Friday, 9 May 2025
ECONBIZ

ลุ้นออมสินออกสินเชื่อใหม่ขายฝากที่ดิน กลางปี 65 

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 2565 ธนาคารฯ เตรียมจัดทำโครงการสินเชื่อที่ดินและขายฝาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา และหากได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการฯ จะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงกลางปี 2565 โดยมุ่งเน้นสร้างกลไกเพื่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยให้มีความเหมาะสมเป็นธรรมสำหรับลูกค้ากลุ่มฐานราก 

ขณะเดียวกัน ยังพัฒนา Digital Lending ให้สามารถพิจารณาอนุมัติสินเชื่อบนสมาร์ทโฟนด้วยแอป MyMo ให้สมบูรณ์ หลังจากในช่วงปีที่ผ่านมาธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อรายย่อยผ่าน MyMo ได้มากกว่า 1.5 ล้านราย วงเงินสินเชื่อรวมกว่า 24,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากออมสินเพื่อการเกษียณ ซึ่งธนาคารเตรียมยกระดับการส่งเสริมการออมเพื่อการเกษียณ เพื่อให้ประชาชนกลุ่มฐานรากมีความพร้อมเข้าสู่สังคมสูงวัยด้วย

‘น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ’ ความแซ่บ คู่ครัวไทย ส่งขายทั่วโลก!! | BizMAX THE TOPIC EP.5

📌 BizMAX THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้ EP.5 ตอน ‘น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ’ ความแซ่บ คู่ครัวไทย ส่งขายทั่วโลก!!
📌 พบกับ ‘คุณอ้อม พิไรรัตน์ บริหาร’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพชรดำฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตน้ำปลาร้าแบรนด์ ‘แม่บุญล้ำ’

💻 ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES 

'นายกฯ' จี้ 'ก.แรงงาน' ส่งเสริมการจ้างงาน SMEs ให้สถานประกอบการขนาดเล็ก-กลาง ลงทะเบียนร่วมโครงการช่วย SMEs รอบ 2 ภายใน 20 ธ.ค. นี้ 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามข้อสั่งการที่ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ในทุกด้านอย่างบูรณาการเพื่อเสริมศักยภาพให้สามารถฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด-19 และกลับมาเติบโตได้ในระยะยาว โดยในส่วนของ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้เปิดให้นายจ้าง สถานประกอบการภาคเอกชน ขนาดเล็ก – กลาง ลงทะเบียนร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs รอบที่ 2 ผ่านเว็บไซต์ “ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th” ภายในวันที่  20 ธันวาคม 2564 เพื่อรับเงินอุดหนุนตามโครงการฯ จากรัฐ 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดให้ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน -16 ธันวาคม 2564 มีสถานประกอบการลงทะเบียนร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs รอบที่ 2 จำนวน 14,829 แห่ง มีลูกจ้างสัญชาติไทย จำนวน 118,087 คน  ทั้งนี้ สำหรับนายจ้าง สถานประกอบการที่ไม่สามารถลงทะเบียนร่วมโครงการฯผ่านระบบด้วยตนเอง สามารถนำเอกสารซึ่งประกอบด้วย หนังสือมอบอำนาจติดอากรแสตมป์ 30 บาท สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร (กรณีใช้บัญชีกระแสรายวัน ให้ใช้สมุดหน้าเช็คที่มีชื่อนายจ้างและเลขบัญชี) และสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล หรือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (นายจ้างบุคคลธรรมดา)

โดยลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ ติดต่อที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้ หลังจากสมัครร่วมโครงการแล้วจะต้องสมัครใช้งานระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม และนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคมภายในวันที่ 15 ของเดือน เพื่อมีสิทธิรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในเดือนธันวาคม 2564 และเดือนมกราคม 2565 ในอัตรา 3,000 บาท ต่อลูกจ้างสัญชาติไทย 1 คน โดยมีเงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุนเช่นเดียวกับนายจ้างที่ลงทะเบียนรอบแรก 

‘ก.อุตฯ’ เปิดโรงงานผลิตแบตฯ ใหญ่สุดในอาเซียน เตรียมดันไทยสู่สังคมพลังงานสะอาดยั่งยืน

ไม่นานมานี้ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด จังหวัดฉะเชิงเทรา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานพิธี เปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจร ทันสมัย มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ที่สุด ในภูมิภาคอาเซียน โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.กระทรวงแรงงาน, นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นายกวิน ทังสุพานิช เลขานุการรัฐมนตรีพลังงาน, รองศาสตราจารย์ คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา, นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ฉะเชิงเทรา พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และคณะผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธี

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพลังงานบริสุทธิ์จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงานหมุนเวียน-พลังงานไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้า กล่าวว่า โรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงาน จะเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) และการนำพลังงานหมุนเวียนที่มีเสถียรภาพเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยได้ออกแบบให้โรงงานแห่งนี้ใช้ระบบที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการผลิตได้ง่ายขึ้น เพื่อตอบโจทย์เทคโนโลยีในอนาคต อีกทั้งโรงงานยังเน้นแนวคิดที่ใช้พลังงานในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต มุ่งเน้นการรีไซเคิลในกระบวนการผลิตให้มากที่สุด โดยได้รับความร่วมมือจาก บริษัท อมิตา เทคโนโลยี อิงค์ (ไต้หวัน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนในไต้หวันมากว่า 20 ปี

ทั้งนี้ กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ได้เข้าร่วมทุน ถ่ายทอดประสบการณ์และเทคโนโลยีในการสร้างโรงงานจนเป็นผลสำเร็จ ผ่านบริษัทย่อยภายใต้ ชื่อ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่มากขึ้นในระดับ World Class เพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ชนิด Pouch Cell ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และวัสดุที่มีความปลอดภัยสูงในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ให้สามารถจุพลังงานได้สูง มีน้ำหนักเบา มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่มีส่วนประกอบของสารที่เป็นอันตราย เช่น กรดหรือตะกั่ว และใช้เทคนิคพิเศษในการผลิตเซลล์ เมื่อหมดอายุการใช้งาน นำไปรีไซเคิล ด้วยการคัดแยกแผ่นขั้วบวกและขั้วลบได้ง่าย เพราะเป็นแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้แบตเตอรี่ของอมิตายังออกแบบให้เข้ากันกับเทคโนโลยีแบบ Ultra-Fast Charge ที่รองรับการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที พร้อมรองรับการชาร์จได้สูงถึง 3,000 รอบ ที่จะเป็นจุดเด่นสำหรับรองรับการใช้งานของยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจัยเรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานอย่างคุ้มค่าที่สุด”

'สุริยะ' สั่งทบทวนกฎหมายโรงงาน เพิ่มโทษจำคุก!! ลักลอบทิ้งกาก ปล่อยน้ำเสีย ไม่ผ่านการบำบัด

กรมโรงงานอุตสาหกรรม ขานรับนโยบายรัฐมนตรีอุตฯ ยันเดินหน้าดูแลประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่ ใครแอบลักลอบทิ้ง ถือเป็นอาชญากรทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ต้องได้รับโทษหนัก

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ทบทวนกฎหมายโรงงาน โดยให้เพิ่มโทษจำคุกพวกลักลอบทิ้งกากของเสียและแอบลักลอบปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำลำคลองสาธารณะ ซึ่งเดิมมีเพียงแค่โทษปรับ ทำให้ผู้กระทำความผิดกล้าที่จะเสี่ยงทำโดยไม่ยำเกรงกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อทั้งคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อมทั่วบริเวณที่มีการลักลอบทิ้ง

นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรอ. ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องการลักลอบทิ้งกากของเสียและการปล่อยน้ำเสียโดยไม่ผ่านการบำบัดถือเป็นความผิดที่ร้ายแรง แต่กฎหมายกำหนดโทษปรับสถานเดียวไม่เกิน 200,000 บาท ส่งผลให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย ประกอบกับโทษปรับมีอายุความในการดำเนินคดีเพียง 1 ปี กว่าจะมีการพิสูจน์หรือหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษบางครั้งก็ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากขาดอายุความ กรอ. จึงเร่งปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ.โรงงาน โดยเพิ่มโทษผู้กระทำความผิด จากเดิมมีบทลงโทษเฉพาะโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท จะเพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ปีหน้า หลังจากผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และขั้นตอนทางกฎหมาย

Gigafactory ฐานผลิตแบตฯ ใหญ่สุดในอาเซียน ภายใต้อภิมหาโปรเจกต์ล่าสุดของ EA

“วันนี้ประเทศไทยของเรา กำลังจะมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่าโรงงานแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สหรัฐอเมริกา ถึง 1.4 เท่า ด้วยเงินลงทุนที่ถูกกว่า ก็ทำให้เราสามารถผลิตแบตเตอรี่ได้ในราคาที่ถูกกว่า นั่นหมายความว่าเราก็จะส่งออกแบตเตอรี่นี้ออกไปต่างประเทศได้ ถ้าคนไทยทำได้จริง ๆ ทำไมคนไทยจะเป็นผู้ชนะบ้างไม่ได้”

นี่คือคำกล่าวของ ‘สมโภชน์ อาหุนัย’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้บุกเบิกและพัฒนาการนำ ‘พลังงานสะอาด’ หรือ ‘พลังงานทดแทน’ มาใช้ขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศไทย ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยพัฒนาแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย MINE Mobility ด้วยสโลแกน MISSION NO EMISSION ซึ่งไม่ได้มีแค่รถยนต์ส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ในปี 2564 นี้ แบรนด์ MINE ได้เปิดตัว MINE Smart Ferry เรือโดยสารไฟฟ้า สายแรกแห่งลำน้ำเจ้าพระยา ที่เป็นนวัตกรรมฝีมือคนไทย 100%

...และวันนี้ เขากำลังจะพาประเทศไทยเข้าไปสู่โอกาสใหม่แห่งอนาคต ภายใต้ Gigafactory โรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจร ทันสมัย มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน!!

>> อนาคตประเทศไทย ภายใต้โรงงานผลิตแบตฯ สุดยิ่งใหญ่แห่งอาเซียน

12-12-2021 หรือวันที่ 12 เดือน 12 ที่ผ่านมา ได้กลายเป็นอีกหนึ่งวันที่ประเทศไทยต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เมื่อ EA ประกาศตอบสนอง New S-Curve ของประเทศไทย ด้วยการเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจร ทันสมัย มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้ ‘อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย)’ ซึ่งจะตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบลูเทคซิตี้ (Bluetech City) กิจการของ EA ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา 

สมโภชน์ เล่าให้ฟังถึงเหตุผลของการตั้งโรงงานแห่งนี้ว่า...

โลกเราทุกวันนี้ ร้อนจนกระทั่งไม่รู้ว่ามนุษยชาติจะอยู่บนโลกนี้ได้หรือไม่ แต่บางคนก็ยังพูดว่าตอนนี้ น้ำมันถูก มีความจำเป็นอะไรที่เราต้องไปซื้อพลังงานทดแทนมาใช้ 

ฉะนั้นผมว่า วันนี้ไม่ใช่เรื่องของอะไรถูก อะไรแพง แต่มันจะเป็นเรื่องที่บอกว่า มนุษย์เราจะอยู่ต่อไปบนโลกนี้ได้อย่างไร

ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ถูกลงเรื่อย ๆ ถูกจนกระทั่งสามารถผลิตออกมาได้ถูกกว่าการใช้น้ำมัน การใช้ก๊าซธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งถ่านหินเสียอีก

แต่ปัญหามันมีอยู่ข้อเดียว คือ พลังงานทดแทน เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เวลาไม่มีแดด โซลาร์เซลล์ ก็ไม่ผลิตกระแสไฟฟ้า เวลาไม่มีลม กังหันลม ก็ไม่ผลิตกระแสไฟฟ้าเช่นกัน

แต่มนุษย์เรา ต้องการไฟฟ้าในเวลาที่เราต้องการ เมื่อกลับถึงบ้าน รู้สึกร้อน ใคร ๆ ก็อยากเปิดแอร์ เวลากลางคืน ทุกคนก็อยากมีไฟฟ้าใช้ แบตเตอรี่ก็จะทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้าเวลาที่เราไม่ได้ใช้ และจะจ่ายกระแสไฟฟ้าออกมาเวลาที่เราต้องการ ถ้าเราสามารถทำขั้นตอนนี้ได้ถูกลง นั่นคือ เราไม่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งถ่านหิน

แน่นอนว่า บางคนบอกอาจจะบอกว่า แบตเตอรี่ ราคายังแพงอยู่ ไว้เดี๋ยวเวลาพลังงานชนิดนี้ถูก ค่อยไปผลิตเอามาใช้ก็ได้ รอก่อน แต่ผมมองว่าความคิดแบบนี้ทำให้เราเป็นผู้ตามเรื่อยไป และประเทศไทย ถ้ายังคิดแบบนี้ เราก็ยังต้องเป็นผู้ซื้อตลอดไป

ยิ่งไปกว่านั้น หากเราต้องการจะหลุดพ้นจาก Middle Income Trap เราไม่มีทางเลือกหรอกครับที่จะพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเราเองขึ้นมาให้ได้ เราต้องมีแรงของตัวเอง เพื่อเพิ่ม Value added หรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ เพื่อให้ประชาชน พี่น้องชาวไทย มีรายได้ที่ดีขึ้น ทำให้ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศหายไปได้

รัฐชง​ครม. เยียวยาคนกลางคืน​ รายละ 5 พัน 1.2​ แสนคน​ ลุ้น!! เห็นชอบ พร้อมโอน 29 ธ.ค.นี้ 

"คนกลางคืน-อาชีพอิสระ" เฮ! "ประกันสังคม" เตรียมจ่ายเยียวยา "ม.40" รายละ 5 พัน รอบแรก 1.2 แสนคน ชง “ครม.” เห็นชอบ พร้อมโอน 29 ธ.ค.นี้ ฉลองปีใหม่

เมื่อ​ 16 ธ.ค. 64 ที่อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานประกันสังคม (สำนักงานใหญ่) จ.นนทบุรี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) พร้อมด้วย นางสุดา ชื่นบาน อุปนายกสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย นายฝอยทอง เชิญยิ้ม นายกสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย นางนัฐชา นาโค เลขาชมรมศิลปินและบันเทิง และผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม เข้าร่วมงานแถลงข่าวมาตราการเยียวยาประกันสังคมมาตรา 40 (ม.40) อาชีพอิสระ คนกลางคืน

นายบุญสงค์ กล่าวว่า การประชุมหารือในวันนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจของรัฐบาล โดยกระทรวงแรงงาน ที่เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้อง ผู้ที่ทำงานในกิจการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ และผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง ซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับจากมาตรการของรัฐในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

‘กูรูไทย’ พาทัวร์!! พฤติกรรมนักช็อปในตะวันออกกลาง พบแบรนด์ไทยติดลมบนหลายกลุ่ม

ไม่นานมานี้ จิรวัฒน์ เดชาเสถียร ผู้เชี่ยวชาญการขาย การตลาดพฤติกรรมผู้บริโภคและการจัดการค้าปลีกค้าส่งในตลาดอาเซียน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Jirawat Daechasatien’ ระบุว่า…

เมื่อวานเดินไปเกือบสองหมื่นก้าว

สืบเท้าก้าวย่างเข้าตลาด ดูเรื่อง Consumer Behavior กับสินค้าไทยในตลาดตะวันออกกลาง สรุปพอประมาณไว้อ่านสนุก ๆ ...

1.) Beverage ตลาดชา ได้รับความนิยม Pepsi นำตลาด เห็นทุกแห่งในพื้นที่ ทุกช่อง ตลาดนมมีขนาดใหญ่มาก เมนู Faroodah ของอิหร่าน มีให้เห็นตามข้างทาง นมไทยมีแค่ไวตามิลค์ ส่วนอีกตัว คือ น้ำมะพร้าวของ UFC และ Mokumoku ของ BJC

2.) Battery 3K นี่ต่อเนื่องจากอินเดียมาจริง ๆ

3.) เราเห็นบาจาไปหลายประเทศ แต่ที่นี่ แอโร่ซอฟ เชียร์ยูโร มาเปิดแล้ว…

4.) Dunkin...ก็มาเปิดตามห้างหลายสาขาแล้วนะเออ

5.) ร้านอาหารไทย...น่ามาเจาะมาก ตอนนี้ฟิลิปปินส์บุกหนัก เรียกบ๋อยเจอแต่ฟิลิปินโน...เขารุกหนักโดยมี Jollybee เป็นหัวหอก ต่อด้วยร้านสเต๊ก ร้านอาหารญี่ปุ่น คนงานส่วนใหญ่ จึงมีปินอยด์เนทเวิร์กเยอะ

6.) น้ำหอมเต็มเมือง....ห้อมหอม สงสัยไม่ค่อยอาบน้ำกัน น้ำมันนวด ครีมอาบน้ำ สายนวดอโรมา มากันได้แน่ ๆ ...ถึงขั้นที่คนพื้นที่ต่อคิวงาน expo เพื่อไปรอรับน้ำมันนวดของไทย

ม.หอการค้าฯ เปิด 10 ธุรกิจเด่น - ดาวร่วง ประจำปี 65 

นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย 10 ธุรกิจเด่นปี 2565 ว่า ธุรกิจที่โดดเด่นอันดับ 1 ในปีหน้า คือ ธุรกิจการแพทย์ความงามและอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค รองลงมา คือธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ ตลาดกลางทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างผู้บริโภคกับผู้ให้บริการ ธุรกิจโลจิสติกส์ คลังสินค้า เดลิเวอรี่และธุรกิจfintech จากนั้นจะเป็นธุรกิจประกันภัยประกันชีวิตการผลิตเวชภัณฑ์ การขายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ธุรกิจอาหารเสริม ธุรกิจแปรรูปยางพารา ธุรกิจจัดทำContent ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ โมเดิร์นเทรด ธุรกิจให้ความบันเทิง ธุรกิจยานยนต์ และอสังหาริมทรัพย์แนวราบ

นอกจากนี้ยังมองธุรกิจเด่นอีกอย่าง คือ ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการต่อเนื่อง ซึ่งสามารถกลับมาเป็นธุรกิจเด่นอีกครั้งหลังจากรัฐบาลมีการเปิดประเทศและผ่อนคลายให้มีการเดินทางภายในประเทศมากขึ้น รวมถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในปีหน้า แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจดังกล่าว คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการปิดประเทศหรือการใช้มาตรการต่าง ๆ ที่ยังมีความไม่แน่นอนในอนาคต

กรุงไทยประเมินเศรษฐกิจไทยปีหน้า อาจโตสูงขึ้นที่ 3.8% 

 นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2565 จะกลับเข้าสู่เส้นทางของการฟื้นตัวชัดเจนขึ้น หลังการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรในสัดส่วนที่สูงขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงการปรับพฤติกรรมของคนให้สามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 จะช่วยรักษาโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้ส่งออกไทยโตได้ต่อเนื่อง ด้านอุปสงค์ในประเทศของไทยคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ฟื้นตัวเป็นลำดับนับตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ของปี 2564 โดยมีหลายปัจจัยท้าทายที่ทำให้การกลับเข้าสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ของเศรษฐกิจไทยต้องล่าช้าไปเป็นปี 2566

ทั้งนี้ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2565 เติบโต 3.8% สูงกว่าปี 2564 ที่โตเพียง 1.0% โดยคาดว่าการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” จะไม่กระทบกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและไทยมากนัก ประเมินส่งออกยังโตได้ภายใต้ภาวะต้นทุนแพงและการขาดแคลนวัตถุดิบ ชี้เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นหลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด และเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ มองปี 2565 เป็นจุดเปลี่ยนเข้าสู่กระแสการพัฒนาในโลกยุค New Normal

นับถอยหลัง! โครงการช่วย SMEs ปิดลงทะเบียน รอบ 2 วันที่ 20 ธ.ค. 64

กระทรวงแรงงาน ชวนสถานประกอบการขนาดเล็ก-กลาง ลงทะเบียนร่วมโครงการช่วย  SMEs  รอบ 2 ภายใน 20 ธ.ค. 64 หากไม่สะดวกลงทะเบียนผ่านเว็บ “ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th”  เจ้าหน้าที่ยินดีให้บริการ ณ สำนักงานจัดหางาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน ได้เปิดให้นายจ้าง สถานประกอบการภาคเอกชน ขนาดเล็ก – กลาง ลงทะเบียนร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs รอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 23 พ.ย. – 20 ธ.ค. 64 ขณะนี้ใกล้สิ้นสุดระยะเวลาแล้ว หากสถานประกอบการใดประสงค์รับเงินอุดหนุนตามโครงการฯจากรัฐ ขอให้เร่งลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ “ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th” ภายในกำหนด หรือหากไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ ให้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องติดต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานประกอบการ เพื่อมีสิทธิรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในเดือนธันวาคม 64 และเดือนมกราคม 65 ในอัตรา 3,000 บาท ต่อลูกจ้างสัญชาติไทย 1 คน โดยมีเงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุนเช่นเดียวกับนายจ้างที่ลงทะเบียนรอบแรก

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยสถานประกอบการขนาดเล็ก – กลางที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 (COVID-19)  ท่านกำชับผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ดูแลให้สถานประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อน ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างครอบคลุมและทั่วถึงที่สุด ผมขอฝากถึงนายจ้างที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนร่วมโครงการฯ มาลงทะเบียนรับสิทธิ เพื่อประโยชน์ของท่าน หากท่านติดปัญหาการใช้งานระบบ เจ้าหน้าที่ของเรายินดีช่วยดำเนินการให้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย. – 16 ธ.ค. 64 มีสถานประกอบการลงทะเบียนร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs รอบที่ 2 จำนวน 14,829 แห่ง มีลูกจ้างสัญชาติไทย จำนวน 118,087 คน สำหรับนายจ้าง/สถานประกอบการที่ไม่สามารถลงทะเบียนร่วมโครงการฯ ผ่านระบบด้วยตนเอง สามารถนำเอกสารซึ่งประกอบด้วย หนังสือมอบอำนาจติดอากรแสตมป์ 30 บาท สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร (กรณีใช้บัญชีกระแสรายวัน ให้ใช้สมุดหน้าเช็คที่มีชื่อนายจ้างและเลขบัญชี) และสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล

ผลไม้จีนทะลัก ‘ด่านหนองคาย’ ไม่จริง!! ยัน!! ไม่เคยให้นำเข้าจากจีน แม้แต่ตู้เดียว 

‘เฉลิมชัย’ สั่งการทูตเกษตรเร่งหารือจีน แก้ปัญหาด่านส่งออกผลไม้ติดขัดเพราะมาตรการซีโร่โควิดของจีน ด้าน ‘อลงกรณ์’ ประชุมสมาพันธ์โลจิสติกส์เดินหน้าประสานจีนส่งออกกล้วยไม้และยางพาราใช้เส้นทางรถไฟไทย-ลาว-จีน ส่วนผลไม้รอหลังตรุษจีน ‘ด่านหนองคาย’ ยืนยันไม่มีผลไม้จีนเข้าไทยเพราะยังไม่ให้นำเข้า

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ว่า จากมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เข้มงวดของด่านนำเข้าจีน ส่งผลต่อการส่งออกผลไม้ของไทยเป็นอย่างมาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.กษ. ในฐานะประธานคณะกรรมการและบริหารการจัดการผลไม้ (Fruit Board) ได้สั่งการทูตเกษตร เร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและหารือฝ่ายจีนเพื่อแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกการขนส่งผลไม้ไทย

นายอลงกรณ์ฯ กล่าวว่า ล่าสุดได้รับรายงานจากกงสุล (ฝ่ายเกษตร) ประจำนครกว่างโจว ว่าจากการที่ด่านของจีนมีมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด (Zero Covid) ที่อาจติดมากับการขนส่งสินค้าผ่านห่วงโซ่ความเย็นที่เข้มงวด ส่งผลต่อการบริหารจัดการรถบรรทุกสินค้านำเข้าและส่งออกผ่านด่านโหย่วอี้กวน และด่านตงซิง เขตฯ กว่างซีจ้วง ทำให้ปริมาณรถผ่านเข้าออกลดลงจากเดิมมาก และมีรถติดสะสมหน้าด่านจำนวนมาก ทั้งนี้ จากมาตรการของด่านทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการผ่านด่านมากกว่าช่วงปกติ ส่งผลให้ปริมาณรถเข้า-ออกด่านลดลงจากช่วงปกติกว่า 50% 

นอกจากนี้ฝ่ายเกษตรฯ กว่างโจว ได้ประสานงานด่านรถไฟผิงเสียงในการเร่งกลับมาเปิดบริการ เพื่อช่วยในการกระจายสินค้าผลไม้ไทยจากด่านโหย่อี้กวนและด่านตงซิง ซึ่งปัจจุบันมีปัญหารถติดสะสมจำนวนมาก และได้นัดหมายประชุมหารือกับนายกเทศมนตรีเมืองตงซิงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมืองตงซิงในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหารถติดที่ด่านตงซิง และการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าผ่านด่านตงซิง 

สำหรับด่านโม่ฮาน มณฑลยูนนาน ฝ่ายเกษตรฯ กว่างโจว ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พบว่า ปัจจุบันอยู่ในช่วงทดลองการเดินรถ โดยด่านบ่อเต็น ฝั่งสปป.ลาว อนุญาตให้ทดลองปล่อยรถขนส่งผลไม้ไทยเข้าจีนได้วันละ 5 คัน หากไม่พบปัญหาการตรวจพบเชื้อโควิด-19 ด่านโม่ฮานจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ

'โฆษกรัฐบาล' เผยเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ปี 65 ส่งสัญญาณดี เอกชนขานรับนโยบาย 'บิ๊กตู่' มั่นใจแรงหนุนจากมาตรการรัฐ  ขณะที่ ธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจไทยปี 65 เติบโต 3.9% 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เอกชนเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 2565 เติบโตต่อเนื่อง จากการเดินหน้านโยบายเศรษฐกิจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2565 เติบโตร้อยละ 3.9  เพิ่มสูงขึ้นจากการเติบโตร้อยละ 1 ในปีนี้  สอดคล้องกับผลวิจัยกรุงศรีโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)  รายงานแนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนในปี 2565 จะเติบโตที่ 3.6% จากที่ในปี 64 เติบโตอยู่ที่ 1.1% 

นายธนกร กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจไทยและความเชื่อมั่นภาคเอกชนสูงขึ้นในปีหน้าเป็นผลมาจาก แรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ และการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค ประกอบกับการฟื้นตัวของธุรกิจบริการ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของเศรษฐกิจไทย อีกทั้งการกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นไปได้รวดเร็วและทั่วถึง และจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ในระดับต่ำ

บสย.เปิดผลค้ำเงินกู้ช่วยเอสเอ็มอีเจอพิษโควิดทะลุ 2.4 แสนล.

นางวสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ รักษาการผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผย บสย. ได้ค้ำประกันสินเชื่อ ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าถึงแหล่งทุนต่อเนื่อง โดยคาดว่าผลดำเนินงาน บสย. ณ สิ้นสุดปี 2564 จะปิดยอดค้ำประกันสินเชื่อมากกว่า 240,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่สร้างสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้ง บสย.

ล่าสุดผลการดำเนินงาน บสย. ณ 13 ธ.ค. 2564 มียอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ 234,992 ล้านบาท ช่วยเอสเอ็มอี 207,537 ราย และอนุมัติหนังสือค้ำประกันสินเชื่อ 224,104 ฉบับ โดยมีโครงการที่โดดเด่น 3 โครงการได้แก่ 1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อตาม พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟู วงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 124,912 ล้านบาท 2.โครงการ PGS-9 วงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 78,799 ล้านบาท และ 3. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Micro 4 วงเงิน 19,257 ล้านบาท 

ข้าวหอมมะลิ 105 คว้าแชมป์โลก 2 ปีซ้อน คาดดันส่งออกข้าวปีนี้ทะลุเป้า 6 ล้านตัน

‘จุรินทร์’ เผยข้าวหอมมะลิไทย 105 ชนะการประกวดข้าวดีที่สุดในโลกของปี 2021 คว้าแชมป์โลกมาครอง 2 ปีซ้อน ส่งผลส่งออกข้าวปีนี้ทะลุเป้า 6 ล้านตัน

วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลการประกวดข้าวโลก หรือ “World’s Best Rice Award 2021” ซึ่งเป็นการจัดงานครั้งที่ 13 โดยผู้ค้าข้าวของสหรัฐอเมริกาเป็นผู้จัดตั้งแต่วันที่ 7-9 ธันวาคม 64 ที่เมืองดูไบโดยจัดแบบไฮบริด หรือรูปแบบผสมผสานเป็นครั้งแรก มีผู้ส่งข้าวเข้าประกวด 6 ประเทศ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย เวียดนาม เมียนมาและไทย

รวมจำนวน 11 ตัวอย่าง ผลการตัดสินปรากฏว่าข้าวหอมมะลิจากประเทศไทย คือ ข้าวหอมมะลิ 105 ซึ่งปลูกในภาคอีสาน ที่ส่งเข้าประกวดโดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ได้รับรางวัลชนะเลิศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top