องรักษาให้ได้ในราคา 30 บาทต่อลิตรก่อน และถ้าราคาน้ำมันมีการปรับลดลงทุกอย่างก็จะดีขึ้น เพราะขนาดตรึงแค่ราคา 30 บาท ก็ใช้เงินอุดหนุนไปประมาณเดือนละ 3,000 ล้านบาทลงไป  

ในส่วนของกองทุนน้ำมันนั้นอยู่ในสภาพที่ติดลบแล้ว และวันเดียวกันนี้ ครม. ได้มีการอนุมัติ เงินกู้ไปเพื่อนำงบประมาณมาใช้จ่ายสำรองไว้ในช่วง 4 เดือนข้างหน้า ซึ่งถ้าราคาน้ำมันลดลงก็ไม่มีปัญหาทุกอย่างก็จะกลับคืนเข้าสู่สภาวะปกติ ราคาน้ำมันก็จะลดลงมาเอง 

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่มีความพยายามกดดันด้วยการนำรถบรรทุกเคลื่อนไหวบนถนนสายหลัก และมาชุมนุมที่บริเวณหน้ากระทรวงพลังงานจะแก้ปัญหาอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานก็เป็นความเคลื่อนไหวของสมาคมรถบรรทุก ซึ่งในประเทศไทยก็มีหลายสมาคมยอมรับว่ามีคนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลก็ต้องดูแลทุกคนซึ่งรัฐบาลก็จำเป็นต้องดูให้ละเอียดถี่ถ้วน 

‘สุริยะ’ ยกทัพลงกระบี่ ชี้ช่องเพิ่มมูลค่า SMEs พร้อมฟังข้อเสนอกลุ่มจังหวัดฝั่งอันดามัน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นำคณะผู้บริหารลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานประกอบการในจังหวัดกระบี่ ร่วมหารือแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ พร้อมสนับสนุนข้อเสนอของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง, พังงา, ระนอง และสตูล) เร่งยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพด้านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม มุ่งสู่อุตสาหกรรม 4.0 พร้อมขยายช่องทางการตลาดออนไลน์ ตั้งเป้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานประกอบการและร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2564 ณ จังหวัดกระบี่ ระหว่างวันที่ 15 - 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เพื่อพบปะและรับฟังปัญหาข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการในพื้นที่ และนำไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง พังงา, ระนอง และสตูล) โดยจุดแรกได้เดินทางไปยังบริษัท วู้ดเวอร์ค จำกัด ประกอบกิจการแปรรูปไม้ยางพาราและไม้ที่ปลูกขึ้นโดยเฉพาะ 13 ชนิด (ตามมติ ครม.) อาทิ ยูคาลิปตัส, กระถินณรงค์, กระถินเทพา, มะพร้าว, มะขาม, ไม้จามจุรี ฯลฯ  

โดยการอัดน้ำยาอบแห้ง เพื่อทำลังไม้ และไม้รองสินค้าเพื่อจำหน่าย มูลค่าการลงทุนกว่า 390 ล้านบาท กำลังการผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปกว่า 11 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี มูลค่าการส่งออกกว่า 200 ล้านบาท/ปี โดยเป็นการส่งออก 90% ใช้ในประเทศ 10% ส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศจีน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการของกระทรวงอุตสาหกรรมในหลายด้าน เช่น โครงการอุตสาหกรรมสีเขียว โครงการสร้างและพัฒนาเครือข่ายอุตสาหกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน โดยทางบริษัทได้ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมช่วยส่งเสริมและสนับสนุนในการยกระดับบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตด้วยนวัตกรรมเพื่อมุ่งสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยในช่วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการมาตรการ Bubble and seal ด้วยการแยกพนักงานออกเป็นกลุ่มย่อยและไม่ให้ทำงานเข้ากลุ่มกัน รวมถึงจำกัดพื้นที่ หรือการเดินทางภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งโรงงานจะจัดเตรียมที่พักสำหรับพนักงาน ขณะที่พนักงานที่ติดเชื้อจะถูกแยกไปตามพื้นที่ที่จัดสรรตามระดับอาการป่วยเพื่อรับการรักษาต่อไป

‘ชัยวุฒิ’ ชี้ MOU ป้องโกง จุดเปลี่ยนซื้อขายออนไลน์ ยกระดับมาตรฐาน ทำลายล้างสินค้าไม่ตรงปก

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวในการเป็นประธานในพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายสินค้าและบริการในตลาดออนไลน์ว่า…

ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการคุ้มครองผู้บริโภคในการซื้อขายสินค้าและบริการในตลาดออนไลน์ระหว่างองค์กรผู้บริโภค หน่วยงานส่งเสริมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการตลาดออนไลน์ และหน่วยงานรัฐที่ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้บริโภค

ในวันนี้ กระทรวงดิจิทัลและเศรษฐกิจเพื่อสังคม มีพันธกิจที่จะเสนอแผนและนโยบายระดับชาติและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สร้างความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างปลอดภัย โดยหนึ่งในหน่วยงานสังกัดของเรา คือ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สพธอ. (Electronic Transactions Development Agency : ETDA) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ มีภารกิจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์โดยสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเท่าทันกับสถานการณ์โลก โดย ETDA จะมีภารกิจหลัก 3 ด้าน คือ... 

1.) กำกับดูแลธุรกิจบริการดิจิทัลเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสังคมดิจิทัล 

2.) ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ 

และ 3.) ร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างบูรณาการและเชื่อมโยง

‘กรณ์’ จี้!! ครม.สัญจร ช่วยด่วน 'ท่องเที่ยว' ภูเก็ต ยก 3 ข้อควรทำ ก่อนภาคธุรกิจหมดลมหายใจ

‘กรณ์’ กร้าว!! ขอเป็นกระบอกเสียงคนภูเก็ต ยก 3 ข้อเรียกร้อง จี้!! ครม.สัญจร เร่งแก้ปัญหาตอบโจทย์ 'เศรษฐกิจท่องเที่ยว' ไม่ปล่อย ‘เฮือกสุดท้าย’ ผู้ประกอบการภูเก็ตสูญเปล่า 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า…

ตนได้ใช้ชีวิตในภูเก็ต สิ่งที่น่าดีใจคือนักท่องเที่ยวเยอะขึ้น ป่าตองเริ่มคึกคัก และจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการชาวภูเก็ตหลายกลุ่มและหลายวงสนทนา เราเห็นตรงกันว่าภูเก็ต คือ เมืองแห่งศักยภาพของประเทศไทยที่จะเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกได้สบาย ๆ ซึ่งหมายความว่าคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของคนภูเก็ต รวมถึงรายได้เข้าประเทศโดยรวม ดีกว่านี้ได้อีกมาก 

เวลานี้หลายปัญหาของภูเก็ตรอการแก้ไข และส่วนใหญ่อุปสรรคมาจากระบบราชการที่ช้าและไม่ยืดหยุ่นตามบริบทที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ 

นายกรณ์ กล่าวว่า ภูเก็ตน่าจะเป็นเมืองที่รวบรวมจำนวนคนที่รอบรู้และเข้าใจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไว้มากที่สุดในโลก และไม่มีใครหวังดีต่ออนาคตคนภูเก็ตมากเท่าคนภูเก็ต ดังนั้นเมื่อคนที่รู้ บวกกับคนที่ใส่ใจเป็นคนภูเก็ต แล้วทำไมการกำหนดยุทธศาสตร์และการตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับภูเก็ตยังอยู่ที่อำนาจส่วนกลางที่กรุงเทพ 

ดังนั้นเมื่ออำนาจยังรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพ การประชุม ครม. สัญจร วันที่ 15-16 พฤศจิกายน จึงยังมีความสำคัญต่ออนาคตภูเก็ต มีหลายเรื่องที่ตนขอเป็นกระบอกเสียงแทนคนภูเก็ตไปถึงรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้มีการทบทวนและรีบตัดสินใจ เพื่อช่วยให้ “เฮือกสุดท้าย” ของผู้ประกอบการในภูเก็ตไม่สูญเปล่า 

โดยหัวหน้าพรรคกล้า ได้ยก 3 ข้อเรียกร้องที่ฝากไปถึงรัฐบาล ได้แก่…

1.) ปัญหาใบอนุญาตโรงแรม ที่กำลังทำให้ธุรกิจที่พักขนาดเล็กหมดแรงและกำลังจะตายไป ตอนนี้ในเว็บไซต์การจองโรงแรมมีโรงแรมในภูเก็ตเปิดขายห้องพักมากกว่า 1 หมื่นแห่ง แต่ที่มีใบอนุญาตถูกต้องนั้นไม่ถึง 800 แห่ง ทั้ง ๆ ที่โรงแรมขนาดเล็ก คือ ท่อลำเลียงทำให้เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวกระจายเงินออกไปในวงกว้าง เพราะนักท่องเที่ยวที่พักในโรงแรมเล็ก ๆ คือ กลุ่มที่ออกมาขึ้นรถโดยสาร เรียกแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก กินข้าวตามร้านอาหาร ซื้อทัวร์ ใช้บริการนวดและสปา หลายธุรกิจจะมีโอกาสสร้างรายได้และไปต่อ รัฐบาลควรเร่งออกมาตรการให้โรงแรมขนาดเล็กสามารถเปิดได้อย่างถูกกฎหมาย เพื่อทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมที่เป็นหัวใจของการสร้างรายได้จากท่องเที่ยว มีโอกาสการสร้างรายได้ และให้โอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนในการฟื้นฟูธุรกิจอีกด้วย

คปภ. ห้ามยกเลิกประกันโควิด ‘เจอ จ่าย จบ’ ให้เปลี่ยนแบบประกันได้ แต่ลูกค้าต้องสมัครใจ

สำนักงาน คปภ. ยันห้ามบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิดเจอจ่ายจบ กางข้อสรุปประชุมสมาคมประกันวินาศภัยไทย อนุญาตเสนอออปชันลูกค้าต้องสมัครใจ พร้อมย้ำ ลูกค้า เดอะวันประกันภัย ยังได้รับสิทธิคุ้มครองเหมือนเดิม 

วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยถึงกรณีปัญหาการประกันภัยโควิด-19 แบบเจอจ่ายจบ ว่า วันนี้หลังจากได้มีการประชุมหารือเร่งด่วนร่วมกับ นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และคณะกรรมการบริหารจำนวนประมาณ 11 ท่าน สำนักงาน คปภ. มีมติดังนี้

1.) การดำเนินการแก้ไขปัญหา คปภ. จะยึดถือประโยชน์สูงสุดของประชาชนผู้เอาประกันภัยเป็นสำคัญ

2.) คำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 เรื่อง ให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันโควิดสำหรับบริษัทประกันวินาศภัย ยังมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายอยู่ บริษัทจึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งนายทะเบียนดังกล่าว ส่วนประเด็นที่ยังเห็นไม่สอดคล้องกันนั้นต้องมีการหารือร่วมกันอีกครั้งเพื่อให้ได้มาตรการที่เหมาะสมต่อไป

3.) การช่วยเหลือบริษัทประกันวินาศภัยเพื่อแก้ปัญหาได้ตรงจุด จะขึ้นอยู่กับสถิติตัวเลข ข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกต้องและแม่นยำ และผลกระทบต่าง ๆ ในทุกมิติ ซึ่งจะต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ และที่สำคัญจะต้องไม่ทำให้ผู้เอาประกันภัยเดือดร้อน และไม่เป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชนผู้เอาประกันภัย

เปิดจีดีพีไทยไตรมาส 3 ติดลบ 0.3% คาดทั้งปีโต 1.2%

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยแถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 และแนวโน้มปี 2564 - 2565 ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ปรับตัวลดลง 0.3% เทียบกับการขยายตัว 7.6% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยด้านใช้จ่ายมีสาเหตุจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ประชาชนระมัดระวังพฤติกรรมการใช้จ่าย ในขณะที่ภาครัฐมีความจำเป็นต้องยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด 

ขณะที่การส่งออกสินค้า มีมูลค่า 67,249 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 15.7% ต่อเนื่องจากการขยายตัว 36.2% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น 12.2% และราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 3.1% ทำให้ทั้งปี สศช. ประเมินเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 1.2% อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ 1.2% และบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 2.5% ต่อจีดีพี 

 

NT ลุยให้บริการ Free WiFi ทั่วประเทศ เปิด 3 ภาษา ‘ไทย - อังกฤษ - จีน’ รับนทท.

NT เร่งขยายการให้บริการ Free WiFi ทั่วประเทศ 300,000 จุด ร่วมกับบริษัทลูก NT iBuzz ด้วยแพลตฟอร์ม 3 ภาษา ไทย, อังกฤษ, จีน พร้อมให้บริการประชาชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ

15 พ.ย. 64 นายสมยศ ธนพิรุณธร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) เปิดเผยว่า NT ร่วมกับ บริษัท เอ็นที ไอบัซซ์ จำกัด (NT iBuzz) เตรียมเปิดให้บริการ Free WiFi ความเร็วสูงภายใต้ชื่อบริการ Buzz Privilege WiFi ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ด้วยมาตรฐานการให้บริการที่มีความเร็วสูง มีคุณภาพ ใช้งานฟรีตลอด 24 ชั่วโมง มีรูปแบบการใช้งานที่ง่ายและสะดวก ผู้ใช้บริการลงทะเบียนเพียงครั้งเดียว จะสามารถใช้งานได้ในทุกพื้นที่การให้บริการ พร้อมฟีเจอร์ใช้งานต่าง ๆ เช่น ท่องเที่ยว บันเทิง เกม ตลาดซื้อขาย เป็นต้น

'นายกฯ' สั่งการเตรียมความพร้อมภาคแรงงาน ฟื้นเศรษฐกิจ 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงแนวนโยบายนายกรัฐมนตรี การขับเคลื่อนการเปิดประเทศ ว่า นายกฯ ให้เดินหน้าโครงการ Factory Sandbox ระยะที่ 2 พร้อมเปิดทางให้ แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานเสริมทัพภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย ตาม MOU ที่กระทรวงแรงงานเสนอให้พิจารณา และนายกฯ ได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงแรงงานเดินหน้าโครงการ Factory Sandbox ในระยะที่ 2 เน้นการดำเนินการ ตามมาตรการ ตรวจ ควบคุม รักษา ดูแล โดยขยายกรอบขอบเขตจังหวัด จากเดิมดำเนินการใน 4 จังหวัด เพิ่มเป็น 11 จังหวัด รวมได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ อีกทั้ง ปรับลดหลักเกณฑ์ขนาดสถานประกอบการ จากเดิม กำหนด 500 คนขึ้นไป เป็น 100 คนขึ้นไป  

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะเปิดให้มีการนำเข้าแรงงานตาม MOU ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งคาดว่าหลังวันที่ 30 พ.ย.2564 นายจ้างสามารถยื่นความต้องการจ้างแรงงานที่กรมการจัดหางานได้เลย โดยแรงงานต่างด้าวที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยต้องเข้ารับการกักตัว และตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 สำหรับแรงงานต่างด้าวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วต้องกักตัว 7 วัน หากฉีด 1 เข็ม หรือยังไม่เคยรับวัคซีน จะต้องกักตัว 14 วัน ระหว่างกักตัวจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด ด้วยวิธี RT – PCR 2 ครั้ง 

‘ดีป้า’ คิกออฟ Transform ตลาดสดยุควิถีใหม่ ดัน ‘หาบเร่’ ต้องเก๋ในโลกออนไลน์

ดีป้า เปิดตัวโครงการ Transform ตลาดสดยุควิถีใหม่ พร้อมเดินหน้าติดอาวุธดิจิทัลแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ร้านค้า หาบเร่ แผงลอย นำร่องพื้นที่ 6 จังหวัด ครอบคลุมผู้ประกอบการ 30,000 ราย เล็งขยายการรับรู้สู่ปริมณฑล 4 จังหวัด และเตรียมเดินหน้าเฟส 2 อีก 25 จังหวัดทั่วประเทศ หวังขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลฯ มีภารกิจสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมุ่งหวังให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลได้ง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน โดยมีสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลอย่างเต็มประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ของตนเองได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากที่มีความสำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม

“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภค โดยปรับเปลี่ยนสู่ช่องทางออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นภาครัฐจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้มีความพร้อมรับมือกับความท้าทายดังกล่าว และพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ซึ่ง ดีป้า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลฯ จึงได้ดำเนินโครงการ Transform ตลาดสดยุควิถีใหม่ เพื่อยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ให้สามารถปรับเปลี่ยนทุกการซื้อ-ขายสู่ระบบออนไลน์ ปรับทุกไลฟ์สไตล์สู่สังคมไร้เงินสด พลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานรากด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการก้าวข้ามวิกฤตโควิด-19 โดยคาดว่า การดำเนินงานในเฟสแรกจะช่วยสร้างรายได้มากกว่า 300 ล้านบาท” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าว

นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวว่า โครงการ Transform ตลาดสดยุควิถีใหม่ มีวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายย่อย ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้า หาบเร่ แผงลอย สามารถเข้าถึงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจากเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ สร้างโอกาสทางการตลาด เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายและจัดส่งสินค้า พัฒนาสู่การแข่งขันรูปแบบใหม่บนพื้นฐานของการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เริ่มดำเนินการในพื้นที่ 6 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครสวรรค์ นครปฐม ชัยนาท สิงห์บุรี และลพบุรี ครอบคลุมผู้ประกอบการ จำนวน 30,000 ราย ตั้งเป้าขยายการรับรู้สู่ปริมณฑลเพิ่ม 4 จังหวัด

เร่งแก้ราคาหมูแพง พาณิชย์เตรียมเปิดจุดขายราคาถูก 400 แห่งทั่วปท.

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงปัญหาราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้นมากจนทำให้ราคาเนื้อหมูปลายทางมีราคาสูงขึ้นอย่างมากในขณะนี้ ว่า ปัญหามาจากผลกระทบน้ำท่วมในหลายพื้นที่ที่เลี้ยงสุกรในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา รวมทั้งต้นทุนของผู้เลี้ยงสุกรมีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะวัตถุดิบ เช่น ข้าวโพคเลี้ยงสัตว์ที่มีราคาสูงขึ้นเท่าตัว ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงหมูขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงได้สั่งการให้กรมการค้าภายในไปเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนแล้ว

ทั้งนี้ เพื่อลดผลกระทบกรมการค้าภายใน อยู่ระหว่างหารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมมือกันจัดทำโครงการจำหน่ายเนื้อหมูราคาพิเศษขึ้นมาใน 400 จุดทั่วประเทศ ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด คาดว่า จะดำเนินการได้ในเร็ว ๆ นี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top