Friday, 9 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

ซูเปอร์โพลวิเคราะห์ ‘จุดแข็ง-จุดอ่อน’ 6 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไทย ชี้ ‘ลุงตู่’ ยืนหนึ่งจงรักภักดี แต่ขี้โมโหง่าย ส่วน ‘อุ๊งอิ๊’ จุดแข็งเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ยังไร้ผลงาน

14 ส.ค. 2565 - ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง จุดแข็ง จุดอ่อน คนจะเป็นนายกรัฐมนตรี กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงทดลอง(Experimental Survey) เพื่อลดความคลาดเคลื่อนแก้ปัญหาแหล่งความคลาดเคลื่อนจากผู้ถาม ผู้ตอบและเครื่องมือวัดและใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เกาะติดข้อมูลแวดล้อมในโลกโซเชียลลดปัญหาผลกระทบความน่าเชื่อถือของข้อมูล จำนวน 2,025 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 9 – 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ผลสำรวจพบว่า

ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 47.7 เป็นชายและร้อยละ 52.3 เป็นหญิงสอดคล้องกับสัดส่วนของประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งอายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวนทั้งสิ้น 52,173,604 คน อ้างอิงฐานข้อมูลประชากรกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยเดือนมิถุนายน พ.ศ.2565 ในตัวอย่างนี้มีร้อยละ 13.4 อายุไม่เกิน 24 ปี ร้อยละ 37.2 อายุ 25 – 39 ปี ร้อยละ 35.9 อายุ 40 – 59 ปี และร้อยละ 13.5 อายุ 60 ปีขึ้นไป และเมื่อจำแนกเป็นอาชีพพบว่า ร้อยละ 6.1 เป็นข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ร้อยละ 19.2 เป็นพนักงานเอกชน ร้อยละ 19.9 ค้าขายอิสระ ร้อยละ 21.6 เป็นเกษตรกร ร้อยละ 18.9 รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 8.1 เป็นนักศึกษา ร้อยละ 4.5 เป็นพ่อบ้านแม่บ้านเกษียณอายุ และร้อยละ 1.7 อื่น ๆ และว่างงาน โดยจำนวนมากหรือร้อยละ 30.8 มีสิทธิเลือกตั้งในภาคอีสาน รองลงมาคือร้อยละ 27.8 ภาคกลาง ร้อยละ 15.8 ภาคเหนือ ร้อยละ 17.6 ภาคใต้และร้อยละ 8.0 กรุงเทพมหานคร

ที่น่าพิจารณาคือ 3 อันดับจุดแข็ง จุดอ่อน คนจะเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีจุดแข็ง ดังนี้ จงรักภักดี (45.1%) อดทนแบกภาระวิกฤตประเทศ (34.8%) มีผลงานเปิดประเทศ ฟื้นสัมพันธ์ไทยซาอุดิอาระเบีย เป็นต้น (34.0%) ในขณะที่จุดอ่อน มีดังนี้ ไม่คุมอารมณ์ โมโหง่าย (55.0%) อยู่นานมา 8 ปี (51.5%) และไม่เก่งเรื่องแก้ปัญหาปากท้อง (48.4%)

เมื่อเทียบกับ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทย มีจุดแข็ง ดังนี้ จงรักภักดี (20.1%) คนรุ่นใหม่ (43.7%) บุตรสาวอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร (46.3%) ในขณะที่จุดอ่อนของนางสาว แพทองธาร ชินวัตร มีดังนี้ ขาดประสบการณ์การเมือง (42.8%) ยังไม่มีผลงาน (40.0%) และน่าห่วงเรื่องการตัดสินใจในภาวะกดดันทางการเมือง (32.0%)

ที่น่าสนใจคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ มีจุดแข็งดังนี้ จงรักภักดี (29.3%) มีเครือข่ายกว้างขวางทุกวงการจัดการอิทธิพลได้ (39.2%) มีผลงานแก้ค้ามนุษย์ แจกที่ทำกิน จัดการน้ำ แก้ภัยแล้ง เป็นต้น (30.9%) ในขณะที่จุดอ่อน คือ อายุมาก (62.7%) ไม่มีเวลาลงพื้นที่ (36.0%) และการสื่อสารประชาสัมพันธ์ (34.9%)

เมื่อเทียบกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่พบจุดแข็งดังนี้ จงรักภักดี (16.1%) คนรุ่นใหม่ (41.4%) พูดจาเก่ง (36.1%) ในขณะที่จุดอ่อน คือ ยังไม่มีผลงาน (35.9%) ขาดบารมีทางการเมือง (36.4%) และยังมีช่องว่างเข้าไม่ถึงชาวบ้าน (35.8%)

เมื่อพิจารณาจุดแข็งของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและหัวหน้าพรรค ภูมิใจไทย พบจุดแข็ง ดังนี้ จงรักภักดี (41.3%) แก้วิกฤตโควิดต่างชาติยกย่อง ดูแลผู้ป่วยดีขึ้น (45.9%) และมีความสามารถทำธุรกิจสำเร็จมั่นคง (40.7%) ในขณะที่จุดอ่อนคือ ยังขาดคนช่วยงานที่เข้าถึงพื้นที่ (49.8%) ไม่โปรโมตตัวเอง (37.2%) และพูดไม่เก่ง (30.8%)

เมื่อถามถึงจุดแข็งของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พบว่า จงรักภักดี (34.7%) มีประสบการณ์การเมือง (43.9) และนายชวน หลีกภัย สนับสนุน (41.4%) ในขณะที่จุดอ่อนมีดังนี้ แก้ขัดแย้งในพรรคไม่ได้ คนเก่งลาออก (56.8%) ไม่โดดเด่น (35.4%) และไม่เห็นผลงาน (30.9%)
.

ศาลพิพากษา สั่งปรับ 141,500 บาท พร้อมดอกเบี้ย 5% ต่อปี ฐานลูกบ้านแอบเลี้ยงสุนัขในคอนโด ทั้งที่เคยรับปากว่าจะไม่ทำแล้ว แต่ยังพบฝ่าฝืนอีก

เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2565 ในโลกออนไลน์มีการแชร์เอกสารที่ระบุว่า  คอนโดแห่งหนึ่งได้ประกาศแจ้งปรับลูกบ้าน แอบเลี้ยงสัตว์ในคอนโด เป็นเงินจำนวน 141,500 บาท โดยมีระบุว่า เรียนท่านเจ้าของร่วม,ผู้พักอาศัย เรื่องคำพิพากษาการเลี้ยงสัตว์ภายในอาคารชุด คำพิพากษาศาลแพ่งกรุงเทพใต้วันที่ 11 สิงหาคม 65

ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 141,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 140,500 บาท นับจากวันที่ได้มีการฟ้องร้อง (วันที่ 8 ธันวาคม 64) จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ ให้จำเลยชำระค่าบำรุงพื้นที่ส่วนกลางอัตราวันละ 500 บาท นับถัดจากวันฟ้องร้องเป็นต้นไป จนถึงวันที่ 24 มกราคม 65 กับในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 65

ให้จำเลยกระทำตามข้อบังคับนิติบุคคลอาคารชุด ข้อ 20(5) “ห้ามเลี้ยงสัตว์ทุกชนิดภายในห้องชุดและ/หรือภายในบริเวณอาคารชุด” และระเบียบนิติบุคคลอาคารชุด ระเบียบที่ 1 ข้อที่ 9.2 ห้ามจำเลยเลี้ยงสัตว์ทุกชนิดในห้องชุดและ/หรือภายในอาคารชุด และห้ามเลี้ยงสัตว์ ที่สร้างความรำคาญ น่ากลัว น่ารังเกียจ ภายในห้องชุด หรือนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในอาคารชุดโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าวิชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดเป็นค่าทนายความจำนวน 5,000 บาท

ชวนตามรอยลุงตู่  ‘สกายวอล์คเมืองกาญจน์’ เปิดทดลองให้เข้าชมเฟสแรก 18-26 ส.ค.นี้ ก่อนเปิดเต็มรูปแบบต้น ก.ย.65 เช็กช่องทางลงทะเบียนจองคิวออนไลน์ที่นี่

14 สิงหาคม 2565 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก เปิดเผยว่า ภายหลังที่นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนและตรวจราชการที่จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2565 อีกทั้งได้ไปชมความงดงามของจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ “สกายวอร์กเมืองกาญจน์” ซึ่งทางเดินทำด้วยกระจกใส ระยะทาง 150 เมตร บนความสูง 12 เมตร ทอดยาวขนานไปตามริมแม่น้ำแควใหญ่ ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองใกล้ศาลหลักเมือง ขณะนี้ มีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจ และเฝ้ารอการเปิดให้บริการ

ทั้งนี้ จังหวัดกาญจนบุรี ได้แจ้งเปิดทดสอบความพร้อมการให้บริการประชาชนเข้าชม "สกายวอล์คกาญจนบุรี" เฟสแรก ในวันที่ 18-26 สิงหาคม 2565 ก่อนเปิดเต็มรูปแบบในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ โดยให้บริการประชาชนเข้าชมช่วงทดสอบทั้ง Walk in และจองคิวออนไลน์ล่วงหน้าที่ https://shorturl.asia/s4drw หรือสแกน QR Code ตามภาพ  ซึ่งมีเงื่อนไขจำนวนผู้เข้าชม ดังนี้

วันจันทร์-ศุกร์ ลงทะเบียนออนไลน์ 100 ท่าน วอล์กอิน 50 ท่าน เข้าชมตั้งแต่เวลา 15.30 น.
 
วันเสาร์-อาทิตย์ ลงทะเบียนออนไลน์ 200 ท่าน วอล์กอิน 200 ท่าน เข้าชมตั้งแต่เวลา 14.00 น.

ดีอีเอส เตือนอย่าคิดสั้นรับจ้างเปิดบัญชีม้า หรือขายบัญชีให้แก๊งมิจฉาชีพ กร้าวถ้าตรวจสอบพบ “ไม่รอด” ต้องถูกดำเนินคดีฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนการทำความผิดฐานฉ้อโกงด้วยเช่นกัน มีระวางโทษทั้งจำและปรับ

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส)  กล่าวว่า ปัจจุบันพบผู้นำบัญชีธนาคารไปขายให้แก๊งมิจฉาชีพจำนวนมาก รวมถึงรับจ้างเปิดบัญชี  เพื่อให้มิจฉาชีพใช้เป็นบัญชีม้าในการกระทำผิดฐานฉ้อโกง โดยใช้เป็นช่องทางในการรับเงินและถ่ายโอนเงินจากการกระทำความผิด ป้องกันไม่ให้มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงมาถึงตัว เพื่อใช้หลอกหลวงประชาชน

ทั้งนี้ อยากขอเตือนผู้มีพฤติกรรมดังกล่าวให้หยุด เพราะเมื่อมีการตรวจสอบแกะรอยพบเส้นทางการเงินของแก๊งมิจฉาชีพ เจ้าของบัญชีเงินฝากที่เป็นผู้เปิดบัญชีม้าอาจต้องถูกดำเนินคดีฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนการทำความผิดฐานฉ้อโกงด้วยเช่นกัน โดยอาจถูกดำเนิน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 หรือ มาตรา 86

นอกจากนี้ กรณีที่ควรรู้ได้ว่า บัญชีดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด เจ้าของบัญชีจะมีความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ. 2542 

'อลงกรณ์' นำกระทรวงเกษตรขับเคลื่อน ”เพชรบุรีโมเดล” คิกออฟโครงการพืชเศรษฐกิจใหม่สาหร่ายอาหารแห่งอนาคต(Future Food)หวังสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทยกล่าววันนี้(14 ส.ค.)ว่า วันนี้เป็นการคิกออฟขับเคลื่อนโครงการพืชเศรษฐกิจใหม่สาหร่าย:อาหารแห่งอนาคต(Future Food)ที่เพชรบุรีเป็นจังหวัดแรกเพื่อสร้างอาชีพเพิ่มรายได้เกษตรกรโดยกรมประมงซึ่งมีภารกิจตามกฎหมายรับผิดชอบสัตว์น้ำและพืชน้ำเป็นหน่วยงานหลักในการบริหารโครงการร่วมด้วยนายสมบุญ ธัญญาผล ประมงจังหวัด ว่าที่ร้อยตรีอาณัติ หุ่นหลา เกษตรจังหวัด นส.ศิริวรรณ เครือเล็ก เกษตรและสหกรณ์จังหวัด นายประพัฒน์ ก่อสวัสดิพัฒน์ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งจังหวัดเพชรบุรี

การเลือกเพชรบุรีเป็นจังหวัดคิดออฟโครงการเนื่องจากมีพื้นฐานการเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในพื้นที่อำเภอบ้านแหลมโดยการสนับสนุนของกรมประมงและเป็นจังหวัดตัวอย่างต้นแบบในยุทธศาสตร์และแผนกลยุทธ์การพัฒนาสาหร่ายให้เป็นหนึ่งในจังหวัดต้นแบบภายใต้แนวทาง ”เพชรบุรีโมเดล” ซึ่งจะส่งเสริมตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การพัฒนาการผลิตด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นและเทคโนโลยีสมัยใหม่ การสร้างศักยภาพผู้เพาะเลี้ยงสาหร่าย การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มโดยวิสาหกิจชุมชน องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นและผู้ประกอบการภาคเอกชน  การสร้างแบรนด์และการส่งเสริมการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยกรมประมงได้ผนึกความร่วมมือกับภาครัฐภาคเอกชนภาควิชาการ มูลนิธิเวิลด์วิว ไคลเมท และมูลนิธิเวิลด์วิว อินเตอร์เนชั่นแนลโดยได้เยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งจังหวัดเพชรบุรีที่แหลมผักเบี้ยดำเนินการวิจัยและพัฒนาสาหร่ายทะเลหลายสายพันธุ์เช่น สาหร่ายพวงองุ่น สาหร่ายลิ้นมังกร สาหร่ายผักกาด สาหร่ายโพรง สาหร่ายขนนกและสาหร่ายผมนางเป็นต้น จากนั้นจึงไปดูกิจการฟาร์มเลี้ยงสาหร่ายเช่นแฟมิลิฟาร์ม เบญจมาศฟาร์มและฟาร์มเลี้ยงสาหร่ายแบบเกษตรอินทรีย์ที่ฟาร์มทะเลตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบามราชินีนาถ

‘ปชป.-ภท.’ เปิดศึก 4 ตระกูลดังถือหางคนละข้าง ‘เกี่ยวข้อง-ภูเก้าล้วน-กิตติธรกุล-เอ่งฉ้วน’

58 ที่นั่งส.ส.ของภาคใต้ หลายพรรคการเมืองจดจ้องจองเก้าอี้ ทั่งรักษาฐานเดิม และขยายฐานจากเดิมที่มีอยู่แล้ว ฐานเดิมประชาธิปัตย์เคยยึดครองมาเกือบทั้งภาคมาแล้ว แต่การเลือกตั้งปี 2562 มีพรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย เข้ามาเบียดแทรก เจาะฐานประชาธิปัตย์ไปบางเขต เช่น ที่สงขลา พัทลุง สตูล หรือกระบี่ เป็นต้น

พรรคภูมิใจไทยฮึกเหิมหนัก หมายมั่นปั้นมือว่า จะต้องได้ สส.มากกว่าเดิม ตีความได้ว่าเป็นการรุกเข้าไปในฐานของประชาธิปัตย์นั้นเอง และหรือรุกฆาตเข้าไปยังพื้นที่ของพลังประชารัฐที่กำลังอยู่ในภาวะอ่อนกำลัง คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่อยู่มานานร่วม 8 ปี ก็เริ่มถดถอย

เมื่อวันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม 2565 อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และโกเกี๊ยะ-พิพัฒน์ รัชกิจประการ นำทัพหลวง หิ้วแม่ทัพใต้ ยกทีมไปเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ ทั้ง 3 เขต ที่ลานพระอาทิตย์ อบจ.กระบี่
 
การเลือกตั้งปี 2562 กระบี่ มี ส.ส. 2 คนคือ เขต 1 สาคร เกี่ยวข้อง พรรค ปชป. ส่วนเขต 2 สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง พรรคภูมิใจไทย  สมัยหน้า กระบี่ จะมี ส.ส.เพิ่มเป็น 3 คน พรรคภูมิใจไทย ได้วางตัวผู้สมัคร ส.ส.ไว้เรียบร้อยแล้ว
 
เขต 1 โกหนึ่ง-กิตติ กิตติธรกุล เลขานุการนายก อบจ.กระบี่, เขต 2 สจ.ม้อ-ถิรเดช ตั้งมั่นก่อกิจ  อดีต ส.อบจ.กระบี่ เขต อ.อ่าวลึก และเขต 3 โกสุทธิ์-สฤษฏพงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ โดยมีท่านขุน เอ่งฉ้วน รองนายกฯอบจ.กระบี่ เป็น สส.บัญชีรายชื่อ
 
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้วางตัวผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ ไว้แล้วเช่นกัน ได้แก่เขต 1 โกเคี่ยง ธนวัช ภูเก้าล้วน ลูกชายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่, เขต 2 สาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ และเขต 3 พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลูกสาวพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล 

แม่ทัพตัวจริงของภูมิใจไทย เมืองกระบี่คือ โกหงวน- สมศักดิ์ กิตติธรกุล นายก อบจ.กระบี่ 7 สมัย สหายร่วมรบของเนวิน ชิดชอบ
 
หนที่แล้ว โกหงวน ตั้งเป้าปั้น สฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง เป็นหัวหอกในการเจาะฐานเสียง ปชป. และโกสุทธิ์ทำได้สำเร็จ เอาชนะสุชีน เอ่งฉ้วน พรรค ปชป.ไปได้
 
ดูรายชื่อขุนพลทั้ง ปชป. และภูมิใจไทย รับประกันว่า สมัยหน้าสนามกระบี่ดุเดือดเลือดพล่านแน่นอน สายภูมิใจไทย ก็จะมี “ตระกูลเกี่ยวข้อง-กิตติธรกุล-เอ่งฉ้วน” เป็นกลไกขับเคลื่อน

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็มี “ตระกูลภูเก้าล้วน-เกี่ยวข้อง-เอ่งฉ้วน” เป็นมือไม้สำคัญ งานนี้ จุรินทร์-นิพนธ์-เดชอิศม์” จะต้องทำงานหนักเพื่อรักษา และขยายฐานไปสู่เป้าหมาย 35 ที่นั่งให้ได้

'วิมล ไทรนิ่มนวล' นักเขียนซีไรต์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา ระบุว่า “เรื่องหนักกบาล 3 กีบ”

ตั้งแต่ออกจากครรภ์มาก็มีชีวิตอยู่มาได้ 20 ปี 30 ปี หรือมากกว่านั้น ก็ไม่ได้มีปัญหาใดๆ หนักกบาลตนเลย แต่พอไปรับความคิด-ความเชื่อขยะมาเท่านั้น อะไรต่อมิอะไรในประเทศนี้ก็หนักกบาลไปหมด ทั้งกฎหมาย จารีต ขนบ ธรรมเนียมประเพณี คุณธรรม ศีลธรรม...ที่บรรพชนสืบต่อกันมาเพื่อให้สังคมเป็นปึกแผ่นมั่นคง

แค่วันพ่อ วันแม่ ความกตัญญู การสวดมนต์ข้ามปี การวิ่งหรือกิจกรรมต่างๆเพื่อรับบริจาคไปทำประโยชน์แก่ส่วนรวม ฯลฯ ก็หนักกบาล 3 กีบอย่างสาหัส แต่วิ่งและเต้นอย่างไร้สาระไปวันๆกลับชื่นชมยกย่อง!

ถ้า 3 กีบคิดว่าการแซะ การก่นด่า การดูถูกเหยียดหยามสิ่งเหล่านี้จะสามารถทำให้สังคมนี้ล่มสลายเหมือนแซะต้นไม้ แล้วสถาปนาระบอบใหม่ขึ้นได้ ก็ขอบอกว่าเสียเวลาในชีวิตเปล่า อาจจะเสียอนาคตด้วย หากฮึกเหิมกันมากขึ้นก็อาจจะต้องไปสงบอารมณ์ในคุก

แต่ที่เสียไปแล้วแน่ ๆ ก็คือ จิตใจที่โปร่งโล่ง เปิดกว้าง มีเสรี หรือไม่ถูกกดขี่ กดทับ ปิดกั้น (คำของ 3กีบเอง) เพราะความคิด-ความเชื่อขยะที่ตนรับเข้ามาไว้ในกะโหลกนั่นเอง

Thai Honda X CJWorx Automotive กับการใช้ CRM Data ที่น่าตื่นเต้น!!

รู้แหละว่า CRM Data สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ตอบโจทย์นักการตลาดในการค้นหาลูกค้าใหม่ๆ แต่อีกบทบาทหนึ่งของ CRM Data ก็ยังช่วย Maintain Relationship ลูกค้าเดิมได้อย่างดีอีกด้วย

กรณีศึกษาของ Thai Honda ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างธุรกิจที่นำ CRM Data มาเติมเต็มความพึงพอใจแก่ฐานลูกค้าเดิมของตน ที่ซื้อสองล้อราคาหลักหมื่นยันล้านบาทได้อย่างน่าสนใจ ด้วยการสร้างสรรค์แคมเปญใหม่ๆ ผ่านการศึกษา Target ว่ามีความชอบอะไร เลือกฟังใคร และอยู่ตรงส่วนไหนของประเทศไทย และอยู่ใน Stage ไหนของ Life Cycle เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง

ยิ่งมีโอกาสได้ร่วมงานกับ CJWorx ซึ่งเป็นเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Data-Driven-Marketing ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ Communication ของ Thai Honda เข้มข้นขึ้น สามารถจัดการข้อมูลที่เข้ามามากมายในแต่ละวัน หรือ DMP (Data Management Platform) มาแปรเปลี่ยนไปเป็น Ad ที่มากกว่า Consideration แต่สร้าง Purchase ที่เกิดขึ้นได้จริง ภายใต้การ Analyze Journey ของลูกค้าออกมาเป็นความต้องการที่ตรงใจ

เพื่อไทย ยืนยันไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมในการประชุมร่วมรัฐสภา 15 ส.ค.นี้ ย้ำยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง ตามหลักกฎหมาย-เจตนารมณ์ประชาชน

14 ส.ค.2565 –นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 14 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่1 ในวันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. หรือ กฎหมายเลือกตั้ง เพื่อหาสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่จะครบกำหนด 180 วัน ในวันที่ 15 สิงหาคม เพื่อเป็นการคัดค้านและยับยั้งการกระทำที่เป็นขัดหลักการ และขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ครั้งที่ 1) พุทธศักราช 2564 มาตรา 91 ที่มีใจความสำคัญว่า “ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองต้องเป็นสัดส่วนสัมพันธ์กันโดยตรงกับจำนวนคะแนนรวม” ซึ่งต้องหารที่ 100 และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ จะเป็นกระบวนการตรากฎหมายที่ไม่ชอบ ดังนั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย มีข้อสรุปร่วมกันว่า

1.สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทยมีความคิดเห็นตรงกันว่า จะไม่เป็นองค์ประชุมในการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 15 สิงหาคม 
2.หากเกิดกรณีเปิดประชุมร่วมรัฐสภาได้ ตัวแทนส.ส.จะเข้าร่วมประชุม โดยจะอภิปรายคัดค้านสูตรหาร 500 ให้ถึงที่สุด หากจบการอภิปรายแล้ว พรรคเพื่อไทยจะไม่เป็นองค์ประชุมและจะไม่ร่วมลงมติต่อ

สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย จัดงาน "สมัชชาคนพิการแห่งชาติและประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564"

วันที่ 12 สิงหาคม 2565 ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ กรุงเทพ  สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย จัดงาน "สมัชชาคนพิการแห่งชาติและประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564" สนับสนุนโดยกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ )

"นายชูศักดิ์ จันทยานนท์"นายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย กล่าวรายละเอียดความเป็นมาของงานสมัชชาในปีนี้ นับเป็นเวลา 39 ปีแล้วที่สภาคนพิการจัดงานสมัชชาคนพิการแห่งชาติต่อเนื่องมาเกือบทุกปี ตั้งแต่ปี 2526 ที่จังหวัดเชียงใหม่ สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย เป็นองค์การขับเคลื่อนนโยบายและกฎหมายด้านคนพิการระดับชาติ รวมทั้งพิทักษ์สิทธิคนพิการ ซึ่งถูกรับรองฐานะไว้ในพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 มาตรา 27 รวมทั้งเป็นองค์กรร่ม (Umbrella Organization) ของคนพิการในประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิกสามัญถาวร คือ องค์การด้านคนพิการระดับชาติ 6 องค์กร ได้แก่ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย สมาคมเพื่อคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม(ไทย) ประกอบกับมีสมาชิกสามัญทั่วไป คือ สภาคนพิการทุกประเภทประจำจังหวัดใน 77 จังหวัด รวมทั้งมีสมาชิกวิสามัญ ได้แก่ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ และมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อีกทั้งยังทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ เช่น ภาคีเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ (T4A) สภาศูนย์การดำรงชีวิตอิสระของคนพิการประเทศไทย และมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ประเทศไทย เป็นต้น
ในสมัชชาคนพิการทุกๆ ปีจะมีหัวข้อที่แตกต่างกันไป โดยในปีนี้มีหัวข้อว่า “การเสริมพลังคนพิการแบบมุ่งเป้า ผ่านกลไกการปฏิรูปประเทศด้านสังคมสู่การเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาที่ยั่งยืนและเท่าเทียม” เนื่องจากในปีนี้ 2565 แผนการปฏิรูปประเทศจะสิ้นสุดกำหนดระยะเวลาการดำเนินการลง ซึ่งมีส่วนที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ 3 ประเด็นปฏิรูปสำคัญ ได้แก่  1) การปฏิรูปกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ 
2) กิจกรรมปฏิรูป (Big Rock): การปฏิรูปการขึ้นทะเบียนคนพิการ เพื่อให้คนพิการได้รับสิทธิสวัสดิการและความช่วยเหลือได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง และ 
3) การปฏิรูปการจัดสภาพแวดล้อมสาธารณะที่ทุกคนเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ (Accessibility for All Act : AAA)  
 ดังนั้นจึงต้องเร่งรัดแผนการปฏิรูปประเทศดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และนำประเด็นการปฏิรูปประเทศด้านสังคมของทั้ง ๓ ประเด็นดังกล่าวไปสู่การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
นอกจากเพื่อเร่งรัดการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปข้างต้นแล้ว วัตถุประสงค์ของงานสมัชชาคนพิการแห่งชาติ ได้แก่
1. เพื่อเป็นเวทีสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สถานการณ์และอุปสรรคการดำเนินงานของสมาชิก ทั้งองค์การคนพิการแต่ละประเภท สภาคนพิการทุกประเภทประจำจังหวัด และภาคีเครือข่าย ในการขับเคลื่อนและติดตาม กฎหมาย นโยบาย ไปสู่การปฏิบัติ รวมทั้งแนวทางที่จะทำให้คนพิการเข้าถึงสิทธิได้จริง โดยในวันนี้ 13 สิงหาคม 2565 ช่วงบ่ายจะมี การเสวนาเรื่อง “แนวทางและต้นแบบการดำเนินงานของสภาคนพิการทุกประเภทประจำจังหวัด” โดยจะให้ผู้แทนสภาคนพิการทุกประเภทประจำจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด ได้มานำเสนอผลงานเด่น (Best Practices) ของแต่ละจังหวัดคนละ 3 นาที  2. เพื่อรับฟังความคิดเห็นและพัฒนาเป็นมติสมัชชาคนพิการแห่งชาติ ประกอบด้วยเรื่องสำคัญ 3 ประเด็น ได้แก่ 
2.1 ข้อเสนอต่อการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านสังคมในส่วนที่เกี่ยวกับคนพิการ ซึ่งในช่วงเช้าต่อจากนี้ก็จะมีการอภิปรายในเรื่องดังกล่าว 
2.2 ข้อเสนอต่อร่างแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (2566-2570) ซึ่งเมื่อวานนี้รองศาสตราจารย์ ดร. ปกรณ์ ศิริประกอบ ก็ได้มาบรรยายเรื่อง “การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2566-2570)”
2.3 ข้อเสนอต่อแนวทางการขับเคลื่อนศูนย์บริการคนพิการ ซึ่งเมื่อวานนี้ผู้แทนกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการก็ได้มาร่วมการเสวนา เพื่อหารือแนวทางขับเคลื่อน MOU ที่สภาคนพิการ พก. สสส. และมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ประเทศไทย (TRIP) ลงนามร่วมกัน ไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม  
โดยที่ประชุมใหญ่จะมีมติรับรองข้อเสนอทั้ง 3 เรื่อง ดังกล่าว เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
3. เพื่อรายงานผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมาแก่สมาชิก และสร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกในการเสนอแนะความเห็นเพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินงานของสภาคนพิการ ผ่านการประชุมใหญ่สามัญประจำปีในวันพรุ่งนี้  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top