Tuesday, 6 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

กรุงเทพฯ - โรงเรียนนายเรือ พัฒนาทำความสะอาด และมอบอุปกรณ์ ATK 400 ชุด ให้โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพฯ

โรงเรียนนายเรือ จัดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ในการพัฒนา และทำความสะอาด พร้อมมอบอุปกรณ์ Antigen Test Kit หรือชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน 400 ชุดให้แก่ โรงเรียนวัดบวรนิเวศ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ  พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2564  

พลเรือตรี สมรภูมิ จันโท รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือนำกำลังพลจิตอาสาโรงเรียนนายเรือ ร่วมกับครู อาจารย์ และนักเรียนโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ

“เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ในการพัฒนา และทำความสะอาดโรงเรียนวัดบวรนิเวศ พร้อมมอบอุปกรณ์ Antigen Test Kit หรือชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน  ให้แก่โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ณ โรงเรียนวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ

 

ประจวบคีรีขันธ์ - มอบตรา SHA SHA+ ให้รถโดยสารสาธารณะหัวหิน สร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว

วันที่ 8 ธ.ค. นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นายเจนวิท ผลิศักดิ์ ผช.สาธารณสุข อ.หัวหิน นายอิศรา สถาปนเศรษฐ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบฯ นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน-ชะอำ ตำรวจท่องเที่ยวหัวหิน-ชะอำ ขนส่งจังหวัดประจวบฯ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ร่วมมอบตราสัญลักษณ์มาตรฐาน SHA และ SHA + ประจวบคีรีขันธ์ และมาตรฐาน HDC เทศบาลเมืองหัวหินให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะในเขต อ.หัวหิน จำนวน 87 คัน ที่บริเวณสวนสาธารณะโผน กิ่งเพชร เขตเทศบาลเมืองหัวหิน

นายนพพร กล่าวว่า ในส่วนของ จ.ประจวบฯได้กำหนดแนวทางมาตรการที่เข้มข้นในการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้จัดทำมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการติดเชื้อโควิด โดยนำแนวทางมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) ของ ททท. มาเพิ่มเติมข้อปฏิบัติให้มีมาตรฐานเพิ่มมากขึ้น เน้นให้ทุกสถานประกอบการนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง โดยนำมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุข ผนวกกับมาตรฐาน ALQ ของสถานกักกันแห่งรัฐ มาตรฐานสถานประกอบการแต่ละประเภท มาตรการ Thai Stop Covid Plus ของกรมอนามัย การใช้น้ำฆ่าเชื้อโรค ขั้นตอนทำความสะอาด เพื่อให้มาตรฐาน SHA+ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมโรคทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจในความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากสินค้าและบริการ อีกทั้งเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่ระบาคของโควิด-19 และยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการในเขต จ.ประจวบฯ-เพชรบุรี

นายอิศรา กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวในจังหวัดตอนนี้เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เยอะมาก โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว ศุกร์ - อาทิตย์ มีอัตราการเข้าพักประมาณ 80-90% บางแห่งก็เต็ม โดยเฉพาะในอำเภอหัวหินมีที่ห้องพักกว่าหมื่นห้อง เพราะฉะนั้นจะสามารถรองรับนักนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้ ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาในพื้นที่ขณะนี้ประมาณ 100 คน เพราะฉะนั้นถือว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ส่วนหน่วยงานในพื้นที่อย่างเทศบาลเมืองหัวหิน ,สาธารณสุขอำเภอหัวหิน และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมมือกันรณรงค์ดูแลเรื่องมาตรการและสุขอนามัย เรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะ SHA และ SHA+ มีการมอบสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์ให้กับผู้ประกอบการรถสาธารณะก็ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี เพราะว่าพวกเขาสัมผัสกับนักท่องเที่ยวโดยตรง การที่ผู้ที่ขับรถสาธารณะมีความรู้ มีการอบรมเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย ก็ช่วยในเรื่องของการป้องกันและควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี

ด้านนายกิติพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้ในส่วนผู้ประกอบการรถสาธารณะในเขตอำเภอหัวหินที่ได้ผ่านมาตรฐาน SHA  SHA+ ประมาณ 87 คัน ซึ่งตอนนี้ก็ทยอยๆทำเพิ่มกันอยู่ ซึ่งจะเป็นในชุดที่ 4 และชุดที่ 5 อยากเชิญชวนผู้ประกอบการรถโดยสารที่ยังไม่ได้ทำมาตรฐาน SHA ให้มาทำมาตรฐาน SHA เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับตัวท่านและผู้โดยสาร เพื่อเป็นมาตรฐานในการให้บริการรถในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ครับ

 

กาฬสินธุ์ - เตือนลมหนาวพัดแรง ไฟไหม้ทุ่งนา ค่าฝุ่นละออง 2.5 เพิ่ม!!

สภาพอากาศที่จังหวัดกาฬสินธุ์หนาวจัด ลมหนาวทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดเหตุไฟไหม้ โดยเฉพาะบริเวณทุ่งนาบ่อยครั้ง ขณะที่นายอำเภอยางตลาด เตือนประชาชน เฝ้าระวังการเกิดอัคคีภัย และไฟไหม้ทุ่งนา ทำค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 สูงขึ้น เป็นสาเหตุเกิดมลภาวะเป็นพิษ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แนะชาวบ้านเร่งเก็บรักษาฟางหลังเก็บเกี่ยวข้าว เพื่อป้องกันเหตุและสำรองเป็นอาหารสัตว์ในฤดูแล้ง

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามสภาพอากาศในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ 18 อำเภอ พบว่าอุณหภูมิยังคงต่ำ มีลมหนาวกระโชกแรงตลอดวัน ส่งผลกระทบต่อสุขของประชาชน ในกลุ่มเด็ก คนชราและผู้ที่มีโรคประจำตัว ขณะเดียวกันยังพบว่า เกิดเหตุไฟไหม้ทุ่งนาบ่อยครั้ง ทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และสุขภาพอนามัยประชาชน รวมทั้งหมอกควันที่เกิดจากการเผาไหม้ ยังบดบังทัศนวิสัยในการใช้รถใช้ถนน เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

ด้านนายสันติ จัตุพันธ์ นายอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ฤดูหนาวที่สภาพอากาศแห้งแล้งและมีลมแรง เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการเกิดอัคคีภัยได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณทุ่งนา ซึ่งมีฟางแห้งเป็นเชื้อไฟอย่างดี จึงมักจะเกิดเหตุไฟไหม้ทุ่งนาเป็นประจำ ประกอบกับมีลมพัดแรง จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ลามทุ่งอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ทางอำเภอได้แจ้งเตือนไปยังกำนัน ใหญ่บ้าน ประชาชน ร่วมกันเฝ้าระมัดระวังเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ และเป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อม รวมทั้งกระทบต่อสุขภาพอนามัยประชาชน ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 สูงขึ้นอีกด้วย

นายสันติกล่าวอีกว่า ในส่วนของประชาชนที่ประกอบอาชีพทำนา หลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ ควรที่จะรีบจัดการจัดเก็บฟางไว้ในที่ปลอดภัยให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการเกิดไฟไหม้ และเก็บไว้เป็นอาหารสัตว์เลี้ยงในฤดูแล้ง นอกจากนี้ ผลดีของการเก็บฟางแห้งหรืออัดก้อน ยังได้ประโยชน์อีกหลายอย่าง เช่น จำหน่ายก้อนละ 25 บาท หรือนำไปประดับอาคาร สถานที่ เป็นจุดเช็คอินที่สวยงาม หรือไม่อย่างนั้นก็รีบทำการไถกลบ เพื่อให้เกิดการย่อยสลายเป็นปุ๋ยชีวภาพ ที่จะช่วยบำรุงดิน ลดต้นทุนใช้ปุ๋ยเคมี ในการทำนาครั้งต่อไปได้เป็นอย่างดี

นราธิวาส - ผบ.กองกำลังเทพสตรี ตรวจช่องทางธรรมชาติ หวั่น!! โควิด ‘โอมิครอน’ แพร่ข้ามชาติ

พล.ต.วรเดช เดชรักษา ผบ.กองกำลังเทพสตรี/ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ได้เดินทางมายังด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก เพื่อเป็นประธานประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ พ.อ.กำธร ศรีเกตุ รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.ต.ท.ธีระโชติ  ปฐมวณิชกะ ผบ.ร้อย ตชด.447 เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร เจ้าหน้าที่ทหารพราน ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่ทหารชุดควบคุมป้องกันชายแดน ในการวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน OMICRON ที่พบการแพร่ระบาดในประเทศมาเลเซีย

ซึ่งในที่ประชุม พล.ต.วรเดช เดชรักษา ผบ.กองกำลังเทพสตรี/ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ได้รับฟังการบรรยายสรุปของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยว โดยภาพรวมมีมาตรการที่เคร่งครัด สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอย่างดี โดยเน้นย้ำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าตั้งอยู่ในความประมาท เนื่องจากทราบว่า สายพันธุ์ติดโดยง่ายและไม่มีการแสดงอาการให้เห็น ซึ่งทุกคนถือว่าสุ่มเสี่ยงอย่าตั้งอยู่ในความประมาท

โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่กองกำลังที่ถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่แนวพรมแดน ทั้ง ตชด. ชุดควบคุมป้องกันชายแดน เจ้าหน้าที่ทหารพราน เราได้ปฏิบัติหน้าที่มากว่า 2 ปีแล้ว ต้องพยายามสร้างการข่าวและดึงชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม ในการชี้เบาะแสเพื่อทำลายเครือข่ายกลุ่มขบวนการคนนำพาโดยเฉพาะกลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่ลักลอบเข้าตามช่องทางธรรมชาติ เพราะคนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มที่เสี่ยงในการนำพาโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเข้ามาแพร่ระบาด จึงถือว่าการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคได้ถูกจุด

ต่อมา พล.ต.วรเดช เดชรักษา ผบ.กองกำลังเทพสตรี/ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ได้เดินทางไปเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามช่องทางธรรมชาติ บริเวณบ้านน้ำตก ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางธรรมชาติ ที่กลุ่มขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว ลักลอบหลบหนีข้ามแดนจากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้พบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กองกำลัง

เมียนมา - รัฐบาลเงาเมียนมา ระดมทุนผ่าน Unity Bonds เปิดขายพันธบัตรระดมทุนช่วยประชาชน ต้าน รบ.ทหาร!!

รัฐบาลเงาของเมียนมาร์ (NUG) ได้เปิดตัวพันธบัตรเพื่อการลงทุนแบบเอกภาพมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อระดมทุนอย่างน้อย 800 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนทางสังคมและมนุษยธรรม ซึ่งรวมถึงการดูแลสุขภาพ การศึกษา สวัสดิการสังคม และการสนับสนุนบุคลากรทางทหารที่บกพร่อง รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยกเว้นการใช้จ่ายทางทหาร  (NUG) ก่อนหน้านี้เคยระดมเงินด้วยการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลพร้อมกับหวยนเวย์อู และตอนนี้ขาย Unity Bonds เพื่อใช้เงินที่หามาได้เป็นทุนโครงการปฏิวัติ มีรายงานว่ารัฐบาลเงาเริ่มออกหุ้นกู้ชุดแรกมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ และมีการซื้อขายมากกว่า 9 ล้านดอลลาร์ใน 24 ชั่วโมงแรก

‘มิน กันต์ จอ ลินน์’ หัวหน้าสหภาพนักศึกษากล่าวว่า การขายพันธบัตรในเมียนมาเกิดขึ้นจากความจำเป็นเร่งด่วนในเรื่องฉุกเฉิน เช่น ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และกลไกการพัฒนาที่จะช่วยบรรเทาการประท้วงหยุดงาน

‘มิน คานต์ จอ ลิน’  ผู้นำสหภาพนักศึกษา/ผู้นำนัดหยุดงาน ได้กับบอกนักข่าว A24 ว่า “NUG กำลังกู้ยืมเงินจากชาวเมียนมาซึ่งจำเป็นสำหรับการปฏิวัติ ดังนั้น พวกเขายืมเงินจากเรา เดาว่านี่เป็นวิธีที่ NUG-bond ทำงาน โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นสัญญาของรัฐบาล และทันทีที่พวกเขาชนะการปฏิวัติ เราก็สามารถใช้สัญญานี้เพื่อเรียกเงินของเราคืนจากพวกเขาได้ ธนาคารส่วนใหญ่ในเมียนมาให้ความร่วมมือกับรัฐบาลทหารในการจับกุมประชาชน ดังนั้น เราจึงต้องระมัดระวังในการทำธุรกรรม

นอกจากนี้ รูปแบบการขายพันธบัตรที่มีอยู่บนเว็บไซต์โดย NUG (National Unity Government) ยังไม่คงที่ และเราต้องส่งบัญชีผู้รับที่แตกต่างกันเมื่อซื้อพันธบัตรเหล่านั้น และยังมีการตัดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบ่อยครั้ง ดังนั้นเราจึงประสบปัญหาเหล่านี้ในการซื้อพันธบัตร ฉันยังไม่เห็นประกาศหรือข้อความใด ๆ เกี่ยวกับวิธีการและที่ที่พวกเขาจะใช้เงินนั้น แต่เราวางใจ NUG เป็นรัฐบาลของเรา ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าพวกเขาจะใช้เงินเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเรา นั่นคือ ประชาธิปไตยที่แท้จริงโดยสมบูรณ์ ที่เกิดขึ้นในสหพันธรัฐ รวมทั้งพม่ากับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ที่จะรักษาสิทธิที่สมดุลของพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เรากำลังซื้อพันธบัตรเหล่านี้”

‘มิน คานต์ จอ ลิน’ ผู้นำสหภาพนักศึกษา/ผู้นำนัดหยุดงาน บอกว่า “ตอนนี้ NUG (รัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ) ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย กำลังขายพันธบัตร มีประวัติการทำแบบเดียวกันมาอย่างยาวนานในช่วงที่ผ่านมา พวกเขากล่าวว่าพวกเขากำลังวางแผนที่จะขายพันธบัตรมูลค่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์ พวกเขาเริ่มต้นด้วย 200 ล้านในการขายครั้งแรกของพวกเขา ปัจจุบันอัตราอุปสงค์เพิ่มขึ้น ความจำเป็นฉุกเฉินเช่นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม CDM การประท้วงเป็นสิ่งจำเป็นในประเทศของเรา เดาว่าเงินสด 800 ล้านดอลลาร์ที่ได้รับจากการขายพันธบัตรสามารถช่วยได้ มีปัญหาในการซื้อพันธบัตรเหล่านี้ พวกเขาไม่สามารถเปิดบัญชีของผู้รับในธนาคารเมียนมาได้

อย่างที่รู้ NUG ไม่สามารถทำธุรกรรมใด ๆ ในธนาคารเมียนมาได้ และนั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขาต้องใช้บัญชีธนาคารต่างประเทศ ดังนั้นคนนอกประเทศจึงสามารถซื้อจากธนาคารหนึ่งไปยังอีกธนาคารหนึ่งได้ การส่งเงินสดจากที่นี่ไปยังธนาคารต่างประเทศนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่คนที่อยู่ต่างประเทศที่สนใจซื้อพันธบัตรเหล่านี้

 

“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล แถลงข่าวอาชญากรรมข้ามชาติ – ค้ามนุษย์ และฟอกเงิน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร.แถลงข่าวอาชญากรรมข้ามชาติ และค้ามนุษย์ ทลายเครือข่ายค้ามนุษย์ , องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และฟอกเงิน ณ ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2564 เวลาประมาณ 14.40 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.บ้านมาบอำมฤต จังหวัดชุมพร  ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายเขมทัต ผาลี อายุ 36 ปี พร้อมด้วยคนต่างด้าวสัญชาติ เมียนมา (โรฮิงญา) ซึ่งโดยสารมากับรถตู้คันที่นายเขมทัตฯ ขับมา จำนวน 5 คน โดยกล่าวหาว่า ช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม และต่อมาเวลา 16.30 น. ของวันเดียวกัน เจ้าพนักงานตำรวจ ฯ ได้ร่วมกัน จับกุมตัว นายชัยชาญ ไม่ยาก อายุ 41 ปี  และ นางสาวจุลลา บรรเทา อายุ 26 ปี พร้อมด้วยคนต่างด้าวสัญชาติ เมียนมา (โรฮิงญา) ซึ่งโดยสารมากับรถตู้ที่นายชัยชาญฯ ขับมา จำนวน 6 คน โดยกล่าวหาว่า ช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุมและในวันเดียวกัน เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 เวลาประมาณ 19.30 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.เขานิพันธ์ ได้ร่วมกันจับกุมตัว Mr.Man Jo Min หรือนายฮู เซ็น อายุ 48 ปี สัญชาติ เมียนมา และชู อาลิน อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา

โดยกล่าวหา รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม และได้ทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 59/7 ม.5 ต.คลองฉนวน อ.เวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรวจพบคนต่างด้าวสัญชาติ เมียนมา (โรฮิงญา) หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 3 คน ในบ้านดังกล่าวซึ่งเป็นลักษณะกักขังตัวไว้ ซึ่งทั้ง 3 คดีดังกล่าว ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ได้ทำการคัดแยกเหยื่อผู้เสียหายจากขบวนการค้ามนุษย์ และมีความเห็นว่าคดีดังกล่าวทั้ง 3 เรื่องนั้น เข้าข่ายกระทำความผิดฐาน ค้ามนุษย์

ตำรวจภูธรภาค 8 โดย พล.ต.ท.อำพล  บัวรับพร ผบช.ภ.8 ได้ออกคำสั่ง ภ.8 ที่ 390/2564 ลง 29 ตุลาคม 2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนขยายผลความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.วันไชย  เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.๘ เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวน และจากการสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงทราบว่า ทั้ง 3 คดีมีความเกี่ยวข้องกันมีผู้ร่วมกระทำผิดเป็นกระบวนการมีความสัมพันธ์กันเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และฟอกเงิน มีการกระทำผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำเริ่มจากจัดหาคนจากประเทศเมียนมาร์ ส่งเข้ามาในประเทศไทยช่องทางธรรมชาติที่บริเวณ อ.แม่สอด จว.ตาก แล้วมีกลุ่มคนที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว รับตัวเดินทางมาพักตามจุดต่าง ๆ ในประเทศไทย ที่กลุ่มผู้กระทำผิดได้เตรียมไว้ เช่น จังหวัดปทุมธานี กรุงเทพมหานคร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา นราธิวาส จนถึงประเทศมาเลเซีย มีการกักขังขู่เข็ญ ขูดรีด เพื่อเรียกเงินจากเหยื่อ และญาติการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายจึงได้ร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 4 คดี เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2564

จากนั้นตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีคำสั่ง ภ.8 ที่ 413/2564 ลง 14 พ.ย.64 เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน (คดี สภ.บ้านมาบอำมฤต ) และ คำสั่ง ภ.8 ที่ 426/2564 ลง 25 พ.ย.64 เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน (คดี สภ.เขานิพันธ์) โดยมี พล.ต.ต.วันไชย  เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.๘ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน คณะพนักงานสอบสวนได้ทำการขออนุมัติศาลให้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้นรวม 4 คดี 14 คน 24 หมายจับ ดังนี้  สภ.บ้านมาบอำมฤต 3 คดีข้อหา ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และค้ามนุษย์ฯ จำนวน  2 คดี คือคดีอาญาที่ 415/2564 (4 หมายจับ) ,416/2564 (4 หมายจับ) และ ข้อหา ฟอกเงิน คดีอาญาที่417/2564 (13 หมายจับ) สภ.เขานิพันธ์ 1 คดี ข้อหา ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และค้ามนุษย์คดีอาญาที่  371/2564 จำนวน 3 หมายจับ

ต่อมาวันที่ 6 ธันวาคม 2564 พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 หัวหน้าฝ่ายสืบสวน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. และ ศพดส.ภ.๘ ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายเพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหาในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ อ.แม่สอด จว.ตาก, อ.สุไหง-โกลก จว.นราธิวาส, อ.พระแสง จว.สุราษฎร์ธานี,อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต และพื้นที่อื่น ๆ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 7 คน ดังนี้

 

‘อลงกรณ์ พลบุตร’ ฝากถึงคน ปชป.!! ย้ายออกจากพรรค "อย่าถูกกลืน" ไปแล้วก็กลับมาได้ ถ้าอุดมการณ์ไม่เปลี่ยน

‘อลงกรณ์ พลบุตร’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขียนบทความอย่างน่าสนใจในเฟซบุ๊กส่วนตัว

“อย่าถูกกลืน”

รักและห่วงเพื่อนที่จากไปทุกคน

วันวานอ่านข่าวเห็นท่านชวนเตือนว่า “ไปแล้วให้รักษาอุดมการณ์ อย่าถูกกลืน”

ผมคิดว่าเป็นการฝากหลักการหลักคิดในการครองตนของคนประชาธิปัตย์ที่ออกจากพรรคไปอยู่ที่อื่น

ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยออกจากพรรคไปเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป

ตอนนั้นหมกมุ่นคิดฝันแต่เรื่องการปฏิรูปพรรคปฏิรูปประเทศ

ตั้งใจไปทำแผนปฏิรูปประเทศเหมือนสถาปนิกออกแบบพิมพ์เขียวเสร็จก็จบงาน

2 ปีกว่าที่อยู่ท่ามกลางอำนาจและโอกาสแถมมีตำแหน่งเป็นรองประธานสปท.คนที่.1

ลาภยศสรรเสริญกองอยู่ตรงหน้าถ้าเดินต่อบนเส้นทางนั่น

มันน่าถูกกลืนเหลือเกินถ้าคิดเห็นแก่ตัวเพื่อประโยชน์และอนาคตของตัวเอง

คำเชิญคำชวนมาทั้งก่อน และหลังพ้นตำแหน่ง

แต่ผมก็ตัดสินใจตอนนั้นว่าจะวางมือทางการเมืองเพื่อไม่ต้องเดินทางบนถนนการเมืองอีกหรือไม่ก็กลับบ้านหลังเก่าคือประชาธิปัตย์

ก็มีคำถามตามมาว่าทำไมถึงกลับประชาธิปัตย์

ผมบอกว่ามี 4 เหตุผลหลัก

1.ถ้าจะเดินต่อทางการเมืองไปอยู่พรรคใหม่ก็ต้องสู้กับพรรคประชาธิปัตย์

ผมทำไม่ได้ครับ ที่จะต้องรบราทำศึกกับพี่น้องของผม และประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่ต้องรักษาไว้

2.เมื่อครั้งเดินทางเข้าพรรคสมัครเป็นสมาชิกลงเลือกตั้งที่เพชรบุรีปี 2535/1 บนเวทีปราศรัยที่สนามหน้าเขาวังมีท่านชวนหัวหน้าพรรคในขณะนั้นนั่งอยู่ด้วย ผมประกาศกับประชาชนคนเมืองเพชรว่า

ผมเกิดที่พรรคประชาธิปัตย์และจะตายที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเดียว

3.ผมอยากกลับมาปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ตามฝันที่คิดไว้ตอนเสนอปฏิรูปพรรคเมื่อปี2556

4.บ้านเมืองยังวิกฤติ ประชาธิปัตย์คือความหวังเพราะเป็นสถาบันการเมืองหลัก

แล้วผมก็กลับมาของานทำที่พรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม

เลือกกลับมาทั้งที่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรและจะอยู่อย่างไรในปลายปี 2561

เพราะผมคงเป็นคนเดียวที่ทั้งก่อนจากไปและเมื่อกลับมาโดนดุด่าว่ากล่าวหนักหนาสาหัสมากจากพี่ๆน้อง ๆ ในพรรค

ถ้าคิดน้อยใจหรือไม่อดทนก็คงพกความแค้นติดตัวเตลิดไปแล้ว

เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตบนทางแพร่งที่ต้องตัดสินใจของผม

ต้องเลือกระหว่างอนาคตของตัวเองหรืออนาคตของพรรค

เป็นการเลือกครั้งที่2เหมือนครั้งแรกที่ตัดสินใจมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2534

กว่า 20 ปี ที่ร่วมรบทำศึกในสนามเลือกตั้งแพ้บ้างชนะบ้าง และเมื่อพรรคมอบหน้าที่เป็นประธานตรวจสอบทุจริตก็โดนคดีอาญาร่วม 20 คดีโดนฟ้องทางแพ่งเป็นพันเป็นหมื่นล้าน ต่อสู้คดีมากว่า 10 ปี เรียกว่าบาดแผลเต็มตัวเต็มผืนหลัง

เขียนมาเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และเป็นอีกข้อคิดเตือนใจ

สำหรับชาวประชาธิปัตย์ทุกคนที่เมื่อถึงโมเมนต์ที่ต้องตัดสินใจ หรือถ้าไปแล้วก็กลับมาได้ ถ้าอุดมการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงหรือถูกกลืนเสียก่อน ตามข้อตือนใจของท่านชวน

 

สำนักสงฆ์พระพุทธบาทคีรีศรีสุทโธ - ถ้ำบาตร จัดพิธีบวงสรวงหล่อพระพุทธรูป องค์ที่ 99 ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ในหลวง ร.9

พระครูปลัดกุศล เขมวีโร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์พระพุทธบาทคีรีศรีสุทโธ ประธานฝ่ายสงฆ์ประกอบพิธีบวงสรวงหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์ที่ 99 หน้าตัก 2.5 เมตร สูง 4 เมตร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ และเพื่อเป็นที่กราบไหว้สักการบูชาแด่เทพเทวาและมนุษย์ได้มากราบไหว้ เพื่อเป็นสิริมงคลชัย ประดิษฐานไว้ ณ สำนักสงฆ์พระพุทธบาทคีรีศรีสุทโธ ตำบลสิงห์  อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา

นายชิษณุพงศ์ - นางธัญญารัตน์  ปัญจไชยโรจน์ และครอบครัว เจ้าภาพฯ พร้อมด้วยคณะศิษย์พระครูปลัดกุศลฯ สาธุทุกหมู่เหล่าที่เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศเพื่อเข้าร่วมพิธีบวงสรวงและรวมพลังศรัทธาหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์ที่ 99 อย่างล้นหลาม ภายใต้การจัดพิธีบวงสรวงมีการวางมาตรการการป้องกันควบคุมโควิด-19 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. ตั้งจุดตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิประชาชนก่อนเข้าร่วมพิธีอย่างทั่วถึงกัน

สำหรับพิธีบวงสรวงหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์ที่ 100 และ 101 กำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2564 เวลา 09.00 น. จึงขอเชิญชวนสาธุชนทั้งหลายรวมกำลังร่วมพลังศรัทธาสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ ฝากไว้ในแผ่นดินโดยทั่วกัน

และขอเชิญสาธุชนทุกหมู่เหล่ารวมพลังศรัทธาร่วมสร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย จำนวน 500 พระองค์ ประดิษฐานไว้ ณ สำนักสงฆ์พระพุทธบาทคีรีศรีสุทโธ ตำบลสิงห์  อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาเป็นพุทธานุสสติ แก่พุทธศาสนิกชน และเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

 

เชียงใหม่เปิดงาน “เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2564 Chiang Mai Design Week 2021”เทศกาลยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี!!

“เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2564 :Chiang Mai Design Week 2021” ภายใต้ธีม “Co-Forward เชื่อมโยง ฟื้นฟู ก้าวไปด้วยกัน” มาร่วมพลิกฟื้นและสร้างสีสันให้กับเมืองเชียงใหม่ ส่งท้ายปีไปพร้อมกัน...กับย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ขึ้นชื่อทั่วเมืองเชียงใหม่ 4-12 ธันวาคม นี้!เทศกาลยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมมือกับจังหวัดเชียงใหม่ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรระหว่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจสร้างสรรค์ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และภายในประเทศ มากกว่า 200 ราย และหน่วยงานจากต่างประเทศกว่า 11 หน่วยงาน ในการจัด “เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2564 หรือ Chiang Mai Design Week 2021” เพื่อเป็นการผลักดันและสนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และเศรษฐกิจท้องถิ่นภาคเหนือ ที่จะแสดงถึงศักยภาพในการทํางานของทุกภาคส่วน เช่น ชุมชน นักออกแบบ ช่างฝีมือ ศิลปิน ผู้ประกอบการธุรกิจในภาคเหนือ ให้ได้มีพื้นที่ในการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ จําหน่ายสินค้า และทดลองตลาด ที่จะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของคน ชุมชน รวมทั้งเป็นกำลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ร่วมสร้างสรรค์ท้องถิ่นให้เข้มแข็ง

โดยได้จัดพิธีเปิด “เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2564 หรือ Chiang Mai Design Week 2021” ในวันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2564 เวลา 17.30 น. ณ หอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ โดยได้รับเกียรติจาก นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิด“เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่2564” พร้อมด้วย นายนาวิน สินธุสะอาด รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่, นายจิโรจน์ โรจนเสาวภาคย์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เป็นผู้แทนนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่, นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทนองค์กรภาคีเครือข่ายต่าง เข้าร่วมในพิธี ณ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่

ในการนี้นายชูชีพ พงษ์ไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าร่วมพิธีเปิดงานเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2564 หรือ Chiang Mai Design Week 2021 จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นเมืองที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นทางด้านดนตรี และเป็นแหล่งกำเนิดของศิลปินดนตรีเกิดขึ้นมากมาย ขณะนี้กำลังขับเคลื่อนและพัฒนาเมือง เพื่อก้าวสู่การเป็นสมาชิกของเมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรีขององค์การยูเนสโก อีกด้วย

นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า “ทางจังหวัดเชียงใหม่ มีความสอดคล้องการทำงานกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน เมือง และเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านการส่งเสริมศักยภาพที่จะผลักดันให้มีการพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจให้ได้มาตรฐาน โดยเน้นไปที่กลุ่มประชาชน ชุมชน สถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ไปจนถึงการพัฒนาย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น รวมไปถึงการส่งเสริมผู้ประกอบการให้มีกระบวนการคิดเชิงออกแบบในการนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ โดยจะเป็นหน่วยงานที่ช่วยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้าน ความคิดสร้างสรรค์ที่จะนำไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเชียงใหม่ให้เข้มแข็งอีกครั้ง”

นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่า “ประเทศไทย และกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ทั่วประเทศต่างได้รับผลกระทบ ทำให้ทุกภาคส่วนเร่งปรับตัวเพื่อพัฒนาให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เทศกาลฯ จึงให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงและสร้างเครือข่าย ระหว่างนักทํางานสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ และชุมชน ภายใต้ธีม “Co-Forward เชื่อมโยง ฟื้นฟู ก้าวไปด้วยกัน”

ระหว่างวันที่ 4-12 ธันวาคม 2564 ณ ย่านอนุสาวรีย์สามกษัตริย์, ย่านล่ามช้าง, ย่านวัดเกตุ, ย่านช้างม่อย, ย่านสันกำแพง และทั่วเมืองเชียงใหม่ ภายใต้ธีม  “Co-Forward เชื่อมโยง ฟื้นฟู ก้าวไปด้วยกัน” กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการสร้างมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงช่วยผลักดันและส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในภูมิภาคเหนือมากขึ้น

อีกทั้งเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และทรัพยากร อันจะนำไปสู่การพัฒนาต่อยอด การปรับตัวของธุรกิจสร้างสรรค์ทั้งผลิตภัณฑ์และบริการ ให้ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้และเกิดการจ้างงานใหม่ ผ่านการจัดกิจกรรมกว่า 185 กิจกรรม เพื่อสร้างการเติบโตของเครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบการ  นักออกแบบ ศิลปิน ช่างฝีมือ ให้มีมาตรฐานและคุณภาพ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการสร้างมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ช่วยผลักดันและส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในภูมิภาคมากขึ้น”

โดยไฮไลต์สำคัญของ “เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2564” (Chiang Mai Design Week 2021) เช่น

1.    DESIGNING DAILY CRAFT โดย Ratthee Phaisanchotsiri

นิทรรศการนำเสนอการต่อยอดงานฝีมือ และวัสดุพื้นถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างสรรค์เป็นงานฝีมือชิ้นใหม่ที่ยังคง "เก็บจิตวิญญาณและแก่นแท้" ของสิ่งดั้งเดิมนั้นๆเอาไว้ ผ่านแนวคิดที่เรียบง่ายแต่งดงาม สถานที่ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ เชียงใหม่

2.    CHIANG MAI STREET JAZZ FESTIVAL 2021

เทศกาลดนตรี Chiang Mai Street Jazz 2021 ภายใต้คอนเซปต์ “Music in the Metaverse”และพบกับศิลปินผู้สร้างสรรค์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ได้แก่ Moment's Notice Jazz Club, The Mellowship, Thapae East และ The North Gate Jazz Co-op

3.    เทศกาลกาแฟถิ่นไทย 2564 โดย Friends Trade

พื้นที่สำหรับกลุ่มคนรักกาแฟ ที่ส่งเสริมความยั่งยืนของทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุตสาหกรรมกาแฟ สถานที่  หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่

4.    Chang Moi Creative District Tour โดย โรงแรมแทมมาริน วิลเลจ

ทัวร์ค้นหาร่องรอยและวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนย่านช้างม่อยที่ยังคงเสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหล ปลุกชุมชนที่คิดถึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง

5.    LABBFest. โดย Minimal Studio

งานบันทึกภาพการเล่นแสดงสดผสมผสานระหว่าง Music Showcase กับ Visual Art จากศิลปินเชียงใหม่ สถานที่ อาคารธนาคารกสิกร (เก่า) ถนนราชวงศ์

6.    POP Market ตลาดสินค้าดีไซน์สุดสร้างสรรค์กว่า 60 แบรนด์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่นเหนือ

ทั้งงานหัตกรรม สินค้าแฮนด์เมด สินค้าไลฟ์สไตล์ ของตกแต่งบ้าน เครื่องประดับ อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงตลาดชุมชนช้างม่อย อยู่ม่วนขายหมาน กาดข่วงวัด กาดกิ๋นหอมตอมม่วน กาดฉำฉาและกาดบ้านฮ้อ

7.    Sound Connect 2021 โดย Everlong

หนึ่งในอีเวนท์ที่จัดในเทศกาลฯ โดยใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงศิลปิน ผู้คนและชุมชน เป็นกลไกขับเคลื่อนและสร้างสีสันให้กับย่านสร้างสรรค์ โดยมีศิลปินรับเชิญเป็น สุเทพการบันเทิง คณะเชิญยู๊ด Yonlapa และ Common People Like You

8.    กาด แป๊ป-แป๊ป โดย CEA x Cloud-floor

โปรเจกต์ทดลองร่วมกันระหว่าง CEA Chiang Mai x Cloud-floor ร่วมกับ "ป้าน้อย" เจ้าของรถพุ่มพวงเจ้าประจำของชุมชนช้างม่อยที่จะชวนติดตามการทดลองระบบการให้บริการของรถพุ่มพวง ตามเส้นทางซอกซอยของชุมชนในเขตเมือง เพื่อออกแบบกลไกที่จะช่วยเพิ่มโอกาสของการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน การเข้าถึงอาหารและบริการด้านสุขภาวะทั้งกายและใจในชีวิตประจำวันของกลุ่มผู้ใช้บริการโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชน

9.    Chang Moi Art Village โดย Navin Rawanchaikul

โปรเจกต์ศิลปะที่เปิดให้นักสร้างสรรค์มืออาชีพและสมัครเล่น ได้ออกแบบผลงานสร้างสรรค์ให้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่พัฒนาย่าน โดยผลงานต่างๆ จะถูกนำมาเสนอในรูปแบบที่ต่างกันออกไป และตั้งอยู่กระจายภายในพื้นที่ชุมชนช้างม่อย

 

กรุงเทพฯ - ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานเปิดหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพเรือ รุ่นที่ 18

พลเรือเอก สมประสงค์  นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานเปิดการอบรม หลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพเรือ รุ่นที่ 18 ประจำปีงบประมาณ 2565 ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ภายใต้มาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเข้มงวด

กองทัพเรือ เปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพเรือ (พสบ.ทร.) มีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ภายนอกกองทัพเรือ เกิดประโยชน์ในการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มมวลชน เพื่อสนับสนุนภารกิจของกองทัพเรือ พร้อมเพิ่มความรับรู้ข้อมูลของภาคประชาชนเกี่ยวกับความสำคัญทางทะเล โดยเป็นการอบรมหลักสูตรร่วมระหว่าง ข้าราชการและพลเรือน ซึ่งจะเปิดให้ข้าราชการพลเรือนและผู้บริหารองค์กรภาคเอกชน เข้าร่วมอบรมหลักสูตรกับนายทหารสัญญาบัตร ของกองทัพเรือ และเหล่าทัพอื่นที่ชั้นยศไม่ต่ำกว่านาวาเอก หรือเทียบเท่า

สำหรับผู้เข้าอบรม หลักสูตร พสบ.ทร.รุ่นที่ 18 มีจำนวนทั้งสิ้น 97 คน โดยแบ่งเป็นข้าราชการกองทัพเรือ 20 นาย ข้าราชการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 นาย ข้าราชการพลเรือนและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ระดับ 8 ขึ้นไป จำนวน 2 คน และบุคลากรจากภาคเอกชนระดับผู้บริหาร และเจ้าของกิจการ จำนวน 73 คน ทั้งนี้การจัดอบรม จะมีการบรรยายให้ความรู้ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จากส่วนราชการและสถาบันต่าง ๆ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top