Sunday, 4 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

ปปช.คัดเลือกเมืองพัทยาหน่วยงานภาครัฐบริหารงานอย่างโปร่งใส รับรางวัลเกียรติยศ ITA Awards ประจำปี 2566

วันที่ 3 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากทีมประชาสัมพันธ์เมืองพัทยาว่า นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้เข้ารับมอบโล่รางวัลเกียรติยศประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ประเภทพัฒนาการสูงสุด ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (ITA Awards) ที่จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลเกียรติยศฯ พร้อมด้วย ผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ช. และผู้บริหารสูงสุดของทุกหน่วยงานที่ได้รับมอบรางวัลเข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธี ที่ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทําเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร

โดยเมืองพัทยาได้เข้ารับการประเมิน เป็นหน่วยงานที่มีคุณธรรมและความโปร่งใส ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งเมืองพัทยาได้รับผลคะแนนรวม บรรลุผลตามเป้าหมายตัวชี้วัดที่กำหนดหลักเกณฑ์ในการมอบรางวัล ITA Awards  เป็นผลมาจากการบริหารจัดการและการดำเนินงานในทุกมิติอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และมีความโปร่งใส ประเภทพัฒนาการสูงสุด
    
ทั้งนี้ การได้รับโล่รางวัลเกียรติยศประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ได้สะท้อนให้เห็นว่า เมืองพัทยามีการบริหารงานและกำกับดูแลการดำเนินงานให้มีคุณธรรมและให้ความสำคัญกับความโปร่งใสขององค์กรเป็นอย่างดี

นายปรเมศวร์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่าเมืองพัทยาได้เข้ารับการประเมิน เป็นหน่วยงานที่มีคุณธรรมและความโปร่งใส ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งเมืองพัทยาได้รับผลคะแนนรวม บรรลุผลตามเป้าหมายตัวชี้วัดที่กำหนดหลักเกณฑ์ในการมอบรางวัล ITA Awards จากหน่วยงานทั้งประเทศที่ได้รับการประเมินทั้งหมด 8,303หน่วยงาน โดยเมืองพัทยาเป็น 1 ใน 33 หน่วยงานที่ได้รับรางวัลในวันนี้ ในด้านการพัฒนาสูงสุดซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการและการดำเนินงานในทุกมิติอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเป็นธรรม และมีความโปร่งใสต่อพี่น้องประชาชน และยังสะท้อนหน่วยงานของเมืองพัทยาตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ได้มุ่งมั่นสร้างคุณธรรมและให้มีความโปร่งใสในองค์กรให้เป็นที่ประจักษ์ และถือได้ว่ารางวัลนี้เป็นรางวัลแรกที่เมืองพัทยาได้รับ และเป็นรางวัลสำหรับทุกคนตั้งแต่ระดับผู้บริหารหัวหน้าส่วน ตลอดจนพนักงานทุกคน ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลพลอยได้ ที่ทุกคนมุ่งมั่นตั้งใจทำงานกันมาอย่างหนักตลอดปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้การได้รับโล่รางวัลเกียรติยศประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ได้สะท้อนให้เห็นว่า เมืองพัทยามีการบริหารงานและกำกับดูแลการดำเนินงานให้มีคุณธรรมและให้ความสำคัญกับความโปร่งใสขององค์กรเป็นอย่างดี และรางวัลนี้เป็นการรับประกันการทำงานของเมืองพัทยาที่ผ่านมา ในการที่จะมุ่งมั่นทุ่มเทสร้างความมั่นใจ กับการพัฒนาให้บริการแก่ประชาชน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการตอบสนองประชาชนในเรื่องของความโปร่งใส ให้ได้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด

พี่โจ๊ก ควงพี่ปิ่น ตรวจสภาพการจราจรพื้นที่ CBD ดูสภาพความเป็นจริง และให้กำลังใจตำรวจจราจรในพื้นที่

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 3 พ.ย.66) เวลาประมาณ 07.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(มค) รับผิดชอบงานจราจร พร้อมด้วย พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. (อดีต ผบก.จร.) ร่วมกันลงตรวจสภาพการจราจรในพื้นที่ธุรกิจหลัก หรือ CBD ของกรุงเทพมหานคร ในเส้นสาทร วิทยุ เป็นหลัก ร่วมกับ พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รรท.รอง ผบช.น. ที่รับผิดชอบงานจราจร, พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิต รรท.ผบก.จราจร และ พ.ต.อ.สามารถ พรหมชาติ รรท.ผบก.น.6 เพื่อให้เห็นสภาพความเป็นจริง โดยลงพื้นที่หน้าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนหลักบนถนนสาทรใต้ ที่มีผู้ปกครองเดินทางมาส่งบุตรหลานเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลต่อสภาพการจราจรบนถนนสาทรใต้ ต่อเนื่องสะพานตากสิน ที่ข้ามมาจากฝั่งธนบุรีได้ แต่ก็พบว่าทาง สน.ยานนาวา ได้ร่วมกับสมาคมผู้ปกครองของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ช่วยกันอำนวยความสะดวกการจราจร ดูแลบุตรหลานและประชาชนบริเวณดังกล่าวได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ไม่มีปัญหารถสะสมบริเวณหน้าโรงเรียนแต่อย่างใด หลังจากนั้นได้ไปตรวจสภาพการจราจรบริเวณแยกสาทร-สุรศักดิ์ และแยกวิทยุ ตรวจเยี่ยมให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ มอบกาแฟกระป๋อง ไว้เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อเห็นสภาพความเป็นจริงแล้ว ได้เดินทางต่อไปยัง บก.จร. ณ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) เพื่อดูภาพรวมการจราจรทั้งพื้นที่ รับฟังสรุปปัญหาการจราจรทั้งหมด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ รอง ผบ.ตร.(มค) เปิดเผยว่า ท่าน ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้รับผิดชอบดูงานจราจรภาพรวมทั้งประเทศ ก่อนหน้านี้ก็ได้รับรายงานถึงปัญหาการจราจรต่าง ๆ มาแล้ว วันนี้จึงตัดสินใจลงมาให้เห็นด้วยสายตาตัวเอง และต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชน พ่อแม่ ครู ผู้ปกครอง ผู้อำนวยการโรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันปัญหาการจราจรเป็นหนึ่งในปัญหาหลักของประเทศ ที่ตำรวจต้องร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ช่วยกันแก้ไขปัญหา จะทำเพียงหน่วยงานเดียวไม่ได้ โดยคิกออฟด้วยการสั่งให้สำรวจสภาพปัญหาทางกายภาพ ปัญหาภูมิประเทศ ที่ส่งผลต่อการจราจร ทำให้การจราจรติดขัด ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น พื้นผิวการจราจรที่ขรุขระ เป็นหลุม เป็นบ่อ แล้วประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ร่วมกันช่วยกันแก้ไขปัญหา โดยตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ เอง จะลงมาช่วยเสริมเติมเต็มในการช่วยประสานงานกับหน่วยงานข้างเคียง 

ส่วนในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย มีกฎหมายใหม่ออกมาหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.เปรียบเทียบปรับเป็นพินัย ที่ออกมาเพื่อให้สอดคล้องและคุ้มครองสิทธิของพี่น้องประชาชน บรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็จะไปเข้าพบปรึกษาหารือกับ ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรโณ ประธานกรรมการว่าด้วยการปรับเป็นพินัย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อนำข้อหารือ องค์ความรู้ มาทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทั้งประเทศในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ลูกน้องมีความเข้าใจ มีความมั่นใจ เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันว่าการบังคับใช้กฎหมายจะบังคับใช้อย่างไร การบังคับใช้กฎหมายเราต้องทำเพื่อการจัดการจราจร จัดระเบียบสังคม ต้องไม่ทำเพื่อหวังเงินค่าปรับหรือเงินรางวัล และการตั้งด่านจราจรก็ทำเพื่อสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน เรายังต้องตั้งด่านตามปกติ แต่ต้องไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ที่ด่านจราจร เพราะด่านคือตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่น เห็นด่านต้องวิ่งเข้าด่าน เพราะเขามั่นใจในความปลอดภัย

ในเรื่องสถิติการเกิดอุบัติเหตุจราจรต่าง ๆ ต้องลดลง และต้องลดลงอย่างมีนัยนะสำคัญ ไม่ใช่ลดลงด้วยการทำตัวเลข ต้องเอาเรื่องจริงมาพูดคุยกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็จะมาช่วยเสริมเติมเต็ม ซึ่งที่ผ่านมาในพื้นที่ก็ช่วยกันทำงานดีอยู่แล้ว และในวันนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยท่าน ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็ได้เตรียมการ เตรียมแผนในเทศกาลลอยกระทง เทศกาลปีใหม่ไว้เรียบร้อยแล้ว จุดประสงค์เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย มีความเชื่อมั่น มีความมั่นใจ และกลับมาทำงานด้วยความปลอดภัย สิ่งสำคัญคือการสร้างองค์ความรู้ด้านกฎหมาย สร้างวินัยจราจร สิ่งใดที่เป็นควิกวินที่ต้องรีบทำ ต้องเร่งดำเนินการ เช่น การรณรงค์ให้สวมหมวกกันน็อค การรณรงค์เมาไม่ขับ เรื่องฟุตบาท ทางเท้าต่าง ๆ เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นการสนองตอบต่อนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการให้เกิดความปลอดภัยกับพี่น้องประชาชน ประชาชนมีความเชื่อมั่น

สุดท้ายในการตรวจเยี่ยม การลงพื้นที่ ดูการปฏิบัติหน้าที่ของเพื่อนข้าราชการตำรวจ ก็จะได้นำความห่วงใยจากท่าน ผบ.ตร. ลงไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ สร้างขวัญและกำลังใจ ช่วยเสริม เติมเต็มเป็นสำคัญ และในช่วงบ่ายโมงวันนี้ ก็จะเดินทางไปโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเยี่ยมดูอาการ ส.ต.อ.นฤพล สมจิตต์ ผบ.หมู่ ศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดี/ทางพิเศษ ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนบนถนนวิภาวดีรังสิตขณะยืนปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัยในเส้นทางเสด็จฯ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 โดยได้รับบาดเจ็บข้อมือขวาหัก ฟันหัก 1 ซี่ และมีบาดแผลตามร่างกาย ต่อไป

เชียงใหม่-ทชม. Kick off เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ประเดิมเที่ยวบินแรก 'เชียงใหม่-โอซาก้า'

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ Kick off เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ประเดิมเที่ยวบินแรก 'เชียงใหม่-โอซาก้า' รองรับนักท่องเที่ยวตามนโยบาย Quick-Win กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาล โดยการจัดเที่ยวบินหลังเที่ยงคืน จะคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นหลักสำคัญ        

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธาน Kick off ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) เปิดบริการ 24 ชั่วโมง ณ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยมีนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ผู้บริหารระดับสูงของ ทอท. รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทนส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน 

ตลอดจนผู้ประกอบการธุรกิจการบินและการท่องเที่ยว รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง โดยเที่ยวบินแรกที่ทำการบินหลังเวลาเที่ยงคืน เพื่อเป็นการประกาศให้บริการ 24 ชั่วโมงของท่าอากาศยานเชียงใหม่ คือ สายการบินไทยเวียตเจ็ท เที่ยวบินที่ VZ 822 เส้นทาง เชียงใหม่-โอซาก้า กำหนดออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ เวลา 00.30 น. ของวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 (คืนวันที่ 31 ตุลาคม 2566) เดินทางถึงท่าอากาศยานคันไซ (โอซาก้า) เวลา 07.50 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) 

โอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ คณะผู้บริหารของ ทอท.และผู้ร่วมกิจกรรม ได้ร่วมกันแจกของที่ระลึกให้แก่ผู้โดยสารที่เดินทางไปกับเที่ยวบินดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีการแสดงฟ้อนรำประกอบดนตรีพื้นเมือง การประดับตกแต่งบรรยากาศความเป็นล้านนา ภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และยังได้รับความอนุเคราะห์จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ประดับตกแต่งไม้ดอกไม้ประดับ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารที่มาใช้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่ด้วย

กระบี่-เปิดปฏิบัติการ (Kick off) ปล่อยแถวระดมกวาดล้างสิ่งผิดกฎหมายตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล เน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

นายสมชาย หาญภักดีปฎิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานปล่อยแถวระดมกวาดล้างสิ่งผิดกฎหมายตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเพื่อสนองนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการป้องกันและปราบปราม ผู้มีอิทธิพลในแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งออกตรวจจัดระเบียบสังคม เพื่อกวดขัน ตรวจตรา และให้คำแนะนำต่อสถานบริการสถานประกอบกิจการต่างๆ ได้ถือปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดในการเปิดให้บริการเน้นย้ำห้ามเด็กและเยาวชนเข้าใช้บริการ ในสถานบริการและห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กและเยาวชน รวมถึงการปิดให้บริการตามเวลาที่กฎหมายกำหนด อันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในพื้นที่ 

สำหรับจังหวัดกระบี่ได้เร่งจัดตั้งกลไกในการดำเนินการ การติดตามและรายงานผล เพื่อนำนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไปสู่ การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการบูรณาการหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ทุกภาคส่วน ร่วมกับชุดปฏิบัติการของฝ่ายปกครองที่จังหวัดและอำเภอจัดตั้ง ดำเนินการตั้งจุดตรวจจุดสกัดสิ่งผิดกฎหมาย ตรวจตรา หาข่าวที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด การค้ามนุษย์ การครอบครองและพกพาอาวุธปืน การพนัน ผู้มีอิทธิพล ตลอดจนสถานบริการและสถานบันเทิง ที่กระทำผิดกฎหมาย และเน้นย้ำให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อผู้ที่ฝ่าฝืนในทันที

อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าว ขอให้แจ้งเบาะแสมายังศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ หรือโทรศัพท์สายด่วน 1195 พร้อมกับขอความร่วมมือจากประชาชนในทุกภาคส่วนของสังคม ได้ร่วมกันใช้มาตรการทางสังคม กดดันผู้กระทำผิดให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควบคู่ไปกับการใช้มาตรการทางกฎหมายจากเจ้าหน้าที่รัฐ ในการขยายผลปราบปรามจับกุมอย่างจริงจัง พร้อมทั้งร่วมกันให้ข้อมูลข่าวสาร หรือเบาะแสเพิ่มเติม เกี่ยวกับบุคคลที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ผ่านทาง ตู้ ปณ. 1111 รวมทั้ง ศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่าน หมายเลข 1599

พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรม 'Open house' เปิดบ้านทหารใหม่

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 66 ที่ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.พิษณุโลกพลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยม  การจัดกิจกรรมต้อนรับครอบครัวและญาติทหารใหม่  เพื่อเป็นการพบปะและพัฒนาความสัมพันธ์กับครอบครัวและญาติทหารใหม่ ซึ่งการเปิดบ้านครั้งนี้เป็นการเปิดบ้านของ หน่วยฝึกทหารใหม่ของ นขต.ทภ.3 ในพื้นที่ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  

กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรมต้อนรับครอบครัวและญาติทหารใหม่” ผลัดที่ 2/2566 ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้ญาติและครอบครัวทหารใหม่ได้ร่วมสังเกตการณ์การส่งทหารเข้าหน่วย และได้เห็นกรรมวิธีการรับทหารใหม่ในทุกขั้นตอน อีกทั้งยังได้เปิดค่ายทหารและหน่วยฝึกทหารใหม่ ให้ครอบครัวและญาติได้เยี่ยมชม ตั้งแต่วันแรกที่ทหารมาถึงหน่วยฝึก เพื่อให้ครอบครัวและญาติทหารใหม่ได้สัมผัสถึงความเป็นอยู่ของบุตรหลาน ทำความรู้จักกับ ผู้บังคับหน่วยและบุคลากรทุกระดับชั้น พร้อมกับได้เห็นลักษณะที่พักอาศัย สถานที่ฝึก โรงประกอบเลี้ยง สถานที่ออกกำลังกาย สถานที่สันทนาการ ระบบการรักษาพยาบาล ได้รับทราบถึงกระบวนการฝึกทหาร การศึกษาต่อระหว่างประจำการ การฝึกอาชีพเสริม  ความก้าวหน้าในการบรรจุเข้ารับราชการ ทหาร รวมทั้งสิทธิและสวัสดิการของทหารกองประจำการอย่างครบถ้วน โดย กองทัพภาคที่ 3 ได้อำนวยความสะดวกให้กับญาติและครอบครัวทหารใหม่ที่มาร่วมกิจกรรม  มีสถานที่พักคอย อาหาร  เครื่องดื่ม บริการตรวจสุขภาพ และจัดยานพาหนะรับส่ง  

ส่วนที่ศาลาประชาคม ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นจุดรับทหารใหม่ โดยมี พ.อ.กฤติ พันธะสา รองผู้บัญชาการณฑลทหารบกที่ 39 ได้เดินหน่วยรับทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยรับทหารใหม่ของกองทัพเรือ และกองทัพทหารอากาศ โดยมีพ่อแม่และญาติได้ร่วมมาส่งลูกหลานในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
        
ทั้งนี้การจัดกิจกรรมการต้อนรับครอบครัวและญาติทหารใหม่ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความพร้อมของหน่วยทหารในกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับทหารใหม่ ทั้งเรื่องมาตรฐานการฝึก ระบบการบังคับบัญชา การพัฒนาคุณภาพชีวิต มุ่งเสริมสร้างทหารกองประจำการให้สามารถดำรงเกียรติ มีทักษะด้านการทหาร มีจิตอาสา พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจทั้งด้านความมั่นคง การพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพื่อให้พ่อแม่พี่น้องได้มั่นใจว่า กองทัพบกจะดูแลบุตรของท่านให้ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุด ดูแลด้วยใจ ห่วงใยดั่งคนในครอบครัว

เก็บตกวันฮาโลวีนในสวนสัตว์เชียงใหม่

วันฮาโลวีนในปีนี้ สวนสัตว์เชียงใหม่ นำเหล่าบรรดาผีๆ ออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยว พร้อมแจกขนมหวานและของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวที่มาร่วมกิจกรรมของสวนสัตว์เชียงใหม่ ณ ซุ้มกิจกรรม “Halloween @Chiang Mai Zoo” พร้อมเช็คอินที่สวนสัตว์เชียงใหม่

วันที่ 31 ตุลาคม 2566 นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ นำทีมเหล่าบรรดาผีๆ ออกมาต้อนรับ และสร้างสีสันในวันฮาโลวีน เดินทักทาย แจกขนมหวาน พร้อมมอบของรางวัลพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการที่สวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมเช็คอินที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ในวันนี้เจ้าหน้าที่จำหน่ายบัตร และเจ้าหน้าที่ตรวจเช็คบัตร แต่งกายด้วยผี ออกมาให้บริการนักท่องเที่ยว มีการตกแต่งซุ้มบรรยากาศของเทศกาลฮาโลวีน ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปอีกด้วย ส่วนบริเวณส่วนจัดแสดงเสือดำ-ดาว ได้มีการจัดส่งเสริมพฤติกรรมสัตว์ ด้วยการแกะสลักรูปฟักทอง และใส่เนื้อภายในฟักทอง วางให้เสือดำ-ดาว เดินออกมากินเนื้อที่อยู่ข้างในฟักทอง และนำผัก ผลไม้ มาประดับตกแต่งเป็นตัวอักษร คำว่า “Halloween” อย่างสวยงามภายในส่วนจัดแสดงเสือ ทั้งนี้เพื่อให้เสือได้ออกกำลังกายและแสดงถึงพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติในการกินอาหารของสัตว์ และทำให้เสือมีสุขภาพที่แข็งแรงด้วย

ผบ.ตร.ลงพท.จังหวัดชายแดนใต้ติดตามคลี่คลายคดีสำคัญ ให้น้อมนำยุทธศาสตร์ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มีส่วนร่วมกับชุมชน เป็นมาตรการเชิงรุกป้องกันเหตุยุติความรุนแรง กำชับดูแลความเป็นอยู่ ผู้ปฏิบัติทุกมิติ พร้อมลงเยี่ยมจุดตรวจมั่นคง สร้างขวัญกำลังใจตำรวจชายแดนใต้

วานนี้ (31 ต.ค. 66) เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เป็นประธานในการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีสำคัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รรท.รอง ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. โดยมี พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รรท.ผบช.ภ.9 , พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รอง ผบช.9 , พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9 , พล.ต.ต.อาชน จันทร์ศิริ รรท.รอง ผบช.ภ.9 , พล.ต.ต.สันทัศน์ เชื้อพุฒตาลรรท.ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ,พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล รรท.ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ,พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ รรท.ผบก.ภ.จว.สงขลา , หัวหน้าสถานีตำรวจในพื่ยทีา จว.ปัตตานี 16 สถานี และ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 3 ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี

การลงพื้นที่ครั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ ได้ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีสำคัญที่เกิดขึ้น และให้แนวทางในการสืบสวนสอบสวนคดีต่างๆ สำหรับในส่วนของการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่นั้น ได้มอบแนวทางให้กับสถานีตำรวจในพื้นที่ น้อมนำยุทธศาสตร์ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาเป็นหลักปฏิบัติในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อยุติเหตุและความรุนแรงด้วยมาตรการเชิงรุก ให้ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่นและผู้นำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา พร้อมทั้งกำชับหัวหน้าสถานี ให้ความสำคัญกับผู้ใต้บังคับบัญชา ดูแลความเป็นอยู่ และขวัญกำลังใจของผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่

ทั้งนี้ ผบ.ตร.ได้ฝากความห่วงใยไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกท่าน พร้อมจะเป็นกำลังใจ สนับสนุนการปฏิบัติ ดูแลขวัญกำลังใจทุกมิติ ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักยุทธวิธี ให้ผู้บังคับบัญชาลงลึกดูรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้ปฏิบัติตามนโยบายของ ตร.และรัฐบาล   

ต่อมา เวลา 20.40 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รรท.ผบช.ภ.9/ผบ.ศปก.ตร.สน. ตรวจเยี่ยมจุดตรวจท่าสาป และมอบนโยบาย พร้อมมอบสิ่งของตรวจเยี่ยมเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจประจำจุดตรวจ ณ จุดตรวจท่าสาป อ.เมืองยะลา จว.ยะลา สร้างขวัญกำลังใจให้ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน ที่ ผบ.ตร.ให้ความสำคัญ ลงพื้นที่เยี่ยมจุดตรวจความมั่นคงจังหวัดชายแดนใต้ด้วยตนเอง 

CEO ไทย สมายล์ กรุ๊ป เดินหน้าเพิ่มฟีดรถ EV สีส้มราคาประหยัด ทั้งความถี่และจำนวนยกระดับการให้บริการต่อเนื่อง เตรียมใช้เทคโนโลยี Fleet Management แก้ปัญหาจอดรับผู้โดยสาร

นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทย สมายล์ กรุ๊ป เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินงานของไทยสมายล์บัสตลอด 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปี 2566 ระบุว่า การพัฒนาธุรกิจในเครือไทยสมายล์กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของเส้นทางให้บริการที่ปัจจุบัน มีทั้งสิ้น 123 เส้นทาง ประกอบกับการเพิ่มจำนวนรถเข้าให้บริการพี่น้องประชาชน จาก 800 คัน ในช่วงต้นปี 2565 จนปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2,200 คันแล้ว ส่งผลให้ยอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดิมเฉลี่ยมากกว่า 300,000 คน/วัน สอดคล้องกับจำนวนรถและรอบที่ให้บริการมากขึ้น ทำให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่พี่น้องประชาชนหันมาใช้บริการรถสาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้นขณะเดียวกันทางบริษัท ได้เพิ่มความถี่ เพิ่มจำนวนรถ เพิ่มจำนวนรอบ ไปจนถึงการขยายเวลาการวิ่งให้บริการเป็น 24 ชั่วโมง ใน 4 เส้นทาง

ส่วนแผนระยะยาว ทางไทยสมายล์บัส มีแผนขยายการให้บริการในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการวิ่งรถในเส้นทางใบอนุญาตปัจจุบัน และการขยายให้บริการรูปแบบ Feeder เชื่อมต่อการขนส่ง ทั้งรถ-เรือ-ราง ทั้งยังเพิ่มการให้บริการกลุ่มลูกค้าองค์กรต่าง ๆ ซึ่งในปีหน้าเชื่อว่าจะมีรถเข้ามาให้บริการเพิ่มเป็น 3,100 คันตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ คาดการณ์ว่าจะมียอดผู้โดยสารใช้งานเฉลี่ยมากกว่า 500,000 คน/วัน

อย่างไรก็ตาม ซีอีโอ ไทย สมายล์ กรุ๊ป ยอมรับว่า ตนรับทราบถึงความเห็นของผู้ใช้บริการ ที่อาจยังพบกับความไม่สะดวกในบางส่วน ทางบริษัทรับฟังและได้ทำการแก้ไขต่อเนื่อง เช่น รถเมล์ไฟฟ้าของ TSB ไม่จอดรับผู้โดยสาร วิ่งเลนขวา ทางบริษัทได้ลงทุนสร้างศูนย์ฝึกอบรมครบวงจร ที่จะปั้นพนักงานขับรถ “กัปตันเมล์” รุ่นใหม่เข้ามาให้บริการด้วยมาตรฐานที่ยกระดับขึ้น ทั้งยังปรับสิทธิประโยชน์รายได้ของพนักงานให้สอดคล้องกับพฤติกรรม นอกจากนี้บริษัทได้เริ่มทดลองใช้ระบบ Fleet management ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กำกับการเดินรถ สามารถตรวจการเข้าป้าย ความเร็ว ปริมาณผู้โดยสารบนรถ ไปจนถึงการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ขับขี่-พนักงานผู้ให้บริการ จึงขอให้มั่นใจว่า การบริการของ TSB จะปรับปรุงแก้ไข พัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ

โดยในวันเดียวกันนี้ ยังได้มีการเปิดตัว รถเมล์ไฟฟ้าราคาประหยัด หรือ “รถ EV สีส้ม” ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของภาครัฐ ที่มีกำหนดนโยบายว่าเอกชนผู้ได้รับใบอนุญาต ต้องดำเนินการจัดหาให้มีรถร้อน ออกให้บริการประชาชนเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งทางบริษัทได้จัดหามาทั้งสิ้นจำนวน 60 คัน เพื่อนำไปเสริมการเข้าถึงบริการขนส่งมวลชนให้ครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้น ในเฟสแรกจะให้บริการใน 10 เส้นทาง จากนั้นจะศึกษาผลตอบรับเพื่อนำไปพัฒนาการให้บริการต่อไปในอนาคต ด้วยอัตราค่าโดยสาร 10 บาท ตลอดสาย ตามข้อกำหนดใบอนุญาตของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถชำระค่าโดยสารได้ทั้งรูปแบบ HOP Card ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ เดลิ แมกซ์ แฟร์ เดินทางไม่จำกัดในราคาเพียง 40 บาทตลอดสาย ไปจนถึงการชำระด้วยรูปแบบเงินสด

ด้านการพัฒนาของ ไทย สมายล์ โบ้ท ได้มีการเสริมฟีดเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า รูปแบบใหม่ ขนาด 19 เมตร เป็นเรือ Catamaran พลังงานสะอาด 100% ซึ่งมีความแตกต่างในทางกายภาพจากเรือรูปแบบเดิมของบริษัท ด้วยขนาดที่กระทัดรัดคล่องตัวมากขึ้น เหมาะที่จะเดินเรือในเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยาได้ในทุกสภาพอากาศแม้ช่วงน้ำขึ้น ปัจจุบันได้รับเพิ่มมาแล้วจำนวน 9 ลำ ส่งผลให้บริษัทมีฟลีทเรือให้บริการทั้งสิ้น 35 ลำ ซึ่งจะเข้าไปบริการในเส้นทาง Urban และ City Line ก่อนในช่วงแรก แล้วจึงขยายไปเส้นทาง Metro Line ตามความต้องการของผู้โดยสารในแต่ละเส้นทาง สร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้เดินทาง โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วน คาดว่าจะสามารถเพิ่มความถี่ให้บริการได้ ทุก 7-10 นาที พร้อมทั้งยังสามารถให้บริการกับลูกค้าองค์กร เช่น การเช่าเหมาลำ การวิ่งตามฟีดเส้นทาง หรือเรือนำเที่ยว ได้อีกด้วย

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดงานชักพระที่จังหวัดยะลา

เมื่อวานนี้ (30 ตุลาคม 2566) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงานประเพณีชักพระประจำปี 2566 ซึ่งเทศบาลนครยะลาจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 30 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา โดยมีนายอำพล พงศ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา รอง ผวจ.ยะลา ผู้บริหารเทศบาลนครยะลา ตลอดจนพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ประเพณีชักพระเป็นประเพณีที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น ได้รับการสืบทอดมาแต่บรรพบุรุษและสืบสานมาจนถึงปัจจุบัน ทราบว่าจังหวัดยะลาได้จัดกิจกรรมประเพณีชักพระมาอย่างต่อเนื่องโดยเทศบาลนครยะลาเป็นหน่วยงานหลัก มีหน่วยงานภารรัฐและเอกชนสนับสนุนการจัดกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ทำให้พี่น้องชาวจังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียงได้ร่วมกันสืบสานประเพณีอันดีงาม ก่อให้เกิดความรักความสามัคคีของผู้คนในชุมชน ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เป็นการสร้างความเชื่อมั่น เสริมความมั่นใจ และเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชน ไม่ว่าไทยพุทธหรือมุสลิม ให้สามารถดำรงชีวิตภายใต้สังคมพวัฒนธรรมตามอัตลักษณ์ของตนในทุกศาสนา

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า มีความยินดีอย่างยิ่งในการให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมประเพณีชักพระในครั้งนี้ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับพี่น้องประชาชนในการสืบสานประเพณีอันดีงามให้อยู่คู่กับท้องถิ่นของเรา ทำให้พี่น้องประชาชนชาวยะลาและจังหวัดใกล้เคียงร่วมกันสร้างบุญกุศลแสดงออกถึงความรักความสามัคคีในการร่วมมือมือใจการประดิษฐ์เรือพระและการชักพระหรือลากพระเพื่อมาร่วมงานครั้งนี้ ในครั้งนี้จึงได้ร่วมสนับสนุนการแสดงคอนเสิร์ต "บิว กัลยาณี" ศิลปินคนใต้ เพื่อสร้างความสุขให้กับประชาชน

คึกคื้น!! พิธีทอดกฐินสามัคคี 'วัดบางพลีใหญ่กลาง' ครอบครัวรอดปัญญารับเป็นเจ้าภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้จัดพิธีทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2566 โดยมีสาธุชนผู้ใจบุญจากทั่วทุกสารทิศรวมพลังบุญใหญ่ จากความสมัครสมานสามัคคีของผู้คนชาวพุทธได้มาร่วมจิตร่วมใจกันร่วมทอดกฐินสามัคคีถวายแด่ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง 

โดยพิธีทอดกฐินสามัคคีในปี 2566 นี้ ทางครอบครัวรอดปัญญา นำโดย นายธนภณ และนางธนิดา รอดปัญญา รับเป็นเจ้าภาพอุปถัมภ์และเป็นประธานทอดกฐินสามัคคี พร้อมด้วยครอบครัวมุสิกทอง ตลอดจนสาธุชนผู้ใจบุญและผู้มีจิตศรัทธาร่วมจัดพิธีทอดกฐินสามัคคี ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยมี ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางร่วมประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาตามลำดับ

จึงนับได้ว่าการทอดกฐินสามัคคีนั้นทำให้เกิดความสามัคคีธรรม คือการร่วมมือกันทำคุณงามความดี อีกทั้งยังเป็นการสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีทางพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป โดยเงินปัจจัยทั้งหมดที่ได้จากการร่วมทอดกฐินสามัคคีในปีนี้ทางวัดบางพลีใหญ่กลางจะนำไปใช้บูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ และสิ่งสาธารณูปโภคต่างๆ ของวัดต่อไป โดยยอดเงินการทำบุญทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2566 มียอดเงินทั้งสิ้นจำนวน  3,504,345 บาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top