Tuesday, 6 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

“เฉลิมชัย” โชว์ผลงานเปิด ”อีสานเกตเวย์” ทันคิดออฟโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-ลาว-จีน เชื่อมอีสานเชื่อมโลก!! “อลงกรณ์” ตั้งเป้าพลิกโฉมอีสานเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ พร้อมพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร สร้างมูลค่าเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ (2ธ.ค.)ว่าจากการประชุมหารือกับนายสุวิทย์ รัตนจินดา ประธานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และคณะที่กระทรวงเกษตรฯและการประชุมหารือเฉพาะกิจ (Focus Group)ของคณะทำงานฟรุ้มบอร์ดเฉพาะกิจครั้งที่ 5 เพื่อปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการผลไม้ในระดับพื้นที่ (Area Base) ตามนโยบาย ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Broad) ซึ่งเป็นการ Focus Group ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วยผู้แทนคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.)โดยได้มอบนโยบายเป็นแนวทางการประชุมหารือ และการวิเคราะห์ ปัญหา อุปสรรค รับ-ส่ง การรักษาคุณภาพผลไม้ เชิงพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของคณะอนุกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกับการกำหนดยุทธศาสตร์อีสานเกตเวย์ เชื่อมอีสานเชื่อมโลกด้วยเส้นทางขนส่งทางรถไฟจากไทยผ่านลาวไปจีนทุกมณฑล-เอเซียตะวันออก-เอเซียกลาง-ตะวันออกกลางและยุโรปซึ่งเป็นการเปลี่ยน logistics landscape สร้างโอกาสใหม่ให้ประเทศไทยโดยเฉพาะสินค้าเกษตรและผลไม้โดยมีอีสานเป็นประตูการค้าการขนส่งและเป็นฐานการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืนภายใต้โครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารหรือศูนย์แปรรูปผลไม้และสินค้าเกษรรซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กรกอ.) รวมทั้งการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ได้เตรียมความพร้อมในการเปิดบริการใช้ประโยชน์บนเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ซึ่งมีพิธีเปิดเป็นทางการในวันที่3ธ.ค.ที่เวียงจันทร์ นครหลวงของลาวและมีพิธีเปิดสถานีขนส่งท่านาแล้งในวันที่ 4 ธ.ค. ที่จะถึงนี้

สำหรับเส้นทางรถไฟจีน - ลาว มีระยะทางประมาณ 420 กิโลเมตร  31 สถานีเริ่มต้นที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนานของจีนเชื่อมต่อที่เมืองบ่อเต็นของลาวมีปลายทางที่นครหลวงเวียงจันทน์ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดหนองคายโดยมีการทำMOUบันทึกความร่วมมือ3ประเทศระหว่างไทย-ลาว-จีนในปี 2560 เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางและการขนส่งสินค้าข้ามแดนเพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ผ่านการขนส่งทั้งทางราง ทางถนน ทางอากาศและทางเรือเพื่อสร้างโอกาสและการเติบโตของการส่งออกการนำเข้าของประเทศไทยต่อไปในอนาคตโดยมีอีสานเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ (Esan New Economic Corridor)

“การเปิดศักราชใหม่ของระเบียงเศรษฐกิจอีสานเป็นผลมาจากการเดินทางเยือนจีนในเดือนพฤศจิกายนปี 2562 ของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จนนำมาซึ่งการลงนามในพิธีสารเปิดด่านนำเข้าส่งออกระหว่างไทย-จีนเพิ่มเป็น 16 ด่านรวมทั้งด่านรถไฟโมฮ่านด่านรถไฟผิงเสียงด่านรถไฟเหอโขว่พร้อมกับจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาโลจิสติกส์เกษตรโดยมีนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานทำงานร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม หน่วยงานรัฐอื่นๆ ภาคเกษตรกรและภาคเอกชนทำให้การเตรียมความพร้อมในการขนส่งทางรถและทางรถไฟปกติไปยังสถานีขนส่งท่านาแล้งพร้อมเปิดดำเนินการโดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรเช่นข้าว มันสำปะหลัง ยาง และผลไม้เป็นต้นซึ่งจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์และเวลาในการขนส่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรและเปิดโอกาสทางการตลาดต่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย ทางสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายงานล่าสุดว่าขณะนี้ทางลาวได้กำหนดอัตราค่าโดยสารและค่าระวางขนส่งสินค้าแบบเทกองแล้ว ส่วนอัตราการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ยังไม่ได้กำหนด” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด

ก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคมรายงานว่าการเชื่อมทางรถไฟความเร็วสูงในส่วนของไทยยังอยู่ระหว่างดำเนินการเช่นการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 1 ช่วง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา มีระยะทาง 253 กม. กำหนดเปิดให้บริการ ปี 2569 สำหรับระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย มีระยะทาง 356 กิโลเมตร ปัจจุบันได้ออกแบบรายละเอียดโดยมีกำหนดเปิดให้บริการ ปี 2571

ประจวบคีรีขันธ์ - ผวจ.ประจวบฯ เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 เชิงรุก!! สู่เป้าหมาย 100 ล้านโดส

นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในพิธีเปิดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 เชิงรุก ที่โรงยิมเนเซี่ยม 2 สนามกีฬากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมี นายแพทย์วรา เศลวัตนะกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ นายแพทย์ศุภฤทธิ์ เฮงคราวิทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ นายสินาทร โอ่เอี่ยม ปลัดจังหวัดฯ นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมพิธี มีบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ มาให้บริการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนก้า เข็ม 1 สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนทางระบบหมอประจวบพร้อม Version2 ลำดับคิวที่ 1,201-1,700 และผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 การให้บริการวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า เข็ม 2 สำหรับผู้ที่ไม่ได้มาตามนัดเดิม (มีใบนัด) จำนวน 100 ราย และการให้บริการวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า เข็ม 3 สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม (ที่มีรายชื่อตามประกาศของ สสจ.ประจวบคีรีขันธ์) จำนวน 100 ราย

นายแพทย์ศุภฤทธิ์ เฮงคราวิทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลรณรงค์สัปดาห์แห่งการฉีดวัคซีนสู่เป้าหมาย 100 ล้านโดส ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคม 2564 โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ จึงได้เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 เชิงรุก นอกสถานที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนมารับการฉีดวัคซีนให้ถึงตามเป้าหมายภาพรวมทั้งประเทศ ส่วนประชาชนที่ยังเป็นกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของวัคซีนหรือยังรอชนิดวัคซีนที่ต้องการ จะมีการรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อจะได้มาเข้ารับการฉีดวัคซีนในครั้งต่อไป

นราธิวาส - จัดกิจกรรม สืบสานวิถีพหุวัฒนธรรม! “ลงแขกดำนา” สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ณ แปลงนาบ้านโคกยาง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส

แปลงนาบ้านโคกยาง หมู่ที่ 5 ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส /ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เดินทางมาเป็นประธาน เปิด กิจกรรม สืบสาน วิถีพหุวัฒนธรรม “ลงแขกดำนา” สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมี นายอำเภอตากใบ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรตากใบ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจตำรวจนราธิวาส 93 ประธานองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติ และเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ ผู้นำท้องที่ และประชาชนชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิม ในพื้นที่ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้ เกิดขึ้นโดยหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ร่วมกับองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติ และเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดนราธิวาส ได้จัดกิจกรรมสืบสานวิถีพหุวัฒนธรรม “ลงแขกดำนา” เพื่อการฟื้นฟู รักษาประเพณี อันสวยงามในการร่วมมือ ร่วมใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ของสังคมพหุวัฒนธรรม ของพี่น้องประชาชนไทยพุทธ พี่น้องประชาชนไทยมุสลิม

ซึ่งมีมาตั้งแต่อดีต ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม ไม่ใช่มีแค่เรื่องดำนายังมีเรื่องกินเหนียวงานแต่ง งานฮารีรายอ ที่คนสมัยก่อนได้ทิ้งไว้เป็นมรดก มันเป็นนัยยะสำคัญของภูมิปัญญาของคนสมัยก่อน ในกระบวนการสร้างความรัก สร้างความเข้าใจต่อกัน  การสร้างสภาวะแวดล้อม ให้เกื้อกูลต่อการหนุนเสริมความไว้วางใจ ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย  ที่จะนำไปสู่เพื่อความสันติสุข นำสู่แนวคิดความเป็น“พลเมืองในบริบทของสังคมพหุวัฒนธรรม” กระตุ้นให้เกิดกลไก การจัดการชุมชนตามธรรมชาติ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ศักยภาพผู้นำและประชาชน ให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ ทรัพยากร ภูมิปัญญาและวิถีชุมชนที่ยั่งยืน เนื่องด้วยอำเภอตากใบ  เป็นแหล่งปลูกข้าวของจังหวัดนราธิวาส ซึ่งข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ มีการปลูกสืบทอดกันจนเป็นวิถีชีวิต แต่ด้วยสภาพความเปลี่ยนไป ของบริบททั้งด้านสังคมและพื้นที่ ทำให้พื้นที่ทำนาลดลง แต่ข้าวเป็นพืชที่มีความสำคัญ ในการสร้างความมั่นคงในครัวเรือนและชุมชน กระผมต้องขอชื่นชมท่านทั้งหลาย ที่รวมกลุ่มกันปลูกข้าว ร่วมกันพัฒนาการผลิตและการตลาด  

โดยกิจกรรมการลงแขกดำนาในวันนี้ นอกจากจะเป็นการลดต้นทุนแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมความรัก ความสามัคคี  เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความร่วมมือของคนในชุมชน พี่น้องประชาชนไทยพุทธ พี่น้องประชาชนไทยมุสลิมที่อาศัยอยู่ร่วมกันในสังคม ซึ่งมีความหลากหลาย ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม ให้สอดคล้องกับนโยบาย ของกองอำนวยการ รักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ต้องการให้พี่น้องประชาชน มีส่วนร่วมในกระบวนการเสริมสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน และพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ของประชาชนให้ดีขึ้น เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน นำมาสู่การอยู่ร่วมกัน อย่างสันติสุขที่แท้จริงในสังคม

 

‘พรรคประชากรไทย’ ชูธง!! แก้ไขปัญหาปากท้องชาวบ้าน วาระเร่งด่วนอัดฉีดเงินเดือน 6,000 บาท แก่ผู้ป่วยติดเตียง - คนพิการ ลั่น! พร้อมเต็มที่จะเป็นฝ่ายบริหาร ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความสุขของประชากรไทยทั่วประเทศ

ที่วัดกลางเชียงยืน ต.เชียงยืน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม พรรคประชากรไทย จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 โดยมี ดร.คณิศร สมมะลวน หัวหน้าพรรคประชากรไทย พร้อมด้วยกรรมการกองทุนเพื่อพัฒนาการเมือง สมาชิกพรรค และประชาชน ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำ จ.มหาสารคาม ร่วมสังเกตการณ์ และทุกคนที่เข้าร่วมประชุม ปฏิบัติตนภายใต้มาตรการป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ดร.คณิศร สมมะลวน หัวหน้าพรรคประชากรไทย กล่าวว่าการประชุมพรรคประชากรไทยครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่เพิ่งจะมีโอกาสจัดขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ยังเป็นการประชุมเพื่อให้ความรู้ทางการเมืองแก่สมาชิกพรรคประชากรไทย และประชาชนทั่วไป เพื่อส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยอีกด้วย โดยเฉพาะยังเป็นการประชุมครั้งสำคัญ เพื่อทำการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แทนชุดเดิมที่หมดวาระ

หลังจากให้ความรู้ทางการเมืองแก่สมาชิกพรรคประชากรไทยและประชาชนแล้ว ในที่ประชุมได้มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยผลการเลือกตั้ง ดร.คณิศร สมมะลวน อดีตหัวหน้าพรรคคนล่าสุดและรักษาการหัวหน้าพรรคมาก่อนหน้าที่จะมีการประชุม ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกสมัย โดยรองหัวหน้าพรรค 6 คน ประกอบด้วย ดร.พิทักษ์ สันติวงค์สกุล, นายอภิพัฒน์, พิทยานรเศรษฐี, นายกิจการ ศรีพระพร, นายสมัย  เปลี่ยนเดชา, นายทองพูล สุขเมือง และ ดร.ธนารัชต์  สมคเณ, เลขาธิการพรรค ดร.เรืองชัย กลางขุนทด, รองเลขาธิการ 2 คน ดร.ปถมัง อมาตยกุล และนางสาวไอยวรินทร์  ไชยจิรยาญาณ, เหรัญญิก นางนันทวัน  เขียวงามดี, นายทะเบียน นางปรีชา สง่าศิลป์, โฆษกพรรค ร.ศ.ดร.ภคพล จักรพันธ์ อนุฤทธิ์, กรรมการพรรค 2 คน  นายจรัล  อำภัย และ นาย ณ.เณร จันทร์เปล่ง

ดร.คณิศร กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคประชากรไทย ตระหนักในความเดือดร้อน ความเป็นอยู่ และสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะสภาวะทางเศรษฐกิจตกต่ำ จากผลกระทบของสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้น ทางพรรคประชากรไทย จึงได้กำหนดนโยบายที่ชัดเจน ในการที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาทุกด้าน ซึ่งหากได้เข้ามาบริหารประเทศ นโยบายสำคัญที่พรรคประชากรไทยจะดำเนินการคือเพิ่มเบี้ยสวัสดิการผู้สูงอายุ เดือนละ 3,000 บาท ผู้ป่วยติดเตียงและผู้พิการ เดือนละ 6,000 บาท ขณะที่ด้านการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา และอื่นๆ มีนโยบายจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพทางการเกษตร หรือด้านสิ่งแวดล้อม มีนโยบายพลังงานสะอาด ด้านสังคม แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง รวมทั้งนโยบายแก้ปัญหาการว่างงาน เป็นต้น ซึ่งวันนี้ พรรคประชากรไทยมีความพร้อมที่จะนำนโยบายที่ดี มีประโยชน์ต่อประชาชนทุกด้าน จึงพร้อมที่จะแก้ไขปัญหา และพร้อมที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อความสุขของประชากรไทยทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม พรรคประชากรไทย (ปชท.) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2522 โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรค โดยผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2522  พรรคประชากรไทยได้รับเลือกตั้ง 29 ที่นั่ง จากจำนวน 32  ที่นั่งในกรุงเทพมหานคร และอีก 3 ที่นั่งในต่างจังหวัด

 

ตำรวจยังเข้ม!! ‘ผบ.ตร.’ สั่งทุกพื้นที่กวดขันมาตรการโควิด ตรึงชายแดน - สกัดต่างด้าว! ส่วนสถานบันเทิง รอก่อน

30 พ.ย. 64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้เผยแพร่แนวทางการดำเนินการตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ล่าสุด คือ ยกเลิกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม), ยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศ, ผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศเพิ่มเติมเพื่อให้การเดินทางเข้ามาในประเทศสะดวกมากยิ่งขึ้น คือ ผู้เดินทางที่มีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง เมื่อเดินทางถึงไทยให้ตรวจด้วยชุดตรวจ ATK เท่านั้น และเปิดพื้นที่กักตัวแรงงานข้ามชาติใน 5 จังหวัด คือ ตาก ระนอง หนองคาย มุกดาหาร และสระแก้ว 

เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าประเทศและเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการควบคุมโรค นอกจากนี้ยังให้ สถานบันเทิง ผับ บาร์ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) เตรียมความพร้อมการเปิดดำเนินการ โดยให้ปรับปรุงสภาพแวดล้อม ระบบระบายอากาศ และเร่งรัดให้บุคลากรได้รับวัคซีน 100% และให้ซักซ้อมความเข้าใจมาตรฐานเพื่อให้ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ทำการประเมินและออกใบอนุญาตต่อไป นั้น  

ล่าสุด กรุงเทพมหานครได้ออกประกาศ เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 47) เพื่อให้การดำเนินการมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในพื้นที่แบบบูรณาการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเป็นการผ่อนคลายให้บางสถานที่สามารถดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ภายใต้เงื่อนไขเวลา การจัดระเบียบ และมาตรการการป้องกันที่ทางราชการกำหนด เพื่อการดำเนินการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ ดังนั้น คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จึงมีมติเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ให้ผ่อนคลายมาตรการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสรุปได้ดังนี้

 

>>ให้ปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์  คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน และ สถานประกอบกิจการอาบอบนวด ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ที่ผ่านการตรวจประเมินตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Amazing Thailand Safety & Health Administration) ในระดับSHA ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สามารถให้บริการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ถึง 23.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

>> สถานที่อื่นนอกจากที่ได้เคยมีคำสั่งให้ปิดสถานที่และได้รับการผ่อนคลายจากประกาศนี้ให้เปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบ ระเบียบ และ มาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด เช่น มาตรการ DMHTTA มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร รวมทั้งมาตรการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะโดยเคร่งครัด และ ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 51 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือมาตรา 52 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วแต่กรณี และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีการกำชับอย่างต่อเนื่อง ไปยังหน่วยงานตำรวจทั่วประเทศ โดยเสริมจากแนวทางการดำเนินการตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ของ ศบค. ให้กวดขันสถานประกอบการในพื้นที่สถานที่ที่จะเป็นคลัสเตอร์ของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  รวมถึงสถานบริการ บ่อนการพนัน ที่อาจลักลอบดำเนินการอย่างผิดกฎหมาย หากพบพื้นที่ใด มีการปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิด ผู้บังคับการที่ควบคุมพื้นที่นั้นๆ จะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย  หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดให้มีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 62/2564 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 

โดยมี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ได้มีสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการกวดขันสถานบริการที่ฝ่าฝืนข้อกำหนด ทั้งสถานบริการ บ่อนการพนัน และสถานที่ที่จะเป็นคลัสเตอร์ของการแพร่ระบาดของโควิด-19, เพิ่มความเข้มงวดมาตรการป้องกันและสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมือง การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด อาวุธสงคราม และสินค้าผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดน และให้กำกับดูแลการจัดกิจกรรม ที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก

ตำรวจ CIBER (CCIB) บุกทลายเพจขายของปลอม Hold’em Denim กลางห้างดังย่านประตูน้ำมูลค่าความเสียหายนับ 10 ล้านบาท!!

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ตำรวจไซเบอร์ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายว่ามีการลักลอบเปิดเพจเฟสบุ๊คขายสินค้าที่ปลอมและเลียน เครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วแบรนด์ Hold’em Denim ซึ่งสร้างความเสียหายมูลค่านับสิบล้านบาท ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่าเพจดังกล่าวตั้งอยู่ที่กลางห้างดังย่านประตูน้ำ

พล.ต.ท.กรชัย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.รณชัย จินดามุก ผบก.บก.สอท.1 ,พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรื่อง ผบก.บก.สอท.2 , พ.ต.อ.ณัฐภณจินตะนานุช ผกก.3 บก.สอท.2 นำกำลังเข้าไปทำการสืบสวนจับกุม เมื่อจะให้ตำรวจไปถึงได้พบผู้ต้องหาจำนวน 2 รายกำลังเปิดขายสินค้าผ่านเพจ Facebook ขายสินค้าของปลอมและเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นอยู่บริเวณดังกล่าวเจ้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงหมายค้นจากศาลให้ทางผู้ต้องหาดู 

จากนั้นผู้ต้องหาได้นำเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นภายในร้านพบเสื้อและกางเกง ที่ปลอมและเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น เกือบ 1,000 ตัว ซึ่งสร้างความเสียหายมูลค่านับ 10 ล้านบาท ตำรวจจึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางและจับกุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหารับว่าได้จำหน่ายสินค้าที่ปลอมและเรียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวจริงเนื่องจากเป็นแบรนด์ดังและสร้างกำไรดี 

ตำรวจ! จับมือมูลนิธิเมาไม่ขับ สวพ.91 และ จส.100 เปิดตัวโครงการ "อาสาตาจราจร" มอบรางวัลแก่ผู้บันทึกภาพการทำผิดกฎจราจร

วันนี้ (30 พ.ย. 64) เวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) ,พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย คุณคณาวัฒน์ วงศ์แก้ว ผู้แทนคณะทำงานเสริมสร้างจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนจากคลิปวีดิโอ (VDO) ของวุฒิสภา , คุณหมอแท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ผู้แทนสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ สถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงผลการระดมบังคับใช้กฎหมายจราจรเข้มข้น และเปิดโครงการ “อาสาตาจราจร” โดยมอบรางวัลและเกียรติบัตรให้กับผู้ส่งภาพหลักฐานที่ได้รับคัดเลือก

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี อยากเห็นการจัดระเบียบการจราจรที่ดีขึ้น เพื่อสร้างความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ (จยย.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ตน ในฐานะ ผอ.ศจร.ตร. กำหนดมาตรการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่ฯ ที่ฝ่าฝืนกฎหมายและเป็นอันตรายต่อผู้อื่น โดยเน้น กวดขัน จับกุม ผู้กระทำผิดใน 4 ข้อหาสำคัญ ได้แก่  1) ขับรถย้อนศร  2) ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร  3) ขับรถจักรยานยนต์บนทางเท้า และ 4) ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว และหากพฤติการณ์การกระทำผิดตามข้อหาดังกล่าว มีลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน หรือประชาชนทั่วไป จะมีการดำเนินคดีเพิ่มในข้อหา “ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น”  ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับ 2,000 – 10,000 บาท  และต้องยื่นฟ้องผู้กระทำผิดต่อศาล พร้อมทั้งมีคำร้องขอให้ศาลริบรถของกลาง 

ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดระเบียบการจราจร เพื่อสร้างความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  หรือ ศจร.ตร. กำหนดมาตรการการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ฝ่าฝืนกฎหมายและมีลักษณะก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้รถใช้ถนน 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ กล่าวอีกว่า ศจร.ตร. ได้เริ่มมาตรการดังกล่าว ตั้งแต่ 15 พ.ย.64  เป็นต้นมา โดยกำหนดให้มีการระดมการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นครั้งแรกในวันที่ 15-24  พฤศจิกายน 2564 รวม 10 วัน  สามารถจับกุมผู้กระทำผิด ดังนี้

1) ขับรถย้อนศร  20,671 ราย  แบ่งเป็น รถ จยย.ทั่วไป 17,469 ราย  รถ จยย.เดลิเวอรี 2,283 ราย  และรถ จยย.สาธารณะ 919 ราย

2) ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร  8,748 ราย แบ่งเป็น รถ จยย.ทั่วไป 6,914 ราย  รถ จยย.เดลิเวอรี  1,494 ราย  และรถ จยย.สาธารณะ 340 ราย

3) ขับรถรถจักรยานยนต์บนทางเท้า 2,870 ราย แบ่งเป็นรถ จยย.ทั่วไป  1,892 ราย  รถ จยย.เดลิเวอรี  669 ราย  และรถ จยย.สาธารณะ 309 ราย

 4) ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว 600  ราย แบ่งเป็นรถ จยย.ทั่วไป 590 ราย รถ จยย.เดลิเวอรี 9 ราย  และรถ จยย.สาธารณะ 1 ราย

รวมผลการดำเนินการทั้ง 4 ข้อหา จับกุมรวมทั้งสิ้น 32,889 ราย แบ่งเป็น รถ จยย.ทั่วไป 26,865 ราย  รถ จยย.เดลิเวอรี  4,455  ราย และรถ จยย.สาธารณะ 1,596 ราย

นอกจากนี้ยังมีการดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยอีก 54 ราย  ซึ่งศาลพิพากษา ลงโทษปรับจำนวน 41 คดี ส่วนโทษจำคุกให้รอการลงโทษ และสั่งริบรถ จยย.ตกเป็นของแผ่นดินอีกหลายกรณี ตัวอย่างเช่น กรณี การจัดทริป “น้ำไม่อาบ”  ของ ภ.จว.เพชรบูณ์  ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 1 เดือน และปรับ 2,000 บาท  โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี และริบรถ จยย.คันที่ใช้ก่อเหตุด้วย

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ศจร.ตร. ได้ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ, สวพ.91 และ จส.100 ในการทำโครงการ “อาสาตาจราจร” โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนร่วมกันทำหน้าที่พลเมืองดีในการตรวจตราการกระทำผิดฎหมายจราจร โดยเปิดช่องทางให้ประชาชนส่งคลิป กล้องหน้ารถหรือคลิปจากมือถือ ที่บันทึกเหตุการณ์การทำผิดกฎจราจร ที่สำคัญ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนโดยส่วนรวม  ส่งคลิปมายัง 4 ช่องทาง ได้แก่ ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร., สวพ.91 ,จส.100  และ เพจมูลนิธิเมา ไม่ขับ โดย ศจร.ตร. จะรวบรวมข้อมูลส่งต่อไปยังสถานีตำรวจพื้นที่ เกิดเหตุเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป  โดยตั้งแต่เริ่มโครงการ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2564 เป็นต้นมา

จนถึงปัจจุบัน มีประชาชนส่งคลิป การกระทำผิดกฎจราจรมายัง ตร. รวมทั้งสิ้น 36  คลิป  คลิปที่สำคัญ เช่น  คลิปรถจักรยานยนต์ ขับรถย้อนศร บนทางด่วนบูรพาวิถี ซึ่งจากคลิปดังกล่าว ตร. ได้สืบสวนไปยังผู้ครอบครองรถ จนสามารถติดตามผู้ขับขี่ ในวันเกิดเหตุมาดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย โดยดำเนินคดี 6 ข้อหา โดยปรับจำนวน 5 ข้อหา ได้ดำเนินคดีกับผู้ขับขี่รายดังกล่าวจำนวน 6 ข้อหา ได้แก่ (1) ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ( ปรับ 500 บาท)  (2) ไม่ชำระภาษีประจำปี ( ปรับ 500 บาท )  (3)  ไม่จัดทำ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ปรับ 1000 บาท ) (4) ไม่สวมหมวกนิรภัย (ปรับ 500 บาท ) (5) ฝ่าฝืนป้ายเครื่องหมายจราจร (ปรับ 1000บาท ) และ (6) ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย (อยู่ระหว่างฟ้องคดีต่อศาล) หรือคลิปรถกระบะบรรทุกสิ่งของเต็มคันรถ จนเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อผู้ใช้ทาง บนทางหลวงหมายเลข 3701 พื้นที่ สภ.หนองขาม ได้ติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย  โดยดำเนินคดี 2 ข้อหา (1) ไม่จัดให้มีสิ่งป้องกันการตกหล่น (ปรับ 400 บาท) และ (2) บรรทุกสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด (ปรับ 500 บาท) 

 

 

เชียงใหม่ - กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 จัดงาน Northern Long Stay Fair 2021 กระตุ้นการท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาว

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ นำโดยนางกัญญ์ชลา สุขิตรกูล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำปาง ลำพูนและ แม่ฮ่องสอน จัดกิจกรรม Northern Long Stay Fair 2021 กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบระยะยาว Long Stay ภายใต้โครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพล้านนา กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 โดยมีนายชัชวาลย์ ฉายะบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  เป็นประธานกล่าวเปิดงาน  ที่ ศูนย์การค้าเมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ จังหวัดเชียงใหม่

นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวทั้งทางด้านวัฒนธรรม, แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ การคมนาคม การศึกษา รวมถึงอัธยาศัยของคนในพื้นที่ ถือว่าเป็นจุดแข็งของกลุ่มจังหวัดฯและมีนักท่องเที่ยว ธุรกิจการท่องเที่ยวภายในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ถือได้ว่ามีความสำคัญและมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถขับเคลื่อนไปสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคได้ โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งการให้บริการการท่องเที่ยวแบบพักระยะยาว Long Stay นี้ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยววิธีการหนึ่ง ที่สามารถส่งเสริมให้แหล่งท่องเที่ยวและการบริการท่องเที่ยวมีความน่าสนใจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ครอบคลุมตลอดปีเมื่อการท่องเที่ยวสามารถให้บริการได้ การจ้างงาน ก็เกิดขึ้น สินค้าทางการเกษตร ของฝาก ของที่ระลึกกิจกรรมต่างๆก็จะตามมา สามารถสร้างงาน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประชาชนผู้ประกอบการท่องเที่ยวในทุกภาคส่วนการดำเนินโครงการ Long stay อย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการในพื้นที่ให้สามารถเข้าใจตลาดการท่องเที่ยวแบบ Long stay มากยิ่งขึ้น

ด้านนางกัญญ์ชลา สุขิตรกูล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวทั้งทางด้านวัฒนธรรม, แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ การคมนาคม การศึกษา รวมถึงอัธยาศัยของคนในพื้นที่ ถือว่าเป็นจุดแข็งของกลุ่มจังหวัดฯและมีนักท่องเที่ยวแบบ Long Stay โดยเฉพาะชาวต่างประเทศที่เกษียณอายุมากกว่า 50,000 คน นอกจากนั้นยังมีกลุ่มผู้สูงอายุจากประเทศสหรัฐอเมริกา รองลงมาคือ อังกฤษ ออสเตรเลียเยอรมัน แคนนาดา และเนเธอร์แลนด์ สนใจมาพำนักในจังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียง โดยรายได้ของชาวต่างประเทศต่อเดือนที่มาพำนักในจังหวัดเชียงใหม่จะอยู่ในช่วง 75,000- 100,000 บาทต่อคนต่อเดือน

 

“อลงกรณ์” เสนอยกระดับสถาบันอาหารเป็นองค์การอาหารแห่งชาติ (National Food Organization) ชี้ปี 2565 คือปีแห่งโอกาสของอุตสาหกรรมอาหาร หลังตัวเลขส่งออกสินค้าเกษตรโตต่อเนื่อง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมเสวนาภายใน งาน NFI Talk ครั้งที่ 1 “เดินหน้าอุตสาหกรรมอาหารประเทศไทย ปี 2565” ในวาระครบรอบ25ปีของสถาบันอาหาร (National Food Institute)โดยมี ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน  นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติและทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมในงานเสวนาผ่านระบบ ZOOM โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนสถานการณ์ที่มีต่อประเด็นท้าทายใหม่ๆ ในการเดินหน้าอุตสาหกรรมอาหารประเทศไทยปี 2565 และในอนาคต และจุดประกายแนวคิดในดำเนินธุรกิจและปรับกลยุทธ์องค์กรพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจในโลกยุค Next normal

โดยการเสวนามีประเด็นในหัวข้อการดำเนินงานเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา และบทบาทของภาครัฐต่อทิศทางและเป้าหมายในการขับเคลื่อนภาคเกษตรและอาหารของประเทศไทยในปี 2565 และระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานของภาคธุรกิจ กลยุทธ์การแข่งขันและการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมอาหารในโลกยุคหลังโควิด-19 และสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจและแนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารปี 2565 เทรนด์ธุรกิจโลกหลังยุคโควิด-19 และโอกาสผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารไทย ผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมจากการดำเนินงานของภาครัฐเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา และทิศทางและเป้าหมายในการขับเคลื่อนภาคเกษตรและเกษตรแปรรูปของประเทศไทยปี 2565

นายอลงกรณ์ กล่าวว่าแม้จะเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคจากมาตรการปัองกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของประเทศคู่ค้าแต่ด้วยการขับเคลื่อนปฏิรูปภาคการเกษตรด้วยนโยบายเกษตรผลิตพาณิชย์ตลาดตามยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์บนความร่วมมือกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สถาบันเกษตรกรและภาควิชาการเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการเกษตรไทยทำให้การส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรอุตสาหกรรมขยายตัวแบบต่อเนื่องและส่งแรงดันต่อไปถึงปีหน้าสะท้อนผลสำเร็จจากตัวเลขการส่งออกสินค้าเกษตร 10 เดือน (ม.ค.-ตุลาคม) มีมูลค่าถึง 677,955 ล้านบาท เติบโต24.5 %และเป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือนเฉพาะเดือนตุลาคมส่งออก66,048 ล้านบาทขยายตัว 22 %

ในขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 10 เดือนมีมูลค่า494,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้น3.8 %และขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือนติดต่อกันโดยเฉพาะเดือนตุลาคมส่งออก56,543 ล้านบาทขยายตัว13 % อันเป็นผลมาจากการบริหารจัดการในมิติใหม่ได้แก่

การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินและการบริการประชาชนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การพัฒนาภาคเกษตรกรรมโดยการใช้เทคโนโลยีตลอดห่วงโซ่อุปทานและมูลค่า(Supply-Value Chain)ตั้งแต่การผลิตจนถึงการตลาด การบริหารเชิงรุกแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วนและการส่งเสริมการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร รวมถึงการส่งเสริมการค้าแบบออนไลน์และออฟไลน์ การพัฒนาตลาดกลางสินค้าเกษตร การขับเคลื่อนระบบPre order ระบบประกันสินค้า ระบบตรวจสอบย้อนกลับ(Traceability)และการสร้างแบรนด์สินค้าเกษตร(Branding)ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพและและมาตรฐานสินค้าเกษตร

และการสนับสนุนส่งเสริมสินค้าใหม่ๆและตลาดใหม่ๆที่มีศักยภาพเช่น อาหารแห่งอนาคต(Future food) อาหารฮาลาล(Halal food)และโปรตีนทางเลือกใหม่จากพืชและแมลง ประการสำคัญคือการพัฒนาโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่องจนสามารถเปิดด่านการส่งออกผลไม้ระหว่างไทยกับจีนที่ผ่านประเทศที่ 3 ได้สำเร็จเพิ่มเป็น 16 ด่าน และการเตรียมความพร้อมในการใช้เส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทยขนส่งสินค้าไปทุกมณฑลของจีนและเชื่อมโยงไปเอเซียกลาง เอเซียใต้ ตะวันออกกลางและ ยุโรป

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top