Sunday, 4 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

พิจิตร-ป.ป.ช. พิจิตร ลงพื้นที่ตรวจสอบถนนงบ 394 ล้าน สร้างไป ปะไป ชาวบ้านข้องใจมาตรฐานอยู่ตรงไหน?

3 พ.ย. 66 นายวราพงษ์ อินต๊ะโมงค์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยกลุ่มงานป้องกันการทุจริต ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่ได้รับแจ้งข้อมูลเบาะแสการทุจริตจากศูนย์ป้องปรามการทุจริตแห่งชาติ (Corruption Deterence Center) หรือศูนย์ CDC กรณีปรากฏข่าวบนหน้าเพจ facebook ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ระบุว่า 394 ล้าน ทำไป ปะไป ถนน 4 เลน มาตรฐานชั้นทางพิเศษ ระยะทาง 9.150 กม. ทางหลวงหมายเลข 115 กำแพงเพชร-พิจิตร ตอน ต.บึงบัว – บ.คลองโนน งบ 393,975,230 บาท กรมทางหลวง ยังไม่ทันส่งมอบ ถนนเสียหายเป็นช่วง ๆ ทำไปก็พังไป ปะซ่อมกันไป 

จากการตรวจสอบพบว่าโครงการดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักก่อสร้างทางที่ 1 กรมทางหลวง เป็นโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 115 สายกำแพงเพชร-พิจิตร ตอน ต.บึงบัว - บ.คลองโนน  ระยะทาง 9.150 กิโลเมตรจุดเริ่มต้น -สิ้นสุดโครงการฯ กม. 57+000.000 – กม. 66+150.000 อยู่ในพื้นที่อำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร มาตรฐานทางชั้นพิเศษ 4 ช่องจราจร ระยะเวลาสัญญา 19 กรกฎาคม 2565 – 9 มีนาคม 2567 ค่างานตามสัญญา 393,092,687 บาท ผิวทาง Asphalt Concrete 2 ชั้น หนาชั้นละ 5 เซนติเมตร ผิวจราจรกว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางชนิดเดียวกับผิวทาง ด้านนอกกว้างข้างละ 2.5 เมตร ซึ่งขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว ร้อยละ 62.294 ยังคงเหลือดำเนินการอีกกว่าร้อยละ 30 ในระยะเวลา 128 วันตามสัญญา

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพถนนดังกล่าวมีปัญหาชำรุดหลายจุด บางจุดพบรอยปะ และมีการลดช่องจราจรใช้งานได้ 1 ฝั่งเป็นเลนรถสวนทาง ซึ่งทางสำนักก่อสร้างทางที่ 1 ได้ชี้แจงว่าตามโครงการกำหนดให้ต้องเทพื้นผิวทาง จำนวน 2 ชั้น ปัจจุบันทางผู้รับจ้างได้ดำเนินการไปแล้ว 1 ชั้น ยังไม่แล้วเสร็จตามกำหนดโครงสร้าง แต่ได้เปิดการจราจรให้ประชาชนใช้สัญจรไปมาก่อน ประกอบกับพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่มีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้เกิดปัญหาถนนเสียหายทรุดตัวเป็นช่วง ๆ จึงต้องทำการซ่อมแซมเบื้องต้นให้ใช้งานได้ไปก่อน เมื่อทำการซ่อมแซมจุดที่เสียหายแล้วเสร็จจึงจะดำเนินการต่อในชั้นที่ 2 ให้เป็นไปตามมาตรฐานโครงสร้างที่กำหนดต่อไป 

แนวทางการแก้ไขปัญหาในขณะนี้ ผู้รับจ้างได้ปิดช่องทางจราจรเพื่อเร่งดำเนินการซ่อมผิวทางจำนวน 1 ฝั่งก่อน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ แล้วจะเปิดใช้งานฝั่งที่แก้ไขแล้วไปก่อน จึงปิดทางจราจรอีกฝั่งหนึ่งที่มีการปะซ่อมก่อนหน้านี้ โดยทำการรื้อบดอัดแน่นจนถึงชั้นดินลูกรัง แล้วเท Asphalt Concrete ชั้นที่ 1 และ 2 ตลอดทั้งเส้นทางต่อไป ทั้งนี้ ทางสำนักงานก่อสร้างที่ 1 จะเปิดให้ประชาชนใช้งานถนนทั้ง 4 เลนได้ในช่วงเดือนธันวาคม 66เพื่อรองรับการจราจรหนาแน่นในช่วงปีใหม่ 

ทั้งนี้ ในระหว่างโครงการยังไม่แล้วเสร็จ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพิจิตร จะติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างถนนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และเฝ้าระวังให้การดำเนินงานเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ต่อไป

กาฬสินธุ์โชว์ผ้าไหมแพรวามูลค่า 30 ล้านเปิดงานมหกรรมโอทอปตักบาตรเทโวคาดเงินสะพัด 20 ล้านบาท

ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไหมแพรวา ราชินีแห่งไหมเมืองน้ำดำรุ่นบุกเบิก รุ่นร่วมสมัย และเครือข่ายผู้ผลิตผ้าไหมแพรวา ใน จ.กาฬสินธุ์ นำผลงาน ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญา “ลายผ้าไหมแพรวาประจำอำเภอ” 18 ลาย ฝีมือระดับขั้นเทพ ขึ้นเวทีประชันความประณีต จากการคิดค้นลายผ้า และโชว์ความอลังการ บนเวทีเสวนาผ้าไหมแพรวาผ้าโบราณภูมิปัญญากาฬสินธุ์ พร้อมจำหน่ายบนถนนไดโนโรด เทศบาลตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์  ในงานตักบาตรเทโวโรหณะ บูชาพระประชาชนบาล ระหว่างวันที่ 3-11 พ.ย.66 ขณะที่พัฒนาชุมชนตั้งเป้าเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท

วันที่ 3 พ.ย.66 เวลา 16.00 น. ที่บริเวณถนนสายบุญ-ไดโนโรด เทศบาลตำบลโนนบุรี อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสินค้าโอทอปของดีกาฬสินธุ์ ในงานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ บูชาพระประชาชนบาล เจ้าเมืองสหัสขันธ์ (คนแรก)  ประจำปี 2566 โดยมีนายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ นายบุญมี แก่นนาคำ นายก ทต.โนนบุรี นางนฤมล สิงห์เงา ปลัด ทต.โนนบุรี นายวิญญู ขันผง นายก ทต.นิคม พร้อมด้วยส่วนราชการ กรรมการเหล่ากาชาดฯ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอ.สหัสขันธ์ เครือข่ายผู้ผลิตผ้าไหมแพรวาและผ้าพื้นเมืองทั้ง 18 อำเภอใน จ.กาฬสินธุ์ ทั้งรุ่นบุกเบิก รุ่นร่วมสมัย ประชาชน นักท่องเที่ยว ร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ก่อนเปิดงานมหกรรมสินค้าโอทอปของดีกาฬสินธุ์ ยังได้มีการจัดเวทีเสวนาผ้าไหมโบราณภูมิปัญญากาฬสินธุ์ 18 อำเภอ ดำเนินรายการโดย ดร.สุภาพร เกียรติดำเนินงาม ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ ผู้ร่วมรายการประกอบด้วยปราชญ์ด้านผ้าไหมแพรวา และศิลปินผ้าไหมแพรวา อาทิ นายวิทวัส โสภารักษ์  นายอดุลย์  มุลละชาติ นายจักรวรรดิวัตร ปรีจำรัส ท่ามกลางความฮือฮาของผู้ร่วมงาน เนื่องจากผ้าไหมแพรวาที่นำมาโชว์และนำเสนอความเป็นมาจำนวนกว่า 100 ผืน มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ผ้าแพรวาทุกผืนที่นำมาโชว์บนเวทีเสนาฯ ครั้งนี้ ล้วนเกิดจากภูมิปัญญา และเป็นลายผ้าที่เกิดจากไอเดีย ซึ่งเป็นอัตลักษณ์หรือสื่อถึงของดีทั้ง 18 อำเภอ โดยคิดค้นลายผ้า ย้อมสี และถักทอด้วยมือ จึงเป็นผืนผ้าไหมแพรวาที่ทรงคุณค่า เป็นการต่อยอดและขยายผลให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และเครือข่าย ทั้ง 18 อำเภอใจ จ.กาฬสินธุ์ โดยมีอบจ.กาฬสินธุ์ และพัฒนาชุมน จ.กาฬสินธุ์ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าของผู้ที่มีรสนิยมในผ้าแพรวา ราชินีแห่งไหม ที่กลุ่มผู้ผลิตหรือเจ้าตำรับ ซึ่งเป็นคนกาฬสินธุ์มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ถือเป็นผลิตภัณฑ์พระราชทาน โดยสืบสานพระปณิธานฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่จุดประกายจากโครงการศูนย์ศิลปาชีพโดยแท้

ด้านนางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งไหม ถือเป็นผลิตภัณฑ์ของดีล้ำค่า สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ ได้ปีละหลายร้อยล้านบาท  ที่ผ่านมามีการจัดงานนิทรรศการ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผ้าไหม ทั้งระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค และระดับปะเทศ ทั้งนี้ อบจ.กาฬสินธุ์ มีแนวทางให้การสนับสนุน ตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างโอกาส เปิดช่องทางตลาด ให้มีการหมุนเวียนของเม็ดเงิน ที่สำคัญเพื่อการสร้างงาน สร้างรายได้ตลอดปี ตลอดไป

นางเฉลิมขวัญกล่าวอีกว่า ในส่วนของการจัดเวทีเสวนาผ้าไหมโบราณภูมิปัญญากาฬสินธุ์ 18 อำเภอ ในวันเปิดงานพระเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ บูชาพระประชาชนบาล เจ้าเมืองสหัสขันธ์ (คนแรก)  ประจำปี 2566 หลังวันออกพรรษาครั้งนี้ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-11 พ.ย.นี้ ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเปิดมหกรรมตลาดผ้าไหมแพรวา ราชินีแห่งไหม ของดีเมืองน้ำดำอีกครั้งหนึ่ง  จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ชื่นชอบผ้าไหมแพรวา ได้มาเลือกช็อป ได้อย่างเต็มที่ ตลอด 9 วัน 9 คืน  เพราะมีผู้ประกอบการสินค้าผ้าไหมแพรวา และผ้าผืนเมือง ได้นำผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแพรวาจาก 18 อำเภอมาออกร้านกว่า 50 บูธ โดยมาออกร้านด้วยตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นการซื้อขายระหว่างผู้ผลิต และผู้ประกอบการกับผู้ซื้อโดยตรง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะได้เลือกสรรและเลือกซื้อในราคาที่เป็นธรรม 

ด้านนายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า งานมหกรรมสินค้าโอทอปของดีกาฬสินธุ์ ในงานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ บูชาพระประชาชนบาล เจ้าเมืองสหัสขันธ์ (คนแรก) ประจำปี 2566 สำนักงานพัฒนาชุมชน จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดงานมหกรรมสินค้าโอทอปของดีกาฬสินธุ์ร่วมด้วย โดยเชิญชวนผู้ผลิต ผู้ประกอบการ นำผลงาน ผลิตภัณฑ์โอทอป ที่หลากหลาย เช่น ผ้าไหมแพรวา ผ้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์คุณภาพอื่นๆ ระดับ 4-5 ดาวร่วมออกร้านจำหน่าย เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้า และกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยในปีนี้ซึ่งที่ปลอดจากสถานการณ์โควิด-19  และเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้น คาดว่ามีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าโอทอป โดยเฉพาะผ้าไหมแพรวาไม่น้อยนกว่า 20 ล้านบาท

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัย ลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี ชัยภูมิ และนครราชสีมา มอบเงินสดพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 4 แสนบาท

ระหว่างวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย พร้อมด้วย นายชาญณรงค์ เสาวภา ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกบริการ นำทีมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย ณ บริเวณอำเภอหนองแค และอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี บริเวณตลาดเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ และบริเวณตลาดเทศบาลเมืองปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา รวม 3 จังหวัด 136 คน โดย มอบเงินสด คนละ 3,000 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค รายครอบครัว รวม 27 ชุด รายบุคคล รวม 12 ชุด คิดเป็นมูลค่าการช่วยเหลือทั้ง 3 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 493,500 บาท (สี่แสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ ร่วมในพิธี พร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งในพื้นที่  รวมถึงหน่วยงาน สมาคม /มูลนิธิประจำจังหวัดแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปี มูลนิธิฯ ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กร สาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

'พล.ต.อ. พัชรวาท' สั่งการกรมอุทยานฯ เร่งช่วยเหลือเหตุช้างป่าเขาอ่างฤาไนทำร้ายเจ้าหน้าที่เสียชีวิตพร้อมถอดบทเรียนไม่ให้เกิดซ้ำ

(1 พ.ย. 2566) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าจากเหตุการณ์นายจงรัก จงศรี เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ปฏิบัติงานประจำ ชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ที่ถูกช้างป่าทำร้ายจนเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ผลักดันช้างป่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น ซึ่งตนได้รายงานให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทราบแล้ว

โดยพล.ต.อ.พัชรวาทฯ ภายหลังจากได้รับรายงานการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ก็ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียชีวิต และแสดงความห่วงใยต่อเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้างป่าของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ที่เสียสละทั้งแรงกายแรงใจในการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งนี้ สำหรับผู้เสียชีวิตได้นำศพไปบำเพ็ญกุศล ณ วัดด่านชัยพัฒนา ตำบลทุ่งมหาเจริญ อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ซึ่งพล.ต.อ.พัชรวาทฯ ได้มอบหมายให้นายอรรถพลฯ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เดินทางไปเป็นประธานในงานฌาปนกิจเจ้าหน้าที่ผู้เสียชีวิต พร้อมกับนำความห่วงใยไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต และให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ เร่งดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตตามสิทธิและสวัสดิการที่จะได้รับ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทุนสวัสดิการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่า มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร มูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล สมาคมอุทยานแห่งชาติ และมูลนิธิต่าง ๆ ที่มีวัตถุประสงค์สงเคราะห์ช่วยเหลือผู้พิทักษ์ป่าในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับการเยียวยาและประโยชน์สูงสุด

นายอรรถพลฯ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นกรมอุทยานแห่งชาติฯ โดยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว จำนวน 50,000 บาท เครือข่ายอนุรักษ์ในพื้นที่ จำนวน 60,000 บาท ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จำนวน 20,000 บาท โดยในวันพรุ่งนี้ ( 2 พ.ย. 66) ตนจะเดินทางไปเป็นประธานในพิธีฌาปนกิจเจ้าหน้าที่ผู้เสียชีวิต ตามที่ได้รับมอบหมายจากพล.ต.อ.พัชรวาทฯ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งนำเงินจำนวน 700,000 บาท ซึ่งประกอบด้วยเงินอนุรักษ์สัตว์ป่า จำนวน 500,000 บาท เงินสวัสดิการกรมอุทยานแห่งชาติฯ จำนวน 100,000 บาท และเงินจากกองทุนผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล จำนวน 100,000 บาท ไปมอบให้โดยตรง อย่างไรก็ตามต่อกรณีที่เกิดขึ้น ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบไม่ประมาท อีกทั้งได้สั่งการให้มีการถอดบทเรียนสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ ต่อไปในอนาคต

เครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมประเทศไทย (Thailand Wen) จับขบวนการลักลอบค้าเต่าดาวอินเดีย

3 พฤศจิกายน 2566 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับรายงานจากนายประเสริฐ สอนสถาพรกุล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา รายงานว่านายภัคพงศ์  ผาทอง เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 เวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ตรวจสอบภาพเอกซเรย์กระเป๋าสัมภาระที่ต้องสงสัยว่าจะมีการลักลอบขนสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายของหญิงชาวไทย อายุ 24 ปี ที่เดินกำลังจะเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน โดยสายการบิน EVA AIR เที่ยวบินที่ BR206 

จากการเปิดตรวจสอบกระเป๋าดังกล่าว พบว่ามีการซุกซ่อนเต่าดาวอินเดีย จำนวน 17 ตัว  ซึ่งเป็นสัตว์ป่าควบคุมและสัตว์ป่าตามบัญชีอนุสัญญาไซเตส  เพื่อลักลอบออกนอกประเทศ มูลค่าประมาณ 170,000 บาท ทราบชื่อผู้ต้องหาภายหลัง นางสาววริญญา  อายุ 24 ปี สัญชาติไทย เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้วพบว่า เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 23 เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 31 และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 242 และ 244 จึงร่วมกันตรวจยึดของกลางทั้งหมด และจับกุมผู้ต้องหา โดยได้แจ้งสิทธิต่างๆ ตามระเบียบแล้ว และมอบหมายให้หัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่านำเรื่องราวไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธร (สภ.) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับของกลางนำส่งกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต่อไป 

ทั้งนี้ สำหรับ Thailand WEN หมายถึง คณะกรรมการเครือข่ายการบังคับใช้กฎหมาย เกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่าแห่งประเทศไทย (Thailand Wildlife Enforcement Network : Thailand WEN) ซึ่งมีหน้าที่ในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรเอกชน เพื่อสร้างเครือข่ายการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่า และพืชป่าให้เกิดขึ้นในประเทศไทย

ขอนแก่น-เข้ม! จัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

จังหวัดขอนแก่น บูรณาการ เปิดปฏิบัติการ (kick off) ตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพลในจังหวัดขอนแก่น โดยให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่ไม่พึงประสงค์ใน 6 เรื่อง ได้แก่ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การครอบครองและพกพาอาวุธปืน การพนัน การดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังผู้มีอิทธิพล และสถานบริการและสถานบันเทิง

เมื่อวันที่ 3 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.สุรพงษ์ ยอดอินทร์ รอง ผอ.รมน.จังหวัดขอนแก่น(ท.) มอบหมายให้ พ.อ.ณัฐพงศ์ กฤติธำรง หน.ฝ่ายนโยบายแผนฯ นำกำลังพล กอ.รมน.จังหวัดขอนแก่น จำนวน 4 นาย ร่วมพิธีเปิดปฏิบัติการ (kick off) ตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่ ศาลหลักเมืองจังหวัดขอนแก่น โดยมี นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในการเปิดปฏิบัติการ (Kick off) ตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปรามปรามผู้มีอิทธิพลจังหวัดขอนแก่น โดยมี นายประจวบ รักแพทย์ นอภ.ขอนแก่น รักษาการปลัดจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ รักษาการ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น,พ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงษ์วิจารณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น,พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น  หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วม ในการเปิดปฏิบัติการ

นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มีบัญชาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเพื่อสนองนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่ไม่พึงประสงค์ใน 6 เรื่อง ได้แก่ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การครอบครองและพกพาอาวุธปืน การพนัน การดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังผู้มีอิทธิพล และสถานบริการและสถานบันเทิง โดยให้กรมการปกครองและจังหวัด ร่วมกันเร่งจัดตั้งกลไกในการดำเนินการ การติดตามและรายงานผล เพื่อนำนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายไกรสร กล่าวอีกว่าทางจังหวัดขอนแก่นจึงได้ดำเนินการจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัด และจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอ 26 อำเภอ เพื่อดำเนินการตั้งจุดตรวจจุดสกัดสิ่งผิดกฎหมาย ตรวจตรา หาข่าวยาเสพติด การค้ามนุษย์ การครอบครองและพกพาอาวุธปืนการพนัน การดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังผู้มีอิทธิพล สถานบริการและสถานบันเทิงเพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนในทันที และเพื่อบูรณาการการทำงานแจ้งข้อมูลข่าวสาร จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการจัดระเบียบสังคมและปราบปราม ผู้มีอิทธิพลจังหวัดขอนแก่น ณ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น

เชียงใหม่-เปิดอาคารศูนย์ดูแลสัตว์เลี้ยง"Pet Care Center, CMU”คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ บริษัท ดับเบิลยู มอลล์ จำกัด จัดงาน Grand Opening อาคาร  “PET CMU: ศูนย์ดูแลสัตว์เลี้ยง” แห่งใหม่ สำหรับดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.น.สพ.กรกฎ งานวงศ์พาณิชย์ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวรายงาน ศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าเชียงใหม่ นายกเทศบาลตำบลหนองหอย ปศุสัตว์เขต 5 ปศุสัตว์จังหวัดเชียงใหม่ ผู้บริหารคณะและสถาบันกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้มีเกียรติภาครัฐและเอกชน ร่วมงาน ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 ณ อาคารโซน E สถานีบริการน้ำมันบางจากเชียงใหม่ออยส์  จังหวัดเชียงใหม่

ศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ขอแสดงความชื่นชมยินดีในพัฒนาการและความเข้มแข็งของคณะสัตวแพทยศาสตร์ ที่ได้ริเริ่มในความร่วมมือโครงการพัฒนาและจัดทำพื้นที่สถานพยาบาลสัตว์ ซึ่งถือเป็นศูนย์ดูแลสัตว์เลี้ยงครบวงจร เพื่อให้บริการวิชาการทางสัตวแพทย์ในการรักษาสัตว์เลี้ยงและฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ป่วย อันได้แก่ สุนัข แมว สัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์เลี้ยงพิเศษอื่นๆ รวมถึงเปิดบริการตรวจรักษาคลินิกพิเศษเฉพาะทางหัวใจ ข้อและกระดูก รวมถึงฝังเข็ม ภายใต้การดูแลของสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฯ อันจะเกื้อหนุนให้ทั้งคณะฯ และมหา
วิทยาลัยฯ ยั่งยืนสืบต่อไป

ศาสตราจารย์ ดร.น.สพ.กรกฎ งานวงศ์พาณิชย์ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสการจัดงาน Grand Opening อาคาร PET CMU: ศูนย์ดูแลสัตว์เลี้ยง อย่างเป็นทางการ จึงได้จัดกิจกรรมให้บริการตรวจสุขภาพ ประกอบไปด้วย บริการตรวจเสียงหัวใจ ปอด ตรวจตา หู ช่องปากเบื้องต้น ตรวจผิวหนังเบื้องต้น และตัดเล็บ เช็ดหู เป็นต้น บริการถ่ายพยาธิและหยอดยาป้องกันเห็บ-หมัดให้กับสุนัขและแมวที่เจ้าของพามารับบริการภายในงาน ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนให้สุนัขและแมวมีสุขภาพที่ดี นอกจากนี้ ยังได้จัดกิจกรรมสำหรับให้เจ้าของสัตว์ร่วมสนุกลุ้นรับรางวัลภายในงานด้วย

PET CMU: ศูนย์ดูแลสัตว์เลี้ยง เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. บริการให้คำปรึกษาการดูแลสัตว์เลี้ยง รับฝากสัตว์เลี้ยง ตรวจรักษาโรคทั่วไป ตรวจเลือด ให้บริการทำหมันและผ่าตัดทั่วไป บริการฉีดวัคซีนป้องกันเห็บ-หมัด ป้องกันพยาธิหนอนหัวใจและถ่ายพยาธิ นอกจากนี้ ยังมีบริการตรวจรักษาด้วยเครื่อง Digital X-ray และเครื่อง Ultrasound รวมถึงการเปิดให้บริการคลินิกพิเศษเฉพาะทาง ประกอบไปด้วย คลินิกโรคหัวใจ คลินิกข้อและกระดูก คลินิกฝังเข็ม คลินิกผิวหนัง คลินิกทันตกรรม และคลินิกระบบสืบพันธุ์ โดยคณาจารย์จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

รอง ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยม สภ.เมืองนนทบุรี เน้นย้ำมาตรการป้องกันปราบปรามตามนโยบายรัฐบาล พร้อมมอบรางวัลตามนโยบาย ผบ.ตร. “ดีเด่น ต่อเนื่อง” แก่ 2 นายตำรวจ จับกุมคนร้ายและตรวจยึดอาวุธปืนป้องกันไม่ให้การก่อเหตุในพื้นที่

วันนี้ (3 พ.ย.66) เวลา 12.30 น.  พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.(ปป) ได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมอย่างไม่เป็นทางการ โดยมี พ.ต.อ.ปรารถนา แผ่นผา รรท.ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พร้อม รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี , พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ให้การต้อนรับ  

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ถ่ายทอดนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลในงานป้องกันปราบปราม เกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ การยกระดับการดูแลนักท่องเที่ยว การแก้ปัญหายาเสพติด และการดูแลสถานบริการและอบายมุขในพื้นที่

นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้มอบรางวัลเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับ ด.ต.พิเชษฐ จำปาทอง และ ส.ต.ต.นัธทวัฒน์ เกตุแก้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองนนทบุรี จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ต.ค.66 เวลาประมาณ 03.40 น. ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ จนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายและตรวจยึดอาวุธปืนได้ ป้องกันไม่ให้มีการก่อเหตุในพื้นที่ได้ต่อไป ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้กล่าวชื่นชมในความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทั้ง 2 นาย โดยการมอบรางวัลครั้งนี้เป็นไปตามแนวความคิดของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่ต้องการให้ความสำคัญกับผู้ปฏิบัติงานที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ตามนโยบาย “ดีเด่น ต่อเนื่อง” ต่อไป

เชียงใหม่-โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จัดพิธีมอบทุนการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2566 “นักเรียนเรียนดี แต่ขาดทุนทรัพย์”

วันศุกร์ ที่ 3 พฤศจิกายน 2566 เวลา 9.00 น.โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย โดย นายสำเร็จ ไกรพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ได้มอบหมายให้งานแนะแนว ฝ่ายกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จัดพิธีมอบทุนการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2566 โดยมีแม่ครูกนกพร ปรีดาสุริยะชัย ประธานชมรมเพชรยุพราช ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี นายสำเร็จ ไกรพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวรายงาน  เพื่อเป็นการช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียนของนักเรียน ณ ห้องประชุมอาคารนวรัตน์ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 

นายสำเร็จ ไกรพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวว่า ตามที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ได้ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนด้านทุนการศึกษาแก่นักเรียนเรียนดี แต่ขาดทุนทรัพย์ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระค่าใชจ่ายในการศึกษาเล่าเรียนของนักเรียน ซึ่งทุนการศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งที่ให้โอกาสแก่นักเรียนหลายคนให้ได้มีโอกาสทางการศึกษา 

ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยได้รับความอนุเคราะห์จากผู้มีเมตตาจิต เพชรยุพราช คณะศิษย์เก่ายุพราชวิทยาลัยรุ่นต่างๆ ดอกผลมูลนิธิและกองทุนการศึกษา นำมาจัดสรรช่วยเหลือนักเรียน ดังนี้
สมาคมศิษย์เก่ายุพราชวิทยาลัย-ศิษย์เก่ารุ่นต่างๆ จำนวนเงิน 1,470,500 บาท ,ครูอดิศักดิ์-ครูจริยา อนุกูล และทันตแพทย์พงษ์กมล กาบบัว ช่วยประสานงาน ได้รับเงินทุนการศึกษาจำนวน 230,000 บาท ,จากดอกผลมูลนิธิ กองทุนการศึกษา เพชรยุพราช รวมทั้งคุณครู ผู้มีจิตเมตตา หน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชน บริษัทห้างร้าน องค์กรการกุศล ต่างๆ จำนวน 623,070 บาท รวมยอดเงินที่นำมาจัดสรรเป็นทุนการศึกษา จำนวนทั้งสิ้น 2,323,570 บาท

โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยได้จัดสรรเงินทุนการศึกษาให้กับนักเรียน ที่มีคุณสมบัติ เป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เป็นผู้ที่มีความประพฤติเรียบร้อย ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนฐานะครอบครัวขาดแคลนทุนทรัพย์ และมีจิตอาสาช่วยเหลือ เสียสละ และร่วมกิจกรรมของโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ

โดยแยกเป็นระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวนทุนละ 4,000 บาท ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวนทุนละ 5,000 บาท ได้รับการจัดสรรดังนี้ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 201 ทุน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 275 ทุน รวมจำนวนทุนทั้งหมด 476 ทุน

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หารือ คกก.แก้ปัญหาพีมูฟ เคาะแนวทางช่วยประชาชน

เมื่อวานนี้ (2 พฤศจิกายน 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานจากห้องประชุม 10-01 ชั้น 10 กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ผ่านมา มีการหารือแนวทางการขับเคลื่อนงาน ของคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม แนวทางการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ กลุ่มพีมูฟ ซึ่งมี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานอนุกรรมการฯ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน โดยมีคณะผู้บริหาร กระทรวงยุติธรรม ในฐานะ คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือด้วย

ทั้งนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะฯ มีการหารือที่มุ่งให้น้ำหนักการช่วยเหลือประชาชาชนและราษฎรซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการด้านนโยบายของรัฐ อาทิ ปัญหาการออกกฏหมายที่ดินหรือป่าไม้ที่มีพื้นที่ซ้อนทับกับชาวบ้านที่เป็นที่ทำกินอยู่เดิม และให้ช่วยเหลือคดีที่ไม่เป็นธรรมทั้งปวง โดยให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด ทั้งการดำเนินการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายเกี่ยวกับคดีที่ดินป่าไม้ รวมทั้งหารือและรับฟังข้อเสนอที่กลุ่มพีมูฟเสนอที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและคดีที่เกี่ยวกับที่ดิน ทรัพยากร ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top